องค์จักรพรรดิตะคอกขึ้นมาคำหนึ่งเซียวหลันยวนเงยหน้าสตาเขาในสายตาองค์จักรพรรดิมีไฟโกรธแผดเผา มองแล้วน่าจะใกล้ถึงจุดระเบิดแล้วเฮอะ ตอนนี้มาเรียกเขาว่าอายวนอย่างสงบ เสแสร้งเป็นพี่ชายที่แสนดีไม่ได้แล้วสินะ?อย่างนี้ก็ยิ่งดี สภาพก่อนหน้านี้ มันทำให้เขารู้สึกปวดลูกตา"โทษฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิ เจ้าคิดจะอธิบายอย่างไร? เจ้าบอกกับข้าว่าจะติดตามไทเฮาไปวัดคุ้มครองแคว้นเพื่อกินมังสวิรัติท่องบทสวด แล้วผลลัพธืเจ้าไปที่ไหนมา?"องค์จักรพรรดิเดิมทีกำลังคิด ว่ารอให้เขาจัดคนให้เสร็จก่อน รอให้อวิ๋นจูหญิงสาวพวกนั้นอาละวาดขึ้นมาในจวนอ๋องเจวี้ยนเสียก่อน ทำให้เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงทะเลาะกันขึ้นมา พอใจห่างกัน แล้วค่อยไปไล่บี้เรื่องนี้ต่อแต่ว่าเซียวหลันยวนตรงมาที่ประชุมเช้าเองแบบนี้ เขาก็ทนต่อไม่ไหวแล้ว"ไปต้าชื่อมา" เซียวหลันยวนตอบเหล่าขุนนางใจเต้นผางกันขึ้นมาเดิมทีคิดว่าเขาจะไม่ยอมรับเสียอีก ยังคิดว่าเขาจะเล่นลิ้นอย่างไร ใครจะไปคิดถึง ว่าอ๋องเจวี้ยนกลับยอมรับออกมาอย่างหน้าชื่นตาบานเสียแล้ว!เขายอมรับแล้ว!"เจ้าบังอาจนัก! เจ้ากล้าออกจากแคว้นเจาโดยพละกาล เจ้าๆๆ..."คำพูดขององค์จักรพรรดิยัง
"เดิมทีน่ะใช่ แต่ใครจะรู้ว่าองค์หญิงใหญ่คนนั้นของต้าชื่อจะกลับมาเมืองหลวงจักรพรรดิพอดี จึงได้เจอกัน แต่ว่าข้าก็ไม่ได้เข้าไปพบกับจักรพรรดิของต้าชื่อนะ และไม่ได้เข้าวังด้วย ไปที่นั่นด้วยตนตัวนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว"ตัวตนนักท่องเที่ยวบ้าบออะไร...องค์จักรพรรดิขมับจู่ๆ ก็ตึงเซียวหลันยวนเดิมทีเขาไม่ใช่คนเช่นนี้เขายืนอยู่ตรงนั้นพูดคำพูดเล่านี้ ทำไมถึงเหมือนเห็นเงาของฟู่จาวหนิงขึ้นมากัน? องค์จักรพรรดิมองจนปวดตาเลยทีเดียว"ข้าได้ยินว่า ตอนนั้นเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงเคยพูดไว้ ว่าเจ้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแห่งต้าชื่อมีดวงชะตาต้องกันอยู่ เมื่อมังกรพญาหงส์มาพบกันก็เปรียบเสมือนลมพายุพัดเมฆทะยานขึ้น..."องค์จักรพรรดิพูดคำนี้ ดวงตาก็หรี่ลง เผยจิตสังหารออกมา และยังพยายามจะเก็บงำลงไปเขาจะลองฟังว่าเซียวหลันยวนจะพูดอย่างไร!แต่คำพูดของเขายังไม่ทันจบ ก็เห็นเซียวหลันยวนถอยหลังไปก้าวหนึ่งเหมือนตกตะลึง"องค์จักรพรรดิอย่ามาใส่ร้ายข้าสิ"เล่นอะไรน่ะ?"ข้ากับพระชายารักใคร่สนิทสนม ใจประทับใจเช่นนี้จะเปลี่ย่นใจได้อย่างไร? ที่ต้าชื่อ พระชายาก็ได้ยินเรื่องไร้สาระนี่ถึงกับทะเลาะกับข้าใหญ่โต จนความร
เมื่อวานตอนกลางคืน องค์จักรพรรดิพักอยู่ในวังบรรทมของพระชายาเยว่ช่วงนี้พระชายาเยว่ได้รับความโปรดปรานจากเขาไม่ใช่เรื่องล้อเล่นดังนั้น ตอนประชุมเช้าพระชายาเยว่จึงตื่นนอนขึ้นมาพร้อมองค์จักรพรรดิ ก็ให้คนมาคอยสังเกตเรื่องบนตำหนักใหญ่ดังนั้น พออ๋องเจวี้ยนบอกว่าจะโยนสาวงามพวกนั้นไปที่ประตูจวนอ๋องเจวี้ยน พระชายาเยว่เพียงไม่นานก็ได้รับข่าว"อ๋องเจวี้ยนไม่ไว้หน้าองค์จักรพรรดิเลยหรือ?" พระชายาเยว่ไม่อยากเชื่ออยู่ในชุดวังหรูหรา พระชายาเยว่ที่ปักพู่ระย้าทองไว้สี่เส้นอายุแค่สิบห้าสิบหกปีเท่านั้น ดวงตาหงส์ที่เอียงกระดกหน่อยๆ รูปลักษณ์เย้ายวนชวนมอง แต่เพราะอายุยังน้อยจึงยังมีความเขินอายอยู่บ้างหญิงสาวที่ทั้งเย้ายวนและบริสุทธิ์เช่นนี้ ผู้ชายมากมายพอได้เห็นก็ยากจะอดใจไหวทั้งนั้นองค์จักรพรรดิที่เข้าวัยกลางคนไปแล้วชอบแบบนี้พอบวกกับข้อมูลที่ตระกูลเยว่นำมาให้ ผลประโยชน์ที่มอบให้ องค์จักรพรรดิจึงยิ่งโปรดปรานนางขึ้นทุกวัน ตอนนี้โยนฮองเฮาไปไว้หลังสมองแล้วพระชายาเยว่เข้าวังได้ไม่กี่เดือน ก็ขึ้นเป็นหนึ่งไม่มีสอง พวกขุนนางคนอื่นล้วนต้องถอยให้นางกันทั้งสิ้นนางเองก็อายุยังน้อย พอจู่ๆ ถูกโปรดปรานขน
"ตอนนี้ถูกเจ้าเข้ามาปั่นป่วน แล้วข้าจะเผชิญหน้ากับองค์หญิงหนานฉือได้อย่างไร? แล้วก็ คำพูดที่คุยกันเล่นๆ สมัยยังเด็กของเจ้ากับข้า เจ้าก็ยังยึดเป็นพระราชโองการ มันใช่เรื่องเสียที่ไหน มันเหมือนกับคำพูดตอนนี้ของข้าหรือ? เจ้าตอนนี้ก็ไม่ใช่อายุสิบสองแล้ว ยังไม่รู้อีกหรือว่าอะไรที่ควรทำอะไรไม่ควรทำ?""ถ้าข้ายังปล่อยปละละเลยเจ้าต่อไปเช่นนี้ หลังจากนี้จะกลายเป็นทำร้ายตัวเจ้าไป! ดังนั้นอ๋องเจวี้ยน ครั้งนี้ข้าจะไม่ปล่อยผ่านฝ่ายๆ แล้ว ข้าจะให้เจ้าได้รู้ถึงน้ำหนักของเรื่องราวเสียบ้าง!"เขาโกรธจนพูดออกมาชุดใหญ่ ตบลงไปยังที่รองแขนหัวมังกร ตะคอกขึ้นมาว่า "อ๋องเจวี้ยนจ้ดการงานอภิเษกเพื่อสันติขององค์หญิงแคว้นเพื่อนบ้านตามอำเภอใจ ลบหลู่ต่อองค์หญิง บงการขุนนางใหญ่ ความความกำเริบเสิบสาน ส่งตัวไปขังในคุกใหญ่เป็นเวลาสองเดือน! หวังว่าอ๋องเจวี้ยนจะไปสำนึกตัวดีดีในคุก หลังจากนี้จะได้รู้สึกถึงน้ำหนักเรื่องราว รู้จักเคารพต่อพิธีการ!""ทหาร!"ขุนนางนับร้อยตกตะลึงอันเหนียนเองก็มองขวับไปทางอ๋องเจวี้ยนสุขภาพของอ๋องเจวี้ยน จะยังอยู่ในคุกได้ถึงสองเดือนหรือ? ออกมาจะยังเป็นผู้เป็นคนอยู่ไหม?ก่อนหน้านี้องค์จักรพร
ขุนนางที่ปรึกษาเงยหน้ามององค์จักรพรรดิอย่างตกตะลึง สีหน้าพังทลายไปแล้ว"เจ้า ข้าไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อนนะ" องค์จักรพรรดิพอเจอเข้ากับสายตาของเขา ก็รีบอธิบายขึ้นมาคำหนึ่งแต่ก็ไม่รู้เพราะอะไร ขุนนางที่ปรึกษาซึ่งอายุไม่น้อยแล้ว ประโยคนี้ก็ราวกับเป็นเสียงปีศาจร้ายลอดผ่านหู ดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในสมองของขุนนางที่ปรึกษาอยู่ตลอดเหมือนว่ามีอยู่วันหนึ่ง ที่องค์จักรพรรดิพูดปลอบเขามาคำหนึ่งว่า เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว คงต้องไปดูแลสุขภาพเสียหน่อยดีไหม?และเหมือนจะมีครั้งหนึ่งที่เขาป่วย องค์จักรพรรดิให้คนไปตรวจไข้ที่จวนขุนนางใหญ่ แล้วให้คนเอาคำมาบอกกับเขาว่า ขุนนางที่ปรึกษาไม่ได้เหมือนกับพวกหนุ่มๆ จะไปคิดเล็กคิดน้อยกับพวกนั้นทำไม?ถึงอย่างไร พอย้อนคิดทบทวนดู องค์จักรพรรดิก็เหมือนจะเคยพูดมาแล้วหลายครั้งว่าเขาไม่ใช่คนหนุ่มแล้วเช่นนั้นการจะพูดว่าเขาที่มีอายุปูนนี้แล้วคงรับผิดชอบหน้าที่สำคัญอีกไม่ไหว ก็เหมือนจะไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นี่นาหรือว่าองค์จักรพรรดิจะเห็นว่าเขาแก่แล้วจริงๆ เลยคิดอยากจะยกพวกขุนนางใหญ่ที่หนุ่มหน่อยขึ้นมาเป็นขุนนางที่ปรึกษากัน?ขุนนางที่ปรึกษาคิดมากแทบจะในทันที"เลิกประชุม เล
"หลังจากนี้ก็ค่อยๆ เรียนวิชาแพทย์ไป แล้วก็ พวกเขาเองก็รู้แล้ว ว่าฟู่จาวหนิงสามารถสกัดยาบำรุงหัวใจได้ ประสิทธิภาพของยาบำรุงหัวใจนางดีมาก ล้ำค่าสุดๆ สิ่งนี้ถ้าสามารถเรียนรู้มาได้ หรือได้รับตำรับยามา พระชายาเยว่ก็สามารถยืนในวังหลังได้อย่างมั่นคงเสียที"โดยเฉพาะองค์จักรพรรดิที่ตอนนี้อายุก็มากแล้ว ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากนางพูดว่าทำเพื่อองค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิเองก็ชอบความคิดเช่นนี้ของนางมาก จึงรับปากขึ้นมาตอนนี้พอได้ยินพระชายาเยว่เอ่ยถึงเรื่องนี้ เขาจึงคิดถึงเรื่องที่เซียวหลันยวนพูดมาเมื่อครู่"อ๋องเจวี้ยนคนนี้! มีเหตุผลแบบนี้เสียที่ไหน นี่คิดจะโยนพวกแม่นางชิวอวิ๋นออกจากจวนอ๋องเจวี้ยน! แล้วยังจะไปรับที่ประตูจวนอ๋องด้วย!"องค์จักรพรรดิคิดถึงจุดนี้ แล้วจึงมองไปยังสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจของพระชายาเยว่ จึงตบฉาดขึ้นที่ขา "ข้าจะไม่ให้เขากำเริบเสิบสานแบบนี้อีก!"ถึงอย่างไรเซียวหลันยวนก็ถูกเขาสั่งจำคุกไปแล้ว วิธีการรับมือกับเขาพอเริ่มขึ้นมา ก็ไม่จำเป็นต้องมาทำลับๆ ล่อๆ อีกเขาจะให้คนทั้งหมดได้เห็น ว่าจักรพรรดิแคว้นเจาจริงๆ แล้วเป็นใครกันแน่!"เขาก็แค่คิดจะเอาใจฟู่จาวหนิงไม่ใช่หรือ? ฟู่จา
"กลับไปแจ้งพระชายา ว่าไม่ต้องกังวล"ในห้องคุกมืด เซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนกองฟาง หลับตา น้ำเสียงฟังแล้วนิ่งสงบมาก"ท่านอ๋อง พระชายาจะต้องถามสถานการณ์ในคุกแน่นอน ถ้าหากพระชายาต้องการจะรู้ องค์จักรพรรดิถึงกับจับท่านส่งมาในคุกที่มืดอับชื้นเช่นนี้..."แล้วพระชายาจะไม่เป็นห่วงแย่หรือ?องครักษ์ลับพิจารณาคุกใหญ่แห่งนี้พวกเขาเดิมทีคิดว่า องค์จักรพรรดิจะให้คนพาท่านอ๋องส่งไปที่ห้องคุกด้านบนซึ่งสะอาดกว่าแห้งกว่าหน่อย ห้องคุกด้านบนอย่างน้อยก็ยังมีเตียง ยิ่งไปกว่านั้นยังสะอาดกว่านี้ มีหน้าต่างสามารถรับแสงได้ ตอนกลางวันยังสว่างขึ้นหน่อยคิดไม่ถึงว่าองค์จักรพรรดิจะพาคนมาขังเอาไว้ในคุกใต้ดินที่มืดที่สุดเสียอย่างนั้นคุกใต้ดินนี้แต่ก่อนมีไว้ขังพวกนักโทษหนักที่สังหารคนเป็นผักปลา ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีแสง ขุดเอาไว้ใต้ดิน อับชื้นมากๆยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังไม่มีเตียง ที่มุมหนึ่งก็วางไว้แค่กองฟาง มุมกำแพงมีตะไคร่ขึ้นเนื่องจากอับชื้น กลิ่นของที่นี่ก็แย่เอามากๆขังไว้ที่นี่คือไม่รู้เดือนรู้ตะวันเลยทีเดียวถ้าหากท่านอ๋องยังมีสุขภาพแบบก่อนหน้านี้ อยู่ในนี้แค่คืนเดียวก็คงป่วยพับไปแล้วตอนนี้ร่างกายขอ
"ท่านอ๋องของพวกเจ้าเตรียมการไว้นานแล้วสินะ?"พอได้ยินนางถามเช่นนี้ องครักษ์ลับก็ใจเต้นขึ้นมา ทำไมจึงรู้สึกว่าคำพูดนี้ของพระชายาทำเอาใจลนลานไปหมดกันนะ?"ท่านอ๋องหลายวันก่อนจัดคนไปไว้ในคุกใหญ่แล้ว แต่ว่า ท่านอ๋องคาดการณ์ไว้ว่าวันที่เข้าคุกน่าจะเป็นหลายวันหลังจากนี้ ยิ่งไปกว่านั้นห้องคุกก็ยังเป็นอีกที่หนึ่งด้วย..."ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ"วางแผนไว้แล้วจริงๆ? หรือก็คือ เขาตอนนี้ไม่ได้เข้าไปอยู่ในห้องคุกที่เตรียมเอาไว้สินะ?"เซียวหลันยวนผู้ชายคนนี้ มีอย่างที่ไหน คิดเอาไว้นานแล้วว่าองค์จักรพรรดิจะจับเขาขังคุก แล้วตนเองก็จัดเตรียมไว้ดิบดี แต่กลับไม่ยอมบอกให้นางรู้แม้แต่น้อย!เขาเคยคิดไหมว่านางจะเป็นห่วงเขา?จดหมายนางก็ไม่ได้รีบร้อนเอามาอ่าน แต่นางกลับอยากจะถามก่อน!องครักษ์ลับก้มหน้าต่ำ "ขอรับ ท่านอ๋องถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดิน...""คุกใต้ดินเป็นอย่างไรบ้าง?""ก็...พอไหวอยู่กระมัง?""เหอะๆ" ฟู่จาวหนิงหัวเราะเย็นชาในใจองครักษ์ลับลนลานกว่าเดิมแล้ว ท่านอ๋องกำชับไว้ ว่าอย่าบอกสถาพในห้องคุก แต่ตอนนี้พระชายาทำท่านเหมือนจะถามให้ละเอียดเสียแล้ว แล้วเขาไม่พูดได้หรือ?"เจ้าจะไม่พูดก็ได้" ฟู่จาวหนิง
เขาไม่ได้พบจักรพรรดิมาสามปีแล้ว ครั้งนี้พอเห็นองค์จักรพรรดิ ก็รู้สึกว่าเหมือนจะแก่ลงไปสิบปี ยิ่งไปกว่านั้นยังอวบอ้วนขึ้นเป็นลูกหมั่นโถวอีก ไม่ปกติเสียเลยแต่ในวังมีหมอหลวงนี่ การกินดื่มขององค์จักรพรรดิต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่มีทางมีปัญหาแน่นอนขณะที่กำลังตกตะลึงเขาก็ได้ยินเสียงย้อนถามอย่างขุ่นเคืองขององค์จักรพรรดิ พอสะดุ้งเฮือก ก็รีบตั้งสติกลับมา"องค์จักรพรรดิ ข้าน้อยมีเรื่องการทหารกลับมารายงานพะย่ะค่ะ!""ไม่ใช่ว่าเขียนหนังสือราชการมาตลอดหรอกหรือ" ยังต้องมาด้วยตัวเองอีก?การมาด้วยตัวเอง ความรู้สึกนี้เหมือนกับจะบีบให้เขาต้องจัดการ องค์จักรพรรดิค่อนข้างไม่ชอบความรู้สึกนี้เก๋อมู่กวงในใจอดบ่นขึ้นมาไม่ได้เพราะรายงานด่วน ส่งหนังสือราชการมาตลอดนี่ไง อย่างน้อยก็ควรจะมีการตอบกลับบ้างไหม? นี่แต่ละครั้งส่งเข้ามาก็เหมือนวัวดินจมก้นทะเล ไม่มีการตอบกลับอะไรเลย แล้วจะให้พวกเขาทำอย่างไร?เพราะแบบนี้ ขุนพลถึงได้ส่งเขามานี่ไง?แต่เก๋อมู่กวงก็ไม่กล้าสงสัยต่อตัวฝ่าบาท เพียงแค่หยิบจดหมายออกมา ประเคนให้ด้วยมือทั้งสอง"รายงานองค์จักรพรรดิ สถานการณ์เมืองหูทางนั้นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ไม่อาจรอได้แ
จูบนี้ทำให้เซียวหลันยวนใจยวบลงมา"วางใจเถอะ ข้าไม่ให้ตัวเองเกิดเรื่องหรอก"เพื่อให้หลังจากนี้สามารถอยู่กับนางได้นานๆ เขาเองก็จะหวงแหนชีวิตด้วยถ้าเขาตายไป หลังจากนี้นางก็จะมีคนอื่นน่ะสิ แค่เขาคิดว่านางต้องไปอยู่ในอ้อมกอดคนอื่น ใจเขาก็เหมือนถูกโยนเข้าไปในทอดในกะทะแล้วไม่ได้เด็ดขาด"ข้าเองก็จะระวังด้วย" ฟู่จาวหนิงตอบริมฝีปากเซียวหลันยวนประกบลงมาหลังผ่านไปเนิ่นนาน ด้านนอกก็มีเสียงชิงอีดังขึ้น"อะแฮ่ม ท่านอ๋อง พระชายา ผู้ตรวจการอันถามว่าจะออกเดินทางได้หรือยัง?"เซียวหลันยวนปล่อยตัวฟู่จาวหนิง หยิบหน้ากากขึ้นมาสวม"ครึ่งเดือนนะ"เขาเน้นมาอีกรอบ"ได้" ฟู่จาวหนิงริมฝีปากแดงระเรื่อ พอได้ยินเขากังวลว่าตนเองจะไม่กลับมาตามเวลา จึงหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "ถ้าข้าไม่กลับมาท่านก็ไปจับข้าสิ"อืม ถ้าหากนางกลับมาตรงเวลาไม่ได้ เขาคงจะมาจับตัวไปจริงๆจะอาลัยอาวรณ์แค่ไหน ก็ต้องแยกกันแล้วเซียวหลันยวนขี่ม้า มองขบวนที่ค่อยๆ ห่างออกไป จนกระทั่งลับสายตา เขาจึงหันหัวม้ากลับ "กลับเมือง"พอฟู่จาวหนิงไป ความรู้สึกตอนเข้าเมืองหลวงก็เหมือนเมืองว่างเปล่าไปเสียอย่างนั้น"เอาจดหมายนั่นไปแช่น้ำเสย ให้อักษร
"อักษรเฮ่อเหลียนหรือ?"แย่ล่ะ นางอ่านไม่ออกเซียวหลันยวนเองก็มองจดหมายด้วย"ไม่มีชื่อเรียก" เขาพูดขึ้นคำหนึ่ง กวาดตาอ่านจดหมาย จากนั้นจึงยื่นให้กับฟู่จิ้นเชิน"ลองดูว่าอ่านออกไหม"ฟู่จิ้นเชินเรียนภาษาเฮ่อเหลียนมายังไม่นานมากนัก อ่านจดหมายนี้ออกไม่ถึงครึ่ง อ่านไม่ออกทั้งหมดแต่เขาก็ยังอ่านอย่างละเอียด จากนั้นจึงมองเซียวหลันยวน"ท่านน่าจะอ่านออกไหม?"ฟู่จาวหนิงเองก็มองเซียวหลันยวนสองพ่อลูกมองเขาแบบนี้ สีหน้าเองก็ยังคล้ายกัน"จดหมายนี้ ไม่ได้เขียนให้กับเสี่ยวเฟย" คำพูดของเซียวหลันยวนทำให้ฟู่จิ้นเชินถอนใจโล่ง"เช่นนั้นเรื่องก็ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวเฟยแล้วสิ พวกเขาคิดจะลากเสี่ยวเฟยลงน้ำ ทำเรื่องให้ยุ่งยาก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วมาคลำจับปลาในน้ำขุ่น"เซียวหลันยวนพยักหน้า "บนจดหมายบอกว่า สัญญาที่สามแคว้นลงนามร่วมกันในครั้งนั้น ตอนนี้มีสองฝ่ายทรยศขึ้นแล้ว แคว้นเจาถ้าหากยังไม่มีการเคลื่อนไหว ก็จะเท่ากับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ชะตากรรมแคว้นเจาเองก็ใกล้จะหมด แต่ถ้าหากสามารถแย่งโอกาสในเรื่องนี้ได้ ก็น่าจะสามารถทำให้โชคชะตาขยายขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แคว้นพันธมิตรทั้งสองนั่นใกล้จะหาของพบแล้ว แ
เซียวหลันยวนโอบไหล่ฟู่จาวหนิงไว้ จับนางหมุนตัว อุ้มนางกลับไปบนรถม้า"เป็นของสกปรกที่เจ้ามองแล้วเสียสายตาน่ะ ไปเถอะ ได้จดหมายมาแล้ว กลับรถม้าไปดูว่ามันคืออะไร"เซียวหลันยวนพานางกลับไปรถม้าด้านหน้าสายตาของฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียนเก็บกลับมาจากแผ่นหลังพวกเขา"ใต้เท้าอันที่รวดเร็วดีจริง" ฟู่จิ้นเชินมองๆ อันเหนียน"คุณชายฟู่เองก็ด้วย" อันเหนียนเอ่ยขึ้นฟู่จิ้นเชินอยากบอกว่า ว่านั่นเป็นลูกสาวของข้า ที่ข้าเครียดก็เป็นเรื่องปกติ แต่ใต้เท้าอันท่าน...อันเหนียนมองไปทางชิงอี "นี่ต้องไปหาเสื้อผ้ามาให้เจ้าคนนี้ใส่ด้วยใช่ไหม?"คนผู้นี้ยังตายไม่ได้ แต่คงจะห่อพรมแล้วหิ้วไปแบบนี้ก็ไม่ได้กระมัง?"ข้าจะไปเอามาเดี๋ยวนี้" ชิงอีเอ่ยขึ้นชิงอีไปหาเสื้อผ้ามา สวมเข้าไปบนตัวโป๋จีอย่างหยาบคาย ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งเขาต้องมาแต่งตัวให้กับผู้ชายไม่น่ามองแบบนี้ชิงอีปวดใจ ชิงอีไม่กล้าพูดฟู่จาวหนิงกลับขึ้นไปบนรถม้าตนเองอีกรอบ เห็นเซียวหลันยวนตามขึ้นมาก็เอาม่านรถลงมาบังไว้มิดชิด จากนั้นจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้น"ท่านฉีกเสื้อผ้าของโป๋จีนั่นออกหรือ?"เดิมทีเซียวหลันยวนไม่คิดว่าเรื่องนี้ตนเองทำอะไรประหลาด หลังจากที่ฟ
เขากดลงไปบนแผลเป็นนั่น จากนั้นก็หยิบมีดเข้ามา "ชิงอี เตรียมยาห้ามเลือด""่ขอรับ""ท่านจะไม่เอาคนไปกรีดด้านนอกหรือ?" ฟู่จิ้นเชินมองเขาอย่างพูดไม่ออกไม่หรอกกระมัง คิดจะผ่าแผลเป็นนี้ในรถม้าเลยหรือ?อย่างน้อยก็พิจารณาหน่อยสิว่าเขาต้องอยู่ในรถม้าอีกหลายวันนะเซียวหลันยวนชะงักไป จัดการเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนตัวโป๋จี "หยุดรถ"รถม้าหยุดลง เขาหิ้วตัวคนออกมา จากนั้นก็โยนลงบนหิมะ เดินเข้าไปเตรียมมีด"ซี๊ด ท่านอ๋อง ท่านคิดจะทำอะไรกับเขา?"รถม้าของอันเหนียนอยู่ด้านหลัง พอรถม้าข้างหน้าหยุดพวกเขาก็ต้องหยุดลงมา ผลคืออันเหนียนพอเลิกม่านรถออกก็เห็นการเคลื่อนไหวของเซียวหลันยวนเขาเหลือบไปมองดูโป๋จีบนพื้นผาดหนึ่ง แทบจะต้องล้างตาเลยทีเดียวอ๋องเจวี้ยนตัดชุดบนตัวเขาออกหมดแล้ว!เซียวหลันยวนเหลือบตามอง "เจ้าจัดกลุ่มคำเสียใหม่นะ"ประโยคนี้เรียนมาจากจาวหนิง เขารู้สึกว่าน่าเกรงขามดีแล้วก็ตามคาด พอได้ยินเสียงเขา อันเหนียนก็เปลี่ยนคำใหม่ "ค้นเจออะไรหรือยัง?"เซียวหลันยวนไม่ตอบเขา ถือมีดไปกรีดแผลเป็นนั้นบนแขนโป๋จีเลือดไหลออกมาอันเหนียนลงจากรถม้า ยืนมองอยู่ข้างๆหรือว่าจะซ่อนจดหมายไว้ใต้แผลเป็นหรือ
"ลัทธิเทพทำลายล้างทำเรื่องไว้มากมายช่วงหลายปีนี้ ยิ่งไปวก่านั้นตอนนั้นยังเคยอาละวาดจนเผ่าเฮ่อเหลียนแทบจะล่มสลาย กระทั่งคอยสอดมือเขาไปทางตระกูลเสิ่นในต้าชื่อเพื่อสร้างความปั่นป่วนภายในอยู่บ่อยครั้งอีก"เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิงมั่น บอกถึงสิ่งที่เขาวิเคราะห์ไว้กับนาง"เรื่องที่แม่ของเจ้าถูกลักพาไปตอนเด็ก ลุงเจ้าทางนั้นยังตรวจสอบไม่ชัดเจน แต่ตอนนั้นที่กล้าลงมือกับคุณหนูตระกูลเสิ่น คนของลัทธิเทพทำลายล้างคงวางแผนไว้แล้วแน่ๆ ดังนั้น พวกเขาลงทุนลงแรงมาตั้งหลายปีขนาดนี้ จะมายอมปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?""ความหมายของท่านคือ ลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้ที่เงียบๆ ไป คือกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดีอยู่สินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางไม่รู้สึกดีดีด้วยเลยกับลัทธิเทพทำลายล้าง"อืม เจ้าต้องระวังหน่อย"เซียวหลันยวนเป็นห่วงมาก เมืองเจ้อมีผู้ประสบภัยอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรหรือเปล่า"ข้ารู้แล้ว" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้วางใจ นางจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจแล้วเซียวหลันยวนถอนหายใจออกมา "ข้าอยากไปกับเจ้าจริงๆ จะอย่างไรก็ไม่วางใจ"ฟู่จาวหนิงหัวเราะพรวดออกมา "ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ? ท่านลองเชื่อใจในตัว
เขายกชามขึ้น หยิบหมั่นโถวแช่น้ำที่ไม่ได้นุ่มลงเลยขึ้นมา กัดไปคำหนึ่ง แทบจะทำเอาฟันบิ่นจนเจ็บขึ้นมาในดวงตาเขาเปล่งประกายอาฆาต ดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็เอาหมั่นโถวแช่ไว้ในน้ำพักหนึ่งผู้คุมเข้ามามองดูผาดหนึ่ง พอเห็นเขาไม่เอะอะไม่บ่นอะไรแล้ว ถือชามใบนั้นอยู่เงียบๆ จึงอดจุ๊ปากขึ้นมาไม่ได้นี่แค่จะขอของกินอย่างเดียวจริงหรือ?พวกเขาทางนี้ยังถือว่าสงบดีอยู่ แต่เก๋อมู่กวงทางนั้นวันนี้ไม่ได้สงบเท่าไรนักเก๋อมู่กวงหลังจากจับโป๋จีได้ก็ดูดีอกดีใจมาก เขาจะไปขอคุณความดี หลังจากส่งคนเข้าคุกก็เตรียมเข้าวังเพื่อพบจักรพรรดิแต่ตอนที่เข้าใกล้วังหลวงม้าของเขาก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมา พุ่งเข้าไปชนกับรถม้าฮูหยินของโหวคนหนึ่งเข้า รถม้าของฮูหยินท่านโหวถึงกับพลิกคว่ำ คนเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่ยอมให้เขาไปไหนกว่าจะรับมือกับฮูหยินท่านโหวคนนั้นไปได้ ประตูวังก็ปิดไปแล้วแล้วเรื่องของเขาก็ไม่ถือเป็นเรื่องการทหาร ไม่ใช่การรายงานสงคราม ไม่มสามารถเข้าวังไปตอนค่ำได้ ทำได้แค่รอประชุมเช้าวันพรุ่งนี้เท่านั้นพอคิดว่าโป๋จีถูกขังไว้ในคุกใหญ่แล้ว น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เก๋อมู่กวงอารมณ์จึงค่อนข้างสงบเขาเตรียม
คนทั้งหมดเห็นด้วยที่จะให้ฟู่จิ้นเชินไปเมืองเจ้อกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธแล้วเอาจริงๆ นางเองก็ขาดคนช่วยอยู่ผู้อาวุโสจี้อยากจะไปกับนาง แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธ เพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้ว ไปช่วยผู้ประสบภัยจะเหนื่อยเกินไปได้ง่าย หรืออาจจะล้มอะไรแบบนั้น อันตรายเกินไปฟู่จาวหนิงพูดเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำตอนรักษาผู้ป่วยสองสามเรื่อง ฟู่จิ้นเชินล้วนตอบกลับมาได้หมดยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่าเขาค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วย พลังการสังเกตก็ยอดเยี่ยมส่วนความสามารถการเรียนรู้ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว กระทั่งเซียวหลันยวนเมื่ครู่ก็ยังชมกับนาง"ไปเมืองเจ้อต้องใช้เวลาหลายวัน ระหว่างทางเจ้ายังบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้ได้เร็วแล้วนำไปช่วยเจ้าได้ ข้าจะเรียนรู้ให้มากที่สุด"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างตั้งใจ "ข้าหวังว่าจะสามารถเป็นผู้ช่วยหมอที่ดีให้เจ้าได้ สามารถช่วยเจ้าแบ่งเบาภาระบางส่วน ดังนั้น มีเรื่องอะไรที่ข้าทำได้ เจ้าก็บอกข้ามา"ผู้ช่วยหมอหรือ?ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ"มีผู้ช่วยหมอที่คนเป็นพ่อมาช่วยลูกสาวเสียที่ไหน? ความสัมพันธ์นี้ดูวุ่นวายไปห
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา