Share

ตอนที่ 6

Author: Priyada
last update Last Updated: 2024-11-01 16:50:29

หยางจูสะดุ้งตื่นเพราะเสียงตีเกราะดังระรัว นางรีบร้อนแต่งตัวด้วยชุดไร้สีสันที่ตระเตรียมมา สวมทับด้วยเครื่องแบบของกองทัพ และพบว่าแม้จะไม่สวยงามสะดวกสบายอะไรนัก แต่ก็ใช้เวลาน้อยกว่าตอนที่นางเป็นองค์หญิงถึงสิบเท่า จากนั้นนางก็ต้องขมวดปอยผมของตัวเองให้ดีขณะที่เสียงเรียกหน้าประตูยังดังไม่หยุด

“หยางหยาง หากไปช้าเราจะถูกลงโทษเอานะ”

คนที่อยู่หน้ากระโจมตะโกนเข้ามา หยางจูจึงรีบตอบกลับ เกรงว่าหากขืนชักช้าเขาจะเปิดประตูเข้ามาเรียกถึงด้านในแล้วความจะแตกเอาได้

“เข้าใจแล้ว ๆ”

นางเปิดประตูแล้วก้าวตามชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงที่ก้าวเดินด้วยความรวดเร็วไปในความมืด ฟ้ายังไม่สว่างดีนัก แต่รอบค่ายก็มีเสียงพูดคุย เสียงของผู้คนที่ทำงานไม่หยุดหย่อน เสียงโลหะกระทบกัน เสียงกวาดถู และกลิ่นที่ผสมปนเปกันไปในอากาศจนยากจะบอกได้ว่าเป็นกลิ่นของสิ่งใดกันแน่

ตะเกียงและคบเพลิงถูกจุดให้แสงสว่างเป็นระยะ นางเห็นเรือนนอนเรียงกันเป็นแถบ ซึ่งเป็นของทหารที่พอจะมียศศักดิ์เท่านั้น ทหารชั้นเลวหรือทหารรับใช้จะได้นอนในกระโจมรวม ซึ่งนางเองถ้าไม่อาศัยความช่วยเหลือของรองแม่ทัพจางซื่อหมิงก็คงจะไปลงเลยในสถานที่แบบนั้นเช่นกัน

“นี่ เจ้าชื่ออะไร” นางเอ่ยถามอย่างคนมีอัธยาศัยดี และสงสัยว่าจางซื่อหมิงบอกกับชายหนุ่มว่าอย่างไรบ้าง

“ลี่ถัง”

“ท่านรองแม่ทัพบอกอะไรแก่เจ้าบ้าง”

“บอกเพียงแต่ว่าเจ้าถูกฝากมาให้ฝึกทำงานในโรงครัว”

ลี่ถังคนนี้พูดน้อยนัก เห็นทีจะผูกมิตรด้วยไม่ง่าย หยางจูครุ่นคิด นางมาอยู่ที่นี่ ก็จำเป็นที่จะต้องมีมิตรสหายเอาไว้บ้าง

“เจ้าต้องคนเป็นคนที่ท่านรองแม่ทัพไว้ใจมากแน่ ถึงได้ถูกส่งมาให้ช่วยเหลือข้า”

“ใช่แล้ว ข้ารับใช้ใกล้ชิดท่านรองแม่ทัพเลยทีเดียว” คราวนี้เสียงของเขาเป็นมิตรมากขึ้นเมื่อถูกยกย่อง

“ถ้าเช่นนั้นข้าฝากตัวด้วย” นางกล่าวอย่างอ่อนน้อม

ทั้งสองมาถึงโรงครัวที่วุ่นวายจนไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรงไหนก่อน

ลี่ถังพาหยางจูไปแนะนำตัวต่อหัวหน้าโรงครัว ซึ่งก็ไม่ได้สงสัยอะไร กลับดีใจด้วยซ้ำที่จะได้ลูกมือมาช่วยทำงานมากขึ้น เพราะในทุก ๆ วัน การทำอาหารเลี้ยงคนทั้งกองทัพไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย

“เอ้า มัวแต่ยืนรีรออะไรอยู่อีก เจ้าไปถอนขนไก่เข้าสิ” เขาออกคำสั่ง

“ถอนขนไก่!” หยางจูเผลอร้องเสียงดัง

“ก็ใช่น่ะสิ รีบไปได้แล้ว หรืออยากให้ข้าตบสักฉาดสองฉาด จะได้มีสติ”

“ไม่ขอรับ ๆ”

นางรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้น แล้วตามลี่ถังไปทางด้านหลัง ตรงนี้มีไก่ตัวอ้วนพีนอนเรียงกันเป็นแพ ไก่พวกนั้นคอพับและตายสนิท กระนั้นนางก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปจับ ท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ ของนางเป็นจุดสนใจของทหารคนอื่นให้หันมามอง บ้างก็หัวเราะเยาะ บ้างก็รู้สึกขัดตา

“ลงมือสิหยางหยาง” ลี่ถังกระตุ้นแล้วถอนขนไก่กระจุกหนึ่งที่หางให้ดูเป็นตัวอย่าง จากนั้นก็เริ่มดึงขนปีกอย่างชำนาญ

หยางจูเบ้หน้า นี่แทบไม่ต่างจากการถลกหนังโดยแท้

“หยางหยาง”

คราวนี้เสียงของเขาเข้มขึ้น หยางจูจำต้องนั่งลง ถลกแขนเสื้อขึ้นถึงข้อพับแล้วจับไก่ที่น่าสงสารมาไว้ในมือข้างหนึ่ง แล้วลองดึงตามที่ลี่ถังทำให้ดู

“ฮืออ ข้าขอโทษนะเจ้าไก่น้อย อภัยให้ข้าด้วยเถอะ”

“คร่ำครวญอะไรของเจ้า ไก่นี่มันตายแล้ว โธ่เอ๊ย มัวแต่ดึงทีละเส้นแบบนั้นเมื่อไหร่จะเสร็จ เดี๋ยวก็ได้โดนหัวหน้าฟาดเอาหรอก”

“ข้าทำไม่ได้ ดูสิ ดวงตาของมันจองข้าไม่เลิกเลย มันต้องกำลังอาฆาตข้าแน่ ๆ” หยางจูจับคอไก่บิดไปอีกทาง เพื่อจะได้ไม่เห็นใบหน้าและดวงตาของมัน

ลี่ถังถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตอนนี้ทั้งสองคนยิ่งถูกมองมากขึ้น เพราะพฤติกรรมแปลกประหลาดของทหารใหม่ท่าทางอ้อนแอ้นราวสตรี

ผู้นี้

“เจ้าลองไปเตรียมวัตถุดิบน่าจะดีกว่า อยู่ทางนั้นแน่ะ”

นางได้ยินก็ผุดลุกขึ้นด้วยความดีใจ คิดว่าอย่างไรเสีย การเตรียมวัตถุดิบก็ต้องง่ายกว่าอยู่แล้ว ร่างเล็กจึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหยุดยังส่วนที่เต็มไปด้วยผักมากมาย รวมถึงสมุนไพรและของแห้งที่เก็บอยู่บนชั้นด้านหลัง

หยางจูอ้าปากค้าง แม้จะเป็นการหั่นผักแค่อย่างเดียว ก็ต้องใช้คนถึงสิบคน และทุกคนก็ทำอย่างพร้อมเพรียงกัน เสียงหั่นดัง ฉับ ๆ ๆ เหมือนเสียงเชือดเนื้อเถือหนังเลยทีเดียว

“เอ้า เจ้านั่นน่ะ มาทางนี้เร็วเข้า ได้ยินหรือเปล่า”

หยางจูหันซ้ายหันขวา เมื่อไม่เห็นใครที่ยืนอยู่เปล่า ๆ นอกจากตัวเอง ก็ต้องรีบวิ่งไปหาคนเรียก

“ไปสับหมูเร็วเข้า”

“สะ...สับหมู!!”

“เจ้าสับหมูไม่เป็นรึ” ถามเมื่อเห็นหน้าตาตื่นของนาง “แล้วมาอยู่ในครัวได้อย่างไร”

“เป็นขอรับ ข้าแค่ตื่นเต้นไปหน่อย วันนี้เป็นวันแรกของข้า” นางรีบละล่ำละลักบอก

“เช่นนั้นก็รีบไปทำงานเข้า ก่อนที่มันจะกลายเป็นวันสุดท้ายของเจ้าเช่นกัน” เขามองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า นึกแปลกใจกับร่างเล็กและท่าทางบอบบาง แต่ในเมื่อนางแต่งกายและพูดจาเฉกเช่นชายชาตรี เขาก็

ขี้คร้านจะสงสัย จึงโบกมือให้นางไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย

หยางจูต้องเดินไปอีกฝั่ง เนื่องจากอาหารส่วนที่ปรุงด้วยเนื้อและผักนั้นอยู่แยกจากกัน ที่เขียงสับนี้ มีคนยืนอยู่ประจำที่เพียงสองคน แสดงว่ากองทัพคงไม่ค่อยมีเนื้อให้กินมากนัก นางหยิบมีดขนาดใหญ่ที่หนักจนเกือบจะทำร่วงจากมือเพียงแค่ยกขึ้น แล้วเริ่มสับตามคนข้าง ๆ เสียงดังลั่นไปหมด

“นี่เจ้า สับเช่นนั้นมันจะละเอียดได้เยี่ยงไร” ชายหนุ่มอ้วนฉุหันมามองราวกับนางโง่เง่าเสียเต็มประดา ซ้ำยังทำเสียงดูถูกดูแคลนและเลียนแบบท่าทางยกมีดขึ้นสับของนางเสียอีก

หยางจูคิดว่าในกองทัพมีแต่คนผอม หรือหุ่นสมส่วนเพราะทำงานหนัก เจ้านี่คงจะแอบขโมยอาหารของเพื่อนในค่ายเป็นแน่

เฮอะ กล้าดีอย่างไรมามององค์หญิงของแผ่นดินเช่นนี้กัน

“ว่าแล้วยังจะมามองตาขวางอีก”

นางอยากจะเถียงใจแทบขาด แต่ก็จำคำของรองแม่ทัพจางได้ จึงได้แต่กัดปาก แล้วหลุบตาต่ำ

“เอาเถอะ ข้าเดาว่าเจ้าคงจะเป็นเด็กใหม่ เช่นนั้นข้าจะสอนเจ้าเอง”

“ขอบคุณพี่ใหญ่” นางรีบพูด

“เจ้านี่ท่าทางนุ่มนิ่มและพูดการจาเหมือนพวกสตรีไม่มีผิด”

คนถูกกล่าวหาว่าเป็นสตรีรีบยืดหลังตรงแล้วกล่าวเสียงเข้ม แบบที่ต้องดัดให้แหบห้าวขึ้นอีกหลายเท่า “พี่ชายอย่าได้คิดเช่นนั้น แม้ร่างกายข้าจะไม่ได้บึกบึนเช่นท่านแต่ก็แข็งแรงทำงานหนักได้สบาย”

เมื่อได้ยินคำว่าบึกบึนก็ยิ้มขึ้นมาเชียว หยางจูนึกในใจ

“เอาเถอะ ๆ เลิกพูดความจริงที่ไม่จำเป็นสำหรับงานเสียที มานี่ ข้าจะสอนเจ้าเอง” เจ้าหมูตอนยืดอกยิ้มเผล่แล้วอาสาสอนงานให้นาง

หยางจูเรียนรู้วิธีการสับหมูได้เป็นอย่างดี แต่เนื้อมากมายขนาดนั้น นางทำไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ปวดเมื่อยไปทั้งตัว จึงหาทางเลี่ยงออกมา แล้วก็โดนเรียกไปทาเกลือเพื่อถนอมอาหาร ซึ่งใช้เป็นเสบียงของกองทัพ นางได้แต่นั่งหลังขดหลังแข็ง อดทนสู้งานเพียงเพื่อจะได้พบมู่หรงเซียวหนานเพียงสักครั้ง หากแต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีวี่แววว่าวันนี้นางจะได้พบเขา

“เจ้าคนไหนชื่อหยางหยาง ตามมานี่”

Related chapters

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 7

    เสียงเรียกของหัวหน้าโรงครัวดังราวกับฟ้าผ่า หยางจูผุดลุกขึ้นแล้วเดินตามแผ่นหลังกว้างไปท่ามกลางสายตาสอดรู้ของทุกคนในบริเวณนั้น “ท่านเรียกข้า มีสิ่งใดจะให้ข้ารับใช้หรือขอรับ” “มีคำสั่งมาว่าให้เจ้านำอาหารไปให้ท่านแม่ทัพ” “จริงหรือ” นางร้องออกมาด้วยความดีใจ แต่พอเห็นสายตาตำหนิติเตียนก็รีบหุบยิ้ม “ขอรับ ข้าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด” “เอาเกลือนี่โรยใส่น้ำแกงสักหน่อย แล้วก็ยกไปได้” “ขอรับ” นางได้แต่รับคำซ้ำ ๆ พูดอะไรไม่ออกเพราะความดีใจเอ่อล้นอยู่ในอก “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าเป็นใครมาจากไหน ถึงได้ตำแหน่งสำคัญถึงเพียงนี้ตั้งแต่วันแรก แต่ทำหน้าที่ให้ดีก็แล้วกัน” “ข้าน้อยจะไม่ทำให้ครัวของเราต้องขายหน้าเป็นอันขาด” “ดี” เมื่อสั่งงานเสร็จแล้ว เขาก็เดินนำนางไปยังจุดรับสำรับอาหารที่มีอาหารอยู่เพียงไม่กี่อย่าง หยางจูมองไก่ตุ๋นน้ำแกง เนื้อในชามเป็นแค่ชิ้นเล็ก ๆ ไม่ใช่ไก่ทั้งตัว ข้าวต้มเละ ๆ บดรวมกับหมูสับ ผักที่ผัดโดยไม่ใส่สิ่งใดเลย และของหวานที่นางมองไม่ออกว่าเป็นสิ่งใดกันแน่เพราะมันเหมือนกับการเอาแป้งมากวนแล้วจับปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เมื่อมองจากภาระหน้าที่

    Last Updated : 2024-11-03
  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 8

    ความอึดอัดท่วมท้นขึ้นมาในจิตใจเมื่อได้ยินคำตำหนิว่าอาหารรสชาติแปลกประหลาด หยางจูรู้ดีว่าต้องเป็นเพราะเกลือที่นางโรยลงไปตามคำสั่งเป็นแน่ แต่คงจะใส่มากไปหน่อย หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะมีขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งผิดพลาดจนรสชาติอาหารออกมาผิดแผกไปจากเดิม “คนครัวคนเดิมหรือเปล่า” “คนเดิมขอรับ” มู่หรงเซียวหนานมุ่นหัวคิ้ว ลองตักน้ำแกงพร้อมกับเนื้อไก่กินอีกครั้ง “น้ำแกงนี่ใส่อะไรลงไปบ้าง” ตายล่ะ นางไม่ได้เป็นคนทำทุกขั้นตอนเสียเมื่อไหร่ แค่ถอนขนไก่ยังไม่ได้เลย แถมตอนปรุงน้ำแกงด้วยสมุนไพร นางก็กำลังแล่หมูอยู่ด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้จะตอบคำถามของเขาได้อย่างไร แต่พอเห็นสายตาที่จ้องมองมาไม่วางตา นางก็จำต้องหาคำตอบมาให้ แม้ว่ามันอาจจะไม่ถูกต้องก็ตาม แต่คนเป็นแม่ทัพ เคยแต่จับหอกจับดาบก็ไม่น่าจะรู้เรื่องอาหารมากนัก “ก็ใส่เครื่องยาจีนทั่วไปขอรับ” “ลองไล่มาสิ ข้าจะดูว่ามีสิ่งใดผิดแปลกไป” “เอ่อ หากท่านกังวลเรื่องการวางยาพิษ ทางหน่วยได้มีการทดลองชิมและใช้เครื่องเงินทดสอบแล้วนะขอรับ” “ไม่ใช่เรื่องการวางยาอะไรหรอก ข้าแค่รู้สึกแปลกใจกับรสชาติอาหารน่ะ จึงอยากจะรู้ให้แน่ชัด”

    Last Updated : 2024-11-05
  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 9

    หยางจูนิ่งอึ้ง นึกเสียดายที่ไม่ได้ทำหน้าทำตาให้มอมแมมขมุกขมัวมากกว่านี้ เมื่อเขาเห็นว่านางอึกอัก ก็ยิ่งคิดว่านางอับอายเพราะถูกล้อว่าเหมือนเด็ก จึงพูดเพื่อให้นางรู้สึกดีขึ้น“อย่าคิดมากไปเลย เมื่อทำงานใช้แรงไปเรื่อย ๆ ตัวของเจ้าก็จะหนาเสียจนลืมเลยว่าครั้งหนึ่งเจ้าเคยเป็นเด็กมาก่อน”“ขอรับ” นางปรับสีหน้าให้ดีขึ้น ก่อนจะเป็นฝ่ายถามแทน “แล้วท่านแม่ทัพล่ะขอรับ คิดจะแต่งงานเมื่อใดกัน”“ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนั้น ในหัวมีแต่จะกำราบศัตรูให้สิ้นซากอย่างไรก็เท่านั้น”“แต่หากท่านทำสำเร็จ ฮ่องเต้จะต้องพระราชทานรางวัลให้ ดีไม่ดี จะให้ท่านแต่งกับหญิงงามมียศถาบรรดาศักดิ์เสียด้วยซ้ำไป”“ข้ารู้” มู่หรงเซียวหนานพอจะคาดการณ์เรื่องนี้ได้ โดยเฉพาะเมื่อบิดาของเขาใกล้ชิดกับฮ่องเต้ ถึงขนาดที่น้องสาวของเขาก็อภิเษกไปกับหลี่อวี้อ๋อง แล้วบุตรชายคนโตจะน้อยหน้ากว่าได้อย่างไร “หากเป็นเช่นนั้น ก็แล้วแต่พระประสงค์ของพระองค์เถิด”เขาพูดพลางถอนหายใจอย่างคนที่เข้าใจเรื่องราวและเตรียมใจไว้แล้ว อันตัวเขานั้น แ

    Last Updated : 2024-11-07
  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 10

    หน้าที่ขององค์หญิงแห่งแคว้นยังคงวนเวียนอยู่ในโรงครัวเป็นส่วนใหญ่ และนางต้องหมกตัวอยู่ในนั้นตลอดทั้งวัน วิ่งวุ่นหัวหมุนไปกับการหั่นล้างอะไรสักอย่างตลอดเวลา ซึ่งนางก็ล้วนแล้วแต่ทำไม่เป็น หากรองแม่ทัพจางไม่ช่วยเหลือ แกล้งเรียกนางเข้าพบเพราะนางอ่านออกเขียนได้ นางก็คงจะไม่ได้มีเวลาพักผ่อนเลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างก็ทำงานหนักอาบเหงื่อต่างน้ำด้วยกันทั้งสิ้น ราวกับว่าค่ายแห่งนี้ไม่เคยหลับใหล แม้แต่ยามกลางคืน นางก็ยังสามารถได้ยินเสียงพูดคุย เสียงความเคลื่อนไหวด้านนอก และเห็นแสงไฟวับแวมที่จุดอยู่โดยรอบ นอกจากช่วงเวลาที่จะต้องยกข้าวยกน้ำให้กับมู่หรงเซียวหนานแล้ว หยางจูไม่มีทางได้เจอเขาอีก ไม่ใช่แค่เพราะเขาไม่ว่าง แต่เพราะนางหมกตัวอยู่แต่ในครัว ราวกับไข่มุกที่ไม่ถูกค้นพบ หยกที่ยังไม่ได้เจียระไน แล้วมันจะไปมีความหมายอันใดที่นางดั้นด้นลำบากมาถึงนี่ และถึงแม้นางจะได้เวลาชั่วพักชั่วครู่ ระหว่างที่เขารับประทานอาหาร แต่ในช่วงเวลานั้น ก็มักจะมีผู้คนมากมายมารอเข้าพบท่านแม่ทัพเป็นการส่วนตัวอยู่เสมอ เท่ากับว่านางแทบจะไม่มีเวลาอยู่กับเขาเพียงสองคนเลย “เฮ้ออออออ……” คิดแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ นางพั

    Last Updated : 2024-11-09
  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 11

    “เนื้อหมูและปลาตากแห้งเจ้าค่ะ ท่านองครักษ์บอกว่าชีวิตในนี้ยากลำบากนัก หากเป็นทหารชั้นประทวนยิ่งไม่มีทางที่จะได้แตะเนื้ออะไรทั้งนั้น ข้าจึงเอาเนื้อนี้มาให้ แล้วข้าก็คิดถูก นี่มาอยู่ไม่เท่าไหร่ ท่านก็ผมลงอย่างเห็นได้ชัด” หยางจูก้มลงมองตัวเอง นางไม่ได้ผอมลงไปแม้แต่น้อย แต่แน่ล่ะ ลู่อิงก็ชอบกังวลเกินเหตุและกล่าวอะไรเกินจริงอยู่ตลอด “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจเจ้ามาก” นางรับมาด้วยความเต็มใจ “หากไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะสงสัยเอาได้ ข้าไม่ใช่คนพื้นเพ ไม่สมควรจะรู้จักใครที่นี่” “เจ้าค่ะ” รับคำแบบไม่เต็มใจนัก ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือองค์หญิงที่ตัวเองดูแลมาแต่เล็กแต่น้อย รู้สึกว่ามือนั้นกร้านขึ้นก็ทั้งตกใจและสงสารจับใจ “ข้าไม่ได้เป็นอะไรลู่อิง มือข้าก็ยังอยู่ดี” หยางจูพูดอย่างรู้ทันความคิด “โธ่…คุณชาย…” ลู่อิงโอดครวญตามประสา “เอาละ พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว นี่ข้าออกมานานแล้ว เกรงว่าจะมีคนสงสัยเอาได้” “ขอรับ ขอให้ท่านรักษาตัวด้วย” เป็นเซี่ยหานปิงชิงพูดขึ้นมาก่อนที่หญิงสาวข้างกายจะเอ่ยอะไรยืดยาวเป็นการไม่จบสิ้น และได้รับค้อนจากลู่อิงไปหนึ่งวง หยางจูเ

    Last Updated : 2024-11-11
  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 12

    วันหนึ่งระหว่างที่หยางจูกำลังกวาดใบไม้ใบหญ้าและทำความสะอาดบริเวณครัวทั้งหมด มีกลุ่มนายทหารสี่นายที่แวะเวียนเข้ามาคุยกับนางเป็นครั้งคราว ทุกคนเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่นางเห็นแล้วรู้สึกใจไม่ดี หากจำไม่ผิดชายตัวสูงโย่งและผอมยิ่งกว่าลี่ถังคือเฉิงชุน คนที่ยืนข้าง ๆ เขาที่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเป็นลูกน้องคือตงฟาง ส่วนคนที่ดูมีอายุหน่อยและไม่ค่อยพูดมากนักจนดูไม่เข้ากับทุกคนชื่อเล่อเหลียน แต่อีกคนนั้นนางจำไม่ได้ “หยางหยาง เจ้านี่ร้ายไม่เบาเลยนะเนี่ย” “ช่ายยย เห็นหน้าซื่อตาใสเช่นนี้ ที่ไหนได้ กลับซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้จนมิด” “เรารู้ความลับของเจ้าหมดแล้ว ทีนี้ก็เล่ามาให้หมดเปลือก” หยางจูยืนตัวแข็ง มือที่จับไม้กวาดแทบจะร่วงผล็อยลงข้างตัว แต่นางก็ยังทำไขสือ “พวกเจ้าพูดเรื่องอะไรกัน ข้าไม่มีความลับอะไรทั้งนั้น” “แน่ใจหรือ แต่พวกข้าซึ่งมีตาแปดคู่มองเห็นชัดแจ้งเลยนะ ว่าเจ้าแอบทำอะไรเมื่อวันก่อน” นางแอบไปทำอะไรให้คนพวกนี้จับได้นะ ในเมื่อเวลาแต่งตัว นางก็อยู่แต่ในกระโจม ไปอาบน้ำหรือก็หอบผ้าหอบผ่อนไปตอนกลางคืน แถมบ่อน้ำยังอยู่ด้านหลังโน่น หรือพวกเขาแ

    Last Updated : 2024-11-13
  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 13

    “เจ้าอย่ามาสนใจข้าเลย เราไม่ได้มีเรื่องขุ่นเคืองใจต่อกันแม้แต่นิด” “แต่ข้าไม่ชอบเจ้านี่หว่า” ว่าแล้วก็เหวี่ยงถังน้ำของตัวเองมากระแทกขานางเต็มแรง “โอ๊ย!!” หยางจูล้มลงไปกับพื้น ขณะที่ไอ้อันธพาลก็หัวเราะชอบใจ น้ำที่แบกมาอย่างยากลำบากเจิ่งนองไปทั่ว ภายนอกนางไม่ได้เจ็บอะไรมากนัก แต่นางเจ็บใจมากกว่า “ไอ้ชั่ว ข้าอุตส่าห์มาได้ไกลถึงขนาดนี้ เจ้าทำน้ำข้าหกหมด” “นี่เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไรนะ” มือหยาบกร้านจับเข้าที่ข้อมือของนางแล้วบีบอย่างแรง “หยุด!!” เสียงห้วนห้าวบอกถึงความมีอำนาจดังก้อง ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินดุ่มเข้ามาหาด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว “ท่านรองแม่ทัพ” นางครางด้วยความโล่งใจ “เจ้าทำอะไร รังแกผู้อื่นงั้นหรือ เหตุใดถึงกล้าทำร้ายพี่น้องร่วมทัพกับเจ้า” เมื่อจางซื่อหมิงสวมบทบาทขึงขังเอาจริงเอาจัง หยางจูก็อดรู้สึกแปลกใจระคนกลัวเกรงไม่ได้ เนื่องจากนางไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน “ทะ...ท่านรองแม่ทัพ ข้าน้อยไม่ได้...” “อย่าคิดที่จะปฏิเสธ ข้าเห็นเต็มสองตา บอกชื่อของเจ้ามา” เจ้าคนอันธพาลอึกอักเหงื่อตก ก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสบตา ต่างจากตอนที่รังแกนางลิบลั

    Last Updated : 2024-11-15
  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 14

    ดูเหมือนว่าฟาหยางจะผูกใจเจ็บกับนางเสียเหลือเกิน หลายวันมานี้ หยางจูสังเกตได้ว่าเขามักจะมองตามนางเสมอ ไม่ว่านางจะเคลื่อนตัวไปไหนหรือทำสิ่งใด ก็จะเห็นสายตาของเขาคอยทิ่มแทง ไม่แน่ว่าความไม่เป็นมิตรนี้ น่าจะมาจากการที่เขาแค้นใจเมื่อโดนรองแม่ทัพตักเตือนอย่างรุนแรง แต่จะโทษใครได้ ในเมื่อเขาทำตัวเองทั้งสิ้น “เจ้านั่นน่ะ มัวแต่เหม่ออะไรอยู่ ข้าบอกให้ยกหม้อมา” หยางจูสะดุ้ง ทำอย่างไรก็ชินชากับเสียงกระโชกโฮกฮากไม่ได้สักที นางรีบยกหม้อไปให้ แต่มันใหญ่และหนักจนแขนของนางสั่นพั่บ ๆ จนแทบจะทำของที่อยู่ข้างในหกออกมา “โอ๊ย พวกเราจะได้กินดีไหมนี่ ถ้าให้เจ้าอ่อนปวกเปียกมายกข้าวให้ ระวังมันจะทำคว่ำทั้งหม้อนะ” ฟาหยางตะโกน ส่วนเพื่อนอันธพาลด้วยกันก็หัวเราะเป็นลูกคู่ เสียงดังจนคนอื่น ๆ หันมามอง นางทำหน้าบึ้ง ต้องอดใจแทบตายที่จะยกหม้อทั้งหม้อสาดใส่ แต่มันหนักเกินกว่าจะทำอะไรได้ พอดีกับที่ลี่ถังรีบลุกมาช่วย ตอนนี้เขาเหมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของนางไปแล้ว หยางจูนึกเล่น ๆ ว่าหากกลับไปที่วังหลวงนาง จะแต่งตั้งให้เขาเป็นหนึ่งในองครักษ์ใกล้ชิด หรือหากเขาไม่ชอบนางก็จะบอกเสด็จพี่ให้ปูนบำเหน็จหรือเล

    Last Updated : 2024-11-17

Latest chapter

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนพิเศษ 2

    “ถ้าเช่นนั้นท่านหมายถึงเรื่องใด” ว่าจบก็เข้าไปนั่งลงข้างร่างเล็กแล้วโอบไหล่บางเข้าหา “ทะ ท่าน! เดี๋ยวก่อนสิ” หยางจูสะดุ้ง ดันตัวเขาออก คราวนี้มู่หรงเซียวหนานหัวเราะดังกว่าเดิม “ท่านแกล้งข้า” หยางจูต่อว่าและเชิดหน้าขึ้นอย่างแง่งอน “ข้าขอโทษ เอาละ หน้าที่ของเจ้าบ่าวเช่นข้า ก่อนอื่นข้าต้องเปิดผ้าคลุมหน้าของเจ้าสาวของข้าเสียก่อน” ว่าจบเขาก็ค่อย ๆ เปิดผ้าคลุมหน้าของหยางจูออก ใบหน้างามที่ถูกแต่งแต้มอย่างดีทำให้มู่หรงเซียวหนานค้างไปชั่วขณะ ปกตินางเป็นหญิงงามอยู่แล้ว แต่ในวันนี้นางดูอิ่มเอิบ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขทำให้นางดูน่ามองยิ่งขึ้น และเขารู้สึกภูมิใจที่ความสุขของนางในวันนี้มีเขาเป็นส่วนหนึ่ง “ท่านงามมากองค์หญิงหยางจู” เขาบอกคล้ายละเมอ “ท่านยังเรียกข้าว่าองค์หญิงอยู่อีกหรือ” “อ้อ นี่คงเป็นอีกข้องผิดพลาดของข้าสินะ ท่านเป็นสตรีที่อยู่สูงกว่าข้าจนข้ามิอาจเอื้อม ชาติกำเนิดรึก็สูงปานนั้น ความงามรึก็งามราวเทพธิดา ข้าเป็นบุรุษต่ำต้อยที่มิคู่ควรกับท่านเลย” “แต่ตอนนี้ท่านเป็นสามีข้า ยังเรียกเสียห่างเหินอีกหรือ” หยางจูท้วง “ข้ารู้ เอาเป็นว่าข้าเรี

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนพิเศษ 1

    ช่วงวสันต์ตอนปลายสายลมพัดเอื่อยเฉื่อยหอบเอาความเย็น สดชื่นของฤดูเหมันต์ปะปนมาทำให้อากาศในตอนนี้ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป เหล่าต้นไม้เริ่มเปลี่ยนสีและผลัดใบ ดอกไม้ฤดูหนาวเริ่มผลิบาน ให้ความรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวา นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดียิ่งช่วงหนึ่ง บนถนนสายหลักทั้งสองฟากถูกประดับประดาไปด้วยผ้าสีแดง บางที่ก็มีการจุดประทัด บรรยากาศเต็มไปด้วยความรื่นเริงคึกคัก ชาวเมืองทุกคนต่างพูดคุยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสออกมายืนเฝ้ารอเพื่อชมความยิ่งใหญ่อลังการของขบวนเจ้าสาวขององค์หญิงหยางจูซึ่งเป็นพระธิดาองค์โปรดของฮ่องเต้ ขบวนเจ้าสาวของขององค์หญิงหยางจูนี้มีความยาวตั้งแต่ประตูวังหลวงไปจนถึงสามช่วงถนน หากมองจากหัวขบวนไปยังท้ายขบวนก็มิอาจคำนวณได้ว่าจะสิ้นสุดลงที่ใด หัวขบวนมีองค์ชายชาง ว่าที่องค์รัชทายาทแห่ง เป่ยหนานขี่ม้านำขบวนเกี้ยวเจ้าสาวขนาดแปดคนหาม ซึ่งนับว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสุด เกี้ยวเจ้าสาวสีแดงขนาดใหญ่ถูกตกแต่งอย่างงดงามด้วยผ้าแพรสีแดง องค์หญิงหยางจูสวมมงกุฎหงส์นั่งอยู่บนเกี้ยว หัวใจของนางกำลังกระหน่ำเต้นรัวไปด้วยความตื่นเต้น ด้านนอกมีลู่อิงที่เดินขนาบด้านข้าง และองครักษ์เซี่ยที

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   บทส่งท้าย

    เท้าในรองเท้าปักลวดลายสวยงามก้าวย่างด้วยความเร่งรีบไปตามทางเดินคดเคี้ยวสลับซับซ้อน ความร้อนใจทำให้นางเดินชนกับนางกำนัลถึงสองครั้ง ซึ่งพวกนางก็ตาลีตาเหลือกลงไปคุกเข่ากับพื้น แต่นางก็ได้แต่รวบชุดสวยยกขึ้นจากพื้นเพื่อจะออกวิ่งอย่างสุดกำลัง แล้วก็ไปปะทะกับทหารยามที่ยืนอยู่ข้างตำหนักใหญ่ จนพวกเขาตกอกตกใจกันยกใหญ่ “เสด็จพ่อประทับอยู่ในตำหนักหรือเปล่า” หยางจูละล่ำละลักถามกงกง “อยู่พ่ะย่ะค่ะ แต่ตอนนี้แม่ทัพมู่หรงเซียวหนานมาขอเข้าเฝ้า” นางตาเหลือกเมื่อประจักษ์ว่าสิ่งที่ได้ยินมาเป็นความจริง เผลอยกมือกัดเล็บด้วยความกังวล “ไปกราบทูลว่าข้าต้องการเข้าเฝ้า” “แต่ฝ่าบาทรับสั่งเอาไว้ว่าห้ามให้ใครรบกวนระหว่างนี้พ่ะย่ะค่ะ” “เสด็จพ่อจะอนุญาตหากเป็นข้า” กงกงอ้าปากจะค้านต่อ แต่ร่างคุ้นตาได้ก้าวเท้าออกมาจากประตูบานใหญ่ เดินลงบันไดมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เป็นนางเสียอีกที่อยากจะถลาเข้าไปหาแล้วถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในห้องนั้น “องค์หญิงหยางจู ข้าตามหาท่านอยู่พอดี” “หาหม่อมฉันหรือเพคะ” นางหันไปหาองค์ชายเฟิงจวิ้นที่มาผิดที่ผิดเวลาอย่างที่สุด ก่อนจะหันกลับไปมองประตูมังกรอย

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 46

    หลังจากวันนั้น มู่หรงเซียวหนานมีโอกาสเข้าเฝ้าเชื้อพระวงศ์บ่อยครั้ง รวมถึงองค์หญิงหยางจูด้วย แม้นางจะใช้เวลากับองค์ชายแคว้นเยี่ยน วาดภาพ แต่งกลอน หรือแม้แต่ชมสวนด้วยกัน เขาก็จะเอาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วยเสมอ แม้มันจะสร้างความไม่พอใจให้กับองค์ชายถึงเพียงใด เขาก็ทำเป็นตาบอด ไม่เห็นความขุ่นข้องนั้นเสีย “ดอกไม้นี่ช่างงามแท้” หยางจูรำพึงรำพัน ทอดสายตามองไปไกล มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้นอย่างผู้ที่รื่นรมย์กับธรรมชาติ “วังของข้าก็มีอุทยานที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม แถมยังใหญ่เสียจนเดินแทบไม่รอบ ข้าว่าเจ้าน่าจะชอบ โดยเฉพาะวสันตฤดู ซึ่งเป็นช่วงที่เราจะเข้าพิธีอภิเษกพอดิบพอดี เจ้าก็จะได้เห็น” “บุปผางดงามจับตาอย่างไม่อาจหาใดเทียบ เห็นจะอยู่ตรงหน้านี่แล้ว” มู่หรงเซียวหนานเดินตรงเข้ามาหาทั้งสอง มือไพล่หลัง ท่าทางสบายอารมณ์ “ก็นั่นละ หากบุปผางามเช่นองค์หญิงหยางจูได้ไปอยู่ท่ามกลางหมู่ไม้เหล่านั้น นางก็จะได้เป็นเช่นนางพญาแห่งบุปผาทั้งมวล” “ท่านทั้งสองออกจะชมข้าเกินไป ธรรมชาติคือสิ่งที่สวรรค์ สรรสร้าง มิมีอะไรจะงามเทียบ” องค์ชายเฟิงจวิ้นทำท่าจะต่อประโยค แต่แม่ทัพหนุ

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 45

    “อ้อ เจ้านี่เป็นคนใกล้ชิดรองแม่ทัพ ยังสบายดีอยู่พ่ะย่ะค่ะ” “แล้วยังมี เอ่อ ข้าก็จำได้ไม่แม่นยำนัก ชื่อเฉิงหรือเฉินอะไรสักอย่าง น่าจะเป็นเฉิงชุนกระมัง” “คนผู้นี้กระหม่อมไม่แน่ใจนัก รู้แต่ว่าอยู่กองเดียวกับหยางหยาง ทหารรับใช้ของกระหม่อมเอง แต่หลังกลับจากค่ายก็ไม่ได้เห็นอีกเลย” ใบหน้าที่ซีดเผือดอยู่แล้ว ยิ่งเผือดลงกว่าเดิมร้อยเท่า องค์ชายที่เสร็จจากการสั่งอาหาร หันมาเห็นเข้าก็ทำหน้าตาตื่น “องค์หญิงไม่สบายหรือ” เขาถือวิสาสะวางฝ่ามือบนหน้าผากนาง “ไม่มีไข้นี่นา” “หม่อมฉันแค่...แค่ร้อนน่ะเพคะ” นางแก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ ขอบตาร้อนผ่าว เพียงแค่นึกว่าสหายที่ร่วมลำบากด้วยกันมาอาจไม่มีชีวิตรอด นางจึงรีบก้มหน้าลงซ่อนน้ำตา “ได้กินอะไรอร่อย ๆ คงหายเพคะ” “แน่ใจหรือ หากท่านรู้สึกแย่ เรากลับเสียตอนนี้เลยก็ได้” “ไม่เพคะ หม่อมฉันอยากอยู่ต่อ” “เช่นนั้นก็ย่อมได้ แต่หากท่านไม่ไหว ต้องบอกข้าทันทีเลยนะ” หยางจูผงกศีรษะรับ ขณะก้มหน้าก้มตา สองมือบนตักบีบกันแน่น มู่หรงเซียวหนานมองนาง แต่ไม่ได้มองอย่างจงใจนัก เขาไม่สบอารมณ์กับความห่วงใยออกนอกหน้าขององค์ชายผู้นี้ แ

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 44

    ทั้งสามออกมานอกวังด้วยกัน โดยสวมเสื้อผ้าให้ดูธรรมดาสามัญให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดูเหมือนว่าการมาเยือนขององค์ชายจะยาวนานกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ความตั้งใจจริงของเขา คงจะเป็นการได้คำรับรองว่าจะได้อภิเษกแล้วพานางกลับไปยังแคว้นด้วยกัน หยางจูเองก็ตระหนักในเรื่องนี้ดี แต่นางไขว้เขวไปเพราะการปรากฏตัวของมู่หรงเซียวหนาน การได้พบเจอเขาอีกครั้งทำให้นางรู้ว่าใจนางโหยหาเขามากเพียงใด หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ถูกขนาบข้างไปด้วยบุรุษสองคนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนหนึ่งคือบัณฑิตทรงภูมิที่มีรอยยิ้มสดใส อีกคนร่างกายสูงใหญ่กำยำ แม้ใบหน้าจะเรียบนิ่งแต่มิอาจทำลายความหล่อเหลาน่าเกรงขามของเขาไปได้ หยางจูกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ขณะที่องค์ชายเฟิงจวิ้นอยากจะเอาใจด้วยการซื้อข้าวของมากมาย แต่มู่หรงเซียวหนานกลับชวนนางกินของอร่อยไม่ขาด และนางก็เพลิดเพลินเสียจนรู้ตัวอีกที ก็ซื้อของทุกอย่างเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ท่านรู้จักกินอะไรเช่นนี้ด้วยหรือ” นางมองขนมเคลือบน้ำตาลที่ มู่หรงเซียวหนานยื่นให้ด้วยความสนใจ “ชิงเอ๋อร์ชอบออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกมาก อย่างที่องค์หญิงน่าจะเคยได้ยินมาบ้าง และบ่อยครั้ง พ

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 43

    “เพคะ”“เช่นนั้นข้าจะเริ่มแล้วนะ”ด้วยความที่คิดมาก่อนแล้ว เขาร่ายวรรคแรกขึ้นมาอย่างลื่นไหล จากนั้นก็เขียนลงบนกระดาษ ตามมาด้วยเยว่ชิงที่ต่อกลอนได้รวดเร็วไม่แพ้กัน เพราะเตี๊ยมกันมาแล้ว เพราะลำพังความสามารถของมู่หรงเยว่ชิง นางไม่มีหัวทางด้านศาสตร์และศิลป์ในการแต่งกลอนสักนิด ให้นางนับเงินเห็นจะเป็นอะไรที่นางถนัดที่สุดดังฉายาของนางที่ว่าท่านหญิงตำลึงทองมู่หรงเซียวหนานคิดอยู่เล็กน้อย เขาเลือกเอ่ยถึงคืนจันทร์วันเพ็ญที่ไม่อาจข่มตาหลับในค่าย หยางจูเกิดความรู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่าเขากล่าวถึงนาง นางจึงแต่งต่อว่าด้วยความงดงามของดวงจันทร์ พร้อมทั้งเขียนกลอนลงไปโดยไม่เฉลียวใจเลยสักนิดปลายพู่กันขององค์หญิงหยางจูสะดุดตามู่หรงเซียวหนานนัก เพราะมันเหมือนกับลายมือของใครบางคนราวกับเป็นพิมพ์เดียวกัน เขาจึงตั้งใจพินิจทุกตัวอักษรจนนึกสงสัยอะไรบางอย่าง แม้สิ่งที่คิดอยู่เห็นจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ แต่มันกลับจุดประกายความหวังเล็ก ๆ ขึ้นในใจเขา เห็นทีเขาคงเสียสติเสียแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อมขอกระดาษแผ่นนี้ได้หรือไม่”“เอาไปสิ ถือเป็นของขวัญต้อนร

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 42

    เปลวแดดไหวระริกราวกับนักเต้นระบำกำลังอวดฝีเท้าท่ามกลางแดดแผดจ้า ท้องฟ้าสีครามสดใสมีปุยเมฆขาวลอยแต่งแต้มชวนมองอยู่เหนือศีรษะ สองพี่น้องยืนอยู่ในศาลาแปดเหลี่ยม เขม้นมองนกเป็ดน้ำที่กำลังว่ายน้ำเล่นด้วยความสำราญใจในบ่อที่ขุดและจัดตกแต่งเอาไว้อย่างดี ลมเย็นพัดมาเบา ๆ พอให้คลายร้อนลงไปได้บ้าง “เรื่องจดหมายที่พี่เขียนมาหาข้า” มู่หรงเยว่ชิงเกริ่น “ไม่สำคัญเสียแล้ว” มู่หรงเซียวหนานตอบพลางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “เหตุใดจึงไม่สำคัญ” “เพราะพี่ไม่ได้ทำตามที่เจ้าแนะนำ ทั้งที่ควรจะทำเช่นนั้น มันจึงสายไป” “แม้จะสายเกินไป แต่ข้าก็อยากรู้ว่าอาการที่พี่พูดถึงคืออะไรกันแน่” มู่หรงเซียวหนานเพียงแต่ถอนหายใจ เบือนหน้าหนีไปทางอื่น “พี่ใหญ่ ใช่เรื่องที่เขาลือกันว่าพี่เป็นพวกตัดแขนเสื้อหรือไม่” มู่หรงเยว่ชิงเห็นว่าคงต้องเข้าประเด็นโดยเร็วเท่านั้น มู่หรงเซียวหนานหันขวับไปหาผู้เป็นน้อง “เจ้ารู้?” “ไม่ต้องตกใจไปเจ้าค่ะ ข่าวไม่ได้แพร่มาถึงในวังหลวง เพียงแต่องค์ชายชางมีสหายอยู่ในกองทัพ จึงนำเรื่องมาพูดคุยแลกเปลี่ยนเท่านั้น” นางพูดปดด้วยความแนบเนียน “องค์ชายน่ะรึ”

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง   ตอนที่ 41

    ความสัมพันธ์ขององค์หญิงหยางจูกับองค์ชายเฟิงจวิ้นเป็นไปด้วยความเรียบเรื่อย เกือบทุกวันทั้งสองคนจะออกไปหาความสำราญข้างนอก เที่ยวเล่นและพูดคุยถึงเรื่องต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน ราวกับนางไม่เคยจากวังหลวงมาก่อน กระทั่งวันหนึ่ง ลู่อิงเอาข่าวมาแจ้งว่ากองทัพที่ชายแดนปราบกบฏจนสิ้นซาก ซ้ำยังบุกไปตีและยึดเมืองของอีกฝ่ายได้สำเร็จ ศพของศัตรูกองพะเนินเทินกันรอให้นกแร้งมาจิกกิน เมื่อมันเริ่มเน่าก็ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว พวกที่หนีรอดไปได้ต่างเร่ร่อนผอมโซเป็นที่น่าอดสู มู่หรง เซียวหนานก็ไม่วายส่งคนข้ามไปตามจับกลับมาเป็นเชลย เขากำลังจะกลับเข้าวังหลวงเพื่อรับความดีความชอบในอีกไม่กี่วัน หัวใจของหยางจูเต้นกระหน่ำเมื่อคิดว่าจะได้เห็นหน้าเขาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเขาจะจำได้หรือไม่ว่านี่คือหยางหยาง แต่นางหวังให้เขาจำไม่ได้ เพื่อที่เขาจะได้ทำเย็นชาและวางตนห่างเหิน นางจะไม่ต้องเหนื่อยกับการปฏิเสธหรืออธิบายสิ่งใด แม้นั่นจะเจ็บปวดมากก็ตามที “ช่วงนี้เจ้าดูเหม่อ ๆ นะหยางจู” องค์ชายชางทักตามประสาพี่ชายที่คอยตามดูน้องสาวอยู่ห่าง ๆ และเห็นว่าตั้งแต่กลับมา หยางจูดูไม่มีความสุขเลย ยิ่งมีข่าวว่ามู่หรงเซียวหนานกำ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status