"ถ้าใบหน้าของข้าไม่ดีขึ้นมา รักษาโฉมกลับมาไม่ได้ เจ้าจะรังเกียจและหวาดกลัวไหม?"เซียวหลันยวนจับมือของนางไว้ เงยหน้ามองนางเขาเครียดจนเกร็งไปทั้งตัว เพราะตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เขาไม่หลบไม่เลี่ยงเช่นนี้ นำใบหน้าทั้งหมดเปิดเผยออกมาต่อหน้าของนางให้นางได้เห็นใบหน้าของเขาชัดๆระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้ฟู่จาวหนิงมองหน้าของเขานิ่ง"เซียวหลันยวน ท่านกัววลว่าข้าจะรังเกียจและหวาดกลัวใบหน้านี้ของท่าน ก็เลยอยากจะหย่าร้างหรือ?""ไม่ใช่เพราะท่านมีตัวเลือกที่ดีกว่า รู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะให้ความช่วยเหลือที่มากกว่ากับท่านได้ แล้วยังมีโชคที่สามารถคอยคุ้มครองท่านได้ ดังนั้นเลยอยากให้ข้าถอยจากตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยน?"เซียวหลันยวนยื่นมือไปที่เอวนาง ประคองเอวนางไว้ จ้องมองนาง ดวงตาแดงรื้นขึ้นมาอันที่จริง ยังต้องการคำตอบของนางอีกที่ไหน?เขาไม่เห็นสายตารังเกียจหรือหวาดกลัวของนางเลยแม้แต่น้อยนางไม่กลัวสภาพเหมือนผีของเขาและไม่รังเกียจสภาพเหมือนผีแบบเขา"ข้ากลัวมาตลอดว่าจะส่งผลกระทบกับเจ้า จะทำให้เจ้ารังเกียจและหวาดกลัว ข้าไม่กล้าปลดหน้ากากนี้ต่อหน้าเจ้า กระทั่งไม่กล้าจะทดลอง เพราะถ้าหากเจ
เซียวหลันยวนดึงนางมาในอ้อมกอดเขาเดิมทีนั่งอยู่บนแคร่นิ่ม พอนางถูกดึงมาเช่นนี้ จึงทับลงไปบนหน้าอกเขาสองมือนางดันหน้าอกเขาไว้ ถลึงตามองเขา"จะหย่าอยู่แล้วแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือหรือ?""ไม่หย่าหรอก"เซียวหลัยยวนตอนนี้ก็กลัวจริงๆ แล้ว เมื่อคืนนี้ฟู่จาวหนิงไล่เขาออกจากห้องเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้นางไม่เคยทำเลยเสิ่นเสวียนเองก็ตรวจสอบความลับเขาจนหมดแล้ว ถึงกับลงมือเขียนหนังสือหย่าร้างด้วยตนเองเขากลัวว่าเสิ่นเสวียนจะดึงฟู่จาวหนิงเข้าไปพูดคุยอย่างมีเหตุผลเหมือนกัน ด้วยความเคารพต่อตัวท่านลุงของฟู่จาวหนิง แล้วด้วยนิสัยที่มีเหตุผลและใจเย็นมากกว่าหญิงสาวทั่วไปแต่เดิมของนาง ก็อาจจะถูกเสิ่นเสวียนกล่อมเอาได้เรื่องหย่าร้างสำหรับนางแล้ว แทบจะไม่มีผลเสียอะไรเลย เป็นผลดีเสียด้วยซ้ำด้วยความสามารถของนาง นางจะปีนไปยังคนมีอำนาจอื่นๆ ไม่ได้เลยหรือ? ถ้านางคิดจะหาผู้ชายที่รักมั่นต่อนางจะหาไม่ได้เลยหรือ?ไม่ใช่ว่ามีซือถูไป๋อยู่คนหนึ่งหรือไร?ไหนจะยังองค์ชายสองแห่งต้าชื่อ ที่แทบจะเข้ามาร่วมศึกชิงนางอยู่แล้วอีกคนพูดได้ว่า ถ้าแค่เขาปล่อยมือไป ฟู่จาวหนิงคงบินหนีไปไกลอย่างแน่นอน เป็นสิ่งที่เขาไม่มีทางไ
"ใช่ พอยิ่งหลงรัก ก็ยิ่งกลัว"เซียวหลันยวนหอมไปเบาๆ บนหน้านาง "หนิงหนิง ข้าชอบเจ้า มีแต่เจ้าเท่านั้น"ฟู่จาวหนิงคิดว่าตนเองยังโกรธอยู่ แต่พอได้ยินคำพูดเหล่านี้จะไม่รู้สึกอะไร แต่เอาจริงๆ นางกลับพบว่าพอได้ยินเขาพูดออกมาเหมือนจะคลุ้มคลั่งแบบนี้ ใจของนางเองก็อดใจเต้นระส่ำขึ้นมาไม่ได้นางกัดริมฝีปากล่าง กลัวว่าตนเองจะใจอ่อนตอบรับเขาเช่นนั้นที่โมโหก่อนหน้านี้ก็เสียเปล่าน่ะสิ?นางไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ดิ้นให้หลุด ทั้งสองคนนิ่งเงียบขึ้นมาพร้อมกันอยู่พักหนึ่ง ราวกับกำลังฟังเสียงใจเต้นของอีกฝ่ายอยู่ฟู่จาวหนิงไม่ดิ้นรนอีกแล้ว และไม่ได้ผลักไสเขา แล้วยังไม่ด่าเขาต่อ ใจของเซียวหลันยวนก็เหมือนแช่อยู่ในน้ำผลไม้เปรี้ยวหวาน พ่นฟองอากาศออกมาเขารู้ว่าตนเองก่อนหน้านี้ทำผิดกับนางจริง และเขาที่ทำผิดใหญ่โตขนาดนั้น ฟู่จาวหนิงก็ยังยอมให้อภัยเขาเร็วขนาดนี้เขาเกือบจะเสียภรรยาที่แสนดีขนาดนี้ไปแล้วผ่านไปพักหนึ่ง ฟู่จาวหนิงจึงยื่นมือมาหยิกที่เอวเขา"ท่านปล่อยมือก่อน มีเรื่องหนึ่งที่ร้ายแรงมากที่ท่านยังไม่ได้พูดให้ชัดเจน!"เซียวหลันยวนใจกระตุก เรื่องอะไร?ดูเหมือนจะร้ายแรงมากเสียด้วย?เขาไม่กล้าชักช้า
ดังนั้น นี่เป็นเสื้อผ้าที่ร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปของตระกูลชิ่งหรือ?ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตัวเองขายหน้าเอามากๆ ขายหน้าไปถึงบ้านคุณย่าแล้วหลังจากนางถามออกมาถึงพบว่าที่แท้ตัวเองก็เหมือนกับหญิงสาวคนอื่นๆ ชอบคิดไปเรื่อยเปื่อย ชอบหึงไปเรื่อยเปื่อย แล้วยังชอบหาเรื่องทะเลาะอย่างไม่มีเหตุผลอีกี"แล้วใครให้ท่านไม่ยอมบอกกันเล่า?"ฟู่จาวหนิงตัดสินใจแว้งกลับ"ใช่ เป็นข้าที่ไม่ยอมอธิบายออกมาเอง ข้าผิดเอง" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางแสนดี"ท่านไม่ใช่แค่ไม่ยอมอธิบายเอง แต่ยังจงใจท้าทายจะทะเลาะกับข้าด้วย""ใช่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษ""เซียวหลันยวน""หืม ข้าอยู่นี่"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรงผู้ชายต่ำช้าคนนี้ ตอนที่สมองยังบ้าๆ บอๆ ก็เอาแต่ทำให้คนโมโห แต่พอสมองกลับมาดี ท่าทีของเขาก็แสนดีจนโกรธไม่ลงเลย"หนิงหนิง..."เซียวหลันยวนคล้องคอนาง เอียงเข้าไปหานาง แต่ตอนที่ลมหายใจสัมผัสกัน เขาก็อดทนผละตัวถอยออกมาอีกสภาพเขาแบบนี้...ฟู่จาวหนิงมองออกถึงความดิ้นรนและปรารถนาจากในตาของเขาเขามองริมฝีปากนางมาหลายครั้งแล้ว สายตาเองก็ร้อนแรงเหมือนเปลวไฟ ทั้งสองคนห่างกันไปหลายเดือน ไม่ได้เข้าใกล
ต่อให้คิดตกแล้ว แต่ให้นางมองใบหน้าพังๆ ของตนเองในระยะใกล้เช่นนี้ เซียวหลันยวนก็ยังรู้สึกกดดันในใจอยู่ฟู่จาวหนิงยังรู้สึกว่าลมหายใจของเขาตึงเครียดอย่างชัดเจนเขามีแรงกดดันในใจจริงๆฟู่จาวหนิงถอนหายใจในใจ เอาจริงๆ ตอนที่เห็นใบหน้าเขาชัดๆ ในใจนางอันที่จริงก็ตกใจขึ้นมากะทันหันเหมือนกันเพราะว่า...นางเข้าใจเสี่ยวชิ่นในคืนนั้นได้ว่าทำไมจึงตกใจจนร้องไห้ใบหน้าเดิมของเซียวหลันยวนนั้นงดงามเอามากๆ ตอนนี้กลับน่ากลัวขนาดนี้ใบหน้ามีแผลเป็นตกสะเก็ด จนดูเหมือนรากไม้คลานอยู่บนใบหน้า ดึงตาหูจมูกปากไปจนเปลี่ยนรูปเซียวหลันยวนเดิมทีเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าได้เลย กระทั่งซือถูไป๋ก็ยังแพ้เขาตอนนี้กลับต่างอย่างเห็นได้ชัดถึงเพียงนี้ ตัวเขาเองจะยอมรับได้หรือ?เขาเองก็น่าจะถือว่าจิตใจมีความสามารถในการยอมรับที่แข็งแกร่งมากแล้ว ถ้าเป็นคนอื่น คงจะพังทลายไปเรียบร้อย"ข้าคิดออกถึงหนึ่งวิธีการรักษา แต่ต้องบอกกับท่านให้เข้าใจก่อน"พลังการยอมรับของฟู่จาวหนิงแข็งแกร่งมาก และเพราะเมื่อคืนนี้นางเองก็เห็นคนป่วยเหล่านั้นมาก่อนแล้ว เคสคนป่วยพวกนั้น แผลเป็นบนใบหน้าน่ากลัวอย่างมาก รูปภาพคว
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกำลังถามเรื่องเหล่านี้ เฉินเซียงก็วิ่เข้ามา"องค์หญิงใหญ่ ท่านหูมาขอพบ""ท่านหู? ท่านหูข้างกายเจ้าอารามคนนั้นน่ะหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึง คิดถึงสิ่งที่ปรมาจารย์ฉือเชินเคยพูดกับนางตอนยังเด็กขึ้นมาปรมาจารย์ฉือเชินบอกว่า ตอนที่นางเกิดนั่นมีปรากฏการณ์ประหลาดร่วงหล่นจากฟากฟ้า ยิ่งไปกว่านั้น ชีวิตของนางยังข้องเกี่ยวกับอีกผู้หนึ่งด้วย ดวงชะตาทั้งสองคนถ้าอยู่ด้วยกันจะเกิดวาสนาใหญ่และคนคนนั้นก็คืออ๋องเจวี้ยนจากแคว้นเจาเจ้าอารามเคยทำนายให้กับนาง เพียงแต่สองปีก่อนนางนั้นต้องกลับมาจากสุสานจักรพรรดิแล้ว แต่ตอนนั้นนางได้ข่าวเรื่องการกระทำบางอย่างขององค์รัชทายาท ถ้าหากตอนนั้นนางกลับมาเมืองหลวง เป็นไปได้มากที่จะถูกองค์รัชทายาทจับแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อทำอะไรแน่ นางพอคิดๆ อย่างละเอียด จึงบอกกับองค์จักรพรรดิว่า นางฝันเห็นไท่ซ่างหวง เกรงว่าไท่ซ่างหวงยังไม่อยากให้นางจากไป เพื่อสนองความกตัญญู จึงอยู่เฝ้าต่ออีกสองปีตอนนี้ในที่สุดนางก็กลับมาเมืองหลวงจักรพรรดิซือถูไป๋ปฏิเสธนาง นางแม้จะรู้สึกเกินคาด แต่ก็ไม่ได้ร้องขออะไร ถึงอย่างไรนางก็ยังต้องรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนนั้นมีความสั
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรอเขาพูดอยู่ นั่งตัวตรงขึ้นทันที ทำท่าเหมือนล้างหูรอไว้แล้ว"เจ้าอารามบอกว่า คุณชายซือถูก็ไม่แน่ว่าจะไม่ใช่บุพเพสันนิวาศที่ดี"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตะลึงงันไปเล็กน้อยอิ๋นสั่วกับเสิ่นเซียงเองก็สบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนรู้สึกตกตะลึงไปบ้างก่อนหน้านี้เจ้าอารามบอกว่าองค์หญิงใหญ่กับอ๋องเจวี้ยนมีชะตาชีวิตเกี่ยวข้องกันมาชัดๆ ดังนั้นองค์หญิงใหญ่จึงรู้สึกว่าคนที่เหมาะแต่งงานกับนางมากที่สุดก็คืออ๋องเจวี้ยนมาโดยตลอดอ๋องเจวี้ยนอยู่ที่ยอดเขาโยวจิง บางครั้งที่ท่านหูแวะมา ก็เล่าสถานการณ์ของอ๋องเจวี้ยนในยอดเขาโยวชิงให้นางฟัง ดังนั้นนางจึงไม่รีบร้อนอะไรจนกระทั่งปีที่แล้วอ๋องเจวี้ยนแต่งงาน นางยังส่งคนมาหาข่าวที่แคว้นเจา หลังจากรู้ว่าการแต่งงานนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร องค์หญิงใหญ่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากอ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็เป็นท่านอ๋องที่กุมอำนาจแคว้นเจา เป็นน้องชายองค์จักรพรรดิ ข้างกายไม่มีทางที่จะไม่มีหญิงสาวอยู่ต่อให้จะแต่งงานแล้ว มีพระชายาอ๋องเจวี้ยนแล้ว นั่นก็อาจจะเป็นแค่ลูกระนาดลูกหนึ่งบนเส้นทางของชีวิตคนถ้าหากดวงชะตาของเขาเกี่ยวข้องกับองค์หญิงใหญ่ จะอย่างไร สุดท้ายก็จะก
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดถึงภาพของคุณชายคนนั้นที่มาปกป้องตนเองในตอนนั้น แล้วยังคิดถึงภาพที่เขาทั้งๆ ที่สวมหน้ากากอยู่ห้ามปลดลงมา กินข้าวก็ไม่ได้ แต่ก็ยังอยู่กินกับนางโดยไม่บ่นสักคำ รอยยิ้มบนใบหน้าก็เด่นชัดขึ้นมาไปพักหนึ่ง"ถ้าหากเป็นเขาจริง ข้าก็ไม่สนใจเรื่องใบหน้าเสียๆ ของเขาแล้วล่ะ""องค์หญิงใหญ่..." อิ๋นสั่วกับเสิ่นเซียงล้วนตกตะลึงไปบ้างไม่ใส่ใจจริงหรือ?ฟังข่าวที่ลือมา อ๋องเจวี้ยนที่ใบหน้าพังไปแล้ว จะพังยับไปจนหมดแล้วจริงหรือ พูดกันเสียน่ากลัว"แต่ต้องยืนยันก่อนว่าใช่เขาหรือไม่ ถ้าหากเป็นเขาจริง เขาอยู่ในต้าชื่อก็มีอันตรายอยู่ และถ้าเป็นเพราะข้าที่ทำให้เขาถูกนักฆ่าจากเมืองหมานเหล่านั้นจับตาดูแล้วจะทำอย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มกังวลอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาแล้ว"ฝ่าบาทต้องส่งคนไปตรวจสอบที่มาของเขาแน่" อิ๋นสั่วเอ่ยขึ้น "เดี๋ยวข้าเองก็จะไปตรวจสอบด้วย ว่าเขาพักอยู่ที่ไหน""อิ๋นสั่ว ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รีบไปเถอะ หลังจากตรวจสอบแล้วก็ส่งคนไปคุ้มครองเขาด้วย อย่าให้เขาเจออันตรายเด็ดขาด""องค์หญิงใหญ่ ท่านนี่ใจดีจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังได้ยินข่าวที่อ๋องเจวี้ยนใบหน้าพังไปแล้ว คนอ
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ
สิ่งที่ทำให้ตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขุ่นเคืองคือ ฟู่จาวหนิงคล้องแขนอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา"พวกเขาทำไมถึงคล้องแขนกันเดินแบบนั้นล่ะ?"เฉินเซียงถลึงตาโตนางไม่เคยเห็นสามีภรรยาเดินกันแบบนี้เลย ปกติแล้ว ภรรยาจะเดินอยู่ด้านหลังสามีประมาณครึ่งก้าวนี่ หรืออย่างมากก็ไหล่ชนไหล่แต่พออยู่ภายนอกก็ต้องคอยระวังเรื่องมารยาท มีใครเขามาคล้องแขนเดินกันแบบนี้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้นตัวฟู่จาวหนิงเองก็ยังเอนมาเบียดแขนอ๋องเจวี้ยนด้วย"นางเดินแบบนี้มันดูสง่างามตรงไหน บิดๆ เบียดๆ เงอะงะงุ่มง่ามเหมือนอะไรล่ะนั่น?" เฉินเซียงกดเสียงต่ำ พูดแบบไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "นี่มันดูเป็นพระชายาตรงไหนกัน?"เหมือนพวกอนุภรรยาที่เอาแต่เบียดเสียดชายหนุ่มมากกว่าพระชายาตัวจริงต้องมีท่าทีสง่างาม มีคุณธรรม บุคลิกภาพโดดเด่นสิทำตัวออดอ้อนแบบนี้ มันเหมือนกับปีศาจสาวที่อยากจะสูบพลังหยางจากชายหนุ่มจนตัวสั่นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนพวกอนุภรรยาที่ไร้เกียรติเฉินเซียงถึงอย่างไรก็ไม่ชินตาแต่ไม่รู้เพราะอะไร องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอิจฉาจนควบคุมไม่อยู่ชายหนุ่มที่เย็นชาขนาดนั้นแบบอ๋องเจวี้ยน ก็ยังตามใจให้ฟู่จาวหนิง แล้วยังปร
"ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะออกไป" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จิ้นเชินเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "นางน่าจะมีเรื่องมาขอร้องท่าน แต่ว่า เรื่องที่นางจะขอร้องข้าเองก็พอจะนึกออก"เขาอยากบอกว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าหากรับปากไป ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือไม่ แต่การที่พานางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ถือเป็นการทรยศและทำร้ายจาวหนิงแต่ก็ไม่อยากพูดออกมาตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะเลือกอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงัดออกมาได้คืออะไร ถ้าเผื่อมันสำคัญอย่างมากกับเซียวหลันยวนจริงๆ ล่ะ?"ท่านพ่อตาอยากพูดอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนย้อนถามเขา"อ๋า?"ฟู่จิ้นเชินถูกคำเรียก 'ท่านพ่อตา' ที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอางงงันไปหมด ตั้งตัวกลับมาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเซียวหลันยวนก็พูดต่อมาอีก "วางใจเถิด ข้าไม่ทำเรื่องที่ผิดกับหนิงหนิงแน่นอน"พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเข้าห้อง ""หากไม่มีเรื่องอะไร คนป่วยทางนั้นรบกวนท่านดูไว้หน่อย ให้หนิงหนิงได้กินข้าวเช้าก่อนพอเซียวหลันยวนเข้าห้องไป ประตูก็ปิดลงมา ฟู่จิ้นเชินมองไปทางชิงอีที่อยู่ข้างๆ ช้าๆชิงอีเองก็
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนเหล่านี้พูดจนตาแทบแดงก่ำนางไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!นางเองก็มีเกียรตินะ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เดิมทีควรจะล้ำค่าสูงส่ง สามารถเลือกราชบุตรเขยดีดีได้แต่ตอนนี้นางมีทางเลือกอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีพระเชษฐาแบบนั้น นางคงไม่ต้องทำให้มาถึงจุดนี้หรอกนางแค่อยากจะช่วยตนเองเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าหากทำได้ นางก็ไม่อยากไปทำร้ายใครทั้งนั้น นางเป็นคนที่มดแค่ตัวเดียวก็ยังทำใจเหยียบไม่ลงด้วยซ้ำ"รบกวนท่านลุงฟู่ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง ถอยไปที่ประตูวงกลมทางนั้นเฉินเซียงถลึงตาใส่ห้องนั้น คารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง "รบกวนท่านลุงฟู่ช่วยเหลือด้วย องค์หญิงใหญ่พวกรเาจะไปรออ๋องเจวี้ยนที่นั่น"พูดจบนางก็รีบเดินไปหาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จิ้นเชินส่ายหัวเขาก็เหมือนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกอยู่ในสภาพไหน มาเจอกับฝ่าบาทต้าชื่อแบบนั้น นางเองอันที่จริงก็น่าสงสารแต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็ยังไม่ฉลาดพอ เส้นทางที่เดินได้ นางกลับเดินอย่างสะเปะสะปะแต่พูดมาก็ถูก นางเติบโตมาที่สุสานจักรพรรดิ ไม่ค่อยได้พบเจอกับผู้คนสักเท่าไร และย
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่