แชร์

อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง
อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง
ผู้แต่ง: Priyada

บทนำ

ผู้แต่ง: Priyada
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56

“หา!! เจ้าบอกว่าอยากทำสิ่งใดนะ พูดให้พี่ฟังอีกทีซิ”

ภายในตำหนักขนาดใหญ่ที่ได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม บ่งบอกถึงฐานะของผู้อยู่อาศัย บุรุษหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง เบิกตามองสตรีใบหน้าจิ้มลิ้มที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องของตนด้วยความตื่นตระหนกตกใจระคนเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่นางเพิ่งจะเอ่ยขอ จนถึงกับต้องถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ รวมทั้งคาดหวังให้ตัวเองฟังผิด

“ข้าอยากปลอมตัวเข้าไปอยู่ในกองทัพของสหายท่าน อนุญาตเถอะนะเพคะ” เสียงใสตอบกลับกึ่งอ้อนวอน

“แต่เจ้าเป็นองค์หญิง!”

เฉินไป่ชางหรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่าองค์ชายชาง ว่าที่องค์

รัชทายาทแห่งแคว้นเป่ยหนานร้องออกมาอย่างเหลืออด สองมือจับไหล่บอบบางของน้องสาว แล้วมองเข้าไปในดวงตากลมโตสุกใสอย่างเคร่งขรึมจริงจัง

“เจ้าปลอมตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้นไม่ได้ ไม่เด็ดขาดหยางจู”

ย้ำท้ายประโยคด้วยเสียงเด็ดขาดที่ไม่ค่อยได้ใช้กับนางบ่อยนัก แต่หากไม่ย้ำให้ชัด มีหรือที่น้องสาวจอมแก่นของเขาจะฟัง

ดรุณีน้อยที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ แววตาสุกสกาวเมื่อครู่หม่นแสงลงทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบ แต่นั่นก็เป็นอยู่เพียงชั่วแวบเดียวเท่านั้น นางก็กลับมาร่าเริงอีกครั้งตามนิสัย ครานี้ดวงตานางฉายแววเจ้าเล่ห์ซุกซนเหมือนกับทุกครั้งที่นางซุกซ่อนแผนการณ์ต่าง ๆ ไว้ เฉินไปชางเห็นดังนั้นก็รู้สึกใจคอไม่ค่อยจะดี เพราะน้องสาวเขาผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นจอมป่วนอันดับหนึ่งแห่งวังหลวง ด้วยเพราะเสด็จพ่อรักและตามใจนางมาก

“แต่…ถ้าหากไปโดยมีคนช่วยเหลือ ก็ไม่น่าจะเป็นอันตรายใด ๆ นี่เพคะ”

“แล้วผู้ใดจะมาช่วยเหลือเจ้า”

“รองแม่ทัพซื่อหมิงอย่างไรเล่า”

เขาส่ายหน้าช้า ๆ ต่อให้จางซื่อหมิงจะเป็นที่ไว้วางใจของเขารองจากมู่หรงเซียวหนานซึ่งเป็นแม่ทัพและเป็นสหายของเขา แต่เขาก็ไม่มีทางปล่อยน้องสาวไปตกระกำลำบากเช่นนั้นได้ มีอย่างที่ไหน สตรีจะปลอมตัวเป็นบุรุษเข้าไปในกองทัพที่อยู่ไกลถึงชายแดน นางจะต้องเจอกับสิ่งใดบ้างเมื่อเข้าไปอยู่ในนั้น ได้ตระหนักบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือคิดแต่จะเอาสนุกสนานเพียงอย่างเดียวถึงได้มาขออะไรที่เป็นไปไม่ได้เพียงนี้

“นี่พี่จะต้องอบรมเจ้า เรื่องหน้าที่พึงกระทำของผู้มีศักดิ์เป็น

องค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยหนานอันยิ่งใหญ่ของเราอีกหรือ”

“จริงอยู่ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ข้าต้องกระทำเมื่อเกิดมาสูงส่ง แต่จะมีเพียงสิ่งเดียวไม่ได้เชียวหรือ ที่พอจะให้ข้าได้ทำตามใจตนเองบ้าง” หยางจูเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ จับมือของผู้เป็นพี่เอาไว้แน่นเป็นเชิงขอร้อง

“ไม่ได้ เจ้าจะทำสิ่งนี้ไปเพื่ออันใดกัน พี่ไม่เข้าใจ” เฉินไป่ชางพยายามทำใจแข็งกับลูกอ้อนของน้องสาว

นางนิ่งไปเล็กน้อยอย่างพยายามเรียบเรียงคำพูด ในขณะที่เขาเองก็คิดว่าความอยากเล่นสนุกอย่างเดียวคงไม่ถึงขนาดผลักดันให้นางคิดทำอะไรยิ่งใหญ่เพียงนี้ ถ้าไม่มีเหตุผลอื่นแอบแฝงอยู่

“ว่าอย่างไร ตอบพี่มาตามตรง”

“ก็เรื่องที่เสด็จพ่อทรงมีพระประสงค์จะให้ข้าอภิเษกเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับต่างแคว้น ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าบุรุษผู้นั้นมาก่อน ซ้ำร้าย ข้ายังมีใจชอบพอผู้อื่นอยู่ก่อนแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ามิสมควรได้รับโอกาสได้ทำตามหัวใจตัวเองก่อนหรือเพคะ ในเมื่อคนที่ข้าเลือกก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่นเลยแม้แต่น้อย” นางตอบไปสะอื้นไป

“เจ้าหมายถึง...” เขาหยุดเพียงแค่นั้น เนื่องจากตัวเองก็พอจะรู้ว่าคนที่อยู่ในหัวใจของน้องนั้นคือใคร

หยางจูพยักหน้าเป็นเครื่องช่วยยืนยัน บุรุษที่นางคิดที่จะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อจะให้ได้อยู่ใกล้คือมู่หรงเซียวหนาน บุตรชายคนโตของท่านแม่ทัพใหญ่มู่หรงเซียนหลิว ซึ่งได้รับความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ ซึ่งก็คือเสด็จพ่อของนางอย่างใหญ่หลวง คนทั้งตระกูลมู่หรงมีความสัมพันธ์อันดีกับราชวงศ์มาอย่างยาวนาน แม้แต่ธิดาเพียงคนเดียวก็ยังได้รับบรรดาศักดิ์เป็นท่านหญิงและอภิเษกกับหลี่อวี้อ๋อง เสด็จอาของนางเช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมนางถึงจะต้องการให้มู่หรงเซียวหนานมาเป็นพระสวามีของนางบ้างไม่ได้

แม้นางจะเกิดมาเป็นสตรี แต่นางก็มีความเชื่อว่าสตรีควรได้สิทธิ์ในการเลือกสามีเองเช่นกัน ถ้าหากนางเลือกอย่างชาญฉลาดแล้วละก็ นางคงจะเป็นหญิงสาวที่มีความสุขที่สุดคนหนึ่ง ดีกว่าจะต้องไปทนอยู่กับองค์ชายที่นางไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาหรือนิสัยใจคอมาก่อน และยังต้องจากครอบครัวไปอยู่ถึงต่างบ้านต่างเมือง

“แต่หยางจู ในเมื่อเสด็จพ่อก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าอยากให้เจ้าเป็นตัวเชื่อความสัมพันธ์ หากเจ้าไม่ทำตามนั้น ก็เท่ากับฝ่าฝืนพระประสงค์ของพระองค์” ขณะเอ่ยเฉินไป่ชางก็รู้สึกเห็นในน้องสาวอยู่ไม่น้อย

“เมื่อถึงตอนนั้น ข้าเชื่อว่าท่านที่เป็นพี่ชายของข้า จะช่วยเหลือข้าอย่างเต็มที่ อีกไม่นานท่านจะได้รับการสถาปนาเป็นองค์ชายรัชทายาทอย่างเป็นทางการ อย่างไรเสีย คำพูดของท่านย่อมต้องมีน้ำหนักและทำให้เสด็จพ่อโอนอ่อนผ่อนตามได้โดยง่าย” องค์หญิงหยางจูประจบผู้เป็นพี่อย่างเต็มที่

คนเป็นพี่เพียงแต่ทำเสียงในลำคออย่างไม่เห็นด้วย นึกอยากจะบอกออกไปว่าความจริงใช้เพียงการออดอ้อนของนาง เสด็จพ่อก็คงจะพระทัยอ่อนแล้ว ดังเช่นที่เขากำลังจะเป็นอยู่นี้

แต่ไม่ได้หรอก แม้เขาจะเข้าใจนางดีว่าเมื่อคนเราตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก ย่อมต้องทำทุกวิถีทางให้ความรักนั้นสมหวัง แต่ก็เป็นเพราะเหตุนั้นอีกเช่นกัน คนเราถึงได้ขาดเหตุผล และกระทำการไม่สมควรมากมาย จนต้องมานึกเสียใจภายหลัง

“หากพี่ช่วยเจ้าให้ได้ไปที่ค่ายจริง ๆ เจ้าจะกินอยู่อย่างไร ไม่มีใครทำอาหารที่เจ้าอยากกินและยกมาให้ถึงที่หรอกนะ ไหนจะเรื่องการอาบน้ำแต่งตัว ที่หลับที่นอน เจ้าต้องไปอยู่อย่างชายชาติทหาร ซึ่งนั่นหมายความว่าเจ้าจะลำบากกว่าเดิมนับร้อยเท่า เจ้าจะรับไหวหรือ” คนเป็นพี่เอ่ยลองใจและตั้งใจข่มขู่

“ข้าคิดเรื่องนั้นมาหมดแล้ว และข้ามั่นใจว่าตัวเองอยู่ได้ ข้าไม่ใช่ผู้หญิงบอบบางเสียเมื่อไหร่” คนเป็นน้องยิ้มเผล่ ก่อนที่นางจะมาขอร้องให้เสด็จพี่ช่วย นางย่อมใคร่ครวญปัญหาเรื่องความลำบากมาเป็นอย่างดีแล้ว

องค์ชายชางมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า หยางจูสูงแทบไม่พ้นไหล่เขา และหากเขาต้องยืนอยู่ด้านหน้า เขาจะบังนางจนมิด นี่นางคิดอะไรอยู่ถึงได้บอกว่าตัวเองไม่ได้บอบบาง

“ข้ารู้ว่าท่านคิดสิ่งใดอยู่ แต่สรีระหาใช่ตัวกำหนดพละกำลังภายในไม่ ข้าแข็งแรงกว่าที่เสด็จพี่เห็นแน่นอน” นางพูดอย่างมั่นใจ

“อย่างนั้นหรือ” เขาทำเสียงไม่เชื่อ จินตนาการนางในชุดผู้ชายแล้วก็ต้องส่ายหัว

“ได้โปรด ข้าจำต้องไปจากวังหลวงจริง ๆ ข้าไม่อยากอภิเษกกับคนแปลกหน้า และหัวใจข้าก็มีเพียงท่านแม่ทัพมู่หรงเซียวหนาน ให้ข้าไปเถอะนะเพคะเสด็จพี่ แล้วข้าจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลยจริง ๆ”

หยางจูทรุดลงไปกับพื้นจนเขาต้องรีบก้มลงไปดึงนางขึ้น แต่นางไม่ยอมท่าเดียว

“รับปากข้ามาก่อนว่าท่านจะช่วย”

“เจ้านี่มัน” เขารู้สึกอ่อนใจกับนางเหลือเกิน แต่ไหนแต่ไรมา นางเป็นต้องใช้ความเป็นน้องเล็กมาอ้อนขอทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เรื่อย

“นะเพคะ” ดวงตาที่เคยทอประกายแวววาว ตอนนี้กลับคลอไปด้วยหยาดน้ำใส ๆ ที่ปริ่มอยู่ตรงขอบตา จวนเจียนจะไหลลงมาตามแก้มนวลเต็มที ดูแล้วน่าสงสารยิ่ง และเฉินไป่ชางต้องพยายามเต็มที่จะไม่

ใจอ่อน

“เจ้าจะทำพวกเราเดือดร้อนกันหมด หากพี่ยอมให้เจ้าไป แล้วเกิดอันตรายอะไรขึ้นมา เสด็จพ่อได้ประหารทุกคนหมดแน่ โดยเฉพาะรองแม่ทัพซื่อหมิง ที่เจ้าอยากจะดึงเขาเข้ามาร่วมชะตากรรมด้วย” เขาพยายามเอ่ยเสียงแข็งแต่น้ำเสียงที่ใช้ก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“ข้าสัญญาว่าจะดูแลตัวเองอย่างดี และข้าก็ไว้ใจในฝีมือแม่ทัพ

มู่หรงด้วย เขาจะต้องปกป้องดูแลข้าอย่างถึงที่สุด”

“แม้จะไม่รู้ว่าเจ้าคือใครอย่างนั้นหรือ”

“แต่เดิมเขาก็เป็นคนจิตใจดีงามอยู่แล้ว ยิ่งหากข้าทำให้เขามีใจได้ละก็ เขาย่อมต้องยิ่งอยากดูแลข้าให้ดีกว่าเดิม”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 1

    เมื่อเห็นว่าพี่ชายไม่ใจอ่อนง่าย ๆ หยางจูก็ปล่อยให้น้ำตาที่คลออยู่ร่วงหล่นลงมาเป็นสาย พร้อมเสียงสะอื้นไห้จนตัวสั่นเทา เฉินไป่ชางตาลีตาเหลือกเช็ดน้ำตาให้ ก่อนจะโอบนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ราวกับนางคือน้องสาวตัวน้อยเมื่อครั้งทั้งคู่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ“ฮึก!! ข้าขอเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น ฮืออออ” สะอื้นพลางแอบเหลือบตามองท่าทีลนลานของคนเป็นพี่“ก็ได้ ๆ พี่จะไปปรึกษากับเสด็จอาว่าจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างราบรื่นไม่มีข้อผิดพลาด เจ้าหยุดร้องแล้วรออยู่นี่” เขาทนเห็นน้ำตาของน้องน้อยสุดที่รักไม่ไหวจึงรีบตกปากรับคำในที่สุด“จริงนะเพคะ” หยางจูลืมความเศร้าโศกเงยหน้ามองพี่ชายตาแป๋ว แต่เมื่อเห็นเขามองนางก็แสร้งทำเป็นบีบน้ำตาอีกรอบเพื่อความสมจริง“อย่าร้อง ไม่ต้องร้อง ในเมื่อพี่พูดแล้วก็จะทำตามนั้น เจ้าหยุดร้องก่อนเถอะนะ” คนเป็นพี่รู้ทั้งรู้ว่าน้องสาวแกล้งบีบน้ำตา แต่ก็ยังอดใจอ่อนไม่ได้นางพยักหน้าถี่รัว ยกปาดน้ำตาออกจากใบหน้าด้วยตนเอง เพื่อเป็นเครื่องยืนยันให้พี่ชายสบายใจเมื่อเห็นว่านางหยุดร้องแล้ว เขาก็ประคองไปนั่งที่เก้าอี้ “เอาละ เจ้ากลับตำหนักไปก่อน พี่จะไปหารือเรื่องนี้กับเสด็จอา ได้เรื่องอย่างไรแล้วพี่จ

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 2

    การเดินทางขององค์หญิงผู้ดื้อรั้นเป็นไปอย่างเงียบเชียบและถูกเก็บให้เป็นความลับมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจดหมายได้ถูกคนของหลี่อวี้อ๋องส่งไปล่วงหน้าก่อนแล้ว เพื่อให้รองแม่ทัพจางซื่อหมิงเตรียมการในสิ่งที่จำเป็นเพื่อต้อนรับการมาขององค์หญิงผู้สูงศักดิ์แต่อุตริดันคิดแผลง ๆ อยากมาตกระกำลำบากในค่ายทหาร ทั้งนี้หลี่อวี้อ๋องได้เตรียมการเป็นอย่างดี โดยให้หลานรักออกเดินทางพร้อมกับทหารอารักขาที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านเดินทางล่วงหน้าไปประจำการตามจุดต่าง ๆ เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง ข้าวของในหีบไม้เรียบ ๆ ไม่สะดุดตาสองหีบ มีเพียงเสื้อผ้าธรรมดาและตำราไม่กี่เล่ม กับของสำหรับการปลอมตัว และของใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิงซึ่งจะต้องเก็บอย่างมิดชิดหยางจูนั่งกระเด้งกระดอนอยู่ในเกวียนเทียมม้าคันเล็กสภาพเก่าคร่ำคร่าเพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกต เมื่อไปถึงที่เมืองชายแดนนางจะต้องลงจากรถม้าคันนี้ที่จะขนสัมภาระเข้าไปในค่ายตามเส้นทางลับ แล้วเปลี่ยนไปใช้รถม้าคันอื่นแทนเป็นระยะทางสั้น ๆ แม้จะฟังดูยากลำบากสำหรับองค์หญิงเช่นนาง แต่ในหัวใจดวงน้อยที่มีเพียงความปรารถนาจะได้ยลโฉมหน้าของชายในดวงใจ นางก็มีเพียงความตื่นเต้นเพียงเท่

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 3

    ยังไม่ทันจะไปถึง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ท่าทางราวกับบัณฑิตสะโอดสะองก็ถูกผลักจนหน้าคะมำ ก่อนจะโดนทุบเข้าที่หลังเต็มแรง“นี่พวกเจ้า มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดค่อยจากันดี ๆ สิ ไม่เห็นต้องใช้กำลังเลยนี่”“แม่นาง นี่เป็นเรื่องของบุรุษ เจ้าอย่าแส่จะดีกว่า”“เขาทำอะไรผิด หากเป็นเรื่องเงิน ข้าจะจ่ายให้ ต้องการเท่าไหร่ก็ว่ามา” นางไม่สนใจเสียงกระโชกโฮกฮากและสายตาไม่เป็นมิตรของคนพวกนั้น แล้วหันไปหาลู่อิงที่รีบหยิบถุงเงินออกมา“ข้าไม่ต้องการเงิน พวกที่ชอบใช้เงินทองฟาดหัวคนอื่น ควรจะได้รับบทเรียนเสียบ้าง”“หากเจ้าไม่ปล่อยเขาไป ข้าจะแจ้งทางการ”เสียงหัวเราะเยาะหยันดังลั่นเมื่อนางกล่าวประโยคนั้นจบ“ที่นี่อยู่ไกลจากศาลาว่าการตั้งเท่าไหร่ กว่าเจ้าจะไปแจ้ง ข้าก็ทุบเจ้านี่จนน่วมไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เพราะฉะนั้นข้าข้อเตือนให้แม่นางถอยไปห่าง ๆ เสียดีกว่า”หยางจูไม่รู้สึกพรั่นพรึงต่อคำขู่นั้น หากการเจรจาไม่ได้ผล นางก็รู้ดีว่าองครักษ์เซี่ยที่มาด้วยกันจะสามารถรับมือกับคนพวกนี้ซึ่งดูไม่ต่างจากโจรกระจอกได้“เจ้าไม่ต้องการสิ่งนี้จริงหรือ” นางรับถุงเงินจากลู่อิงแล้วเขย่าไปมาตรงหน้า“เจ้านี่พูดไม่รู้ความ ออกไป ก่อนที่ข้าจะหมด

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 4

    รองแม่ทัพจางซื่อหมิงด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ตรงประตูหลังค่ายด้วยความกลัดกลุ้ม เขาได้รับจดหมายจากหลี่อวี้อ๋องเรียบร้อยแล้วและรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง แม้โดยเนื้อแท้เขาจะเป็นบุรุษที่ใจเย็น สุขุมรอบคอบ แต่เมื่อได้อ่านเนื้อความในจดหมายถึงสิ่งที่องค์หญิงหยางจูต้องการจะทำ ความสงบสุขุมของเขาก็ปลาสนาการไปสิ้น มีอย่างที่ไหน ใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ในวังอันหรูหราไม่ชอบ แต่อยากจะมานอนกลางดินกินกลางทรายที่ค่ายทหารเยี่ยงนี้ อานุภาพของความรักมันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียวหรือ เขาได้แต่สงสัยในใจ แต่ในเมื่อได้รับมอบหมายมาแล้ว เขาก็ต้องรับใช้เชื้อพระวงศ์อย่างสุดความสามารถ อย่างน้อยก็ช่วยองค์หญิงปกปิดความลับให้ได้นานที่สุด ประการต่อมาคือหาโอกาสให้นางได้โปรยเสน่ห์มัดใจท่านแม่ทัพหน้านิ่ง ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าแม่ทัพมู่หรงเซียวหนานมีหัวจิตหัวใจอย่างใครเขาหรือไม่ เสียงรถม้าควบกุบกับมาตามถนน ก่อนจะจอดห่างออกไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตเห็น จางซื่อหมิงจึงรีบเดินออกไป เห็นบุรุษสองคนยืนเคียงข้างกัน คนหนึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ตามแบบฉบับคนใช้ตามแบบฉบับคนที่ใช้กำลัง ส่วนอีกคน แม้จะอยู่ในชุดแบบผู้ชายทั่วไป แต่สรีระกลับดู

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 5

    ดวงตาของจางซื่อหมิงมีประกายแบบคนที่เห็นหนทางรำไร “ถ้าเช่นนั้นท่านไปอยู่โรงเลี้ยงม้าดีหรือไม่ ท่านแม่ทัพมีม้าคู่ใจอยู่ตัวหนึ่ง เมื่อมีเวลาว่างก็จะแวะเวียนไปดูมันเสมอ” “แต่...ข้าดูแลม้าไม่เป็น ได้แต่ขี่อย่างเดียว” “นั่นสินะ” เขาพึมพำ จะให้องค์หญิงมาคอยแปรงขนม้า เก็บมูลของมันและป้อนหญ้าได้อย่างไร “อย่าเพิ่งถอดใจไป ข้ารู้แล้ว!” นางร้องด้วยความยินดี ท่าทางแจ่มใสขึ้นมา “ฝ่ายเครื่องแต่งกายอย่างไรเล่า ถึงอย่างไรทุกคนก็ต้องแต่งตัวไม่ใช่หรือ ขนาดในตำหนักของข้า ยังต้องใช้คนตั้งมากมาย กองทัพที่มีทหารหลายพันคนเช่นนี้ ย่อมต้องการแรงงานเป็นแน่” “พวกเขาไม่ใคร่สนใจการแต่งตัวนัก ส่วนมากแล้วจะสวมใส่เสื้อผ้าซ้ำ ๆ เพราะไม่ค่อยมีเวลาและใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ บวกกับการทำงานหนัก สิ่งที่ขาดไม่ได้คือชุดเกราะเท่านั้นเอง” หยางจูถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เห็นจะมีเพียงคนรับใช้ส่วนตัวของเขาเท่านั้น ที่จะได้อยู่ชิดใกล้เกือบจะตลอดเวลา” “แต่กว่าจะไปถึงตำแหน่งนั้นได้ ก็ต้องอยู่ในสายตาของท่านแม่ทัพเสียก่อน เมื่อท่านแสดงให้เห็นความสามารถ เขาต้องย่อมเรียกท่านเข้าไปรับใช้” “ใช่” นางผงกศีรษะ ก่อน

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 6

    หยางจูสะดุ้งตื่นเพราะเสียงตีเกราะดังระรัว นางรีบร้อนแต่งตัวด้วยชุดไร้สีสันที่ตระเตรียมมา สวมทับด้วยเครื่องแบบของกองทัพ และพบว่าแม้จะไม่สวยงามสะดวกสบายอะไรนัก แต่ก็ใช้เวลาน้อยกว่าตอนที่นางเป็นองค์หญิงถึงสิบเท่า จากนั้นนางก็ต้องขมวดปอยผมของตัวเองให้ดีขณะที่เสียงเรียกหน้าประตูยังดังไม่หยุด “หยางหยาง หากไปช้าเราจะถูกลงโทษเอานะ” คนที่อยู่หน้ากระโจมตะโกนเข้ามา หยางจูจึงรีบตอบกลับ เกรงว่าหากขืนชักช้าเขาจะเปิดประตูเข้ามาเรียกถึงด้านในแล้วความจะแตกเอาได้ “เข้าใจแล้ว ๆ” นางเปิดประตูแล้วก้าวตามชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงที่ก้าวเดินด้วยความรวดเร็วไปในความมืด ฟ้ายังไม่สว่างดีนัก แต่รอบค่ายก็มีเสียงพูดคุย เสียงของผู้คนที่ทำงานไม่หยุดหย่อน เสียงโลหะกระทบกัน เสียงกวาดถู และกลิ่นที่ผสมปนเปกันไปในอากาศจนยากจะบอกได้ว่าเป็นกลิ่นของสิ่งใดกันแน่ ตะเกียงและคบเพลิงถูกจุดให้แสงสว่างเป็นระยะ นางเห็นเรือนนอนเรียงกันเป็นแถบ ซึ่งเป็นของทหารที่พอจะมียศศักดิ์เท่านั้น ทหารชั้นเลวหรือทหารรับใช้จะได้นอนในกระโจมรวม ซึ่งนางเองถ้าไม่อาศัยความช่วยเหลือของรองแม่ทัพจางซื่อหมิงก็คงจะไปลงเลยในสถานที่แบบนั

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 7

    เสียงเรียกของหัวหน้าโรงครัวดังราวกับฟ้าผ่า หยางจูผุดลุกขึ้นแล้วเดินตามแผ่นหลังกว้างไปท่ามกลางสายตาสอดรู้ของทุกคนในบริเวณนั้น “ท่านเรียกข้า มีสิ่งใดจะให้ข้ารับใช้หรือขอรับ” “มีคำสั่งมาว่าให้เจ้านำอาหารไปให้ท่านแม่ทัพ” “จริงหรือ” นางร้องออกมาด้วยความดีใจ แต่พอเห็นสายตาตำหนิติเตียนก็รีบหุบยิ้ม “ขอรับ ข้าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด” “เอาเกลือนี่โรยใส่น้ำแกงสักหน่อย แล้วก็ยกไปได้” “ขอรับ” นางได้แต่รับคำซ้ำ ๆ พูดอะไรไม่ออกเพราะความดีใจเอ่อล้นอยู่ในอก “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าเป็นใครมาจากไหน ถึงได้ตำแหน่งสำคัญถึงเพียงนี้ตั้งแต่วันแรก แต่ทำหน้าที่ให้ดีก็แล้วกัน” “ข้าน้อยจะไม่ทำให้ครัวของเราต้องขายหน้าเป็นอันขาด” “ดี” เมื่อสั่งงานเสร็จแล้ว เขาก็เดินนำนางไปยังจุดรับสำรับอาหารที่มีอาหารอยู่เพียงไม่กี่อย่าง หยางจูมองไก่ตุ๋นน้ำแกง เนื้อในชามเป็นแค่ชิ้นเล็ก ๆ ไม่ใช่ไก่ทั้งตัว ข้าวต้มเละ ๆ บดรวมกับหมูสับ ผักที่ผัดโดยไม่ใส่สิ่งใดเลย และของหวานที่นางมองไม่ออกว่าเป็นสิ่งใดกันแน่เพราะมันเหมือนกับการเอาแป้งมากวนแล้วจับปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เมื่อมองจากภาระหน้าที่

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 8

    ความอึดอัดท่วมท้นขึ้นมาในจิตใจเมื่อได้ยินคำตำหนิว่าอาหารรสชาติแปลกประหลาด หยางจูรู้ดีว่าต้องเป็นเพราะเกลือที่นางโรยลงไปตามคำสั่งเป็นแน่ แต่คงจะใส่มากไปหน่อย หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะมีขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งผิดพลาดจนรสชาติอาหารออกมาผิดแผกไปจากเดิม “คนครัวคนเดิมหรือเปล่า” “คนเดิมขอรับ” มู่หรงเซียวหนานมุ่นหัวคิ้ว ลองตักน้ำแกงพร้อมกับเนื้อไก่กินอีกครั้ง “น้ำแกงนี่ใส่อะไรลงไปบ้าง” ตายล่ะ นางไม่ได้เป็นคนทำทุกขั้นตอนเสียเมื่อไหร่ แค่ถอนขนไก่ยังไม่ได้เลย แถมตอนปรุงน้ำแกงด้วยสมุนไพร นางก็กำลังแล่หมูอยู่ด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้จะตอบคำถามของเขาได้อย่างไร แต่พอเห็นสายตาที่จ้องมองมาไม่วางตา นางก็จำต้องหาคำตอบมาให้ แม้ว่ามันอาจจะไม่ถูกต้องก็ตาม แต่คนเป็นแม่ทัพ เคยแต่จับหอกจับดาบก็ไม่น่าจะรู้เรื่องอาหารมากนัก “ก็ใส่เครื่องยาจีนทั่วไปขอรับ” “ลองไล่มาสิ ข้าจะดูว่ามีสิ่งใดผิดแปลกไป” “เอ่อ หากท่านกังวลเรื่องการวางยาพิษ ทางหน่วยได้มีการทดลองชิมและใช้เครื่องเงินทดสอบแล้วนะขอรับ” “ไม่ใช่เรื่องการวางยาอะไรหรอก ข้าแค่รู้สึกแปลกใจกับรสชาติอาหารน่ะ จึงอยากจะรู้ให้แน่ชัด”

บทล่าสุด

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 17

    หยางจูหลบอยู่ในกระโจมของจางซื่อหมิงซึ่งไม่ต่างจากของ มู่หรงเซียวหนานนัก เพียงแค่มีอาวุธมากกว่า และตำราน้อยกว่าเท่านั้น อาจเพราะทั้งสองคนถนัดไม่เหมือนกัน แต่ต่างก็เป็นกำลังสำคัญของกองทัพทั้งคู่ นางไม่กล้าเดินไปมามากนัก นอกจากจะเป็นการเสียมารยาทแล้ว ยังกลัวผู้ที่อาจจะหลงเหลืออยู่ เห็นเงาของนางอยู่ในนี้ นางจึงนั่งคุดคู้อยู่ข้างเตียง เฝ้าฟังเสียงการเคลื่อนไหวด้านนอก ทั้งเสียงตะโกนสั่งการ เสียงทหารเกือบหมื่นนายตอบรับคำสั่ง การขยับเท้า ชุดเกราะที่เสียดสีกันและเสียงอาวุธหลากชนิด รวมถึงเสียงม้า ทุกอย่างเป็นไปอย่างพร้อมเรียงและน่าเกรงขาม จนนางนึกอยากจะเห็นภาพนั้นด้วยตาตัวเอง และเป็นส่วนหนึ่งในกองทัพ หากแต่นางก็รู้ดีว่าต่อให้นางจะแข็งแรงเพียงใด แต่ผู้ที่ไม่เคยฝึกฝน ไม่มีทางที่จะอยู่รอดในวงล้อมแห่งความทรหดเช่นนั้นได้ นางนึกเสียใจที่ไม่ได้เตรียมการสำหรับเรื่องนี้มาก่อน หากนางขอให้องครักษ์ช่วยสอน อย่างน้อยนางก็คงจะไม่ต้องมาหลบเป็นตัวตุ่นเพราะจับอาวุธไม่เป็นเช่นนี้หรอก ยังมีทหารอยู่ข้างนอกที่เดินผ่านมาแล้วก็ผ่านไป น่าจะเป็นทหารเวรที่ทำหน้าที่เฝ้าค่าย หยางจูยังคงนั่งอยู่แบบนั้น

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 16

    ข่าวการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของกบฏชายแดนสร้างความแตกตื่นให้กับกองทัพขนานหนัก ในเมื่อที่ผ่านมา ตั้งแต่เหล่าทหารถูกส่งมายังค่าย ฝ่ายตรงข้ามก็แทบไม่มีความเคลื่อนไหวใดชัดเจนและเป็นรูปเป็นรอยถึงเพียงนี้ ทหารทุกนายที่ต้องตื่นมาจับศาสตราวุธทุกเมื่อเชื่อวันแต่ยังไม่เคยได้ปะหน้ากับศัตรูจึงไม่มีความกระตือรือร้นใดนัก กระทั่งทหารบนหอสังเกตการณ์วิ่งกระหืดกระหอบลงมานั่นเอง ทุกคนถึงได้ตื่นตัว ข่าวแพร่ออกไปว่าการเคลื่อนทัพของฝ่ายศัตรูนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วจนน่าหวาดหวั่น โชคยังดีที่ท่านแม่ทัพเก่งกล้าสามารถมากพอที่จะอ่านการเคลื่อนทัพเหล่านั้นออกตั้งแต่แรก จึงได้เตรียมแผนการรับมือเอาไว้แล้วเรียบร้อย และวันนี้ เขาจะดูการซ้อมกลยุทธ์ใหม่ที่คิดขึ้นร่วมกับทหารระดับสูงด้วยตัวเอง โดยปกติแล้ว มู่หรงเซียวหนานมักจะตรวจแถวทหารทุกเช้า แต่การซ้อมกลศึกหลากหลายอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ได้มีบ่อยนัก การที่ท่านแม่ทัพสั่งการลงมาให้เตรียมทหารเกือบทั้งกองทัพ ไม่เว้นแม้แต่ทหารรับใช้ จึงทำให้ค่ายทั้งค่ายปั่นป่วนไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะหยางจู นางไม่มีความรู้แม้แต่จะถือทวนให้ถูกต้องเสียด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่นางพอจะถือได้

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 15

    “เฉิงชุน”นางดึงเสื้อเขาไว้เมื่อชายหนุ่มร่างหนาทำท่าจะพุ่งเข้าไป เมื่อเห็นความยียวนของอีกฝ่าย นางไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวกัน เพราะนางยังต้องอยู่ที่นี่อีกนาน แม้ว่านางจะรู้สึกเจ็บมากก็ตาม“ตรงนั้นน่ะ มีเรื่องอะไรกัน” หัวหน้าตะโกนถามขึ้นเมื่อเห็นความผิดปกติ“ไม่มีขอรับ ข้ากำลังจะไปทำงานตามที่ท่านหัวหน้าสั่งขอรับ”ฟาหยางตะโกนตอบ ก่อนจะหันมายิ้มหยันตบท้าย แล้วเดินวางโตออกไป“เจ้าน่าจะให้ข้าได้สั่งสอนมัน เห็นอยู่ว่ามันตั้งใจจะแกล้งเจ้า”เฉิงชุนแค้นใจแทน“ข้ารู้ แต่หากเจ้าตอบโต้มัน เจ้าเองก็จะเดือดร้อนด้วยเช่นกัน คนแบบนี้หากหมดสนุกก็คงเลิกไปเอง” นางพูดเพื่อสงบอารมณ์ของเฉิงชุนเท่านั้น เพราะรู้ดีว่านิสัยอันธพาลไม่ได้หายง่าย ๆ“เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่” ลี่ถังมองด้วยสายตาเป็นห่วง แขนยังคงโอบประคองนางไว้“ข้าไหวน่า ถึงจะตัวเล็ก แต่ข้าก็ไม่ได้อ่อนแอนะ แค่ล้ม จะเจ็บแค่ไหนกันเชียว”หยางจูแสร้งก้มลงไปหยิบถังน้ำขึ้นมา แต่ความเจ็บแล่นปลาบ นางก็ได้แต่กัดฟันทน ไม

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 14

    ดูเหมือนว่าฟาหยางจะผูกใจเจ็บกับนางเสียเหลือเกิน หลายวันมานี้ หยางจูสังเกตได้ว่าเขามักจะมองตามนางเสมอ ไม่ว่านางจะเคลื่อนตัวไปไหนหรือทำสิ่งใด ก็จะเห็นสายตาของเขาคอยทิ่มแทง ไม่แน่ว่าความไม่เป็นมิตรนี้ น่าจะมาจากการที่เขาแค้นใจเมื่อโดนรองแม่ทัพตักเตือนอย่างรุนแรง แต่จะโทษใครได้ ในเมื่อเขาทำตัวเองทั้งสิ้น “เจ้านั่นน่ะ มัวแต่เหม่ออะไรอยู่ ข้าบอกให้ยกหม้อมา” หยางจูสะดุ้ง ทำอย่างไรก็ชินชากับเสียงกระโชกโฮกฮากไม่ได้สักที นางรีบยกหม้อไปให้ แต่มันใหญ่และหนักจนแขนของนางสั่นพั่บ ๆ จนแทบจะทำของที่อยู่ข้างในหกออกมา “โอ๊ย พวกเราจะได้กินดีไหมนี่ ถ้าให้เจ้าอ่อนปวกเปียกมายกข้าวให้ ระวังมันจะทำคว่ำทั้งหม้อนะ” ฟาหยางตะโกน ส่วนเพื่อนอันธพาลด้วยกันก็หัวเราะเป็นลูกคู่ เสียงดังจนคนอื่น ๆ หันมามอง นางทำหน้าบึ้ง ต้องอดใจแทบตายที่จะยกหม้อทั้งหม้อสาดใส่ แต่มันหนักเกินกว่าจะทำอะไรได้ พอดีกับที่ลี่ถังรีบลุกมาช่วย ตอนนี้เขาเหมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของนางไปแล้ว หยางจูนึกเล่น ๆ ว่าหากกลับไปที่วังหลวงนาง จะแต่งตั้งให้เขาเป็นหนึ่งในองครักษ์ใกล้ชิด หรือหากเขาไม่ชอบนางก็จะบอกเสด็จพี่ให้ปูนบำเหน็จหรือเล

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 13

    “เจ้าอย่ามาสนใจข้าเลย เราไม่ได้มีเรื่องขุ่นเคืองใจต่อกันแม้แต่นิด” “แต่ข้าไม่ชอบเจ้านี่หว่า” ว่าแล้วก็เหวี่ยงถังน้ำของตัวเองมากระแทกขานางเต็มแรง “โอ๊ย!!” หยางจูล้มลงไปกับพื้น ขณะที่ไอ้อันธพาลก็หัวเราะชอบใจ น้ำที่แบกมาอย่างยากลำบากเจิ่งนองไปทั่ว ภายนอกนางไม่ได้เจ็บอะไรมากนัก แต่นางเจ็บใจมากกว่า “ไอ้ชั่ว ข้าอุตส่าห์มาได้ไกลถึงขนาดนี้ เจ้าทำน้ำข้าหกหมด” “นี่เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไรนะ” มือหยาบกร้านจับเข้าที่ข้อมือของนางแล้วบีบอย่างแรง “หยุด!!” เสียงห้วนห้าวบอกถึงความมีอำนาจดังก้อง ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินดุ่มเข้ามาหาด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว “ท่านรองแม่ทัพ” นางครางด้วยความโล่งใจ “เจ้าทำอะไร รังแกผู้อื่นงั้นหรือ เหตุใดถึงกล้าทำร้ายพี่น้องร่วมทัพกับเจ้า” เมื่อจางซื่อหมิงสวมบทบาทขึงขังเอาจริงเอาจัง หยางจูก็อดรู้สึกแปลกใจระคนกลัวเกรงไม่ได้ เนื่องจากนางไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน “ทะ...ท่านรองแม่ทัพ ข้าน้อยไม่ได้...” “อย่าคิดที่จะปฏิเสธ ข้าเห็นเต็มสองตา บอกชื่อของเจ้ามา” เจ้าคนอันธพาลอึกอักเหงื่อตก ก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสบตา ต่างจากตอนที่รังแกนางลิบลั

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 12

    วันหนึ่งระหว่างที่หยางจูกำลังกวาดใบไม้ใบหญ้าและทำความสะอาดบริเวณครัวทั้งหมด มีกลุ่มนายทหารสี่นายที่แวะเวียนเข้ามาคุยกับนางเป็นครั้งคราว ทุกคนเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่นางเห็นแล้วรู้สึกใจไม่ดี หากจำไม่ผิดชายตัวสูงโย่งและผอมยิ่งกว่าลี่ถังคือเฉิงชุน คนที่ยืนข้าง ๆ เขาที่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเป็นลูกน้องคือตงฟาง ส่วนคนที่ดูมีอายุหน่อยและไม่ค่อยพูดมากนักจนดูไม่เข้ากับทุกคนชื่อเล่อเหลียน แต่อีกคนนั้นนางจำไม่ได้ “หยางหยาง เจ้านี่ร้ายไม่เบาเลยนะเนี่ย” “ช่ายยย เห็นหน้าซื่อตาใสเช่นนี้ ที่ไหนได้ กลับซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้จนมิด” “เรารู้ความลับของเจ้าหมดแล้ว ทีนี้ก็เล่ามาให้หมดเปลือก” หยางจูยืนตัวแข็ง มือที่จับไม้กวาดแทบจะร่วงผล็อยลงข้างตัว แต่นางก็ยังทำไขสือ “พวกเจ้าพูดเรื่องอะไรกัน ข้าไม่มีความลับอะไรทั้งนั้น” “แน่ใจหรือ แต่พวกข้าซึ่งมีตาแปดคู่มองเห็นชัดแจ้งเลยนะ ว่าเจ้าแอบทำอะไรเมื่อวันก่อน” นางแอบไปทำอะไรให้คนพวกนี้จับได้นะ ในเมื่อเวลาแต่งตัว นางก็อยู่แต่ในกระโจม ไปอาบน้ำหรือก็หอบผ้าหอบผ่อนไปตอนกลางคืน แถมบ่อน้ำยังอยู่ด้านหลังโน่น หรือพวกเขาแ

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 11

    “เนื้อหมูและปลาตากแห้งเจ้าค่ะ ท่านองครักษ์บอกว่าชีวิตในนี้ยากลำบากนัก หากเป็นทหารชั้นประทวนยิ่งไม่มีทางที่จะได้แตะเนื้ออะไรทั้งนั้น ข้าจึงเอาเนื้อนี้มาให้ แล้วข้าก็คิดถูก นี่มาอยู่ไม่เท่าไหร่ ท่านก็ผมลงอย่างเห็นได้ชัด” หยางจูก้มลงมองตัวเอง นางไม่ได้ผอมลงไปแม้แต่น้อย แต่แน่ล่ะ ลู่อิงก็ชอบกังวลเกินเหตุและกล่าวอะไรเกินจริงอยู่ตลอด “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจเจ้ามาก” นางรับมาด้วยความเต็มใจ “หากไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะสงสัยเอาได้ ข้าไม่ใช่คนพื้นเพ ไม่สมควรจะรู้จักใครที่นี่” “เจ้าค่ะ” รับคำแบบไม่เต็มใจนัก ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือองค์หญิงที่ตัวเองดูแลมาแต่เล็กแต่น้อย รู้สึกว่ามือนั้นกร้านขึ้นก็ทั้งตกใจและสงสารจับใจ “ข้าไม่ได้เป็นอะไรลู่อิง มือข้าก็ยังอยู่ดี” หยางจูพูดอย่างรู้ทันความคิด “โธ่…คุณชาย…” ลู่อิงโอดครวญตามประสา “เอาละ พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว นี่ข้าออกมานานแล้ว เกรงว่าจะมีคนสงสัยเอาได้” “ขอรับ ขอให้ท่านรักษาตัวด้วย” เป็นเซี่ยหานปิงชิงพูดขึ้นมาก่อนที่หญิงสาวข้างกายจะเอ่ยอะไรยืดยาวเป็นการไม่จบสิ้น และได้รับค้อนจากลู่อิงไปหนึ่งวง หยางจูเ

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 10

    หน้าที่ขององค์หญิงแห่งแคว้นยังคงวนเวียนอยู่ในโรงครัวเป็นส่วนใหญ่ และนางต้องหมกตัวอยู่ในนั้นตลอดทั้งวัน วิ่งวุ่นหัวหมุนไปกับการหั่นล้างอะไรสักอย่างตลอดเวลา ซึ่งนางก็ล้วนแล้วแต่ทำไม่เป็น หากรองแม่ทัพจางไม่ช่วยเหลือ แกล้งเรียกนางเข้าพบเพราะนางอ่านออกเขียนได้ นางก็คงจะไม่ได้มีเวลาพักผ่อนเลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างก็ทำงานหนักอาบเหงื่อต่างน้ำด้วยกันทั้งสิ้น ราวกับว่าค่ายแห่งนี้ไม่เคยหลับใหล แม้แต่ยามกลางคืน นางก็ยังสามารถได้ยินเสียงพูดคุย เสียงความเคลื่อนไหวด้านนอก และเห็นแสงไฟวับแวมที่จุดอยู่โดยรอบ นอกจากช่วงเวลาที่จะต้องยกข้าวยกน้ำให้กับมู่หรงเซียวหนานแล้ว หยางจูไม่มีทางได้เจอเขาอีก ไม่ใช่แค่เพราะเขาไม่ว่าง แต่เพราะนางหมกตัวอยู่แต่ในครัว ราวกับไข่มุกที่ไม่ถูกค้นพบ หยกที่ยังไม่ได้เจียระไน แล้วมันจะไปมีความหมายอันใดที่นางดั้นด้นลำบากมาถึงนี่ และถึงแม้นางจะได้เวลาชั่วพักชั่วครู่ ระหว่างที่เขารับประทานอาหาร แต่ในช่วงเวลานั้น ก็มักจะมีผู้คนมากมายมารอเข้าพบท่านแม่ทัพเป็นการส่วนตัวอยู่เสมอ เท่ากับว่านางแทบจะไม่มีเวลาอยู่กับเขาเพียงสองคนเลย “เฮ้ออออออ……” คิดแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ นางพั

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 9

    หยางจูนิ่งอึ้ง นึกเสียดายที่ไม่ได้ทำหน้าทำตาให้มอมแมมขมุกขมัวมากกว่านี้ เมื่อเขาเห็นว่านางอึกอัก ก็ยิ่งคิดว่านางอับอายเพราะถูกล้อว่าเหมือนเด็ก จึงพูดเพื่อให้นางรู้สึกดีขึ้น“อย่าคิดมากไปเลย เมื่อทำงานใช้แรงไปเรื่อย ๆ ตัวของเจ้าก็จะหนาเสียจนลืมเลยว่าครั้งหนึ่งเจ้าเคยเป็นเด็กมาก่อน”“ขอรับ” นางปรับสีหน้าให้ดีขึ้น ก่อนจะเป็นฝ่ายถามแทน “แล้วท่านแม่ทัพล่ะขอรับ คิดจะแต่งงานเมื่อใดกัน”“ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนั้น ในหัวมีแต่จะกำราบศัตรูให้สิ้นซากอย่างไรก็เท่านั้น”“แต่หากท่านทำสำเร็จ ฮ่องเต้จะต้องพระราชทานรางวัลให้ ดีไม่ดี จะให้ท่านแต่งกับหญิงงามมียศถาบรรดาศักดิ์เสียด้วยซ้ำไป”“ข้ารู้” มู่หรงเซียวหนานพอจะคาดการณ์เรื่องนี้ได้ โดยเฉพาะเมื่อบิดาของเขาใกล้ชิดกับฮ่องเต้ ถึงขนาดที่น้องสาวของเขาก็อภิเษกไปกับหลี่อวี้อ๋อง แล้วบุตรชายคนโตจะน้อยหน้ากว่าได้อย่างไร “หากเป็นเช่นนั้น ก็แล้วแต่พระประสงค์ของพระองค์เถิด”เขาพูดพลางถอนหายใจอย่างคนที่เข้าใจเรื่องราวและเตรียมใจไว้แล้ว อันตัวเขานั้น แ

DMCA.com Protection Status