Share

ตอนที่ 3

Author: Priyada
last update Last Updated: 2024-10-15 04:01:30

ยังไม่ทันจะไปถึง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ท่าทางราวกับบัณฑิตสะโอดสะองก็ถูกผลักจนหน้าคะมำ ก่อนจะโดนทุบเข้าที่หลังเต็มแรง

“นี่พวกเจ้า มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดค่อยจากันดี ๆ สิ ไม่เห็นต้องใช้กำลังเลยนี่”

“แม่นาง นี่เป็นเรื่องของบุรุษ เจ้าอย่าแส่จะดีกว่า”

“เขาทำอะไรผิด หากเป็นเรื่องเงิน ข้าจะจ่ายให้ ต้องการเท่าไหร่ก็ว่ามา” นางไม่สนใจเสียงกระโชกโฮกฮากและสายตาไม่เป็นมิตรของคนพวกนั้น แล้วหันไปหาลู่อิงที่รีบหยิบถุงเงินออกมา

“ข้าไม่ต้องการเงิน พวกที่ชอบใช้เงินทองฟาดหัวคนอื่น ควรจะได้รับบทเรียนเสียบ้าง”

“หากเจ้าไม่ปล่อยเขาไป ข้าจะแจ้งทางการ”

เสียงหัวเราะเยาะหยันดังลั่นเมื่อนางกล่าวประโยคนั้นจบ

“ที่นี่อยู่ไกลจากศาลาว่าการตั้งเท่าไหร่ กว่าเจ้าจะไปแจ้ง ข้าก็ทุบเจ้านี่จนน่วมไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เพราะฉะนั้นข้าข้อเตือนให้แม่นางถอยไปห่าง ๆ เสียดีกว่า”

หยางจูไม่รู้สึกพรั่นพรึงต่อคำขู่นั้น หากการเจรจาไม่ได้ผล นางก็รู้ดีว่าองครักษ์เซี่ยที่มาด้วยกันจะสามารถรับมือกับคนพวกนี้ซึ่งดูไม่ต่างจากโจรกระจอกได้

“เจ้าไม่ต้องการสิ่งนี้จริงหรือ” นางรับถุงเงินจากลู่อิงแล้วเขย่าไปมาตรงหน้า

“เจ้านี่พูดไม่รู้ความ ออกไป ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน แล้วจะมาหาว่าข้าใจร้ายกับสตรีไม่ได้นะ” พูดแล้วก็ปราดเข้ามาหาอย่างมุ่งร้าย

เซี่ยหานปิงที่จับตามองทุกฝีก้าวขยับเข้ามาขวางเอาไว้ด้วยความรวดเร็วผิดจากคนธรรมดา

“อย่ายุ่งกับนายหญิงของข้า ท่านไม่อยากจะมีเรื่องกับข้าหรอก” เขาเตือนเสียงเย็น

“คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าเรอะ บอกไว้ก่อนนะว่าพวกเรามันหมาหมู่เสียด้วย” มันว่าแล้วพวกลูกสมุนก็หัวเราะรับอย่างเหิมเกริม

ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายฮึ่มฮั่มใส่กัน หยางจูก็อาศัยความเร็วตรงเข้าไปดึงมือบัณฑิตหนุ่มแล้วพาวิ่งหนีออกมาจากวงล้อมทันที

“มาเร็ว”

“หา”

“ตามข้ามาเร็วเข้า”

นางฉุดกระชากเขาไปตามทาง ก่อนจะหันไปเรียกลู่อิง แต่นางรู้ใจนายหญิงเป็นอย่างดีอยู่แล้ว จึงวิ่งตามมาติด ๆ

“เฮ้ย จะหนีไปไหน”

“คิดว่าจะหนีพ้นเรอะ”

“ไปตามจับพวกมันมาเดี๋ยวนี้”

กลุ่มชายฉกรรจ์ทำท่าจะวิ่งตาม แต่ถูกเซี่ยหานปิงเข้าขัดขวาง แม้จะใช้เพียงมือเปล่า แต่ก็สามารถต่อสู้ได้อย่างไม่ลำบากยากเย็นอะไรนัก

ขณะเดียวกัน หยางจูก็รีบพาทุกคนมาที่รถม้าที่อยู่ใกล้ที่สุด

“เจ้าขับรถม้าเป็นหรือไม่” นางถามชายหนุ่มที่ถูกนางลากมา

เขาส่ายหน้า

นางถอนหายใจ ก่อนจะปีนขึ้นไปบนแท่นที่นั่ง แล้วดึงบังเหียนของม้าด้วยความทะมัดทะแมง

“คุณหนูเจ้าคะ นั่นไม่ใช่รถม้าของเรานะเจ้าคะ” ลู่อิงละล่ำละลัก

“ขึ้นมาเถอะน่า” นางเร่ง แต่แล้วก็เกิดสำนึกผิดชอบชั่วดีขึ้นมา “เอาเงินวางไว้บนพื้นด้วยก็แล้วกัน เดี๋ยวเจ้าของเขาก็ออกมาเห็นเองนั่นแหละ”

ลู่อิงทำตามอย่างว่าง่าย ขณะที่บัณฑิตหนุ่มยังลังเลที่จะขึ้นรถม้า

“เอ้า อยากให้พวกมันตามมาฆ่าเจ้าหรือ ขึ้นมาได้แล้ว” นางตะโกนเร่ง

เมื่อไม่มีทางเลือก เขาก็จำต้องยอมยัดตัวเองเข้าไปพร้อมกับลู่อิง องค์หญิงผู้เรียนรู้ทุกอย่างเพราะอยากจะทัดเทียมกับบุรุษหวดแส้เข้ากับสีข้างของม้าหนุ่ม แล้วบังคับให้มุ่งตรงไปยังกลุ่มอันธพาล แล้วตะโกนเรียกองครักษ์ของตนไปด้วย

“พี่เซี่ยรีบขึ้นมาเร็วเข้า”

“อย่าให้พวกมันหนีไปได้เด็ดขาด”

เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายผสมปนเปไปกับเสียงเกือกเท้าม้าไม่ได้ทำให้นางหวั่นเกรงแต่อย่างใด นางชะลอความเร็วลงเล็กน้อยให้องครักษ์หนุ่มกระโดดขึ้นมาได้

“เร่งความเร็วเต็มที่เลยขอรับ”

เมื่อเขาขึ้นมาได้ นางก็บังคับให้ม้าวิ่งห้อเต็มฝีเท้าไปบนถนน เจ้าพวกนั้นพยายามวิ่งตามมาเป็นขบวนแต่ก็ไร้ผล เมื่อเห็นว่าพวกมันหมดปัญญา ได้แต่ยืนมองอยู่ไกล ๆ นางก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

“คุณหนูทำแบบนี้ไม่ดีนะขอรับ มันอันตราย” องครักษ์เอ่ยเตือน

“แต่เราก็รอดมาได้ไม่ใช่หรือ” นางตอบอย่างไม่เห็นเป็นสำคัญ “ส่วนสัมภาระของเรา ก็ค่อยส่งคนกลับไปเอาแล้วกัน” ถึงอย่างไรนางก็ไม่อาจละทิ้งนิสัยเอาแต่ใจไม่ได้

“เปลี่ยนให้ข้าขับเถอะขอรับ คุณหนูกลับไปนั่งข้างในให้สบายดีกว่าขอรับ”

“ก็ได้” นางรับคำเพราะอยากจะเข้าไปพูดคุยกับชายที่นางเพิ่งจะช่วยมาด้วย

พอรถม้าจอดสนิท นางจึงกระโดดลง แล้วก็กระโดดกลับเข้าไปด้านในด้วยความรื่นเริง

“คุณหนู ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมเจ้าคะ”

ลู่อิงดึงมือของนางที่ใช้จับบังเหียนไปลูบแล้วสำรวจผู้เป็นนายด้วยความร้อนใจระคนเป็นห่วง

“ข้าสบายดี พี่ลู่อิงอย่าห่วงเลย ว่าแต่ท่านจะให้เราไปส่งที่ไหน หากไม่เป็นการเสียมารยาท ขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” หยางจูเอ่ยรัวเป็นชุด

“ข้าแค่ผ่านมาทางนี้ แต่กลับโดนเรียกเก็บค่าผ่านทาง แต่ข้าเห็นว่าไม่ถูกต้อง จึงไม่ยอมจ่ายให้ในตอนแรก พวกมันจึงโมโห เมื่อข้าเห็นว่ายอมเสียดีกว่าเจ็บตัว พวกมันก็ไม่ยอมรับ แล้วเข้ามาซ้อมอย่างที่เจ้าเห็น”

“คงเพราะมันอยากจะลงไม้ลงมือแต่แรกอยู่แล้ว”

“เห็นจะเป็นเช่นนั้น”

“แล้วท่านมาจากเมืองใดกัน”

นางกวาดตามองเขาอย่างสำรวจ ชายหนุ่มแต่งกายอย่างบัณฑิต กอปรกับท่าทางตื่น ๆ ไม่คุ้นชินกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายทำให้นางสงสัยว่าเขาคงจะเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลที่ไม่ค่อยได้ออกมาเผชิญโลก ส่วนชายหนุ่มนั้นทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยชื่อเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางออกไปแทน

“ข้าจะเดินทางไปสอบราชการที่อีกเมืองอู่เหอน่ะ”

“ถ้าเช่นนั้นท่านก็เป็นบัณฑิตอย่างที่ข้าคิดเอาไว้จริง ๆ”

เขาพยักหน้าแข็งขัน สีหน้ามีความโล่งใจขึ้น แม้ในอกจะกังวลว่านางจะไม่เชื่อในคำโกหก แต่เมื่อนางไม่ซักไซ้อะไรต่อ เขาก็พอจะผ่อนคลายขึ้นมาได้บ้าง

“พวกข้าต้องผ่านไปทางเมืองนั้นพอดี ถ้าอย่างนั้นท่านก็ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ท่านว่าดีหรือไม่”

ในเมื่อคณะของนางจะต้องผ่านเมืองที่ชายหนุ่มต้องการจะไปอยู่แล้ว นางจึงเสนออย่างใจกว้างที่จะแวะไปส่งเขาด้วย ดูท่าทางอ่อนแอไม่สู้คนของชายตรงหน้าแล้ว นางนึกเป็นห่วงว่าหากเขาเดินทางตัวคนเดียวอาจเกิดเรื่องแบบเมื่อครู่นี้อีก

“จะเป็นการรบกวนท่านหรือไม่”

“รบกวนสิ่งใดกัน มีเพื่อนร่วมเดินทางสิดี จะได้ไม่เหงา”

“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอรบกวนแม่นางแล้ว” เขาบอกพลางประสานมือยื่นออกมาตรงหน้า

“ฮ่า ๆ ท่านนี่ตลกชะมัด” หยางจูอดขำกับท่าทางมีพิธีรีตรองของชายตรงหน้าไม่ได้

“เอาละ ท่านมีนามว่าอย่างไร”

“ข้าชื่อเฟิงจวิ้น แล้วท่านล่ะ”

“ข้าหยะ…จูหยาง”

นางกำลังจะตอบตามความเคยชินแต่ถูกลู่อิงสะกิดเตือน ด้วยไหวพริบนางจึงแก้สถานการณ์ได้ทัน

รถม้าแล่นไปเรื่อย ๆ สองหนุ่มสาวก็พูดคุยกันไปตลอดทาง ระหว่างนี้เฟิงจวิ้นลอบสังเกตคู่สนทนาไปด้วย แม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเก่า ๆ แต่มิอาจปกปิดสง่าราศีไปได้ อีกทั้งสาวใช้ของนางยังมีกิริยาท่าทางเหมือนกับได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ซึ่งแตกต่างจากครอบครัวชาวบ้านทั่วไป เขาคาดว่านางคงเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่เป็นแน่ แต่เขาไม่คิดเปิดโปงใด ๆ เพราะแต่ละคนล้วนมีเหตุผลแห่งการกระทำของตัว ตัวเขาเองก็เช่นเดียวกัน

เฟิงจวิ้นเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นดูแล้วคงจะชอบความสนุกสนานไม่น้อย รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของนางช่างสดใสนัก และดวงตาที่เปล่งประกายของนางทำให้เขาอดลอบมองนางเป็นระยะไม่ได้ ความสดใส่ร่างเริงเปิดเผยจริงใจและความกล้าหาญเยี่ยงบุรุษตอนที่ช่วยเหลือเขาทำให้หัวใจเขารู้สึกหวั่นไหวและอากจะร่วมทางกับนางให้นานที่สุดเท่าที่จะไปได้ เสียดายว่าควรจะบอกจุดหมายปลายทางที่ไกลออกไปอีกสักหน่อย ไม่ใช่เมืองถัดไปอย่างที่ได้เอ่ยไป

รถม้าจอดสนิทที่เมื่อแล่นเข้าสู่ทางเข้าเมืองอู่เหอ

“ถึงเมืองอู่เหอแล้วขอรับ”

เซี่ยหานปิงตะโกนบอกเข้ามา เขาตั้งใจหยุดรถที่หน้าประตูเมือง ไม่อยากเข้าเมืองให้เป็นที่สังเกต

“ถ้าอย่างนั้นข้าต้องขอตัวก่อน ขอบใจท่านมาก” เฟิงจวิ้นกล่าวอย่างเสียดายและมองหน้าสตรีที่ประทับอยู่ในหัวใจเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ขอให้ท่านโชคดี อ้อ คราวหน้าท่านก็หัดสู้คนเสียบ้าง” หยางจูอวยพรให้และไม่วายกำชับพร้อมส่งยิ้มให้

เมื่อชายแปลกหน้าลงจากรถไปแล้ว เซี่ยหานปิงจึงออกรถทันที เฟิงจวิ้นนั้นยืนมองตามรถม้าที่วิ่งฝุ่นตลบห่างออกไปเรื่อย ๆ

“จูหยาง…”

เขาพึมพำชื่อของหญิงสาวเบา ๆ พร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มอย่างพอใจ

“คุณชาย พวกข้าขออภัยและน้อมรับโทษขอรับ”

จู่ ๆ ชายกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาคุกเข่าต่อหน้าเขา

“พวกเจ้าลุกขึ้น ข้าเองก็มีส่วนผิดที่ละเลยและเปิดโอกาสให้เจ้าพวกนั้นหาเรื่อง” เฟิงจวิ้นโบกมือให้กลุ่มคนตรงหน้าลุกขึ้น

ความจริงแล้วในตอนนั้นเขาแค่ดูเชิงเจ้าพวกอันธพาล ถ้าจูหยางไม่เข้ามา เขาย่อมจัดการพวกมันได้อยู่แล้ว แม้กระนั้นเขากลับปล่อยเลยตามเลยเพราะนึกสนใจความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของหญิงสาวตัวเล็ก ๆ แต่จิตใจงามที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ และในตอนนี้เขานึกเป็นห่วงนางเสียแล้ว เพราะอันธพาลที่หาเรื่องเขานั้นถูกสั่งให้ปลอมตัวมาจัดการกับเขาโดยเฉพาะ

“ไปสืบมา” เขาออกคำสั่ง

“ขอรับ” รับคำเสร็จกลุ่มคนตรงหน้าก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว

“จูหยาง เราจะต้องได้พบกันอีกแน่”

Related chapters

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 4

    รองแม่ทัพจางซื่อหมิงด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ตรงประตูหลังค่ายด้วยความกลัดกลุ้ม เขาได้รับจดหมายจากหลี่อวี้อ๋องเรียบร้อยแล้วและรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง แม้โดยเนื้อแท้เขาจะเป็นบุรุษที่ใจเย็น สุขุมรอบคอบ แต่เมื่อได้อ่านเนื้อความในจดหมายถึงสิ่งที่องค์หญิงหยางจูต้องการจะทำ ความสงบสุขุมของเขาก็ปลาสนาการไปสิ้น มีอย่างที่ไหน ใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ในวังอันหรูหราไม่ชอบ แต่อยากจะมานอนกลางดินกินกลางทรายที่ค่ายทหารเยี่ยงนี้ อานุภาพของความรักมันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียวหรือ เขาได้แต่สงสัยในใจ แต่ในเมื่อได้รับมอบหมายมาแล้ว เขาก็ต้องรับใช้เชื้อพระวงศ์อย่างสุดความสามารถ อย่างน้อยก็ช่วยองค์หญิงปกปิดความลับให้ได้นานที่สุด ประการต่อมาคือหาโอกาสให้นางได้โปรยเสน่ห์มัดใจท่านแม่ทัพหน้านิ่ง ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าแม่ทัพมู่หรงเซียวหนานมีหัวจิตหัวใจอย่างใครเขาหรือไม่ เสียงรถม้าควบกุบกับมาตามถนน ก่อนจะจอดห่างออกไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตเห็น จางซื่อหมิงจึงรีบเดินออกไป เห็นบุรุษสองคนยืนเคียงข้างกัน คนหนึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ตามแบบฉบับคนใช้ตามแบบฉบับคนที่ใช้กำลัง ส่วนอีกคน แม้จะอยู่ในชุดแบบผู้ชายทั่วไป แต่สรีระกลับดู

    Last Updated : 2024-10-30
  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 5

    ดวงตาของจางซื่อหมิงมีประกายแบบคนที่เห็นหนทางรำไร “ถ้าเช่นนั้นท่านไปอยู่โรงเลี้ยงม้าดีหรือไม่ ท่านแม่ทัพมีม้าคู่ใจอยู่ตัวหนึ่ง เมื่อมีเวลาว่างก็จะแวะเวียนไปดูมันเสมอ” “แต่...ข้าดูแลม้าไม่เป็น ได้แต่ขี่อย่างเดียว” “นั่นสินะ” เขาพึมพำ จะให้องค์หญิงมาคอยแปรงขนม้า เก็บมูลของมันและป้อนหญ้าได้อย่างไร “อย่าเพิ่งถอดใจไป ข้ารู้แล้ว!” นางร้องด้วยความยินดี ท่าทางแจ่มใสขึ้นมา “ฝ่ายเครื่องแต่งกายอย่างไรเล่า ถึงอย่างไรทุกคนก็ต้องแต่งตัวไม่ใช่หรือ ขนาดในตำหนักของข้า ยังต้องใช้คนตั้งมากมาย กองทัพที่มีทหารหลายพันคนเช่นนี้ ย่อมต้องการแรงงานเป็นแน่” “พวกเขาไม่ใคร่สนใจการแต่งตัวนัก ส่วนมากแล้วจะสวมใส่เสื้อผ้าซ้ำ ๆ เพราะไม่ค่อยมีเวลาและใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ บวกกับการทำงานหนัก สิ่งที่ขาดไม่ได้คือชุดเกราะเท่านั้นเอง” หยางจูถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เห็นจะมีเพียงคนรับใช้ส่วนตัวของเขาเท่านั้น ที่จะได้อยู่ชิดใกล้เกือบจะตลอดเวลา” “แต่กว่าจะไปถึงตำแหน่งนั้นได้ ก็ต้องอยู่ในสายตาของท่านแม่ทัพเสียก่อน เมื่อท่านแสดงให้เห็นความสามารถ เขาต้องย่อมเรียกท่านเข้าไปรับใช้” “ใช่” นางผงกศีรษะ ก่อน

    Last Updated : 2024-10-31
  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 6

    หยางจูสะดุ้งตื่นเพราะเสียงตีเกราะดังระรัว นางรีบร้อนแต่งตัวด้วยชุดไร้สีสันที่ตระเตรียมมา สวมทับด้วยเครื่องแบบของกองทัพ และพบว่าแม้จะไม่สวยงามสะดวกสบายอะไรนัก แต่ก็ใช้เวลาน้อยกว่าตอนที่นางเป็นองค์หญิงถึงสิบเท่า จากนั้นนางก็ต้องขมวดปอยผมของตัวเองให้ดีขณะที่เสียงเรียกหน้าประตูยังดังไม่หยุด “หยางหยาง หากไปช้าเราจะถูกลงโทษเอานะ” คนที่อยู่หน้ากระโจมตะโกนเข้ามา หยางจูจึงรีบตอบกลับ เกรงว่าหากขืนชักช้าเขาจะเปิดประตูเข้ามาเรียกถึงด้านในแล้วความจะแตกเอาได้ “เข้าใจแล้ว ๆ” นางเปิดประตูแล้วก้าวตามชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงที่ก้าวเดินด้วยความรวดเร็วไปในความมืด ฟ้ายังไม่สว่างดีนัก แต่รอบค่ายก็มีเสียงพูดคุย เสียงของผู้คนที่ทำงานไม่หยุดหย่อน เสียงโลหะกระทบกัน เสียงกวาดถู และกลิ่นที่ผสมปนเปกันไปในอากาศจนยากจะบอกได้ว่าเป็นกลิ่นของสิ่งใดกันแน่ ตะเกียงและคบเพลิงถูกจุดให้แสงสว่างเป็นระยะ นางเห็นเรือนนอนเรียงกันเป็นแถบ ซึ่งเป็นของทหารที่พอจะมียศศักดิ์เท่านั้น ทหารชั้นเลวหรือทหารรับใช้จะได้นอนในกระโจมรวม ซึ่งนางเองถ้าไม่อาศัยความช่วยเหลือของรองแม่ทัพจางซื่อหมิงก็คงจะไปลงเลยในสถานที่แบบนั

    Last Updated : 2024-11-01
  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 7

    เสียงเรียกของหัวหน้าโรงครัวดังราวกับฟ้าผ่า หยางจูผุดลุกขึ้นแล้วเดินตามแผ่นหลังกว้างไปท่ามกลางสายตาสอดรู้ของทุกคนในบริเวณนั้น “ท่านเรียกข้า มีสิ่งใดจะให้ข้ารับใช้หรือขอรับ” “มีคำสั่งมาว่าให้เจ้านำอาหารไปให้ท่านแม่ทัพ” “จริงหรือ” นางร้องออกมาด้วยความดีใจ แต่พอเห็นสายตาตำหนิติเตียนก็รีบหุบยิ้ม “ขอรับ ข้าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด” “เอาเกลือนี่โรยใส่น้ำแกงสักหน่อย แล้วก็ยกไปได้” “ขอรับ” นางได้แต่รับคำซ้ำ ๆ พูดอะไรไม่ออกเพราะความดีใจเอ่อล้นอยู่ในอก “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าเป็นใครมาจากไหน ถึงได้ตำแหน่งสำคัญถึงเพียงนี้ตั้งแต่วันแรก แต่ทำหน้าที่ให้ดีก็แล้วกัน” “ข้าน้อยจะไม่ทำให้ครัวของเราต้องขายหน้าเป็นอันขาด” “ดี” เมื่อสั่งงานเสร็จแล้ว เขาก็เดินนำนางไปยังจุดรับสำรับอาหารที่มีอาหารอยู่เพียงไม่กี่อย่าง หยางจูมองไก่ตุ๋นน้ำแกง เนื้อในชามเป็นแค่ชิ้นเล็ก ๆ ไม่ใช่ไก่ทั้งตัว ข้าวต้มเละ ๆ บดรวมกับหมูสับ ผักที่ผัดโดยไม่ใส่สิ่งใดเลย และของหวานที่นางมองไม่ออกว่าเป็นสิ่งใดกันแน่เพราะมันเหมือนกับการเอาแป้งมากวนแล้วจับปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เมื่อมองจากภาระหน้าที่

    Last Updated : 2024-11-03
  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 8

    ความอึดอัดท่วมท้นขึ้นมาในจิตใจเมื่อได้ยินคำตำหนิว่าอาหารรสชาติแปลกประหลาด หยางจูรู้ดีว่าต้องเป็นเพราะเกลือที่นางโรยลงไปตามคำสั่งเป็นแน่ แต่คงจะใส่มากไปหน่อย หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะมีขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งผิดพลาดจนรสชาติอาหารออกมาผิดแผกไปจากเดิม “คนครัวคนเดิมหรือเปล่า” “คนเดิมขอรับ” มู่หรงเซียวหนานมุ่นหัวคิ้ว ลองตักน้ำแกงพร้อมกับเนื้อไก่กินอีกครั้ง “น้ำแกงนี่ใส่อะไรลงไปบ้าง” ตายล่ะ นางไม่ได้เป็นคนทำทุกขั้นตอนเสียเมื่อไหร่ แค่ถอนขนไก่ยังไม่ได้เลย แถมตอนปรุงน้ำแกงด้วยสมุนไพร นางก็กำลังแล่หมูอยู่ด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้จะตอบคำถามของเขาได้อย่างไร แต่พอเห็นสายตาที่จ้องมองมาไม่วางตา นางก็จำต้องหาคำตอบมาให้ แม้ว่ามันอาจจะไม่ถูกต้องก็ตาม แต่คนเป็นแม่ทัพ เคยแต่จับหอกจับดาบก็ไม่น่าจะรู้เรื่องอาหารมากนัก “ก็ใส่เครื่องยาจีนทั่วไปขอรับ” “ลองไล่มาสิ ข้าจะดูว่ามีสิ่งใดผิดแปลกไป” “เอ่อ หากท่านกังวลเรื่องการวางยาพิษ ทางหน่วยได้มีการทดลองชิมและใช้เครื่องเงินทดสอบแล้วนะขอรับ” “ไม่ใช่เรื่องการวางยาอะไรหรอก ข้าแค่รู้สึกแปลกใจกับรสชาติอาหารน่ะ จึงอยากจะรู้ให้แน่ชัด”

    Last Updated : 2024-11-05
  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 9

    หยางจูนิ่งอึ้ง นึกเสียดายที่ไม่ได้ทำหน้าทำตาให้มอมแมมขมุกขมัวมากกว่านี้ เมื่อเขาเห็นว่านางอึกอัก ก็ยิ่งคิดว่านางอับอายเพราะถูกล้อว่าเหมือนเด็ก จึงพูดเพื่อให้นางรู้สึกดีขึ้น“อย่าคิดมากไปเลย เมื่อทำงานใช้แรงไปเรื่อย ๆ ตัวของเจ้าก็จะหนาเสียจนลืมเลยว่าครั้งหนึ่งเจ้าเคยเป็นเด็กมาก่อน”“ขอรับ” นางปรับสีหน้าให้ดีขึ้น ก่อนจะเป็นฝ่ายถามแทน “แล้วท่านแม่ทัพล่ะขอรับ คิดจะแต่งงานเมื่อใดกัน”“ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนั้น ในหัวมีแต่จะกำราบศัตรูให้สิ้นซากอย่างไรก็เท่านั้น”“แต่หากท่านทำสำเร็จ ฮ่องเต้จะต้องพระราชทานรางวัลให้ ดีไม่ดี จะให้ท่านแต่งกับหญิงงามมียศถาบรรดาศักดิ์เสียด้วยซ้ำไป”“ข้ารู้” มู่หรงเซียวหนานพอจะคาดการณ์เรื่องนี้ได้ โดยเฉพาะเมื่อบิดาของเขาใกล้ชิดกับฮ่องเต้ ถึงขนาดที่น้องสาวของเขาก็อภิเษกไปกับหลี่อวี้อ๋อง แล้วบุตรชายคนโตจะน้อยหน้ากว่าได้อย่างไร “หากเป็นเช่นนั้น ก็แล้วแต่พระประสงค์ของพระองค์เถิด”เขาพูดพลางถอนหายใจอย่างคนที่เข้าใจเรื่องราวและเตรียมใจไว้แล้ว อันตัวเขานั้น แ

    Last Updated : 2024-11-07
  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 10

    หน้าที่ขององค์หญิงแห่งแคว้นยังคงวนเวียนอยู่ในโรงครัวเป็นส่วนใหญ่ และนางต้องหมกตัวอยู่ในนั้นตลอดทั้งวัน วิ่งวุ่นหัวหมุนไปกับการหั่นล้างอะไรสักอย่างตลอดเวลา ซึ่งนางก็ล้วนแล้วแต่ทำไม่เป็น หากรองแม่ทัพจางไม่ช่วยเหลือ แกล้งเรียกนางเข้าพบเพราะนางอ่านออกเขียนได้ นางก็คงจะไม่ได้มีเวลาพักผ่อนเลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างก็ทำงานหนักอาบเหงื่อต่างน้ำด้วยกันทั้งสิ้น ราวกับว่าค่ายแห่งนี้ไม่เคยหลับใหล แม้แต่ยามกลางคืน นางก็ยังสามารถได้ยินเสียงพูดคุย เสียงความเคลื่อนไหวด้านนอก และเห็นแสงไฟวับแวมที่จุดอยู่โดยรอบ นอกจากช่วงเวลาที่จะต้องยกข้าวยกน้ำให้กับมู่หรงเซียวหนานแล้ว หยางจูไม่มีทางได้เจอเขาอีก ไม่ใช่แค่เพราะเขาไม่ว่าง แต่เพราะนางหมกตัวอยู่แต่ในครัว ราวกับไข่มุกที่ไม่ถูกค้นพบ หยกที่ยังไม่ได้เจียระไน แล้วมันจะไปมีความหมายอันใดที่นางดั้นด้นลำบากมาถึงนี่ และถึงแม้นางจะได้เวลาชั่วพักชั่วครู่ ระหว่างที่เขารับประทานอาหาร แต่ในช่วงเวลานั้น ก็มักจะมีผู้คนมากมายมารอเข้าพบท่านแม่ทัพเป็นการส่วนตัวอยู่เสมอ เท่ากับว่านางแทบจะไม่มีเวลาอยู่กับเขาเพียงสองคนเลย “เฮ้ออออออ……” คิดแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ นางพั

    Last Updated : 2024-11-09
  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 11

    “เนื้อหมูและปลาตากแห้งเจ้าค่ะ ท่านองครักษ์บอกว่าชีวิตในนี้ยากลำบากนัก หากเป็นทหารชั้นประทวนยิ่งไม่มีทางที่จะได้แตะเนื้ออะไรทั้งนั้น ข้าจึงเอาเนื้อนี้มาให้ แล้วข้าก็คิดถูก นี่มาอยู่ไม่เท่าไหร่ ท่านก็ผมลงอย่างเห็นได้ชัด” หยางจูก้มลงมองตัวเอง นางไม่ได้ผอมลงไปแม้แต่น้อย แต่แน่ล่ะ ลู่อิงก็ชอบกังวลเกินเหตุและกล่าวอะไรเกินจริงอยู่ตลอด “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจเจ้ามาก” นางรับมาด้วยความเต็มใจ “หากไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะสงสัยเอาได้ ข้าไม่ใช่คนพื้นเพ ไม่สมควรจะรู้จักใครที่นี่” “เจ้าค่ะ” รับคำแบบไม่เต็มใจนัก ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือองค์หญิงที่ตัวเองดูแลมาแต่เล็กแต่น้อย รู้สึกว่ามือนั้นกร้านขึ้นก็ทั้งตกใจและสงสารจับใจ “ข้าไม่ได้เป็นอะไรลู่อิง มือข้าก็ยังอยู่ดี” หยางจูพูดอย่างรู้ทันความคิด “โธ่…คุณชาย…” ลู่อิงโอดครวญตามประสา “เอาละ พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว นี่ข้าออกมานานแล้ว เกรงว่าจะมีคนสงสัยเอาได้” “ขอรับ ขอให้ท่านรักษาตัวด้วย” เป็นเซี่ยหานปิงชิงพูดขึ้นมาก่อนที่หญิงสาวข้างกายจะเอ่ยอะไรยืดยาวเป็นการไม่จบสิ้น และได้รับค้อนจากลู่อิงไปหนึ่งวง หยางจูเ

    Last Updated : 2024-11-11

Latest chapter

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนพิเศษ 2

    “ถ้าเช่นนั้นท่านหมายถึงเรื่องใด” ว่าจบก็เข้าไปนั่งลงข้างร่างเล็กแล้วโอบไหล่บางเข้าหา “ทะ ท่าน! เดี๋ยวก่อนสิ” หยางจูสะดุ้ง ดันตัวเขาออก คราวนี้มู่หรงเซียวหนานหัวเราะดังกว่าเดิม “ท่านแกล้งข้า” หยางจูต่อว่าและเชิดหน้าขึ้นอย่างแง่งอน “ข้าขอโทษ เอาละ หน้าที่ของเจ้าบ่าวเช่นข้า ก่อนอื่นข้าต้องเปิดผ้าคลุมหน้าของเจ้าสาวของข้าเสียก่อน” ว่าจบเขาก็ค่อย ๆ เปิดผ้าคลุมหน้าของหยางจูออก ใบหน้างามที่ถูกแต่งแต้มอย่างดีทำให้มู่หรงเซียวหนานค้างไปชั่วขณะ ปกตินางเป็นหญิงงามอยู่แล้ว แต่ในวันนี้นางดูอิ่มเอิบ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขทำให้นางดูน่ามองยิ่งขึ้น และเขารู้สึกภูมิใจที่ความสุขของนางในวันนี้มีเขาเป็นส่วนหนึ่ง “ท่านงามมากองค์หญิงหยางจู” เขาบอกคล้ายละเมอ “ท่านยังเรียกข้าว่าองค์หญิงอยู่อีกหรือ” “อ้อ นี่คงเป็นอีกข้องผิดพลาดของข้าสินะ ท่านเป็นสตรีที่อยู่สูงกว่าข้าจนข้ามิอาจเอื้อม ชาติกำเนิดรึก็สูงปานนั้น ความงามรึก็งามราวเทพธิดา ข้าเป็นบุรุษต่ำต้อยที่มิคู่ควรกับท่านเลย” “แต่ตอนนี้ท่านเป็นสามีข้า ยังเรียกเสียห่างเหินอีกหรือ” หยางจูท้วง “ข้ารู้ เอาเป็นว่าข้าเรี

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนพิเศษ 1

    ช่วงวสันต์ตอนปลายสายลมพัดเอื่อยเฉื่อยหอบเอาความเย็น สดชื่นของฤดูเหมันต์ปะปนมาทำให้อากาศในตอนนี้ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป เหล่าต้นไม้เริ่มเปลี่ยนสีและผลัดใบ ดอกไม้ฤดูหนาวเริ่มผลิบาน ให้ความรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวา นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดียิ่งช่วงหนึ่ง บนถนนสายหลักทั้งสองฟากถูกประดับประดาไปด้วยผ้าสีแดง บางที่ก็มีการจุดประทัด บรรยากาศเต็มไปด้วยความรื่นเริงคึกคัก ชาวเมืองทุกคนต่างพูดคุยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสออกมายืนเฝ้ารอเพื่อชมความยิ่งใหญ่อลังการของขบวนเจ้าสาวขององค์หญิงหยางจูซึ่งเป็นพระธิดาองค์โปรดของฮ่องเต้ ขบวนเจ้าสาวของขององค์หญิงหยางจูนี้มีความยาวตั้งแต่ประตูวังหลวงไปจนถึงสามช่วงถนน หากมองจากหัวขบวนไปยังท้ายขบวนก็มิอาจคำนวณได้ว่าจะสิ้นสุดลงที่ใด หัวขบวนมีองค์ชายชาง ว่าที่องค์รัชทายาทแห่ง เป่ยหนานขี่ม้านำขบวนเกี้ยวเจ้าสาวขนาดแปดคนหาม ซึ่งนับว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสุด เกี้ยวเจ้าสาวสีแดงขนาดใหญ่ถูกตกแต่งอย่างงดงามด้วยผ้าแพรสีแดง องค์หญิงหยางจูสวมมงกุฎหงส์นั่งอยู่บนเกี้ยว หัวใจของนางกำลังกระหน่ำเต้นรัวไปด้วยความตื่นเต้น ด้านนอกมีลู่อิงที่เดินขนาบด้านข้าง และองครักษ์เซี่ยที

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   บทส่งท้าย

    เท้าในรองเท้าปักลวดลายสวยงามก้าวย่างด้วยความเร่งรีบไปตามทางเดินคดเคี้ยวสลับซับซ้อน ความร้อนใจทำให้นางเดินชนกับนางกำนัลถึงสองครั้ง ซึ่งพวกนางก็ตาลีตาเหลือกลงไปคุกเข่ากับพื้น แต่นางก็ได้แต่รวบชุดสวยยกขึ้นจากพื้นเพื่อจะออกวิ่งอย่างสุดกำลัง แล้วก็ไปปะทะกับทหารยามที่ยืนอยู่ข้างตำหนักใหญ่ จนพวกเขาตกอกตกใจกันยกใหญ่ “เสด็จพ่อประทับอยู่ในตำหนักหรือเปล่า” หยางจูละล่ำละลักถามกงกง “อยู่พ่ะย่ะค่ะ แต่ตอนนี้แม่ทัพมู่หรงเซียวหนานมาขอเข้าเฝ้า” นางตาเหลือกเมื่อประจักษ์ว่าสิ่งที่ได้ยินมาเป็นความจริง เผลอยกมือกัดเล็บด้วยความกังวล “ไปกราบทูลว่าข้าต้องการเข้าเฝ้า” “แต่ฝ่าบาทรับสั่งเอาไว้ว่าห้ามให้ใครรบกวนระหว่างนี้พ่ะย่ะค่ะ” “เสด็จพ่อจะอนุญาตหากเป็นข้า” กงกงอ้าปากจะค้านต่อ แต่ร่างคุ้นตาได้ก้าวเท้าออกมาจากประตูบานใหญ่ เดินลงบันไดมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เป็นนางเสียอีกที่อยากจะถลาเข้าไปหาแล้วถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในห้องนั้น “องค์หญิงหยางจู ข้าตามหาท่านอยู่พอดี” “หาหม่อมฉันหรือเพคะ” นางหันไปหาองค์ชายเฟิงจวิ้นที่มาผิดที่ผิดเวลาอย่างที่สุด ก่อนจะหันกลับไปมองประตูมังกรอย

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 46

    หลังจากวันนั้น มู่หรงเซียวหนานมีโอกาสเข้าเฝ้าเชื้อพระวงศ์บ่อยครั้ง รวมถึงองค์หญิงหยางจูด้วย แม้นางจะใช้เวลากับองค์ชายแคว้นเยี่ยน วาดภาพ แต่งกลอน หรือแม้แต่ชมสวนด้วยกัน เขาก็จะเอาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วยเสมอ แม้มันจะสร้างความไม่พอใจให้กับองค์ชายถึงเพียงใด เขาก็ทำเป็นตาบอด ไม่เห็นความขุ่นข้องนั้นเสีย “ดอกไม้นี่ช่างงามแท้” หยางจูรำพึงรำพัน ทอดสายตามองไปไกล มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้นอย่างผู้ที่รื่นรมย์กับธรรมชาติ “วังของข้าก็มีอุทยานที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม แถมยังใหญ่เสียจนเดินแทบไม่รอบ ข้าว่าเจ้าน่าจะชอบ โดยเฉพาะวสันตฤดู ซึ่งเป็นช่วงที่เราจะเข้าพิธีอภิเษกพอดิบพอดี เจ้าก็จะได้เห็น” “บุปผางดงามจับตาอย่างไม่อาจหาใดเทียบ เห็นจะอยู่ตรงหน้านี่แล้ว” มู่หรงเซียวหนานเดินตรงเข้ามาหาทั้งสอง มือไพล่หลัง ท่าทางสบายอารมณ์ “ก็นั่นละ หากบุปผางามเช่นองค์หญิงหยางจูได้ไปอยู่ท่ามกลางหมู่ไม้เหล่านั้น นางก็จะได้เป็นเช่นนางพญาแห่งบุปผาทั้งมวล” “ท่านทั้งสองออกจะชมข้าเกินไป ธรรมชาติคือสิ่งที่สวรรค์ สรรสร้าง มิมีอะไรจะงามเทียบ” องค์ชายเฟิงจวิ้นทำท่าจะต่อประโยค แต่แม่ทัพหนุ

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 45

    “อ้อ เจ้านี่เป็นคนใกล้ชิดรองแม่ทัพ ยังสบายดีอยู่พ่ะย่ะค่ะ” “แล้วยังมี เอ่อ ข้าก็จำได้ไม่แม่นยำนัก ชื่อเฉิงหรือเฉินอะไรสักอย่าง น่าจะเป็นเฉิงชุนกระมัง” “คนผู้นี้กระหม่อมไม่แน่ใจนัก รู้แต่ว่าอยู่กองเดียวกับหยางหยาง ทหารรับใช้ของกระหม่อมเอง แต่หลังกลับจากค่ายก็ไม่ได้เห็นอีกเลย” ใบหน้าที่ซีดเผือดอยู่แล้ว ยิ่งเผือดลงกว่าเดิมร้อยเท่า องค์ชายที่เสร็จจากการสั่งอาหาร หันมาเห็นเข้าก็ทำหน้าตาตื่น “องค์หญิงไม่สบายหรือ” เขาถือวิสาสะวางฝ่ามือบนหน้าผากนาง “ไม่มีไข้นี่นา” “หม่อมฉันแค่...แค่ร้อนน่ะเพคะ” นางแก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ ขอบตาร้อนผ่าว เพียงแค่นึกว่าสหายที่ร่วมลำบากด้วยกันมาอาจไม่มีชีวิตรอด นางจึงรีบก้มหน้าลงซ่อนน้ำตา “ได้กินอะไรอร่อย ๆ คงหายเพคะ” “แน่ใจหรือ หากท่านรู้สึกแย่ เรากลับเสียตอนนี้เลยก็ได้” “ไม่เพคะ หม่อมฉันอยากอยู่ต่อ” “เช่นนั้นก็ย่อมได้ แต่หากท่านไม่ไหว ต้องบอกข้าทันทีเลยนะ” หยางจูผงกศีรษะรับ ขณะก้มหน้าก้มตา สองมือบนตักบีบกันแน่น มู่หรงเซียวหนานมองนาง แต่ไม่ได้มองอย่างจงใจนัก เขาไม่สบอารมณ์กับความห่วงใยออกนอกหน้าขององค์ชายผู้นี้ แ

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 44

    ทั้งสามออกมานอกวังด้วยกัน โดยสวมเสื้อผ้าให้ดูธรรมดาสามัญให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดูเหมือนว่าการมาเยือนขององค์ชายจะยาวนานกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ความตั้งใจจริงของเขา คงจะเป็นการได้คำรับรองว่าจะได้อภิเษกแล้วพานางกลับไปยังแคว้นด้วยกัน หยางจูเองก็ตระหนักในเรื่องนี้ดี แต่นางไขว้เขวไปเพราะการปรากฏตัวของมู่หรงเซียวหนาน การได้พบเจอเขาอีกครั้งทำให้นางรู้ว่าใจนางโหยหาเขามากเพียงใด หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ถูกขนาบข้างไปด้วยบุรุษสองคนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนหนึ่งคือบัณฑิตทรงภูมิที่มีรอยยิ้มสดใส อีกคนร่างกายสูงใหญ่กำยำ แม้ใบหน้าจะเรียบนิ่งแต่มิอาจทำลายความหล่อเหลาน่าเกรงขามของเขาไปได้ หยางจูกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ขณะที่องค์ชายเฟิงจวิ้นอยากจะเอาใจด้วยการซื้อข้าวของมากมาย แต่มู่หรงเซียวหนานกลับชวนนางกินของอร่อยไม่ขาด และนางก็เพลิดเพลินเสียจนรู้ตัวอีกที ก็ซื้อของทุกอย่างเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ท่านรู้จักกินอะไรเช่นนี้ด้วยหรือ” นางมองขนมเคลือบน้ำตาลที่ มู่หรงเซียวหนานยื่นให้ด้วยความสนใจ “ชิงเอ๋อร์ชอบออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกมาก อย่างที่องค์หญิงน่าจะเคยได้ยินมาบ้าง และบ่อยครั้ง พ

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 43

    “เพคะ”“เช่นนั้นข้าจะเริ่มแล้วนะ”ด้วยความที่คิดมาก่อนแล้ว เขาร่ายวรรคแรกขึ้นมาอย่างลื่นไหล จากนั้นก็เขียนลงบนกระดาษ ตามมาด้วยเยว่ชิงที่ต่อกลอนได้รวดเร็วไม่แพ้กัน เพราะเตี๊ยมกันมาแล้ว เพราะลำพังความสามารถของมู่หรงเยว่ชิง นางไม่มีหัวทางด้านศาสตร์และศิลป์ในการแต่งกลอนสักนิด ให้นางนับเงินเห็นจะเป็นอะไรที่นางถนัดที่สุดดังฉายาของนางที่ว่าท่านหญิงตำลึงทองมู่หรงเซียวหนานคิดอยู่เล็กน้อย เขาเลือกเอ่ยถึงคืนจันทร์วันเพ็ญที่ไม่อาจข่มตาหลับในค่าย หยางจูเกิดความรู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่าเขากล่าวถึงนาง นางจึงแต่งต่อว่าด้วยความงดงามของดวงจันทร์ พร้อมทั้งเขียนกลอนลงไปโดยไม่เฉลียวใจเลยสักนิดปลายพู่กันขององค์หญิงหยางจูสะดุดตามู่หรงเซียวหนานนัก เพราะมันเหมือนกับลายมือของใครบางคนราวกับเป็นพิมพ์เดียวกัน เขาจึงตั้งใจพินิจทุกตัวอักษรจนนึกสงสัยอะไรบางอย่าง แม้สิ่งที่คิดอยู่เห็นจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ แต่มันกลับจุดประกายความหวังเล็ก ๆ ขึ้นในใจเขา เห็นทีเขาคงเสียสติเสียแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อมขอกระดาษแผ่นนี้ได้หรือไม่”“เอาไปสิ ถือเป็นของขวัญต้อนร

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 42

    เปลวแดดไหวระริกราวกับนักเต้นระบำกำลังอวดฝีเท้าท่ามกลางแดดแผดจ้า ท้องฟ้าสีครามสดใสมีปุยเมฆขาวลอยแต่งแต้มชวนมองอยู่เหนือศีรษะ สองพี่น้องยืนอยู่ในศาลาแปดเหลี่ยม เขม้นมองนกเป็ดน้ำที่กำลังว่ายน้ำเล่นด้วยความสำราญใจในบ่อที่ขุดและจัดตกแต่งเอาไว้อย่างดี ลมเย็นพัดมาเบา ๆ พอให้คลายร้อนลงไปได้บ้าง “เรื่องจดหมายที่พี่เขียนมาหาข้า” มู่หรงเยว่ชิงเกริ่น “ไม่สำคัญเสียแล้ว” มู่หรงเซียวหนานตอบพลางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “เหตุใดจึงไม่สำคัญ” “เพราะพี่ไม่ได้ทำตามที่เจ้าแนะนำ ทั้งที่ควรจะทำเช่นนั้น มันจึงสายไป” “แม้จะสายเกินไป แต่ข้าก็อยากรู้ว่าอาการที่พี่พูดถึงคืออะไรกันแน่” มู่หรงเซียวหนานเพียงแต่ถอนหายใจ เบือนหน้าหนีไปทางอื่น “พี่ใหญ่ ใช่เรื่องที่เขาลือกันว่าพี่เป็นพวกตัดแขนเสื้อหรือไม่” มู่หรงเยว่ชิงเห็นว่าคงต้องเข้าประเด็นโดยเร็วเท่านั้น มู่หรงเซียวหนานหันขวับไปหาผู้เป็นน้อง “เจ้ารู้?” “ไม่ต้องตกใจไปเจ้าค่ะ ข่าวไม่ได้แพร่มาถึงในวังหลวง เพียงแต่องค์ชายชางมีสหายอยู่ในกองทัพ จึงนำเรื่องมาพูดคุยแลกเปลี่ยนเท่านั้น” นางพูดปดด้วยความแนบเนียน “องค์ชายน่ะรึ”

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 41

    ความสัมพันธ์ขององค์หญิงหยางจูกับองค์ชายเฟิงจวิ้นเป็นไปด้วยความเรียบเรื่อย เกือบทุกวันทั้งสองคนจะออกไปหาความสำราญข้างนอก เที่ยวเล่นและพูดคุยถึงเรื่องต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน ราวกับนางไม่เคยจากวังหลวงมาก่อน กระทั่งวันหนึ่ง ลู่อิงเอาข่าวมาแจ้งว่ากองทัพที่ชายแดนปราบกบฏจนสิ้นซาก ซ้ำยังบุกไปตีและยึดเมืองของอีกฝ่ายได้สำเร็จ ศพของศัตรูกองพะเนินเทินกันรอให้นกแร้งมาจิกกิน เมื่อมันเริ่มเน่าก็ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว พวกที่หนีรอดไปได้ต่างเร่ร่อนผอมโซเป็นที่น่าอดสู มู่หรง เซียวหนานก็ไม่วายส่งคนข้ามไปตามจับกลับมาเป็นเชลย เขากำลังจะกลับเข้าวังหลวงเพื่อรับความดีความชอบในอีกไม่กี่วัน หัวใจของหยางจูเต้นกระหน่ำเมื่อคิดว่าจะได้เห็นหน้าเขาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเขาจะจำได้หรือไม่ว่านี่คือหยางหยาง แต่นางหวังให้เขาจำไม่ได้ เพื่อที่เขาจะได้ทำเย็นชาและวางตนห่างเหิน นางจะไม่ต้องเหนื่อยกับการปฏิเสธหรืออธิบายสิ่งใด แม้นั่นจะเจ็บปวดมากก็ตามที “ช่วงนี้เจ้าดูเหม่อ ๆ นะหยางจู” องค์ชายชางทักตามประสาพี่ชายที่คอยตามดูน้องสาวอยู่ห่าง ๆ และเห็นว่าตั้งแต่กลับมา หยางจูดูไม่มีความสุขเลย ยิ่งมีข่าวว่ามู่หรงเซียวหนานกำ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status