ผู้เฒ่าฟู่กลับเบี่ยงหลบมือของนาง จ้องมองนาง "จาวหนิง เจ้าไปหาอ๋องเจวี้ยนแล้วหรือยัง? หย่าแล้วหรือยัง?"ตามคาด เขายังจำเรื่องหย่าร้างไว้ตลอดเวลา"ท่านปู่ ท่านเองก็น่าจะรู้ ว่าการหย่าร้างกับท่านอ๋องไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ว่าท่านดูข้าสิ ข้าตอนนี้ไม่ใช่ว่ายังสมบูรณ์พูนสุขอยู่หรือ? กินก็ดีเสื้อผ้าก็อุ่น ชัดเจนมากเลย ว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ทำอะไรกับข้า"ผู้เฒ่าฟู่ยื่นมือรวบริ้วผมที่หน้าผากของนางไปด้านหลัง ถอนหายใจ"อันที่จริงปู่ก็เข้าใจความคิดของเจ้า เจ้าถอนหมั้นกับเซียวเหยียนจิ่งก็เพื่อข้า ไปขวางรถม้าของอ๋องเจวี้ยนกลางถนนแล้วแต่งงานกับเขาก็เพื่อข้าเช่นกัน"ผู้เฒ่าฟู่ยื่นมือตบลงที่หน้าอกตนเองเบาๆ"ท่านปู่ ท่านต้องควบคุมอารมณ์ให้ดี ให้ตนเองมีชีวิตรอดต่อไป อย่าตื่นเต้นง่าย อย่าถูกกระตุ้นจนตกใจง่ายเกินไป"ฟู่จาวหนิงมองรอยย่นบนหางตาเขา รู้สึกดวงใจเจ็บแปลบขึ้นมาหลังจากถูกปรมาจารย์ฉือเชินตบหัวไปสามครั้ง นางก็รู้สึว่าความรู้สึกต่อบ้านตระกูลฟู่และผู้เฒ่าฟู่ของตนเองลึกซึ้งมากกว่าก่อนหน้านี้มากพอเห็นผู้เฒ่าฟู่เป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งเสียใจ"ข้ารู้ว่าก่อนหน้านี้คงทำเจ้าตกใจ จาวหนิง อย่าได้โทษปู่เลย"
"แล้วนี่จะทำอย่างไรดี" ฮูหยินสามกลัดกลุ้ม ไล่หมอชราออกไปนี่มันหมอบ้านๆ ชัดๆ !"ไปเชิญหมอคนอื่นมาอีก! หมอเทวดาหลี่ ใช่แล้ว ไปเชิญหมอเทวดาหลี่มา!" ฮูหยินสามร้องเรียกขึ้นไห่ฉางจวิ้นเองก็เข้ามาแล้ว คนใช้รีบร้อนวิ่งออกไปจนเกือบจะชนนางเข้า"เกิดอะไรขึ้น?"พอเห็นนาง ฮูหยินสามตาก็เปล่งประกาย รีบร้อนคว้ามือของนางมา "นักบุญหญิง ท่านช่วยดูหย่งหนิงของข้าให้หน่อยว่าเป็นอะไร? เขาพูดออกมาไม่ได้เลย!"ไห่ฉางจวิ้นดวงตาเปล่งประกายวาบ"เขาไม่ใช่ว่าออกไปจับม้าหรือ? ทำไมอยู่ดีดีก็พูดไม่ได้เสียแล้ว?""เพราะนังสารเลวฟู่จาวหนิง นางบอกว่าม้าเป็นของนาง จากนั้นก็เอาเข็มแทงลงมา หย่งหนิงของข้าถูกนางแทงมั่วๆ จนพูดไม่ได้ไปแล้ว"ฮูหยินสามเองก็อยากจะรีบไปคิดบัญชีพกับฟู่จาวหนิงเหมือนกัน แต่กลัวจะไปเสียเวลาเรื่องร่างกายของลูกชาย จึงทำได้แค่ทนไว้ก่อน"หยิบเข็มมาแทงหรือ? แทงมั่วด้วยหรือ"ไห่ฉางจวิ้นคิดถึงฉากที่ฟู่จาวหนิงช่วยคนไว้กลางถนน จึงเดินตรงไปข้างเตียงอย่างอดไม่อยู่ ตรวจอาการฟู่หย่งหนิงขึ้นมาฟู่จาวหนิงไม่ใช่แค่เป็นวิชาแพทย์?แต่ยังฝังเข็มได้ด้วยหรือ?ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็ร้ายกาจกว่าที่นางจิน
ฮูหยินสามกลั้นหายใจ ไม่กล้าทำให้ไหมใจโลหิตตกใจไห่ฉางจวิ้นหยิบกระบอกหยกใบหนึ่งออกมา ใช้ปลายเข็มแทงเบาๆ ไปที่ปลายนิ้วตนเอง จากนั้นหยดเลือดลงไปในกระบอกหยก จากนั้นก็เขย่าๆ หยดของเหลวในขวดลงไปที่คอของฟู่หย่งหนิงฟู่หย่งหนิงรู้สึกว่าการกระทำนี้ของนางดูลึกลับเหลือเกิน ในใจเริ่มขนลุกเขามองไปทางมารดา ถอยไปทางเตียง คิดจะหลบจากไห่ฉางจวิ้น ฮูหยินสามเองก็รีบเตือนเขา "เด็กดี เจ้าอย่าขยับตัว นี่เป็นการรักษาให้เจ้า อีกเดี๋ยวเจ้าก็พูดได้แล้ว"ไห่ฉางจวิ้นพอเห็นเขาจะหนี ก็เลยกดลงไปที่จุดชีพจรของเขาร่างกายฟู่หย่งหนิงขยับไม่ได้ ถลึงตาโตเห็นเพียงแค่ในขวดนั้นมีตัวอะไรบางอย่างสีทองบินฟิ้วๆ อยู่ว่ากันว่าไหมใจโลหิต อันที่จริงแล้วก็มีขนาดใหญ่เท่ากับผึ้งตัวหนึ่ง ร่างกายสีทอง ดวงตาสีอำพัน และยังมีปีกที่เหมือนเส้นทองถักทอขึ้นอีกสี่ปีกด้วย!มันบินออกจาขวด หมุนวันอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็ร่อนลงไปบนคอของฟู่หย่งหนิง และบนคอของเขา ของเหลวที่ไห่ฉางจวิ้นหยดไว้เมื่อครู่แข็งตัวขึ้นมาแล้วเล็กน้อย จนดูเหมือนยางลูกท้อหยดหนึ่งฮูหยินสามมองมันกินสิ่งของหยดนั้นจนหมด จากนั้นก็คายใยไหมสีเลือดกลุ่มหนึ่งออกมา ใยไหมนั้นแปะ
ฟู่จาวหนิงนั่งยองอยู่ใต้หน้าต่าง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงตีปีกขึ้น พอเงยหน้า สิ่งที่เหมือนผึ้งตัวหนึ่งก็บินตรงมาแทงลงที่นิ้วของนางทันทีและขณะเดียวกัน นางเองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตรงมาทางหน้าต่างนี้ในช่วงจังหวะสำคัญ ฟู่จาวหนิงไม่มีเวลาคิด จึงรีบโบกมือจับเจ้าของสิ่งนั้นเก็บเข้าไปในห้องเภสัชจากนั้นนางก็ยืนขึ้น ถอยหลังไปหลายก้าวพอเพิ่งจะถอยหลัง ประตูที่เมื่อครู่แง้มไว้เป็นร่องเล็กๆ ก็ถูกผลักเปิดออกทันที ไห่ฉางจวิ้น รีบกระโจนออกมา พอยืนมั่นคงแล้วจึงมองไปทางฟู่จาวหนิงนางมองหาไปรอบๆ พอไม่พบร่องรอยของไหมใจโลหิตตัวนั้น ก็ทั้งตกตะลึงทั้งร้อนรนทั้งโกรธขึ้งขึ้นมา ชี้นิ้วไปทางฟู่จาวหนิง เอ่ยขึ้นด้วยเสียงโมโห"ฟู่จาวหนิงเจ้าคนชั้นต่ำไร้ยางอาย เจ้ากล้าขโมยไหมใจโลหิตของข้าหรือ?! รีบคืนไหมใจโลหิตของข้ามาเสีย!"ฟู่จาวหนิงจึงเพิ่งได้สติ ว่าเมื่อครู่ที่ถูกนางเก็บเข้ไปในห้องเภสัชก็คือไหมใจโลหิตแต่ว่า ไห่ฉางจวิ้นพออ้าปากก็ด่ากราด นางจึงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก"เจ้าใช้ตาข้างไหนเห็นว่าข้าขโมยไป?""เจ้านั่นล่ะ ไม่เช่นนั้นทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่? เจ้าเข้ามาขโมยไหมใจโลหิตของข้าโดยเฉพาะ! อ๋องเจวี้ยนต้องการมัน เ
นี่คืออาสะใภ้สามที่มาพักอาศัยในบ้านนาง แต่กลับผันตัวจากแขกเป็นเจ้าบ้าน แล้วยังช่วยคนนอกมารังแกนางคนเป็นญาติ ญาติบ้าญาติบออะไร"ไห่ฉางจวิ้น ถ้าเจ้ายังไม่หยุดมือ ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นเสียงเย็นชา"เอาไหมใจโลหิตคืนมาให้ข้า!"ไห่ฉางจวิ้นจู่ๆ ก็สายตาโหดเหี้ยม กัดฟัน จากนั้นก็พ่นน้ำลายมาทางใบหน้าของฟู่จาวหนิงอย่างฉับพลันฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยกมือขึ้นมากั้นใบหน้าเอาไว้น้ำลายเหล่านั้นพ่นเข้ามาบนแขนเสื้อของนาง และเปียกขึ้นมาทันที แผ่ลงไปที่ผิวหนัง ลวกขึ้นมาจนแขนนางราวกับถูกเข็มพิษแทงไห่ฉางจวิ้นต้องมีพิษอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในฟันแน่!ฟู่จาวหนิงคว้าแขนเสื้อแล้วออกแรงกระชากฉีกทันที ฉีกแขนเสื้อข้างนั้นออกมา จนเผยให้เห็นแท่นแขนทั้งลำบนท่อนแขนมีจุดแดงเล็กๆ เกิดขึ้นมานับสิบ บวมขึ้นเป็นตุ่มเลือดพิษนี้ ก็รุนแรงอหังการเสียจริง!ไห่ฉางจวิ้นเมื่อครู่พ่นมาทางใบหน้านาง เห็นได้ชัดว่าจะทำลายโฉมใบหน้าของนาง!"ดูสิ พวกเจ้ารีบดู ฟู่จาวหนิงหน้าไม่อายเสียจริง นี่ถึงกับฉีกเสื้อผ้าตนเองออกมาต่อหน้าผู้ชายอย่างพวกเจ้า!"ฮูหยินสามร้องแจ้วขึ้นมา เรียกให้คนใช้เหล่านั้นจ้องม
"คุณหนูฟู่!"จงเจี้ยนปรากฎตัวขึ้นกะทันหัน พอเห็นสภาพของฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสี ยื่นมือไปยังไห่ฉางจวิ้นบนพื้นทันทีเสื้อผ้าวันนี้ของไห่ฉางจวิ้นมีผ้าระบายคลุมไหล่อยู่ ถูกเขาฉีกออกไป แล้วพาดลงไปบนตัวของฟู่จาวหนิง"เจ้ามันสมควรตาย"ไห่ฉางจวิ้นเดิมทีคิดจะชักเข็มออก กระตุ้นกำลังภายในตนเองให้เลือดลมเดินสะดวก และพอคิดจะลุกขึ้น เสื้อผ้าก็ถูกกระชากขาด นางก็โมโหจนหน้าเบี้ยวไปเลยทันทีฟู่จาวหนิงพอเห็นจงเจี้ยนที่เปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายธรรมดาแล้วก็พยักหน้าให้ คว้าชิ้นผ้าระบายนั้นไว้แล้วพันไปบนท่อนแขน เพียงพริบตาก็เหมือนนางมีแขนเสื้อเพิ่มขึ้นมาข้างหนึ่งเมื่อครู่นางตอนที่นางเห็นผู้เฒ่าสามฟู่พาคนเข้ามาก็เอียงตัวหลบไว้แล้ว ไม่ยอมให้พวกเขาได้เห็นท่อนแขนของตนเองสายตาของนางมองไปทางชายหนุ่มข้างกายผู้เฒ่าสามฟู่คนนั้นชายคนนั้นอายุราวยี่สิบห้ายี่สิบหก รูปร่างสูงใหญ่ ดูแล้วเหมือนจะมีพลังวัวพลังความอย่างไรอย่างนั้น สายตาที่จับจ้องมาที่นางเหมือนหมาป่าจ้องชิ้นเนื้อมันนางคิดถึงคำพูดสาวใช้สองคนนั้น และมีการคาดเดาต่อตัวตนฐานะของชายคนนี้ขึ้นมาสายตาที่มองไปทางผู้เฒ่าสามฟู่ก็ยิ่งเย็นชาลงไปอีก"ฟู่จาว
"เจ้าว่าอะไรนะ!"ผู้เฒ่าสามฟู่หน้าเปลี่ยนสีก่อนหน้านี้ฟู่จาวหนิงกล้าพูดแบบนี้กับเขาเสียที่ไหนนางแม้ว่าบางครั้งจะพูดว่าว่าที่นี่เป็นบ้านของนาง แต่ก็ล้วนอ่อนแอทุกครั้ง ไม่เหมือนตอนนี้ที่กล้าด่ากราดออกมาอย่างไม่น่าฟังเช่นนี้เลย"หูชองท่านไม่ดีหรือ? ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวข้าก็จะไล่พวกท่านออกจากตระกูลฟู่อยู่แล้ว พวกท่านไม่คู่ควรกับที่นี่""ใครก็ได้! จับนางกดเอาไว้ ตบปากเสียก่อนยี่สิบที! ข้าจะดูว่านางไปเอาความกล้านี้มาจากไหน ก็แค่พาผู้ชายนอกบ้านเข้ามาคนหนึ่ง กลับคิดว่ามีคนคอยช่วยจนทำอะไรก็ได้เช่นนั้นหรือ!"ข้าทาสร่างกำยำคนนั้นก็พุ่งเข้าหาฟู่จาวหนิงทันทีดูท่าทางของเขา เห็นได้ชัดว่าจะพุ่งเข้ามาใช้แขนโอบรัดร่างนางไว้ กอดนางไว้ให้ขยับไม่ได้"บังอาจ!"จงเจี้ยนเดือดดาล เขามองออกถึงสายตาน่ารังเกียจของข้าทาสคนนี้ ว่าสายตาของเขาเอาแต่จ้องมองที่ไหน?เขาโบกกระบี่แทงไปที่ข้าทาสคนนั้นข้าทาสกลับยื่นมือขึ้นกันกระบี่ของเขา และได้ยินเสียงดังเคร้ง จงเจี้ยนสัมผัสได้ว่ากระบี่กระทบเข้ากับของที่เหมือนแผ่นเหล็กพอมองไป ก็เห็นว่าบนแขนของข้าทาสนี้มีเกราะแขนเหล็กสวมอยู่สองชิ้น"เฮอะ!" ข้าทาสเห็นว่าตนเอง
ผู้เฒ่าสามฟู่เห็นไห่ฉางจวิ้นหนีไปแล้ว ในใจก็ตกตะลึงเดือดดาลเพื่อนคนไหนของฟู่จาวหนิงกัน ที่ให้ยืมองครักษ์ที่ร้ายกาจขนาดนี้มา?แต่ว่าตอนนี้พวกขยะที่เขาเลี้ยงไว้พวกนี้ก็สู้จงเจี้ยนไม่ได้ เขายังจะมีวิธีอะไรได้อีก?"จาวหนิง เจ้าตอนนี้อวดดีเสียเหลือเกิน พอมีคนช่วยเข้าหน่อยก็ไม่เห็นผู้อาวุโสญาติมิตรอยู่ในสายตาแล้วหรือ?" ผู้เฒ่าสามฟู่มองฟู่จาวหนิงเคร่งขรึมกลับมาอย่างองอาจคิดจะสั่งสอนนาง แต่ผลลัพธ์กลับถูกตบหน้าย้อนกลับมาจนบารมีหดหาย โมโหเสียจนหัวใจจะวายอยู่แล้ว"ก่อนหน้านี้ข้าก็ยังเห็นพวกท่านอยู่ในสายตาเหมือนกัน ผลลัพธ์คือพวกท่านดันกำเริบเสิบสานจนกลายเป็นเม็ดทราย ที่วันวันเข้ามาแทงตาข้าจนเจ็บปวด ตอนนี้ข้าคิดกระจ่างแล้ว ว่าควรจะให้พวกท่านกลับไปอยู่ที่ของพวกท่าน ให้พวกท่านรู้ว่าตัวเองมีกำพืดอะไร"ฟู่จาวหนิงประสานสายตากับผู้เฒ่าสามฟู่ ใบหน้าสงบนิ่ง ไม่มีแววหวาดกลัวแม้แต่น้อยผู้เฒ่าสามฟู่พอเห็นสายตาที่เย็นชาแหลมคมเช่นนี้ของนาง ก็ตระหนักขึ้นมาได้แล้วว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ"ข้าจะคอยดู ว่าเด็กสาวกำพร้าพ่อแม่อย่างเจ้า จะสร้างคลื่นลมได้แค่ไหน"ผู้เฒ่าสามฟู่พูดจบ ก็สะบัดชายเสื้
เสียงของเจ้าอารามดังขึ้นแผ่วเบาข้างหู ทำให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่เดิมคิดจะร้องด้วยความตกใจกลืนมันกลับลงไป พยายามทำให้ตนเองใจเย็นลงมาในเมื่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบอกว่าพวกเขาดูอยู่ได้ เช่นนั้นไม่ดูก็จะเสียโอกาสฟู่จาวหนิงดึงเซียวหลันยวนเดินเข้าไปใกล้ๆ ดังนั้นพวกเขาเองก็เห็นตาข่ายระยางเลือดละเอียดบนแท่นหินแล้วแรงกดอากาศในถ้ำหินเหมือนจะต่ำลงมาหน่อย จากนั้นแสงก็หม่นลงมาท้องฟ้าด้านนอกไม่รู้ทำไมถึงมืดลง ควบเมฆดำขึ้นมาผืนใหญ่ตาข่ายระยางเลือดบนแท่นหินค่อยๆ ไหลเวียนขึ้นมา จากนั้นลูกปัดหยกเหล่านั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวไปตามรางสีท้องฟ้ามืดลงกว่าเดิมเพียงไม่นาน ลูกปัดหยกรอบๆ พวกนั้นก็หมุนวนขึ้นมาลูกปัดหยกมากมายขนาดนั้น มีทั้งหมุนเร็วหมุนช้าแตกต่างกันไป ตอนที่หมุนก็เกิดเสียงเสียดสีแตกต่างกันออกมาในเสียงเองก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งเสียงแซ่กๆๆ มีทั้งเสียงจิ๊กๆๆ มีทั้งเสียงกึกๆๆ ดังเบาแตกต่างกัน แม้จะเป็นเสียงที่เบามา แต่พอมากขนาดนี้ เสียงเล็กๆพอรวมกันขึ้นมา ก็ทำให้คนมองข้ามไปไม่ได้เช่นกันฟู่จาวหนิงมองลูกปัดหยกเหล่านั้น ในใจตกตะลึงนี่เป็นกลไกที่ละเอียดมาก? หรือว่าเป็นค่ายกลอะไรกันนะ?เพียง
ฟู่จาวหนิงอันที่จริงไม่ค่อยเข้าใจว่าเจ้าอารามทำไมจึงอยากจะให้นางดูให้ได้ให้เขาทำนายชะตาของเซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้วทำไมล่ะ? ต่อให้เข้ากันได้ นางก็ไม่สนใจ ดูไปแล้วมันจะมีความหมายอะไร?"ต่อให้เปลี่ยนไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า" ฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบๆกระทั่งเจ้าอารามก็ยังไม่เคยเจอคนแบบฟู่จาวหนิงคนมากมายมาอ้อนวอนให้เขาช่วยทำนาย อยากจะให้เขาช่วยแก้ไขโชคชะตา คำนวณหาฤกษ์ดีฤกษ์ร้าย แต่ฟู่จาวหนิงกลับบอกว่าไม่ต้องการนี่คือไม่ได้อยากรู้กับโชคชะตาของตนเองแม้แต่น้อยเลยหรือ? แต่ก็ควรอยากรู้อนาคตนี่นา?"ถ้าอย่างนั้นท่านก็ห้ามอ๋องเจวี้ยนทำนายไม่ได้สิ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน ทำไมอ๋องเจวี้ยนต้องฟังนางด้วยล่ะ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน"ข้าไม่ได้ห้ามเขาทำนาย แค่เจ้าอารามถามว่าข้าอยากดูไหม ซึ่งข้าก็บอกว่าไม่สนใจเท่านั้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจ้องตาแป๋วไปทางเซียวหลันยวน "อ๋องเจวี้ยน ขอเชิญท่านมาทำนายชะตาของพวกเรา..."เซียวหลันยวนตัดบทนาง"ถ้าข้าจะทำนาย ข้าก็ไม่อยากทำนายชะตาที่เกี่ยวกับเจ้า เป็นอย่างที่พระชายาบอก ไม่ว่าพวกเราจะมีชะตาอย่างไร พวกเราก็ไม่สนใจทั้งนั้
เซียวหลันยวนแน่นอนว่าไม่บีบให้ฟู่จาวหนิงเห็นด้วย แม้ว่านางจะได้ยินประโยคนั้นจากเจ้าอารามแล้วหวั่นไหวมากก็ตามอันที่จริงเขาก็อยาก เขาอยากจะดูว่าตนเองกับจาวหนิงชะตาต้องกันหรือไม่หลายปีมานี้ได้ยินว่าเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นชะตาต้องกันมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เจ้าอารามก็แนะนำให้เขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งงานกันด้วยเหตุผลนี้เซียวหลันยวนคิดในใจ ถ้าเพื่อทำนายออกมา แล้วดวงชะตาของเขากับจาวหนิงต้องกันมากกว่าล่ะ?เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเขาก็ไม่ต้องเอาเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาผูกได้ด้วยกันแล้วใช่ไหม? เอาจริงๆ เขาฟังมาจนเบื่อแล้ว ฟังจนรำคาญด้วยแต่ฟู่จาวหนิงไม่ยอม เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไร"พระชายา อ๋องเจวี้ยนเป็นคนที่สำคัญมากในราชวงศ์แคว้นเจา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นร้อนรนขึ้นมา "อันที่จริงต่อให้ไม่มาหาเจ้าอาราม ก่อนหน้าที่เขาจะแต่งงานก็ต้องมีการดูดวงสมพงษ์ของทั้งสองฝ่ายก่อน ทำนายว่าวาสนาคุ่ครองนี้จะสมบูรณ์หรือไม่ ข้าได้ยินว่าก่อนหน้านี้พวกท่านก็ไม่ได้ทำนายกัน นี่มันไม่สมเหตุสมผล"นางอยากให้ฟู่จาวหนิงทำนายมาก!ด้วยประสบการณ์ที่ฟู่จาวหนิงหมั้นหมายกับเซียวเหยียนจิ่ง แล้วยังถอนหมั้นกลางถนนก่อนหน้านี
ฟู่จาวหนิงเหล่มองเขาผาดหนึ่ง ยื่นมือไปหยิกแขนของเขาตาของเขายังคมกว่านางอีกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังนิ่งขนาดนี้อีก ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยถ้าฮูหยินเฉิงรู้ว่าเจ้าอารามที่นี่มีหยกดารามากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดความคิดอะไรขึ้น?เหมือนเจ้าอารามก็น่าจะรู้ว่านางต้องการหยกดาราด้วยกระมัง? ไม่แบ่งให้นางสักหน่อย แต่ยังให้นางเดินทางนับพันลี้ออกไปหา? เรื่องนี้ดูแล้ว ที่ฮูหยินเฉิงบอกมาเองว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าอาราม เจ้าอารามเชื่อใจนางมาก ความน่าเชื่อถือเรื่องนี้ลดลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียวขณะที่ฟู่จาวหนิงกำลังคิดว่า ถ้าทีหลังตอนที่ฮูหยินเฉิงเข้ามาพูดไร้สาระต่อหน้านางอีกนางก็จะสะบัดเรื่องนี้แทงใจอีกฝ่ายไปเลย เจ้าอารามก็ตอบคำถามของเซียวหลันยวนมา"ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกว่า เจ้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีชะตาต้องกัน แต่ดูเหมือนเจ้าไม่ค่อยเชื่อ วันนี้เลยอยากให้เจ้าได้เห็นด้วยตัวเองน่ะ"พอได้ยินคำนี้ของเจ้าอาราม หน้าเซียวหลันยวนก็ขรึมลงมาเขาไม่คิดว่าเจ้าอารามจะมีความคิดเช่นนี้"ไม่จำเป็นหรอก"ตอนนี้เขาแต่งงานกับฟู่จาวหนิงแล้ว จะให้เขามาเห็นว่ามีชะตาต้องกันกับหญิงสาวคนอื่น คิดจะทำอะไรกัน?เซียวหลัน
ฟู่จาวหนิงยื่นหัวออกมามอง จึงพบว่าจุดที่เจ้าอารามยืนอยู่นั้นแปลกประหลาดหน่อยๆตรงหน้าเขามีแท่นหินแท่นหนึ่ง ด้านบนไม่รู้สลักอะไรไว้ แล้วยังมีรางที่ดูซับซ้อนอยู่ ปลายรางมีลูกปัดหยกหลายขนาดหลายสีฝังอยู่ด้วยแท่นหินนั้นสูงประมาณเอวเขาด้านหน้าคือหน้าต่างหินธรรมชาตินั่นตอนนี้เป็นช่วงกลางวัน แสงด้านนอกสาดส่องเข้ามา ดังนั้นในถ้ำจึงไม่มืดนักแต่ว่าฟู่จาวหนิงยังพบว่าในถ้ำภูเขานี้ รอบๆ ยังมีเสาหินบางส่วนยื่นออกมา เสาหินทุกต้นฝังลูกปัดหยกขนาดกำปั้นเด็กเอาไว้เม็ดหนึ่งนางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที จึงก้าวออกไปข้างๆ สองก้าว เข้าหาเม็ดที่อยู่ใกล้ที่สุด ก้มหน้าลงไปดูแน่นอน รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ ไม่ควรเข้าไปแตะสุ่มสี่สุ่มห้า นี่เป็นมารยาท ดังนั้นนางจึงเพียงแค่มอง ไม่ยื่นมือออกไปเพียงแต่พอมองดู ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงนี่มันอะไรกันเนี่ย?ก่อนหน้านี้ฮูหยินเฉิงถึงกับต้องแจ้นไปเมืองหลวงไกลนับพันลี้เพื่อกำไลหยกดาราตงฉิงวงหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเซียวหลันยวนยังเคยบอกว่า หยกดาราตงฉิงตอนนี้หายากมาก ถึงอย่างไรตงฉิงก็หายสาบสูญไปแล้วแต่ตอนนี้ที่นางเห็นนี่มันอะไรกัน?ลูกปัดหยกขนาดเท่า
พอคิดแบบนี้ ในใจนางก็มีความหวังพรั่งพรูออกมาพวกเขาเดินผ่านประตูหลัง ก็มองเห็นบันไดที่ทอดยาวลงด้านล่างด้านหลังยอดเขาโยวชิงผืนนี้ มองออกไปเป็นทิวเขาที่ทอดยาวผืนหนึ่ง แต่ก็ยังเตี้ยกว่ายอดเขาโยวชิงอยู่มาก"นี่จะไปคุยกันที่ไหนหรือ?"คุยกันในหออู๋จิ้งที่พักของเจ้าอารามยังสงบไม่พออีกหรือไรกัน?เอาจริงๆ ยอดเขาโยวชิงทั้งลูกก็เงียบสงบมากพอแล้ว"ไม่รู้สิ" เซียวหลันยวนสีหน้ายังคงสงบเขาเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าอารามจะพาพวกเขาไปคุยกันที่ไหนหลังจากลงไป ก็มีอุโมงค์หินที่มาราวหินเส้นหนึ่ง เหมือนเจาะออกมาจากหน้าผาอย่างไรอย่างนั้น เดินผ่านไปได้พร้อมกันแค่สองคนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหลังจากลงมาก็เหลือบมองลงไปด้านล่าง หน้าผาลึกทำเอานางสันหลังวาบเลยทีเดียวนางกลัวขึ้นมาหน่อยๆแต่ด้านหน้าก็ไม่เห็นหลังของเจ้าอารามโยวชิงแล้ว เซียวหลันยวนเองก็ยังคงจับมือฟู่จาวหนิงไว้แน่น ยิ่งทำให้นางดูโดดเดี่ยวน่าสงสารขึ้นไปอีกนางหันกลับไป ก็เห็นซางจื่อที่เดินตามหลังมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเดินมาพักหนึ่ง เลี้ยวหนึ่งโค้ง ก็มองเห็นเข้ากับถ้ำหินธรรมชาติ ด้านบนมีเถาวัลย์หนามอยู่มากมาย ห้อยลงมาบนศีรษะฟู่จาวหนิงมองเถาวัลย์เหล่า
ฟู่จาวหนิงเกิดความรู้สึกเมื่อครู่ขึ้นอีกครั้งฮูหยินเฉิงดูจะเชื่อฟังง่ายไปหน่อยแล้ว อารมณ์นั่นสลายเร็วเกินไปไหม?เพราะคำพูดแผ่วเบาสองคำนั่นของเจ้าอารามหรือ?หรือจะบอวก่า เจ้าอารามมีบารมีแข็งแกร่งมาก แค่คำพูดที่เขาพูด คนอื่นก็เกิดความคิดโต้แย้งประท้วงอะไรไม่ได้ทั้งสิ้นเลยหรือ?กลายเป็นว่าเชื่อฟังคำของเขาไปทั้งหมด?"ข้าอยากจะคุยกับพวกเขาสักหน่อย เจ้าลงเขาไปก่อนเถอะ ออกมานานแล้ว ธุระที่อุทยานเขา เจ้เาองก็ต้องไปจัดการอยู่"เจ้าอารามยังคงพูดเสียงอ่อนโยนกับฮูหยินเฉิงฮูหยินเฉิงลุกขึ้นมา"ได้ เช่นนั้นข้าขอลงเขาก่อน ถ้ามีเรื่องอะไร เจ้าอารามก็ส่งคนมาหาข้าได้เลย"เจ้าอารามพยักหน้าให้เบาๆองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้ลนลานขึ้นมา เดิมทีนางก็ไม่ค่อยชอบเรื่องที่ฮูหยินเฉิงปีนเกลียวเอาแต่เรียกนางว่าอาฝูอยู่แล้ว แต่ฮูหยินเฉิงเองก็คิดจะช่วยนางเรื่องแต่งเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนจริงๆพอมีฮูหยินเฉิงอยู่ บางทีอาจจะช่วยนางพูดได้บ้าง ให้เจ้าอารามโยวชิงช่วยเหลือนางหน่อยตอนนี้ฮูหยินเฉิงไปแล้ว แล้วถ้านางมีหลายคำพูดที่พูดออกมาลำบากล่ะ?ข้างกายนางเองก็ไม่มีใครที่ใช้ได้ด้วย รู้สึกโดดเดี่ยวเ
"นี่เป็นชาที่อายวนปลูกเอาไว้ในอดีต มีชื่อว่ายอดชาหิมะ" เสียงของเจ้าอารามยังคงเหมือนสายลมแผ่วเบา ฟังแล้วเหมือนได้รับการปลอบประโลมฟู่จาวหนิงอดมองไปทางเขาไม่ได้นางมีความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาทั้งที่เจ้าอารามไม่ได้ปลอบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตรงๆ แท้ๆ แต่เขาที่พูดมาแค่คำสองคำ สีหน้าขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับสงบลงมาแล้ว นี่มันพลังมารอะไรกันเนี่ย?นี่ยิ่งทำให้ใจของฟู่จาวหนิงยิ่งระแวดระวังขึ้นไปอีกนางหันสายตาออกเล็กน้อย และสบเข้ากับถังอู๋เจวี้ยนพอดี เขากำลังมองนางอย่างเป็นห่วงหน่อยๆ พอเห็นว่าสีหน้านางไม่เปลี่ยน ถังอู๋เจวี้ยนก็ยิ้มขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเห็นถึงแววปลื้มใจจากในรอยยิ้มของเขาปลื้มใจ? เขาจะปลื้มใจทำไมกัน? ฟู่จาวหนิงไม่เข้าใจสุดๆ"ชานี้รสชาติดีจริงๆ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหลังจากที่ดื่มชา ความน้อยเนื้อต่ำใจก็หายไปแล้ว ดูแล้วเหมือนเป็ดขนฟูถูกลูบให้เรียบลง กลับมาอ่อนโยนว่าง่ายอีกครั้งฟู่จาวหนิงมองการเปลี่ยนแปลงในช่วงสั้นๆ นี้ของนาง ในใจระแวดระวังขึ้นไปอีกนางมองไปทางเซียวหลันยวนอีกครั้งเซียวหลันยวนหรุบตาไม่มองนาง แต่กุมมือนางไว้ คลึงนิ้วของนางเบาๆ มองไม่ออกว่าจับความผิดปกติอะไรได้ห
"อายวน หน้าของเจ้าดีขึ้นแล้วนี่ แล้วทำไมยังต้องสวมหน้ากากอยู่ตลอดด้วย?"ฮูหยินเฉิงอันที่จริงก็ถูกหน้าตาของเซียวหลันยวนทำให้ตะลึงไปเช่นกันนางเองก็ไม่ได้เห็นหน้าตาเซียวหลันยวนมานานแล้วตอนยังเด็กกับตอนนี้ต้องต่างกันอยู่แล้วหลังจากโตขึ้นมา ใบหน้าเซียวหลันยวนก็มีแผลเป็นพิษอยู่ตลอด มีครั้งหนึ่ง นางเคยเห็นเขาตอนที่ไม่สวมหน้ากาก แต่ก็เห็นแผลเป็นข้างนั้นเข้าพอดีเพราะแผลเป็นพิษนั้นมันสะดุดแทงตามาก มองจนนางต้องสูดลมหายใจเลยทีเดียว ดังนั้นนางจึงจำหน้าตาจริงๆ ของเซียวหลันยวนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่ารูปหน้าดีจมูกโด่งเป็นสัน อวัยวะบนหน้าดูมีมิติพวกนั้นดูหล่อเหลาไปเสียหมดตอนนี้พอได้เห็นใบหน้าสมบูรณ์แบบของเซียวหลันยวนจริงๆ นางจึงรู้สึกตกตะลึงมากต้องรู้ด้วย ว่าฮูหยินเฉิงเองเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันชายงามอยู่ ถึงอย่างไรก็เคยเห็นเจ้าอารามโยวชิงมาแล้ว จะมีสักกี่คนที่หน้าตาดีไปกว่าเขา?ฮูหยินเฉิงยังรู้สึกเศร้าและเสียใจอยู่หน่อยๆ"เด็กอย่างเจ้านี่จริงๆ เลย ข้ายังคิดว่าหน้าของเจ้ายังไม่หายดี แผลเป็นพิษนั่นก็ลือกันไปในเมืองหลวงว่าเลวร้ายแสนสาหัส หลายวันนี้ข้าเองก็รู้สึกเสียใจแทนเจ้าไปไม่น้อย เจ้าหายดีแ