สาวน้อยผมเปียสีดำขลับหน้าตาน่ารักนาม “นิชานาถ” ผู้ซึ่งมีชื่อเล่นที่แม่ของเธอตั้งให้ว่า “นิด”
เพราะว่าตอนคลอดเธอออกมาตัวแค่นิดเดียวกระมัง
นิดใส่แคปซูลกาแฟลงในเครื่องชงกาแฟแบบสำเสร็จรูปแล้วจึงเปิดเครื่อง ระหว่างรอเธอจิบน้ำส้มเย็นๆ
ในแก้วพร้อมหลับตาพริ้มเพลิดเพลินกับรสชาติหวานจากน้ำส้มคั้นสด หลังจากดื่มหมดแก้ว
เธอเดินไปเช็คเครื่องปิ้งขนมปังแล้วใส่ขนมปังลงไป 2 แผ่น แล้วเธอก็ตั้งกระทะให้ร้อนขึ้นก่อน
แล้วใส่เนยละลายเป็นก้อนลงไป เธอตอกไข่พร้อมทำไข่คน อาหารเช้าง่ายๆ แบบฝรั่ง
พ่ออยู่ที่ไหน? โดยปกติแล้วเขาจะตื่นเป็นคนแรกในตอนเช้า โดยเฉพาะวันนี้ซึ่งเป็นวันพ่อ
นิดยกกระทะออกจากเตาแล้วออกจากครัว เดินไปตามโถงทางเดินของบ้านสไตล์โมเดิร์นที่กว้างขวาง
และเข้าไปในห้องนอนของเขา พ่อกำลังนอนหลับสนิทโดยไม่ได้ห่มผ้า ผมของเขาดูยุ่งเหยิง
เธอเดินไปที่เตียงและเขย่าไหล่ของเขา
“ถึงเวลาตื่นแล้วค่ะคุณพ่อ”
เขาไม่ได้ขยับตัว เธอเขย่าไหล่เขาแรงขึ้น
“ตื่นได้แล้ว พ่อ” เธอผลักไหล่เขาเบาๆ เขายังนิ่งไม่ได้ตอบสนองอะไร เธอเริ่มกังวลแต่ก็ยังเขย่าไหล่ขวาเขาแรงขึ้น
เธอโล่งใจเมื่อเขาขยับตัวในที่สุด และเขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“วันนี้เป็นวันพ่อแล้ว ถึงเวลาตื่นแล้วค่ะ” เธอกล่าวซ้ำ
เธอสังเกตมีบางอย่างผิดปกติในดวงตาสีเทาซีดของเขา ดวงตาของเขามีท่าทางแปลกๆ ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
เขาจ้องมองเธอสักครู่แล้วถามว่า “เธอเป็นใคร”
นิดหัวเราะเสียงดัง “หยุดล้อเล่นแล้วลุกขึ้นมาได้แล้วพ่อ”
เมื่อสีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไป ความกลัวก็แทรกซึมเข้ามาในตัวเธอ หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น
“พ่อไม่รู้จริงๆ เหรอว่าหนูป็นใคร หรือพ่อแค่อำหนูเล่น” เธอถาม
.
.
“เปล่า หนูเป็นใคร”
“หนูชื่อนิด ลูกสาวของพ่อไงคะ” เมื่อเขาไม่ตอบ เธอก็ถามว่าต่อว่า “พ่อ วันนี้เป็นวันอะไร”
“ไม่รู้”
“ปีนี้เป็นปีอะไร”
“ไม่รู้”
“พ่อชื่ออะไร”
เขาไม่ตอบ นอกจากคิ้วขมวดพร้อมทำท่าทางเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างด้วยสมาธิ
เธอไม่ชอบความสับสนในดวงตาของเขาหรือการพูดอย่างเฉยชาขาดความรักที่เขามักจะมีอยู่ในน้ำเสียง
ตอนนี้ ความตื่นตระหนกคุกคามเธอ “ลุกขึ้นและแต่งตัวเดี๋ยวนี้เลย พ่อ! เราจะไปโรงพยาบาลกัน
มีอะไรบางอย่างผิดปกติกับพ่อแน่ๆ!”
เมื่อเขาไม่ขยับ นิชานาถก็ตะโกนกึ่งสั่ง “ลุกขึ้น!”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา นิดนั่งเงียบๆ ในห้องตรวจในขณะที่ศัลยแพทย์ระบบประสาทฉายไฟฉายเข้าไปในดวงตาของพ่อทั้งสองข้าง
พูดคุยกับเขาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“คุณบอกผมได้ไหมว่าคุณชื่ออะไร” ศัลยแพทย์ถาม
“ผมไม่รู้” พ่อตอบ
“คุณเกิดที่ไหน”
“ผมจำไม่ได้”
ขณะที่ศัลยแพทย์ถามคำถามเพิ่มเติม ความกลัวของนิดก็ทวีความรุนแรงขึ้น หัวใจของเธอเต้นแรง
มือของเธอเปียกชุ่ม ทำไมพ่อถึงจำอะไรไม่ได้? เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือป่าวที่เธอไม่รู้…
“เราจะทำการทดสอบบางอย่างครับ คุณอีริค” ศัลยแพทย์กล่าว
“อาจมีลิ่มเลือดในสมองของคุณซึ่งทำให้สูญเสียความทรงจำ”
“นั่นชื่อของผมใช่ไหม” พ่อถาม ก่อนที่ศัลยแพทย์จะตอบ พ่อเหลือบมองไปที่นิด
“เธอเป็นลูกสาวของฉันเหรอ”
นิดพยักหน้าและเช็ดน้ำตาที่เริ่มจะเอ่อล้น “พ่อ…พ่อจะไม่เป็นอะไรนะพ่อ”
เมื่อพ่อถูกเข็นออกจากห้องตรวจ นิดก็หาที่นั่งรอหน้าห้องตรวจ แพทย์บอกเธอว่าคงต้องใช้เวลาสักพัก
เพราะพ่อต้องเอ็กซ์เรย์และอาจต้องสแกน MRI ด้วย
เช้าวันอาทิตย์ที่โรงพยาบาลวุ่นวายอย่างประหลาด เธอเห็นผู้คนเข้าออก บางคนได้รับบาดเจ็บ
บางคนเจ็บปวดมากบ้างน้อยบ้าง สมาชิกในครอบครัวโศกเศร้า มีภรรยาคนหนึ่งตำหนิสามีของเธอในเรื่องโง่ๆ ที่เขาทำ
แขนและมือของเขาถูกพันด้วยผ้าขนหนูเปื้อนเลือดซึ่งน่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ
ในชั่วโมงแรกที่ผ่านไป เธอเกิดอาการชาเพราะช็อค อะดรีนาลีนลดลงและถูกแทนที่ด้วยความกลัว
เกิดอะไรขึ้นกับสมองของพ่อ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาไม่สามารถฟื้นความจำได้?
เธอคิดถึงชีวิตของเธอกับพ่อ ในหลายๆ ด้าน เธอคิดว่าตัวเองโชคดี โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ บางคน
แม้ว่าเธอจะเสียแม่ไปเมื่อห้าปีก่อน แต่พ่อก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย แน่นอนว่าพ่อเป็นคนน่ารำคาญ
และคอยกวนใจเธอเรื่องเกรดที่โรงเรียน
เธอคิดว่าพ่อทำงานหนักเกินไปและไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ เธอไม่ชอบงานบ้านที่เขาให้เธอทำเมื่อเธออยากออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ
แต่เขาก็คือพ่อ ไม่สิ! เอาจริงๆ เขาคือพ่อเลี้ยงฝรั่งของฉัน แม่หย่ากับพ่อแท้ๆ ของฉัน
ก่อนที่แม่จะพาฉันมาอเมริกาและแต่งงานกับพ่อเลี้ยงคนนี้ ฉันชอบพ่อเลี้ยงมากกว่าพ่อแท้ๆ ของฉัน
ดังนั้นฉันจึงเรียกเขาว่า “พ่อ”
พ่อไม่เคยตะคอกฉันเลย เขาไม่เคยลงโทษฉัน เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของฉันที่โรงเรียน
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้ก็ตาม
บางทีเขาอาจไม่ได้ใช้เวลากับเธอเท่าที่เธอต้องการ แต่เขาคือพ่อ ครอบครัวเดียวที่เธอมี
ความกังวลทำให้เธอเสียสมาธิ เธอนั่งรออยู่บนเก้าอี้พลาสติกแข็งๆ จมอยู่กับคำถาม “จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…”
“หนูชื่อนิดใช่ไหม?” เสียงจากข้างหลังเธอดังขึ้น
เธอเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก ดร.โจ เดินเข้ามาหา เขาเป็นหมอที่ดูค่อนข้างหนุ่มอายุประมาณพ่อ
- สามสิบกลางๆ - เขามีดวงตาสีน้ำตาลละมุนและเขาดูฉลาดมากภายใต้แว่นตากรอบสีเหลี่ยมนั่น
เธอสะดุ้งลุกขึ้น “เขาดีขึ้นไหมคะ”
หมอโจนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ เธอ เธอนั่งลง เขาหันมาหาเธอเล็กน้อย
“ข่าวดีก็คือพ่อของหนูดูเหมือนจะไม่มีลิ่มเลือดในสมอง เขาดูแข็งแรงดี”
“แล้วเขาเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ความจริงคือเราก็ยังไม่รู้” หมอหยุดชะงักก่อนจะพูดต่อ
“จากการตรวจร่างกายแล้ว ผลการตรวจทุกอย่างเป็นลบ” สีหน้าของเขาดูอ่อนลงก่อนพูดต่อ
“สมองของเขายังคงเป็นปริศนาสำหรับเรา เราไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด เรารู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ยังมีปริศนาที่เราไม่เข้าใจอยู่ดี จากมุมมองด้านสุขภาพ พ่อของหนูสบายดี แต่เขากำลังเป็นโรคความจำเสื่อมแบบย้อนกลับ
เขาสูญเสียความทรงจำแบบชั่วคราว”
“หนูไม่เข้าใจ” นิดบอกเขา
ดร.โจ ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ลองนึกถึงการขี่จักรยานดูสิ คุณพ่อของหนูอธิบายวิธีขี่จักรยานได้ - เราเรียกว่าความจำเชิงความหมาย -
แต่เขาจำไม่ได้ว่าเรียนรู้วิธีขี่จักรยานเมื่อใด เขาจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“แต่เขาจำหนูไม่ได้!” เธอกล่าว
“จริงอยู่ ตอนนี้ หนูคือผู้เก็บรักษาความทรงจำของพ่อ สิ่งเดียวที่เขารู้เกี่ยวกับอดีตของเขาคือสิ่งที่อยู่ในความคิดของหนู”
นิดพยายามถามต่อ “พ่อจะกลับมาจำได้เป็นปกติไหมคะ”
“ไม่มีใครตอบได้ เขาอาจตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้พร้อมกับความทรงจำทั้งหมดหรืออาจใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี ...
หรือบางทีอาจไม่เลย”
ดวงตาของนิดดูเศร้า น้ำตาเริ่มคลอเบ้า น้ำเสียงสั่นเครือ
“พ่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนูเป็นลูกสาวของเขา”
ดร.โจ วางมือบนไหล่ของเธอแล้วบีบเบาๆ
“มันคงยากสำหรับพวกคุณทั้งคู่ พยายามอย่าให้ข้อมูลกับเขามากเกินไป เขากำลังดิ้นรนเพื่อยอมรับสภาพของตัวเอง
เป็นตัวของตัวเองและช่วยเหลือเขา เล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับชีวิตประจำวันและอดีตของเขาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
แต่ไม่ต้องกดดันเขามากเกินไป อาจช่วยได้”
นิดพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“เขาเคยได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า” ดร. ถาม
“ครั้งหนึ่งเมื่อสองสามปีก่อน พ่อตกจากบันไดและหมดสติไปนานมาก แต่เมื่อเขารู้สึกตัว เขาก็ดูปกติดี”
“เขาหมดสติไปนานแค่ไหน”
นิดยักไหล่ “หนูไม่รู้ หนูเจอพ่อตอนที่กลับมาจากโรงเรียน” เธอเหลือบมองแพทย์แล้วถามว่า
“นั่นเป็นสาเหตุที่เขาสูญเสียความทรงจำหรือเปล่า”
แพทย์ยิ้มเบาๆ “ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าเป็นเมื่อสองสามปีก่อน ก็คงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสภาพของเขาในตอนนี้”
เขาตบเข่าของเธอเบาๆ “มาสิ เขากำลังรออยู่ หนูพาพ่อกลับบ้านได้”
ฉันนั่งอยู่บนขอบโต๊ะตรวจ ตรงข้ามฉันมีกระจกเงา คนแปลกหน้าคนหนึ่งมองกลับมาที่ฉัน
ความว่างเปล่าในใจทำให้ฉันหวาดกลัว หลุมที่ควรจะเติมเต็มด้วยอะไรบางอย่างแต่กลับไม่ได้เติมเต็ม
มันว่างเปล่าจนน่าขนลุก คนแปลกหน้าที่มองกลับมาที่ฉันดูราวกับว่าสูญเสียอะไรบางอย่างไป
มันคือดวงตาสีเทาซีดของเขา ความสิ้นหวังที่เต็มไปด้วยความกลัว
"พ่อ" เธอพูดด้วยเสียงที่ลังเล
อีริคละสายตาจากคนแปลกหน้าในกระจกและมองเธอ
- เด็กผู้หญิงที่ปลุกผม เด็กผู้หญิงที่บอกว่าเธอเป็นลูกสาวของผม
ผมมองกลับเข้าไปในกระจกและมองคนแปลกหน้าคนนั้น -
มีใครกำลังเล่นตลกกับผมอยู่หรือเปล่า นี่เป็นความฝันหรือเปล่านะ…
"พ่อ" คราวนี้เบาลงและเต็มไปด้วยความกังวล
อีริคหันกลับไปหาเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้วถามว่า "หนูเป็นลูกสาวของพ่อจริงๆ เหรอ"
น้ำตาคลอเบ้า เธอพยักหน้า น้ำตาไหลอาบแก้ม ฝรั่งหนุ่มร่างกำยำรู้สึกแย่ที่ทำให้เธอเจ็บปวด
กับสิ่งที่เขาได้เอ่ยถามไป ในสายตาของเขา เธอมีผมตรงยาวสีดำสนิท และแม้ว่าดวงตาของเธอจะกลมโต
แต่เธอก็มีเชื้อสายเอเชียอย่างชัดเจน เธอตัวเล็ก บอบบาง และมีหุ่นที่เพรียวมาก
นิชานาถยืนร้องไห้เงียบๆ ไม่ขยับตัว ดวงตาของเธอจ้องมองฉัน ฉันเห็นความเจ็บปวดที่ต่อสู้กับความกลัวในดวงตาของเธอ
“หนูบอกว่าหนูชื่ออะไรนะ”
“นิดค่ะ” เธอตอบ
“พ่อชื่อว่าอะไร”
“อีริค”
บรรยากาศถูกปกคลุมด้วยความเงียบงัน
“โอเค เรากลับบ้านกันเถอะ” อีริคเสนอ
เธอพยักหน้า แทนคำตอบ
นิดให้ที่อยู่แก่คนขับแท็กซี่แล้วรถก็เคลื่อนออกจากตัวอาคารโรงพยาบาลไป อีริคมองอย่างเหม่อลอยลอดหน้าต่าง
ทุกที่ที่รถขับผ่าน เขามองพล่างคิดว่าสถานที่ที่เขาอยู่นี้ล้วนเป็นของใหม่และไม่คุ้นเคยเลยสักนิด เมืองหรือชุมชนนั้น
ดูสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เปลี่ยนมาเป็นย่านที่อยู่อาศัย
บ้านแฝดที่เปลี่ยนเป็นบ้านเดี่ยวบนพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดมีสนามหญ้าที่ตัดแต่งอย่างประณีต
นิดหยิบธนบัตรยับๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์และจ่ายเงินในขณะที่เขามองดูบ้าน
บ้านสไตล์โมเดินส์ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับดงต้นไม้ อิฐสีส้มอ่อน หลังคามุงด้วยกระเบื้อง ประตูหน้าบานคู่กว้าง
โรงรถแยกสำหรับรถสองคันอยู่ด้านข้าง สวนหน้าบ้านนั้นเรียบร้อย มีสนามหญ้าเขียวขจีที่ตัดแล้วเรียบร้อย
มีแปลงดอกไม้เต็มไปด้วยต้นไม้ที่ออกดอก มีต้นซัลเวียที่มีดอกสีม่วงสดสวยงามเป็นจุดสนใจ
ในขณะที่ฝรั่งหนุ่มยืนศึกษาบ้าน รถแท็กซี่ก็ขับออกไป นิชานาถยืนอยู่ข้างๆ เขา
“ฉันมีภรรยาไหม” เขาถาม
“พ่อเคยมี แม่เสียชีวิตไปเมื่อห้าปีที่แล้ว”
อิริคก้มหน้ามีความคิดวนเวียนอยู่ในหัวมากมาย ไม่มีอะไรเลย ไม่มีความรู้สึกใดๆ ไม่มีความรู้สึกว่าเคยสูญเสียภรรยาไป
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก
ฉันเคยรักใครสักคนแต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกอะไรเลย … (งั้นหรอ)
“โอเค” เขาตอบ
สาวน้อยไขประตูหน้าก้าวนำเข้าไป อีริคก้าวตาม เขาค่อยๆ สังเกตตอนนี้รายละเอียดต่างๆ
ก็เริ่มชัดเจนขึ้น ทางเข้าเปิดเข้าไปในห้องนั่งเล่นกว้างขวางตกแต่งอย่างมีรสนิยม มีโถงทางซ้ายและขวา
ตรงข้ามกับเขา มีหน้าต่างบานใหญ่จากพื้นจรดเพดานมองออกไปเห็นสวนหลังบ้านที่ได้รับการดูแลอย่างดี
โรงเก็บของอยู่ทางซ้าย ต้นไม้เก่าแก่ด้านหลังให้ความเป็นส่วนตัว และมีสระว่ายน้ำทางขวา
ลานหินปูพื้นทอดยาวจากซ้ายไปขวา มีเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งและเตาบาร์บีคิวแก๊ส
คนที่ยังจำอะไรไม่ได้หันความสนใจกลับไปที่ห้องนั่งเล่นและสังเกตเห็นโต๊ะข้างไม้แปลกตาที่มีรูปภาพใส่กรอบวางอยู่
อีริคจ้องมองอย่างลังเล นิดยืนเงียบๆ ข้างๆ เขา ราวกับว่าต้องการเป็นกำลังใจให้ในขณะที่เขาพยายามซึมซับบรรยากาศ
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไป เดินวนรอบห้องและหยุดที่โต๊ะทรงกลมหนึ่ง รูปนั้นเป็นรูปเขากับผู้หญิงเอเชียตัวเล็ก ๆ
คนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ และเด็กหญิงในชุดเดรสสีชมพูหน้าตาน่ารักอายุประมาณเจ็ดหรือแปดขวบคนหนึ่ง
ผู้หญิงคนนั้น - ภรรยาของผม - มีรอยยิ้มที่สวยงาม ดูจริงใจ
ไม่มีอะไร ไม่มีความทรงจำ แต่ตอนนี้เขารู้สึกเจ็บปวดจากการสูญเสีย อีริคอยากจดจำได้ว่าผู้คนในชีวิตของเขามีความสุขเช่นนั้น
"เธอชื่ออะไร" เขาถามเบาๆ
"นิสา"
เขาทรุดตัวลงบนโซฟา "ขอโทษ ที่พ่อจำแม่ไม่ได้ ไม่แม้แต่กระทั่งชื่อ…"
เด็กหญิงนั่งลงข้างๆ เขา หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็ถามว่า "พ่ออยากให้หนูพาไปดูบ้านไหม"
เขาพยักหน้า
ยามราตรีเงียบสงัดความเหงาที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาปกคลุม อีริคนอนบนเตียงที่ไม่คุ้นเคย ในห้องที่ไม่คุ้นเคย
สวมชุดนอนที่ไม่คุ้นเคยและรู้สึกไม่เข้ากันชะมัด เขาจ้องมองไปที่เพดานที่มืดมิด เขาไม่เคยรู้สึกกลัวขนาดนี้มาก่อนเลย
ทุกอย่างมันทำให้สับสน ไม่มีอะไรที่สามารถเข้าใจได้เลย ความคิดทุกอย่างในหัวเต็มไปด้วยคำถาม นี่เราอายุเท่าไหร่?
มีอาชีพอะไร? เราเป็นคนที่เก่งไหม? ชอบดื่มหรือเปล่า มีเพื่อนฝูงเยอะไหม?
เขาคิดว่าเขารู้วิธีการทำงานของรถยนต์และวิธีเปิดโทรทัศน์ รู้วิธีอาบน้ำและแปรงฟัน แต่ไม่รู้ว่ามีรถยนต์หรือไม่
จำไม่ได้ว่าเคยขับรถจริงๆ หรือเปล่า เขาจำแปรงสีฟันของตัวเองไม่ได้ จำเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าหรือลิ้นชักในห้องนอนไม่ได้เลย
ที่แย่ที่สุดคือการเห็นความเจ็บปวดและความหวาดกลัวในดวงตาของลูกสาว เขาไม่รู้เลยว่าเธอคาดหวังอะไรจากตัวเขา
ฉันเป็นพ่อที่ดีหรือเปล่า? หลายคำถามผุดขึ้นมาในหัวของเขาเต็มไปหมด ช่างเป็นคืนที่แปลกประหลาดที่สุดในชีวิตของเขา
นิดขดตัวอยู่บนเตียงและร้องไห้เงียบๆ เธอรู้สึกถูกทอดทิ้งแม้ว่าพ่อจะอยู่ในบ้านเดียวกันก็ตาม
ในบางแง่ เธอคิดว่านี่แย่ยิ่งกว่าการสูญเสียแม่เสียอีก อย่างน้อยเมื่ออยู่กับแม่แล้ว แม่ก็จากไป
แต่พ่ออยู่ที่นี่แต่ก็เหมือนไม่อยู่ ทุกครั้งที่เธอมองพ่อ เธอก็จะเห็นได้ว่าเขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ไม่ใช่พ่อที่เธอเคยรู้จักเลย เหมือนเป็นแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง…
เธอไม่เคยตระหนักว่าเขามีความสำคัญในชีวิตของเธอมากเพียงใด เมื่อก่อน เขาอยู่ที่นั่นเสมอ พ่อของเธอ
ผู้คอยให้หลักยึดในชีวิตของเธอ แต่ดูตอนนี้สิ...
น้ำตาไหลลงอาบหมอน ตอนนี้พ่อจากไปแล้ว.. ฮือๆ น้ำตาไหลเอ่อจากดวงตาโตคู่สวย มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ท่าทางที่คุ้นเคยไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป พ่อคนนี้เป็นคนแปลกหน้า และสิ่งที่ทำให้มันแย่ลงไปอีกคือความสับสนของเขา
เมื่อเห็นเขาดิ้นรนเพื่อทำความเข้าใจแต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
จนถึงวันนี้ เธอยังไม่เข้าใจว่าพ่อเป็นที่พึ่งของเธอได้อย่างไร เขาเป็นดั่งหินผาให้เธอได้ยึดเกาะ
เชื่อถือได้เสมอ เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย ตอนนี้เธอล่องลอยและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป…
รุ่งสางเช้าวันใหม่แสงแดดแยงตาทำให้นิดตื่นขึ้น ความกลัวกลับคืนมาชั่วขณะหนึ่ง แต่แล้ว ราวกับว่าสมองของเธอที่ทำงานตลอดทั้งคืน ทำให้เธอรู้สึกไม่สดชื่นนัก เธอหาวหวอดก่อนลุกจากเตียงไปยังห้องน้ำตู้เสื้อผ้าสีขาวขนาดใหญ่ถูกเปิดขึ้น นิ้วเล็กเอื้อมหยิบกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินธรรมดาและเสื้อยืดบางสีครีม ก่อนเดินไปยังห้องนั่งเล่น ข้างโซฟา เธอพบสมาร์ทโฟนของพ่อและเลื่อนดูรายชื่อติดต่อของเขาจนกระทั่งพบหมายเลขของไรอัน จากนั้นจึงกดโทรออก เขาตอบอย่างงัวเงียว่า “สวัสดี”“คุณไรอันใช่ไหมคะ ฉันนิด ลูกสาวคุณอีริคนะคะ ขอโทษที่โทรมาเช้ามาก แต่ฉันต้องคุยกับคุณ มีบางอย่างเกิดขึ้น”สิบนาทีต่อมา เธอเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ เธอรู้จักไรอัน เขาเป็นมือขวาของพ่อที่บริษัท รูปร่างสันทัด ยิ้มแย้มตลอดเวลา ดูเป็นแฟมิลี่แมนใจดี เขามีภรรยาและลูกสี่คน ตามคำบอกเล่าของพ่อ เขาเป็นคนที่จำเป็นต่อธุรกิจของพ่อมาก เธอหวังว่าเขาจะสามารถบริหารทุกอย่างได้จนกว่าพ่อจะสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ เขารับรองกับเธอให้วางใจได้ ซึ่งทำให้เธอโล่งอกมาก“ขอบคุณมากนะคะ คุณไรอัน” นิดอมยิ้ม“ด้วยความยินดีครับ ฝากคุณนิดดูแลคุณพ่อให้ดีๆ นะครับ
“เราอยู่ที่ไหน” เขาถามขณะกัดแครกเกอร์เข้าปากนิชานาถสวมกางเกงขาสั้นลายพิมพ์ดอกไม้และเสื้อยืดสีชมพู เธอทำหลายอย่างพร้อมกัน กินซีเรียลโดยวางสมาร์ทโฟนไว้ข้างหนึ่ง และเขียนหนังสือ เธอจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจกับคำถามของพ่อ“ที่นี่ เราอาศัยอยู่ที่นี่”“เปล่า พ่อหมายถึงว่านี่คือเมืองไหน”“ฮูสตัน”“เราเป็นคนเมกันเหรอ”“ก็แน่ล่ะ!” เธอตอบทันทีตามด้วย “ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้หมายความอย่างนั้น”“อย่ากังวลไปเลย พ่อคิดว่าพ่อจะต้องมีคำถามโง่ๆ อีกมากมาย วันนี้เป็นวันอะไร”“วันอังคารที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 2023”“หลังอาหารเช้า ไปขับรถกับพ่อไหม”นิดสังเกตอีริค “พ่อแน่ใจไหมว่า… พ่อยังจะขับรถเป็น”“ไม่แน่ใจหรอก แต่จะลองดู” เขาบอกเธอด้วยรอยยิ้ม แม้จะรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง“หนูกำลังเขียนอะไรอยู่”“ไดอารี่ของหนูค่ะ ไว้บันทึกเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวันที่เกิดขึ้น” เธอก้มหน้าลง“ขอโทษค่ะ”“ไม่เป็นไร เราซ่อนสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เขียนไว้เผื่อวันนึงเราต้องการกลับมาอ่านมัน ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่เสมอไปหรอกนะ”ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างเข้าใจเมื่อเข้าไปในโรงรถ อีริคเห็นรถสองคัน คันแรกเป็นรถ BMW ที่เต็มไปด้วยฝุ่น คันที่สอง
ระหว่างทางนั่งรถกลับบ้านจากโรงเรียน แสงแดดร้อนจัดแม้จะมีร่มเงาของต้นไม้เก่าแก่เรียงรายอยู่ริมถนน เธอแทบไม่ได้สังเกต จิตใจของเธอว้าวุ่น ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอเห็นพ่อรับมือกับสถานการณ์ที่ผ่านมาได้ดีขึ้นวันนี้เป็นครั้งแรกที่พ่อไปบริษัท เขาได้พบกับคุณไรอันสองสามครั้งขณะดื่มกาแฟที่สตาร์บัคส์ และทุกครั้งที่กลับมา เขาก็ครุ่นคิดอยู่ตลอดในตอนแรก เธอเป็นห่วงว่าเขาจะกลับไปเป็นคนจริงจังแต่ไม่แยแสต่อเธอ รอยยิ้มแห่งความสุขที่ได้เห็นเขานั้นเปิดเผยและจริงใจ และมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นทุกครั้ง พ่อคนนี้แตกต่างมาก เธอรู้สึกผิดที่ชอบพ่อคนนี้มากกว่า เขาใช้เวลาอยู่กับเธอ พูดคุย ล้อเล่น และเมื่อวานก่อนเข้านอน เขาดึงเธอเข้ามากอดและกระซิบว่า"ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะลูกรัก"ทุกอย่างมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พ่อทำอาหารไม่เป็นเลย เขาไม่รู้จักวิธีทำอาหารในครัว เขารู้ว่าเครื่องเทศและสมุนไพรคืออะไร แต่ไม่รู้ว่าต้องใช้เท่าไหร่หรือใช้แบบไหน เขาทำพาสต้าได้ แต่ปรุงสุกเกินไป เขารู้จักอุปกรณ์ทำอาหารทุกชนิดในครัวแต่ลืมไปแล้วว่าต้องทำอะไรกับมัน ก่อนหน้านี้ เขาสามารถสร้างสูตรอาหารขึ้นมาเองได้ ตอนนี้ เขาใช้สมาร
อีริคกระโดดขึ้นและไล่ฉีดปืนฉีดน้ำไปยังนิดและทั่วสระด้วยความสนุกสนาน น้ำเย็นที่พุ่งออกมานั้นกระทบบนผิวที่ไหม้เกรียมจากแสงแดดช่วยบรรเทาอาการแสบได้ดีนิดร้องกรี๊ดและวิ่งไปหัวเราะเยาะเขา เขาชอบเสียงของเธอ จริงๆ แล้ว เขาชอบเธอมากต่างหาก เธอมีบุคลิกที่น่าดึงดูด น่าหลงใหลอย่างมาก ก่อนที่เขาจะสลัดความคิดนั้นออกไปเธอร้องอุทานจากอีกฟากของสระด้วยรอยยิ้มแห่งความสำเร็จที่ยิงน้ำมาโดนเขาตอนเขาเผลอเขากระโจนวิ่งอย่างรวดเร็วและพุ่งลงไปในสระ คลื่นลูกใหญ่ซัดเข้ามาและซัดโดนตัวเธอ เธอหัวเราะเมื่อเขาโผล่ขึ้นมา ดวงตากลมโตเป็นประกายสุกยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวันเสียอีก เธอเปียกโชก บิกินี่สีขาวของเธอแนบชิดกับตัวเธอราวกับเป็นผิวหนังชั้นที่สอง และในขณะเดียวกัน เขาสังเกตเห็นว่ามันโปร่งแสงขึ้นมาก เนินอกเล็กๆ บนหน้าอกของเธอมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น โดยมีเงาสีเข้มของหัวนมของเธอปรากฏให้เห็น ด้านล่าง ก้นของเธอแนบชิดกับตัวเธอ และเขาสังเกตเห็นขนเพชรสีเข้มมันทำให้เขาประหลาดใจ นิดเป็นเด็กสาวตัวเล็กมาก สูงไม่ถึง160 และผอมเพรียวจนเขาไม่คิดว่าเธอกำลังเข้าสู่วัยรุ่น เธอดูเด็กเกินไป แต่ด้วยผมสีดำสนิทที่รวบเป็นหางม้าสูง
ตกเย็นเมื่องานปาร์ตี้ริมสระน้ำสิ้นสุดลง นิดส่งเพื่อนๆ กลับบ้าน เธอเดินไปเห็นว่าสวนหลังบ้านรกมาก เธอว่าจะเข้าไปเก็บกวาดให้เรียบร้อย “เอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้” เขาเสนอ “หนูไปอาบน้ำเถอะ” เขาพูดต่อ“ค่ะ พ่อก็ไปอาบน้ำด้วยหล่ะ”เธอดูเหนื่อยพอๆ กับเขาเลย ในขณะที่เขาอาบน้ำ รอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาไม่รู้ตัว เขาคิดว่ารู้สึกพอใจกับงานปาร์ตี้ริมสระน้ำในครั้งนี้มากๆ ทุกคนสนุกสนาน เสียงดัง และดูวุ่นวายดี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนี่เป็นอีกหนึ่งวันที่เขาและเธอได้มีความทรงจำดีๆ ร่วมกัน“ขอบคุณสำหรับงานปาร์ตี้นะคะพ่อ หนูรู้สึกสนุกและมีความสุขมาก” นิดพูดหลังอาบน้ำเสร็จเขาสังเกตเห็นเธอสวมชุดนอนสีขาวที่มีรูปเด็กผู้หญิงกำลังทำท่าเขินอาย ด้านล่างมีคำพูดพิมพ์ไว้ว่า: Take Me As I Am“ด้วยความยินดี พ่อเองก็สนุกและก็มีความสุขมากๆ เหมือนกัน” เขาพูดพลางมองไปยังใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาสีอมชมพูของลูกสาว “เพื่อนๆ ของหนูชอบพ่อมาก” เธอพูดระหว่างเดินไปนั่งที่โซฟา“ดีจัง ทีแรกพ่อกลัวว่าจะเข้ากับเพื่อนๆ ของหนูไม่ได้เสียอีก” เขาตอบพร้อมเดินตามเธอไปนั่งที่โซฟาข้างกัน“อืมม…พ่ออยากดูหนังไหมคะหรือวันนี้เหนื่อยเกินไปแล้ว” เธอทำหน้ามุ
การเคลื่อนไหวของเธอบนเตียงทำให้เขาตื่นขึ้น เธอนอนคว่ำหันหน้ามาหาเขา ดวงตาของเธอดูมีชีวิตชีวา มีรอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏที่มุมปากของเธอ“หนูได้นอนบนเตียงของพ่อ” เธอกล่าวอย่างแผ่วเบา “หนูนอนกับพ่อ”เขาพลิกตัวเข้าหาเธอแล้วปัดผมสีดำสวย ที่ยุ่งเหยิงของเธอออกไป เขาประคองใบหน้าของเธอและถูแก้มของเธอด้วยนิ้วหัวแม่มือ เขาเอนตัวเข้าไปจูบแก้มของเธอ“ใช่ หนูนอนกับพ่อเมื่อคืน” รอยยิ้มของนิดผุดขึ้นมาอย่างสดใสและน่าตื่นตาตื่นใจ “หนูนอนบนเตียงกับพ่อ!” เธอกล่าวด้วยความกระตือรือร้นจากนั้นเธอก็หน้าแดงและกลิ้งตัวออกไป “ต้องไปห้องน้ำ”เขาเฝ้าดูเธอวิ่งดุ๊กดิ๊กไปที่ห้องน้ำในห้องของเขา จากนั้นเธอก็ออกมาและรีบวิ่งออกจากห้องนอนให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมพูดว่า “หนูจะกลับมาเร็วๆ นี้!”เขาได้แต่ยิ้มให้กับการกระทำที่น่ารักๆ ของเธอ ก่อนเดินไปจัดการตัวเองในห้องน้ำในที่สุดสาวน้อยก็กลับมา นอนเล่นอยู่บนเตียง เธอหวีผมเรียบร้อยและรวบผมไว้ที่ท้ายทอย ดูสดชื่นและน่ารักเอามากๆเขากลิ้งตัวไปกอดรับเธอไว้ในอ้อมแขน และจูบเธออย่างมีความสุขเหลือเกิน กลิ่นรสชาติเหมือนมิ้นต์หอม ริมฝีปากของเธออ่อนนุ่มและอบอุ่นมาก มือของเธอวางอยู
ทั้งนิดและแอนนาต่างหัวเราะกันลั่น เมื่ออีริคบอกพวกเธอหลังจากชิมไปแค่ครั้งเดียวว่าเขาไม่ชอบไอศกรีมมิ้นต์ช็อกโกแลตชิป เขาจึงโยนโคนไอศกรีมลงถังขยะแล้วเดินกลับไปที่บาสกิ้น ร็อบบิ้นส์เพื่อลองรสชาติอื่นพวกเธอคุยกันข้างนอก เรามาถึงใจกลางเมืองเพื่อสำรวจดู จากที่เขาเห็น เขาชอบสวนสาธารณะที่ร่มรื่นผู้คนออกมาทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ ยังมีน้องหมามาเดินเล่นด้วย ส่วนสาวๆ ก็หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานขณะปิกนิคกันไป ผู้คนแถวนี้ พวกเขาดูสุภาพและยิ้มแย้มแจ่มใส ชาวฮูสตันเป็นคนสุภาพกันขนาดนั้นเลยเหรอ เราเป็นแบบนั้นเหรอ?ทัวร์ชิมไอศกรีมของเรายังไม่จบลง นิดหยุดพูดคุยเมื่ออีริคออกมาจากร้านไอศกรีม เธอมองไปที่โคนไอศกรีมของเขาและยิ้มกว้าง “สตรอว์เบอร์รีเหรอ ผู้หญิงนี่นา!”“สตรอว์เบอร์รีไม่ใช่รสชาติของผู้หญิง” เขายืนกราน เขาชอบมัน ก็มันอร่อยนี่นา“เธอบอกเขาไปสิ แอนนา”แอนนา สาวสวยผมบลอนด์มีกระที่ใบหน้าบริเวณแก้มนิดหน่อย เธอสูงกว่านิดประมาณ 5 ซ.ม. เธอยิ้มและพยักหน้า “ผู้หญิงแน่นอน ผู้ชายตัวจริงไม่กินรสสตรอว์เบอร์รี”“โอ้ ไม่นะ สาวๆ อย่าสรุปอะไรแบบนี้สิ!!” เขาพูดตอบเชิงแกล้งหยอกอย่า
ตอนแรก เขารู้สึกอายเล็กน้อยที่ต้องเปลือยกายในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัว แต่ก็ผ่านไปได้ไม่นาน การที่ลูกสาววัยสิบสี่ปีไม่สนใจความเปลือยเปล่าของเธอทำให้เขาลืมเรื่องผิดชอบชั่วดีไปได้เลยการว่ายน้ำหลังจากที่เราคุยกันทำให้ความตึงเครียดทางเพศที่เร่งด่วนบรรเทาลงได้บ้าง เมื่ออาบแดดจนแห้งเหือดแล้ว การสนทนาก็กลับไปสู่ความคิดเห็นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศ การแข็งตัวของเขาลดลงบางส่วนแต่แล้วแสงแดดก็ทำให้เธอแห้งและการแข็งตัวของเขาก็กลับมาเป็นปกติ ขนหัวหน่าวของเธอก่อตัวเป็นทรงโมฮอว์กที่เซ็กซี่ที่สุดตรงกลางช่องคลอดเล็กๆ ของเธอ เธอดูอ่อนเยาว์และสดใส ด้านข้างของอวัยวะเพศหญิงและริมฝีปากช่องคลอดของเธอยังไม่มีขน จากมุมมองของเขา เขาสามารถมองเห็นทุกอย่าง เขามองเห็นช่องคลอดของเธอที่ปิดสนิทและเผยให้เห็นปุ่มคลิตอริสเพียงเล็กน้อย เขามองเห็นว่าจิมิของเธออวบอิ่มและเซ็กซี่แค่ไหน และก้นส่วนล่างของเธอบวมขึ้นตรงบริเวณที่กดทับกับเก้าอี้เธอขยับตัวบนเก้าอี้ ขาของเธอแยกออกเล็กน้อย และไม่มีอะไรเหลือให้จินตนาการอีกต่อไปแล้ว ไม่มีอะไรอีกแล้ว! การแข็งตัวของเขากลับมาเต็มที่อีกครั้ง แข็ง ตั้งตรง และโครตปวดเลย“น่าสนใจจัง” เธ
เขารอนิดออกจากโรงเรียนอย่างกังวล วันนี้อีริคเหงามาก เป็นครั้งแรกที่เขาอยู่คนเดียว และบ้านก็ดูว่างเปล่าและใหญ่เกินไปเมื่อไม่มีเธออยู่ที่นั่น ไม่เห็นเธออยู่เลยความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วเมื่อเห็นเธอสะพายเป้ เธอเห็นเขาและโบกมือพร้อมยิ้มสดใสให้เขาประตูหลังเปิดออก เป้ถูกโยนเข้ามา ประตูถูกปิดดังปัง และเธอก็ปีนขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ“วันแรกของโรงเรียนเทอมนี้เป็นยังไงบ้าง” เขาถามขณะสตาร์ทรถเรนจ์โรเวอร์“เหนื่อยแต่ดี มีคนเยอะมาก! วุ่นวายจริงๆ แต่อย่างน้อยแอนนาก็อยู่กับหนู” เธอรัดเข็มขัดนิรภัยแล้วถามว่า “วันนี้เป็นยังไงบ้าง”“ยอดเยี่ยม มีความสุขดี”“คนโกหก”“อ่าใช่ มันเหงาและน่าเบื่อ พ่อไปออกกำลังกายและ... แค่นั้นเอง”“พ่อสัญญาว่าพ่อจะกำจัดเฟอร์นิเจอร์ในห้องทำงานทิ้ง!”“พ่อลืม” เขาอ้าง“ไม่ พ่อไม่ได้ลืม พ่อสัญญามาตลอดซัมเมอร์เพื่อที่หนูจะได้สั่งของใหม่”“บางทีพรุ่งนี้”เธอขมวดคิ้ว “ก็แล้วแต่!” เธอเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “พ่อรู้ไหมว่าพวกครูให้การบ้านพวกเราในวันแรกเลย ห่วยแตกมาก!” เธอสบถกิจวัตรประจำวันใหม่ของเราเริ่มต้นขึ้น นิดทำการบ้านในขณะที่ส่งข้อความหาแอนนา เขาดูข่าวตอนเย็น จากนั้นก็เตรียมอาห
สำหรับเขา สามสัปดาห์ถัดมานั้นวุ่นวายมาก แต่ก็ดีเหมือนกัน นิดพาแอนนาวางแผนการเที่ยวอย่างกระตือรือร้น พวกเธอทำให้ประสบการณ์ดีขึ้นเป็นร้อยเท่าด้วยเสียงหัวเราะ คำบรรยาย ความไร้สาระและเรื่องตลกเป็นครั้งคราว (ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายของเขา) เด็กสาวสองคนสนุกสนานกันเต็มที่สวนหลังบ้านของเรากลายเป็นสถานที่ที่เพื่อนๆ ของนิดมักจะไป และเขาก็กลายเป็นคนทำอาหารบาร์บีคิวเก่งพอสมควรจากการลองผิดลองถูกเดือนสิงหาคมผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันของเราเต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ มากมาย แม้นิดรู้สึกเหนื่อยล้าเมื่อถึงเวลาเข้านอน แต่ก็ไม่เหนื่อยเกินไปที่จะมีเซ็กส์ อย่างไรก็ตาม มันทำให้เราต้องเสียแรงมาก เธอตื่นสายในตอนเช้า และเขาก็ใช้เวลาช่วงนั้นไปยิมวันที่เขาชอบที่สุดคือวันที่ได้อยู่กับเธอเพียงลำพัง บางครั้งเราก็นอนเล่นไปเรื่อยๆ เมื่อถึงฤดูร้อน อุณหภูมิก็ร้อนอบอ้าวจนหายใจไม่ออก สระว่ายน้ำคือที่หลบภัยของเรา จริงๆ แล้ว สระว่ายน้ำมีความหมายที่ต่างไปจากเดิมสำหรับเราเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในบ่ายวันศุกร์วันหนึ่ง เมื่อกลับจากการซื้อของชำ ทั้งๆ ที่อากาศร้อน เราทั้งคู่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและไปว่ายน้ำ เธอตั้งค่าสมาร์ทโฟนของเธอให้
นิดหัวเราะ “เปล่า จริงๆ นะ เขาไม่มีแนวคิดเลย!” เธอแจ้งให้แชนนอลทราบขณะที่พวกเธอนั่งจิบลาเต้เย็นๆ ในสตาร์บัคส์ พ่อของเธออยู่ที่ทำงาน แอนนาไม่สามารถไปร่วมด้วยได้ เพราะต้องอยู่กับแม่ของเธอ“แสดงว่าไม่ได้ตั้งใจเหรอ” แชนนอลถาม“เปล่า เขาไม่รู้เรื่องเลย”“บ้าเอ้ย พ่อของเธอเป็นคาสโนว่าหรือเปล่า”ที่สตาร์บัคส์เสียงดังและวุ่นวาย นิดเลยเพิ่มเสียง “ฉันชอบเขา ฉันชอบ! ยากที่จะไม่ชอบ”แชนนอลมองออกไปนอกหน้าต่าง “ฉันไม่เคยเจอ...” เสียงของเธอค่อยๆ เงียบลง“ไม่เคยเจออะไร” นิดกระตุ้นถามเพราะอยากรู้คำตอบเต็มที่“ไม่มีอะไร”“บอกมาเลย แชนนอล เรามาคุยกันเถอะ!”แชนนอลโบกมือปัดๆ “ไม่มีอะไรจริงๆ”นิดอ้าปากค้าง จากนั้นก็ยิ้ม “เธอแอบชอบพ่อของฉันใช่ไหม!”“เปล่า ฉันไม่ได้ชอบ!” แชนนอลตอบเสียงสูงนิดหัวเราะลั่น “ไม่เป็นไร ฉันไม่โทษเธอหรอก เขาเป็นผู้ชายคนเดิมทุกประการ แต่เนื่องจากความจำเสื่อม เขาเลยดูแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาดูแตกต่าง! ฉันคิดว่าเป็นเพราะบุคลิกของเขา หรือบางทีเขาอาจไม่สนใจงานมากนัก หรือบางทีเขาอาจไม่ได้กังวลเรื่องอื่นๆ ก็ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม พ่อ...”“ใช่” แชนนอลเห็นด้วยเ
เขาสนุกกับการดูเธอทำอาหารเช้าให้เราทั้งสองคน เขาชอบวิธีที่เธอแสดงความสุข เธอร่ายรำ ขยับเท้าเบาๆ และรวบผมหางม้าทุกครั้งที่เขามองใบหน้าของเธอ เขาก็รู้สึกถูกดึงดูดไปที่เธอ เขาหลงรักลักษณะแบบเอเชียของเธอ ใบหน้ารูปไข่ จมูกโด่งน่ารัก และรอยยิ้มที่ทรงพลังล้านวัตต์ของเธอ พร้อมกับดวงตาโตสีน้ำตาลเข้มที่ดูลึกลับและมีสโมกกี้อายและเขาก็ชื่นชอบชุดของเธอเป็นพิเศษ วันนี้เธอสวมกางเกงขาสั้นผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อนขอบขาวที่สั้นมากจนเห็นแก้มก้นของเธอ และจับคู่กับเสื้อกล้ามสีฟ้าอ่อนโดยที่เท้าของเธอเปลือยเปล่าเขาชื่นชมรอยย่นที่ก้นของเธอ และต้นขาที่เรียวบาง มีช่องว่างที่เซ็กซี่ตรงเป้าของเธอ ทำให้เขานึกถึงกางเกงขาสั้นของเธอที่ซ่อนไว้ไม่ให้ใครเห็น ช่องคลอดที่เซ็กซี่ของเธอ สุกงอมและยื่นออกมา ระหว่างที่เขาจิบกาแฟ อวัยวะเพศแข็งตัวขึ้น เซ็กส์เมื่อเช้านี้ดีอย่างเหลือเชื่อ ดีเกินไป เขาต้องการเธออีกครั้ง เขาต้อนรับความปรารถนาอันอบอุ่นและความตื่นเต้นเร้าใจ“หนูก็หื่นเหมือนกันเหรอ” เขาถามเมื่อเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะในครัวพร้อมกับชามซีเรียลดวงตาของนิดเบิกกว้าง “อีกแล้วเหรอ เราเพิ่งทำไปเมื่อเช้านี้เอง!”“นั่นเป็นการซ้อม เห
นิดจับมือเขาไว้ขณะที่เขาพาเธอไปที่ห้องนอน เธอยิ้มเล็กน้อยเมื่อเขาปิดทีวี มองดูเขาขณะที่เขาปิดไฟ เขารู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ เขารู้ตัวดีถึงเจตนาของตัวเอง ปราศจากความลังเล ไม่มีข้อสงสัยใดๆ ความจำเสื่อมก็ดีเหมือนกัน เขาเป็นคนใหม่แล้ว จะทำอะไรก็ได้!เตียงดูกว้างใหญ่ ความเงียบก่อตัวขึ้น เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยอย่างน่าประหลาด ราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขามีผู้หญิงอยู่ในห้องนอนรอยยิ้มของนิดกลายเป็นรอยยิ้มเจ้าชู้ “ก่อนอื่น พ่อต้องถอดกางเกงวอร์มและเสื้อยืดออกก่อน”เขาทำตามนั้น เห็นได้ชัดว่าน้องชายเขาแข็งตัวอยู่เธอสังเกตเห็น ท่าทางพอใจของเธอช่างน่ารัก “ต่อไป หนูอยากให้พ่อจูบหนู”เขาดึงเธอเข้ามาหาแล้วยิ้มให้เธอ เธอผงกหัวขึ้น เงยใบหน้าสวยๆ เชิ่ดๆ ให้ เขาจึงก้มลงและแตะริมฝีปากของเธอ เธอกดตัวเองลงบนอวัยวะเพศของเขา ริมฝีปากของเราจูบกันอย่างหวานชื่น“ต่อไป เราขึ้นเตียงกัน” เธอกล่าวพร้อมก้าวถอยหลัง“พ่อดีใจนะที่หนูรู้เรื่องนี้” เขาพูดต่อ “พ่อคงไปไม่ถูกแน่”เธอหัวเราะร่วนและหลบไปใต้ผ้าห่ม“แล้วไงต่อ” เขาถาม เดินไปหาเธอและขยับเข้ามาใกล้ พลิกตัวมานอนตะแคงข้างๆ เพื่อเผชิญหน้ากับเธอดวงตาของเธอเป็
ตอนแรก เขารู้สึกอายเล็กน้อยที่ต้องเปลือยกายในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัว แต่ก็ผ่านไปได้ไม่นาน การที่ลูกสาววัยสิบสี่ปีไม่สนใจความเปลือยเปล่าของเธอทำให้เขาลืมเรื่องผิดชอบชั่วดีไปได้เลยการว่ายน้ำหลังจากที่เราคุยกันทำให้ความตึงเครียดทางเพศที่เร่งด่วนบรรเทาลงได้บ้าง เมื่ออาบแดดจนแห้งเหือดแล้ว การสนทนาก็กลับไปสู่ความคิดเห็นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศ การแข็งตัวของเขาลดลงบางส่วนแต่แล้วแสงแดดก็ทำให้เธอแห้งและการแข็งตัวของเขาก็กลับมาเป็นปกติ ขนหัวหน่าวของเธอก่อตัวเป็นทรงโมฮอว์กที่เซ็กซี่ที่สุดตรงกลางช่องคลอดเล็กๆ ของเธอ เธอดูอ่อนเยาว์และสดใส ด้านข้างของอวัยวะเพศหญิงและริมฝีปากช่องคลอดของเธอยังไม่มีขน จากมุมมองของเขา เขาสามารถมองเห็นทุกอย่าง เขามองเห็นช่องคลอดของเธอที่ปิดสนิทและเผยให้เห็นปุ่มคลิตอริสเพียงเล็กน้อย เขามองเห็นว่าจิมิของเธออวบอิ่มและเซ็กซี่แค่ไหน และก้นส่วนล่างของเธอบวมขึ้นตรงบริเวณที่กดทับกับเก้าอี้เธอขยับตัวบนเก้าอี้ ขาของเธอแยกออกเล็กน้อย และไม่มีอะไรเหลือให้จินตนาการอีกต่อไปแล้ว ไม่มีอะไรอีกแล้ว! การแข็งตัวของเขากลับมาเต็มที่อีกครั้ง แข็ง ตั้งตรง และโครตปวดเลย“น่าสนใจจัง” เธ
ทั้งนิดและแอนนาต่างหัวเราะกันลั่น เมื่ออีริคบอกพวกเธอหลังจากชิมไปแค่ครั้งเดียวว่าเขาไม่ชอบไอศกรีมมิ้นต์ช็อกโกแลตชิป เขาจึงโยนโคนไอศกรีมลงถังขยะแล้วเดินกลับไปที่บาสกิ้น ร็อบบิ้นส์เพื่อลองรสชาติอื่นพวกเธอคุยกันข้างนอก เรามาถึงใจกลางเมืองเพื่อสำรวจดู จากที่เขาเห็น เขาชอบสวนสาธารณะที่ร่มรื่นผู้คนออกมาทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ ยังมีน้องหมามาเดินเล่นด้วย ส่วนสาวๆ ก็หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานขณะปิกนิคกันไป ผู้คนแถวนี้ พวกเขาดูสุภาพและยิ้มแย้มแจ่มใส ชาวฮูสตันเป็นคนสุภาพกันขนาดนั้นเลยเหรอ เราเป็นแบบนั้นเหรอ?ทัวร์ชิมไอศกรีมของเรายังไม่จบลง นิดหยุดพูดคุยเมื่ออีริคออกมาจากร้านไอศกรีม เธอมองไปที่โคนไอศกรีมของเขาและยิ้มกว้าง “สตรอว์เบอร์รีเหรอ ผู้หญิงนี่นา!”“สตรอว์เบอร์รีไม่ใช่รสชาติของผู้หญิง” เขายืนกราน เขาชอบมัน ก็มันอร่อยนี่นา“เธอบอกเขาไปสิ แอนนา”แอนนา สาวสวยผมบลอนด์มีกระที่ใบหน้าบริเวณแก้มนิดหน่อย เธอสูงกว่านิดประมาณ 5 ซ.ม. เธอยิ้มและพยักหน้า “ผู้หญิงแน่นอน ผู้ชายตัวจริงไม่กินรสสตรอว์เบอร์รี”“โอ้ ไม่นะ สาวๆ อย่าสรุปอะไรแบบนี้สิ!!” เขาพูดตอบเชิงแกล้งหยอกอย่า
การเคลื่อนไหวของเธอบนเตียงทำให้เขาตื่นขึ้น เธอนอนคว่ำหันหน้ามาหาเขา ดวงตาของเธอดูมีชีวิตชีวา มีรอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏที่มุมปากของเธอ“หนูได้นอนบนเตียงของพ่อ” เธอกล่าวอย่างแผ่วเบา “หนูนอนกับพ่อ”เขาพลิกตัวเข้าหาเธอแล้วปัดผมสีดำสวย ที่ยุ่งเหยิงของเธอออกไป เขาประคองใบหน้าของเธอและถูแก้มของเธอด้วยนิ้วหัวแม่มือ เขาเอนตัวเข้าไปจูบแก้มของเธอ“ใช่ หนูนอนกับพ่อเมื่อคืน” รอยยิ้มของนิดผุดขึ้นมาอย่างสดใสและน่าตื่นตาตื่นใจ “หนูนอนบนเตียงกับพ่อ!” เธอกล่าวด้วยความกระตือรือร้นจากนั้นเธอก็หน้าแดงและกลิ้งตัวออกไป “ต้องไปห้องน้ำ”เขาเฝ้าดูเธอวิ่งดุ๊กดิ๊กไปที่ห้องน้ำในห้องของเขา จากนั้นเธอก็ออกมาและรีบวิ่งออกจากห้องนอนให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมพูดว่า “หนูจะกลับมาเร็วๆ นี้!”เขาได้แต่ยิ้มให้กับการกระทำที่น่ารักๆ ของเธอ ก่อนเดินไปจัดการตัวเองในห้องน้ำในที่สุดสาวน้อยก็กลับมา นอนเล่นอยู่บนเตียง เธอหวีผมเรียบร้อยและรวบผมไว้ที่ท้ายทอย ดูสดชื่นและน่ารักเอามากๆเขากลิ้งตัวไปกอดรับเธอไว้ในอ้อมแขน และจูบเธออย่างมีความสุขเหลือเกิน กลิ่นรสชาติเหมือนมิ้นต์หอม ริมฝีปากของเธออ่อนนุ่มและอบอุ่นมาก มือของเธอวางอยู
ตกเย็นเมื่องานปาร์ตี้ริมสระน้ำสิ้นสุดลง นิดส่งเพื่อนๆ กลับบ้าน เธอเดินไปเห็นว่าสวนหลังบ้านรกมาก เธอว่าจะเข้าไปเก็บกวาดให้เรียบร้อย “เอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้” เขาเสนอ “หนูไปอาบน้ำเถอะ” เขาพูดต่อ“ค่ะ พ่อก็ไปอาบน้ำด้วยหล่ะ”เธอดูเหนื่อยพอๆ กับเขาเลย ในขณะที่เขาอาบน้ำ รอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาไม่รู้ตัว เขาคิดว่ารู้สึกพอใจกับงานปาร์ตี้ริมสระน้ำในครั้งนี้มากๆ ทุกคนสนุกสนาน เสียงดัง และดูวุ่นวายดี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนี่เป็นอีกหนึ่งวันที่เขาและเธอได้มีความทรงจำดีๆ ร่วมกัน“ขอบคุณสำหรับงานปาร์ตี้นะคะพ่อ หนูรู้สึกสนุกและมีความสุขมาก” นิดพูดหลังอาบน้ำเสร็จเขาสังเกตเห็นเธอสวมชุดนอนสีขาวที่มีรูปเด็กผู้หญิงกำลังทำท่าเขินอาย ด้านล่างมีคำพูดพิมพ์ไว้ว่า: Take Me As I Am“ด้วยความยินดี พ่อเองก็สนุกและก็มีความสุขมากๆ เหมือนกัน” เขาพูดพลางมองไปยังใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาสีอมชมพูของลูกสาว “เพื่อนๆ ของหนูชอบพ่อมาก” เธอพูดระหว่างเดินไปนั่งที่โซฟา“ดีจัง ทีแรกพ่อกลัวว่าจะเข้ากับเพื่อนๆ ของหนูไม่ได้เสียอีก” เขาตอบพร้อมเดินตามเธอไปนั่งที่โซฟาข้างกัน“อืมม…พ่ออยากดูหนังไหมคะหรือวันนี้เหนื่อยเกินไปแล้ว” เธอทำหน้ามุ