กริ๊ง..กริ๊ง.. เสียงโทรศัพท์มือถือ ดังรบกวนความคิด จนต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะสอดมือเข้าไปหยิบมันในเสื้อสูท มือถือรุ่นล่าสุดกรีดร้องเรียกให้เจ้าของรับมัน ชั่ววินาทีเสียงร้องนั้นก็หายเงียบไปเมื่อมือใหญ่กดเพื่อรับสายปลายทางโดยอัตโนมัติ
“ฮัลโหล”
“ยังจำกันได้หรือเปล่าคะ? ไม่น่าเชื่อเลยว่า แม้วันเวลาจะผ่านไป กี่ต่อกี่ปี คุณก็ยังใช้เบอร์เดิมอยู่” น้ำเสียงคุ้นหูที่ทำเอาชายหนุ่มถึงกับ กัดกรามกรอด เผลอกำโทรศัพท์ในมือแน่น โดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงจากปลายสาย ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มันยังคงพลิ้วหวานราวกับว่า มันจะสามารถบาดลงบนหัวใจได้ก็ไม่ปาน
“ฉันจะกลับมาแล้วนะคะ ความฝันของฉันเป็นจริงแล้วล่ะ ฉันได้เป็นหมออย่างที่ตั้งใจ อีกสักสองวันจะบินกลับไปหานะ คุณยังรอฉันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะว่า..ยังไง คุณก็เป็น..ฮีโร่ในใจของฉันเสมอ” เสียงจากปลายสายยังคงพูดต่อไป แต่ทางฝ่ายชายหนุ่มกลับรู้สึกเฉยชา เรื่องราวในอดีตมันกำลังผุดขึ้นมาให้เขากลับมานึกถึง เมื่อครั้งที่ยังเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว เขาพบรักกับหญิงสาว ที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน หล่อนเป็นผู้หญิงที่เพี
ฮิโรยูกิ รู้สึกแปลกใจตัวเองเหลือเกิน ที่ปกติแล้วเรื่องแค่นี้เขาสามารถให้ลูกน้องสืบหามาได้อย่างง่ายดาย ทุกอย่างก็จบ ปกติแล้วเขาไม่ชอบที่จะบังคับขู่เข็ญใครโดยเฉพาะผู้หญิงที่ไร้ทางสู้อย่างหล่อนนักหรอก และไม่เคยที่จะต้องมาเล่นล่อเอาเถิดแบบนี้มาก่อน ส่วนมากแล้วเขาจะสั่งให้ลูกน้องจัดการ ทุกเรื่องที่เขาอยากรู้แล้วก็จะกระจ่างขึ้นมาในไม่ช้า ชายหนุ่มไม่ชอบที่จะสนใจหรือใส่ใจผู้หญิงคนไหนมากนัก ส่วนมากก็เป็นเพียงความสัมพันธ์ฉาบฉวยซึ่งทางฝ่ายผู้หญิงเองก็เต็มใจ แล้วก็เลิกราไปเองหากเขาให้พอสมควรกับที่หล่อนต้องการ และตัวเขาเองก็ค่อนข้างจะรำคาญใจเมื่อมีผู้หญิงมาอยู่ใกล้ ๆ นานเกินสองชั่วโมง แต่ทำไม..กับผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดา ไม่มีอะไรที่จะสามารถมาเทียบได้กับผู้หญิงที่เขาเคยควงอยู่เลยสักคน ไม่มีอะไรดึงดูด พอที่จะให้เขาได้สนใจ กลับมาทำให้เขาต้องมากังวลอยู่เรื่อย ๆ ทำไมเขาไม่ใช้นักสืบ เพื่อเสาะหาเรื่องที่เขาต้องการอยากรู้ เมื่อได้แล้วก็ปล่อยหล่อนไปหรือไม่ก็ลงโทษหล่อนให้สาสมหากว่าหล่อนขโมยของไปจริงจัดการหล่อนให้หายจากไป ไปให้พ้น จากชีวิตของเขาเหมือนที่เคยทำมาแล้วกับหญิงอื่น หรือแค่ปล่
“ไม่! ฉันไม่ไปกับพวกคุณหรอก จะพาฉันไปไหน ปล่อยนะ!” หญิงสาวร่างเล็กบอบบาง พยายามขืนตัวไว้สุดกำลัง ร่างบางถอยกรูด จนเกร็งไปหมด ทำไมแถวนี้ถึงไม่มีคนเดินผ่านไปมาบ้างเลยนะ ดังนั้นจึงเป็นการง่ายในการฉุดกระชากลากดึงให้หล่อนเดินตามไปตลอดทางแคบ ๆ นั้น“ได้โปรดเถอะ ปล่อยฉันไปเถอะนะ โอ๊ย! ฉันเจ็บ” น้ำรินเจ็บจนน้ำตาแทบไหลรินออกมา เมื่อหนึ่งในสองชายวัยฉกรรจ์บีบที่ข้อมือของหล่อนอย่างหนักออกแรงลากจนหล่อนเริ่มเจ็บแผลที่แขนขึ้นมาอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะทำแผลไปหมาด ๆ เมื่อตอนกลางวันนี้เอง“ถ้าเดินตามมาดี ๆ ตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้ว หึ ๆ”“ลูกพี่..เราเจอสาวหน้าใหม่มาแน่ะ เป็นสาวเอเชียเสียด้วย น่าจะเป็นสาวไทยนะ”ฮ๊ะ! ที่นี่มันที่ไหน ห้องใต้ดินที่ดูสกปรก ส่งกลิ่นเหม็นอับคละคลุ้งไปหมด คนพวกนี้อยู่ได้ยังไงกัน แล้วพวกมันจับตัวหล่อนมาเพื่ออะไร อย่าบอกนะว่าเธอโชคร้ายถึงขนาดว่าถูกจับตัวมาขาย!“อืมห์ เยี่ยมมาก พวกแกทำงานได้ดีมาก แต่..ไก่หลงตัวนี้ดูท่าทางยังกลัว ๆ อยู่นะ ไม่เต็มใจหรือไงจ๊ะน้องสาว” ผู้ชายวั
“เอ่อ..คุณน้ำริน ต้องกลับแล้ว ลุกขึ้นเถอะ” ได้ผล หญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นเมื่อครู่ยอมเงยหน้า ใบหน้าที่เปื้อนด้วยหยดน้ำตา แหงนมองไปยังบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างหวาด ๆ ใบหน้าขาวใสบัดนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตาดำขลับที่เคยไหวระริกแลดูมีชีวิตชีวา เวลานี้กลับกลายเป็นสีแดงไปเสียแล้ว นัยน์ตาดูเศร้าสร้อยแสดงความอ่อนแอ ออกมาทางสายตา ช่างน่าสงสารและน่าเห็นใจเหลือเกิน ทำเอาทานากะ ใจอ่อนยวบไปเลยทีเดียว“พาไปไหน? ไปหาเจ้านายของคุณน่ะหรือ?” น้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก“..........” บอดี้การ์ดหนุ่มเพียงแต่พยักหน้า ไม่เอ่ยอะไรออกมา“แล้วคราวนี้ฉันจะถูกทำโทษไหม? ..ทานากะ เขาจะฆ่าฉันมั้ย?”“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ วางใจเถอะ คุณรีบเอ่อ..แต่งตัวให้เข้าที่เข้าทาง แล้วออกไปจากที่นี่กันดีกว่า” น้ำรินลืมตัวไปชั่วขณะ ใช่สินะ ลืมไปเสียสนิทเลย นี่หล่อนกำลังอยู่ในสภาพที่เกือบโป๊ต่อหน้าคนอื่นอีกแล้ว หญิงสาวรีบกลัดกระดุมเสื้อให้เข้าที่ ซึ่งก็ไม่ได้เรียบร้อยเท่าใดนัก เพราะกระดุมเม็ดแรกมันขาดกระเด็นไปไหนแ
“ทำไม..ตกใจมากเลยหรือ? เป็นไงล่ะไปผจญภัยข้างนอก คงสนุกมากเลยสินะแล้วไปเล่นยังไง เสื้อผ้าถึงได้หลุดลุ่ยขนาดนี้ล่ะ ฮึ! ดูสภาพเธอตอนนี้ เหมือน..ลูกหมาตกน้ำเลยนะ”“เอ๊ะ!จะว่าอะไรก็ตามใจคุณเถอะ แต่อย่าเอาฉันไปเทียบกับหมาจะได้มั๊ย! ฉันเป็นคนนะ”“หึ..คนหรือ? คนที่ไหน ไม่รู้จักบุญคุณคน จะขอบใจสักนิดก็ไม่มี รู้อย่างนี้ ให้ไอ้พวกเศษสวะนั่นพาเธอไปขายซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยก็ดี”“ฮ๊ะ! ยะ..อย่านะ ได้โปรดอย่าทำอย่างนั้นเลย ฉัน..ฉันขอบคุณ คุณมาก ๆ เลยที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันจะไม่ลืมบุญคุณเลย จะให้ทำอะไรฉันก็ยอม ขออย่างเดียวอย่าส่งฉันไปให้พวกนั้นเลยนะคะได้โปรด” หญิงสาวละล่ำละลักพูดออกมาอย่างร้อนรนเมื่อเขาเอ่ยถึงพวกคนชั่วข้างนอกนั่น หล่อนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจเพียงแค่กล่าวถึง รูขุมขนทุกส่วนก็ลุกซู่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว“ทำอะไรก็ยอมอย่างนั้นหรือ? เธอพูดอย่างนั้นจริง ๆ น่ะหรือ?”“จริง..จริงสิคะ จะให้ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น เพื่อตอบแทนที่คุณช่วยเหลือฉันไว้” แววตาใสซื่อที่แสดงออกมา บ่งบอกถึงความจริงใจไม่
ดูเหมือนว่า ชายหนุ่มจะลืมหล่อนไปชั่วขณะ ร่างสูงผลุดลุกจากเก้าอี้ตัวหนาใหญ่เหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ เขาก้าวยาว ๆ ไปยังโทรศัพท์แล้วยกหูขึ้นพูดอะไรที่น้ำรินไม่เข้าใจสักอย่าง สักพัก ร่างสูงสง่าก็เดินเนิบ ๆ มาหยุดอยู่เบื้องหน้าหล่อน ซึ่งตอนนี้ก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเขานัก สายตาที่เอาแต่จ้องพื้นพรมสีแดงราวกับว่ามันมีอะไรที่น่าสนใจนักหนา มือข้างหนึ่งกำแน่นที่ชายเสื้อจนตึงเพราะความเกร็ง ส่วนอีกมือหนึ่งกุมที่คอเสื้อไว้แน่น น้ำรินเหลือบเห็นปลายรองเท้ามันปลาบอยู่บนพื้นพรม ตรงหน้า“ในเมื่อ..หาเจ้าของแหวนนั่นพบ และเขาคนนั้นได้จากไปแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก ส่วนแหวนที่หายไป ฉันไม่ได้ต้องการจะได้คืนนักหรอก ตอนนี้ เธอ..ไปได้ เธอเป็นอิสระแล้ว จะไปไหนก็เชิญ..”“อ่ะ..ฮ๊ะ!” เป็นไปได้ยังไง เขายอมปล่อยหล่อนไปง่าย ๆ อย่างนี้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ แวบหนึ่งน้ำรินรู้สึกดีใจที่เขาไม่เค้นที่จะเอาแหวนวงนั้นคืน ทำไม..ถึงได้ง่ายดายอย่างนี้ล่ะ แสดงว่า..หล่อนเองก็รอดพ้นจากข้อหาการเป็นขโมย เป็นอิสระแล้ว..ที่จริงหล่อนสมควรจะดีใจไม่ใช่หรือ แต่ทำไมตอนนี้กล
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ บริเวณผู้โดยสารขาออก คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีทั้งผู้โดยสาร และคนที่มารอรับ –ส่ง ญาติของตน ตรงทางออก ต่างก็เดินไปมา ดูพลุกพล่านไปหมด หนึ่งในนั้น มีหญิงสาวรูปร่างบอบบางรวมอยู่ด้วย ดูรวม ๆ แล้วก็ไม่ได้มีความสวยเด่นพิเศษอะไรมากมายนัก ที่จะทำให้เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็นในแวบแรก หากจะมีก็แต่ดวงตาหวานซึ้งที่ดูเศร้า แต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยวอยู่ในตัว กอปรกับใบหน้าเนียนใส ไร้สิวเสี้ยนที่ทำให้ดูน่ามอง น้ำริน ฤทธิ์รณชัย จะร่วมเดินทางไปกับสายการบินภายในประเทศ เพื่อไปพักผ่อน หลังจากหน้าที่การเป็นพยาบาลพิเศษให้กับผู้ป่วยรายหนึ่ง ที่หญิงสาวดูแลได้สิ้นสุดลง เมื่อท่านได้จากโลกนี้ไปแล้ว นับตั้งแต่หล่อนได้ลาออกจากการเป็นพยาบาลประจำในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อห้าปีก่อน น้ำรินยังจำได้ดีท่านเคยพูดว่า รู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูหล่อนมาก อยากให้ไปดูแลท่านที่บ้าน โดยให้ค่าจ้างที่คุ้มค่าเลยทีเดียวล่ะ แถมเป็นค่าจ้างที่หาทั้งปีก็ไม่มีทางได้เท่านี้ ส่วนอ
“ ต้องขอประทานโทษจริง ๆ นะคะ ทางเราจะรับผิดชอบ โดยการจัดที่นั่งให้ใหม่ทางตอนหลัง ให้ท่านสองที่เลยค่ะ”“ เฮอะ! จัดการได้เท่านี้น่ะหรือ ได้ ..ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผู้หญิงคนนี้ ไปนั่งตรงนั้นแทนผมสิ ในเมื่อที่นั่งซ้ำกัน และอีกอย่างผมต้องการนั่งตรงนี้!”“ คึ..คือว่า..คุณผู้หญิงท่านนี้ เธอมาก่อนตั้งแต่ สิบห้านาที ที่แล้วน่ะค่ะ”“ อ้อ! งั้น.. แสดงว่า ผมเป็นคนผิดอย่างนั้นหรือ? ที่มาทีหลังผู้หญิงคนนี้ ยังไงผมก็ยืนยันจะนั่งตรงนี้ ถ้าหากว่ายังมีปัญหาอีก ก็ไปเรียกกัปตัน หรือว่าคนที่พูดรู้เรื่องกว่านี้ มาคุยกับผมดีกว่า เข้าใจมั๊ย!?” น้ำรินได้ยินทุกคำพูด ของทั้งสองฝ่ายที่ตอบโต้กัน ด้วยภาษาอังกฤษ พลางลุ้นไปด้วยว่าจะลงเอยอย่างไร ผู้โดยสารหลายคนต่างก็หันมามองยังจุดที่ ชายหนุ่มผู้นั้นยืนค้ำหัวหล่อนอยู่ พร้อมกับแอร์สาวผู้น่าสงสารที่ยืนตัวสั่นงันงก เพราะกริ่งเกรงต่อผู้ชายวางอำนาจตรงหน้า
ไม่นานนัก ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่ชายผู้นั้นต้องการ โดยที่หล่อนได้ที่นั่งติดหน้าต่างตามเดิม ส่วนตัวเขากลับยอมนั่งที่ติดกับหล่อนริมทางเดินแทนอีกคน ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นคนดูยากเสียเหลือเกิน เมื่อกี้ยังอาละวาดอยากได้ที่นั่งตรงนี้อยู่แหมบ ๆ ตอนนี้กลับเงียบไปเสียเฉย ๆ เฮอะ! คิดว่าตัวเองใหญ่ ร่ำรวยมหาศาลมาจากไหนกัน ประเทศตัวเองก็ไม่ใช่ ทำเป็นกร่าง แหม..เสียแรงที่อุตส่าห์ชื่นชมตอนที่เห็นครั้งแรก แหว่ะ! จะหล่อลากดินมาจากไหน ถ้านิสัยแย่ ๆ อย่างนี้ก็ไม่เอาด้วยหรอกเครื่องบินลำใหญ่ พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่เหนือพื้นดินของเขตกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปสู่ทางทิศใต้ของประเทศไทย ซึ่งจุดหมายปลายทางของสายการบินนี้ก็คือ..เกาะภูเก็ต เมื่อเครื่องบินเหินขึ้นฟ้า ตามด้วยแรงกระตุกเล็กน้อยพอเครื่องอยู่ในระดับที่ปรับให้เข้าที่แล้ว น้ำรินถึงกับผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะนี่เป็นการเดินทางโดยเครื่องบินเป็นครั้งแรกของหล่อน เฮ้อ! รอดตายแล้วเรา น้ำรินพิงศีรษะ เอียงหน้าไปท