"มาได้จังหวะพอดี มาดูนี่สิ"เสิ่นเสวียนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่ง เป่าๆ แล้วยื่นไปทางเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนรับมา ก้มตาลงมอง อักษรสามตัวก็เสียดแดงมาที่ดวงตาเขาทันทีหนังสือหย่าร้างเขามองไปทางเสิ่นเสวียน"ทำไมล่ะ อ๋องเจวี้ยนคงไม่ใช่ไม่รู้หนังสือหรอกนะ?"เสิ่นเสวียนยิ้มๆ นั่งลงมา มองเขา"ท่านลุงหมายความว่าอย่างไร?" เซียวหลันยวนรู้สึกว่ากระดาษในมือหนักอึ้งเหลือเกิน แล้วยังเสียดแทงมืออีกด้วยมือเขาสั่นระริกไปหมดแล้ว"ท่านตอนนี้ยังจะเรียกข้าว่าท่านลุงอีกหรือ เช่นนั้นข้าก็จะพูดกับท่านหลายคำหน่อย นั่งสิ"เซียวหลันยวนนั่งลงตรงข้ามเขาเสิ่นเสวียนมองเขา เอ่ยขึ้นว่า "จาวหนิงเป็นหลานสาวข้า ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตท่านแม่กับข้าไว้ด้วย โยนสองเรื่องนี้ทิ้งไปก่อน ข้าเองก็ชื่นชมในนิสัยและความสามารถของนางด้วย พูดแบบนี้ดีกว่า ในใจข้าตอนนี้ นางคือคนที่ข้ารักและหวงแหนที่สุดในบ้านตระกูลเสิ่นนี้ บนโลกใบนี้"คำพูดนี้มันช่าง...ถ้าหากไม่ใช่ว่ารู้จักตัวตนฐานะเขา ครึ่งหลังของคำพูดนี้ เซียวหลันยวนพอได้ยินใจก็บีบหดลงมาแล้ว"่นางตอนที่แต่งงานข้าไม่อยู่ด้วย งานมงคลของนางนี้มันดูฉุกละหุก
ซู๊ดสีหน้าเซียวหลันยวนเปลี่ยนไปอีกครั้งเรื่องนี้เขาเองก็ยังไม่รู้!แต่ที่เสิ่นเสวียนสามารถพูดออกมาได้ ก็พิสูจน์ได้ว่าระดับความน่าเชื่อถือนั้นสูงอยู่เสิ่นเสวียนมองออกจากปฏิกิริยาของเขา ว่าเรื่องนี้เซียวหลันยวนก็ไม่รู้เหมือนกัน"ท่านไม่รู้หรือ? ราชครูตงฉิง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าท่านเข้าใจหรือเปล่า จากที่ข้ารู้มา ความสามารถในการคาดคะเนของพวกเขาแข็งแกร่งมาก ส่วนจุดนี้ที่ข้ารู้มาได้อย่างไร ข้าก็บอกท่านได้อยู่ สมบัติล้ำค่าที่สุดของตระกูลเสิ้นพวกเราคือหนังสือ หนังสือเหล่านี้เนื้อหาก็มากมี กระทั่งมีชีวประวัติที่แท้จริงบางส่วนอีกด้วย"ในตอนนี้ เซียวหลันยวนก็เข้าใจถึงความล้ำค่าของหนังสือที่สะสมไว้เหล่านั้นเป็นครั้งแรกมิน่าถึงได้มีคนมากมายจ้องหนังสือสะสมพวกนั้นตาเป็นมัน"เจ้ายอดเขาโยวชิงคนนั้นน่าจะพูดอะไรกับเจ้าไว้ น่าจะเกี่ยวกับพวกวิถีโชคชะตากระมัง? แล้วยังพูดถึงเรื่องขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด้วยใช่ไหม? เพราะข้าตรวจสอบเจอการปฏิสัมพันธ์กันครั้งหนึ่งของพวกท่านด้วย ปีที่ท่านเพิ่งไปที่ยอดเขาโยวจิง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ออกจากเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ ตรงไปที่สุสานจักรพรรดิ""ตอนนั้นที่พวกท่า
"หนังสือหย่าร้างเขียนให้ท่านไว้แล้ว ท่านลองดู ถ้าหากไม่คัดค้านอะไรก็ทำตามนี้เลย""ท่านลุง ข้าไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลย" เซียวหลันยวนบีบหนังสือหย่าในมือแน่น ใจเองก็กระตุกเจ็บขึ้นมา"ข้าเชื่อ แต่สำหรับผู้ชายส่วนใหญ่ ผู้หญิงจะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะเวลาที่เอามาเปรียบเทียบกับอำนาจความมั่งคั่งตัวตนฐานะ"น้ำเสียงเสิ่นเสวียนฟังไม่ออกถึงความโกรธเคือง ดูสงบมากแสงเทียนบนโต๊ะกำลังสั่นไหว ทั้งที่เส้นแสงดูอบอุ่น แต่บรรยากาศที่พันล้อมระหว่างพวกเขากลับเย็นเยียบ"ตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ในแคว้นเจาท่านลำบากมาก องค์จักรพรรดิแคว้นเจามองท่านเป็นเสี้ยนหนามอยู่ตลอด ก่อนหน้านี้สุขภาพของท่านก็ย่ำแย่ แล้วยังติดพิษอีก ถูกตัดสินว่าจะอยู่ได้ไม่ถึงสามสิบ องค์จักรพรรดิแคว้นเจาจึงยังยอมทนไว้ ตอนนี้จาวหนิงรักษาท่านจนดีขึ้น แล้วยังเห็นสุขภาพของท่านดีวันดีคืน จะช้าเร็วก็ต้องลงมือรับมือกับท่านอยู่ดี"เสิ่นเสวียนเองก็คิดอย่างชัดเจนจุดนี้เขาเข้าใจเซียวหลันยวนได้ถึงอย่างไรเซียวหลันยวนก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ ถ้าหากเขารู้สึกว่าการเลือกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะช่วยเหลือเขาได้มากกว่า ก็สามารถเข้าใ
ฟ้าสางแล้วฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ดูเคสผู้ป่วยทั้งหมดจนจบ และดูเคสเสริมที่เกี่ยวข้องจนหมดแล้วด้วย ตบโต๊ะลุกขึ้นยืนผู้ป่วยเคสนี้เหมาะสมกับสถานการณ์ของเซียวหลันยวนจริงๆ!แล้วนางก็ได้วัตถุดิบยาเหล่านั้นมาแล้วด้วย สามารถทดลองรักษาได้แล้ว!นางออกจากห้องเภสัชทันที รีบเดินไปที่ประตูแล้วผลักออกไป"สืออี รีบไปจับเจ้าบ้าเซียวหลันยวนนั่น...." กลับมา!ฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูดจบ สีหน้าก็เปลี่ยนไป เพราะนางไม่รู้เลยว่าที่ประตูมีคนนั่งอยู่คนหนึ่งและเพราะเคลื่อนไหวพรวดพราดเกินไป นางจึงหยุดเท้าไม่อยู่ กระแทกไปบนแผ่นหลังของคนคนนั้นเซียวหลันยวนตอนที่ได้ยินการเคลื่อนไหวของนางก็เตรียมจะหันหน้ากลับ แต่นางก็กระแทกเข้ามาแล้ว เขาเองก็รีบคว้าแขนของนางไว้ ดึงนางมากอดไว้ด้านหน้าฟู่จาวหนิงจึงนั่งอยู่บนตักเขา แล้วรู้สึกว่าเขาเย็นเยียบไปทั้งตัว เย็นจนนางสะดุ้งโหยงพอเงยหน้ามามองหน้ากากของเขา นางก็โมโหขึ้นมา ยื่นมือเลิกหน้ากากนั่นของเขาออก"เจ้าหน้ากากนี่ท่านจะสวมไปถึงเมื่อไรกัน?!"นางทนมาพอแล้ว!นางเดิมทีเป็นหมอใหญ่ของเขา ก่อนหน้านี้ก็เห็นหน้าของเขามาแล้ว ตอนนี้เขาเอาแต่หลบหน้านางเพื่ออะไรกัน!"จาวหนิง!"
"ถ้าใบหน้าของข้าไม่ดีขึ้นมา รักษาโฉมกลับมาไม่ได้ เจ้าจะรังเกียจและหวาดกลัวไหม?"เซียวหลันยวนจับมือของนางไว้ เงยหน้ามองนางเขาเครียดจนเกร็งไปทั้งตัว เพราะตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เขาไม่หลบไม่เลี่ยงเช่นนี้ นำใบหน้าทั้งหมดเปิดเผยออกมาต่อหน้าของนางให้นางได้เห็นใบหน้าของเขาชัดๆระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้ฟู่จาวหนิงมองหน้าของเขานิ่ง"เซียวหลันยวน ท่านกัววลว่าข้าจะรังเกียจและหวาดกลัวใบหน้านี้ของท่าน ก็เลยอยากจะหย่าร้างหรือ?""ไม่ใช่เพราะท่านมีตัวเลือกที่ดีกว่า รู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะให้ความช่วยเหลือที่มากกว่ากับท่านได้ แล้วยังมีโชคที่สามารถคอยคุ้มครองท่านได้ ดังนั้นเลยอยากให้ข้าถอยจากตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยน?"เซียวหลันยวนยื่นมือไปที่เอวนาง ประคองเอวนางไว้ จ้องมองนาง ดวงตาแดงรื้นขึ้นมาอันที่จริง ยังต้องการคำตอบของนางอีกที่ไหน?เขาไม่เห็นสายตารังเกียจหรือหวาดกลัวของนางเลยแม้แต่น้อยนางไม่กลัวสภาพเหมือนผีของเขาและไม่รังเกียจสภาพเหมือนผีแบบเขา"ข้ากลัวมาตลอดว่าจะส่งผลกระทบกับเจ้า จะทำให้เจ้ารังเกียจและหวาดกลัว ข้าไม่กล้าปลดหน้ากากนี้ต่อหน้าเจ้า กระทั่งไม่กล้าจะทดลอง เพราะถ้าหากเจ
เซียวหลันยวนดึงนางมาในอ้อมกอดเขาเดิมทีนั่งอยู่บนแคร่นิ่ม พอนางถูกดึงมาเช่นนี้ จึงทับลงไปบนหน้าอกเขาสองมือนางดันหน้าอกเขาไว้ ถลึงตามองเขา"จะหย่าอยู่แล้วแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือหรือ?""ไม่หย่าหรอก"เซียวหลัยยวนตอนนี้ก็กลัวจริงๆ แล้ว เมื่อคืนนี้ฟู่จาวหนิงไล่เขาออกจากห้องเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้นางไม่เคยทำเลยเสิ่นเสวียนเองก็ตรวจสอบความลับเขาจนหมดแล้ว ถึงกับลงมือเขียนหนังสือหย่าร้างด้วยตนเองเขากลัวว่าเสิ่นเสวียนจะดึงฟู่จาวหนิงเข้าไปพูดคุยอย่างมีเหตุผลเหมือนกัน ด้วยความเคารพต่อตัวท่านลุงของฟู่จาวหนิง แล้วด้วยนิสัยที่มีเหตุผลและใจเย็นมากกว่าหญิงสาวทั่วไปแต่เดิมของนาง ก็อาจจะถูกเสิ่นเสวียนกล่อมเอาได้เรื่องหย่าร้างสำหรับนางแล้ว แทบจะไม่มีผลเสียอะไรเลย เป็นผลดีเสียด้วยซ้ำด้วยความสามารถของนาง นางจะปีนไปยังคนมีอำนาจอื่นๆ ไม่ได้เลยหรือ? ถ้านางคิดจะหาผู้ชายที่รักมั่นต่อนางจะหาไม่ได้เลยหรือ?ไม่ใช่ว่ามีซือถูไป๋อยู่คนหนึ่งหรือไร?ไหนจะยังองค์ชายสองแห่งต้าชื่อ ที่แทบจะเข้ามาร่วมศึกชิงนางอยู่แล้วอีกคนพูดได้ว่า ถ้าแค่เขาปล่อยมือไป ฟู่จาวหนิงคงบินหนีไปไกลอย่างแน่นอน เป็นสิ่งที่เขาไม่มีทางไ
"ใช่ พอยิ่งหลงรัก ก็ยิ่งกลัว"เซียวหลันยวนหอมไปเบาๆ บนหน้านาง "หนิงหนิง ข้าชอบเจ้า มีแต่เจ้าเท่านั้น"ฟู่จาวหนิงคิดว่าตนเองยังโกรธอยู่ แต่พอได้ยินคำพูดเหล่านี้จะไม่รู้สึกอะไร แต่เอาจริงๆ นางกลับพบว่าพอได้ยินเขาพูดออกมาเหมือนจะคลุ้มคลั่งแบบนี้ ใจของนางเองก็อดใจเต้นระส่ำขึ้นมาไม่ได้นางกัดริมฝีปากล่าง กลัวว่าตนเองจะใจอ่อนตอบรับเขาเช่นนั้นที่โมโหก่อนหน้านี้ก็เสียเปล่าน่ะสิ?นางไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ดิ้นให้หลุด ทั้งสองคนนิ่งเงียบขึ้นมาพร้อมกันอยู่พักหนึ่ง ราวกับกำลังฟังเสียงใจเต้นของอีกฝ่ายอยู่ฟู่จาวหนิงไม่ดิ้นรนอีกแล้ว และไม่ได้ผลักไสเขา แล้วยังไม่ด่าเขาต่อ ใจของเซียวหลันยวนก็เหมือนแช่อยู่ในน้ำผลไม้เปรี้ยวหวาน พ่นฟองอากาศออกมาเขารู้ว่าตนเองก่อนหน้านี้ทำผิดกับนางจริง และเขาที่ทำผิดใหญ่โตขนาดนั้น ฟู่จาวหนิงก็ยังยอมให้อภัยเขาเร็วขนาดนี้เขาเกือบจะเสียภรรยาที่แสนดีขนาดนี้ไปแล้วผ่านไปพักหนึ่ง ฟู่จาวหนิงจึงยื่นมือมาหยิกที่เอวเขา"ท่านปล่อยมือก่อน มีเรื่องหนึ่งที่ร้ายแรงมากที่ท่านยังไม่ได้พูดให้ชัดเจน!"เซียวหลันยวนใจกระตุก เรื่องอะไร?ดูเหมือนจะร้ายแรงมากเสียด้วย?เขาไม่กล้าชักช้า
ดังนั้น นี่เป็นเสื้อผ้าที่ร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปของตระกูลชิ่งหรือ?ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตัวเองขายหน้าเอามากๆ ขายหน้าไปถึงบ้านคุณย่าแล้วหลังจากนางถามออกมาถึงพบว่าที่แท้ตัวเองก็เหมือนกับหญิงสาวคนอื่นๆ ชอบคิดไปเรื่อยเปื่อย ชอบหึงไปเรื่อยเปื่อย แล้วยังชอบหาเรื่องทะเลาะอย่างไม่มีเหตุผลอีกี"แล้วใครให้ท่านไม่ยอมบอกกันเล่า?"ฟู่จาวหนิงตัดสินใจแว้งกลับ"ใช่ เป็นข้าที่ไม่ยอมอธิบายออกมาเอง ข้าผิดเอง" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางแสนดี"ท่านไม่ใช่แค่ไม่ยอมอธิบายเอง แต่ยังจงใจท้าทายจะทะเลาะกับข้าด้วย""ใช่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษ""เซียวหลันยวน""หืม ข้าอยู่นี่"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรงผู้ชายต่ำช้าคนนี้ ตอนที่สมองยังบ้าๆ บอๆ ก็เอาแต่ทำให้คนโมโห แต่พอสมองกลับมาดี ท่าทีของเขาก็แสนดีจนโกรธไม่ลงเลย"หนิงหนิง..."เซียวหลันยวนคล้องคอนาง เอียงเข้าไปหานาง แต่ตอนที่ลมหายใจสัมผัสกัน เขาก็อดทนผละตัวถอยออกมาอีกสภาพเขาแบบนี้...ฟู่จาวหนิงมองออกถึงความดิ้นรนและปรารถนาจากในตาของเขาเขามองริมฝีปากนางมาหลายครั้งแล้ว สายตาเองก็ร้อนแรงเหมือนเปลวไฟ ทั้งสองคนห่างกันไปหลายเดือน ไม่ได้เข้าใกล
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้