“นี่..ว่าไงล่ะเจ็บมากหรือเปล่า ไหนขอฉันดูแผลหน่อยสิ”
“อ๊ะ! มะ..ไม่ ไม่ค่ะ ไม่เจ็บ”
“งั้น..ก็ดีแล้ว เธอควรไปอาบน้ำ แต่งเนื้อแต่งตัวเสียใหม่ เพราะสภาพเธอตอนนี้น่ะ..ดูไม่ได้เลยจริง ๆ” ไม่นานนัก ร่างสูงเจ้าของน้ำเสียงทุ้มต่ำ แฝงไว้ด้วยอำนาจ ก็เดินหันหลังไปออกคำสั่งบรรดาเมทสี่ ห้าคนให้เข้ามาจัดการกับตัวหล่อนตั้งแต่อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า สระผม และสุดท้าย ได้ทานอาหารมื้อแรกที่แสนอร่อยนับตั้งแต่ได้มาถึงโตเกียว เอ๊ะ! นี่มันอาหารไทยนี่นา เป็นไปได้ยังไง อาหารที่ตกถึงท้องมื้อสุดท้ายก่อนที่จะมาถึงที่นี่ ตอนที่อยู่โรงพยาบาลก็ยังเป็นอาหารญี่ปุ่นที่หล่อนไม่ค่อยจะถนัดนัก จริง ๆ แล้วไม่ค่อยชอบซักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ แต่ก็พยายามที่จะกิน โชคดีที่เมื่อก่อนเพื่อนสนิท พยายามยัดเยียดให้หล่อน กินจนสามารถลำเลียงอาหารจืด ๆ คาว ๆ ลงคอได้บ้างพอประทังชีวิต
น้ำรินถูกจับเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนตัวใหม่เอี่ยม หน้าตาค่อยสะอาด สดใสขึ้นมาบ้าง ผมเผ้าที่เคยยุ่งเหยิง เนื่องจากไม่ได้รับการดูแล กลับนุ่มสลวยและเหยียดตรงเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว หญิงสาวจึงเดินเช้าวันใหม่ของเมืองโตเกียว กับการได้หลับอย่างเต็มที่เมื่อคืนทำให้น้ำรินรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก พลางบิดตัวไปมา ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน อยากอาบน้ำเหลือเกิน แต่ก็ยากลำบากเสียนี่กระไร ไหนจะกลัวแผลที่ข้อมือจะโดนน้ำ แล้วไหนจะที่หัวอีก โอย.. ช่างทรมานอะไรอย่างนี้ เมื่อวานยังมีคนช่วยอาบ แต่ก็อายจนแทบอยากจะถอดหัวออกไม่ให้พวกหล่อนเห็นหน้าไปซะอย่างนั้น แล้ววันนี้จะทำยังไงดีล่ะ คงต้องเอาไว้ก่อน หล่อนไม่หน้าด้านขนาดที่จะให้ใครมาอาบน้ำให้อย่างกับเด็ก ๆ เป็นครั้งที่สองหรอก หญิงสาวจึงหันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดเดิมที่เคยใส่ มาจากที่โรงพยาบาล ไม่รู้ว่านี่เป็นชุดของใคร รู้แต่ว่า ทานากะเอามาให้ ตั้งแต่วันที่จะออกจากโรงพยาบาลก๊อก ก๊อก..เสียงเคาะประตู ดังสองครั้งติดกัน ก่อนที่จะมีบุรุษรูปร่างสูงใหญ่กำยำ หญิงสาวจำได้ทันทีว่าเป็นทานากะ ที่เป็นคนเปิดประตูเข้ามา วันนี้บอดี้การ์ดหนุ่มอยู่ในชุดสูทสีดำตามเคย ส่วนทางด้านหลังของชายผู้นั้นมีผู้หญิงสาวซึ่งบ่งบอกว่าเป็นคนญี่ปุ่นอย่างแน่นอน ดูจากหน้าตา น่าจะอายุไม่เกินยี่สิบห้าด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่แน่นักหรอก คนญี่ปุ่นน่ะหน้าอ่อนกว่า
ชายหนุ่มพาหล่อนกลับเข้ามาอยู่ในห้องน้ำได้สำเร็จ พยายามบังคับสายตาให้มองไปจุดอื่น แทนที่จะเป็นร่างขาวกระจ่างตรงหน้า จากนั้นก็เปิดฝักบัวอาบน้ำให้กับเจ้าหล่อน ก่อนที่จะยกลงมาล้างหน้าป้ายฟองสบู่ออกจากตาให้หล่อนอย่างเบามือ เขาต้องพยายามสะกดอารมณ์ที่มันกำลังพลุ่งพล่านอย่างหนัก เมื่ออยู่ใกล้กับเรือนร่างขาวผ่อง ผ้าชิ้นเล็ก ๆ เมื่อโดนน้ำก็ยิ่งเน้นความชัดแจ๋ว ให้เห็นไปถึงไหนต่อไหน นั่นกลับยิ่งเพิ่มความเย้ายวนให้กับหล่อน โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ เขาต้องหายใจเข้าออกอย่างหนัก พยายามกำหนดจุดที่จะมองหล่อนเพียงแค่ใบหน้าขาวสะอาด แทนที่จะเป็นส่วนอื่น“อ๊ะ! มิกะขอบใจมากนะไม่เป็นไรแล้ว ฉันทำเองได้ มีอะไรด่วนหรือ ถึงได้เคาะประตูเสียงดังเชียว แต่ยังไงก็ต้องขอบใจมากนะ ถ้าไม่ได้มิกะล่ะก็ ฉันต้องแย่แน่ ๆ เลย” ปากก็พูดไปแต่มือข้างที่ว่างก็ปัดป่ายสายน้ำออกจากตาและใบหน้าอย่างไม่ยอมมองมาที่ตัวต้นเหตุเพียงสักนิด แต่ชั่วแวบหนึ่ง ด้วยสัญชาตญาณ น้ำรินนึกสงสัยขึ้นมาฉับพลันทันที ว่าทำไมมิกะถึงไม่ค่อยช่างพูดเลย และรู้สึกราวกับว่า มีใครมองหล่อนอยู่กระนั้น คิดได้ดังนั้นหญิงสาวรีบลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็วเท่า
“อ๊าย! อย่าเข้ามานะ คุณจะทำอะไร ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ! ปล่อย..”“นี่! เธอ! เลิกร้องโวยวายสักทีจะได้มั๊ย!” ทำไมนะ คนอย่างฮิโรยูกิ ต้องมาโดนแปรงขัดห้องน้ำกระหน่ำเอา ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงไม่จัดการกับหล่อนอย่างเด็ดขาดไปเลย ทำให้ไม่กล้าแม้แต่ จะเข้าใกล้เขาเลยด้วยซ้ำ และทำไมเขาไม่เดินหนีออกไปเสีย เพื่อเป็นการสงบศึกขนาดย่อมนี่ซะ แต่มันไม่ใช่วิสัยของคนอย่างเขานี่นา ที่จะหนีปัญหาใด ๆ ถ้าหากว่ายังไม่ได้สะสางให้เรียบร้อยเสียก่อน เขาเข้ามาเพื่อที่จะเค้นเอาความจริงจากหล่อนไม่ใช่หรือ ผู้หญิงคนนี้ก็ช่างกระไร ตัวเองแทบจะไม่มีทางสู้อยู่แล้ว ยังทำเป็นอวดเก่งอีก เดี๋ยวเถอะจะทำให้ไม่กล้าแม้แต่จะร้องออกมาเลยคอยดู ชายหนุ่มจึงใช้มือเพียงข้างเดียวรวบท่อนแขนเล็ก ข้างที่ถืออาวุธประทุษร้ายเขาเหยง ๆ ขึ้นเหนือศีรษะกลมมน แล้วใช้ลำตัวที่สูงใหญ่กว่า ออกแรงดันร่างเล็ก เพียงนิดเดียวนั่นหล่อนก็เซแถด ๆ จนหลังชิดกำแพงห้องน้ำ ตรึงร่างของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหน หรือทำร้าย ร่างกายเขาได้อีกต่อไป“หึ! เป็นไงล่ะแม่สาวน้อย อึ้ง
“เอ..หรือว่าจะเปลี่ยนใจดี ระหว่างช่วยเธออาบน้ำกับปล่อยให้เธอจัดการตัวเองนี่อันไหนมันจะเร็วกว่ากันนะ”“ไม่นะ! ฉันอาบเองได้ จะ..จริง ๆ นะคะ.. ฉันขอเวลา สิบ..นาที” เสียงอ่อนไปเลยล่ะสิ หึ หึ ช่างน่าสงสาร น่าเวทนาดีแท้ แต่อย่าหวังเลยว่าต่อไปนี้ฉันจะใจดีกับเธออีก อย่าคิดเอาความใส ซื่อของเธอมาล่อหน่อยเลย ฉันไม่ใจอ่อนกับเธอหรอก“เอ้า! นี่ผ้าเช็ดตัวแล้วก็เสื้อผ้าชุดใหม่ รีบ ๆ จัดการซะห้ามให้เกินเวลาที่กำหนด ไม่อย่างนั้นละก็..” ชายหนุ่มหันมาทำตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม ส่งสายตาหมายมาดมาให้ก่อนจะผลุบหายออกจากห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว เมื่อตั้งสติได้ หญิงสาวรีบวิ่งแผล็วไปกดล็อกประตูห้องน้ำแทบจะทันที ที่ร่างสูงใหญ่หายวับจากอาณาเขตสายตา น้ำรินยืนพิงประตูห้องน้ำ หัวใจเต้นตุบตับ มันรัวเร็วราวกับกลองก็ไม่ปาน ไม่ได้แล้ว ไม่มีเวลามาอ้อยอิ่งแล้ว ถ้าหากขืนชักช้ากว่านี้ มีหวัง..เขาเล่นงานเอาตายแน่น้ำรินใช้เวลาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ในเวลาที่กำหนดอย่างฉิวเฉียด หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ สองสามครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูออกมา โดยลืมที่จะส่องกระจกดูสภาพตั
ท่าทางของเขาในตอนนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน นัยน์ตาที่มีแววล้อเล่นก่อนหน้านี้หายไปไหน ทำไมตอนนี้ถึงมีแต่ใบหน้าที่แสดงความไม่พอใจ ดูบึ้งตึง และเกรี้ยวกราด สายตาอาฆาตที่ส่งกลับมาทำให้น้ำรินกลัวจนตัวสั่น เขาต้องการของสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร ในเมื่อเขาก็ร่ำรวย มีเครื่องเพชรและอัญมณี จนไม่มีที่จะเก็บอยู่แล้ว ทำไมจะต้องมาอยากได้ แหวนเพชรวงเล็ก ๆ แค่วงเดียวนั่นด้วย แล้วแถมตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุที่งานแสดงสินค้าของเขาจนต้องเข้าโรงพยาบาล พอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกที หล่อนก็มาอยู่ที่ญี่ปุ่นนี่แล้ว เสื้อผ้าก็ไม่ใช่ของตัวเอง คงมีแต่ตัวหล่อนเท่านั้นล่ะที่เป็นของตัวเองจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ยังไม่รู้เลยว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นี่เป็นของใครกันแน่“หึ..สงสัยจะต้องรื้อฟื้นความทรงจำ เพื่อทำให้เธอนึกให้ออกว่าเธอเอาของสิ่งนั้นไปไว้ที่ไหน ฮึ..ใช่ไหม เธอคงชอบวิธีการค้นหาของ ของฉันมากเลยสินะ ถึงได้ปากแข็งอยู่อย่างนี้น่ะ”“ฮ๊ะ!ไม่นะ..ฉันไม่ได้ปากแข็ง ไม่ได้โกหก ฉันไม่รู้จริง ๆ นะคะว่า ตอนนี้แหวนนั่นอยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มไม่สนใจฟังอะไรทั้งสิ
ภาพตรงหน้าที่สะท้อนกลับมา ในสายตาของฮิโรยูกิแล้ว หล่อนช่างดูเย้ายวน และในขณะเดียวกัน ก็ดูไร้เดียงสา บริสุทธิ์เหลือเกินในตอนนี้ น้ำตาที่ไหลรินลงมาผ่านแก้ม สีแดงระเรื่อ ทำให้ใจของชายหนุ่มอ่อนยวบลง พร้อม ๆ กับอารมณ์ดิบเถื่อนของเขาเมื่อครู่ให้ลดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อเขาเล่นแรงเกินไปหรือเปล่านะ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ทำไมเมื่ออยู่ใกล้หล่อนทีไร เป็นต้องควบคุมตัวเองไม่ได้ไปเสียทุกที ผู้หญิงคนนี้มีอะไรดี ก็แค่หน้าตาใสซื่อ ขาวสะอาดเท่านั้น เพราะอะไรเขาถึงกลายเป็นเหมือนพวกโรคจิต บังคับขู่เข็ญเอากับคนที่ไม่เต็มใจ โดยเฉพาะผู้หญิงหน้าตาธรรมดา ที่ออกดูเชย ๆ อย่างหล่อนด้วย นี่รสนิยมของเขาตกต่ำถึงเพียงนี้แล้วหรือ เท่าที่ผ่านมา ผู้หญิงทุกคนของเขาล้วนแล้วแต่สวย ๆ รวย ๆ หรือไม่ก็เป็นคนในวงการด้วยซ้ำ แล้วก็ได้มาด้วยความเต็มใจ ไม่ต้องใช้เล่ห์กล หลอกลวงเอาสารพัดอย่างนี้ ทำไมในหัวสมองของเขาถึงมีแต่ดวงหน้าขาวใสตลอดเลยนะ บ้าเอ๊ย!“น้ำริน เอ่อ..คือ..” ฮิโรยูกิ เอื้อมมือไปแตะที่ข้อศอกบางเบา ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปากเล็กบาง หญิงสาวเซถอยหลังเล็กน้อย อย่างขวัญเสีย ร่างของหล่อนเก
เจ็บจัง..ความรู้สึกเจ็บที่หัวจี๊ด ๆ เหมือนมีใครเอาอะไรมาดึง ทำให้รู้สึกตึง ๆ ตื้อ ๆ อย่างไรไม่รู้ น้ำรินค่อย ๆ ปรือตาขึ้นทีละน้อย หล่อนได้ยินเสียงใครบางคนคุยกันแว่วมากระทบในโสตประสาทคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงเล็กแคบ พยายามลืมตาขึ้น แสงสว่างจากดวงไฟบนเพดานห้องทำให้หล่อนต้องหลับตาลงไปอีกครั้ง ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาใหม่ จึงได้เห็นเงาราง ๆ ของบุรุษสวมชุด คุ้นตาที่หล่อนเคยเห็นจนชินแล้วในอดีตที่ผ่านมา เสื้อกาวน์สีขาวสะอาดรวมทั้งสตรีที่สวมชุดสีเดียวกัน กำลังเก็บอุปกรณ์กลับเข้าที่ก่อนจะหันมายังหล่อน“ไม่เป็นไรแล้วนะครับ แผลเย็บที่ศีรษะแห้งสนิทดี หมอตัดไหมให้แล้ว ส่วนที่ข้อมือ ก็ไม่มีปัญหาเช่นกันอีกวันสองวันก็สามารถโดนน้ำได้ เอาละครับเรียบร้อยแล้ว งั้นผมขอตัวก่อน..หายไว ๆ นะครับ” คุณหมอหน้าตาท่าทางใจดี รูปร่างสูงโปร่งแต่งกายขาวสะอาด เดินลับหายไปกับมุมห้อง พร้อม ๆ กับพยาบาลสาวแสนสวย“ตื่นดีแล้วใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณกลับไปที่ห้องพัก นะครับ” ใครอีกล่ะ น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่เปลสินะ อ๊ะ! นี่เราอยู่ห้องฉุกเฉิน ไม่ใช่ห้องผ่าตัดหรอกหรือ จำได้ว่า ครั้งสุดท
กริ๊ง..กริ๊ง.. เสียงโทรศัพท์มือถือ ดังรบกวนความคิด จนต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะสอดมือเข้าไปหยิบมันในเสื้อสูท มือถือรุ่นล่าสุดกรีดร้องเรียกให้เจ้าของรับมัน ชั่ววินาทีเสียงร้องนั้นก็หายเงียบไปเมื่อมือใหญ่กดเพื่อรับสายปลายทางโดยอัตโนมัติ“ฮัลโหล”“ยังจำกันได้หรือเปล่าคะ? ไม่น่าเชื่อเลยว่า แม้วันเวลาจะผ่านไป กี่ต่อกี่ปี คุณก็ยังใช้เบอร์เดิมอยู่” น้ำเสียงคุ้นหูที่ทำเอาชายหนุ่มถึงกับ กัดกรามกรอด เผลอกำโทรศัพท์ในมือแน่น โดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงจากปลายสาย ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มันยังคงพลิ้วหวานราวกับว่า มันจะสามารถบาดลงบนหัวใจได้ก็ไม่ปาน“ฉันจะกลับมาแล้วนะคะ ความฝันของฉันเป็นจริงแล้วล่ะ ฉันได้เป็นหมออย่างที่ตั้งใจ อีกสักสองวันจะบินกลับไปหานะ คุณยังรอฉันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะว่า..ยังไง คุณก็เป็น..ฮีโร่ในใจของฉันเสมอ” เสียงจากปลายสายยังคงพูดต่อไป แต่ทางฝ่ายชายหนุ่มกลับรู้สึกเฉยชา เรื่องราวในอดีตมันกำลังผุดขึ้นมาให้เขากลับมานึกถึง เมื่อครั้งที่ยังเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว เขาพบรักกับหญิงสาว ที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน หล่อนเป็นผู้หญิงที่เพี