ไท่ชินอ๋องหยิบผ้าสองชิ้นนั้นขึ้นมาพิจารณา แล้วถามอาเฟยว่า "ผ้าสองชิ้นนี้เป็นของเจ้าใช่หรือไม่?"
"ใช่ขอรับ" อาเฟยรับคำ
"เจ้าได้ผ้าสองชิ้นนี้มาอย่างไร?"
"พ่อบ้านสีมอบให้ข้า บอกว่าเป็นของข้า ให้ข้าเก็บรักษาเอาไว้ให้ดีขอรับ"
"แล้วพ่อบ้านสีบอกความเป็นมาของผ้าสองชิ้นนี้ต่อเจ้าหรือไม่?"
อาเฟยเม้มปากครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า "พ่อบ้านสีบอกข้าเพียงเท่านี้ขอรับ"
"อืมม์..." ไท่ชินอ๋องทำเสียงรับรู้ แล้วเรียก "หลิวยี่"
หลิวกงกงรีบก้าวเข้ามาน้อมคำนับ "ขอรับ"
"ส่งคนไปพาตัวพ่อบ้านสีมาโดยเร็ว" ไท่ชินอ๋องสั่ง
"ขอรับ" หลิวกงกงน้อมรับคำสั่ง แล้วออกไปจากห้องพักผ่อนแห่งนั้น แล้วจัดการส่งทหารองครักษ์สองนายไปพาตัวพ่อบ้านสีที่หมู่บ้านสกุลสี โดยให้ทหารองครักษ์ออกเดินทางทันทีทั้งกลางคืน ไม่รอให้ข้ามคืนก่อนแต่อย่างไร
ดังนั้น สายวันรุ่งขึ้น พ่อบ้านสีก็มาถึงจวนไท่ชินอ๋อง...หลิวกงกงเข้ามารายงานให้ไท่ชินอ๋อง
"น้อมเรียนท่านอ๋อง...พ่อบ้านสีมาถึงแล้วขอรับ"
ไท่ชินอ๋อง หลี่ชิง อ๋องสี่ และอาเฟย ซึ่งกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว จึงให้พ่อบ้านสีไปพบในห้องพักผ่อน
"น้อมคารวะไท่ชินอ๋องขอรับ" พ่อบ้านสีซึ่งอายุราวห้าสิบเศษ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสุภาพสีน้ำตาล เนื้อผ้าธรรมดาสามัญ คุกเข่าน้อมคำนับจนหน้าผากจรดพื้น
"ไม่ต้องมากพิธี" ไท่ชินอ๋องเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "ที่ข้าให้ตามเจ้ามาอย่างเร่งด่วน ก็เพราะมีบางเรื่องอยากถามเจ้าให้กระจ่าง"
"เชิญท่านอ๋องถามเถิดขอรับ ข้าน้อยจะตอบสุดความสามารถ" พ่อบ้านสีตอบ
"ดีมาก...เจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ"
"ขอบคุณขอรับ" พ่อบ้านสีลุกขึ้นยืนอย่างสงบเสงี่ยม
"ผ้าสองชิ้นนี้...เจ้าจำได้หรือไม่?" ไท่ชินอ๋องนำผ้าที่อยู่ก้นหีบมหาสมบัติของอาเฟยมาชู
หลิวกงกงรีบเข้ามารับไปส่งให้พ่อบ้านสีพิจารณาดู
พ่อบ้านสีพลิกผ้าสองชิ้นดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วกล่าวว่า "ผ้าสองชินนี้เป็นของอาเฟยขอรับ"
"ทำไมเจ้าจึงรู้ว่าเป็นของอาเฟย? จงบอกเล่ามาให้ละเอียด" ไท่ชินอ๋องสั่ง แล้วยกชาขึ้นจิบ
อาเฟยที่นั่งถัดจากหลี่ชิงนั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก จนมือสั่นเล็กน้อย อ๋องสี่ที่นั่งถัดจากเขา จึงคว้ามืออาเฟยไปกุมเอาไว้
"เมื่อสิบหกปีก่อน มีชาวบ้านคนหนึ่งอุ้มเด็กทารกคนหนึ่งมาบอกขายให้จวนชินอ๋อง ชาวบ้านคนนั้นแซ่กู้ มาจากหมู่บ้านสกุลกู้ ที่เขานำเด็กมาขายก็เพราะว่าเขาเก็บเด็กได้ แต่เขามีลูกหลายคนแล้ว ไม่สามารถเลี้ยงเด็กเพิ่มอีกได้ จึงนำมาขายขอรับ...ส่วนผ้าสองชิ้นนี้ ชิ้นหนึ่งใช้ห่อตัวเด็ก คือชิ้นสีฟ้า ส่วนชิ้นสีแดงปักด้ายเหลืองคือชิ้นที่ห่มอยู่บนตัวเด็กขอรับ ชายแซ่กู้ผู้นำเด็กมาขายบอกเช่นนี้ขอรับ" พ่อบ้านสีบอกเล่า
"ข้าน้อยเห็นเด็กทารกหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู จึงรับซื้อไว้แทนจวนชินอ๋องขอรับ และเห็นว่าบนผ้าสีแดงปักคำว่า 'เฟย' (โบยบิน) จึงตั้งชื่อเด็กว่า 'อาเฟย'...พอดีตอนนั้นสะใภ้ของข้าน้อยคลอดบุตรชายคนที่สอง จึงให้อาเฟยกินนมของสะใภ้ข้าน้อยด้วย...พอลูกชายลูกสะใภ้และหลานทั้งสองคนของข้าน้อยกลับไปอยู่ที่บ้านก่อน เพื่อจัดการที่ทางต่างๆ นั้น อาเฟยวิ่งได้แล้ว และสามารถกินอาหารอ่อนได้ อาเฟยจึงอยู่ที่จวนต่อ จนกระทั่งข้าน้อยจะขอลาออกกลับบ้านบ้าง ข้าน้อยก็คิดอยากจะซื้ออาเฟยต่อ พากลับบ้านไปด้วย ไปเลี้ยงเป็นหลานชายอีกคน...แต่พอข้าน้อยไปเสี่ยงเซียมซีที่วัด ก็ได้รับคำทำนายว่า อาเฟยเป็นผู้มีบุญวาสนาสูง หากผู้ที่รับอาเฟยเป็นบุตรหลานวาสนาไม่ถึง จะเกิดเภทภัย...ข้าน้อยจึงมิได้ซื้ออาเฟยไปเป็นหลานชายอีกคนขอรับ" พ่อบ้านสีเล่าถึงสาเหตุที่ไม่ได้ขอซื้ออาเฟย แล้วจบคำให้การว่า "เรื่องราวที่ข้าน้อยรู้เกี่ยวกับผ้าสองชิ้นนี้ก็มีเท่านี้ขอรับ"
กล่าวแล้วพ่อบ้านสีก็ส่งผ้าสองชิ้นนั้นให้แก่หลิวกงกง หลิวกงกงก็นำมาคือแก่ไท่ชินอ๋อง
"อืมม์" ไท่ชินอ๋องถามต่อว่า "คนแซ่กู้ผู้นำอาเฟยมาขายแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเยี่ยงไร?"
"แต่งตัวอย่างชาวบ้านใช้แรงงานขอรับ เนื้อผ้าที่ใช้ก็เป็นผ้าเนื้อหยาบและเก่าขอรับ" พ่อบ้านสีน้อมกายตอบอย่างสุภาพ
ไท่ชินอ๋องชูผ้าสองชิ้นในมือขึ้น "แล้เจ้าว่า มันแตกต่างจากผ้าสองชิ้นนี้หรือไม่?"
"แตกต่างกันมากขอรับ...เสื้อผ้าของชายผู้นั้นเป็นผ้าฝ้ายเนื้อหยาบ แต่ผ้าสองชิ้นนี้เป็นผ้าแพรต่วนเนื้อละเอียด ราคาสูงกว่ามาก และไม่ใช่เนื้อผ้าที่ผู้ทำงานใช้กำลังจะนิยมใช้กันขอรับ"
"ถูกต้อง"
ไท่ชินอ๋องเอ่ยอย่างเห็นด้วย แล้วสั่ง "หลิวยี่... ไปนำผู้ที่มาอ้างตัวเป็นบิดามารดาของพระชายามาพบข้า"
"ขอรับ" หลิวกงกงน้อมรับคำสั่ง แล้วไปปฏิบัติทันที
"ต้าโก่ว ต้าหนิว...ย้ายฉากกั้นมาบังพระชายา และไท่หวางเฟยไว้"
"ขอรับ/ขอรับ" ทั้งสองรับคำแล้วจัดการย้ายฉากกั้นที่เป็นไม้ล้ำค่าฝังมุกเป็นลวดลายทิวทัศน์สวยงามมาบังอาเฟยกับหลี่ชิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ล้ำค่าฝังมุกมีเบาะรองนั่งและหมอนอิง เอาไว้
ส่วนอ๋องสี่ย้ายมานั่งข้างๆ ไท่ชินอ๋อง
ไม่นาน...หลิวกงกงก็นำพ่อบ้านเหลียงที่พาสองสามีภรรยาจากหมู่บ้านสกุลกู้เข้ามา
พ่อบ้านเหลียงคุกเข่าน้อมคำนับ "น้อมคารวะไท่ชินอ๋องและท่านอ๋องสี่ขอรับ"
สองสามีภรรยาแซ่กู้ก็ทำตามด้วยกิริยางกๆ เงิ่นๆ
"พ่อบ้านเหลียงไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นได้"
"ขอบพระคุณขอรับ" พ่อบ้านเหลียงกล่าวแล้วลุกขึ้นไปยืนสงบอยู่ด้านข้าง
สองสามีภรรยาแซ่กู้จะทำตาม ก็ถูกไท่ชินอ๋องตวาดว่า "ข้าไม่ได้อนุญาตให้พวกเจ้าสองคนลุก"
สองสามีภรรยาแซ่กู้สะดุ้งโหยง คุกเข่าลงดังเดิม จับมือกันและกันเอาไว้ ตัวสั่นงันงก "ขะ ข้าน้อย ผะ ผิดอันใดหรือขอรับ?" ชายแซ่กู้ตะกุกตะกัก "พวกเจ้าสองคนมาอ้างตัวเป็นบิดามารดาของพระชายาอาเฟยใช่หรือไม่?" เสียงไท่ชินอ๋องดุดันสองสามีภรรยาที่สั่นอยู่แล้วยิ่งสั่นจนฟันกระทบกันพูดอะไรไม่ออก...เกี่ยงกันไปมาว่า "ตาแก่ เจ้าพูดก่อนสิ" นางที่เป็นภรรยาเกี่ยงให้สามีเป็นคนพูดก่อน "ยายแก่ เจ้าพูดก่อนสิ" ชายวัยกลางคนแซ่กู้ก็เกี่ยงให้ภรรยาเป็นคนพูดก่อน ไท่ชินอ๋องกระดิกนิ้วเรียกหลิวกงกงมากระซิบข้อความบางอย่าง แล้วเอ่ยเสียงเหี้ยม "เมื่อไม่มีผู้ใดพูดก็ลากออกไปตัดหัวทั้งสองคน" "หาๆ..." ทั้งสองอุทานอย่างตกใจ "ข้าพูดๆ..." ชายแซ่กู้รีบร้อนเอ่ยเสียงระรัว "ข้าน้อยเป็นบิดาของพระชายาอาเฟยขอรับ" "จริงหรือ?" ไท่ชินอ๋องถามเสียงเรื่อยๆ "จริงขอรับ" ชายแซ่กู้และภรรยาคำนับปลกๆ "หลิวยี่...ลากตัวออกไป โบยให้ตาย" ไท่ชินอ๋องสั่ง "ขอรับ" หลิวกงกงขานรับคำสั่ง แล้วโบกมือให้ทหารองครักษ์สองนายลากตัวชายแซ่กู้ ซึ่งตกตะลึงจนอ้าปากค้างออกไปจากห้องนั้น "
อาเฟย (ลูกอนุภาคจบ)นิยายเรื่องนี้เน้นฮา ไม่เน้นสาระรี้ดทุกท่านถ้าพร้อมแล้ว เชิญอ่านกันเลยค่ะตอน 1 ณ โต๊ะอาหารมื้อเย็น อาหารบนโต๊ะทั้งเลิศรส ทั้งอุดมสมบูรณ์ มีผู้ร่วมโต๊ะเพียงสี่คนคือ...ไท่ชินอ๋อง หลี่ชิง อ๋องสี่ และอาเฟย ไท่ชินอ๋องคอยคีบอาหารให้แก่หลี่ชิงเป็นระยะๆ ส่วนอ๋องสี่นั้นใช้ความว่องไวฉกอาหารไปจากตะเกียบทองคำของอาเฟยเป็นระยะๆ เช่นกัน อาเฟยจึงเม้มปากจนแก้มกลมๆ ปรากฏรอยลักยิ้มเด่นชัด แล้วตามมาด้วยการทำปากขมุบขมิบ "เจ้ากำลังด่าข้าหรือ?" อ๋องสี่ถามพระชายา อาเฟยไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ "เจ้าด่าข้าจริงๆ ด้วย" อ๋องสี่เอ่ยแล้วตามด้วยการสั่งสอนว่า "การเป็นภรรยาที่ดีจะต้องใช้มธุรสวาจากับสามี เหล่าซือ (อาจารย์) มิได้สอนเจ้าหรอกหรือ? อาเฟย" เหล่าซือสอน แต่ข้าขี้เกียจจะจำ ก็ผู้ใดใช้ให้ท่านชอบมาแย่งอาหารชิ้นเดียวกันกับข้า ทั้งๆ ที่อาหารบนโต๊ะมีออกมากมายเหลือเฟือละ...อาเฟยตอบในใจแต่ก่อนที่อ๋องสี่จะทันได้แกล้งอาเฟยเพื่อเล่นสนุกต่อ...หลิวกงกงก็เข้ามารายงานว่า "เรียนไท่ชินอ๋อง เรียนท่านอ๋องสี่ เรียนไท่หวางเฟย และเรียนพระชายา...มีจดหมายมาจากต้าเหลียวขอร
"ถ้าเจ้าแน่ใจ...ข้าก็ไม่ขัดข้อง" อ๋องสี่กล่าวพลางแสยะยิ้ม ที่ดูน่ากลัวมากกว่าอ่อนโยนหรือยินดี "อันที่จริง...ข้าก็อยากเป็นภรรยามากกว่าสามี แต่เพราะว่าเจ้าบอกว่าไม่มีสินสอดมาแต่งข้า ข้าจึงยอมเสียเปรียบ ยอมเป็นสามีเสียเอง" หลี่ชิงฟังแล้วรู้สึกว่า มันต้องมีอะไรบางอย่างที่น่ากลัวแอบแฝงอยู่ จึงลอบมองไท่ชินอ๋อง เห็นไท่ชินอ๋องหน้านิ่งมาก แม้แต่หัวคิ้วยังไม่กระตุก ก็ยิ่งมั่นใจว่า...อ๋องสี่ต้องมีแผนการอันร้ายกาจแน่ๆ แต่ทว่าอาเฟยนั้นยังไม่สำเหนียก ยิ้มกว้าง พลางกล่าวเสียงใส "ท่านเห็นด้วยกับข้าจริงๆ หรือ?" "อืมม์..." อ๋องสี่พยักหน้า พลางคีบกับกินต่ออย่างใจเย็น "แต่เรื่องนี้จะพูดปากเปล่าไม่ได้" "หมายความว่าอย่างไร?" อาเฟยชะงักตะเกียบค้างอยู่กลางอากาศอย่างสงสัย "ตอนข้าแต่งเจ้าเป็นภรรยา ข้าจัดงานใหญ่โต เสียเงินจัดงานแต่งไปไม่ใช่น้อย" อ๋องสี่เริ่มแล้ว...หลี่ชิงคิดในใจ "ข้า..." อาเฟยทำแก้มป่อง คิ้วเรียวงามขมวดเข้าหากัน สีหน้าลำบากใจ "จะต้องจัดงานแต่งใหญ่โตขนาดนั้นเลยหรือ?" "ไม่ต้อง" คำตอบสั้นๆ ของอ๋องสี่ ทำให้อาเฟยถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก "แต่เราส
"ว่าอย่างไร?" อาเฟยหันไปไล่เบี้ยต้าโก่ว ต้าโก่วไม่อาจจะหลีกเลี่ยง จึงจำใจต้องรับคำว่า "จริงขอรับ...พระชายา...เอ่อ...ท่านราชเขย" พลางคิดในใจ...ท่านอ๋องว่าใช่ ก็ต้องใช่ ผู้ใดจะกล้าบอกว่าไม่ใช่ละ! "เห็นไหมเจ้าคะ ท่านสามี...ต่อแต่นี้ไป ท่านต้องเชื่อฟัง รัก และตามใจภรรยาคนนี้ทุกอย่างนะเจ้าคะ" ว่าแล้วก็กอดร่างเล็กจนแทบจะจมอก อาเฟยขยับตัวอย่างอึดอัด ก่อนจะรวบรวมเรี่ยวแรงผลักอ๋องสี่ออกห่างไปได้ แล้วถามต้าโก่วว่า "เจ้าอ่านจดหมายขององค์ชายเทียนเป่าหมดแล้วหรือ?" "ยังเหลืออีกเล็กน้อยขอรับ" ต้าโก่วตอบ "เช่นนั้นก็อ่านต่อเสียสิ" อาเฟยสั่ง "ขอรับ" ต้าโก่วรับคำ แล้วอ่านจดหมายจากองค์ชายเทียนเป่าต่อว่า "หากอาเฟยมีอะไรจะให้ข้าช่วยอีก ก็ส่งคนมาบอกข้าได้ทันที หรือถ้ามีผู้ใดรังแกอาเฟย ก็ให้บอกข้า ข้าจะจัดการให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอ๋องสี่บิดาของข้า ถ้าเขากล้ารังแกเจ้า ให้รีบบอกข้าโดยเร็ว ข้าจะจัดการเขาให้เอง ไม่ต้องกังวล สุดท้ายนี้ขอให้อาเฟยกินให้อิ่ม นอนให้หลับ และคิดถึงข้ามากๆ ข้าก็คิดถึงอาเฟย ลงชื่อ เทียนเป่า" "เทียนเป่าเป็นคนดีจริงๆ" อาเฟยพึมพำ แต
3 วันผ่านไป... หลี่ชิงมัวแต่ช่วยไท่ชินอ๋องสะสางราชกิจ เพราะแคว้นซีเซี่ยส่งบรรณาการมาให้ ทั้งท่านทูตยังมาเยี่ยมองค์หญิงหลิงหลิง...จึงไม่ได้พบหน้าอาเฟย เพราะต้องต้อนรับท่านทูต พอเย็นวันที่สี่ หลี่ชิงก็ตั้งใจไปหาอาเฟยที่ตำหนักที่อ๋องสี่และอาเฟยพัก...เห็นอาเฟยนั่งฟุบอยู่บนโต๊ะน้ำชาที่ทำจากหินหยกขาว จึงเดินเข้าไปในศาลาชมสวน แล้วเรียก "อาเฟย" อาเฟยเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นหลี่ชิงก็เรียก "เกอเกอ..." ดวงหน้ากลมๆ ของอาเฟยที่มักประดับด้วยรอยยิ้ม...เวลานี้ไม่มีรอยยิ้ม และดูหม่นหมอง "เป็นอะไรไปหรือ? อาเฟย" หลี่ชิงถาม พลางเข้าไปนั่งใกล้ "ข้ากลุ้มใจ" อาเฟยตอบด้วยน้ำเสียงหมดอาลัยตายอยาก หลี่ชิงอึ้ง...คำๆ นี้ไม่เคยหลุดลอดออกมาจากปากของอาเฟยเลยสักครั้ง ตั้งแต่รู้จักกันมา "เจ้ากลุ้มใจเรื่องอะไร? บอกเกอเกอมาซิ เผื่อว่าเกอเกอจะช่วยแก้ปัญหาให้ได้" หลี่ชิงกล่าวปลอบโยน "เฮ้ออออ..." อาเฟยถอนหายใจยาว "ตั้งแต่ข้าได้เป็นสามี ข้าเพิ่งจะรู้ว่า...ค่าใช้จ่ายในตำหนักนั้นมากมายขนาดไหน แล้วยังจะเงินเดือนของเหล่านางกำนัลและขันที รวมทั้งบรรดาองครักษ์ที่มาจากต้าเหลียวอีก นั่นยังไม่
อาเฟยกระพริบตาปริบๆ อย่างซาบซึ้งใจ ยกแขนขึ้น แล้วก้าวมาข้างหน้า...อ๋องสี่นึกดีใจ คิดว่าอาเฟยจะมากอดตน ก็อ้าแขนรอรับ...แต่อาเฟยผลักแขนอ๋องสี่ออกไม่ให้ขวางทาง แล้วเข้าไปกอดหลี่ชิง เรียกซ้ำไปซ้ำมาว่า "เกอเกอๆ..." ชิบหาย...ไท่ชินอ๋องร้องลั่นในใจ แต่ก่อน...อี๋เหนียง (เมียน้อย) สองคนของเขาก็รักกันเอง แล้วขอลาออกจากตำแหน่งอนุชายาไท่ชินอ๋องไปอยู่กินด้วยกัน มาวันนี้...อาเฟยเมียของน้องก็เข้ามากอดชิงชิงเมียของพี่จนกลมดิ๊ก! ไท่ชินอ๋องหันขวับไปสบตาอ๋องสี่...ทั้งสองพยักหน้าให้กันอย่างเข้าใจ แล้วต่างเข้าไปแยกคนของตนเองออกมาโดยเร็ว "ชิงชิง...ใจเย็นๆ ทุกอย่างย่อมต้องมีทางออก" ไท่ชิงอ๋องกอดหลี่ชิงเอาไว้แน่น พลางกล่าวปลอบโยน "ท่านอ๋องปล่อยข้า แล้วไปตกลงกับน้องชายของท่านว่าจะเอาอย่างไร? ถ้าไม่คืนความเป็นธรรมให้แก่น้องชายของข้า ข้าไม่ยอม!" น้ำเสียงดุดันของหลี่ชิง ทำให้ไท่ชินอ๋องจำต้องรับคำว่า "ได้ๆๆ..." แล้วคลายอ้อมกอดออก หันไปคว้าแขนอ๋องสี่ พากันไปปรึกษาหารือยังอีกห้องหนึ่ง... "พี่ใหญ่...ทำไมวันนี้พี่สะใภ้ถึงได้ดุอย่างนี้?" อ๋องสี่ถามไท่ชินอ๋อง เมื่ออยู่กันลำพังในห
"อาเฟย..." ไท่ชินอ๋องเอ่ยขึ้น...เขาเห็นลู่ทางแก้ปัญหาที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายของอ๋องสี่แล้ว "เจ้าเป็นเจ้าขอร้านน้ำชาได้ โดยไม่ขัดต่อคุณธรรมของภรรยาที่ดี เพราะภรรยาที่ดีกว่าภรรยาที่ดีก็คือภรรยาที่รู้จักช่วยครอบครัวทำมาหากิน" "จริงหรือขอรับ?" อาเฟยมองไท่ชินอ๋องตากลมแป๋ว "จริงแท้แน่นอน...ดูอย่างชิงชิงของข้าสิ หากยึดตามกฎมนเทียรบาล 'ฝ่ายในห้ามก้าวก่ายราชกิจ' ชิงชิงก็ไม่อาจช่วยงานข้า...ถ้าเป็นเช่นนั้น ราชกิจจะเสียหายมากมายขนาดไหน เจ้าลองคิดดู...ดังนั้นทุกอย่างจึงจำต้องมีข้อยกเว้น ข้อยกเว้นคือสิ่งที่ดีกว่า...สำหรับเจ้า สิ่งที่ดีกว่าก็คือการออกไปสร้างร้านน้ำชา ยืนด้วยลำแข้งของตนเอง แต่คุณธรรมของการเป็นภรรยาที่ดีกว่าก็ไม่ควรละเลย คือไม่อาจทอดทิ้งสามี ดังนั้นอาเฟยเจ้าสามารถเปิดร้านน้ำชาโดยไม่ต้องหย่า และไม่ต้องอยู่ในสถานะสามีด้วย เจ้าว่าดีหรือไม่?" อาเฟยฟังแล้ว...ได้แต่กระพริบตา ผงกศีรษะ...muj และคล้ายๆ จะงงๆ หลี่ชิงอยากหัวเราะ ต้องพยายามกลั้นขำแทบแย่...ไท่ชินอ๋องพูดอ้อมเป็นวงใหญ่ ซับไปซ้อนมา สรุปก็คือว่า...อาเฟยกลับไปเป็นภรรยาตามเดิม เพิ่มเติมคือเปิดร้านน้ำชาได้ เพื่อ
ฮ่องเต้น้อยกับองค์หญิงหลิงหลิงวิ่งไล่จับกันไปรอบๆ โต๊ะอาหาร เพียงเดี๋ยวเดียวฮ่องเต้น้อยก็วิ่งมาเกาะตักของหลี่ชิง "เสด็จป้าอั้มๆ..."หลี่ชิงจึงคีบเนื้อหมูผัดซีอิ๊วชิ้นเล็กใส่ปากที่อ้ารอของฮ่องเต้น้อย...ฮ่องเต้น้อยเคี้ยวหนุบหนับจนแก้มตุ่ย แล้วต้องส่งเสียงร้องจ๊าก เพราะถูกองค์หญิงหลิงหลิงกระชากพระเกศา (ผม) ด้วยความอิจฉา "ออกมา...ข้าจะให้เสด็จป้าป้อนบ้าง" องค์หญิงหลิงหลิงส่งเสียงดังๆ ไท่ชินอ๋องยื่นหน้ามาใกล้เด็กทั้งสอง "มา...ลุงป้อนให้เอง" "หวา/หวา" ทั้งฮ่องเต้น้อยและองค์หญิงหลิงหลิงร้องออกมาพร้อมกัน แล้วพากันหันหลังวิ่งหนี หลานกงกงเข้าอุ้มฮ่องเต้น้อย ส่วนนางกำนัลนางหนึ่งก็อุ้มองค์หญิงหลิงหลิง "พวกเจ้าพาองค์หญิงและฮ่องเต้ไปเสวย" ไท่ชินอ๋องสั่ง "ขอรับ" หลานกงกงรับคำสั่งนอบน้อม "เจ้าค่ะ" นางกำนัลประจำตัวองค์หญิงน้อมรับคำสั่ง "ไม่กินข้าว" ฮ่องเต้น้อยตั้งท่าจะงอแง "ไม่กินข้าว" องค์หญิงหลิงหลิงงอแงตาม "งั้นมาให้ลุงป้อน!" ไท่ชินอ๋องเอ่ยเสียงเข้ม "กินก็ได้เนอะ" ฮ่องเต้น้อยเปลี่ยนคำทันทีทันใด "อืมๆ..." องค์หญิงหลิ
สองสามีภรรยาแซ่กู้สะดุ้งโหยง คุกเข่าลงดังเดิม จับมือกันและกันเอาไว้ ตัวสั่นงันงก "ขะ ข้าน้อย ผะ ผิดอันใดหรือขอรับ?" ชายแซ่กู้ตะกุกตะกัก "พวกเจ้าสองคนมาอ้างตัวเป็นบิดามารดาของพระชายาอาเฟยใช่หรือไม่?" เสียงไท่ชินอ๋องดุดันสองสามีภรรยาที่สั่นอยู่แล้วยิ่งสั่นจนฟันกระทบกันพูดอะไรไม่ออก...เกี่ยงกันไปมาว่า "ตาแก่ เจ้าพูดก่อนสิ" นางที่เป็นภรรยาเกี่ยงให้สามีเป็นคนพูดก่อน "ยายแก่ เจ้าพูดก่อนสิ" ชายวัยกลางคนแซ่กู้ก็เกี่ยงให้ภรรยาเป็นคนพูดก่อน ไท่ชินอ๋องกระดิกนิ้วเรียกหลิวกงกงมากระซิบข้อความบางอย่าง แล้วเอ่ยเสียงเหี้ยม "เมื่อไม่มีผู้ใดพูดก็ลากออกไปตัดหัวทั้งสองคน" "หาๆ..." ทั้งสองอุทานอย่างตกใจ "ข้าพูดๆ..." ชายแซ่กู้รีบร้อนเอ่ยเสียงระรัว "ข้าน้อยเป็นบิดาของพระชายาอาเฟยขอรับ" "จริงหรือ?" ไท่ชินอ๋องถามเสียงเรื่อยๆ "จริงขอรับ" ชายแซ่กู้และภรรยาคำนับปลกๆ "หลิวยี่...ลากตัวออกไป โบยให้ตาย" ไท่ชินอ๋องสั่ง "ขอรับ" หลิวกงกงขานรับคำสั่ง แล้วโบกมือให้ทหารองครักษ์สองนายลากตัวชายแซ่กู้ ซึ่งตกตะลึงจนอ้าปากค้างออกไปจากห้องนั้น "
ไท่ชินอ๋องหยิบผ้าสองชิ้นนั้นขึ้นมาพิจารณา แล้วถามอาเฟยว่า "ผ้าสองชิ้นนี้เป็นของเจ้าใช่หรือไม่?" "ใช่ขอรับ" อาเฟยรับคำ "เจ้าได้ผ้าสองชิ้นนี้มาอย่างไร?" "พ่อบ้านสีมอบให้ข้า บอกว่าเป็นของข้า ให้ข้าเก็บรักษาเอาไว้ให้ดีขอรับ" "แล้วพ่อบ้านสีบอกความเป็นมาของผ้าสองชิ้นนี้ต่อเจ้าหรือไม่?" อาเฟยเม้มปากครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า "พ่อบ้านสีบอกข้าเพียงเท่านี้ขอรับ" "อืมม์..." ไท่ชินอ๋องทำเสียงรับรู้ แล้วเรียก "หลิวยี่" หลิวกงกงรีบก้าวเข้ามาน้อมคำนับ "ขอรับ" "ส่งคนไปพาตัวพ่อบ้านสีมาโดยเร็ว" ไท่ชินอ๋องสั่ง "ขอรับ" หลิวกงกงน้อมรับคำสั่ง แล้วออกไปจากห้องพักผ่อนแห่งนั้น แล้วจัดการส่งทหารองครักษ์สองนายไปพาตัวพ่อบ้านสีที่หมู่บ้านสกุลสี โดยให้ทหารองครักษ์ออกเดินทางทันทีทั้งกลางคืน ไม่รอให้ข้ามคืนก่อนแต่อย่างไร ดังนั้น สายวันรุ่งขึ้น พ่อบ้านสีก็มาถึงจวนไท่ชินอ๋อง...หลิวกงกงเข้ามารายงานให้ไท่ชินอ๋อง "น้อมเรียนท่านอ๋อง...พ่อบ้านสีมาถึงแล้วขอรับ" ไท่ชินอ๋อง หลี่ชิง อ๋องสี่ และอาเฟย ซึ่งกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว จึงให้พ่อบ้านสีไปพบในห้อง
เดี๋ยวข้าจะแบ่งของขวัญที่ได้รับให้เกอเกอครึ่งหนึ่งตามสัญญา" อาเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงมีความสุข ยิ้มจนตายิบหยี "ไม่ต้องหรอก...ของขวัญเหล่านี้ เจ้าเก็บเอาไว้เถิด ข้ายกให้" หลี่ชิงเอ่ยเสียงนุ่มนวล แล้วอดสำทับไม่ได้ว่า "แต่นับจากนี้ไป...อาเฟย เจ้าจะได้รับของขวัญมากกว่านี้เป็นร้อยเป็นพันเท่า เจ้าจะต้องระมัดระวัง และจำเอาไว้ว่า...ไม่มีผู้ใดให้ของขวัญกันเปล่าๆ โดยมิหวังผล ดังนั้นอย่าได้สนทนากับผู้ใดตามลำพัง จงให้ต้าโก่วหรือต้าหนิวคนใดคนหนึ่งอยู่ด้วย เพราะพวกเขาเป็นเลขาประจำตัวของเจ้า และรายงานทุกเรื่องที่คนเหล่านั้นมาขอให้เจ้าช่วยเหลือให้ท่านอ๋องสี่รู้ ท่านอ๋องสี่จะสามารถตัดสินใจให้เจ้าว่าของขวัญชิ้นใดเป็นของขวัญที่รับไว้ได้และของขวัญชิ้นใดไม่สมควรรับเอาไว้...จำได้หรือไม่ อาเฟย?" "จำได้ขอรับ" อาเฟยรับคำเสียงสดใส "ดีมาก" หลี่ชิงแย้มยิ้มงดงาม ไท่ชินอ๋องคีบเนื้อปูก้อนที่แกะเปลือกออกเรียบร้อยแล้วให้แก่หลี่ชิง แล้วเอ่ยว่า "ชิงชิง กินเยอะๆ" ก็พอดีมีทหารนายหนึ่งเข้ามาค้อมคำนับรายงานว่า "น้อมเรียนไท่ชินอ๋อง...พ่อบ้านเหลียงแห่งจวนไท่ชินอ๋องขอเข้าพบขอรับ" "ให้เข้
ฮ่องเต้น้อยกับองค์หญิงหลิงหลิงวิ่งไล่จับกันไปรอบๆ โต๊ะอาหาร เพียงเดี๋ยวเดียวฮ่องเต้น้อยก็วิ่งมาเกาะตักของหลี่ชิง "เสด็จป้าอั้มๆ..."หลี่ชิงจึงคีบเนื้อหมูผัดซีอิ๊วชิ้นเล็กใส่ปากที่อ้ารอของฮ่องเต้น้อย...ฮ่องเต้น้อยเคี้ยวหนุบหนับจนแก้มตุ่ย แล้วต้องส่งเสียงร้องจ๊าก เพราะถูกองค์หญิงหลิงหลิงกระชากพระเกศา (ผม) ด้วยความอิจฉา "ออกมา...ข้าจะให้เสด็จป้าป้อนบ้าง" องค์หญิงหลิงหลิงส่งเสียงดังๆ ไท่ชินอ๋องยื่นหน้ามาใกล้เด็กทั้งสอง "มา...ลุงป้อนให้เอง" "หวา/หวา" ทั้งฮ่องเต้น้อยและองค์หญิงหลิงหลิงร้องออกมาพร้อมกัน แล้วพากันหันหลังวิ่งหนี หลานกงกงเข้าอุ้มฮ่องเต้น้อย ส่วนนางกำนัลนางหนึ่งก็อุ้มองค์หญิงหลิงหลิง "พวกเจ้าพาองค์หญิงและฮ่องเต้ไปเสวย" ไท่ชินอ๋องสั่ง "ขอรับ" หลานกงกงรับคำสั่งนอบน้อม "เจ้าค่ะ" นางกำนัลประจำตัวองค์หญิงน้อมรับคำสั่ง "ไม่กินข้าว" ฮ่องเต้น้อยตั้งท่าจะงอแง "ไม่กินข้าว" องค์หญิงหลิงหลิงงอแงตาม "งั้นมาให้ลุงป้อน!" ไท่ชินอ๋องเอ่ยเสียงเข้ม "กินก็ได้เนอะ" ฮ่องเต้น้อยเปลี่ยนคำทันทีทันใด "อืมๆ..." องค์หญิงหลิ
"อาเฟย..." ไท่ชินอ๋องเอ่ยขึ้น...เขาเห็นลู่ทางแก้ปัญหาที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายของอ๋องสี่แล้ว "เจ้าเป็นเจ้าขอร้านน้ำชาได้ โดยไม่ขัดต่อคุณธรรมของภรรยาที่ดี เพราะภรรยาที่ดีกว่าภรรยาที่ดีก็คือภรรยาที่รู้จักช่วยครอบครัวทำมาหากิน" "จริงหรือขอรับ?" อาเฟยมองไท่ชินอ๋องตากลมแป๋ว "จริงแท้แน่นอน...ดูอย่างชิงชิงของข้าสิ หากยึดตามกฎมนเทียรบาล 'ฝ่ายในห้ามก้าวก่ายราชกิจ' ชิงชิงก็ไม่อาจช่วยงานข้า...ถ้าเป็นเช่นนั้น ราชกิจจะเสียหายมากมายขนาดไหน เจ้าลองคิดดู...ดังนั้นทุกอย่างจึงจำต้องมีข้อยกเว้น ข้อยกเว้นคือสิ่งที่ดีกว่า...สำหรับเจ้า สิ่งที่ดีกว่าก็คือการออกไปสร้างร้านน้ำชา ยืนด้วยลำแข้งของตนเอง แต่คุณธรรมของการเป็นภรรยาที่ดีกว่าก็ไม่ควรละเลย คือไม่อาจทอดทิ้งสามี ดังนั้นอาเฟยเจ้าสามารถเปิดร้านน้ำชาโดยไม่ต้องหย่า และไม่ต้องอยู่ในสถานะสามีด้วย เจ้าว่าดีหรือไม่?" อาเฟยฟังแล้ว...ได้แต่กระพริบตา ผงกศีรษะ...muj และคล้ายๆ จะงงๆ หลี่ชิงอยากหัวเราะ ต้องพยายามกลั้นขำแทบแย่...ไท่ชินอ๋องพูดอ้อมเป็นวงใหญ่ ซับไปซ้อนมา สรุปก็คือว่า...อาเฟยกลับไปเป็นภรรยาตามเดิม เพิ่มเติมคือเปิดร้านน้ำชาได้ เพื่อ
อาเฟยกระพริบตาปริบๆ อย่างซาบซึ้งใจ ยกแขนขึ้น แล้วก้าวมาข้างหน้า...อ๋องสี่นึกดีใจ คิดว่าอาเฟยจะมากอดตน ก็อ้าแขนรอรับ...แต่อาเฟยผลักแขนอ๋องสี่ออกไม่ให้ขวางทาง แล้วเข้าไปกอดหลี่ชิง เรียกซ้ำไปซ้ำมาว่า "เกอเกอๆ..." ชิบหาย...ไท่ชินอ๋องร้องลั่นในใจ แต่ก่อน...อี๋เหนียง (เมียน้อย) สองคนของเขาก็รักกันเอง แล้วขอลาออกจากตำแหน่งอนุชายาไท่ชินอ๋องไปอยู่กินด้วยกัน มาวันนี้...อาเฟยเมียของน้องก็เข้ามากอดชิงชิงเมียของพี่จนกลมดิ๊ก! ไท่ชินอ๋องหันขวับไปสบตาอ๋องสี่...ทั้งสองพยักหน้าให้กันอย่างเข้าใจ แล้วต่างเข้าไปแยกคนของตนเองออกมาโดยเร็ว "ชิงชิง...ใจเย็นๆ ทุกอย่างย่อมต้องมีทางออก" ไท่ชิงอ๋องกอดหลี่ชิงเอาไว้แน่น พลางกล่าวปลอบโยน "ท่านอ๋องปล่อยข้า แล้วไปตกลงกับน้องชายของท่านว่าจะเอาอย่างไร? ถ้าไม่คืนความเป็นธรรมให้แก่น้องชายของข้า ข้าไม่ยอม!" น้ำเสียงดุดันของหลี่ชิง ทำให้ไท่ชินอ๋องจำต้องรับคำว่า "ได้ๆๆ..." แล้วคลายอ้อมกอดออก หันไปคว้าแขนอ๋องสี่ พากันไปปรึกษาหารือยังอีกห้องหนึ่ง... "พี่ใหญ่...ทำไมวันนี้พี่สะใภ้ถึงได้ดุอย่างนี้?" อ๋องสี่ถามไท่ชินอ๋อง เมื่ออยู่กันลำพังในห
3 วันผ่านไป... หลี่ชิงมัวแต่ช่วยไท่ชินอ๋องสะสางราชกิจ เพราะแคว้นซีเซี่ยส่งบรรณาการมาให้ ทั้งท่านทูตยังมาเยี่ยมองค์หญิงหลิงหลิง...จึงไม่ได้พบหน้าอาเฟย เพราะต้องต้อนรับท่านทูต พอเย็นวันที่สี่ หลี่ชิงก็ตั้งใจไปหาอาเฟยที่ตำหนักที่อ๋องสี่และอาเฟยพัก...เห็นอาเฟยนั่งฟุบอยู่บนโต๊ะน้ำชาที่ทำจากหินหยกขาว จึงเดินเข้าไปในศาลาชมสวน แล้วเรียก "อาเฟย" อาเฟยเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นหลี่ชิงก็เรียก "เกอเกอ..." ดวงหน้ากลมๆ ของอาเฟยที่มักประดับด้วยรอยยิ้ม...เวลานี้ไม่มีรอยยิ้ม และดูหม่นหมอง "เป็นอะไรไปหรือ? อาเฟย" หลี่ชิงถาม พลางเข้าไปนั่งใกล้ "ข้ากลุ้มใจ" อาเฟยตอบด้วยน้ำเสียงหมดอาลัยตายอยาก หลี่ชิงอึ้ง...คำๆ นี้ไม่เคยหลุดลอดออกมาจากปากของอาเฟยเลยสักครั้ง ตั้งแต่รู้จักกันมา "เจ้ากลุ้มใจเรื่องอะไร? บอกเกอเกอมาซิ เผื่อว่าเกอเกอจะช่วยแก้ปัญหาให้ได้" หลี่ชิงกล่าวปลอบโยน "เฮ้ออออ..." อาเฟยถอนหายใจยาว "ตั้งแต่ข้าได้เป็นสามี ข้าเพิ่งจะรู้ว่า...ค่าใช้จ่ายในตำหนักนั้นมากมายขนาดไหน แล้วยังจะเงินเดือนของเหล่านางกำนัลและขันที รวมทั้งบรรดาองครักษ์ที่มาจากต้าเหลียวอีก นั่นยังไม่
"ว่าอย่างไร?" อาเฟยหันไปไล่เบี้ยต้าโก่ว ต้าโก่วไม่อาจจะหลีกเลี่ยง จึงจำใจต้องรับคำว่า "จริงขอรับ...พระชายา...เอ่อ...ท่านราชเขย" พลางคิดในใจ...ท่านอ๋องว่าใช่ ก็ต้องใช่ ผู้ใดจะกล้าบอกว่าไม่ใช่ละ! "เห็นไหมเจ้าคะ ท่านสามี...ต่อแต่นี้ไป ท่านต้องเชื่อฟัง รัก และตามใจภรรยาคนนี้ทุกอย่างนะเจ้าคะ" ว่าแล้วก็กอดร่างเล็กจนแทบจะจมอก อาเฟยขยับตัวอย่างอึดอัด ก่อนจะรวบรวมเรี่ยวแรงผลักอ๋องสี่ออกห่างไปได้ แล้วถามต้าโก่วว่า "เจ้าอ่านจดหมายขององค์ชายเทียนเป่าหมดแล้วหรือ?" "ยังเหลืออีกเล็กน้อยขอรับ" ต้าโก่วตอบ "เช่นนั้นก็อ่านต่อเสียสิ" อาเฟยสั่ง "ขอรับ" ต้าโก่วรับคำ แล้วอ่านจดหมายจากองค์ชายเทียนเป่าต่อว่า "หากอาเฟยมีอะไรจะให้ข้าช่วยอีก ก็ส่งคนมาบอกข้าได้ทันที หรือถ้ามีผู้ใดรังแกอาเฟย ก็ให้บอกข้า ข้าจะจัดการให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอ๋องสี่บิดาของข้า ถ้าเขากล้ารังแกเจ้า ให้รีบบอกข้าโดยเร็ว ข้าจะจัดการเขาให้เอง ไม่ต้องกังวล สุดท้ายนี้ขอให้อาเฟยกินให้อิ่ม นอนให้หลับ และคิดถึงข้ามากๆ ข้าก็คิดถึงอาเฟย ลงชื่อ เทียนเป่า" "เทียนเป่าเป็นคนดีจริงๆ" อาเฟยพึมพำ แต
"ถ้าเจ้าแน่ใจ...ข้าก็ไม่ขัดข้อง" อ๋องสี่กล่าวพลางแสยะยิ้ม ที่ดูน่ากลัวมากกว่าอ่อนโยนหรือยินดี "อันที่จริง...ข้าก็อยากเป็นภรรยามากกว่าสามี แต่เพราะว่าเจ้าบอกว่าไม่มีสินสอดมาแต่งข้า ข้าจึงยอมเสียเปรียบ ยอมเป็นสามีเสียเอง" หลี่ชิงฟังแล้วรู้สึกว่า มันต้องมีอะไรบางอย่างที่น่ากลัวแอบแฝงอยู่ จึงลอบมองไท่ชินอ๋อง เห็นไท่ชินอ๋องหน้านิ่งมาก แม้แต่หัวคิ้วยังไม่กระตุก ก็ยิ่งมั่นใจว่า...อ๋องสี่ต้องมีแผนการอันร้ายกาจแน่ๆ แต่ทว่าอาเฟยนั้นยังไม่สำเหนียก ยิ้มกว้าง พลางกล่าวเสียงใส "ท่านเห็นด้วยกับข้าจริงๆ หรือ?" "อืมม์..." อ๋องสี่พยักหน้า พลางคีบกับกินต่ออย่างใจเย็น "แต่เรื่องนี้จะพูดปากเปล่าไม่ได้" "หมายความว่าอย่างไร?" อาเฟยชะงักตะเกียบค้างอยู่กลางอากาศอย่างสงสัย "ตอนข้าแต่งเจ้าเป็นภรรยา ข้าจัดงานใหญ่โต เสียเงินจัดงานแต่งไปไม่ใช่น้อย" อ๋องสี่เริ่มแล้ว...หลี่ชิงคิดในใจ "ข้า..." อาเฟยทำแก้มป่อง คิ้วเรียวงามขมวดเข้าหากัน สีหน้าลำบากใจ "จะต้องจัดงานแต่งใหญ่โตขนาดนั้นเลยหรือ?" "ไม่ต้อง" คำตอบสั้นๆ ของอ๋องสี่ ทำให้อาเฟยถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก "แต่เราส