ฟ้าสางแล้วฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ดูเคสผู้ป่วยทั้งหมดจนจบ และดูเคสเสริมที่เกี่ยวข้องจนหมดแล้วด้วย ตบโต๊ะลุกขึ้นยืนผู้ป่วยเคสนี้เหมาะสมกับสถานการณ์ของเซียวหลันยวนจริงๆ!แล้วนางก็ได้วัตถุดิบยาเหล่านั้นมาแล้วด้วย สามารถทดลองรักษาได้แล้ว!นางออกจากห้องเภสัชทันที รีบเดินไปที่ประตูแล้วผลักออกไป"สืออี รีบไปจับเจ้าบ้าเซียวหลันยวนนั่น...." กลับมา!ฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูดจบ สีหน้าก็เปลี่ยนไป เพราะนางไม่รู้เลยว่าที่ประตูมีคนนั่งอยู่คนหนึ่งและเพราะเคลื่อนไหวพรวดพราดเกินไป นางจึงหยุดเท้าไม่อยู่ กระแทกไปบนแผ่นหลังของคนคนนั้นเซียวหลันยวนตอนที่ได้ยินการเคลื่อนไหวของนางก็เตรียมจะหันหน้ากลับ แต่นางก็กระแทกเข้ามาแล้ว เขาเองก็รีบคว้าแขนของนางไว้ ดึงนางมากอดไว้ด้านหน้าฟู่จาวหนิงจึงนั่งอยู่บนตักเขา แล้วรู้สึกว่าเขาเย็นเยียบไปทั้งตัว เย็นจนนางสะดุ้งโหยงพอเงยหน้ามามองหน้ากากของเขา นางก็โมโหขึ้นมา ยื่นมือเลิกหน้ากากนั่นของเขาออก"เจ้าหน้ากากนี่ท่านจะสวมไปถึงเมื่อไรกัน?!"นางทนมาพอแล้ว!นางเดิมทีเป็นหมอใหญ่ของเขา ก่อนหน้านี้ก็เห็นหน้าของเขามาแล้ว ตอนนี้เขาเอาแต่หลบหน้านางเพื่ออะไรกัน!"จาวหนิง!"
"ถ้าใบหน้าของข้าไม่ดีขึ้นมา รักษาโฉมกลับมาไม่ได้ เจ้าจะรังเกียจและหวาดกลัวไหม?"เซียวหลันยวนจับมือของนางไว้ เงยหน้ามองนางเขาเครียดจนเกร็งไปทั้งตัว เพราะตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เขาไม่หลบไม่เลี่ยงเช่นนี้ นำใบหน้าทั้งหมดเปิดเผยออกมาต่อหน้าของนางให้นางได้เห็นใบหน้าของเขาชัดๆระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้ฟู่จาวหนิงมองหน้าของเขานิ่ง"เซียวหลันยวน ท่านกัววลว่าข้าจะรังเกียจและหวาดกลัวใบหน้านี้ของท่าน ก็เลยอยากจะหย่าร้างหรือ?""ไม่ใช่เพราะท่านมีตัวเลือกที่ดีกว่า รู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะให้ความช่วยเหลือที่มากกว่ากับท่านได้ แล้วยังมีโชคที่สามารถคอยคุ้มครองท่านได้ ดังนั้นเลยอยากให้ข้าถอยจากตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยน?"เซียวหลันยวนยื่นมือไปที่เอวนาง ประคองเอวนางไว้ จ้องมองนาง ดวงตาแดงรื้นขึ้นมาอันที่จริง ยังต้องการคำตอบของนางอีกที่ไหน?เขาไม่เห็นสายตารังเกียจหรือหวาดกลัวของนางเลยแม้แต่น้อยนางไม่กลัวสภาพเหมือนผีของเขาและไม่รังเกียจสภาพเหมือนผีแบบเขา"ข้ากลัวมาตลอดว่าจะส่งผลกระทบกับเจ้า จะทำให้เจ้ารังเกียจและหวาดกลัว ข้าไม่กล้าปลดหน้ากากนี้ต่อหน้าเจ้า กระทั่งไม่กล้าจะทดลอง เพราะถ้าหากเจ
เซียวหลันยวนดึงนางมาในอ้อมกอดเขาเดิมทีนั่งอยู่บนแคร่นิ่ม พอนางถูกดึงมาเช่นนี้ จึงทับลงไปบนหน้าอกเขาสองมือนางดันหน้าอกเขาไว้ ถลึงตามองเขา"จะหย่าอยู่แล้วแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือหรือ?""ไม่หย่าหรอก"เซียวหลัยยวนตอนนี้ก็กลัวจริงๆ แล้ว เมื่อคืนนี้ฟู่จาวหนิงไล่เขาออกจากห้องเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้นางไม่เคยทำเลยเสิ่นเสวียนเองก็ตรวจสอบความลับเขาจนหมดแล้ว ถึงกับลงมือเขียนหนังสือหย่าร้างด้วยตนเองเขากลัวว่าเสิ่นเสวียนจะดึงฟู่จาวหนิงเข้าไปพูดคุยอย่างมีเหตุผลเหมือนกัน ด้วยความเคารพต่อตัวท่านลุงของฟู่จาวหนิง แล้วด้วยนิสัยที่มีเหตุผลและใจเย็นมากกว่าหญิงสาวทั่วไปแต่เดิมของนาง ก็อาจจะถูกเสิ่นเสวียนกล่อมเอาได้เรื่องหย่าร้างสำหรับนางแล้ว แทบจะไม่มีผลเสียอะไรเลย เป็นผลดีเสียด้วยซ้ำด้วยความสามารถของนาง นางจะปีนไปยังคนมีอำนาจอื่นๆ ไม่ได้เลยหรือ? ถ้านางคิดจะหาผู้ชายที่รักมั่นต่อนางจะหาไม่ได้เลยหรือ?ไม่ใช่ว่ามีซือถูไป๋อยู่คนหนึ่งหรือไร?ไหนจะยังองค์ชายสองแห่งต้าชื่อ ที่แทบจะเข้ามาร่วมศึกชิงนางอยู่แล้วอีกคนพูดได้ว่า ถ้าแค่เขาปล่อยมือไป ฟู่จาวหนิงคงบินหนีไปไกลอย่างแน่นอน เป็นสิ่งที่เขาไม่มีทางไ
"ใช่ พอยิ่งหลงรัก ก็ยิ่งกลัว"เซียวหลันยวนหอมไปเบาๆ บนหน้านาง "หนิงหนิง ข้าชอบเจ้า มีแต่เจ้าเท่านั้น"ฟู่จาวหนิงคิดว่าตนเองยังโกรธอยู่ แต่พอได้ยินคำพูดเหล่านี้จะไม่รู้สึกอะไร แต่เอาจริงๆ นางกลับพบว่าพอได้ยินเขาพูดออกมาเหมือนจะคลุ้มคลั่งแบบนี้ ใจของนางเองก็อดใจเต้นระส่ำขึ้นมาไม่ได้นางกัดริมฝีปากล่าง กลัวว่าตนเองจะใจอ่อนตอบรับเขาเช่นนั้นที่โมโหก่อนหน้านี้ก็เสียเปล่าน่ะสิ?นางไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ดิ้นให้หลุด ทั้งสองคนนิ่งเงียบขึ้นมาพร้อมกันอยู่พักหนึ่ง ราวกับกำลังฟังเสียงใจเต้นของอีกฝ่ายอยู่ฟู่จาวหนิงไม่ดิ้นรนอีกแล้ว และไม่ได้ผลักไสเขา แล้วยังไม่ด่าเขาต่อ ใจของเซียวหลันยวนก็เหมือนแช่อยู่ในน้ำผลไม้เปรี้ยวหวาน พ่นฟองอากาศออกมาเขารู้ว่าตนเองก่อนหน้านี้ทำผิดกับนางจริง และเขาที่ทำผิดใหญ่โตขนาดนั้น ฟู่จาวหนิงก็ยังยอมให้อภัยเขาเร็วขนาดนี้เขาเกือบจะเสียภรรยาที่แสนดีขนาดนี้ไปแล้วผ่านไปพักหนึ่ง ฟู่จาวหนิงจึงยื่นมือมาหยิกที่เอวเขา"ท่านปล่อยมือก่อน มีเรื่องหนึ่งที่ร้ายแรงมากที่ท่านยังไม่ได้พูดให้ชัดเจน!"เซียวหลันยวนใจกระตุก เรื่องอะไร?ดูเหมือนจะร้ายแรงมากเสียด้วย?เขาไม่กล้าชักช้า
ดังนั้น นี่เป็นเสื้อผ้าที่ร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปของตระกูลชิ่งหรือ?ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตัวเองขายหน้าเอามากๆ ขายหน้าไปถึงบ้านคุณย่าแล้วหลังจากนางถามออกมาถึงพบว่าที่แท้ตัวเองก็เหมือนกับหญิงสาวคนอื่นๆ ชอบคิดไปเรื่อยเปื่อย ชอบหึงไปเรื่อยเปื่อย แล้วยังชอบหาเรื่องทะเลาะอย่างไม่มีเหตุผลอีกี"แล้วใครให้ท่านไม่ยอมบอกกันเล่า?"ฟู่จาวหนิงตัดสินใจแว้งกลับ"ใช่ เป็นข้าที่ไม่ยอมอธิบายออกมาเอง ข้าผิดเอง" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางแสนดี"ท่านไม่ใช่แค่ไม่ยอมอธิบายเอง แต่ยังจงใจท้าทายจะทะเลาะกับข้าด้วย""ใช่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษ""เซียวหลันยวน""หืม ข้าอยู่นี่"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรงผู้ชายต่ำช้าคนนี้ ตอนที่สมองยังบ้าๆ บอๆ ก็เอาแต่ทำให้คนโมโห แต่พอสมองกลับมาดี ท่าทีของเขาก็แสนดีจนโกรธไม่ลงเลย"หนิงหนิง..."เซียวหลันยวนคล้องคอนาง เอียงเข้าไปหานาง แต่ตอนที่ลมหายใจสัมผัสกัน เขาก็อดทนผละตัวถอยออกมาอีกสภาพเขาแบบนี้...ฟู่จาวหนิงมองออกถึงความดิ้นรนและปรารถนาจากในตาของเขาเขามองริมฝีปากนางมาหลายครั้งแล้ว สายตาเองก็ร้อนแรงเหมือนเปลวไฟ ทั้งสองคนห่างกันไปหลายเดือน ไม่ได้เข้าใกล
ต่อให้คิดตกแล้ว แต่ให้นางมองใบหน้าพังๆ ของตนเองในระยะใกล้เช่นนี้ เซียวหลันยวนก็ยังรู้สึกกดดันในใจอยู่ฟู่จาวหนิงยังรู้สึกว่าลมหายใจของเขาตึงเครียดอย่างชัดเจนเขามีแรงกดดันในใจจริงๆฟู่จาวหนิงถอนหายใจในใจ เอาจริงๆ ตอนที่เห็นใบหน้าเขาชัดๆ ในใจนางอันที่จริงก็ตกใจขึ้นมากะทันหันเหมือนกันเพราะว่า...นางเข้าใจเสี่ยวชิ่นในคืนนั้นได้ว่าทำไมจึงตกใจจนร้องไห้ใบหน้าเดิมของเซียวหลันยวนนั้นงดงามเอามากๆ ตอนนี้กลับน่ากลัวขนาดนี้ใบหน้ามีแผลเป็นตกสะเก็ด จนดูเหมือนรากไม้คลานอยู่บนใบหน้า ดึงตาหูจมูกปากไปจนเปลี่ยนรูปเซียวหลันยวนเดิมทีเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าได้เลย กระทั่งซือถูไป๋ก็ยังแพ้เขาตอนนี้กลับต่างอย่างเห็นได้ชัดถึงเพียงนี้ ตัวเขาเองจะยอมรับได้หรือ?เขาเองก็น่าจะถือว่าจิตใจมีความสามารถในการยอมรับที่แข็งแกร่งมากแล้ว ถ้าเป็นคนอื่น คงจะพังทลายไปเรียบร้อย"ข้าคิดออกถึงหนึ่งวิธีการรักษา แต่ต้องบอกกับท่านให้เข้าใจก่อน"พลังการยอมรับของฟู่จาวหนิงแข็งแกร่งมาก และเพราะเมื่อคืนนี้นางเองก็เห็นคนป่วยเหล่านั้นมาก่อนแล้ว เคสคนป่วยพวกนั้น แผลเป็นบนใบหน้าน่ากลัวอย่างมาก รูปภาพคว
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกำลังถามเรื่องเหล่านี้ เฉินเซียงก็วิ่เข้ามา"องค์หญิงใหญ่ ท่านหูมาขอพบ""ท่านหู? ท่านหูข้างกายเจ้าอารามคนนั้นน่ะหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึง คิดถึงสิ่งที่ปรมาจารย์ฉือเชินเคยพูดกับนางตอนยังเด็กขึ้นมาปรมาจารย์ฉือเชินบอกว่า ตอนที่นางเกิดนั่นมีปรากฏการณ์ประหลาดร่วงหล่นจากฟากฟ้า ยิ่งไปกว่านั้น ชีวิตของนางยังข้องเกี่ยวกับอีกผู้หนึ่งด้วย ดวงชะตาทั้งสองคนถ้าอยู่ด้วยกันจะเกิดวาสนาใหญ่และคนคนนั้นก็คืออ๋องเจวี้ยนจากแคว้นเจาเจ้าอารามเคยทำนายให้กับนาง เพียงแต่สองปีก่อนนางนั้นต้องกลับมาจากสุสานจักรพรรดิแล้ว แต่ตอนนั้นนางได้ข่าวเรื่องการกระทำบางอย่างขององค์รัชทายาท ถ้าหากตอนนั้นนางกลับมาเมืองหลวง เป็นไปได้มากที่จะถูกองค์รัชทายาทจับแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อทำอะไรแน่ นางพอคิดๆ อย่างละเอียด จึงบอกกับองค์จักรพรรดิว่า นางฝันเห็นไท่ซ่างหวง เกรงว่าไท่ซ่างหวงยังไม่อยากให้นางจากไป เพื่อสนองความกตัญญู จึงอยู่เฝ้าต่ออีกสองปีตอนนี้ในที่สุดนางก็กลับมาเมืองหลวงจักรพรรดิซือถูไป๋ปฏิเสธนาง นางแม้จะรู้สึกเกินคาด แต่ก็ไม่ได้ร้องขออะไร ถึงอย่างไรนางก็ยังต้องรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนนั้นมีความสั
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรอเขาพูดอยู่ นั่งตัวตรงขึ้นทันที ทำท่าเหมือนล้างหูรอไว้แล้ว"เจ้าอารามบอกว่า คุณชายซือถูก็ไม่แน่ว่าจะไม่ใช่บุพเพสันนิวาศที่ดี"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตะลึงงันไปเล็กน้อยอิ๋นสั่วกับเสิ่นเซียงเองก็สบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนรู้สึกตกตะลึงไปบ้างก่อนหน้านี้เจ้าอารามบอกว่าองค์หญิงใหญ่กับอ๋องเจวี้ยนมีชะตาชีวิตเกี่ยวข้องกันมาชัดๆ ดังนั้นองค์หญิงใหญ่จึงรู้สึกว่าคนที่เหมาะแต่งงานกับนางมากที่สุดก็คืออ๋องเจวี้ยนมาโดยตลอดอ๋องเจวี้ยนอยู่ที่ยอดเขาโยวจิง บางครั้งที่ท่านหูแวะมา ก็เล่าสถานการณ์ของอ๋องเจวี้ยนในยอดเขาโยวชิงให้นางฟัง ดังนั้นนางจึงไม่รีบร้อนอะไรจนกระทั่งปีที่แล้วอ๋องเจวี้ยนแต่งงาน นางยังส่งคนมาหาข่าวที่แคว้นเจา หลังจากรู้ว่าการแต่งงานนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร องค์หญิงใหญ่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากอ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็เป็นท่านอ๋องที่กุมอำนาจแคว้นเจา เป็นน้องชายองค์จักรพรรดิ ข้างกายไม่มีทางที่จะไม่มีหญิงสาวอยู่ต่อให้จะแต่งงานแล้ว มีพระชายาอ๋องเจวี้ยนแล้ว นั่นก็อาจจะเป็นแค่ลูกระนาดลูกหนึ่งบนเส้นทางของชีวิตคนถ้าหากดวงชะตาของเขาเกี่ยวข้องกับองค์หญิงใหญ่ จะอย่างไร สุดท้ายก็จะก
ฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็เตรียมใจไว้แล้วตอนนั้นพวกเขาออกจากเมืองไปแบบนั้น หลายๆ เรื่องยังคงอยู่ ทั้งที่เกี่ยวกับราชวงศ์ท่านอ๋อง ทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ และไม่มีทางที่จะลืมเลือนจากเวลาที่ไหลผ่านไปกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ไม่แน่ว่าจะลืมพวกเขาถ้าหากไม่ใช่เพราะลูสาวของพวกเขาจับพลัดจับผลู พบบุพเพมหัศจรรย์จนไปแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้พวกเขายังไม่ทันเข้าเมืองหลวงก็คงถูกคนของอ๋องเจวี้ยนจับไปแล้วสิ่งที่รอพวกเขาก็คือการจำคุกและการไต่สวนหรือบางที คนที่รู้เรื่องเบื้องหลังในตอนนั้น หรือคนที่สงสัยว่าพวกเขาไปรู้ความลับอะไรเข้า ตอนนี้อาจจะเปิดเผยตัวกันออกมาถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางเป็นแบบตอนนี้ ที่ยังเข้าเมืองมาได้อย่างปลอดภัย กลับมาที่บ้านกระทั่งว่า บ้านตระกูลฟู่เองก็อาจจะไม่อยู่แล้วด้วย บ้านหลังนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะยังอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกเขากลับบ้านกลับบ้าน ใช่แล้ว พวกเขาในที่สุดก็กลับมาบ้านแล้วและทั้งหมดนี้ เป็นเพราะจาวหนิงเป็นจาวหนิงที่ให้พวกเขากลับมาบ้านได้ฟู่จิ้นเชินเข้าใจจุดนี้ได้ดียิ่งกว่าใครรอจนอารมณ์ของทุกคนนิ่งลงมาแล้ว เขาจึงถามถึงผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวหนิ
ฟู่จาวหนิง! พระชายาอ๋องเจวี้ยน! พวกเขาล้วนได้ยินเรื่องของนางมาไม่น้อย นั่นไม่ใช่คนที่ไปยั่วยุได้เลยนะ นางกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ยังกล้าไปต่อปากต่อคำด้วย พวกเขาในสายตาฟู่จาวหนิงไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น!ถ้าถูกจับจ้องไว้ล่ะก็ พวกเขาหลังจากนี้ได้เดือดร้อนแน่!คนเหล่านี้ล้วนขวัญเสียกันหมดแล้วคนที่ให้พวกเขาเข้ามาเอะอะบอกไว้ว่า ถ้าเอาคนมาเยอะๆ แล้วบวกกับเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเข้าไป ฟู่จิ้นเชินจะต้องนึกพวกเจ้าไม่ออก จำพวกเจ้าไม่ได้แน่ขอแค่เอาคนมามากพอ สถานการณ์วุ่นวายพอ แค่พวกเขาสร้างความวุ่นวายแล้วหนีไป ตระกูลฟู่ก็จับมือใครดมไม่ได้หรอกแต่ใครจะคิดว่าฟู่จิ้นเชินจะมาไม้นี้?"ฟู่ สหายฟู่ ไม่ต้องจดหรอก พวกเราก็แค่เจอพวกเจ้าบนถนนเท่านั้น...""ใช่ๆๆ ไม่มีใครมาแจ้งพวกเรา""พวกเรามีที่มาแหล่งข่าวเสียที่ไหน เข้าใจผิดแล้ว..."พวกเขาคิดจะถอย ถ้าหากไปถึงฟู่จาวหนิงคงวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่"ในเมื่อมากันแล้ว เช่นนั้นก็มาคุยเรื่องเก่ากันก่อนเถิด อย่าเพิ่งรีบไปกัน" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "พวกเจ้าไม่ใช่มาหาสหายเก่าอย่างข้าหรอกหรือ?""เจ้ากับฮูหยินเพิ่งกลับมา น่าจะเหนื่อยกันแล้ว พวกเราเอาไว้ค่อ
พวกของเซี่ยซื่อยังไม่ทันได้พูดเรื่องอ๋องเจวี้ยน ด้านนอกก็มีคนออกแรงตบประตูบ้านตระกูลฟู่ขึ้นเสียงดังเฉินซานออกไปเปิดประตู คนกลุ่มหนึ่งก็ทะลักเข้ามาคนเหล่านี้ เฉินซานคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังเป็นนักเลงหัวไม้อยู่ในเมืองหลวง จริงๆ ก็ให้ความสนใจกับพวกพ่อค้าขุนนางระดับล่างเหล่านี้อยู่คนเหล่านี้ล้วนอายุราวสามสี่สิบปี อายุประมาณฟู่จิ้นเชิน"คุณชายใหญ่ฟู่!""เร็ว ได้ยินว่าอัจฉริยะใหญ่ฟู่กลับมาแล้วหรือ?""คุณชายฟู่กลับมาแล้วจริงหรือ?"คนกลุ่มหนึ่งทะลักเข้ามา ล้วนมองอย่างตื่นเต้นมาที่ฟู่จิ้นเชินขณะที่ยังตกใจกับความหล่อเหลาราววัยหนุ่มของฟู่จิ้นเชิน กับความสวยสะพรั่งของเสิ่นเชี่ยว พวกเขาลืมเป้าหมายที่มายังบ้านตระกูลฟู่นี้แล้วพวกเขาแย่งกันพูดขึ้นมา"สหายฟู่ ให้ตายเถอะ เจ้ายังไม่ตายจริงๆ!""คุณชายฟุ่ ยังจำข้าได้ไหม? ข้าต่งฮั่น ตอนนั้นที่เคยสนุกด้วยกันกับเจ้าที่โรงน้ำชา!""จิ้นเชิน ข้าเหอจาวหลิน พวกเราตอนนั้นเกือบจะได้เป็นศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกันแล้ว!""อัจฉริยะใหญ่ฟู่ ตอนนั้นพวกเราเดิมพันงานเขียนกันหลายครั้ง พอเจ้าหายตัวไปสิบแปดปีข้าก็คิดถึงเจ้าตลอดเลย เจ้ากลับมาได
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังดูยังสับสนอยู่ ยังไม่มีใจจะไปคิดเล็กคิดน้อยนัก"นี่คือลูกสาวของข้าอันห่าว นางตอนนี้ใช้สกุลเซี่ยเหมือนข้า" เซี่ยซื่อปาดน้ำตาเอ่ยขึ้นเสิ่นเชี่ยวประคองเซี่ยอันห่าวลุกขึ้นดูแล้วเซี่ยซื่อน่าจะมีเรื่องบางอย่างกับตระกูลหลิน ยิ่งไปกว่านั้นในนี้จะต้องเป็นฝีมือของจาวหนิงแน่"ต้องขอบคุณจาวหนิง นางเก็บแม่ลูกอย่างพวกเรามา ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่รอดกันแล้ว" เซี่ยซื่อเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ได้สติขึ้นอีกครั้ง "รีบเข้าห้องเร็ว หิมะตกแล้ว ด้านนอกหนาวมาก"คนที่เหมือนแมลงกาฝากในตระกูลฟู่พวกนั้นก็ถูกฟู่จาวหนิงกวาดออกไปแล้ว เรื่องนี้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินรู้แล้วพวกเขาเข้ามาในโถงใหญ่ ลุงจงป้าจงกับหู่จือล้วนได้ยินการเคลื่อนไหว ทั้งหมดจึงวิ่งเข้ามา"คุณชาย คุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยกลับมาแล้วหรือ?""คุณชาย!"ป้าจงกับลุงจงวิ่งเข้ามาก่อน พอเห็นฟู่จิ้นเชินชัดๆ พวกเขาก็น้ำตาไหลอาบทันที ทิ้งตัวลงคุกเข่า"คุณชาย ฮูหยินน้อย พวกท่านกลับมาได้เสียที พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าน้อยรู้อยู่แล้ว ว่าพวกท่านจะต้องมีโชคที่ดีแน่นอน..."พวกเขาล้วนร้องไห้กันออกมาตอนนั้นที่พวกเขาออกไป หู่จือยังเป็นเด็กน้อยอย
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม