Share

ตอนที่ 1

Author: Priyada
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56

เมื่อเห็นว่าพี่ชายไม่ใจอ่อนง่าย ๆ หยางจูก็ปล่อยให้น้ำตาที่คลออยู่ร่วงหล่นลงมาเป็นสาย พร้อมเสียงสะอื้นไห้จนตัวสั่นเทา เฉินไป่ชางตาลีตาเหลือกเช็ดน้ำตาให้ ก่อนจะโอบนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ราวกับนางคือน้องสาวตัวน้อยเมื่อครั้งทั้งคู่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ

“ฮึก!! ข้าขอเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น ฮืออออ” สะอื้นพลางแอบเหลือบตามองท่าทีลนลานของคนเป็นพี่

“ก็ได้ ๆ พี่จะไปปรึกษากับเสด็จอาว่าจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างราบรื่นไม่มีข้อผิดพลาด เจ้าหยุดร้องแล้วรออยู่นี่” เขาทนเห็นน้ำตาของน้องน้อยสุดที่รักไม่ไหวจึงรีบตกปากรับคำในที่สุด

“จริงนะเพคะ” หยางจูลืมความเศร้าโศกเงยหน้ามองพี่ชายตาแป๋ว แต่เมื่อเห็นเขามองนางก็แสร้งทำเป็นบีบน้ำตาอีกรอบเพื่อความสมจริง

“อย่าร้อง ไม่ต้องร้อง ในเมื่อพี่พูดแล้วก็จะทำตามนั้น เจ้าหยุดร้องก่อนเถอะนะ” คนเป็นพี่รู้ทั้งรู้ว่าน้องสาวแกล้งบีบน้ำตา แต่ก็ยังอดใจอ่อนไม่ได้

นางพยักหน้าถี่รัว ยกปาดน้ำตาออกจากใบหน้าด้วยตนเอง เพื่อเป็นเครื่องยืนยันให้พี่ชายสบายใจ

เมื่อเห็นว่านางหยุดร้องแล้ว เขาก็ประคองไปนั่งที่เก้าอี้ “เอาละ เจ้ากลับตำหนักไปก่อน พี่จะไปหารือเรื่องนี้กับเสด็จอา ได้เรื่องอย่างไรแล้วพี่จะแจ้งให้เจ้าทราบ”

“ขอบพระทัยเสด็จพี่” องค์หญิงหยางจูยอบกายเคารพอย่างงดงาม

“อ้อ แล้วอย่าทำอะไรโดยพละการเด็ดขาด” เฉินไป่ชางไม่วายกำชับคนเป็นน้อง

“ข้าทราบแล้ว”

“ฮัดเช้ย!!!”

ขณะเดียวกัน ที่ค่ายทหารชายแดนเมืองเป่ยถง รองแม่ทัพจางซื่อหมิงที่กำลังปรึกษาหารือเรื่องการศึกกับแม่ทัพมู่หรงอยู่ก็จามไม่หยุด

“ท่านรองแม่ทัพไม่สบายหรือ” มู่หรงเซียวหนานเอ่ยถามสหายด้วยความเป็นห่วง

“สงสัยจะเป็นอย่างนั้น” จางซื่อหมิงตอบ

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อน ท่านกลับไปพักผ่อน เกิดเป็นอะไรขึ้นมาแล้วจะยุ่ง”

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อน”

จางซื่อหมิงลุกขึ้นเดินกลับกระโจมของตน เขาเองก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่าจู่ ๆ ทำไมถึงจามไม่หยุดเช่นนี้ และรู้สึกใจหวิว ๆ ชอบกล

เฉินไป่ชางตรงไปยังตำหนักของหลี่อวี้อ๋องทันทีหลังจากแยกกับองค์หญิงหยางจู เขาเกรงว่าหากช้า น้องสาวอาจจะสร้างเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาเสียก่อน ดังนั้นเสด็จอาผู้ซึ่งมีความคิดอ่านลุ่มลึกน่าจะช่วยสองพี่น้องในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

“ถวายบังคมเสด็จอา”

เขาลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าผู้เป็นอาเดินเข้ามาในห้อง ข้างกายยังประคองพระชายาเดินมาพร้อมกัน เขามองภาพคู่รักที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยกตรงหน้าแล้วรู้สึกเสียดแทงในอกเล็ก ๆ พระชายามู่หรง หรือ

มู่หรงเยว่ชิงเป็นสตรีที่เขาเคยหมายปอง แต่นางมิได้มีใจให้เขา และเลือกแต่งให้เสด็จอาของเขาแทน ตัวเขาเองต้องใช้เวลาทำใจนานพอสมควร แต่เมื่อเห็นว่าทั้งคู่รักกันมากแค่ไหน เขาจึงค่อย ๆ ทำใจและสามารถมองคนทั้งคู่เคียงคู่กันได้ในที่สุด นอกจากนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งเขาไม่สามารถให้นางเหมือนกับเสด็จอาได้ก็คือ ตำหนักอ๋องแห่งนี้นางคือพระชายาเยว่ชิงเท่านั้น ไม่มีตำแหน่งพระชายาเอกหรือพระชายารอง เพราะเสด็จอาของเขาได้ลั่นวาจาไว้ว่าจะแต่งภรรยาที่รักเพียงหนึ่งเดียว เฉินไป่ชางสะท้อนในอก เพราะตัวเขาเป็นว่าที่รัชทายาท การที่แต่งภรรยาเพียงหนึ่งนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นจึงไม่ต้องเอ่ยถึงความรัก ที่ดูราวกับว่าจะอยู่ห่างไกลจากตัวเขามากเสียเหลือเกิน

“ไป่ชาง เจ้ามาหาข้าถึงนี่มีเรื่องอะไร” หลี่อวี้อ๋องถามคนเป็นหลาน

“ทูลเสด็จอา ข้ามาหาท่านด้วยเรื่องของน้องหยางจู”

“หยางจูรึ คราวนี้นางก่อเรื่องอะไรไว้อีกล่ะ” เมื่อได้ยินชื่อนี้

หลี่อวี้อ๋องก็พอจะคาดเดาได้

“นางยังไม่ได้ทำอันใดพ่ะย่ะค่ะ แต่สิ่งที่นางคิดจะทำช่างใหญ่โตนัก ข้าถึงต้องรีบมาขอความช่วยเหลือจากท่านก่อนที่นางจะได้สร้างเรื่องขึ้นมาจริง ๆ”

หลี่อวี้อ๋องเลิกคิ้วขึ้น ส่วนพระชายาเยว่ชิงที่อยู่ข้างกายก็ตั้งหน้าตั้งตารอฟังเรื่องที่องค์ชายกำลังจะเล่า เห็นทีจะมีเรื่องสนุกอีกแล้ว

เฉินไป่ชางเล่าเรื่องราวโดยสังเขปให้ทั้งเสด็จอาและพระชายาฟังด้วยความรวดเร็ว เมื่อทั้งสองรู้เรื่อง ก็กลายเป็นว่าหลี่อวี้อ๋องนั้นมีความกังวลลึก ๆ เช่นเดียวกันกับเขา ส่วนมู่หรงเยว่ชิงซึ่งลึกซึ้งละเอียดอ่อน ก็เข้าอกเข้าใจองค์หญิงหยางจูถึงขนาดออกปากชื่นชมถึงความเด็ดเดี่ยวและการมั่นคงในความรักของนางเสียยกใหญ่

“เจ้าชื่นชอบในความสนุกสนานและได้เที่ยวเล่นเปิดหูเปิดตาเช่นเดียวกับหลานของข้าต่างหาก ถึงได้กระตือรือร้นในเรื่องนี้นัก”

หลี่อวี้อ๋องพูดอย่างรู้ทันผู้เป็นพระชายา

“แหม ท่านก็พูดราวกับข้าไม่เข้าใจในเรื่องความรัก แม้ข้าจะชื่นชอบเรื่องสนุกและอดตื่นเต้นไปกับองค์หญิงหยางจูไม่ได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ข้าเห็นด้วยในเรื่องที่องค์หญิงจะได้เลือกคู่ครองของนางเอง แถมยังได้ทำความรู้จักกับเขาก่อน ดังเช่นที่เราสองคนก็ได้โอกาสนั้นเช่นกัน” มู่หรงเยว่ชิงพูดแก้พระสวามี ตัวนางเองมีความทรงจำของชาติที่แล้วซึ่งเป็นยุคปัจจุบันก่อนที่นางจะตายแล้ววิญญาณย้อนมาเกิดในยุคจีนโบราณ นางจึงเข้าใจเรื่องสิทธิในการเลือกคู่ครองสตรีเป็นอย่างดี และยิ่งเห็นด้วยกับการที่ชายหญิงแต่งงานกันด้วยความรัก ไม่ใช่การคลุมถุงชนแบบที่เป็นอยู่ในยุคนี้ ดูอย่างคู่ของนางกับท่านอ๋องประไร ทั้งคู่แต่งงานกันด้วยความรัก ทำให้ทุกวันนี้จึงมีแต่ความสุขและเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี

เมื่อพระชายารักหยิบยกเรื่องราวความรักของตัวเองมาเป็นตัวอย่าง ก็ดูจะทำให้ท่านอ๋องพออกพอใจ แขนข้างหนึ่งจึงยกโอบไหล่นางก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย

“นั่นสินะ”

“ถ้าเช่นนั้น ท่านก็ช่วยให้องค์หญิงได้เข้าไปอยู่ในกองทัพของพี่ชายข้าด้วยเถอะนะเพคะ”

มู่หรงเยว่ชิงนึกชอบพอองค์หญิงหยางจูอยู่ในใจ การที่พี่ชายของนางได้รับความสนใจจากสตรีผู้เพียบพร้อมถึงเพียงนี้ นางย่อมต้องอยากจะสนับสนุนเป็นธรรมดา และอีกอย่าง เรื่องนี้คงสนุกพิลึก

“ข้าก็อยากช่วย แต่มันมีอยู่หลายเรื่องเช่นกันที่ต้องคิด จะให้ตัดสินใจบุ่มบ่ามคงไม่ได้” หลี่อวี้อ๋องเอ่ยเอาใจพระชายาและทำท่าครุ่นคิด

“เสด็จอาช่วยหาทางออกให้น้องหยางจูด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

องค์ชายชางเอ่ยด้วยความร้อนรน อย่างน้อยปัดเผือกร้อนไปให้เสด็จอายังดีกว่าต้องถือไว้คนเดียวทั้งหมด

“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยแน่ นอกจากนางจะเป็นหลานรักของข้า พระชายาของข้าเองก็รบเร้าถึงเพียงนี้”

คนตามใจเมียมาตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเพียงคนรู้จักมีหรือจะมาขัดขวางนางได้

เฉินไป่ชางพยายามมองเมินภาพบาดตาราวกับว่าโลกนี้มีเพียงสองเราตรงหน้าเสีย เสด็จอาผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม พออยู่ต่อหน้าพระชายากลับอ่อนโยนราวกับสิ่งที่ร่ำลือกันด้านนอกนั้นเป็นเรื่องเท็จไป

เสียหมด

“ถ้าเป็นเรื่องการปลอมตัว หม่อมฉันช่วยได้นะเพคะ” เยว่ชิงเสนอตัวอย่างนึกสนุก

“เห็นจะมีเรื่องความปลอดภัยนี่แหละ ที่ยังน่ากังวลอยู่”

หลี่อวี้อ๋องคิดหนักเพราะหยางจูเป็นถึงองค์หญิงคนสำคัญ

“พี่ชายของข้าฝีมือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ใด อีกประการหนึ่ง ท่านรองแม่ทัพจางซื่อหมิงที่อยู่ข้างกายเขาตลอดเวลาเองก็เช่นกัน เรื่องสำคัญคือจะทำให้องค์หญิงหยางจูได้อยู่ใกล้พี่เซียวหนานได้อย่างไร หากทำได้ นางก็จะได้รับการคุ้มครองดูแลอย่างดีตามมาเองนั่นแหละ”ณ ขณะเดียวกันนี้ ที่ชายแดนอันไกลโพ้น รองแม่ทัพจางซื่อหมิงที่เพิ่งจะหยุดจาม กลับมาจามไม่หยุดอีกรอบ

“ฮัดเช้ย!!!”

“สงสัยคงต้องไปให้หมอประจำกองทัพตรวจดูสักที” จางซื่อหมิงปรารภกับตัวเอง พลางลูบเนื้อลูบตัวที่รู้สึกว่าขนแขนลุกชันไปหมด

ณ ห้องรับรองตำหนักอ๋อง บุรุษทั้งสองพยักหน้าเห็นด้วยกับมู่หรงเยว่ชิง ทั้งที่ไม่คิดจะเห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะนางกับองค์หญิงหยางจูนั้นมีกิตติศัพท์ในเรื่องความป่วนไม่แพ้กัน และทุกครั้งที่นางสร้างเรื่องสร้างราว ใครต่อใครต่างใจอ่อนทำโทษนางไม่ลง เลยได้แต่โอนอ่อนผ่อนตามและตามใจนางกันหมด

“ให้เป็นทหารรับใช้ประจำตัวดีหรือไม่” หลี่อวี้อ๋องเสนอ แม้นั่นจะดูเป็นอะไรที่ต่ำต้อยไปสักหน่อย แต่ความจริงทุกอย่างกลับตาลปัตรตั้งแต่หยางจูออกปากจะปลอมเป็นชายเข้าไปอยู่ในค่ายทหารแล้ว เพราะฉะนั้นข้อเสนอของเขาก็ไม่ได้ดูแปลกพิกลไปกว่ากันหรอก

“เช่นนั้นคงจะดีที่สุด แต่การเสนอตัวเป็นทหารรับใช้ดื้อ ๆ เผลอ ๆ พี่เซียวหนานต้องไม่รับเป็นแน่ เรื่องวิธีคงต้องคิดกันอีกที”

“ข้าเชื่อว่าหยางจูคงจะคิดได้” พูดอย่างพี่ชายที่รู้จักน้องสาวจอมวางแผนดี

“ข้าจะไปเขียนจดหมายฝากฝังหยางจูกับรองแม่ทัพจางให้”

“ขอบพระทัยเสด็จอา น้องหยางจูจะต้องดีใจมากแน่” เฉินไป่ชางรีบถวายความเคารพผู้มีศักดิ์เป็นอาทันที

“เอาเถอะ ข้าหวังว่าถ้าความแตกขึ้นมา เสด็จพี่คงจะเห็นแก่หน้าข้าบ้าง”

องค์ชายชางคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไปว่าก็เพราะเสด็จอาเป็นคนโปรดของเสด็จพ่อนั่นแหละ เขาและน้องถึงได้แจ้นมาขอความช่วยเหลือแบบนี้

“แล้วองค์หญิงจะเสด็จไปเมื่อใดหรือเพคะองค์ชาย”

“ข้าคิดว่าคงจะเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ดูนางร้อนใจเหลือเกิน”

“หากช้า เสด็จพี่ก็อาจจะเร่งรัดงานอภิเษกกับองค์ชายต่างแคว้นด้วย” หลี่อวี้อ๋องคิดตามประสาคนที่อยู่ในตำแหน่งที่จะต้องบริหารจัดการทุกอย่าง

“พ่ะย่ะค่ะ น้องหยางจูเกรงว่าวันดีคืนดี เสด็จพ่อจะให้นางเข้าพิธีโดยไม่ให้นางได้เตรียมตัว และเสด็จพ่อก็น่าจะทำเช่นนั้น เพราะทรงทราบดีว่าน้องมีความดื้อดึงเพียงใด” องค์ชายชางออกความเห็น

ทั้งสามคนยิ้มเอ็นดูออกมาพร้อมกันเมื่อพูดมาถึงตรงนี้

“เฮ้อ ก็ใครกันล่ะที่ตามใจนางจนเสียคน”

หลี่อวี้อ๋องตำหนิแบบไม่จริงจังนักก่อนจะลุกขึ้น

“เจ้ารออยู่นี่ไป่ชาง ข้าจะไปเขียนจดหมายเดี๋ยวเดียว”

“พ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายชางมองตามหลังเสด็จอาที่หายเข้าไปอีกห้อง ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“หากองค์หญิงพร้อมให้หม่อมฉันช่วยเตรียมการเรื่องปลอมตัว ก็ให้คนมาบอกได้เลยนะเพคะ”

“ข้าว่าท่านไปพร้อมข้าเลยดีกว่า นางน่าจะต้องการคุยกับผู้หญิงด้วยกันมากที่สุด”

“เพคะ” เยว่ชิงรับคำด้วยความยินดี

รออยู่ไม่นาน หลี่อวี้อ๋องก็ออกมาจากห้องหนังสือพร้อมจดหมายที่เขาถือมาด้วยในมือ เนื้อความไม่มีอะไรมากนัก แต่ก็หนักแน่นตามแบบฉบับ และย้ำเรื่องความปลอดภัยขององค์หญิงหยางจูเป็นอันดับแรก พร้อมคำสัญญาว่าจะตบรางวัลมหาศาลแก่รองแม่ทัพจางซื่อหมิงหลังจากองค์หญิงกลับวังหลวงอย่างปลอดภัย

องค์ชายชางกล่าวขอบคุณผู้เป็นอาอีกรอบ ก่อนจะกลับตำหนักพร้อมกับมู่หรงเยว่ชิงที่เตรียมจะช่วยองค์หญิงหยางจูซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะมาเป็นพี่สะใภ้ของนางในอนาคต

“พี่กลับมาแล้ว”

องค์ชายชางไปหาองค์หญิงหยางจูที่ตำหนัก พอนางเห็นว่าใครมาก็รีบวิ่งตรงดิ่งเข้าไปหา ดวงหน้าอ่อนหวานเงยขึ้นมองพี่ชายด้วยความหวัง เมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ข้างเขา นางก็พอจะเดาเรื่องราวได้ จึงยิ้มออกมาอย่างยินดี แล้วพุ่งเข้ามากอดพี่ชายเต็มแรง

“พอได้อย่างใจก็ยิ้มออกเชียวนะ” เขาลูบหัวนาง จะโกรธก็โกรธ

ไม่ลง

“เรามาเริ่มกันเลยเถอะ”

รอข้าอีกนิดเท่านั้นนะ มู่หรงเซียวหนาน ข้ากำลังจะไปหาท่านแล้ว

Related chapters

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 2

    การเดินทางขององค์หญิงผู้ดื้อรั้นเป็นไปอย่างเงียบเชียบและถูกเก็บให้เป็นความลับมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจดหมายได้ถูกคนของหลี่อวี้อ๋องส่งไปล่วงหน้าก่อนแล้ว เพื่อให้รองแม่ทัพจางซื่อหมิงเตรียมการในสิ่งที่จำเป็นเพื่อต้อนรับการมาขององค์หญิงผู้สูงศักดิ์แต่อุตริดันคิดแผลง ๆ อยากมาตกระกำลำบากในค่ายทหาร ทั้งนี้หลี่อวี้อ๋องได้เตรียมการเป็นอย่างดี โดยให้หลานรักออกเดินทางพร้อมกับทหารอารักขาที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านเดินทางล่วงหน้าไปประจำการตามจุดต่าง ๆ เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง ข้าวของในหีบไม้เรียบ ๆ ไม่สะดุดตาสองหีบ มีเพียงเสื้อผ้าธรรมดาและตำราไม่กี่เล่ม กับของสำหรับการปลอมตัว และของใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิงซึ่งจะต้องเก็บอย่างมิดชิดหยางจูนั่งกระเด้งกระดอนอยู่ในเกวียนเทียมม้าคันเล็กสภาพเก่าคร่ำคร่าเพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกต เมื่อไปถึงที่เมืองชายแดนนางจะต้องลงจากรถม้าคันนี้ที่จะขนสัมภาระเข้าไปในค่ายตามเส้นทางลับ แล้วเปลี่ยนไปใช้รถม้าคันอื่นแทนเป็นระยะทางสั้น ๆ แม้จะฟังดูยากลำบากสำหรับองค์หญิงเช่นนาง แต่ในหัวใจดวงน้อยที่มีเพียงความปรารถนาจะได้ยลโฉมหน้าของชายในดวงใจ นางก็มีเพียงความตื่นเต้นเพียงเท่

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 3

    ยังไม่ทันจะไปถึง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ท่าทางราวกับบัณฑิตสะโอดสะองก็ถูกผลักจนหน้าคะมำ ก่อนจะโดนทุบเข้าที่หลังเต็มแรง“นี่พวกเจ้า มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดค่อยจากันดี ๆ สิ ไม่เห็นต้องใช้กำลังเลยนี่”“แม่นาง นี่เป็นเรื่องของบุรุษ เจ้าอย่าแส่จะดีกว่า”“เขาทำอะไรผิด หากเป็นเรื่องเงิน ข้าจะจ่ายให้ ต้องการเท่าไหร่ก็ว่ามา” นางไม่สนใจเสียงกระโชกโฮกฮากและสายตาไม่เป็นมิตรของคนพวกนั้น แล้วหันไปหาลู่อิงที่รีบหยิบถุงเงินออกมา“ข้าไม่ต้องการเงิน พวกที่ชอบใช้เงินทองฟาดหัวคนอื่น ควรจะได้รับบทเรียนเสียบ้าง”“หากเจ้าไม่ปล่อยเขาไป ข้าจะแจ้งทางการ”เสียงหัวเราะเยาะหยันดังลั่นเมื่อนางกล่าวประโยคนั้นจบ“ที่นี่อยู่ไกลจากศาลาว่าการตั้งเท่าไหร่ กว่าเจ้าจะไปแจ้ง ข้าก็ทุบเจ้านี่จนน่วมไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เพราะฉะนั้นข้าข้อเตือนให้แม่นางถอยไปห่าง ๆ เสียดีกว่า”หยางจูไม่รู้สึกพรั่นพรึงต่อคำขู่นั้น หากการเจรจาไม่ได้ผล นางก็รู้ดีว่าองครักษ์เซี่ยที่มาด้วยกันจะสามารถรับมือกับคนพวกนี้ซึ่งดูไม่ต่างจากโจรกระจอกได้“เจ้าไม่ต้องการสิ่งนี้จริงหรือ” นางรับถุงเงินจากลู่อิงแล้วเขย่าไปมาตรงหน้า“เจ้านี่พูดไม่รู้ความ ออกไป ก่อนที่ข้าจะหมด

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 4

    รองแม่ทัพจางซื่อหมิงด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ตรงประตูหลังค่ายด้วยความกลัดกลุ้ม เขาได้รับจดหมายจากหลี่อวี้อ๋องเรียบร้อยแล้วและรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง แม้โดยเนื้อแท้เขาจะเป็นบุรุษที่ใจเย็น สุขุมรอบคอบ แต่เมื่อได้อ่านเนื้อความในจดหมายถึงสิ่งที่องค์หญิงหยางจูต้องการจะทำ ความสงบสุขุมของเขาก็ปลาสนาการไปสิ้น มีอย่างที่ไหน ใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ในวังอันหรูหราไม่ชอบ แต่อยากจะมานอนกลางดินกินกลางทรายที่ค่ายทหารเยี่ยงนี้ อานุภาพของความรักมันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียวหรือ เขาได้แต่สงสัยในใจ แต่ในเมื่อได้รับมอบหมายมาแล้ว เขาก็ต้องรับใช้เชื้อพระวงศ์อย่างสุดความสามารถ อย่างน้อยก็ช่วยองค์หญิงปกปิดความลับให้ได้นานที่สุด ประการต่อมาคือหาโอกาสให้นางได้โปรยเสน่ห์มัดใจท่านแม่ทัพหน้านิ่ง ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าแม่ทัพมู่หรงเซียวหนานมีหัวจิตหัวใจอย่างใครเขาหรือไม่ เสียงรถม้าควบกุบกับมาตามถนน ก่อนจะจอดห่างออกไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตเห็น จางซื่อหมิงจึงรีบเดินออกไป เห็นบุรุษสองคนยืนเคียงข้างกัน คนหนึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ตามแบบฉบับคนใช้ตามแบบฉบับคนที่ใช้กำลัง ส่วนอีกคน แม้จะอยู่ในชุดแบบผู้ชายทั่วไป แต่สรีระกลับดู

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 5

    ดวงตาของจางซื่อหมิงมีประกายแบบคนที่เห็นหนทางรำไร “ถ้าเช่นนั้นท่านไปอยู่โรงเลี้ยงม้าดีหรือไม่ ท่านแม่ทัพมีม้าคู่ใจอยู่ตัวหนึ่ง เมื่อมีเวลาว่างก็จะแวะเวียนไปดูมันเสมอ” “แต่...ข้าดูแลม้าไม่เป็น ได้แต่ขี่อย่างเดียว” “นั่นสินะ” เขาพึมพำ จะให้องค์หญิงมาคอยแปรงขนม้า เก็บมูลของมันและป้อนหญ้าได้อย่างไร “อย่าเพิ่งถอดใจไป ข้ารู้แล้ว!” นางร้องด้วยความยินดี ท่าทางแจ่มใสขึ้นมา “ฝ่ายเครื่องแต่งกายอย่างไรเล่า ถึงอย่างไรทุกคนก็ต้องแต่งตัวไม่ใช่หรือ ขนาดในตำหนักของข้า ยังต้องใช้คนตั้งมากมาย กองทัพที่มีทหารหลายพันคนเช่นนี้ ย่อมต้องการแรงงานเป็นแน่” “พวกเขาไม่ใคร่สนใจการแต่งตัวนัก ส่วนมากแล้วจะสวมใส่เสื้อผ้าซ้ำ ๆ เพราะไม่ค่อยมีเวลาและใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ บวกกับการทำงานหนัก สิ่งที่ขาดไม่ได้คือชุดเกราะเท่านั้นเอง” หยางจูถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เห็นจะมีเพียงคนรับใช้ส่วนตัวของเขาเท่านั้น ที่จะได้อยู่ชิดใกล้เกือบจะตลอดเวลา” “แต่กว่าจะไปถึงตำแหน่งนั้นได้ ก็ต้องอยู่ในสายตาของท่านแม่ทัพเสียก่อน เมื่อท่านแสดงให้เห็นความสามารถ เขาต้องย่อมเรียกท่านเข้าไปรับใช้” “ใช่” นางผงกศีรษะ ก่อน

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 6

    หยางจูสะดุ้งตื่นเพราะเสียงตีเกราะดังระรัว นางรีบร้อนแต่งตัวด้วยชุดไร้สีสันที่ตระเตรียมมา สวมทับด้วยเครื่องแบบของกองทัพ และพบว่าแม้จะไม่สวยงามสะดวกสบายอะไรนัก แต่ก็ใช้เวลาน้อยกว่าตอนที่นางเป็นองค์หญิงถึงสิบเท่า จากนั้นนางก็ต้องขมวดปอยผมของตัวเองให้ดีขณะที่เสียงเรียกหน้าประตูยังดังไม่หยุด “หยางหยาง หากไปช้าเราจะถูกลงโทษเอานะ” คนที่อยู่หน้ากระโจมตะโกนเข้ามา หยางจูจึงรีบตอบกลับ เกรงว่าหากขืนชักช้าเขาจะเปิดประตูเข้ามาเรียกถึงด้านในแล้วความจะแตกเอาได้ “เข้าใจแล้ว ๆ” นางเปิดประตูแล้วก้าวตามชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงที่ก้าวเดินด้วยความรวดเร็วไปในความมืด ฟ้ายังไม่สว่างดีนัก แต่รอบค่ายก็มีเสียงพูดคุย เสียงของผู้คนที่ทำงานไม่หยุดหย่อน เสียงโลหะกระทบกัน เสียงกวาดถู และกลิ่นที่ผสมปนเปกันไปในอากาศจนยากจะบอกได้ว่าเป็นกลิ่นของสิ่งใดกันแน่ ตะเกียงและคบเพลิงถูกจุดให้แสงสว่างเป็นระยะ นางเห็นเรือนนอนเรียงกันเป็นแถบ ซึ่งเป็นของทหารที่พอจะมียศศักดิ์เท่านั้น ทหารชั้นเลวหรือทหารรับใช้จะได้นอนในกระโจมรวม ซึ่งนางเองถ้าไม่อาศัยความช่วยเหลือของรองแม่ทัพจางซื่อหมิงก็คงจะไปลงเลยในสถานที่แบบนั

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 7

    เสียงเรียกของหัวหน้าโรงครัวดังราวกับฟ้าผ่า หยางจูผุดลุกขึ้นแล้วเดินตามแผ่นหลังกว้างไปท่ามกลางสายตาสอดรู้ของทุกคนในบริเวณนั้น “ท่านเรียกข้า มีสิ่งใดจะให้ข้ารับใช้หรือขอรับ” “มีคำสั่งมาว่าให้เจ้านำอาหารไปให้ท่านแม่ทัพ” “จริงหรือ” นางร้องออกมาด้วยความดีใจ แต่พอเห็นสายตาตำหนิติเตียนก็รีบหุบยิ้ม “ขอรับ ข้าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด” “เอาเกลือนี่โรยใส่น้ำแกงสักหน่อย แล้วก็ยกไปได้” “ขอรับ” นางได้แต่รับคำซ้ำ ๆ พูดอะไรไม่ออกเพราะความดีใจเอ่อล้นอยู่ในอก “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าเป็นใครมาจากไหน ถึงได้ตำแหน่งสำคัญถึงเพียงนี้ตั้งแต่วันแรก แต่ทำหน้าที่ให้ดีก็แล้วกัน” “ข้าน้อยจะไม่ทำให้ครัวของเราต้องขายหน้าเป็นอันขาด” “ดี” เมื่อสั่งงานเสร็จแล้ว เขาก็เดินนำนางไปยังจุดรับสำรับอาหารที่มีอาหารอยู่เพียงไม่กี่อย่าง หยางจูมองไก่ตุ๋นน้ำแกง เนื้อในชามเป็นแค่ชิ้นเล็ก ๆ ไม่ใช่ไก่ทั้งตัว ข้าวต้มเละ ๆ บดรวมกับหมูสับ ผักที่ผัดโดยไม่ใส่สิ่งใดเลย และของหวานที่นางมองไม่ออกว่าเป็นสิ่งใดกันแน่เพราะมันเหมือนกับการเอาแป้งมากวนแล้วจับปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เมื่อมองจากภาระหน้าที่

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 8

    ความอึดอัดท่วมท้นขึ้นมาในจิตใจเมื่อได้ยินคำตำหนิว่าอาหารรสชาติแปลกประหลาด หยางจูรู้ดีว่าต้องเป็นเพราะเกลือที่นางโรยลงไปตามคำสั่งเป็นแน่ แต่คงจะใส่มากไปหน่อย หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะมีขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งผิดพลาดจนรสชาติอาหารออกมาผิดแผกไปจากเดิม “คนครัวคนเดิมหรือเปล่า” “คนเดิมขอรับ” มู่หรงเซียวหนานมุ่นหัวคิ้ว ลองตักน้ำแกงพร้อมกับเนื้อไก่กินอีกครั้ง “น้ำแกงนี่ใส่อะไรลงไปบ้าง” ตายล่ะ นางไม่ได้เป็นคนทำทุกขั้นตอนเสียเมื่อไหร่ แค่ถอนขนไก่ยังไม่ได้เลย แถมตอนปรุงน้ำแกงด้วยสมุนไพร นางก็กำลังแล่หมูอยู่ด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้จะตอบคำถามของเขาได้อย่างไร แต่พอเห็นสายตาที่จ้องมองมาไม่วางตา นางก็จำต้องหาคำตอบมาให้ แม้ว่ามันอาจจะไม่ถูกต้องก็ตาม แต่คนเป็นแม่ทัพ เคยแต่จับหอกจับดาบก็ไม่น่าจะรู้เรื่องอาหารมากนัก “ก็ใส่เครื่องยาจีนทั่วไปขอรับ” “ลองไล่มาสิ ข้าจะดูว่ามีสิ่งใดผิดแปลกไป” “เอ่อ หากท่านกังวลเรื่องการวางยาพิษ ทางหน่วยได้มีการทดลองชิมและใช้เครื่องเงินทดสอบแล้วนะขอรับ” “ไม่ใช่เรื่องการวางยาอะไรหรอก ข้าแค่รู้สึกแปลกใจกับรสชาติอาหารน่ะ จึงอยากจะรู้ให้แน่ชัด”

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 9

    หยางจูนิ่งอึ้ง นึกเสียดายที่ไม่ได้ทำหน้าทำตาให้มอมแมมขมุกขมัวมากกว่านี้ เมื่อเขาเห็นว่านางอึกอัก ก็ยิ่งคิดว่านางอับอายเพราะถูกล้อว่าเหมือนเด็ก จึงพูดเพื่อให้นางรู้สึกดีขึ้น“อย่าคิดมากไปเลย เมื่อทำงานใช้แรงไปเรื่อย ๆ ตัวของเจ้าก็จะหนาเสียจนลืมเลยว่าครั้งหนึ่งเจ้าเคยเป็นเด็กมาก่อน”“ขอรับ” นางปรับสีหน้าให้ดีขึ้น ก่อนจะเป็นฝ่ายถามแทน “แล้วท่านแม่ทัพล่ะขอรับ คิดจะแต่งงานเมื่อใดกัน”“ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนั้น ในหัวมีแต่จะกำราบศัตรูให้สิ้นซากอย่างไรก็เท่านั้น”“แต่หากท่านทำสำเร็จ ฮ่องเต้จะต้องพระราชทานรางวัลให้ ดีไม่ดี จะให้ท่านแต่งกับหญิงงามมียศถาบรรดาศักดิ์เสียด้วยซ้ำไป”“ข้ารู้” มู่หรงเซียวหนานพอจะคาดการณ์เรื่องนี้ได้ โดยเฉพาะเมื่อบิดาของเขาใกล้ชิดกับฮ่องเต้ ถึงขนาดที่น้องสาวของเขาก็อภิเษกไปกับหลี่อวี้อ๋อง แล้วบุตรชายคนโตจะน้อยหน้ากว่าได้อย่างไร “หากเป็นเช่นนั้น ก็แล้วแต่พระประสงค์ของพระองค์เถิด”เขาพูดพลางถอนหายใจอย่างคนที่เข้าใจเรื่องราวและเตรียมใจไว้แล้ว อันตัวเขานั้น แ

Latest chapter

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 17

    หยางจูหลบอยู่ในกระโจมของจางซื่อหมิงซึ่งไม่ต่างจากของ มู่หรงเซียวหนานนัก เพียงแค่มีอาวุธมากกว่า และตำราน้อยกว่าเท่านั้น อาจเพราะทั้งสองคนถนัดไม่เหมือนกัน แต่ต่างก็เป็นกำลังสำคัญของกองทัพทั้งคู่ นางไม่กล้าเดินไปมามากนัก นอกจากจะเป็นการเสียมารยาทแล้ว ยังกลัวผู้ที่อาจจะหลงเหลืออยู่ เห็นเงาของนางอยู่ในนี้ นางจึงนั่งคุดคู้อยู่ข้างเตียง เฝ้าฟังเสียงการเคลื่อนไหวด้านนอก ทั้งเสียงตะโกนสั่งการ เสียงทหารเกือบหมื่นนายตอบรับคำสั่ง การขยับเท้า ชุดเกราะที่เสียดสีกันและเสียงอาวุธหลากชนิด รวมถึงเสียงม้า ทุกอย่างเป็นไปอย่างพร้อมเรียงและน่าเกรงขาม จนนางนึกอยากจะเห็นภาพนั้นด้วยตาตัวเอง และเป็นส่วนหนึ่งในกองทัพ หากแต่นางก็รู้ดีว่าต่อให้นางจะแข็งแรงเพียงใด แต่ผู้ที่ไม่เคยฝึกฝน ไม่มีทางที่จะอยู่รอดในวงล้อมแห่งความทรหดเช่นนั้นได้ นางนึกเสียใจที่ไม่ได้เตรียมการสำหรับเรื่องนี้มาก่อน หากนางขอให้องครักษ์ช่วยสอน อย่างน้อยนางก็คงจะไม่ต้องมาหลบเป็นตัวตุ่นเพราะจับอาวุธไม่เป็นเช่นนี้หรอก ยังมีทหารอยู่ข้างนอกที่เดินผ่านมาแล้วก็ผ่านไป น่าจะเป็นทหารเวรที่ทำหน้าที่เฝ้าค่าย หยางจูยังคงนั่งอยู่แบบนั้น

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 16

    ข่าวการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของกบฏชายแดนสร้างความแตกตื่นให้กับกองทัพขนานหนัก ในเมื่อที่ผ่านมา ตั้งแต่เหล่าทหารถูกส่งมายังค่าย ฝ่ายตรงข้ามก็แทบไม่มีความเคลื่อนไหวใดชัดเจนและเป็นรูปเป็นรอยถึงเพียงนี้ ทหารทุกนายที่ต้องตื่นมาจับศาสตราวุธทุกเมื่อเชื่อวันแต่ยังไม่เคยได้ปะหน้ากับศัตรูจึงไม่มีความกระตือรือร้นใดนัก กระทั่งทหารบนหอสังเกตการณ์วิ่งกระหืดกระหอบลงมานั่นเอง ทุกคนถึงได้ตื่นตัว ข่าวแพร่ออกไปว่าการเคลื่อนทัพของฝ่ายศัตรูนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วจนน่าหวาดหวั่น โชคยังดีที่ท่านแม่ทัพเก่งกล้าสามารถมากพอที่จะอ่านการเคลื่อนทัพเหล่านั้นออกตั้งแต่แรก จึงได้เตรียมแผนการรับมือเอาไว้แล้วเรียบร้อย และวันนี้ เขาจะดูการซ้อมกลยุทธ์ใหม่ที่คิดขึ้นร่วมกับทหารระดับสูงด้วยตัวเอง โดยปกติแล้ว มู่หรงเซียวหนานมักจะตรวจแถวทหารทุกเช้า แต่การซ้อมกลศึกหลากหลายอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ได้มีบ่อยนัก การที่ท่านแม่ทัพสั่งการลงมาให้เตรียมทหารเกือบทั้งกองทัพ ไม่เว้นแม้แต่ทหารรับใช้ จึงทำให้ค่ายทั้งค่ายปั่นป่วนไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะหยางจู นางไม่มีความรู้แม้แต่จะถือทวนให้ถูกต้องเสียด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่นางพอจะถือได้

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 15

    “เฉิงชุน”นางดึงเสื้อเขาไว้เมื่อชายหนุ่มร่างหนาทำท่าจะพุ่งเข้าไป เมื่อเห็นความยียวนของอีกฝ่าย นางไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวกัน เพราะนางยังต้องอยู่ที่นี่อีกนาน แม้ว่านางจะรู้สึกเจ็บมากก็ตาม“ตรงนั้นน่ะ มีเรื่องอะไรกัน” หัวหน้าตะโกนถามขึ้นเมื่อเห็นความผิดปกติ“ไม่มีขอรับ ข้ากำลังจะไปทำงานตามที่ท่านหัวหน้าสั่งขอรับ”ฟาหยางตะโกนตอบ ก่อนจะหันมายิ้มหยันตบท้าย แล้วเดินวางโตออกไป“เจ้าน่าจะให้ข้าได้สั่งสอนมัน เห็นอยู่ว่ามันตั้งใจจะแกล้งเจ้า”เฉิงชุนแค้นใจแทน“ข้ารู้ แต่หากเจ้าตอบโต้มัน เจ้าเองก็จะเดือดร้อนด้วยเช่นกัน คนแบบนี้หากหมดสนุกก็คงเลิกไปเอง” นางพูดเพื่อสงบอารมณ์ของเฉิงชุนเท่านั้น เพราะรู้ดีว่านิสัยอันธพาลไม่ได้หายง่าย ๆ“เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่” ลี่ถังมองด้วยสายตาเป็นห่วง แขนยังคงโอบประคองนางไว้“ข้าไหวน่า ถึงจะตัวเล็ก แต่ข้าก็ไม่ได้อ่อนแอนะ แค่ล้ม จะเจ็บแค่ไหนกันเชียว”หยางจูแสร้งก้มลงไปหยิบถังน้ำขึ้นมา แต่ความเจ็บแล่นปลาบ นางก็ได้แต่กัดฟันทน ไม

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 14

    ดูเหมือนว่าฟาหยางจะผูกใจเจ็บกับนางเสียเหลือเกิน หลายวันมานี้ หยางจูสังเกตได้ว่าเขามักจะมองตามนางเสมอ ไม่ว่านางจะเคลื่อนตัวไปไหนหรือทำสิ่งใด ก็จะเห็นสายตาของเขาคอยทิ่มแทง ไม่แน่ว่าความไม่เป็นมิตรนี้ น่าจะมาจากการที่เขาแค้นใจเมื่อโดนรองแม่ทัพตักเตือนอย่างรุนแรง แต่จะโทษใครได้ ในเมื่อเขาทำตัวเองทั้งสิ้น “เจ้านั่นน่ะ มัวแต่เหม่ออะไรอยู่ ข้าบอกให้ยกหม้อมา” หยางจูสะดุ้ง ทำอย่างไรก็ชินชากับเสียงกระโชกโฮกฮากไม่ได้สักที นางรีบยกหม้อไปให้ แต่มันใหญ่และหนักจนแขนของนางสั่นพั่บ ๆ จนแทบจะทำของที่อยู่ข้างในหกออกมา “โอ๊ย พวกเราจะได้กินดีไหมนี่ ถ้าให้เจ้าอ่อนปวกเปียกมายกข้าวให้ ระวังมันจะทำคว่ำทั้งหม้อนะ” ฟาหยางตะโกน ส่วนเพื่อนอันธพาลด้วยกันก็หัวเราะเป็นลูกคู่ เสียงดังจนคนอื่น ๆ หันมามอง นางทำหน้าบึ้ง ต้องอดใจแทบตายที่จะยกหม้อทั้งหม้อสาดใส่ แต่มันหนักเกินกว่าจะทำอะไรได้ พอดีกับที่ลี่ถังรีบลุกมาช่วย ตอนนี้เขาเหมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของนางไปแล้ว หยางจูนึกเล่น ๆ ว่าหากกลับไปที่วังหลวงนาง จะแต่งตั้งให้เขาเป็นหนึ่งในองครักษ์ใกล้ชิด หรือหากเขาไม่ชอบนางก็จะบอกเสด็จพี่ให้ปูนบำเหน็จหรือเล

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 13

    “เจ้าอย่ามาสนใจข้าเลย เราไม่ได้มีเรื่องขุ่นเคืองใจต่อกันแม้แต่นิด” “แต่ข้าไม่ชอบเจ้านี่หว่า” ว่าแล้วก็เหวี่ยงถังน้ำของตัวเองมากระแทกขานางเต็มแรง “โอ๊ย!!” หยางจูล้มลงไปกับพื้น ขณะที่ไอ้อันธพาลก็หัวเราะชอบใจ น้ำที่แบกมาอย่างยากลำบากเจิ่งนองไปทั่ว ภายนอกนางไม่ได้เจ็บอะไรมากนัก แต่นางเจ็บใจมากกว่า “ไอ้ชั่ว ข้าอุตส่าห์มาได้ไกลถึงขนาดนี้ เจ้าทำน้ำข้าหกหมด” “นี่เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไรนะ” มือหยาบกร้านจับเข้าที่ข้อมือของนางแล้วบีบอย่างแรง “หยุด!!” เสียงห้วนห้าวบอกถึงความมีอำนาจดังก้อง ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินดุ่มเข้ามาหาด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว “ท่านรองแม่ทัพ” นางครางด้วยความโล่งใจ “เจ้าทำอะไร รังแกผู้อื่นงั้นหรือ เหตุใดถึงกล้าทำร้ายพี่น้องร่วมทัพกับเจ้า” เมื่อจางซื่อหมิงสวมบทบาทขึงขังเอาจริงเอาจัง หยางจูก็อดรู้สึกแปลกใจระคนกลัวเกรงไม่ได้ เนื่องจากนางไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน “ทะ...ท่านรองแม่ทัพ ข้าน้อยไม่ได้...” “อย่าคิดที่จะปฏิเสธ ข้าเห็นเต็มสองตา บอกชื่อของเจ้ามา” เจ้าคนอันธพาลอึกอักเหงื่อตก ก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสบตา ต่างจากตอนที่รังแกนางลิบลั

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 12

    วันหนึ่งระหว่างที่หยางจูกำลังกวาดใบไม้ใบหญ้าและทำความสะอาดบริเวณครัวทั้งหมด มีกลุ่มนายทหารสี่นายที่แวะเวียนเข้ามาคุยกับนางเป็นครั้งคราว ทุกคนเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่นางเห็นแล้วรู้สึกใจไม่ดี หากจำไม่ผิดชายตัวสูงโย่งและผอมยิ่งกว่าลี่ถังคือเฉิงชุน คนที่ยืนข้าง ๆ เขาที่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเป็นลูกน้องคือตงฟาง ส่วนคนที่ดูมีอายุหน่อยและไม่ค่อยพูดมากนักจนดูไม่เข้ากับทุกคนชื่อเล่อเหลียน แต่อีกคนนั้นนางจำไม่ได้ “หยางหยาง เจ้านี่ร้ายไม่เบาเลยนะเนี่ย” “ช่ายยย เห็นหน้าซื่อตาใสเช่นนี้ ที่ไหนได้ กลับซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้จนมิด” “เรารู้ความลับของเจ้าหมดแล้ว ทีนี้ก็เล่ามาให้หมดเปลือก” หยางจูยืนตัวแข็ง มือที่จับไม้กวาดแทบจะร่วงผล็อยลงข้างตัว แต่นางก็ยังทำไขสือ “พวกเจ้าพูดเรื่องอะไรกัน ข้าไม่มีความลับอะไรทั้งนั้น” “แน่ใจหรือ แต่พวกข้าซึ่งมีตาแปดคู่มองเห็นชัดแจ้งเลยนะ ว่าเจ้าแอบทำอะไรเมื่อวันก่อน” นางแอบไปทำอะไรให้คนพวกนี้จับได้นะ ในเมื่อเวลาแต่งตัว นางก็อยู่แต่ในกระโจม ไปอาบน้ำหรือก็หอบผ้าหอบผ่อนไปตอนกลางคืน แถมบ่อน้ำยังอยู่ด้านหลังโน่น หรือพวกเขาแ

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 11

    “เนื้อหมูและปลาตากแห้งเจ้าค่ะ ท่านองครักษ์บอกว่าชีวิตในนี้ยากลำบากนัก หากเป็นทหารชั้นประทวนยิ่งไม่มีทางที่จะได้แตะเนื้ออะไรทั้งนั้น ข้าจึงเอาเนื้อนี้มาให้ แล้วข้าก็คิดถูก นี่มาอยู่ไม่เท่าไหร่ ท่านก็ผมลงอย่างเห็นได้ชัด” หยางจูก้มลงมองตัวเอง นางไม่ได้ผอมลงไปแม้แต่น้อย แต่แน่ล่ะ ลู่อิงก็ชอบกังวลเกินเหตุและกล่าวอะไรเกินจริงอยู่ตลอด “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจเจ้ามาก” นางรับมาด้วยความเต็มใจ “หากไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะสงสัยเอาได้ ข้าไม่ใช่คนพื้นเพ ไม่สมควรจะรู้จักใครที่นี่” “เจ้าค่ะ” รับคำแบบไม่เต็มใจนัก ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือองค์หญิงที่ตัวเองดูแลมาแต่เล็กแต่น้อย รู้สึกว่ามือนั้นกร้านขึ้นก็ทั้งตกใจและสงสารจับใจ “ข้าไม่ได้เป็นอะไรลู่อิง มือข้าก็ยังอยู่ดี” หยางจูพูดอย่างรู้ทันความคิด “โธ่…คุณชาย…” ลู่อิงโอดครวญตามประสา “เอาละ พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว นี่ข้าออกมานานแล้ว เกรงว่าจะมีคนสงสัยเอาได้” “ขอรับ ขอให้ท่านรักษาตัวด้วย” เป็นเซี่ยหานปิงชิงพูดขึ้นมาก่อนที่หญิงสาวข้างกายจะเอ่ยอะไรยืดยาวเป็นการไม่จบสิ้น และได้รับค้อนจากลู่อิงไปหนึ่งวง หยางจูเ

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 10

    หน้าที่ขององค์หญิงแห่งแคว้นยังคงวนเวียนอยู่ในโรงครัวเป็นส่วนใหญ่ และนางต้องหมกตัวอยู่ในนั้นตลอดทั้งวัน วิ่งวุ่นหัวหมุนไปกับการหั่นล้างอะไรสักอย่างตลอดเวลา ซึ่งนางก็ล้วนแล้วแต่ทำไม่เป็น หากรองแม่ทัพจางไม่ช่วยเหลือ แกล้งเรียกนางเข้าพบเพราะนางอ่านออกเขียนได้ นางก็คงจะไม่ได้มีเวลาพักผ่อนเลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างก็ทำงานหนักอาบเหงื่อต่างน้ำด้วยกันทั้งสิ้น ราวกับว่าค่ายแห่งนี้ไม่เคยหลับใหล แม้แต่ยามกลางคืน นางก็ยังสามารถได้ยินเสียงพูดคุย เสียงความเคลื่อนไหวด้านนอก และเห็นแสงไฟวับแวมที่จุดอยู่โดยรอบ นอกจากช่วงเวลาที่จะต้องยกข้าวยกน้ำให้กับมู่หรงเซียวหนานแล้ว หยางจูไม่มีทางได้เจอเขาอีก ไม่ใช่แค่เพราะเขาไม่ว่าง แต่เพราะนางหมกตัวอยู่แต่ในครัว ราวกับไข่มุกที่ไม่ถูกค้นพบ หยกที่ยังไม่ได้เจียระไน แล้วมันจะไปมีความหมายอันใดที่นางดั้นด้นลำบากมาถึงนี่ และถึงแม้นางจะได้เวลาชั่วพักชั่วครู่ ระหว่างที่เขารับประทานอาหาร แต่ในช่วงเวลานั้น ก็มักจะมีผู้คนมากมายมารอเข้าพบท่านแม่ทัพเป็นการส่วนตัวอยู่เสมอ เท่ากับว่านางแทบจะไม่มีเวลาอยู่กับเขาเพียงสองคนเลย “เฮ้ออออออ……” คิดแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ นางพั

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 9

    หยางจูนิ่งอึ้ง นึกเสียดายที่ไม่ได้ทำหน้าทำตาให้มอมแมมขมุกขมัวมากกว่านี้ เมื่อเขาเห็นว่านางอึกอัก ก็ยิ่งคิดว่านางอับอายเพราะถูกล้อว่าเหมือนเด็ก จึงพูดเพื่อให้นางรู้สึกดีขึ้น“อย่าคิดมากไปเลย เมื่อทำงานใช้แรงไปเรื่อย ๆ ตัวของเจ้าก็จะหนาเสียจนลืมเลยว่าครั้งหนึ่งเจ้าเคยเป็นเด็กมาก่อน”“ขอรับ” นางปรับสีหน้าให้ดีขึ้น ก่อนจะเป็นฝ่ายถามแทน “แล้วท่านแม่ทัพล่ะขอรับ คิดจะแต่งงานเมื่อใดกัน”“ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนั้น ในหัวมีแต่จะกำราบศัตรูให้สิ้นซากอย่างไรก็เท่านั้น”“แต่หากท่านทำสำเร็จ ฮ่องเต้จะต้องพระราชทานรางวัลให้ ดีไม่ดี จะให้ท่านแต่งกับหญิงงามมียศถาบรรดาศักดิ์เสียด้วยซ้ำไป”“ข้ารู้” มู่หรงเซียวหนานพอจะคาดการณ์เรื่องนี้ได้ โดยเฉพาะเมื่อบิดาของเขาใกล้ชิดกับฮ่องเต้ ถึงขนาดที่น้องสาวของเขาก็อภิเษกไปกับหลี่อวี้อ๋อง แล้วบุตรชายคนโตจะน้อยหน้ากว่าได้อย่างไร “หากเป็นเช่นนั้น ก็แล้วแต่พระประสงค์ของพระองค์เถิด”เขาพูดพลางถอนหายใจอย่างคนที่เข้าใจเรื่องราวและเตรียมใจไว้แล้ว อันตัวเขานั้น แ

DMCA.com Protection Status