"ท่านสามี ท่านหนีไม่ได้แล้ว พวกเรากราบไหว้ฟ้าดินกันแล้วนะ นับจากนี้ข้าก็เป็นภรรยาของท่านแล้ว" องค์หญิงหนานฉือมองเขาอย่างใสซื่ออันเหนียนสายตาทอดเข้ามา ตกอยู่บนใบหน้างามของนาง"ข้าไม่หนีหรอก""เมื่อครู่ท่านถอนหายใจนี่""อืม ในใจมันซับซ้อนน่ะ ไม่ได้หมายความว่าข้าจะหนี""ใจซับซ้อน? ถึงอย่างไรข้าก็ดีใจมาก" องค์หญิงหนานฉือเดินเข้ามา ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ยื่นมือมาโอบเอวเขา เงยหน้าขึ้นมอง "ตอนนี้พวกเราทำอะไรกันดี? ต้องดื่มสุราสักถ้วยก่อนไหม? แคว้นเจาของพวกท่านมีธรรมเนียมนี้หรือเปล่า?"นางแนบเขามาในอ้อมอกแล้ว ใบหน้านั้นก็ยิ่งงดงาม เพราะแต่งหน้าเป็นเจ้าสาว จึงยิ่งดูแดงก่ำกว่าปกติ ใบหน้ามีพลังทำลายอย่างมากองค์หญิงหนานฉืองดงามจริงๆพอไม่เห็นอันเหนียนตอบ องค์หญิงหนานฉือจึงรินสุราลงมาสองถ้วย ถ้วนหนึ่งยัดไปในมือเขา ส่วนตนเองถือไว้ถ้วยหนึ่ง ดึงมือของเขาขึ้นมาแลกถ้วยกันดื่มสุราอย่างเป็นฝ่ายรุก"สุรานี้แรงมาก" องค์หญิงหนานฉือดื่มจนหมดถ้วย วางถ้วยลง จากนั้นก็มองเขา "แล้วต่อไปล่ะ?"นางเพิ่งจะดื่มสุรา ริมฝีปากเป็นประกาย ดูยั่วยวนมากอันเหนียนค่อยๆ วางถ้วยลง ยื่นมือไปโอบข้างเอวนาง เอ่ยขึ้นแผ่วเบา
"ความคิดของอันเหนียนยังค่อนข้างยึดติดอยู่ ข้าเองก็อยากให้เขาได้เห็น ว่าพอทำลายขนบเดิมๆ ไม่ต้องทำงานตามวิธีของคนอื่น ผลลัพธ์จะออกมาดีหรือไม่ดี"เซียวหลันยวนพูดออกมาอย่างมั่นใจตรงไปตรงมา"อันเหนียนชอบรู้สึกว่า ข้าเองก็เป็นเหมือนกับคนอื่น ทุกย่างก้าว ล้วนต้องคำนวณไว้อย่างดี เหมือนเดินบนน้ำแข็งบางๆ""เหมือนกับที่อ๋องฉยงกับองค์จักรพรรดิส่งอวิ๋นจูเข้ามา ข้าเองก็ต้องวิเคราะห์เป้าหมายพวกเขา พิจารณาการทำการของอวิ๋นจู คาดการณ์ว่าพอทิ้งนางไว้ให้อยู่ต่อแล้วจะได้ผลลัพธ์อะไรจากเรื่องนี้บ้าง"ฟู่จาวหนิงเอายืนมือเงยหน้ามองเขาอืม หรือว่าจะไม่ใช่นะ?อันที่จริงนางก็เข้าใจความหมายของอันเหนียนเมื่อวานนี้อยู่อันเหนียนรู้ถึงความรักของนางกับเซียวหลันยวน ดังนั้นจึงไม่ได้เตือนให้พวกเขารับอวิ๋นจูเข้าไปเรือนหลัง หรืออาจจะให้เซียวหลันยวนพูด "คำหวาน" อะไรกับนางเพื่อให้ใจของนางสงบลงความหมายของเขาก็แค่จะบอกว่า อย่าเพิ่งส่งคนออกไป เอาคนไว้ที่จวนอ๋องเจวี้ยนแบบนี้ แล้วคอยจับตาดูว่านางทำอะไรก็พอแต่เซียวหลันยวนไม่ได้คิดจะเดินตามความคิดปกติฟู่จาวหนิงเมื่อคืนนี้ได้ยินเขากำชับกับพวกชิงอี ว่ารอให้งานมงคลร่วมหอล
แต่ฟู่จาวหนิงจะตามเขาไปไหม?ออกจากเมืองหลวง ออกจากแผ่นดินบ้านเกิด เหมือนคนไร้หลักแหล่งยิ่งไปกว่านั้น นางก็ยังมีคนในครอบครัว ดังนั้น เรื่องเหล่านี้จึงต้องค่อยๆ วางแผนไปฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะซักไซร้ นอนพังพาบหลับไปบนอ้อมกอดเขาองค์จักรพรรดิพอรู้เรื่องที่อันเหนียนกับองค์หญิงหนานฉือแต่งงานกันแบบฟันก่อนแล้วค่อยไต่สวนทีหลัง ก็เดือดดาลขึ้นมาตามคาดจริงๆตอนช่วงประชุมเช้า เขาโมโหจนแทบจะเรียกคนลากอันเหนียนออกไปประหาร"เจ้าบังอาจมากนักนะ!!"องค์จักรพรรดิชี้นิ้วอย่างกราดเกรี้ยวไปยังอันเหนียนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า น้ำเสียงสั่นระริก"อันเหนียนเจ้ามันเป็นใครกัน? องค์หญิงที่แคว้นหนานฉือส่งเข้ามาอภิเษกเพื่อสันติ เป็นคนที่เจ้าคู่ควรไหม? เจ้าก็แค่ผู้ตรวจการเล็กๆ คนหนึ่ง เจ้ากล้าแต่งกับองค์หญิงแห่งแคว้นด้วยหรือ?""ตระกูลอันของเจ้าก็เป็นแค่ขุนนางฝ่ายบุ๋น ก็แค่อ่านหนังสือมามากกว่าคนทั่วไปนิดหน่อย จึงคิดว่าตนเองเป็นขุนนางใหญ่หรือไรกัน? พวกเจ้ายังกล้ารับองค์หญิงหนานฉือเข้าไปในจวนด้วยหรือ?""งานมงคลขององค์หญิงหนานฉือ กำหนดกันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ได้ด้วยหรือ? พวกเจ้าไม่เห็นหัวข้าแล้ว?""แต่เจ้
คำพูดเหล่านั้นของเซียวหลันยวน ฟังแล้วก็ดูมีน้ำเสียงที่กังวลจริงๆองค์จักรพรรดิถึงกับหายใจไม่ออกเขายังไม่ทันได้อ้าปาก เซียวหลันยวนก็ต่อเข้ามาอีก"ส่วนผู้ตรวจการอันซึ่งกลัวองค์หญิงหนานฉือที่ภาษายังไม่คล่องนักจึงอยู่ด้วยกันกับนางพอดี ข้าเห็นว่าเขาเองก็หน้าตาหล่อเหลา ความคิดก็ผุดขึ้นมา และคิดออกถึงเรื่องนี้ทันที จึงจัดแจงให้องค์หญิงหนานฉือแต่งงานกับเขาเสียเลย!"ความคิดกับผีน่ะสิงานมงคลขององค์หญิงหนานฉือกับผู้ตรวจการอัน นี่มันเรียกว่าความคิดผุดขึ้นมาได้ด้วยหรือ?ทุกคนถลึงตาอ้าปากค้างอันเหนียนที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่เงยหน้าขึ้น แต่มุมปากสั่นระริกกระทั่งเขาเองก็ยังไม่รู้ ว่าเรื่องนี้อ๋องเจวี้ยนจะจัดการอย่างไร แต่ว่าตอนนี้เขารู้แล้วเขาแค่คุกเข่าไว้ก็พอ! ชัดเจนว่าเรื่องหลังจากนี้ส่งให้อ๋องเจวี้ยนจัดการได้เลย!อันเหนียนมักรู้สึกว่า หลังจากที่อ๋องเจวี้ยนแต่งงานกับฟู่จาวหนิงแล้วก็เปลี่ยนไปมาก ท่าทางการพูดจาไร้สาระตอนนี้ก็ดูคล้ายกับพระชายาเป็นอย่างมาก"ผู้ตรวจการอันไม่กล้าตอบรับ แต่ข้าก็ใช้ยากับเขา ถ้าเขาไม่รับปากก็จะเลือดไหลจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย ดังนั้นจึงต้องทำตามสิ่งที่ข้าวางไว้"
"นั่นก็เพราะหนานฉือนางป่วยต่างหาก!" ป่วยจนลุกไม่ไหวเลย วันวันราวกับจะตายเสียให้ได้ นางตอนนั้นจะออกไปแต่งงานได้อย่างไร? นางทำได้ที่ไหน?!"โอ้ เรื่องนั้นข้าไม่รู้นี่" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "เช่นนั้นก็เป็นข้าที่เข้าใจผิดไปแล้ว ยังคิดว่าองค์จักรพรรดิกำลังรอข้ากลับมาเสียอีก"องค์จักรพรรดิกัดหลังเหงือกจนแทบจะป่นอยู่แล้วเซียวหลันยวนแบกเรื่องมาไว้บนตัวแบบนี้ แล้วเขาจะประหารอันเหนียนได้อย่างไรกัน?นั่นเป็นราชบุตรเขยขององค์หญิงหนานฉือเลยนะ!ถ้าหากเขาประหารอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือเป็นม่ายขึ้นทันที เพิ่งแต่งงานได้วันเดียวก็เป็นม่าย ถ้าลือกันออกไป คงจะบอกว่าแคว้นเจารังแกลบหลู่องค์หญิงหนานฉือส่งเดชแน่นอนถ้าหากองค์หญิงหนานฉือตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะเรื่องนี้ขึ้นมา เช่นนั้นแคว้นเจาก็จะมีความผิดฐานบีบบังคับองค์หญิงที่ส่งมาอภิเษกจนตัวตายน่ะสิหนานฉือถึงแม้ตอนนี้จะได้รับภัยพิบัติ แต่หลังจากอภิเษกเพื่อสันติแล้วเครื่องราชบรรณาการที่พวกเขาจะส่งมาให้ก็มีไม่น้อยเลย!ตอนนี้คลังหลวงก็ว่างไปแล้วด้วย ทรัพย์สินของแคว้นหนานฉือกู่ ก็เป็นสิ่งที่องค์จักรพรรดิต้องตาอย่างมากเขาจะแตกหักกับแคว้นหนานฉือไม
องค์จักรพรรดิตะคอกขึ้นมาคำหนึ่งเซียวหลันยวนเงยหน้าสตาเขาในสายตาองค์จักรพรรดิมีไฟโกรธแผดเผา มองแล้วน่าจะใกล้ถึงจุดระเบิดแล้วเฮอะ ตอนนี้มาเรียกเขาว่าอายวนอย่างสงบ เสแสร้งเป็นพี่ชายที่แสนดีไม่ได้แล้วสินะ?อย่างนี้ก็ยิ่งดี สภาพก่อนหน้านี้ มันทำให้เขารู้สึกปวดลูกตา"โทษฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิ เจ้าคิดจะอธิบายอย่างไร? เจ้าบอกกับข้าว่าจะติดตามไทเฮาไปวัดคุ้มครองแคว้นเพื่อกินมังสวิรัติท่องบทสวด แล้วผลลัพธืเจ้าไปที่ไหนมา?"องค์จักรพรรดิเดิมทีกำลังคิด ว่ารอให้เขาจัดคนให้เสร็จก่อน รอให้อวิ๋นจูหญิงสาวพวกนั้นอาละวาดขึ้นมาในจวนอ๋องเจวี้ยนเสียก่อน ทำให้เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงทะเลาะกันขึ้นมา พอใจห่างกัน แล้วค่อยไปไล่บี้เรื่องนี้ต่อแต่ว่าเซียวหลันยวนตรงมาที่ประชุมเช้าเองแบบนี้ เขาก็ทนต่อไม่ไหวแล้ว"ไปต้าชื่อมา" เซียวหลันยวนตอบเหล่าขุนนางใจเต้นผางกันขึ้นมาเดิมทีคิดว่าเขาจะไม่ยอมรับเสียอีก ยังคิดว่าเขาจะเล่นลิ้นอย่างไร ใครจะไปคิดถึง ว่าอ๋องเจวี้ยนกลับยอมรับออกมาอย่างหน้าชื่นตาบานเสียแล้ว!เขายอมรับแล้ว!"เจ้าบังอาจนัก! เจ้ากล้าออกจากแคว้นเจาโดยพละกาล เจ้าๆๆ..."คำพูดขององค์จักรพรรดิยัง
"เดิมทีน่ะใช่ แต่ใครจะรู้ว่าองค์หญิงใหญ่คนนั้นของต้าชื่อจะกลับมาเมืองหลวงจักรพรรดิพอดี จึงได้เจอกัน แต่ว่าข้าก็ไม่ได้เข้าไปพบกับจักรพรรดิของต้าชื่อนะ และไม่ได้เข้าวังด้วย ไปที่นั่นด้วยตนตัวนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว"ตัวตนนักท่องเที่ยวบ้าบออะไร...องค์จักรพรรดิขมับจู่ๆ ก็ตึงเซียวหลันยวนเดิมทีเขาไม่ใช่คนเช่นนี้เขายืนอยู่ตรงนั้นพูดคำพูดเล่านี้ ทำไมถึงเหมือนเห็นเงาของฟู่จาวหนิงขึ้นมากัน? องค์จักรพรรดิมองจนปวดตาเลยทีเดียว"ข้าได้ยินว่า ตอนนั้นเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงเคยพูดไว้ ว่าเจ้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแห่งต้าชื่อมีดวงชะตาต้องกันอยู่ เมื่อมังกรพญาหงส์มาพบกันก็เปรียบเสมือนลมพายุพัดเมฆทะยานขึ้น..."องค์จักรพรรดิพูดคำนี้ ดวงตาก็หรี่ลง เผยจิตสังหารออกมา และยังพยายามจะเก็บงำลงไปเขาจะลองฟังว่าเซียวหลันยวนจะพูดอย่างไร!แต่คำพูดของเขายังไม่ทันจบ ก็เห็นเซียวหลันยวนถอยหลังไปก้าวหนึ่งเหมือนตกตะลึง"องค์จักรพรรดิอย่ามาใส่ร้ายข้าสิ"เล่นอะไรน่ะ?"ข้ากับพระชายารักใคร่สนิทสนม ใจประทับใจเช่นนี้จะเปลี่ย่นใจได้อย่างไร? ที่ต้าชื่อ พระชายาก็ได้ยินเรื่องไร้สาระนี่ถึงกับทะเลาะกับข้าใหญ่โต จนความร
เมื่อวานตอนกลางคืน องค์จักรพรรดิพักอยู่ในวังบรรทมของพระชายาเยว่ช่วงนี้พระชายาเยว่ได้รับความโปรดปรานจากเขาไม่ใช่เรื่องล้อเล่นดังนั้น ตอนประชุมเช้าพระชายาเยว่จึงตื่นนอนขึ้นมาพร้อมองค์จักรพรรดิ ก็ให้คนมาคอยสังเกตเรื่องบนตำหนักใหญ่ดังนั้น พออ๋องเจวี้ยนบอกว่าจะโยนสาวงามพวกนั้นไปที่ประตูจวนอ๋องเจวี้ยน พระชายาเยว่เพียงไม่นานก็ได้รับข่าว"อ๋องเจวี้ยนไม่ไว้หน้าองค์จักรพรรดิเลยหรือ?" พระชายาเยว่ไม่อยากเชื่ออยู่ในชุดวังหรูหรา พระชายาเยว่ที่ปักพู่ระย้าทองไว้สี่เส้นอายุแค่สิบห้าสิบหกปีเท่านั้น ดวงตาหงส์ที่เอียงกระดกหน่อยๆ รูปลักษณ์เย้ายวนชวนมอง แต่เพราะอายุยังน้อยจึงยังมีความเขินอายอยู่บ้างหญิงสาวที่ทั้งเย้ายวนและบริสุทธิ์เช่นนี้ ผู้ชายมากมายพอได้เห็นก็ยากจะอดใจไหวทั้งนั้นองค์จักรพรรดิที่เข้าวัยกลางคนไปแล้วชอบแบบนี้พอบวกกับข้อมูลที่ตระกูลเยว่นำมาให้ ผลประโยชน์ที่มอบให้ องค์จักรพรรดิจึงยิ่งโปรดปรานนางขึ้นทุกวัน ตอนนี้โยนฮองเฮาไปไว้หลังสมองแล้วพระชายาเยว่เข้าวังได้ไม่กี่เดือน ก็ขึ้นเป็นหนึ่งไม่มีสอง พวกขุนนางคนอื่นล้วนต้องถอยให้นางกันทั้งสิ้นนางเองก็อายุยังน้อย พอจู่ๆ ถูกโปรดปรานขน