ลากเวลามาได้นานขนาดนี้ องค์หญิงหนานฉือก็ยังไม่ได้แต่งงาน แล้วยังอยู่ในเมืองหลวงมาได้ตลอดรอดฝั่งอีกคนที่แคว้นหนานฉือกู่ก็ไม่ได้เร่งรัดนาง องค์จักรพรรดิเลยปล่อยให้นางกินข้าวสบายอยู่ที่นี่หรือ?ยิ่งไปกว่านั้นเพราะอะไรองค์หญิงหนานฉือจึงมากับอันเหนียนล่ะ?เซียวหลันยวนให้ผู้ดูแลไปเชิญคนเข้ามาที่โถงหน้าเขากับฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าเสร็จจึงค่อยเดินออกไปพอเห็นคนที่นั่งอยู่ที่โถงหน้า สายตาของฟู่จาวหนิงืก็ย้ายจากตัวอันเหนียนไปที่ตัวองค์หญิงหนานฉือ จากนั้นก็หันมามองหน้าอันเหนียนอีก"สองคนนี้มีอะไรกันหรือเปล่าเนี่ย? ทำไมถึงอยู่ด้วยกันบ่อยจัง?"ฟู่จาวหนิงถามเซียวหลันยวนเสียงแผ่วแต่ว่า เซียวหลันยวนก็ไม่ตอบ นางมองออกถึงความผิดปกติขององค์หญิงหนานฉือ "ไม่ถูกสิ องค์หญิงหนานฉือทำไมถึงผอมลงไปขนาดนี้?"ใบหน้าก็เล็กลง เดิมทีเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ตอนนี้พอหน้าเล็กลง ดวงตาจึงดูใหญ่ขึ้น สีหน้าขาวซีด ดูแล้วเหมือนอ่อนแอลงไปอย่างไรอย่างนั้นพอเห็นฟู่จาวหนิงเข้ามา องค์หญิงหนานฉือก็ลุกขึ้นยืนทันที"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านกลับมาได้เสียที!"นางพูดคำนี้ออกมา แล้วรีบพุ่งโถมไปหาฟู่จาวหนิงนี่ราวกับเป็นเพื่อนเก่
"ข้าแต่งกับนางไม่ได้" อันเหนียนนิ่งงันไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นมา"มีอะไรไม่ได้กัน? ช่วงนี้องค์หญิงอย่างข้าเห็นชายหนุ่มในเมืองหลวงมาตั้งเยอะแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้าตาเลย ข้าเองก็กลับไปไม่ได้อีก มีแต่ท่านที่พอไปวัดไปวาได้ เช่นนั้นข้าก็จะแต่งกับท่านี่ล่ะ ไม่ได้ตรงไหนกัน?"องค์หญิงหนานฉือจ้องอันเหนียน ดูโมโหหน่อยๆ"องค์หญิง ข้าบอกกับท่านชัดเจนไปแล้ว สาเหตุท่านเองก็รู้อยู่""เหตุผลพวกนั้นข้าไม่ยอมรับ""นี่ไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะยอมรับหรือไม่ ข้าไม่แต่ง ข้าแต่งด้วยไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนเหลือบสบตากันสองคนนี้มันสถานการณ์อะไร?มาทะเลาะกันต่อหน้าพวกเขาตั้งแต่ไก่โห่?"ถึงอย่างไรข้าก็ไม่สน อย่างมากสุดในสามวัน องค์จักรพรรดิจะต้องให้ข้าแต่งให้ได้ ข้าก็แต่งได้กับท่านเท่านั้น ถ้าท่านไม่แต่งด้วย พรุ่งนี้ตอนค่ำๆ ข้าจะสั่งคนยกเกี้ยวเจ้าสาวพาขาส่งไปที่ประตูใหญ่จวนตระกูลอันของท่านเลย" องค์หญิงหนานฉือหัวเราะเย็นชาขึ้นมา จากนั้นก็พูดต่อว่า "แล้วข้าก็จะแก้ผ้ามุดประตูเข้าห้องนอนท่านด้วย""องค์หญิง..." อันเหนียนมุมปากกระตุก หน้าดำทมึนขึ้นมาแล้วฟู่จาวหนิงถลึงตาโตองค์หญิงหนานฉือบ้าดีเดือดขนาดนี้เ
องค์หญิงหนานฉือเองก็ตกตะลึงไปเช่นกันเซียวหลันยวนมองอันเหนียนนิ่งๆอันเหนียนหยิบม้วนหนังแกะที่ดูมีอายุม้วนหนึ่งออกมาจากในอก ม้วนหนังแกะนี้ออกเหลืองไปแล้ว และยังมีคราบดำๆ อยู่อีกด้วยชิงอีขึ้นมารับไป ส่งให้กับมือเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนค่อยๆ กางม้วนหนังแกะออกดูอันเหนียนเองก็เอ่ยต่อว่า "ท่านอ๋อง องค์จักรพรรดิก่อนหน้านี้มอบหมายงานให้กับข้า""ก็ไม่ใช่เพราะท่านไปยั่วโมโหองค์จักรพรรดิเขาจนไม่ได้รับการให้ความสำคัญ องค์จักรพรรดิจึงแอบลงโทษท่านเพื่อลดทอนความเฉียบขาดของท่านลงหรอกหรือ จึงสั่งงานเก็บกวาดของพวกข้าทาสมาให้ท่าน" องค์หญิงหนานฉือจุ๊ปากขึ้นมาอันเหนียนมุมปากกระตุกอีกครั้ง อธิบายขึ้นมาคำหนึ่ง"ห้องเอกสารเก่าในวังไม่มีคนไปจัดการทำความสะอาดมานานแล้ว มีแต่พวกเอกสารทางการหนังสือเก่าๆ องค์จักรพรรดิจึงให้ข้าไปจัดการเสียหน่อย"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาในห้องเอกสารเก่านั้นน่าจะมีพวกหนังสือบันทึกนับพันเล่มกองสุมกันอยู่ ก่อนหน้านี้มีคนในวังตายอย่างประหลาดอยู่ในนั้น ต่อมาก็มีคนได้ยินเสียงแปลกๆ ช่วงกลางดึก ดังนั้นในวังจึงลือกันว่าวิญญาณของคนในวังคนนั้นไม่ได้จากไปไหนเรื่องนี้เขาเคยได้ยิ
องค์หญิงหนานฉือกัดฟัน "ข้าขอดูหน่อยได้ไหม?"เซียวหลันยวนพยักหน้าองค์หญิงหนานฉือเดินขึ้นมา ก้มหน้าลงมองม้วนหนังแกะนางเองก็มองออกถึงตราประทับแคว้นหนานฉือเป็นหนานฉือของพวกนางจริงๆและเกาะซีอวิ๋นก็ถูกแบ่งอยู่ในตงฉิงจริงๆนางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรขึ้นมาทันทีทำไมจึงเป็นเช่นนี้?คนของหนานฉือเข้าใจว่าเกาะซีอวิ๋นเป็นส่วนหนึ่งของหนานฉือมาโดยตลอด"แล้วตอนนี้เกาะซีอวิ๋นใครเป็นคนดูแล" เซียวหลันยวนถามองค์หญิงหนานฉือเอ่ยขึ้นมาอย่างลำบากพอควร "เกาะซีอวิ๋นมีกรมขนส่งทางทะเลที่เป็นเอกลักษณ์ เชียนเจาอวิ๋นผู้ดูแลอันดับหนึ่งของกรมขนส่งทางทะเล เขา..."องค์หญิงหนานฉือพูดถึงจุดนี้ก็ชะงักไปอันเหนียนเห็นนางไม่พูดต่อ จึงเสริมคำพูดนางมาว่า "นายท่านเชียนจากกรมขนส่งคนนี้ เป็นบุคคลพิเศษในหนานฉือของพวกท่านกระมัง? เพราะนางเป็นหญิงสาว ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลเชียนก็มีหญิงสาวเป็นผู้นำมาตลอด ผู้ชายจะนับว่าแต่งเข้าไปในบ้านภรรยา คลอดเด็กออกมาก็ล้วนใช้สกุลเชียนทั้งหมด จะไม่ใช้นามสกุลของพ่อ บรรพบุรุษของตระกูลเชียนไม่ใช่คนหนานฉือ ที่มาของนางลึกลับ ความสามารถทางน้ำน่าทึ่ง แล้วยังถนัดการเดินเรืออีกด้วย..."หรือก็คือ ค
ฟู่จาวหนิงสังเกตเห็นท่าทางของเขา จนเกือบจะหัวเราะพรวดออกมานี่มันเกิดอะไรขึ้น นางออกไปครึ่งปีกว่า อันเหนียนกับองค์หญิงหนานฉือทำไมจึงเปลี่ยนไปแปลกๆ แบบนี้? น่าตลกจริงๆ"ถึงอย่างไร เรื่องที่ข้าไม่อยากแต่งงานทำไมต้องซับซ้อนเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้" องค์หญิงหนานฉือผายมือออกอย่างจนใจ "สามเดือนก่อนข้าก็ใช้เรื่องบาดเจ็บต้องพักรักษาตัวมาเป็นข้ออ้างเลื่อนแต่งงานไปแล้ว...""นั่นองค์หญิงไม่ได้วางแผนขึ้นมาเสียหน่อย ท่านบาดเจ็บจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอาการบาดเจ็บที่องค์หญิงทำขึ้นเองด้วย" อันเหนียนเอ่ยต่อมาเกือบจะพูดออกมาแล้วว่าเป็นเพราะนางโง่องค์หญิงหนานฉือกัดฟันถลึงตาใส่เขาฟู่จาวหนิงดื่มชามองพวกเขา อยากจะสาระแนเข้าไปจริงๆสองคนนี้พออยู่ด้วยกันแล้วก็ดูแปลกหน่อยๆ อันเหนียนไม่มีเกรงใจกับองค์หญิงหนานฉือเลยแม้แต่น้อยองค์หญิงหนานฉือเองพออยู่ต่อหน้าเขาก็ดูผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาอย่างเปิดเผย เป็นตัวของตัวเอง"องค์หญิงบาดเจ็บหรือ?" นางถามขึ้นมาคำหนึ่ง"อืม องค์หญิงคิดจะปฏิเสธการแต่งงาน ตอนนั้นหาวิธีดีดีไม่ได้ จึงออกไปล่าสัตว์ด้วยตนเอง คิดจะแกล้งหลงอยู่ในภูเขา หลอกให้ข้าออก
เจ้าคิดบ้าอะไรของเจ้าพอคำนี้ของอ๋องเจวี้ยนออกมา คนทั้งหมดในนี้ก็ตะลึงงันกันไปหมดพวกเขาถลึงตามองอ๋องเจวี้ยนอย่างไม่อยากเชื่อนี่นี่นี่ นี่คืออ๋องเจวี้ยนผู้สง่างามที่พวกเขารู้จักใช่ไหม?เป็นอ๋องเจวี้ยนที่เย็นชาไม่ค่อยพูด เก็บตัวอยู่ในยอดเขาโยวชิงคนนั้น?แล้วนี่พูดอะไรออกมากัน?ฟู่จาวหนิงกุมหน้าผาก มุมปากกระตุกไม่ต้องบอก คำนี้คงจะเรียนมาจากนางแน่ แต่ว่านางเองก็ลืมไปแล้วว่าพูดคำนี้กับเขาไปตั้งแต่เมื่อไรคิดไม่ถึงว่าคำพูดมากมายที่นางพุดไว้ อ๋องเจวี้ยนก็ยังอุตสาห์จำมาได้ประโยคนึงแต่ว่า ประโยคนี้พอใช้ลงมา ฟู่จาวหนิงกลับรู้สึกสบายใจหน่อยๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?องค์หญิงหนานฉือช่วงนี้ภาษาแคว้นเจารุดหน้าไปมากเลยแต่ต่อให้รุดหน้าไปเท่าไรก็ยังไม่เข้าใจคำพูดของอ๋องเจวี้ยนคำนี้อยู่ดี"อ๋อง อ๋องเจวี้ยน เจ้าเจ้าเจ้า...""ชื่อฐานะพระชายารองของข้า มันน่าใช้ขนาดนั้นเลยหรือ?" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างเสียงเย็นชาขนาดแค่อวิ๋นจูที่เขายังไม่เคยเห็นหน้าคนนั้น แต่เขาก็เห็นในสายตาหนิงหนิงเหมือนอยากจะถลกหนังหนังเขาออกมาแล้ว แล้วนี่ยังอยากจะได้ตัวตนฐานะอะไรกัน?จะว่าไป เขาจะเอาผู้หญิงไปทำไมตั้งมาก
นางถลึงไปทางเซียวหลันยวน ปากก็อ้าพะเยิบอย่างสุดกำลังอ๋องเจวี้ยน! ท่านมันไร้ยางอายไร้ความสง่างามยิ่งนัก! นี่ถึงกับสะกดจุดใบ้องค์หญิงอย่างข้าเลยหรือ! เกินไปหน่อยไหม!"หนิงหนิง ยังเช้าตรูอยู่เลย อย่ามาฟังอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจดีกว่า" เซียวหลันยวนไม่มองนาง ยื่นมือไปกุมมือฟู่จาวหนิง"พรวด"ฟู่จาวหนิงอดหัวเราะร่าขึ้นมาไม่ได้ เอียงตาเหลือบมองเขา"เอาล่ะ เลิกเล่นได้แล้ว"องค์หญิงหนานฉือถลึงตามองนาง นี่มันเล่นกันตรงไหน? เขาลงมืออย่างหยาบคายกับหญิงสาว เขามันคนไม่ดี!ฟู่จาวหนิงมองไปทางนาง เหมือนจะมองออกถึงความหมายนาง เอ่ยกับนางด้วยรอยยิ้ม "องค์หญิงหนานฉือ ท่านรู้สึกว่าเขานิสัยไม่ดีใสช่ไหม?"แน่นอน!องค์หญิงหนานฉือออกแรงพยักหน้า"แต่ข้ากลับชอบเขาเช่นนี้ สำหรับคนที่รู้จักมารยาทกาลเทศะมีจิตใจดี เขาจะไม่หยาบคายใส่ง่ายๆ แต่เมื่อครู่ท่านไม่ใช่คนแบบนี้ ท่านเอาแต่จะยื่นเท้าแทรกกลางระหว่างเรา คิดจะทำลายความรักของพวกเรา แล้วจะหยาบคายใส่ท่านบ้างมันเป็นอย่างไรหรือ?""ถ้าไปทนุถนอมเห็นใจห่วงใยผู้หญิงคนอื่น หรือทำตัวอ่อนโยนกับอีกฝ่าย กลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียใจ นี่ต่างหากที่เป็นผู้ชายเลวๆ นี่ต่างหากที่เป็
"แค่เก็บนางไว้ ดึงนางเอาไว้"อันเหนียนอธิบายขึ้นมาคำหนึ่ง เขาเพิ่งมองไปทางฟู่จาวหนิง ก็เห็นมุมปากของนางยกขึ้น ใจกลับเต้นผางขึ้นมาเขาไม่ได้คิดจะให้รั้งอวิ๋นจูไว้เพื่อทำลายความรักของอ๋องเจวี้ยนกับนาง แต่เป็นแค่มาตรการชั่วคราวเท่านั้น"เป็นแค่มาตรการชั่วคราว เก็บนางไว้ในจวนอ๋องเจวี้ยน เกรงว่านางเองก็คงไม่มีโอกาสได้พบกับอ๋องเจวี้ยนหรอก แต่ถ้าเก็บนางไว้ นางก็จะหาวิธีไปให้ถึงเป้าหมาย..."ฟู่จาวหนิงตัดบทคำพูดของเขา "เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย นางอาจจะพยายามคิดหาวิธีเข้าใกล้เซียวหลันยวน อย่างเช่น ต้มน้ำแกงพิษแล้วส่งไปให้เขาในห้องหนังสือกลางดึก? อย่างเช่น แอบล้มไปทางเขาอย่างอ่อนแอตอนที่พบกันในสวนดอกไม้โดยบังเอิญ? มาตรการชั่วคราวแบบนี้หรือ?"อันเหนียนก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาชั่วคราวเขาเป็นขุนนางใหญ่คนหนึ่งว่าตามหลักการแล้ว เขาต้องคิดหาวิธีว่าจะช่วยเหลืออ๋องเจวี้ยนอย่างไร ให้เขายืนได้อย่างมั่นคงท่ามกลางกระแสลมที่ไม่อาจคาดเดานี้ตัวเขาไม่ได้มีความรู้สึกหยามหมิ่นหญิงสาวแต่อย่างใด แต่ว่ากฏเกณฑ์ของโลกนี้ เป็นความจริงที่ว่าคนมากมายล้วนส่งสตรีงามไปที่เรือนหลังของใครสักคนเพื่อบรรลุเป้าหมายต่อให้อง