“เอ่อ..คุณน้ำริน ต้องกลับแล้ว ลุกขึ้นเถอะ” ได้ผล หญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นเมื่อครู่ยอมเงยหน้า ใบหน้าที่เปื้อนด้วยหยดน้ำตา แหงนมองไปยังบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างหวาด ๆ ใบหน้าขาวใสบัดนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตาดำขลับที่เคยไหวระริกแลดูมีชีวิตชีวา เวลานี้กลับกลายเป็นสีแดงไปเสียแล้ว นัยน์ตาดูเศร้าสร้อยแสดงความอ่อนแอ ออกมาทางสายตา ช่างน่าสงสารและน่าเห็นใจเหลือเกิน ทำเอาทานากะ ใจอ่อนยวบไปเลยทีเดียว
“พาไปไหน? ไปหาเจ้านายของคุณน่ะหรือ?” น้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก
“..........” บอดี้การ์ดหนุ่มเพียงแต่พยักหน้า ไม่เอ่ยอะไรออกมา
“แล้วคราวนี้ฉันจะถูกทำโทษไหม? ..ทานากะ เขาจะฆ่าฉันมั้ย?”
“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ วางใจเถอะ คุณรีบเอ่อ..แต่งตัวให้เข้าที่เข้าทาง แล้วออกไปจากที่นี่กันดีกว่า” น้ำรินลืมตัวไปชั่วขณะ ใช่สินะ ลืมไปเสียสนิทเลย นี่หล่อนกำลังอยู่ในสภาพที่เกือบโป๊ต่อหน้าคนอื่นอีกแล้ว หญิงสาวรีบกลัดกระดุมเสื้อให้เข้าที่ ซึ่งก็ไม่ได้เรียบร้อยเท่าใดนัก เพราะกระดุมเม็ดแรกมันขาดกระเด็นไปไหนแ
“ทำไม..ตกใจมากเลยหรือ? เป็นไงล่ะไปผจญภัยข้างนอก คงสนุกมากเลยสินะแล้วไปเล่นยังไง เสื้อผ้าถึงได้หลุดลุ่ยขนาดนี้ล่ะ ฮึ! ดูสภาพเธอตอนนี้ เหมือน..ลูกหมาตกน้ำเลยนะ”“เอ๊ะ!จะว่าอะไรก็ตามใจคุณเถอะ แต่อย่าเอาฉันไปเทียบกับหมาจะได้มั๊ย! ฉันเป็นคนนะ”“หึ..คนหรือ? คนที่ไหน ไม่รู้จักบุญคุณคน จะขอบใจสักนิดก็ไม่มี รู้อย่างนี้ ให้ไอ้พวกเศษสวะนั่นพาเธอไปขายซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยก็ดี”“ฮ๊ะ! ยะ..อย่านะ ได้โปรดอย่าทำอย่างนั้นเลย ฉัน..ฉันขอบคุณ คุณมาก ๆ เลยที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันจะไม่ลืมบุญคุณเลย จะให้ทำอะไรฉันก็ยอม ขออย่างเดียวอย่าส่งฉันไปให้พวกนั้นเลยนะคะได้โปรด” หญิงสาวละล่ำละลักพูดออกมาอย่างร้อนรนเมื่อเขาเอ่ยถึงพวกคนชั่วข้างนอกนั่น หล่อนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจเพียงแค่กล่าวถึง รูขุมขนทุกส่วนก็ลุกซู่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว“ทำอะไรก็ยอมอย่างนั้นหรือ? เธอพูดอย่างนั้นจริง ๆ น่ะหรือ?”“จริง..จริงสิคะ จะให้ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น เพื่อตอบแทนที่คุณช่วยเหลือฉันไว้” แววตาใสซื่อที่แสดงออกมา บ่งบอกถึงความจริงใจไม่
ดูเหมือนว่า ชายหนุ่มจะลืมหล่อนไปชั่วขณะ ร่างสูงผลุดลุกจากเก้าอี้ตัวหนาใหญ่เหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ เขาก้าวยาว ๆ ไปยังโทรศัพท์แล้วยกหูขึ้นพูดอะไรที่น้ำรินไม่เข้าใจสักอย่าง สักพัก ร่างสูงสง่าก็เดินเนิบ ๆ มาหยุดอยู่เบื้องหน้าหล่อน ซึ่งตอนนี้ก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเขานัก สายตาที่เอาแต่จ้องพื้นพรมสีแดงราวกับว่ามันมีอะไรที่น่าสนใจนักหนา มือข้างหนึ่งกำแน่นที่ชายเสื้อจนตึงเพราะความเกร็ง ส่วนอีกมือหนึ่งกุมที่คอเสื้อไว้แน่น น้ำรินเหลือบเห็นปลายรองเท้ามันปลาบอยู่บนพื้นพรม ตรงหน้า“ในเมื่อ..หาเจ้าของแหวนนั่นพบ และเขาคนนั้นได้จากไปแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก ส่วนแหวนที่หายไป ฉันไม่ได้ต้องการจะได้คืนนักหรอก ตอนนี้ เธอ..ไปได้ เธอเป็นอิสระแล้ว จะไปไหนก็เชิญ..”“อ่ะ..ฮ๊ะ!” เป็นไปได้ยังไง เขายอมปล่อยหล่อนไปง่าย ๆ อย่างนี้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ แวบหนึ่งน้ำรินรู้สึกดีใจที่เขาไม่เค้นที่จะเอาแหวนวงนั้นคืน ทำไม..ถึงได้ง่ายดายอย่างนี้ล่ะ แสดงว่า..หล่อนเองก็รอดพ้นจากข้อหาการเป็นขโมย เป็นอิสระแล้ว..ที่จริงหล่อนสมควรจะดีใจไม่ใช่หรือ แต่ทำไมตอนนี้กล
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ บริเวณผู้โดยสารขาออก คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีทั้งผู้โดยสาร และคนที่มารอรับ –ส่ง ญาติของตน ตรงทางออก ต่างก็เดินไปมา ดูพลุกพล่านไปหมด หนึ่งในนั้น มีหญิงสาวรูปร่างบอบบางรวมอยู่ด้วย ดูรวม ๆ แล้วก็ไม่ได้มีความสวยเด่นพิเศษอะไรมากมายนัก ที่จะทำให้เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็นในแวบแรก หากจะมีก็แต่ดวงตาหวานซึ้งที่ดูเศร้า แต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยวอยู่ในตัว กอปรกับใบหน้าเนียนใส ไร้สิวเสี้ยนที่ทำให้ดูน่ามอง น้ำริน ฤทธิ์รณชัย จะร่วมเดินทางไปกับสายการบินภายในประเทศ เพื่อไปพักผ่อน หลังจากหน้าที่การเป็นพยาบาลพิเศษให้กับผู้ป่วยรายหนึ่ง ที่หญิงสาวดูแลได้สิ้นสุดลง เมื่อท่านได้จากโลกนี้ไปแล้ว นับตั้งแต่หล่อนได้ลาออกจากการเป็นพยาบาลประจำในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อห้าปีก่อน น้ำรินยังจำได้ดีท่านเคยพูดว่า รู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูหล่อนมาก อยากให้ไปดูแลท่านที่บ้าน โดยให้ค่าจ้างที่คุ้มค่าเลยทีเดียวล่ะ แถมเป็นค่าจ้างที่หาทั้งปีก็ไม่มีทางได้เท่านี้ ส่วนอ
“ ต้องขอประทานโทษจริง ๆ นะคะ ทางเราจะรับผิดชอบ โดยการจัดที่นั่งให้ใหม่ทางตอนหลัง ให้ท่านสองที่เลยค่ะ”“ เฮอะ! จัดการได้เท่านี้น่ะหรือ ได้ ..ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผู้หญิงคนนี้ ไปนั่งตรงนั้นแทนผมสิ ในเมื่อที่นั่งซ้ำกัน และอีกอย่างผมต้องการนั่งตรงนี้!”“ คึ..คือว่า..คุณผู้หญิงท่านนี้ เธอมาก่อนตั้งแต่ สิบห้านาที ที่แล้วน่ะค่ะ”“ อ้อ! งั้น.. แสดงว่า ผมเป็นคนผิดอย่างนั้นหรือ? ที่มาทีหลังผู้หญิงคนนี้ ยังไงผมก็ยืนยันจะนั่งตรงนี้ ถ้าหากว่ายังมีปัญหาอีก ก็ไปเรียกกัปตัน หรือว่าคนที่พูดรู้เรื่องกว่านี้ มาคุยกับผมดีกว่า เข้าใจมั๊ย!?” น้ำรินได้ยินทุกคำพูด ของทั้งสองฝ่ายที่ตอบโต้กัน ด้วยภาษาอังกฤษ พลางลุ้นไปด้วยว่าจะลงเอยอย่างไร ผู้โดยสารหลายคนต่างก็หันมามองยังจุดที่ ชายหนุ่มผู้นั้นยืนค้ำหัวหล่อนอยู่ พร้อมกับแอร์สาวผู้น่าสงสารที่ยืนตัวสั่นงันงก เพราะกริ่งเกรงต่อผู้ชายวางอำนาจตรงหน้า
ไม่นานนัก ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่ชายผู้นั้นต้องการ โดยที่หล่อนได้ที่นั่งติดหน้าต่างตามเดิม ส่วนตัวเขากลับยอมนั่งที่ติดกับหล่อนริมทางเดินแทนอีกคน ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นคนดูยากเสียเหลือเกิน เมื่อกี้ยังอาละวาดอยากได้ที่นั่งตรงนี้อยู่แหมบ ๆ ตอนนี้กลับเงียบไปเสียเฉย ๆ เฮอะ! คิดว่าตัวเองใหญ่ ร่ำรวยมหาศาลมาจากไหนกัน ประเทศตัวเองก็ไม่ใช่ ทำเป็นกร่าง แหม..เสียแรงที่อุตส่าห์ชื่นชมตอนที่เห็นครั้งแรก แหว่ะ! จะหล่อลากดินมาจากไหน ถ้านิสัยแย่ ๆ อย่างนี้ก็ไม่เอาด้วยหรอกเครื่องบินลำใหญ่ พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่เหนือพื้นดินของเขตกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปสู่ทางทิศใต้ของประเทศไทย ซึ่งจุดหมายปลายทางของสายการบินนี้ก็คือ..เกาะภูเก็ต เมื่อเครื่องบินเหินขึ้นฟ้า ตามด้วยแรงกระตุกเล็กน้อยพอเครื่องอยู่ในระดับที่ปรับให้เข้าที่แล้ว น้ำรินถึงกับผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะนี่เป็นการเดินทางโดยเครื่องบินเป็นครั้งแรกของหล่อน เฮ้อ! รอดตายแล้วเรา น้ำรินพิงศีรษะ เอียงหน้าไปท
“คุณ..คุณคะ” เงียบ..มีลมหายใจอยู่หรือเปล่านะ ถึงได้ไม่ตอบสนองใด ๆ เลย แวบหนึ่ง ด้วยสัญชาตญาณวิชาชีพ หญิงสาวใช้นิ้วชี้ไปอังที่ปลายจมูกโด่งสวยทันที ก็ยังมีลมหายใจ เพื่อความแน่ใจ เลยใช้สองนิ้ววางทาบบริเวณคอแกร่งด้านข้าง อย่างเบามือ หากก็หวาดหวั่นไปด้วยเกรงว่าเขาจะเป็นอะไรไป“ทำอะไร?”“อ๊ะ!...!” น้ำรินตกใจสุดขีด ตาโตเท่าไข่ห่านเลยทีเดียว เมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็ลืมตาขึ้นมา พร้อมกับส่งเสียงเข้มดุ ด้วยสำเนียงไทยชัดแจ๋ว คิ้วดกสวยของเขาขมวดเข้าหากัน จ้องเขม็งมาที่หล่อน แค่นั้นยังไม่พอ ฝ่ามือเรียวใหญ่คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กทั้งสองข้างเข้าด้วยกันแทบทันที และอย่างรวดเร็ว คนตัวสูงใหญ่ออกแรงเพียงนิดเดียว กระชากตัวหล่อนให้เข้าไปใกล้ใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างง่ายดาย ทำให้หน้าของเขาและเธออยู่ห่างกันแค่ไม่กี่เซนต์เท่านั้น และไม่ทันที่หล่อนจะไหวตัว ชักมือกลับไม่ทันเสียแล้ว “ เอ่อ..คือก็ ฉะ..ฉันปลุกคุณแล้ว แต่คุณไม่ตื่นนี่นา ก็เลยนึกว่า..”“ คิดว่า ฉันไม่หายใจแล้ว อ
“หอมดีนี่ ใช้ยาสระผมอะไร” หญิงสาวตกใจสุดขีด พลางเงยหน้าขึ้นจากอกกว้างขวางทันที ส่งผลให้ใบหน้าอันหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาของชายหนุ่ม อยู่ใกล้กันเสียจนจมูกโด่งสวยชนเข้ากับพวงแก้มขาวใสของหล่อน ตาต่อตาประสานกันนิ่งไปชั่วขณะ น้ำรินอายจนหน้าแดง สงสัยแดงไปจนถึงใบหูแล้วแน่ ๆ เลย ฝ่ายชายหนุ่มคล้ายอึ้งตะลึงไปชั่วขณะเช่นกัน พลางกระแอมเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปอย่างเก้อ ๆ หญิงสาวก็เหมือนเพิ่งจะรู้ตัว จึงพูดอ้อมแอ้มออกกับอกหนา“ อ่ะ..คุณ ฉันจะกลับเข้าที่นั่งแล้ว ปะ..ปล่อยมือด้วยค่ะ”“จะยากอะไรล่ะ” ที่ว่าจะยากอะไรของเขา ก็คืออีกฝ่ายจัดการรวบเอวทั้งสองข้างของหล่อนไว้แน่น ออกแรงเพียงนิด หล่อนก็ได้กลับมาอยู่บนเก้าอี้ตัวในได้อย่างนิ่มนวล แต่..ขาหล่อนยังพาดอยู่ที่ตักเขาอยู่เลย น้ำรินงงอยู่กับเหตุการณ์เมื่อครู่ จึงไม่รู้จะจัดการยังไงกับร่างกายตัวเองดี พลางมองไปที่ขาทั้งสองข้างที่ยังวางอยู่แถว ๆ หน้าขาของเขา อย่างช่วยอะไรไม่ได้“จะเอาไว้ที่น
‘ อ้อ!..นึกออกแล้ว มิน่าล่ะ ถึงหลุดคำพูดออกมาตอนที่ก้าวเข้ามาบนเครื่องในตอนแรก ว่าสามารถเหมาเครื่องบินทั้งลำได้เลยหากว่าใครไปขัดเขา เฮอะ...คงนึกอยากลองทำตัวจนดูบ้างล่ะสิ พวกคนรวยที่เบื่อความโก้หรู เบื่อความสะดวกสบาย อยากได้อะไรก็ได้มาง่าย ๆ จนรู้สึกเซ็ง เลยลองเปลี่ยนบรรยากาศล่ะสิท่า’ แวบหนึ่ง หญิงสาวนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนที่เครื่องลงจอดสนิทยังสนามบิน ในขณะที่หล่อนกำลังเตรียมตัวจะออกจากที่นั่ง อยู่ดี ๆ เขาก็หันมาจ้องหน้า มองหล่อนด้วยสายตาหมายมาด ก่อนจะเอ่ยเนิบ ๆกับเธอ ‘แล้วเจอกันนะ แม่แมวน้อยขี้เซา’ จากนั้นเขาก็หันหลังเดินห่างออกไป ทุกที ทุกที จนลับสายตา ทิ้งให้น้ำรินยืนนิ่งไม่ไหวติงไปชั่วขณะ มารู้ตัวอีกทีเมื่อได้ยินแอร์สาวใจดี ช่วยปลุกให้หล่อนตื่นจากภวังค์ แมวน้อยขี้เซาอย่างนั้นหรือ เขามีสิทธิ์อะไรมาเรียกหล่อนว่าแมวน้อย หรือว่า ตอนที่อยู่บนเครื่อง หล่อนเผลอหลับใหลไม่รู้เรื่องรู้ราว แอบซุกไซ้ หาความอบอุ่นเอากับอกกว้างของเขาจะนับว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่นะที่มีโอกาสได้พูดคุยกับเขาถึงแม้จะไม่กี่ประโยคก็เถอะ หญิงส