"และยังบอกอีกว่า ตอนเจ้ายังเล็กมากก็ติดพิษอีก เป็นไปได้ว่าคนที่รู้ความจริงคิดจะชิงลงมือกับโชคชะตาแคว้นเจาก่อน สะกดมังกรร้ายเอาไว้ เพื่อปกป้องโชคชะตาของมังกรแท้จริงแห่งแคว้นเจา ปกป้องโชคชะตาแคว้น"ฟู่จาวหนิงถลึงตาโตทำไมยิ่งพูดก็ยิ่งไปกันใหญ่แล้ว?เรื่องวางยาพิษตอนนั้น ถูกตีความเอาไว้เช่นนี้หรือ?ในใจนางรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น"ท่านปู่...""จาวหนิง เจ้าให้ข้าพูดให้จบก่อน""อืม พูดให้หมดเลย ข้าเองก็อยากจะฟังเหมือนกัน" เซียวหลันยวนน้ำเสียงสงบ"ถึงอย่างไร ตอนนี้ในเมืองหลวงก็มีคนไม่น้อยที่พูดว่าเจ้านั้นเป็นมังกรร้าย เจ้เาองก็รู้ ว่าเรื่องนี้มันพูดให้ชัดเจนไม่ได้ แต่ปกติคนเราก็ยอมที่จะเชื่อว่ามันมีอยู่จริงใช่ไหม?"ผู้เฒ่าฟู่มองเซียวหลันยวนเขาเองก็รู้ ว่าเรื่องที่ลือกันนี้มันเหลวไหล ถึงอย่างไรเขาเองก็ไม่เชื่อแต่ว่าเรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาเชื่อหรือไม่เชื่อเมื่อมีคำพูดเช่นนี้ลือออกมา องค์จักรพรรดิจะไม่ยอมปล่อยไป"ถูกต้อง" เซียวหลันยวนพยักหน้า"ดังนั้นเรื่องนี้จึงยุ่งยากมาก" ผู้เฒ่าฟู่ถอนหายใจ "ข้ารู้ว่าน่าจะมีคนไม่น้อยที่ไม่ยอมรับเ
เซียวหลันยวนหลังจากฟังผู้เฒ่าฟู่พูดมายืดยาวจนจบ ก็เอ่ยถามเขาขึ้นเสียงเรียบคำหนึ่ง"จากที่ท่านปู่เห็น พวกเราควรทำเช่นไร?"ประโยคนี้พอย้อนถามออกมา กระทั่งผู้เฒ่าฟู่เองก็ยังคิดไม่ถึงอั นที่จริงตอนที่เขาเผชิญหน้ากับเซียวหลันยวนเองก็กระวนกระวายตึงเครียดอยู่เหมือนกัน ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นอ๋องนะ ตระกุลฟู่ของพวกเขาตอนที่รุ่งเรืองที่สุด ก็เป็นแค่ตอนที่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินถูกเชิญเข้าไปร่วมงานเลี้ยงวังเท่านั้นพวกเขาเป็นประชาชนปกติสำหรับอำนาจจักรพรรดิ ยังถือว่ารู้สึกกดดันอยู่มาก ต่อให้เซียวหลันยวนตอนนี้จะเป็นเขยของหลานสาวเขาก็ตามยิ่งไปกว่านั้นเขาพูดไปตั้งเยอะขนาดนี้ ก็ล้วนแทบจะแทงลงไปบนใจของเซียวหลันยวนทั้งหมด ผู้เฒ่าฟู่เองเดิมทีก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเขา เซียวหลันยวนน่าจะระเบิดอารมณ์พลิกโต๊ะเป็นแน่และอาจจะถูกเหล่าองครักษ์ไล่พวกเขาออกไป ไม่ให้พวกเขาเข้ามาเหยียบในจวนอ๋องเจวี้ยนอีกแต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเพื่อจาวหนิงแล้ว เขาก็ยังต้องพูดให้ชัดเจนตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพอได้ยินคำพูดเหล่านี้ ปฏิกิริยาของเขาจึงจะเป็นความจริงที่สุด เขาก็อยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะจัดการอย่า
พวกเขาพูดอะไรไม่ออก สิ่งที่ควรพูดก็พูดหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขามีความรู้สึกเหมือนใกล้จะถูกพวกเขามองมาทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงกลับมองไปทางเซียวหลันยวนมือข้างหนึ่งของนางกุมมือเขนแน่น สัมผัสได้ถึงไฟโกรธที่เขาระงับไว้นายกมือข้างหนึ่งขึ้นมา เตรียมจะปลดหน้ากากของเขาออกตอนนี้ นางอยากให้ท่านปู่กับฟู่จาวเฟยได้เห็นใบหน้าของเซียวหลันยวนแต่เซียวหลันยวนก็เบี่ยงออกเล็กน้อย เลี่ยงมือของนางออกมา"อายวน" นางเรียกเขาเสียงแผ่วเบา"สวมไว้ก่อนเถอะ" เสียงของเซียวหลันยวนฟังแล้วสงบนิ่งเหมือนไม่มีอารมณ์ใดยิ่งไปกว่านั้น ในเวลาเช่นนี้ มือที่จับนางไว้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ราวกับกำลังปล่อยมือจากตัวนางชั่วพริบตานั้น ฟู่จาวหนิงก็พลิกมาจับเขา นิ้วสอดประสานกันและกันกับนิ้วทั้งสิบของเขานางชูมือของทั้งสองคนขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะเซียวหลันยวนตะลึงงัน มองนางเดิมทีคิดจะพูดอะไร แต่ก็หยุดอยู่ที่คอหอยสายตาของผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยก็มองไปยังมือที่กุมกันอยู่นั้นฟู่จาวหนิงมองผู้เฒ่าฟู่เสียงของนางดังขึ้นแจ่มชัด เอ่ยขึ้นทีละคำอย่างตั้งใจ"ท่านปู่ ข้ากับอายวนรักกันแล้ว ตัดสินใจว่าจะปกป้องกันไปชั่วชีวิต หลังจากนี้ไม
ใจของเซียวหลันยวนอ่อนลงมาแล้วเขาคือคนที่ฟู่จาวหนิงคิดจะปกป้องไม่มีใครเคยพูดว่าจะปกป้องเขาเขาคิดมาตลอด ว่าต่อให้ร่างกายตนเองแย่ลง ติดพิษ อยู่ได้ไม่ถึงอายุสามสิบ เช่นนั้นก็จะพยายามอยู่ต่อไปทีละวันๆด้านหลังเขายังมีคนเหล่าที่ติดตามเขามาตลอดเหล่านั้นอยู่ แล้วยังมีคนเหล่านี้ของจวนอ๋องเจวี้ยนด้วย ถ้าหากเขาตายไป พวกเขาคงจะลำบากมากพวกของชิงอีหลานหรงเหล่านั้น เดิมทีก็ถูกเขาเก็บมาตอนที่แทบจะเอาตัวไม่รอดยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ล้วนเคารพศรัทธาเขา เชื่อมั่นในความสามารถของเขา เชื่อมั่นว่าติดตามเขาแล้ว จะช่วงชิงฟ้าดิน จะมีวันคืนที่ดีขึ้นมาพวกเขาล้วนเป็นคนที่ทุ่มเทด้วยชีวิตแต่ฟู่จาวหนิงกลับพูดว่า เขาเป็นคนที่นางจะปกป้อง"ท่านปู่ ข้ารู้ว่าท่านกังวลข้า เป็นห่วงข้า แต่ว่าข้าเองก็กังวลอายวนเป็นห่วงอายวนเหมือนกัน เขาเป็นสามีของข้า ไม่ว่าหลังจากนี้เขาต้องเผชิญกับอะไร ข้าก็จะยืนอยู่ข้างกายเขา ท่านไม่ต้องกังวลไป ข้ากับเขาล้วนไม่ใช่คนที่จะมารังแกกันง่ายๆ"ฟู่จาวหนิงมองผู้เฒ่าฟู่ น้ำเสียงเองก็อ่อนลงมาแล้วเช่นกัน"องค์จักรพรรดิถ้าหากจะไม่เอาเขาไว้ เช่นนั้นข้าก็จะช่วยเขาสู้กับองค์จักรพรรดิ เขาคิดจ
นี่คือสมบัติล้ำค่าของทั้งชีวิตเขา เขาจะปกป้องมันให้ดี จะไม่ใช้ลมปากอะไรมารับประกันทั้งนั้นผู้เฒ่าฟู่พอได้ยินคำนี้ของเขาก็ถอนใจโล่งออกมา เพราะคำพูดนี้ก็ฟังออกถึงความคิดต่อตัวฟู่จาวหนิงของเซียวหลันยวนแล้ว"ทุกท่าน อาหารเย็นชืดหมดแล้ว ข้าจะให้คนนำไปอุ่นสักครู่"ผู้ดูแลจงก็เดินเข้ามาอย่างพอเหมาะพอเจาะ สั่งการให้สาวใช้นำกับข้าวยกออกไปอุ่นเซียวหลันยวนลุกขึ้นยืน "หนิงหนิง เจ้าอยู่กินกับท่านปู่และเสี่ยวเฟยเถอะ ข้าจะไปห้องหนังสือเสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงมองเขาครู่หนึ่ง น่าจะเพราะเข้าใจความคิดเขา จึงพยักหน้าให้ "เดี๋ยวจะให้ชิงอีส่งอาหารไปให้ท่าน""ได้" เซียวหลันยวนเองก็ไม่ปฏิเสธพอเขาออกไป ผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยดูมึนงงหน่อยๆ ในใจก็ดำดิ่ง"จาวหนิง อ๋องเจวี้ยนยังโกรธอยู่หรือ?"กระทั่งข้าวก็ยังไม่อยากมานั่งกินกับพวกเขาแล้วหรือ?ก็จริง คำพูดเหล่านั้นที่เขาพูดเมื่อครู่มันทำร้ายจิตใจเสียเหลือเกิน"ไม่ใช่ ท่านปู่ สำหรับคนของบ้านตนเอง เขาไม่ใช่คนที่จิตใจคับแคบขนาดนั้น ท่านต้องเชื่อมั่นในตัวอายวนหน่อย เขาจะต้องคิดถึงเรื่องอะไรที่ต้องรีบไปจัดการแน่นๆ ท่านเองก็รู้ว่าสถานการณ์ของพวกเราตอนนี้ไม่ได้ผ
หงจั๋วไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนไปที่ไหน"ท่านอ๋องไม่ได้บอกไว้เจ้าค่ะ แค่ให้ข้าน้อยมาแจ้งกับพระชายา บอกว่าพักผ่อนไวไว อย่าให้ตัวเย็นนัก"พอมาถึงในห้อง เฝิ่นซิงก็ตรงเข้ามารับ ดวงตาเป็นประกาย"พระชายา ท่านรู้ไหมว่าก่อนที่จะออกไปท่านอ๋องให้ข้าน้อยทำอะไร?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ"ทำอะไรหรือ?""ให้ข้าน้อยเอาหม้อร้อนหลายใบใส่ไว้ในผ้าห่ม ท่านอ๋องบอกว่าเช่นนี้พอพระชายาขึ้นบนเตียงก็จะอบอุ่นขึ้นมา"ท่านอ๋องเอาใจใส่สุดๆ ไปเลยฟู่จาวหนิงใจอุ่นวาบขึ้นมาเซียวหลันยวนจำได้ว่านางมีประจำเดือน กลัวว่านางจะหนาวสินะอันที่จริงตอนแรกเขาก็รู้สึกว่า เซียวหลันยวนคนนี้ ขอแค่เขายอมเท่านั้น เขาจะกลายเป็นคนที่เอาใจใส่อย่างละเอียดคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่ก่อนหน้านี้ไม่มีคนให้เขาได้ใส่ใจนั่นเองตอนนี้เขาเอาใจใส่มาไว้บนตัวนาง นางรู้สึกว่าโชคดีสุดๆ"ข้าเพิ่งจะกินยังไม่อยากนอนน่ะ" ฟู่จาวหนิงเดินมานั่งลงที่แคร่นิ่ม "พวกเจ้าอยู่คุยกับข้าก่อน ลองเล่ามาหน่อยว่าครึ่งปีนี้ในเมืองหลวงกับจวนอ๋องมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง""พระชายาจะถามถึงชิวอวิ๋นพวกนั้นใช่ไหม?" หงจั๋วเอ่ยขึ้นทันที"อื๋อ?"ฟู่จาวหนิงเดิมทียังนึกไม่ถึงเรื่องชิวอวิ๋นด้
ฟู่จาวหนิงเองก็อดชมขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้...หญิงงามบานสะพรั่ง ระยิบระยับเจิดจ้าอวิ๋นจูงดงามมาก แต่สิ่งที่ดึงดูดคนยิ่งกว่าใบหน้านางคือผิวของนางถูกต้อง อวิ๋นจูขาวมากขาวจนเหมือนส่องแสงได้อย่างไรอย่างนั้นความขาวบดบังความไม่น่ามองทั้งมวล แล้วนางเองก็สวยอยู่แล้วด้วยฟู่จาวหนิงพอเห็นสาวงามที่ผิวขาวราวหยกคนนี้ก็อดถลึงตาโตไม่ได้ตอนนี้นางจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมหงจั๋วกับเฝิ่นซิงถึงบอกว่าคุณหนูอวิ๋นคนนี้งดงามกว่าคนมากมายในเมืองหลวงยังไม่ต้องพูดเรื่องใบหน้า เอาแค่ความขาวของผิวนางก็ชนะคนอื่นไปส่วนใหญ่แล้วหลังจากอวิ๋ฯจูคารวะให้นาง ก็เห็นนางไม่ตอบกลับ จึงเอ่ยซ้ำขึ้นมาคำหนึ่ง"อวิ๋นจูคารวะพี่หญิงพระชายา"ฟู่จาวหนิงได้ยินคำพูดนาง เพียงแต่สายตายังคงพิจารณาอยู่อันดับแรก คำเรียกอย่างพี่หญิงพระชายาทำเอานางรู้สึกขบขัน"เจ้าชื่ออวิ๋นจูหรือ?""ถูกต้อง สกุลอวิ๋น ชื่อจูคำเดียว" เสียงของอวิ๋นจูอ่อนช้อยมากนางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน คลุมด้วยผ้าคลุมขนกระต่ายสีขาว บนตัวมีกลิ่นหอมจางๆ ตอนที่เพิ่งเข้าประตูมาด้านนอกก็มีลมพัดเอากลิ่นนี้เข้ามาพอดีกลิ่นหอมนี้พิเศษมาก หอมอ่อนโยนและสง่างาม แตกต่างกับความห
ฟู่จาวหนิงมองไปทางหงจั๋วเฝิ่นซิงอีกครั้งราชวงศ์แคว้นเจาคือสกุลเซียวอ๋องฉยงไม่ใช่เป็นญาติกับองค์จักรพรรดิหรอกหรือ?อวิ๋นจูในเมื่อเป็นลูกสาวของเขา เช่นนั้นทำไมจึงไม่ใช่สกุลเซียว แต่เป็นสกิลอวิ๋น?เฝิ่นซิงกดเสียงต่ำ เข้ามาป้องข้างหูนาง "คุณหนูอวิ๋นใช้นามสกิลตามมารดาเจ้าค่ะ"ดังนั้น อ๋องฉยงจึงสกุลเซียวสินะ"ใช้สกุลอวิ๋นหรือ?"หาได้ยากจริงๆ จะพูดอย่างไรก็ถือว่าเป็นสายเลือดของราชวงศ์นะ แล้วอ๋องฉยงกลับให้ลูกสาวใช้สกุลตามมารดาหรือ?อวิ๋นจูดวงตาแดงรื้นขึ้นมาอีกสามส่วน ดูแล้วน่าสงสารเอามากๆนางกัดริมฝีปากล่าง กำลังเตรียมจะพูดอะไร ฟู่จาวหนิงก็เดินเข้ามาก่อน "ในเมื่อเจ้าเป็นลูกสาวของอ๋องฉยง เช่นนั้นมาพักอยู่ในเรือนอ๋องเจวี้ยนจึงไม่เหมาะสม ข้าจะให้คนส่งเจ้ากลับไปวังราชนิเวศน์ก็แล้วกัน"พูดจบนางก็ร้องเรียกขึ้นมา "สืออี"อวิ๋นจูนั่งไม่ติดแล้ว นางลุกขึ้นยืน ทำท่าเหมือนจะล้ม "น้องหญิงพระชายา...""เฮอะ"สีหน้าฟู่จาวหนิงขรึมลงไปอีก สีหน้ามีแววประชดประชันขึ้นมา"ได้ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่ดึกข้ายังไม่อยากนอน จะให้เวลาเจ้าได้สาธยายเสียหน่อย มาๆๆ เจ้าลองอธิบายกับข้าหน่อยสิ ว่าพี่หญิงน้องหญิ
เขากดลงไปบนแผลเป็นนั่น จากนั้นก็หยิบมีดเข้ามา "ชิงอี เตรียมยาห้ามเลือด""่ขอรับ""ท่านจะไม่เอาคนไปกรีดด้านนอกหรือ?" ฟู่จิ้นเชินมองเขาอย่างพูดไม่ออกไม่หรอกกระมัง คิดจะผ่าแผลเป็นนี้ในรถม้าเลยหรือ?อย่างน้อยก็พิจารณาหน่อยสิว่าเขาต้องอยู่ในรถม้าอีกหลายวันนะเซียวหลันยวนชะงักไป จัดการเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนตัวโป๋จี "หยุดรถ"รถม้าหยุดลง เขาหิ้วตัวคนออกมา จากนั้นก็โยนลงบนหิมะ เดินเข้าไปเตรียมมีด"ซี๊ด ท่านอ๋อง ท่านคิดจะทำอะไรกับเขา?"รถม้าของอันเหนียนอยู่ด้านหลัง พอรถม้าข้างหน้าหยุดพวกเขาก็ต้องหยุดลงมา ผลคืออันเหนียนพอเลิกม่านรถออกก็เห็นการเคลื่อนไหวของเซียวหลันยวนเขาเหลือบไปมองดูโป๋จีบนพื้นผาดหนึ่ง แทบจะต้องล้างตาเลยทีเดียวอ๋องเจวี้ยนตัดชุดบนตัวเขาออกหมดแล้ว!เซียวหลันยวนเหลือบตามอง "เจ้าจัดกลุ่มคำเสียใหม่นะ"ประโยคนี้เรียนมาจากจาวหนิง เขารู้สึกว่าน่าเกรงขามดีแล้วก็ตามคาด พอได้ยินเสียงเขา อันเหนียนก็เปลี่ยนคำใหม่ "ค้นเจออะไรหรือยัง?"เซียวหลันยวนไม่ตอบเขา ถือมีดไปกรีดแผลเป็นนั้นบนแขนโป๋จีเลือดไหลออกมาอันเหนียนลงจากรถม้า ยืนมองอยู่ข้างๆหรือว่าจะซ่อนจดหมายไว้ใต้แผลเป็นหรือ
"ลัทธิเทพทำลายล้างทำเรื่องไว้มากมายช่วงหลายปีนี้ ยิ่งไปวก่านั้นตอนนั้นยังเคยอาละวาดจนเผ่าเฮ่อเหลียนแทบจะล่มสลาย กระทั่งคอยสอดมือเขาไปทางตระกูลเสิ่นในต้าชื่อเพื่อสร้างความปั่นป่วนภายในอยู่บ่อยครั้งอีก"เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิงมั่น บอกถึงสิ่งที่เขาวิเคราะห์ไว้กับนาง"เรื่องที่แม่ของเจ้าถูกลักพาไปตอนเด็ก ลุงเจ้าทางนั้นยังตรวจสอบไม่ชัดเจน แต่ตอนนั้นที่กล้าลงมือกับคุณหนูตระกูลเสิ่น คนของลัทธิเทพทำลายล้างคงวางแผนไว้แล้วแน่ๆ ดังนั้น พวกเขาลงทุนลงแรงมาตั้งหลายปีขนาดนี้ จะมายอมปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?""ความหมายของท่านคือ ลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้ที่เงียบๆ ไป คือกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดีอยู่สินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางไม่รู้สึกดีดีด้วยเลยกับลัทธิเทพทำลายล้าง"อืม เจ้าต้องระวังหน่อย"เซียวหลันยวนเป็นห่วงมาก เมืองเจ้อมีผู้ประสบภัยอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรหรือเปล่า"ข้ารู้แล้ว" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้วางใจ นางจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจแล้วเซียวหลันยวนถอนหายใจออกมา "ข้าอยากไปกับเจ้าจริงๆ จะอย่างไรก็ไม่วางใจ"ฟู่จาวหนิงหัวเราะพรวดออกมา "ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ? ท่านลองเชื่อใจในตัว
เขายกชามขึ้น หยิบหมั่นโถวแช่น้ำที่ไม่ได้นุ่มลงเลยขึ้นมา กัดไปคำหนึ่ง แทบจะทำเอาฟันบิ่นจนเจ็บขึ้นมาในดวงตาเขาเปล่งประกายอาฆาต ดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็เอาหมั่นโถวแช่ไว้ในน้ำพักหนึ่งผู้คุมเข้ามามองดูผาดหนึ่ง พอเห็นเขาไม่เอะอะไม่บ่นอะไรแล้ว ถือชามใบนั้นอยู่เงียบๆ จึงอดจุ๊ปากขึ้นมาไม่ได้นี่แค่จะขอของกินอย่างเดียวจริงหรือ?พวกเขาทางนี้ยังถือว่าสงบดีอยู่ แต่เก๋อมู่กวงทางนั้นวันนี้ไม่ได้สงบเท่าไรนักเก๋อมู่กวงหลังจากจับโป๋จีได้ก็ดูดีอกดีใจมาก เขาจะไปขอคุณความดี หลังจากส่งคนเข้าคุกก็เตรียมเข้าวังเพื่อพบจักรพรรดิแต่ตอนที่เข้าใกล้วังหลวงม้าของเขาก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมา พุ่งเข้าไปชนกับรถม้าฮูหยินของโหวคนหนึ่งเข้า รถม้าของฮูหยินท่านโหวถึงกับพลิกคว่ำ คนเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่ยอมให้เขาไปไหนกว่าจะรับมือกับฮูหยินท่านโหวคนนั้นไปได้ ประตูวังก็ปิดไปแล้วแล้วเรื่องของเขาก็ไม่ถือเป็นเรื่องการทหาร ไม่ใช่การรายงานสงคราม ไม่มสามารถเข้าวังไปตอนค่ำได้ ทำได้แค่รอประชุมเช้าวันพรุ่งนี้เท่านั้นพอคิดว่าโป๋จีถูกขังไว้ในคุกใหญ่แล้ว น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เก๋อมู่กวงอารมณ์จึงค่อนข้างสงบเขาเตรียม
คนทั้งหมดเห็นด้วยที่จะให้ฟู่จิ้นเชินไปเมืองเจ้อกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธแล้วเอาจริงๆ นางเองก็ขาดคนช่วยอยู่ผู้อาวุโสจี้อยากจะไปกับนาง แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธ เพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้ว ไปช่วยผู้ประสบภัยจะเหนื่อยเกินไปได้ง่าย หรืออาจจะล้มอะไรแบบนั้น อันตรายเกินไปฟู่จาวหนิงพูดเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำตอนรักษาผู้ป่วยสองสามเรื่อง ฟู่จิ้นเชินล้วนตอบกลับมาได้หมดยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่าเขาค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วย พลังการสังเกตก็ยอดเยี่ยมส่วนความสามารถการเรียนรู้ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว กระทั่งเซียวหลันยวนเมื่ครู่ก็ยังชมกับนาง"ไปเมืองเจ้อต้องใช้เวลาหลายวัน ระหว่างทางเจ้ายังบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้ได้เร็วแล้วนำไปช่วยเจ้าได้ ข้าจะเรียนรู้ให้มากที่สุด"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างตั้งใจ "ข้าหวังว่าจะสามารถเป็นผู้ช่วยหมอที่ดีให้เจ้าได้ สามารถช่วยเจ้าแบ่งเบาภาระบางส่วน ดังนั้น มีเรื่องอะไรที่ข้าทำได้ เจ้าก็บอกข้ามา"ผู้ช่วยหมอหรือ?ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ"มีผู้ช่วยหมอที่คนเป็นพ่อมาช่วยลูกสาวเสียที่ไหน? ความสัมพันธ์นี้ดูวุ่นวายไปห
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา
"สถานที่อย่างเมืองเจ้อค่อนข้างจะพิเศษ พื้นที่ใหญ่โต ประชาชนน้อย และการเดินทางก็สะดวกสบาย" ฟู่จิ้นเชินตอบ "ถ้าหากจะยัดผู้ประสบภัยเข้าไป อันที่จริงก็สามารถทำได้อยู่ ข้าเคยไปเมืองเจ้อในเมืองมีพื้นที่ว่างค่อนข้างกว้างขวางอยู่หลายแห่ง บางครั้งยังมีพวกพ่อค้าพเนจรจากที่ต่างๆ ไปทำตลาดนัดกันที่นั่นด้วย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนมองเขาอย่างเกินคาด"เมืองเจ้อท่านก็เคยไปมาหรือ?"ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวสบตากัน สองสามีภรรยายิ้มอย่างจำใจ"ถ้าจะให้พูด พวกเราไปมาหลายสถานที่เลย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนเองก็เข้าใจขึ้นมา สิบกว่าปีนี้พวกเขาล้วนต้องคอยหลบการไล่ล่าสังหารอยู่ภายนอก แล้วยังมีการไล่จับของจวนทางการอีก แต่ละสถานที่จึงไม่สามารถอยู่ได้นานนัก ดังนั้นพวกเขาจึงหนีไปแทบจะทุกที่"แต่ว่าทางนั้นนาจะขาดแคลนเรื่องวัตถุ ถึงอย่างไรต่อให้มีที่ว่างที่จะจัดวางผู้ประสบภัยเข้าไป นั่นก็ต้องสร้างกระโจมจัดแจงที่พัก ไม่เช่นนั้นวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ก็ไม่สามารถปล่อยให้ผู้ประสบภัยต้องนอนด้านนอกทนหนาวทนหิวได้"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พรุ่งนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย"นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเอ่ยถึงม
ดังนั้น จาวหนิงจะต้องไม่ยอมถูกชายหนุ่มคนอื่นดึงดูดแน่ เพราะไม่มีใครเทียบกับเขาได้แล้วระหว่างทาง อ๋องเจวี้ยนอารมณ์ดีมาก กระทั่งยังสามารถคุยกับฟู่จิ้นเชินเรื่องโป๋จีอย่างทัดเทียมกันด้วยรอจนมาถึงจวนอ๋อง พวกเขาก็หารือตัดสินใจออกมาได้แล้ว พรุ่งนี้จะส่งโป๋จียัดเข้าไปในขบวนของอันเหนียน พาเขาออกจากเมืองก่อน หลอกเขา ให้เขาคิดว่ารับปากว่าจะช่วยเขาออกไป รอให้ได้จดหมาย คนของเซียวหลันยวนก็จะคุมตัวเขากลับเมืองหลวง"พรุ่งนี้ข้าจะไปค้นตัวเขาเอง" เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิงคนอื่นล้วนค้นไม่เจอ เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะหาไม่พบ"แล้วนายพันเก๋อล่ะ?""ให้เขาเข้าวังไม่ได้พบกับจักรพรรดิไม่ได้ชั่วคราวก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมีแผนการ"ท่านคิดจะทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เก๋อมู่กวงมีวรยุทธ์ ฟู่จิ้นเชินยังขังเขาไว้ในวังได้หรือ?"ข้ารู้ว่ามีคนหนึ่งที่พัวพันกับเก๋อมู่กวงอยู่ อ๋องเจวี้ยนส่งคนนั้นไปที่ห้องของเก๋อมู่กวงก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมองไปทางเซียวหลันยวน"เส้นสายของท่านนี่ทั้งเยอะทั้งซับซ้อนจริงๆ""ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่ประชาชนธรรมดา มีเส้นสายแค่นี้ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงหรอก""ประชาชนธรรมดาไม่มีทางพาคน
ฟู่จิ้นเชินเองก็นับถือเซียวหลันยวน"คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องเจวี้ยนจะรู้มากขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงก็ตกใจ "ท่านพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้หรือ?"สำหรับความนับถือของฟู่จิ้นเชิน เซียวหลันยวนไม่สนใจ แต่น้ำเสียงตกใจของฟู่จาวหนิง ทำให้เขารู้สึกภูมิใจขึ้นมาหน่อยๆนางนั่งตัวตรงขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบพูดว่า "อืม ก็ไม่ได้ยากอะไรนี่"พรวดฟู่จาวเฟยอยากจะขำขึ้นมาทำไมคำพูดพี่เขยถึงดูแปลกๆ?ตอนอยู่ว่างๆ ในบ้านกับท่านปู่กับน้าเซี่ยอันห่าวพกวเขาก็เคยพูดภาษาเฮ่อเหลียนออกมา เพราะพวกเขาอยากรู้อยากเห็นหน่อยๆแต่หลังจากที่ได้ยินเขาพูดไปไม่กี่คำก็ยังบอกว่าเรียนยาก สักคำเดียวก็เรียนกันออกมาไม่ได้ความสามารถการเรียนรู้ของพ่อเขาดีมาก แต่ก็ยอมรับว่านี่เรียนยากจริงๆพี่เขยกลับบอกว่าไม่ยาก แต่ว่า ที่โป๋จีพูดรวดเดียวอย่างรวดเร็วขนาดนั้น แล้วพี่เขยยังฟังออกได้ ก็อธิบายได้ว่าเขาเป็นมันทุกอย่างจริงๆ"เรียนมาตอนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงหรือ?" ฟู่จาวหนิงใช้สายตานับถือมองเขา กระพริบตาปริบๆอ๋องเจวี้ยนพอใจขึ้นมาทันที แล้วยังรู้สึกจิตใจหวานชื่นด้วย"ใช่แล้ว""เจ้าอารามสอนมาหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ "หรือว่าเ
"เช่นนั้นก็ใสหัวไป"เซียวหลันยวนพาคนออกจากคุกใหญ่เหล่าผู้คอมมองพวกเขา "หัวหน้า ตอนนี้ทำอย่างไรดี? นายพันเก๋อบอกไว้แล้ว ถ้าเฮ่อเหลียนเฟยมีความน่าสงสัยที่จะเป็นศัตรู ต้องคุมตัวเขาไว้ก่อนนี่นา"ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าก็ดึงคนไว้แล้ว ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพาเขาเดินวนในคุกไปรอบหนึ่ง จากนั้นกลับเดินกลับไปอย่างองอาจเสียอย่างนั้นพรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อถามขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?เรื่องนี้ จะต้องนำไปให้ฝ่าบาททรงทราบแน่ องค์จักรพรรดิถ้าหากถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?แต่หัวหน้าคุกก็ไม่กล้าทำอะไรนี่นา"ช่างมัน ผลักไปบนหัวอ๋องเจวี้ยนให้หมดแล้วกัน พรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อซักไซ้ขึ้นมา พวกเราก็บอกไปว่าพวกเราขวางอ๋องเจวี้ยนไม่อยู่"นี่โทษพวกเขาได้ที่ไหน?ฟู่จาวหนิงพอเห็นพวกเขาออกมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ"เสี่ยวเฟยไม่ต้องอยู่หรือ?" นางถามเซียวหลันยวน"ไม่ต้องให้อยู่แล้ว ให้พวกเขาไปที่จวนอ๋องเองแล้วกัน" เซียวหลันยวนตอบฟู่จิ้นเชินมองเขา "ขอบคุณมาก"นี่คือความหมายที่จะปกป้องพวกเขาแล้วถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พรุ่งนี้นายพันเก๋อพาคนไปที่บ้านตระกูลฟู่ พวกเขาคงไม่มีทางต่