“เฮ้ย!” ทานากะอุทานออกมาแล้วเบียดตัวฝ่าฝูงชนไปที่ประตูใหญ่ บริเวณทางเข้างาน
“บอกให้คนพวกนั้นออกไปซะ! บอกให้พวกเขาออกไป!” การ์ดหนุ่มร้องสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้น แต่เจ้าหน้าที่ ณ จุดนั้นมีแค่ สามสี่คน กับจำนวนคนที่มีมากกว่าจึงทำอะไรไม่ได้มาก อีกทั้งกลุ่มผู้สื่อข่าวทั้งหลายทั้งเบียด ทั้งดันตรงทางเข้า แล้วแถมยังมีกล้องในมือพร้อม ความกระหายอยากในการหาข่าว มีมากกว่าจรรยาบรรณเสียแล้ว
“นี่มันอะไรกัน แค่รัฐมนตรีฯ มาแค่คนเดียวทำไม พวกนักข่าวถึงได้ตื่นเต้นกันขนาดนี้ล่ะ” ทานากะตะคอกออกมาอย่างหัวเสีย กับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ทำหน้าเหรอหราทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน“ เอ่อ..คือว่า..คนที่มากับท่านรัฐมนตรีฯ เป็นดาราดังที่มีข่าวคึกโครมอยู่ตอนนี้น่ะสิครับ” ทานากะถึงบางอ้อ ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ลำพังถ้ารัฐมนตรีฯ มาคนเดียวคงไม่วุ่นวายอย่างนี้กระมัง
“ เฮ้อ!” บอดี้การ์ดหนุ่มได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างระอา พร้อมกับโมโห พวกบรรดากองทัพนักข่าวทั้งหลาย ไม่เคารพกฎกติกากันบ้างเลย เพราะคนที่จะเข้ามาในงานได้นั้น ต้องมีบัตร และต้องได้รับการตรวจสอบก่อนที่จะปล่อยให้เข้ามาในงานได้ ทานากะตัดสินใจก้าวเข้าไป เดินดุ่ม ๆ ฝ่าฝูงชนนักข่าวไปยังบริเวณลงทะเบียน ในขณะเดียวกันนั้น ท่านรัฐมนตรีฯ กระทรวงวัฒนธรรมก็กำลังก้าวเข้ามาในงานพอดิบพอดีเช่นกัน
“ ขอดูบัตรด้วยครับ!” การ์ดหนุ่มเอ่ยออกไปด้วยภาษาไทยที่ค่อนข้างชัดแจ๋วเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจ เปรมศักดิ์หันมาทางชายหนุ่มแทบจะทันที“หืมม์ .. ว่าไงนะ”
“ขอดูบัตรเชิญของท่านด้วยครับ” ทานากะจำเป็นต้องพูดซ้ำออกไป จังหวะเดียวกันกับเลขาของเปรมศักดิ์ก็ปราดเข้ามาทันที แต่ท่านรัฐมนตรีฯ ยกมือห้ามไว้เสียก่อน
“ ไม่เป็นไร กฎก็ต้องเป็นกฎสิ” ท่านผู้นำกล่าวก่อนจะดึงบัตรเชิญในกระเป๋าเสื้อสูทราคาแพงออกมา ยื่นให้กับบอดี้การ์ดหนุ่ม
“ เรียบร้อยใช่ไหม เข้าไปได้หรือยัง?” ทานากะรับบัตรเชิญมาเช็ค สักพักก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับเปรมศักดิ์
“ เรียบร้อยครับ เชิญท่านได้เลย แต่คุณผู้หญิงท่านนี้ล่ะครับ มีบัตรเชิญหรือเปล่า?” บอดี้การ์ดหนุ่มหันความสนใจมาทางสาวสวยรูปร่างบอบบาง หล่อนมาในชุดราตรียาวสีแดงสด คอเสื้อคว้านลงมาลึก เกือบ ๆ ถึงร่องอกขาวกระจ่าง ไม่แน่ใจนักว่าด้านหลังจะเป็นเช่นเดียวกันหรือเปล่า ส่วนกระโปรง ก็แหวกด้านข้างขึ้นมาจนเห็นเรียวขาขาวสวยสดชัดเจน
“ฉันน่ะหรือ”ดาราสาวสวยย้อนถามด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความประหลาดใจไม่น้อย
“………” ทานากะเพียงแต่พยักหน้ารับเท่านั้น เหมือนแสดงให้รู้ว่าได้พูดประโยคเมื่อสักครู่ชัดเจนแล้ว
“นี่คุณ ฉันมากับท่านรัฐมนตรีนะ ฉันจำเป็นจะต้องมีบัตรเชิญด้วยเหรอ? ท่านคะ.. นี่มันอะไรกันคะ?” ในตอนท้ายดาราสาวหันมาขอความเห็นจากท่านรัฐมนตรีฯ พร้อมกับทำท่าทางฟึดฟัดอย่างขัดใจ
“ คุณผู้หญิงคนนี้ เขามากับฉัน” ผู้ใหญ่ท่านนั้นหันมาพูดกับทานากะ บรรดานักข่าวต่างก็ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า กล้องของกองทัพนักข่าว ยกขึ้นเพื่อเก็บรายละเอียดกันให้พรึบอย่างพร้อมเพรียง
“ แต่ทว่าไม่มีบัตรเชิญ ก็เข้าไม่ได้ครับ นอกจากว่า.. ผู้ที่มากับท่านจะต้องเป็นภริยาเท่านั้น”
“ อะไรนะ!” ณ บริเวณนั้นเงียบไปถนัดใจ กลุ่มนักข่าวเงียบเสียงลงด้วยความฉงน ต่างก็ทำตาเป็นประกาย เมื่อทราบว่า ภาพต่อไปจะต้องได้ลงข่าวหน้าหนึ่งของวันพรุ่งนี้แน่ แล้วกล้องโทรทัศน์หลาย ๆ ช่องก็เริ่มทำงานอีกครั้ง ส่วนกล้องถ่ายภาพนิ่ง ก็เตรียมที่จะเก็บภาพเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดเรื่องขึ้นในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
“กฎก็ต้องเป็นกฎ ที่ทุกคนต้องทำตามนะครับท่าน บุคคลทั่วไปที่ไม่มีบัตรเชิญ จะสามารถเข้ามาชมงาน ได้ในวันพรุ่งนี้ครับ ผมจึงขอเชิญคุณมาวันพรุ่งนี้แทนดีไหมครับ”ในตอนท้ายประโยค การ์ดหนุ่มหันไปทางดาราสาวแทน
“ ห๊า..นี่พูดอะไรออกมาน่ะ ไอ้ยุ่น แกเป็นใครถึงได้กล้าพูดออกมาอย่างนี้ หึ..สงสัยว่าคงไม่อยากทำงานที่นี่ เสียแล้วกระมัง” ท่านรัฐมนตรีฯ กล่าวออกมาอย่างเดือดดาล สุดจะทนกับวาจาที่ดูไม่ทุกข์ร้อนของทานากะเป็นกำลัง
“ ก็แล้วแต่ท่านนะครับ ผมทำตามหน้าที่เท่านั้น” หึ..เพราะคนที่จะมาไล่เขาออกจากการเป็นบอดี้การ์ดมีคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ คัทซึฮิโกะ ฮิโรยูกิ เจ้าของ อัญมณีเพชรพลอยเหล่านี้ต่างหากเล่า ป่านนี้เขาคงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง จากกล้องวงจรปิดที่ส่งตรงไปยังห้องพักสุดหรูบนชั้นสิบสองแล้วกระมัง ทานากะกระตุกยิ้มที่มุมปาก ยืดตัวตรง กางขาออกเล็กน้อยพลางสบตากับอีกฝ่ายอย่างไม่กลัวเกรง
“แก..แกต้องการอะไรกันแน่ ฉันจะจัดการไล่แกออกทันทีเลยคอยดู!” ทานากะโค้งคำนับช้า ๆ อย่างท้าทาย สร้างความโมโหเดือดดาลให้กับท่านรัฐมนตรีเป็นเท่าทวีคูณ“ โอ๊ย! นี่มันอะไรกัน เสียอารมณ์หมด ถึงเข้าไปในงานได้ก็ไม่สนุกแล้ว ฉันจะกลับล่ะ หลีกไป!” ดาราสาวตะวาดแว๊ดออกมาอย่างสุดทนกับเหตุการณ์ตรงหน้า ก่อนจะไล่ตะเพิดบรรดานักข่าวให้หลีกทาง
“อ๊ะ! ดะ..เดี๋ยวสิ นาตาลี รอฉันก่อน” เปรมศักดิ์ร้องห้ามดาราสาว ก่อนจะถลาตัวตามอย่างร้อนรน ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ที่นับว่าเป็นลางสังหรณ์ของทานากะกังวลอยู่ก็เกิดขึ้นจริง ๆเมื่อเขาสังเกตเห็นชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่มีท่าทางแปลก ๆ ตั้งแต่เข้ามาในงานแล้ว การ์ดหนุ่มพยายามจับตามองอยู่ตั้งแต่ตอนที่หมอนั่นเข้ามาในงาน เขามีบัตรเชิญเข้ามาในงานด้วย แต่ทานากะก็ยังติดใจสงสัยอยู่ดี ชายร่างสูงพอประมาณ สวมเสื้อสูทผูกไท แต่ดูมอมแมมยังไงอยู่ แถมทรงผมที่ดูเหมือนไม่ได้หวีก่อนมางาน ใบหน้าซูบผอมอย่างคนเร่ร่อน ก่อนหน้านั้นเขากวาดสายตาหาชายคนเมื่อครู่ แต่พอบรรดานักข่าวกรูกันเข้ามา เขาก็ไม่สามารถมองเห็นชายคนนั้นอีก นึกว่าออกจากงานไปแล้ว แต่..มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ
ในขณะนั้นเอง ทานากะเหลือบตาไปเห็นชายที่น่าสงสัยคนนั้นพอดี เขาปะปนอยู่กับกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ต่างก็แตกตื่น ฮือฮากับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จนกล้องไม่รู้จะซูมไปทางไหนดี และอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทานากะเห็นชายคนนั้นยกมือขึ้นข้างหนึ่งซึ่งพบว่าในนั้นมีมีดปลายแหลม พุ่งตรงไปทางเปรมศักดิ์ และดาราสาวที่กำลังเดินออกไปจากงานทันที และโดยไม่ตั้งใจอีกเช่นกัน เมื่อมีเสียงหนึ่งตะโกนร้องเสียงดัง ออกมาว่าให้ระวัง เปรมศักดิ์ซึ่งกำลังเดินตามดาราสาวออกมา เหลือบไปเห็นชายที่ถือมีดพุ่งตรงมายังตัวเขา ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ท่านรัฐมนตรีฯ หันไปคว้าคนที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด เหวี่ยงร่างนั้นให้ไปปะทะกับชายคนที่จะเข้ามาทำร้ายเขาสุดแรง โดยที่ไม่มีใครสังเกตว่าเป็นใคร มาจากไหน ทานากะวิ่งตามไปจนถึงตัวบุคคลที่น่าสงสัยคนนั้นแทบทันที หากช้าไปเสียแล้ว เมื่อปลายมีดแหลมคมได้เฉือนข้อมือของผู้โชคร้าย ที่มามุงดูแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าอย่างจัง “อ๊ะ!.!” น้ำรินร้องออกมาได้เท่านั้น เพราะยังงุนงงกับเ
เวลาที่ตัวละครในหนัง สลบไปแล้วกลับมาฟื้นคืนสติได้อีกครั้ง ภาพที่เห็นตรงหน้ามันจะเบลอ ๆ แล้วค่อย ๆ ชัดขึ้นไม่ใช่หรือ แต่ทว่าความจริงสำหรับหล่อนแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เพราะตอนนี้น้ำรินรู้สึกตัวดีแล้ว ดวงตาของหล่อนก็มองเห็นชัดเจนด้วย หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แสงสว่างจากดวงไฟที่อยู่บนเพดานห้องทำให้ต้องหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาใหม่ อย่างพอจะเข้าใจว่าที่นี่น่าจะเป็นโรงพยาบาล เพราะทัศนียภาพภายในห้องมันบ่งบอกชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสายน้ำเกลือที่ห้อยระโยงระยาง กลิ่นยาฉุน ๆ ที่ใส่เข้าไปในน้ำเกลือเพื่อเพิ่มพลังให้กับคนไข้ เตียงกับผ้าปูที่นอนขาวสะอาด รวมทั้งชุดผู้ป่วยสีฟ้ามีลวดลายเป็นโลโก้ของโรงพยาบาล ช่างคุ้นตาเหลือเกิน แต่…ที่นี่เป็นที่ไหนกันนะ ทำไม..ไม่ว่าจะมองไปทางใด ก็มีแต่ตัวหนังสือแปลกตา คล้าย ตัวหนังสือจีน หรือไม่ก็ญี่ปุ่น ไม่แน่ใจนัก ความงุนงงสงสัย คำถามต่าง ๆ มากมาย ต่างผุดขึ้นมาในสมองคิดวนไปวนมา ว่าหล่อนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อยู่ที่ไหน แล้วใครกันที่พาหล่อนมาที่โรงพยาบาลนี้ หญิงสาวพยายามพยุงกายที่รู้สึกว่าหนักอึ้งของต
หญิงสาวหวนคิดถึงประโยคที่เขาพูดกับหล่อน ก่อนที่จะพาออกมาจากโรงพยาบาล ก่อนหน้านี้ สักครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว จนตัวหล่อนเองแทบตั้งตัวไม่ทัน ดูเหมือนว่า ทานากะไม่ต้องการเสียเวลากับหล่อนมากนัก ไม่เปิดโอกาสให้ซักถามอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ในใจเธอร้อนรุ่มเหลือเกินแล้ว อยากถามเขานักหนาว่า ใคร? คือเจ้านายของเขา ได้แต่พูดถึง ไม่เคยเจอหน้าเลยซักครั้ง แล้วจะมารับผิดชอบอะไรกับตัวหล่อนมากมายขนาดนี้ ในหัวสมองเต็มไปด้วยคำถามมากมายเยอะแยะไปหมด น้ำรินนั่งเงียบมาตลอดทางในรถลีมูซีนคันใหญ่สีดำ มีทานากะนั่งอยู่ตอนหน้าคู่กับคนขับ เมื่อก้าวแรกที่เข้ามาในรถ น้ำรินได้กลิ่นหอมจาง ๆ เป็นกลิ่นน้ำหอมสะอาดสะอ้าน ในแบบผู้ชาย ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่จากสองคน ที่นั่งตอนหน้าอย่างแน่นอน คนที่ใส่น้ำหอมกลิ่นนี้น่าจะเป็นของเจ้าของรถเสียล่ะมากกว่า..เพราะก่อนหน้านี้หล่อนได้ยินทานากะคุยโทรศัพท์ ประมาณว่าให้เอารถของเขามารับหล่อนได้ ซึ่งนั่น ก็น่าจะเป็นเจ้านายเขาอย่างแน่นอน ที่นี่มันที่ไหนของญี่ปุ่นกันนะ
หญิงสาวหวนคิดถึงประโยคที่เขาพูดกับหล่อน ก่อนที่จะพาออกมาจากโรงพยาบาล ก่อนหน้านี้ สักครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว จนตัวหล่อนเองแทบตั้งตัวไม่ทัน ดูเหมือนว่า ทานากะไม่ต้องการเสียเวลากับหล่อนมากนัก ไม่เปิดโอกาสให้ซักถามอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ในใจเธอร้อนรุ่มเหลือเกินแล้ว อยากถามเขานักหนาว่า ใคร? คือเจ้านายของเขา ได้แต่พูดถึง ไม่เคยเจอหน้าเลยซักครั้ง แล้วจะมารับผิดชอบอะไรกับตัวหล่อนมากมายขนาดนี้ ในหัวสมองเต็มไปด้วยคำถามมากมายเยอะแยะไปหมด น้ำรินนั่งเงียบมาตลอดทางในรถลีมูซีนคันใหญ่สีดำ มีทานากะนั่งอยู่ตอนหน้าคู่กับคนขับ เมื่อก้าวแรกที่เข้ามาในรถ น้ำรินได้กลิ่นหอมจาง ๆ เป็นกลิ่นน้ำหอมสะอาดสะอ้าน ในแบบผู้ชาย ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่จากสองคน ที่นั่งตอนหน้าอย่างแน่นอน คนที่ใส่น้ำหอมกลิ่นนี้น่าจะเป็นของเจ้าของรถเสียล่ะมากกว่า..เพราะก่อนหน้านี้หล่อนได้ยินทานากะคุยโทรศัพท์ ประมาณว่าให้เอารถของเขามารับหล่อนได้ ซึ่งนั่น ก็น่าจะเป็นเจ้านายเขาอย่างแน่นอน ที่นี่ม
ขณะที่กำลังนึกสมเพชเวทนาตัวเองอยู่นั้น พลันหางตา ได้สังเกตเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างคลับคล้ายคลับคลาว่า จะเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้ออย่างหล่อนเดินผ่านหลังไปแวบ ๆ จึงหันไปมองให้เต็มตา น้ำรินเลยยิ้มออกมาอย่างลิงโลดหัวใจเต้นแรงออกมาอย่างอดใจไม่อยู่ สมองคิดถึงโอกาสที่จะหนีออกไปจากที่นี่ และอย่างรวดเร็วเท่าความคิดหญิงสาวรีบปราดเข้าไปหาคนคนนั้นทันที ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะเป็นพนักงานทำความสะอาดของที่นี่ เพราะสังเกตเห็นป้ายบอกชื่อที่ติดอยู่ตรงหน้าอกด้านซ้าย บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นคนของเจ้าของโรงแรมนี้อย่างแน่นอน มาถึงนาทีนี้แล้ว เป็นไงเป็นกันลองขอความช่วยเหลือหล่อนดูเป็นไร“เอ่อ..ขอโทษนะคะ ช่วยอะไรฉันอย่างหนึ่งได้ไหม ได้โปรดพลีส..”พนักงานคนดังกล่าวชะงักงันไปชั่วขณะ เมื่อเห็นหญิงสาวชาวต่างชาติ หน้าตาท่าทางเหมือนคนเร่ร่อน และดูไม่น่าไว้วางใจ แล้วยังมาขอร้องให้ช่วยเหลืออีก ในตอนแรกเธอส่ายหัวไปมา อย่างไม่ให้ความร่วมมือ แต่พอโดนหล่อนก้มลงคุกเข่าขอร้อง กอดขาไว้อย่างอ้อนวอน เธอถึงเริ่มใจอ่อน กว่าจะสนทนากันรู้เรื่องก็เล่นเอาเหงื่อแทบแตก เพราะใช้ทั้งภาษามือภาษากายจนกระทั่ง..ทั้งสองสลั
“เธอพยายามคิดจะหนี ครั้งหนึ่งครับเมื่อมาถึงที่โรงแรม ก็เลย เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย” ถึงแม้การ์ดของเขาไม่บอก ก็พอจะรู้อยู่ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากอะไร หัวคิ้วดกหนาขมวดเข้าหากัน พลางหันหน้ามาทางเหล่าบอดี้การ์ดที่เอาแต่ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตากับเจ้านายเพราะเกรงว่าจะโดนทำโทษ“บอกแล้วใช่ไหม! ว่าห้ามให้เธอรู้ตัวก่อนเด็ดขาด..ฉันขี้เกียจที่ต้องระวังว่าหล่อนจะคิดหาทางหนี แต่พวกนายก็ทำให้ไก่ตื่นจนได้ ถึงแม้ว่าหล่อนจะต้องรู้ในไม่ช้า แต่..ช่างเถอะ เพราะถึงยังไง ลูกไก่ในกำมือของฉันตัวนี้ก็ไม่มีทางหนีรอดไปได้อยู่แล้ว” ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่า ก้มลงไปพูดจนชิดกับดวงหน้าขาวซีดของหญิงสาวอย่างหมายมาด ตอนนี้หล่อนหลับใหลไปแล้ว ไม่ตื่นขึ้นมารับรู้อะไรเลย พลางไล้สายตาลามเลีย แสยะยิ้มที่มุมปากอย่างดูถูก ก่อนจะเงยหน้า ยืดตัวเต็มความสูง หันไปทางเหล่าการ์ดทั้งหลายที่พร้อมจะทำตามคำสั่งของเจ้านายเสมอ“พวกนายออกไปได้แล้ว ยกเว้นทานากะ นายอยู่ก่อน” ลับหลังจากที่บรรดาชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ บึกบึนเหล่านั้นออกไปแล้วผู้เป็นนายจึงหันไปทางบอดี้การ์ดคู่ใจ&
“หมะ..หมายความว่ายังไงกัน คุณจับตัวฉันมาใช่ไหม คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร.. คุณเป็นพวกเดียวกันกับนายทานากะนั่นสินะ คุณมันเลว เบื้องหน้าคุณคงทำตัวเป็นมหาเศรษฐีสะสมอัญมณี เดินทางไปทั่วโลก แต่แท้ที่จริงแล้ว คุณกลับค้ามนุษย์ คุณมัน..”“พอได้แล้ว! ถ้าขืนเธอยังพูดพล่ามอยู่อีกล่ะก็ ฉันจะบีบคอเธอให้แหลกคามือเดี๋ยวนี้ล่ะจะลองดูมั้ย!” ฮิโรยูกิตะคอกกลับไปเมื่อหล่อนเริ่มกล่าวหาเขาอย่างเสีย ๆ หาย ๆ มากไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้แก้ข้อกล่าวหาของหล่อนแต่อย่างใด เพราะเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น และก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องมานั่งอธิบายให้หล่อนเข้าใจด้วย สิ่งที่เขาควรทำในตอนนี้ ก็คือ เค้นเอาคำตอบจากปากของหล่อนให้ได้มากกว่า น้ำรินหุบปากฉับทันที เมื่อได้ยินคำขู่ของเขา อาการดิ้นรนเมื่อครู่ สงบลงพร้อม ๆ กัน ดูเหมือนว่าชายหนุ่มก็หยุดนิ่งเช่นเดียวกัน เมื่อรู้ตัวว่า บัดนี้เขาได้เกยทับอยู่บนร่างเล็กเต็ม ๆ ช่วงล่างของหล่อน ถูกลำขาแข็งแรงของเขา กดทับไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ โดยมีผ้าห่มนวมผืนหนากั้นไว้เท่านั้น ส่วนท่อนบนชายหนุ่มใช้ลำแขนที่ใหญ่กว่าทั้งสองข้างของเขา กดทับข้อมือทั้งสองข้างของหล่อนไว้ให้ราบกับที่นอ
“นี่..ว่าไงล่ะเจ็บมากหรือเปล่า ไหนขอฉันดูแผลหน่อยสิ”“อ๊ะ! มะ..ไม่ ไม่ค่ะ ไม่เจ็บ”“งั้น..ก็ดีแล้ว เธอควรไปอาบน้ำ แต่งเนื้อแต่งตัวเสียใหม่ เพราะสภาพเธอตอนนี้น่ะ..ดูไม่ได้เลยจริง ๆ” ไม่นานนัก ร่างสูงเจ้าของน้ำเสียงทุ้มต่ำ แฝงไว้ด้วยอำนาจ ก็เดินหันหลังไปออกคำสั่งบรรดาเมทสี่ ห้าคนให้เข้ามาจัดการกับตัวหล่อนตั้งแต่อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า สระผม และสุดท้าย ได้ทานอาหารมื้อแรกที่แสนอร่อยนับตั้งแต่ได้มาถึงโตเกียว เอ๊ะ! นี่มันอาหารไทยนี่นา เป็นไปได้ยังไง อาหารที่ตกถึงท้องมื้อสุดท้ายก่อนที่จะมาถึงที่นี่ ตอนที่อยู่โรงพยาบาลก็ยังเป็นอาหารญี่ปุ่นที่หล่อนไม่ค่อยจะถนัดนัก จริง ๆ แล้วไม่ค่อยชอบซักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ แต่ก็พยายามที่จะกิน โชคดีที่เมื่อก่อนเพื่อนสนิท พยายามยัดเยียดให้หล่อน กินจนสามารถลำเลียงอาหารจืด ๆ คาว ๆ ลงคอได้บ้างพอประทังชีวิต น้ำรินถูกจับเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนตัวใหม่เอี่ยม หน้าตาค่อยสะอาด สดใสขึ้นมาบ้าง ผมเผ้าที่เคยยุ่งเหยิง เนื่องจากไม่ได้รับการดูแล กลับนุ่มสลวยและเหยียดตรงเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว หญิงสาวจึงเดิน