“หมะ..หมายความว่ายังไงกัน คุณจับตัวฉันมาใช่ไหม คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร.. คุณเป็นพวกเดียวกันกับนายทานากะนั่นสินะ คุณมันเลว เบื้องหน้าคุณคงทำตัวเป็นมหาเศรษฐีสะสมอัญมณี เดินทางไปทั่วโลก แต่แท้ที่จริงแล้ว คุณกลับค้ามนุษย์ คุณมัน..”
“พอได้แล้ว! ถ้าขืนเธอยังพูดพล่ามอยู่อีกล่ะก็ ฉันจะบีบคอเธอให้แหลกคามือเดี๋ยวนี้ล่ะจะลองดูมั้ย!” ฮิโรยูกิตะคอกกลับไปเมื่อหล่อนเริ่มกล่าวหาเขาอย่างเสีย ๆ หาย ๆ มากไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้แก้ข้อกล่าวหาของหล่อนแต่อย่างใด เพราะเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น และก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องมานั่งอธิบายให้หล่อนเข้าใจด้วย สิ่งที่เขาควรทำในตอนนี้ ก็คือ เค้นเอาคำตอบจากปากของหล่อนให้ได้มากกว่า น้ำรินหุบปากฉับทันที เมื่อได้ยินคำขู่ของเขา อาการดิ้นรนเมื่อครู่ สงบลงพร้อม ๆ กัน
ดูเหมือนว่าชายหนุ่มก็หยุดนิ่งเช่นเดียวกัน เมื่อรู้ตัวว่า บัดนี้เขาได้เกยทับอยู่บนร่างเล็กเต็ม ๆ ช่วงล่างของหล่อน ถูกลำขาแข็งแรงของเขา กดทับไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ โดยมีผ้าห่มนวมผืนหนากั้นไว้เท่านั้น ส่วนท่อนบนชายหนุ่มใช้ลำแขนที่ใหญ่กว่าทั้งสองข้างของเขา กดทับข้อมือทั้งสองข้างของหล่อนไว้ให้ราบกับที่นอ
“นี่..ว่าไงล่ะเจ็บมากหรือเปล่า ไหนขอฉันดูแผลหน่อยสิ”“อ๊ะ! มะ..ไม่ ไม่ค่ะ ไม่เจ็บ”“งั้น..ก็ดีแล้ว เธอควรไปอาบน้ำ แต่งเนื้อแต่งตัวเสียใหม่ เพราะสภาพเธอตอนนี้น่ะ..ดูไม่ได้เลยจริง ๆ” ไม่นานนัก ร่างสูงเจ้าของน้ำเสียงทุ้มต่ำ แฝงไว้ด้วยอำนาจ ก็เดินหันหลังไปออกคำสั่งบรรดาเมทสี่ ห้าคนให้เข้ามาจัดการกับตัวหล่อนตั้งแต่อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า สระผม และสุดท้าย ได้ทานอาหารมื้อแรกที่แสนอร่อยนับตั้งแต่ได้มาถึงโตเกียว เอ๊ะ! นี่มันอาหารไทยนี่นา เป็นไปได้ยังไง อาหารที่ตกถึงท้องมื้อสุดท้ายก่อนที่จะมาถึงที่นี่ ตอนที่อยู่โรงพยาบาลก็ยังเป็นอาหารญี่ปุ่นที่หล่อนไม่ค่อยจะถนัดนัก จริง ๆ แล้วไม่ค่อยชอบซักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ แต่ก็พยายามที่จะกิน โชคดีที่เมื่อก่อนเพื่อนสนิท พยายามยัดเยียดให้หล่อน กินจนสามารถลำเลียงอาหารจืด ๆ คาว ๆ ลงคอได้บ้างพอประทังชีวิต น้ำรินถูกจับเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนตัวใหม่เอี่ยม หน้าตาค่อยสะอาด สดใสขึ้นมาบ้าง ผมเผ้าที่เคยยุ่งเหยิง เนื่องจากไม่ได้รับการดูแล กลับนุ่มสลวยและเหยียดตรงเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว หญิงสาวจึงเดิน
เช้าวันใหม่ของเมืองโตเกียว กับการได้หลับอย่างเต็มที่เมื่อคืนทำให้น้ำรินรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก พลางบิดตัวไปมา ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน อยากอาบน้ำเหลือเกิน แต่ก็ยากลำบากเสียนี่กระไร ไหนจะกลัวแผลที่ข้อมือจะโดนน้ำ แล้วไหนจะที่หัวอีก โอย.. ช่างทรมานอะไรอย่างนี้ เมื่อวานยังมีคนช่วยอาบ แต่ก็อายจนแทบอยากจะถอดหัวออกไม่ให้พวกหล่อนเห็นหน้าไปซะอย่างนั้น แล้ววันนี้จะทำยังไงดีล่ะ คงต้องเอาไว้ก่อน หล่อนไม่หน้าด้านขนาดที่จะให้ใครมาอาบน้ำให้อย่างกับเด็ก ๆ เป็นครั้งที่สองหรอก หญิงสาวจึงหันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดเดิมที่เคยใส่ มาจากที่โรงพยาบาล ไม่รู้ว่านี่เป็นชุดของใคร รู้แต่ว่า ทานากะเอามาให้ ตั้งแต่วันที่จะออกจากโรงพยาบาลก๊อก ก๊อก..เสียงเคาะประตู ดังสองครั้งติดกัน ก่อนที่จะมีบุรุษรูปร่างสูงใหญ่กำยำ หญิงสาวจำได้ทันทีว่าเป็นทานากะ ที่เป็นคนเปิดประตูเข้ามา วันนี้บอดี้การ์ดหนุ่มอยู่ในชุดสูทสีดำตามเคย ส่วนทางด้านหลังของชายผู้นั้นมีผู้หญิงสาวซึ่งบ่งบอกว่าเป็นคนญี่ปุ่นอย่างแน่นอน ดูจากหน้าตา น่าจะอายุไม่เกินยี่สิบห้าด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่แน่นักหรอก คนญี่ปุ่นน่ะหน้าอ่อนกว่า
ชายหนุ่มพาหล่อนกลับเข้ามาอยู่ในห้องน้ำได้สำเร็จ พยายามบังคับสายตาให้มองไปจุดอื่น แทนที่จะเป็นร่างขาวกระจ่างตรงหน้า จากนั้นก็เปิดฝักบัวอาบน้ำให้กับเจ้าหล่อน ก่อนที่จะยกลงมาล้างหน้าป้ายฟองสบู่ออกจากตาให้หล่อนอย่างเบามือ เขาต้องพยายามสะกดอารมณ์ที่มันกำลังพลุ่งพล่านอย่างหนัก เมื่ออยู่ใกล้กับเรือนร่างขาวผ่อง ผ้าชิ้นเล็ก ๆ เมื่อโดนน้ำก็ยิ่งเน้นความชัดแจ๋ว ให้เห็นไปถึงไหนต่อไหน นั่นกลับยิ่งเพิ่มความเย้ายวนให้กับหล่อน โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ เขาต้องหายใจเข้าออกอย่างหนัก พยายามกำหนดจุดที่จะมองหล่อนเพียงแค่ใบหน้าขาวสะอาด แทนที่จะเป็นส่วนอื่น“อ๊ะ! มิกะขอบใจมากนะไม่เป็นไรแล้ว ฉันทำเองได้ มีอะไรด่วนหรือ ถึงได้เคาะประตูเสียงดังเชียว แต่ยังไงก็ต้องขอบใจมากนะ ถ้าไม่ได้มิกะล่ะก็ ฉันต้องแย่แน่ ๆ เลย” ปากก็พูดไปแต่มือข้างที่ว่างก็ปัดป่ายสายน้ำออกจากตาและใบหน้าอย่างไม่ยอมมองมาที่ตัวต้นเหตุเพียงสักนิด แต่ชั่วแวบหนึ่ง ด้วยสัญชาตญาณ น้ำรินนึกสงสัยขึ้นมาฉับพลันทันที ว่าทำไมมิกะถึงไม่ค่อยช่างพูดเลย และรู้สึกราวกับว่า มีใครมองหล่อนอยู่กระนั้น คิดได้ดังนั้นหญิงสาวรีบลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็วเท่า
“อ๊าย! อย่าเข้ามานะ คุณจะทำอะไร ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ! ปล่อย..”“นี่! เธอ! เลิกร้องโวยวายสักทีจะได้มั๊ย!” ทำไมนะ คนอย่างฮิโรยูกิ ต้องมาโดนแปรงขัดห้องน้ำกระหน่ำเอา ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงไม่จัดการกับหล่อนอย่างเด็ดขาดไปเลย ทำให้ไม่กล้าแม้แต่ จะเข้าใกล้เขาเลยด้วยซ้ำ และทำไมเขาไม่เดินหนีออกไปเสีย เพื่อเป็นการสงบศึกขนาดย่อมนี่ซะ แต่มันไม่ใช่วิสัยของคนอย่างเขานี่นา ที่จะหนีปัญหาใด ๆ ถ้าหากว่ายังไม่ได้สะสางให้เรียบร้อยเสียก่อน เขาเข้ามาเพื่อที่จะเค้นเอาความจริงจากหล่อนไม่ใช่หรือ ผู้หญิงคนนี้ก็ช่างกระไร ตัวเองแทบจะไม่มีทางสู้อยู่แล้ว ยังทำเป็นอวดเก่งอีก เดี๋ยวเถอะจะทำให้ไม่กล้าแม้แต่จะร้องออกมาเลยคอยดู ชายหนุ่มจึงใช้มือเพียงข้างเดียวรวบท่อนแขนเล็ก ข้างที่ถืออาวุธประทุษร้ายเขาเหยง ๆ ขึ้นเหนือศีรษะกลมมน แล้วใช้ลำตัวที่สูงใหญ่กว่า ออกแรงดันร่างเล็ก เพียงนิดเดียวนั่นหล่อนก็เซแถด ๆ จนหลังชิดกำแพงห้องน้ำ ตรึงร่างของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหน หรือทำร้าย ร่างกายเขาได้อีกต่อไป“หึ! เป็นไงล่ะแม่สาวน้อย อึ้ง
“เอ..หรือว่าจะเปลี่ยนใจดี ระหว่างช่วยเธออาบน้ำกับปล่อยให้เธอจัดการตัวเองนี่อันไหนมันจะเร็วกว่ากันนะ”“ไม่นะ! ฉันอาบเองได้ จะ..จริง ๆ นะคะ.. ฉันขอเวลา สิบ..นาที” เสียงอ่อนไปเลยล่ะสิ หึ หึ ช่างน่าสงสาร น่าเวทนาดีแท้ แต่อย่าหวังเลยว่าต่อไปนี้ฉันจะใจดีกับเธออีก อย่าคิดเอาความใส ซื่อของเธอมาล่อหน่อยเลย ฉันไม่ใจอ่อนกับเธอหรอก“เอ้า! นี่ผ้าเช็ดตัวแล้วก็เสื้อผ้าชุดใหม่ รีบ ๆ จัดการซะห้ามให้เกินเวลาที่กำหนด ไม่อย่างนั้นละก็..” ชายหนุ่มหันมาทำตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม ส่งสายตาหมายมาดมาให้ก่อนจะผลุบหายออกจากห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว เมื่อตั้งสติได้ หญิงสาวรีบวิ่งแผล็วไปกดล็อกประตูห้องน้ำแทบจะทันที ที่ร่างสูงใหญ่หายวับจากอาณาเขตสายตา น้ำรินยืนพิงประตูห้องน้ำ หัวใจเต้นตุบตับ มันรัวเร็วราวกับกลองก็ไม่ปาน ไม่ได้แล้ว ไม่มีเวลามาอ้อยอิ่งแล้ว ถ้าหากขืนชักช้ากว่านี้ มีหวัง..เขาเล่นงานเอาตายแน่น้ำรินใช้เวลาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ในเวลาที่กำหนดอย่างฉิวเฉียด หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ สองสามครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูออกมา โดยลืมที่จะส่องกระจกดูสภาพตั
ท่าทางของเขาในตอนนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน นัยน์ตาที่มีแววล้อเล่นก่อนหน้านี้หายไปไหน ทำไมตอนนี้ถึงมีแต่ใบหน้าที่แสดงความไม่พอใจ ดูบึ้งตึง และเกรี้ยวกราด สายตาอาฆาตที่ส่งกลับมาทำให้น้ำรินกลัวจนตัวสั่น เขาต้องการของสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร ในเมื่อเขาก็ร่ำรวย มีเครื่องเพชรและอัญมณี จนไม่มีที่จะเก็บอยู่แล้ว ทำไมจะต้องมาอยากได้ แหวนเพชรวงเล็ก ๆ แค่วงเดียวนั่นด้วย แล้วแถมตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุที่งานแสดงสินค้าของเขาจนต้องเข้าโรงพยาบาล พอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกที หล่อนก็มาอยู่ที่ญี่ปุ่นนี่แล้ว เสื้อผ้าก็ไม่ใช่ของตัวเอง คงมีแต่ตัวหล่อนเท่านั้นล่ะที่เป็นของตัวเองจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ยังไม่รู้เลยว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นี่เป็นของใครกันแน่“หึ..สงสัยจะต้องรื้อฟื้นความทรงจำ เพื่อทำให้เธอนึกให้ออกว่าเธอเอาของสิ่งนั้นไปไว้ที่ไหน ฮึ..ใช่ไหม เธอคงชอบวิธีการค้นหาของ ของฉันมากเลยสินะ ถึงได้ปากแข็งอยู่อย่างนี้น่ะ”“ฮ๊ะ!ไม่นะ..ฉันไม่ได้ปากแข็ง ไม่ได้โกหก ฉันไม่รู้จริง ๆ นะคะว่า ตอนนี้แหวนนั่นอยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มไม่สนใจฟังอะไรทั้งสิ
ภาพตรงหน้าที่สะท้อนกลับมา ในสายตาของฮิโรยูกิแล้ว หล่อนช่างดูเย้ายวน และในขณะเดียวกัน ก็ดูไร้เดียงสา บริสุทธิ์เหลือเกินในตอนนี้ น้ำตาที่ไหลรินลงมาผ่านแก้ม สีแดงระเรื่อ ทำให้ใจของชายหนุ่มอ่อนยวบลง พร้อม ๆ กับอารมณ์ดิบเถื่อนของเขาเมื่อครู่ให้ลดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อเขาเล่นแรงเกินไปหรือเปล่านะ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ทำไมเมื่ออยู่ใกล้หล่อนทีไร เป็นต้องควบคุมตัวเองไม่ได้ไปเสียทุกที ผู้หญิงคนนี้มีอะไรดี ก็แค่หน้าตาใสซื่อ ขาวสะอาดเท่านั้น เพราะอะไรเขาถึงกลายเป็นเหมือนพวกโรคจิต บังคับขู่เข็ญเอากับคนที่ไม่เต็มใจ โดยเฉพาะผู้หญิงหน้าตาธรรมดา ที่ออกดูเชย ๆ อย่างหล่อนด้วย นี่รสนิยมของเขาตกต่ำถึงเพียงนี้แล้วหรือ เท่าที่ผ่านมา ผู้หญิงทุกคนของเขาล้วนแล้วแต่สวย ๆ รวย ๆ หรือไม่ก็เป็นคนในวงการด้วยซ้ำ แล้วก็ได้มาด้วยความเต็มใจ ไม่ต้องใช้เล่ห์กล หลอกลวงเอาสารพัดอย่างนี้ ทำไมในหัวสมองของเขาถึงมีแต่ดวงหน้าขาวใสตลอดเลยนะ บ้าเอ๊ย!“น้ำริน เอ่อ..คือ..” ฮิโรยูกิ เอื้อมมือไปแตะที่ข้อศอกบางเบา ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปากเล็กบาง หญิงสาวเซถอยหลังเล็กน้อย อย่างขวัญเสีย ร่างของหล่อนเก
เจ็บจัง..ความรู้สึกเจ็บที่หัวจี๊ด ๆ เหมือนมีใครเอาอะไรมาดึง ทำให้รู้สึกตึง ๆ ตื้อ ๆ อย่างไรไม่รู้ น้ำรินค่อย ๆ ปรือตาขึ้นทีละน้อย หล่อนได้ยินเสียงใครบางคนคุยกันแว่วมากระทบในโสตประสาทคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงเล็กแคบ พยายามลืมตาขึ้น แสงสว่างจากดวงไฟบนเพดานห้องทำให้หล่อนต้องหลับตาลงไปอีกครั้ง ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาใหม่ จึงได้เห็นเงาราง ๆ ของบุรุษสวมชุด คุ้นตาที่หล่อนเคยเห็นจนชินแล้วในอดีตที่ผ่านมา เสื้อกาวน์สีขาวสะอาดรวมทั้งสตรีที่สวมชุดสีเดียวกัน กำลังเก็บอุปกรณ์กลับเข้าที่ก่อนจะหันมายังหล่อน“ไม่เป็นไรแล้วนะครับ แผลเย็บที่ศีรษะแห้งสนิทดี หมอตัดไหมให้แล้ว ส่วนที่ข้อมือ ก็ไม่มีปัญหาเช่นกันอีกวันสองวันก็สามารถโดนน้ำได้ เอาละครับเรียบร้อยแล้ว งั้นผมขอตัวก่อน..หายไว ๆ นะครับ” คุณหมอหน้าตาท่าทางใจดี รูปร่างสูงโปร่งแต่งกายขาวสะอาด เดินลับหายไปกับมุมห้อง พร้อม ๆ กับพยาบาลสาวแสนสวย“ตื่นดีแล้วใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณกลับไปที่ห้องพัก นะครับ” ใครอีกล่ะ น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่เปลสินะ อ๊ะ! นี่เราอยู่ห้องฉุกเฉิน ไม่ใช่ห้องผ่าตัดหรอกหรือ จำได้ว่า ครั้งสุดท
การกระทำของทั้งสองได้เรียกน้ำตาให้กับคนที่พบเห็น บริเวณห้องฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี ชั่ววินาทีนั้นราวกับว่าได้หยุดทุกสิ่งทุกอย่างให้หยุดอยู่กับที่ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ป่วยที่ร้องโอดโอย เพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลบริเวณหน้าขา เพิ่งถูกเข็นผ่านเข้ามาภายใน ต้องหยุดชะงักงันไปชั่วขณะ เหลือบมองมายังคู่หนุ่มสาวทั้งสองด้วยความงุนงงสงสัย ลืมความเจ็บปวดเมื่อครู่ไปเลยทีเดียว ทางด้านผู้สูงอายุทั้งสาม ถึงกับอึ้งไปกับการกระทำของทั้งสองหนุ่มสาว ความรู้สึกตื้นตัน และเห็นความตั้งใจจริงของทั้งสอง แสดงให้รู้ว่าพวกเขารักกันมากมายขนาดไหน ฝ่ายชายถึงกับสามารถตัดขาดจากสมบัติและวงศ์ตระกูลได้เลย เพื่อแลกกับการได้ครองรักกับหญิงสาวร่างเล็กบอบบางข้างกาย ลี ฮาซันถึงกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับที่หางตา มองไปทางด้านผู้เป็นสามีคล้องวงแขนเข้ากับลำแขนของอีกฝ่ายซุกหน้ากับอกของสามี ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ ทางด้านลี จางชีก็มีอาการไม่ต่างจากกันนัก จึงแตะที่แขนของภรรยาอย่างปลอบประโลม ชายชราหนึ่งเดียวนั้นก็ไม่ได้มีอาการแตกต่างจากคนอื่นเท่าใดนัก ร่างที่ค่อนข้างค้อมเล็กน้อย ไขว้มือที่เหี่ยวย่นไว้ด้านหลังข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างวางอยู่บน
น้ำรินพยายามลืมตาตื่น รู้สึกมึนงงไปหมด อาการคลื่นไส้ จะเป็นลม หายเป็นปลิดทิ้งหลังจากที่ได้ให้น้ำเกลือ และนอนพักเต็มอิ่มแล้ว ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำอุ่น ๆ เค็ม ๆ ถูกเช็ดออกจากดวงหน้าด้วยนิ้วเรียวใหญ่อย่างเบามือของผู้เป็นสามี“ตื่นแล้วหรือ? เป็นไงบ้าง? ยังเวียนหัวอยู่หรือเปล่า?” คำถามรัวถี่ติด ๆ กันจนคนถูกถามแทบตอบไม่ทัน จึงได้แต่ส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ หล่อนไม่อยากให้เขาเป็นกังวลมากนัก“ไอ้หมอหัวล้านกับเจ้ายูมันให้เธอกลับบ้านได้ แต่ฉันว่าเธอยังไม่แข็งแรงดีเลย ยังไงนอนพักดูอาการที่นี่สักคืนดีไหม” ผู้เป็นภรรยาส่ายหัวดิกเมื่อ ได้ยินผู้เป็นสามีบอกให้นอนพักที่นี่สักคืน“ไม่เอาค่ะ หายดีแล้ว ไม่เวียนหัว ไม่คลื่นไส้ ไม่มีอาการอะไรทั้งนั้นแล้ว ฉันหายดีแล้วจริง ๆ นะคะ” อยากจะบอกเหลือเกินว่า แค่ตื่นขึ้นมาแล้วได้เจอหน้าเขา มาอยู่ใกล้ ๆ อย่างนี้อาการต่าง ๆ ก็หายเป็นปลิดทิ้งทันทีเลยล่ะ“จริงนะ ห้ามโกหก เป็นพยาบาลอะไรไม่ชอบโรงพยาบาลเฮ้อ!” ชายหนุ่มชะโงกหน้า มองเสี้ยวหน้าภรรยาตัวน้อยด้วยความมันเขี้ยว มือใหญ่วางแปะที่ศีรษะเล็กนั้น เขย่าเบา ๆ อย่างเอ็นดู“กลับบ้านกันเถอะนะคะ” คนไข้ตัว
“ดี..แล้วก็เอาหัวล้าน ๆ ของไอ้หมอคนเมื่อกี้ออกไปห่างเมียกันหน่อยได้ไหม กันไม่ชอบขี้หน้ามันเลยว่ะ” ฮิโรยูกิหันมากระซิบข้างหูเพื่อนรักทันทีที่หันไปเห็นแพทย์คนเมื่อสักครู่ เดินเลี่ยงออกไปทางด้านซ้ายของเตียงคนไข้ นั่นก็เรียกรอยยิ้มให้ยูอิจิได้เป็นอย่างดี ขี้หึงจริง ๆ นะเพื่อนเรา แม้แต่หมอแก่ร่างท้วม กับหัวที่มีผมทางตอนหน้าเหลือน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง ไปหาว่าเขาหัวล้านซะนี่ ร้ายจริง ๆ“ออกไปก่อนเถอะเพื่อน ไม่ต้องห่วงทางนี้ กันจะช่วยดูให้อีกแรงหนึ่ง” คำยืนยันของยูอิจิ บอกว่าภรรยาของเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างสูงจึงยอมถอยห่างออกมาแต่ไม่ได้ไปไหนไกล เขายังคงปักหลักยืนอยู่ห่าง ๆ ในมุมห้องแคบนั้น พลางกอดอกมองแพทย์และพยาบาลตรวจร่างกายหล่อนเงียบ ๆ“ฮีโร่..ฮีโร่..ตื่นเถอะ”“อ๊ะ! ฮ๊ะ! ยู..เมียฉันล่ะเมียฉันเป็นไงบ้าง!” ร่างสูงผวาตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงยูอิจิปลุกให้ตื่น เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“หึ..ตื่นขึ้นมาก็โวยวายเลยนะ คุณน้ำรินปลอดภัยแล้ว หมอให้น้ำเกลือ แล้วย้ายเธอไปนอนพักดูอาการที่ห้องข้าง ๆ โน่นแล้ว”“เหรอ? แล้วอยู่ไหนล่ะ?”“เดี๋ยวสิเพื่อน นี่นายไม่อ
“อือ ๆ ก็ว่าอย่างนั้นล่ะ” แล้วก็มีเสียงงึมงำจากคนรอบข้าง ที่บ่งบอกว่าเห็นด้วยกับความเห็นของเขา และนั่นก็ให้คุณคิม เซยอนชักสีหน้าอย่างไม่พอใจให้สามีทันที“เอาอย่างนี้สิ อะไรที่เป็นฝีมือของเธอ เราก็ชิมอันนั้นก็แล้วกัน..เรามาวัดกันที่รสชาติเป็นไง” และก็เป็นท่านปู่อีกตามเคยที่เอื้อมมือมาช่วยหล่อนไว้ ทำให้น้ำรินลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก การทดสอบเรื่องอาหารผ่านไปด้วยดี ผลที่ออกมาหล่อนได้คะแนนเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าสูงมากเลยทีเดียว และสุดท้ายก็คือการชงชาที่ถูกต้อง ขณะที่กำลังนำถาดน้ำชาไปเสิร์ฟให้ผู้หลักผู้ใหญ่นั้นเอง วูบหนึ่งหล่อนรู้สึกหน้ามืด วิงเวียนจนแทบล้ม แต่ก็พยายามข่มใจไว้ พลางยืดอกขึ้นสูดลมหายใจเพื่อเอาออกซิเจนเข้าปอดลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดเรื่องที่หญิงสาวไม่ต้องการให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้“อุ๊บ! อ๊ะ!” เพล้ง! จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อกลิ่นของชาชั้นดีโชยมาแตะเข้าที่จมูก กลิ่นของมันทำให้แก๊สในกระเพาะอาหารปั่นป่วนจนวิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอ แทบอ้วกออกมา เท่านั้นเองโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว หล่อนเผลอยกมือขึ้นมาปิดปาก ทำให้น้ำหนักถูกเทไปที่มืออีก
สามวันแล้วสินะที่หล่อนโดนการทดสอบแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคุณอาหญิง วันแรกเธอให้หล่อนขัดถูเครื่องใช้โบราณที่อยู่ในครัว ทำอยู่เป็นวันกว่าจะเสร็จก็เล่นเอามือถลอกไปเลยทีเดียว ถัดมาอีกวันหนึ่งหล่อนถูกทดสอบการทำอาหารซึ่งหล่อนถนัดนักล่ะ ไม่ว่าเธอจะสั่งให้ทำอะไรหล่อนก็ทำมันออกมาได้เป็นอย่างดี และนั่นก็ทำให้คุณลี ฮาซัน เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับหล่อนดีขึ้น วันนี้เธอช่วยสอนวิธีชงชาที่ถูกวิธีให้กับหล่อนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฮีจินมาเยี่ยมหล่อนเมื่อช่วงบ่าย ก่อนจะกลับหล่อนได้ยื่นของสิ่งหนึ่งมาให้ นั่นก็คือหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลีในแต่ละยุคสมัย คุณลีบอกว่าอีกสองวันจะมีการประชุมผู้อาวุโสของตระกูล ให้หล่อนเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อถึงวันนั้นเธอบอกว่าจะคอยช่วยหล่อนอีกแรงหนึ่ง น้ำรินรู้สึกดีใจเหลือเกิน ที่สามารถเอาชนะใจคุณลี ฮาซันได้ เพียงแค่ระยะเวลาอันสั้น ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน พ่อบ้านเก่าแก่ ต่างก็ให้ความเป็นกันเองกับหล่อนมากขึ้นผิดกับวันแรก ๆ ที่หล่อนมาถึงที่นี่ลิบลับ หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งในช่วงเย็น หลังจากร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นกับผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กก้าวเข้าไป
ช่วงเดือนพฤษภาคมที่เกาหลีแลดูสดชื่นนัก ความสวยงามของดอกไม้ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ พันธุ์ไม้ต่าง ๆ ผลิดอกบานสะพรั่งก่อนที่จะมีใบสีเขียวชอุ่มตามมา ไกด์จำเป็นอธิบายให้หล่อนฟังว่า ริมทางที่รถวิ่งผ่านมาส่วนมากจะเป็นต้นเมเปิลต้นอึนแฮง ( ต้นแป๊ะก๊วย) ต้นบอทือ ( ต้นหลิว) ต้นบอช ( ต้นซากุระ) ต้นชัน (คล้ายต้นสน) ส่วนที่อยู่บนเนินเขาจะมีดอกจิลดัลแล สีชมพูอมม่วง ดอกแคนารีสีเหลือง และดอกซากุระ หรือดอกชนามู สีขาวอมชมพู ต่างผลิดอกออกมาประชัน เปรียบเสมือนสีผ้าต่าง ๆ พืด ปูประดับประดาไว้อย่างสวยงาม ต้นไม้ที่ให้ร่มเงา ยืนเรียงรายริมถนนเริ่มผลิใบอ่อนบ้างแล้ว ตามกิ่งก้านจะมีนกเจบีตัวเล็ก ๆ สีดำส่งเสียงร้องอย่างร่าเริง รถคันจิ๋ววิ่งลัดเลาะผ่านภูเขาที่ดูคดเคี้ยว จากกรุงโซลออกมาแถวชานเมือง ได้สักพักใหญ่ ๆ คนขับกิตติมศักดิ์ของหล่อนก็หักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวขวาขึ้นไปบนเนินสูงเบื้องหน้า วิ่งผ่านรั้วกำแพงสูงใหญ่เข้าไปด้านใน ก่อนจะจอดนิ่งสนิทหน้าลานกว้าง น้ำรินก้าวลงจากรถพลางเหม่อ
“อืมม์ เก่งขึ้นทุกวันนะเราใครสอนกันนะ โอ๊ะ! หึ ๆ” พูดออกไปแล้วก็ต้องร้องครวญครางด้วยความเจ็บ เมื่อถูกกำปั้นน้อย ๆ ทุบที่หน้าอกทีหนึ่งจากคนตัวเล็กตรงหน้า แก้มแดงระเรื่อทำให้เขาอดใจไม่ไหว ช้อนร่างหล่อนอุ้มขึ้นมากระชับไว้ในวงแขนอันอบอุ่น ก่อนจะพามาวางลงบนที่นอนโดยมีร่างสูงหนาตามมาติด ๆ ลมหายใจรินรดกันจนแทบจะสัมผัสได้ ตาต่อตาประสานกันนิ่ง ชายหนุ่มแนบหน้าเข้ามาใกล้เกลือกจมูกโด่งสวยเป็นสัน กับแก้มเนียนอมชมพูสูดดมความหอมอย่างรักใคร่หลงใหล ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากจากมุมปากประกบไว้แนบแน่น มือหนึ่งช้อนไว้ที่ท้ายทอยของหล่อน ส่วนมืออีกข้างก็ทำการสำรวจร่างกาย ลูบไล้ไปทั่วก่อนจะสอดหายเข้าไปใต้เนื้อผ้า.. สักพักชุดนอนเนื้อผ้าบางเบาก็ถูกปลดออกจากร่าง เหลือไว้เพียงร่างขาวนวลเนียนกระจ่างตา“ยังเช้าอยู่เลยนะคะ” หญิงสาวจำต้องยกมือขึ้นแตะที่แขนของสามีเป็นเชิงเตือน เมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น“ไม่เห็นเป็นไรเลยเช้า ๆ นั่นแหละดี”“แต่ว่า..คุณต้องไปทำงาน”“อื้อ..อย่าดื้อน่า เมื่อกี้ยังเชื้อเชิญอยู่เลย นะ..ขอหน่อยนะที่รัก หลายวันแล้วนะที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย อีกหน่อยเธอก็ต้องไปที่โซลแล้ว เมื่อถึ
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้มันสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายจึงใช้ส้นเท้ากระทืบลงที่หลังเท้าของมันเต็มแรง ก่อนจะก้มลงไปกัดที่มือหยาบหนาบริเวณที่มันโอบเหนือเอวหล่อนขึ้นมา เมื่อถูกฟันคม ๆ ของหล่อนกดลึกเข้าไปในผิวเนื้อจนมันรู้สึกเจ็บ ร้องจ๊ากออกมา จนสะบัดมือ สะบัดเท้าเร่า ๆ หญิงสาวมองเห็นความหวังที่จะรอดไปได้ขึ้นมารำไร จึงรีบสลัดตัวออกจากแขนใหญ่ล่ำ ที่พันธนาการหล่อนอยู่ทันที ก่อนจะก้มลงไปหยิบปืนที่หล่นอยู่แทบเท้าเมื่อครู่ด้วยมืออันสั่นเทา นิ้วชี้กระชับพร้อมที่จะเหนี่ยวไกเพื่อกระชากวิญญาณของพวกมันได้ทุกเมื่อ หญิงสาวอยู่ในท่าเตรียมพร้อมอย่างที่ร่ำเรียนมา ปลายกระบอกปืนส่ายสลับไปมา ระหว่างชายฉกรรจ์ที่ยึดตัวหล่อนและสามีไว้เมื่อครู่อย่างหมายมาด สถานการณ์กลับกลายไปเป็นอีกแบบหนึ่งทันที ฮิโรยูกิย่างสามขุมตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของโทรุ ด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนไอ้สองคนที่กำลังสาละวนอยู่กับการพันธนาการฮีจินอยู่ ชะงักงัน หนึ่งในนั้นพยายามที่จะงัดปืนออกมาจากเอวของมันแต่ถูกเสียงเข้มดุดัน ตะโกนสั่งออกมาเสียก่อน“ทิ้งปืนซะ! ถ้าไม่อยากให้เจ้านายของแกตาย แล้วก็แก้มัดเพื่อนฉัน
“ทำได้ดีมาก..ที่รัก” ฮิโรยูกิยังมีอารมณ์หันมาเอ่ยปากชมหล่อนทันทีที่ร่างเล็ก ๆ วิ่งเข้ามาหลบอยู่ข้างหลังเขา ความขุ่นมัว กรุ่นโกรธก่อนหน้านี้ค่อยผ่อนคลายลงไปได้นิดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าหล่อนแก้เผ็ดไอ้คนที่กระทำการอันน่ารังเกียจกับหล่อนได้อย่างไม่น่าเชื่อไม่เสียแรงเลยที่เขาอุตส่าห์ให้หล่อนหัดเรียนรู้วิธีป้องกันตัว เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมาทั้ง ๆ ที่กลัวเหลือเกินว่าเนื้อตัวของหล่อนจะบอบช้ำจากการฝึกฝน แต่ดูเหมือนว่าภรรยาตัวน้อยของเขาจะติดใจการฝึกหัดทุกรูปแบบเสียจนบางครั้ง ไม่สนใจเขาไปเลยในช่วงนั้น โดยเฉพาะเวลาที่เธอฝึกยิงปืนกับครูหนุ่ม การเอาใจใส่จนออกนอกหน้าของครูฝึกคนนั้น ทำให้เขาต้องย้ายหล่อนให้มาฝึกกับครูผู้หญิงแทน ส่วนครูฝึกคนแรกนั้น ถูกย้ายทันทีในวันถัดมา นี่ล่ะ..ผู้หญิงที่จะมาเป็นนายหญิงของตระกูลคัทซึฮิโกะตัวจริง“หึ ๆ แกแน่มาก ฮิโรยูกิแต่ดูเหมือนว่าแกจะประเมินฉันต่ำไปแล้ว” ฮิโรยูกิกับน้ำรินรู้สึกแปลกใจในคำพูดของโทรุ ที่จู่ ๆ มันก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาจากลำคอ ทันใดนั้นทั้งสองก็ต้องอ้าปากค้างร้องอุทานออกมาเกือบพร้อมกัน“ฮ