คำพูดเหล่านั้นของเซียวหลันยวน ฟังแล้วก็ดูมีน้ำเสียงที่กังวลจริงๆองค์จักรพรรดิถึงกับหายใจไม่ออกเขายังไม่ทันได้อ้าปาก เซียวหลันยวนก็ต่อเข้ามาอีก"ส่วนผู้ตรวจการอันซึ่งกลัวองค์หญิงหนานฉือที่ภาษายังไม่คล่องนักจึงอยู่ด้วยกันกับนางพอดี ข้าเห็นว่าเขาเองก็หน้าตาหล่อเหลา ความคิดก็ผุดขึ้นมา และคิดออกถึงเรื่องนี้ทันที จึงจัดแจงให้องค์หญิงหนานฉือแต่งงานกับเขาเสียเลย!"ความคิดกับผีน่ะสิงานมงคลขององค์หญิงหนานฉือกับผู้ตรวจการอัน นี่มันเรียกว่าความคิดผุดขึ้นมาได้ด้วยหรือ?ทุกคนถลึงตาอ้าปากค้างอันเหนียนที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่เงยหน้าขึ้น แต่มุมปากสั่นระริกกระทั่งเขาเองก็ยังไม่รู้ ว่าเรื่องนี้อ๋องเจวี้ยนจะจัดการอย่างไร แต่ว่าตอนนี้เขารู้แล้วเขาแค่คุกเข่าไว้ก็พอ! ชัดเจนว่าเรื่องหลังจากนี้ส่งให้อ๋องเจวี้ยนจัดการได้เลย!อันเหนียนมักรู้สึกว่า หลังจากที่อ๋องเจวี้ยนแต่งงานกับฟู่จาวหนิงแล้วก็เปลี่ยนไปมาก ท่าทางการพูดจาไร้สาระตอนนี้ก็ดูคล้ายกับพระชายาเป็นอย่างมาก"ผู้ตรวจการอันไม่กล้าตอบรับ แต่ข้าก็ใช้ยากับเขา ถ้าเขาไม่รับปากก็จะเลือดไหลจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย ดังนั้นจึงต้องทำตามสิ่งที่ข้าวางไว้"
"นั่นก็เพราะหนานฉือนางป่วยต่างหาก!" ป่วยจนลุกไม่ไหวเลย วันวันราวกับจะตายเสียให้ได้ นางตอนนั้นจะออกไปแต่งงานได้อย่างไร? นางทำได้ที่ไหน?!"โอ้ เรื่องนั้นข้าไม่รู้นี่" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "เช่นนั้นก็เป็นข้าที่เข้าใจผิดไปแล้ว ยังคิดว่าองค์จักรพรรดิกำลังรอข้ากลับมาเสียอีก"องค์จักรพรรดิกัดหลังเหงือกจนแทบจะป่นอยู่แล้วเซียวหลันยวนแบกเรื่องมาไว้บนตัวแบบนี้ แล้วเขาจะประหารอันเหนียนได้อย่างไรกัน?นั่นเป็นราชบุตรเขยขององค์หญิงหนานฉือเลยนะ!ถ้าหากเขาประหารอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือเป็นม่ายขึ้นทันที เพิ่งแต่งงานได้วันเดียวก็เป็นม่าย ถ้าลือกันออกไป คงจะบอกว่าแคว้นเจารังแกลบหลู่องค์หญิงหนานฉือส่งเดชแน่นอนถ้าหากองค์หญิงหนานฉือตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะเรื่องนี้ขึ้นมา เช่นนั้นแคว้นเจาก็จะมีความผิดฐานบีบบังคับองค์หญิงที่ส่งมาอภิเษกจนตัวตายน่ะสิหนานฉือถึงแม้ตอนนี้จะได้รับภัยพิบัติ แต่หลังจากอภิเษกเพื่อสันติแล้วเครื่องราชบรรณาการที่พวกเขาจะส่งมาให้ก็มีไม่น้อยเลย!ตอนนี้คลังหลวงก็ว่างไปแล้วด้วย ทรัพย์สินของแคว้นหนานฉือกู่ ก็เป็นสิ่งที่องค์จักรพรรดิต้องตาอย่างมากเขาจะแตกหักกับแคว้นหนานฉือไม
องค์จักรพรรดิตะคอกขึ้นมาคำหนึ่งเซียวหลันยวนเงยหน้าสตาเขาในสายตาองค์จักรพรรดิมีไฟโกรธแผดเผา มองแล้วน่าจะใกล้ถึงจุดระเบิดแล้วเฮอะ ตอนนี้มาเรียกเขาว่าอายวนอย่างสงบ เสแสร้งเป็นพี่ชายที่แสนดีไม่ได้แล้วสินะ?อย่างนี้ก็ยิ่งดี สภาพก่อนหน้านี้ มันทำให้เขารู้สึกปวดลูกตา"โทษฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิ เจ้าคิดจะอธิบายอย่างไร? เจ้าบอกกับข้าว่าจะติดตามไทเฮาไปวัดคุ้มครองแคว้นเพื่อกินมังสวิรัติท่องบทสวด แล้วผลลัพธืเจ้าไปที่ไหนมา?"องค์จักรพรรดิเดิมทีกำลังคิด ว่ารอให้เขาจัดคนให้เสร็จก่อน รอให้อวิ๋นจูหญิงสาวพวกนั้นอาละวาดขึ้นมาในจวนอ๋องเจวี้ยนเสียก่อน ทำให้เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงทะเลาะกันขึ้นมา พอใจห่างกัน แล้วค่อยไปไล่บี้เรื่องนี้ต่อแต่ว่าเซียวหลันยวนตรงมาที่ประชุมเช้าเองแบบนี้ เขาก็ทนต่อไม่ไหวแล้ว"ไปต้าชื่อมา" เซียวหลันยวนตอบเหล่าขุนนางใจเต้นผางกันขึ้นมาเดิมทีคิดว่าเขาจะไม่ยอมรับเสียอีก ยังคิดว่าเขาจะเล่นลิ้นอย่างไร ใครจะไปคิดถึง ว่าอ๋องเจวี้ยนกลับยอมรับออกมาอย่างหน้าชื่นตาบานเสียแล้ว!เขายอมรับแล้ว!"เจ้าบังอาจนัก! เจ้ากล้าออกจากแคว้นเจาโดยพละกาล เจ้าๆๆ..."คำพูดขององค์จักรพรรดิยัง
"เดิมทีน่ะใช่ แต่ใครจะรู้ว่าองค์หญิงใหญ่คนนั้นของต้าชื่อจะกลับมาเมืองหลวงจักรพรรดิพอดี จึงได้เจอกัน แต่ว่าข้าก็ไม่ได้เข้าไปพบกับจักรพรรดิของต้าชื่อนะ และไม่ได้เข้าวังด้วย ไปที่นั่นด้วยตนตัวนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว"ตัวตนนักท่องเที่ยวบ้าบออะไร...องค์จักรพรรดิขมับจู่ๆ ก็ตึงเซียวหลันยวนเดิมทีเขาไม่ใช่คนเช่นนี้เขายืนอยู่ตรงนั้นพูดคำพูดเล่านี้ ทำไมถึงเหมือนเห็นเงาของฟู่จาวหนิงขึ้นมากัน? องค์จักรพรรดิมองจนปวดตาเลยทีเดียว"ข้าได้ยินว่า ตอนนั้นเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงเคยพูดไว้ ว่าเจ้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแห่งต้าชื่อมีดวงชะตาต้องกันอยู่ เมื่อมังกรพญาหงส์มาพบกันก็เปรียบเสมือนลมพายุพัดเมฆทะยานขึ้น..."องค์จักรพรรดิพูดคำนี้ ดวงตาก็หรี่ลง เผยจิตสังหารออกมา และยังพยายามจะเก็บงำลงไปเขาจะลองฟังว่าเซียวหลันยวนจะพูดอย่างไร!แต่คำพูดของเขายังไม่ทันจบ ก็เห็นเซียวหลันยวนถอยหลังไปก้าวหนึ่งเหมือนตกตะลึง"องค์จักรพรรดิอย่ามาใส่ร้ายข้าสิ"เล่นอะไรน่ะ?"ข้ากับพระชายารักใคร่สนิทสนม ใจประทับใจเช่นนี้จะเปลี่ย่นใจได้อย่างไร? ที่ต้าชื่อ พระชายาก็ได้ยินเรื่องไร้สาระนี่ถึงกับทะเลาะกับข้าใหญ่โต จนความร
เมื่อวานตอนกลางคืน องค์จักรพรรดิพักอยู่ในวังบรรทมของพระชายาเยว่ช่วงนี้พระชายาเยว่ได้รับความโปรดปรานจากเขาไม่ใช่เรื่องล้อเล่นดังนั้น ตอนประชุมเช้าพระชายาเยว่จึงตื่นนอนขึ้นมาพร้อมองค์จักรพรรดิ ก็ให้คนมาคอยสังเกตเรื่องบนตำหนักใหญ่ดังนั้น พออ๋องเจวี้ยนบอกว่าจะโยนสาวงามพวกนั้นไปที่ประตูจวนอ๋องเจวี้ยน พระชายาเยว่เพียงไม่นานก็ได้รับข่าว"อ๋องเจวี้ยนไม่ไว้หน้าองค์จักรพรรดิเลยหรือ?" พระชายาเยว่ไม่อยากเชื่ออยู่ในชุดวังหรูหรา พระชายาเยว่ที่ปักพู่ระย้าทองไว้สี่เส้นอายุแค่สิบห้าสิบหกปีเท่านั้น ดวงตาหงส์ที่เอียงกระดกหน่อยๆ รูปลักษณ์เย้ายวนชวนมอง แต่เพราะอายุยังน้อยจึงยังมีความเขินอายอยู่บ้างหญิงสาวที่ทั้งเย้ายวนและบริสุทธิ์เช่นนี้ ผู้ชายมากมายพอได้เห็นก็ยากจะอดใจไหวทั้งนั้นองค์จักรพรรดิที่เข้าวัยกลางคนไปแล้วชอบแบบนี้พอบวกกับข้อมูลที่ตระกูลเยว่นำมาให้ ผลประโยชน์ที่มอบให้ องค์จักรพรรดิจึงยิ่งโปรดปรานนางขึ้นทุกวัน ตอนนี้โยนฮองเฮาไปไว้หลังสมองแล้วพระชายาเยว่เข้าวังได้ไม่กี่เดือน ก็ขึ้นเป็นหนึ่งไม่มีสอง พวกขุนนางคนอื่นล้วนต้องถอยให้นางกันทั้งสิ้นนางเองก็อายุยังน้อย พอจู่ๆ ถูกโปรดปรานขน
ณ เมืองหลวง แคว้นเจาบนถนนที่คึกคักหญิงสาวที่สวมชุดงดงามนางหนึ่งกำลังนำทหารหลายคนของนางไปดักขบวนแห่เจ้าสาวขบวนหนึ่งอย่างดุดัน“หลีกไป นี่คือคุณหนูใหญ่จากตระกูลของหมอเทวดาหลี่ หากว่าพวกเจ้าทำให้คุณหนูไม่พอใจระวังจะเดือดร้อน!” ผู้คนที่กำลังเดินอยู่บนถนนต่างพากันรีบหลีกทางให้ในทันที ด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลง เหล่าชาวเมืองมองไปที่ขบวนแห่เจ้าสาวที่ถูกตกแต่งด้วยความรู้สึกเห็นใจ “นี่เจ้าสาวจากตระกูลไหนกันเนี่ย? ไปทำอะไรให้คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ขัดใจกัน?”“เจ้าไม่รู้หรือ? วันนี้เป็นวันแต่งงานของรัชทายาทเซียวกับคุณหนูตระกูลฟู่ คนที่นั่งอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวนั่นก็ต้องเป็นคุณหนูฟู่นั่นแหละ”โครม เกี้ยวเจ้าสาวถูกทหารของตระกูลหลี่ใช้กำลังบังคับให้หยุดลง หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ได้ยินเสียงตุ๊บดังออกมา คล้ายจะเป็นเสียงของศีรษะที่กระแทกอะไรสักอย่าง“ไปเอาตัวฟู่จาวหนิงมา! แล้วก็ไปถอดชุดเจ้าสาวของนางทิ้งซะ!”คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ชี้นิ้วไปยังเกี้ยวเจ้าสาวก่อนจะสั่งออกมาอย่างวางอำนาจ ทันใดนั้นทหารรับใช้ก็วิ่งไปแล้วยื่นมือไปเปิดม่านบังเกี้ยวเจ้าสาวทันทียายเฒ่าผู้ดูแลพิธีที่ยืนอยู่ด้านข้
สมองจาวหนิงผุดภาพร่างกายที่อ่อนแอของผู้เฒ่าฟู่ขึ้นมาฟู่จาวหนิงกับรัชทายาทเซียวเดิมทีมีการหมั้นหมายอยู่ สุขภาพผู้เฒ่าฟู่เองก็ย่ำแย่ลงทุกวัน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือสามารถเห็นหลานสาวแต่งเข้าจวนตระกูลเซียวได้อย่างราบรื่น ได้มีที่พึ่งพิงในภายภาคหน้า แต่ตระกูลเซียวก็ไม่ยอมเอ่ยเรื่องงานมงคลเสียทีช่วงนี้อาการป่วยของผุ้เฒ่าฟู่ก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว เขาเป็นลมหมดสติอยู่บ่อยครั้ง พอตื่นขึ้นมาก็จะคว้ามือของนางและกังวลเรื่องงานแต่ง ฟู่จาวหนิงก็ร้อนรน ดังนั้นแต่ละวันจึงเอาแต่เซ้าซี้รัชทายาทเซียว หลังถูกปฏิเสธมาหลายครั้ง นางจึงหยิบยกเอาคุณงามความดีที่บิดามารดาของนางเคยช่วยชีวิตองค์รัชทายาทไว้ออกมาให้องค์จักรพรรดิประทานจัดงานแต่งงานให้รัชทายาทเซียวก็ถูกบีบจนต้องจำใจยอมรับการแต่งงานกับฟู่จาวหนิงเซียวเหยียนจิ่งเองก็เป็นบุรุษรูปงามอันดับต้นๆ ในเมืองหลวงจริงๆ คิ้วกระบี่ดวงตาดอกท้อ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเชิด รูปหน้ายอดเยี่ยม ร่างสูงโปร่ง เสื้อคลุมสักหลาดพอดีตัวดูสูงส่ง ขับเน้นร่างของเขาออกมาจนตัวดูเป็นคนแต่นิสัยเป็นสุนัขเสียอย่างนั้นไม่แปลกที่หลี่จื่อเหยาหลงใหลเขามาตลอดพอคิดถึงสถาน
เสียงโครมดังขึ้น เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าเลือดถูกต้มจนเดือดปุดขึ้นมาถึงกระหม่อม"ฟู่!จาว!หนิง!"เขากัดฟันเอ่ยชื่อฟู่จาวหนิงออกมาทีละคำๆนางกล้าดีอย่างไร จึงกล้ามาหยามหมิ่นเขาเช่นนี้?ชาวบ้านรอบๆ ก็ล้วนตาโตพูดไม่ออกกันหมด จากนั้นจึงมองพวกเขาทั้งสองและพยักหน้าเห็นด้วยแบบไม่รู้ตัว พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่คุณหนูฟู่พูดออกมานั้นถูกต้องเซียวเหยียนจิ่งจ้องนางอย่างเกลียดชัง "ฟู่จาวหนิง เจ้าอย่ามาเสียใจภายหลังแล้วกัน! ข้าตอนนี้จะคอยดู ว่าเจ้าจะไสหัวกลับไปอย่างไร! เจ้าอย่าลืมว่าปู่ของเจ้า ตอนนี้เขาก็เหมือนจะเหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้วสินะ เจ้าเชื่อไหมว่าพอเจ้าเหยียบเข้าประตูจวนไปและเขารู้ว่าเจ้าถูกถอนหมั้น เขาคงขาดใจตายทันทีแน่?"ฟู่จาวหนิงจ้องเขาตาลุกโชนเซียวเหยียนจิ่งเจ้าผู้ชายขยะ ป่านนี้แล้วยังจะมาคุกคามนางอีก!แต่ฟู่จาวหนิงก็รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ผิดเลย ผู้เฒ่าฟู่เวลานี้คงทนรับเรื่องแรงๆ ไม่ไหวเซียวเหยียนจิ่งพอเห็นนางไม่โต้กลับ ก็หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา "แล้วก็ที่เจ้าหยามหมิ่นรัชทายาทอย่างข้าวันนี้ ข้าจดจำไว้หมดแล้ว เจ้าอย่าได้หวังว่าจะหาสามีได้อีก"เขาจะคอยดูว่าตระกูลไหนจะก