“อ้อ!ใช่แล้ว แม่หนูคนนั้น ปู่เห็นว่าอยู่ใกล้บ้านหลานมากกว่าก็เลยพาเธอมานอนที่นี่ แล้วเรียกให้ยูอิจิมาตรวจร่างกายให้เรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าไม่มีอะไร เราไม่ได้ชนเธอ แต่เธอเป็นลมหมดสติไปก่อนที่รถจะถึงตัวเธอน่ะ”
“อย่างนั้นหรือครับ ค่อยโล่งใจหน่อย เอ่อ..ที่ปู่ไม่เป็นอะไร” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาอย่างลืมตัว ไม่แน่ใจตัวเองนักว่า โล่งอกเพราะปู่ของเขาเอง หรือเพราะคนที่อยู่ในห้องนั้นกันแน่ ตอนนี้เองที่ผู้อาวุโสกว่าสังเกตเห็นแววตาของหลานชายที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยคนเจ็บ ที่นอนอยู่ในห้องรับรองนั้น มันยังไงกันแน่นะ เจ้าหลานชายคนนี้ หรือว่าเขารู้จักกับแม่หนูคนนั้น แต่ก็ช่างเถอะ เดี๋ยวก็รู้เองว่าอะไรเป็นอะไร
“อืมม์..หลานจะไปดูแม่หนูนั่นหน่อยไหม ปู่ได้ให้มิกะดูแลหล่อนแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ” ประโยคที่ปู่ของเขาพูดตามหลังมาทำให้ใบหน้าของชายหนุ่ม แดงคล้ำขึ้นมาจนถึงใบหู ทำเป็นไม่รับรู้เรื่องราว ก่อนจะขอตัว แล้วเดินตรงดิ่งไปยังห้องที่อยู่ทางปีกซ้ายของตัวตึก
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็เจอกับมิกะที่กำลังเก็บอุปกรณ์เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับหญิงสาวร่างเล็ก
อาการงุ่นง่านทำให้นอนไม่หลับเสียแล้ว สุดท้ายชายหนุ่มจึงลุกขึ้นเดินไปที่ประตู ร่างสูงเดินย่ำลงบันไดโค้งครึ่งวงกลมยาวตั้งแต่ชั้นสองโค้งจนจรดลงมาถึงชั้นหนึ่งอย่างหงุดหงิดในหัวใจ ไม่แน่ใจตัวเองนักว่าเป็นเพราะอะไร เดินตรงดิ่งไปที่ห้องครัวเพื่อหยิบเครื่องดื่มในตู้เย็น เขาหยิบไวน์ขึ้นมาขวดหนึ่งแล้วจัดการเปิดขวดรินใส่แก้ว ก่อนจะยกขึ้นกรอกปากจนเหลือแค่เศษแตะอยู่ก้นแก้ว ภายในเวลาไม่กี่วินาที เจ้าของร่างสูงอยู่ในชุดนอนแพรราคาแพง ที่มีเพียงกางเกงตัวเดียว ถูกคลุมทับด้วยเสื้อคลุมกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม ปล่อยชายลากยาวถึงน่อง สาบเสื้อที่เปิดกว้างเผยให้เห็นแผงหน้าอก กว้างขวางบึกบึน กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ แสดงให้รู้ว่าเป็นคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ชายหนุ่มเดินออกมาที่ระเบียงหลังห้องครัว เพื่อสูดอากาศภายนอก อากาศบริเวณชานเมืองค่อนข้างเย็น เพราะต้นไม้ที่ปลูกเรียงรายกันจนรกครึ้ม แต่เขาก็ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง จมกับความคิดของตัวเองเพลิน ๆ ในมือประคองแก้วไวน์สีแดงก่ำ บัดนี้สะท้อนล้อกับแสงไฟนีออนด้านนอกส่องกลับมาสีเหมือนทับทิม ทำไมต้องใส่ใจกับผู้หญิงคนนั้นด้วยนะ ทำไมต้องนึกเป็นห่วงเมื่อยามที่หล่อน
ชายหนุ่มค่อย ๆ โน้มใบหน้าขาวสะอาดลงมาจนเกือบชิดพวงแก้มใส ปลายจมูกโด่งเป็นสันแตะอยู่ที่ใบหน้าแดงคล้ำ หยุดชะงักทันทีเมื่อหญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ยังหลับใหลไม่ได้สติอยู่เลย แต่ไฉนบัดนี้ดวงตากลมโตนัยน์ตาที่แดงก่ำเพราะหลับไม่พอ มองสบมาอย่างตระหนก“คุณ..คุณจะ..ทำอะไร?”“อ้อ! รู้สึกตัวแล้วหรือ? ฉันเพียงแค่จะปลุกให้เธอลุกขึ้นมาทานยา ก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรนี่” จำต้องพูดปดออกไปแก้เก้อ“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ขะ..ขอบคุณมากนะคะ ไหนคะยา..เดี๋ยวจะทานเอง” หญิงสาวพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งอย่างยากลำบาก ร้อนถึงชายหนุ่มต้องรีบเข้ามาประคองช่วยพยุงให้เจ้าหล่อนลุกนั่งบนเตียง แต่ไม่วายคนตัวเล็กกลับขืนตัวไว้ ราวกับว่าไม่อยากให้เขาแตะเนื้อต้องตัวกระนั้น“ฮึ! ไม่ต้องทำเป็นขัดขืนหรอก นึกว่าอยากแตะนักหรือตัวเธอน่ะ ผอมออกอย่างนี้ ไม่เห็นมีอะไรน่าดูเลย” คนถูกว่ากัดริมฝีปากแน่น ค้อนขวับส่งไปให้เสียหนึ่งที ไม่มีแรงที่จะพูดโต้ตอบกลับไป มันรู้สึกเปลี้ยไปหมดทั้งร่างกาย จึงทำได้แต่ถลึงตามองอย่างแค้นเคืองที่โดนว่า ทำให้อีกฝ่ายที่มองอยู่ก่อนแ
“อืมม์...”เช้าตรู่ของวันใหม่ อากาศด้านนอกเข้าสู่สภาพปกติ เมื่อหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทำไมทุกอย่าง ยังดูไม่ค่อยชัดตา ดวงตาพร่าพรายไปหมด น้ำรินสังเกตเห็นเหยือกน้ำวางอยู่ใกล้ ๆ แถว ๆ หัวเตียง มีแก้วน้ำที่ตอนนี้มีไอร้อนพวยพุ่งขึ้นมาให้เห็น แสดงให้รู้ว่า เพิ่งมีคนเอามันเข้าวางเมื่อไม่นานนี้เอง ข้าง ๆ กันนั้นยังมีถาดอาหารวางอยู่ น่าจะเป็นข้าวต้ม มือเล็กบางเอื้อมไปแตะที่ชามอาหารใบใหญ่ แล้วก็ชักมือกลับแทบทันที เมื่อความร้อนจัดยังคงหลงเหลืออยู่หญิงสาวพยายามใช้ลำแขนชันตัวเองลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ไม่อยากกลับลงไปนอนอีก ร่างเล็กค่อย ๆ เอนกายนั่งพิงหัวเตียง ข่มตาหลับลงไปอีกครั้ง ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนล้า สมองที่ยังหนักอึ้ง หูได้ยินเสียงกุกกักอยู่ภายในห้อง คนที่หลับตานิ่งเมื่อครู่พยายามเปิดเปลือกตาเพ่งมองไปที่ต้นเหตุของเสียง เงาตะคุ่ม ๆ ที่ดังออกมาจากห้องน้ำ ค่อย ๆ เคลื่อนกายเข้ามาใกล้“มิกะ หรือ?”“ใช่ค่ะ มิกะเอง คุณไข้ขึ้นหรือคะ? เมื่อคืน ฉันเห็นซองยาวางอยู่ตรงนี้ งั้นก็แสดงว่ามีคนเอายาให้คุณทานใช่ไหม? ใครกันนะ อ๊ะ! ช่า
“ไม่เป็นไรครับ เอาล่ะคราวนี้ก็วิ่งได้แล้ว” ฮ๊ะ! อีตาหน้าตี๋คิดว่าหล่อนเป็นเด็กหรือยังไง ถึงบอกให้หล่อนวิ่งได้แล้ว ฉันไม่ใช่เด็กนะ อายุเกือบจะสามสิบอยู่รอมร่อ“อือ..ขอบใจมากนะ ยูอิจิ ยังไงเย็นนี้ แวะมาดูอีกครั้งก็แล้วกัน จะได้ทานข้าวเย็น ถือว่าเป็นการตอบแทนที่เธอมาช่วยดูแลแม่หนูคนนี้”“ไม่มีปัญหาครับท่าน เพราะยังไง เธอก็ถือว่าเป็นคนไข้กิตติมศักดิ์ของผม” น้ำรินไม่เข้าใจในภาษาที่เขาพูดกัน แต่สายตาของบุรุษหนุ่มหน้าตาขาวสะอาด ดูหล่อไปอีกแบบ หันมองมายังหล่อน พลางส่งยิ้มให้ ราวกับยินดีในเรื่องอะไรนั้นไม่อาจทราบได้ ก่อนที่ร่างเพรียวสูงจะหันไปเก็บอุปกรณ์น้อยชิ้นเข้ากระเป๋ากล่าวคำลาและโค้งให้ตามวิสัยของคนญี่ปุ่น น้ำรินมองตามแผ่นหลังของคนที่คาดเดาเอาเองว่าน่าจะเป็นหมอ หน้าตาท่าทางใจดี พอ ๆ กับคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไป ไม่นานนักร่างสูงโปร่งสะอาดสะอ้านก็หายลับมุมห้องไป“เป็นยังไงบ้างแม่หนู ดีขึ้นหรือยัง” หญิงสาวหันขวับไปยังเสียงทุ้มที่เอ่ยทักอย่างเป็นมิตร ด้วยภาษาอังกฤษชัดแจ๋วเลยทีเดียวล่ะ ไม่น่าเชื่อว่าคนรุ่นนี้จะพูดภาษาต่างประ
“อะ..ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” น้ำรินกล่าวออกไปแบบตะกุกตะกัก มือไม้ไม่รู้จะทำยังไง จะยกมือไหว้ก็ไม่กล้า เพราะประเพณีไทยการทักทายกันคือการไหว้ จึงได้แต่โค้งศีรษะ และยิ้มทักทายให้กับอีกฝ่าย“อ๊ะ! เช่นกันค่ะ ..คุณไม่ใช่คนญี่ปุ่น ใช่มั๊ยคะ” ฮานะยิ้มหวานตอบกลับไป จำเป็นต้องแสดงให้รู้ว่าเธอยินดีที่จะรู้จักกับหญิงสาวหน้าตาเฉิ่ม ๆ บ้านนอกนั่น เพราะยังไงหล่อนก็จะมาดูแลปู่ของฮิโรยูกิ จำเป็นต้องผูกมิตรไว้ ก่อนจะถามออกไปตามมารยาทเท่านั้น“ฉันเป็นคนไทยค่ะ” หญิงสาวหันมาส่งยิ้มให้ ก่อนจะตอบกลับไปอย่างเป็นมิตร หากแต่ภายในใจอยากต่อประโยคด้วย คำว่า เพราะเขาจับตัวฉันมา เหลือเกิน แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ได้แต่ส่งสายตาเหน็บแนมไปยังชายหนุ่มที่ตอนนี้เอาแต่นั่งจ้องหน้าหล่อนตาไม่กระพริบ จะมาจ้องอะไรกันล่ะ คนบ้า จะคอยจับผิดหรือไง กลัวว่าหล่อนจะพลั้งปากบอกเพื่อนสาวไปหรือยังไงกัน หากคนที่ถูกต่อว่าในใจ กลับกำลังจมอยู่ในความคิดของตนเองเกี่ยวกับตัวหล่อนนั่นล่ะว่า วันนี้เธอช่างยิ้มสวยเหลือเกิน..ท่าทางและแววตาเหล่านั้นของทั้งคู่ อยู่ในสายตาที่ชอบสังเกตข
“กำลังฝันหวานอยู่ล่ะสิ สงสัยว่าเธอคงจะแห้วตั้งแต่ตอนนี้แล้วล่ะ เพราะรสนิยมของเพื่อนฉันน่ะ เขาไม่ชอบพวกคนระดับต่ำ ๆ อย่างเธอหรอก อย่าฝันหวานเสียให้ยากเลย” น้ำเสียงทุ้มต่ำ ที่ดูถูกเหยียดหยาม คอยตอกย้ำให้รู้ถึงฐานะอันต่ำต้อยของเธอ ทำให้หญิงสาวรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาในบัดดล“ก็เพราะใครกันล่ะ! ที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ถ้าคุณไม่จับตัวฉันมา ป่านนี้ชีวิตฉันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก คุณน่ะมัน..มัน”“ฉันมันอะไร..พูดออกมาสิ พูดออกมา!” น้ำเสียงคุกคาม พร้อม ๆ กับร่างสูงใหญ่ก้าวต่อก้าวเข้ามาหาคนตัวเล็กกว่า ที่ถอยร่นหนีเขาอย่างหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ จนกระทั่งหลังหญิงสาวชนเข้ากับกำแพงบ้าน เท่านั้นล่ะคนตัวใหญ่จึงได้โอกาส ใช้ลำแขนแข็งแรงกั้นตัวหล่อนไม่ให้หนีไปไหนได้อีก“เธอนี่มันน่านัก ชอบยั่วโมโหฉันอยู่เรื่อยเลยนะ หึ..คงคิดล่ะสิ ว่าท่านปู่เอ็นดูเธอ แล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไร อย่าให้รู้นะว่าในหัวสมองของเธอตอนนี้กำลังใช้คนแก่เป็นสะพานเชื่อมไปถึงเพื่อนฉันน่ะ” ร่างสูงก้มลงไปพูดจนชิดใบหน้าบางใส ติดกับใบหูเล็ก จมูกโด่งสวยแทบชนเข้ากับดวงหน้า ราวกับจงใจให้
“คิดให้ดี ๆ นะพ่อหนุ่ม แล้วเธอจะเสียใจที่ปฏิเสธฉัน” คำพูดทิ้งท้ายของโทรุ ก่อนที่จะลุกออกจากห้องหรูเย็นเฉียบ ไม่ได้ทำให้ฮิโรยูกิสะทกสะท้านแม้แต่น้อย“ดูเหมือนว่าเราจะไปขัดขาทาจิบานะ โทรุ เสียแล้วสิครับ”“หึ! ก็ต้องลองกันดูสักตั้ง ฉันไม่มีวันให้เขาใช้ฉันเป็นสะพานในการทำธุรกิจสั่ว ๆ นั่นแน่ เราก็อย่าประมาทก็แล้วกัน ไม่รู้ว่าคนอย่างนายทาจิบานะนั่น จะใช้ลูกไม้แบบไหนบ้าง” ทานากะ รู้สึกสังหรณ์ในใจเหลือเกินว่า จะเกิดอะไรไม่ดีอย่างแน่นอน ในอนาคตอันใกล้ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่เท่านั้น เมื่อฮิโรยูกิ ได้ปฏิเสธเจ้าพ่อธุรกิจผิดกฎหมายหลายประเภท เหมือนหย่อนระเบิดลูกใหญ่ในโตเกียวกระนั้น คาดิแลคสีดำคันงามแล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่อย่างนุ่มนวล เสียงปิดประตูรถกระแทกดังสะท้อนก้องไปตามเสาหินอ่อน ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับน้ำหนักในตอนหน้า บรรดาสาวใช้ แม่บ้านต่างก็รีบหลบฉากทันทีที่เห็นเจ้านายมีสีหน้าบึ้งตึง เมื่อลงจากรถ สิ่งที่มารบกวนจิตใจให้ขุ่นมัวทันทีที่รถจอดสนิท เมื่อสายตาคมดุเหลือบไปเห็นเมอร์ซิเดส ของคน ๆ เดิม นั่
ณ บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชนที่ขึ้นชื่อที่สุดในโตเกียว มีกลุ่มบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ แต่งตัวด้วยเสื้อสูทใส่แว่นตาสีดำ ยืนคุมเชิงเต็มบริเวณนั้นจนไม่มีใครกล้าเฉียดกายเข้าไปใกล้แม้แต่คนเดียว“นายนี่ดวงแข็งน่าดูเลยว่ะ กันได้ยินที่ทานากะเล่าให้ฟังแล้ว เรื่องมันเป็นไงมาไง ถึงได้มีคนมาลอบทำร้ายอย่างนี้ได้” หมอหนุ่ม ทำแผลให้เขาไปถามไปอย่างอยากรู้ ฮิโรยูกิ นอนนิ่งให้เพื่อนรักทำแผลบนเตียงแคบ ๆ สีหน้าเหยเกทันที เมื่อแผลสดแถวซี่โครงด้านขวา เป็นทางยาวตั้งแต่หน้าอกถึงสีข้างโดนแอลกอฮอล์ล้างแผลตามด้วยเบตาดีนฆ่าเชื้อ มันแสบเสียยิ่งกว่าอะไรเลยทีเดียวล่ะ“เบา ๆ หน่อยสิไอ้หมอ แกจะฆ่าเพื่อนรึไงวะ โอย..”“อะไรกันเพื่อนรัก นี่กันทำเบาที่สุดแล้วนะเนี่ย ปกติแผลตื้น ๆ แค่นี้เขาให้พยาบาลทำโว้ย! นี่กันอุตส่าห์ลดตัวมาทำแผลแค่นี้ให้นายก็บุญแล้วนะ”“งั้นก็ดีเลย ให้พยาบาลมาทำแผลให้ฉันเลย น่าจะมือเบากว่านายเยอะ”“เสียใจด้วยนะเพื่อน เหล่าบอดี้การ์ดของนายที่มาเป็นกองทัพ ข้างนอกโน่นไม่ยอมให้ใครเข้ามา นอกจากกันคนเดียว เวอร
การกระทำของทั้งสองได้เรียกน้ำตาให้กับคนที่พบเห็น บริเวณห้องฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี ชั่ววินาทีนั้นราวกับว่าได้หยุดทุกสิ่งทุกอย่างให้หยุดอยู่กับที่ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ป่วยที่ร้องโอดโอย เพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลบริเวณหน้าขา เพิ่งถูกเข็นผ่านเข้ามาภายใน ต้องหยุดชะงักงันไปชั่วขณะ เหลือบมองมายังคู่หนุ่มสาวทั้งสองด้วยความงุนงงสงสัย ลืมความเจ็บปวดเมื่อครู่ไปเลยทีเดียว ทางด้านผู้สูงอายุทั้งสาม ถึงกับอึ้งไปกับการกระทำของทั้งสองหนุ่มสาว ความรู้สึกตื้นตัน และเห็นความตั้งใจจริงของทั้งสอง แสดงให้รู้ว่าพวกเขารักกันมากมายขนาดไหน ฝ่ายชายถึงกับสามารถตัดขาดจากสมบัติและวงศ์ตระกูลได้เลย เพื่อแลกกับการได้ครองรักกับหญิงสาวร่างเล็กบอบบางข้างกาย ลี ฮาซันถึงกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับที่หางตา มองไปทางด้านผู้เป็นสามีคล้องวงแขนเข้ากับลำแขนของอีกฝ่ายซุกหน้ากับอกของสามี ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ ทางด้านลี จางชีก็มีอาการไม่ต่างจากกันนัก จึงแตะที่แขนของภรรยาอย่างปลอบประโลม ชายชราหนึ่งเดียวนั้นก็ไม่ได้มีอาการแตกต่างจากคนอื่นเท่าใดนัก ร่างที่ค่อนข้างค้อมเล็กน้อย ไขว้มือที่เหี่ยวย่นไว้ด้านหลังข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างวางอยู่บน
น้ำรินพยายามลืมตาตื่น รู้สึกมึนงงไปหมด อาการคลื่นไส้ จะเป็นลม หายเป็นปลิดทิ้งหลังจากที่ได้ให้น้ำเกลือ และนอนพักเต็มอิ่มแล้ว ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำอุ่น ๆ เค็ม ๆ ถูกเช็ดออกจากดวงหน้าด้วยนิ้วเรียวใหญ่อย่างเบามือของผู้เป็นสามี“ตื่นแล้วหรือ? เป็นไงบ้าง? ยังเวียนหัวอยู่หรือเปล่า?” คำถามรัวถี่ติด ๆ กันจนคนถูกถามแทบตอบไม่ทัน จึงได้แต่ส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ หล่อนไม่อยากให้เขาเป็นกังวลมากนัก“ไอ้หมอหัวล้านกับเจ้ายูมันให้เธอกลับบ้านได้ แต่ฉันว่าเธอยังไม่แข็งแรงดีเลย ยังไงนอนพักดูอาการที่นี่สักคืนดีไหม” ผู้เป็นภรรยาส่ายหัวดิกเมื่อ ได้ยินผู้เป็นสามีบอกให้นอนพักที่นี่สักคืน“ไม่เอาค่ะ หายดีแล้ว ไม่เวียนหัว ไม่คลื่นไส้ ไม่มีอาการอะไรทั้งนั้นแล้ว ฉันหายดีแล้วจริง ๆ นะคะ” อยากจะบอกเหลือเกินว่า แค่ตื่นขึ้นมาแล้วได้เจอหน้าเขา มาอยู่ใกล้ ๆ อย่างนี้อาการต่าง ๆ ก็หายเป็นปลิดทิ้งทันทีเลยล่ะ“จริงนะ ห้ามโกหก เป็นพยาบาลอะไรไม่ชอบโรงพยาบาลเฮ้อ!” ชายหนุ่มชะโงกหน้า มองเสี้ยวหน้าภรรยาตัวน้อยด้วยความมันเขี้ยว มือใหญ่วางแปะที่ศีรษะเล็กนั้น เขย่าเบา ๆ อย่างเอ็นดู“กลับบ้านกันเถอะนะคะ” คนไข้ตัว
“ดี..แล้วก็เอาหัวล้าน ๆ ของไอ้หมอคนเมื่อกี้ออกไปห่างเมียกันหน่อยได้ไหม กันไม่ชอบขี้หน้ามันเลยว่ะ” ฮิโรยูกิหันมากระซิบข้างหูเพื่อนรักทันทีที่หันไปเห็นแพทย์คนเมื่อสักครู่ เดินเลี่ยงออกไปทางด้านซ้ายของเตียงคนไข้ นั่นก็เรียกรอยยิ้มให้ยูอิจิได้เป็นอย่างดี ขี้หึงจริง ๆ นะเพื่อนเรา แม้แต่หมอแก่ร่างท้วม กับหัวที่มีผมทางตอนหน้าเหลือน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง ไปหาว่าเขาหัวล้านซะนี่ ร้ายจริง ๆ“ออกไปก่อนเถอะเพื่อน ไม่ต้องห่วงทางนี้ กันจะช่วยดูให้อีกแรงหนึ่ง” คำยืนยันของยูอิจิ บอกว่าภรรยาของเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างสูงจึงยอมถอยห่างออกมาแต่ไม่ได้ไปไหนไกล เขายังคงปักหลักยืนอยู่ห่าง ๆ ในมุมห้องแคบนั้น พลางกอดอกมองแพทย์และพยาบาลตรวจร่างกายหล่อนเงียบ ๆ“ฮีโร่..ฮีโร่..ตื่นเถอะ”“อ๊ะ! ฮ๊ะ! ยู..เมียฉันล่ะเมียฉันเป็นไงบ้าง!” ร่างสูงผวาตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงยูอิจิปลุกให้ตื่น เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“หึ..ตื่นขึ้นมาก็โวยวายเลยนะ คุณน้ำรินปลอดภัยแล้ว หมอให้น้ำเกลือ แล้วย้ายเธอไปนอนพักดูอาการที่ห้องข้าง ๆ โน่นแล้ว”“เหรอ? แล้วอยู่ไหนล่ะ?”“เดี๋ยวสิเพื่อน นี่นายไม่อ
“อือ ๆ ก็ว่าอย่างนั้นล่ะ” แล้วก็มีเสียงงึมงำจากคนรอบข้าง ที่บ่งบอกว่าเห็นด้วยกับความเห็นของเขา และนั่นก็ให้คุณคิม เซยอนชักสีหน้าอย่างไม่พอใจให้สามีทันที“เอาอย่างนี้สิ อะไรที่เป็นฝีมือของเธอ เราก็ชิมอันนั้นก็แล้วกัน..เรามาวัดกันที่รสชาติเป็นไง” และก็เป็นท่านปู่อีกตามเคยที่เอื้อมมือมาช่วยหล่อนไว้ ทำให้น้ำรินลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก การทดสอบเรื่องอาหารผ่านไปด้วยดี ผลที่ออกมาหล่อนได้คะแนนเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าสูงมากเลยทีเดียว และสุดท้ายก็คือการชงชาที่ถูกต้อง ขณะที่กำลังนำถาดน้ำชาไปเสิร์ฟให้ผู้หลักผู้ใหญ่นั้นเอง วูบหนึ่งหล่อนรู้สึกหน้ามืด วิงเวียนจนแทบล้ม แต่ก็พยายามข่มใจไว้ พลางยืดอกขึ้นสูดลมหายใจเพื่อเอาออกซิเจนเข้าปอดลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดเรื่องที่หญิงสาวไม่ต้องการให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้“อุ๊บ! อ๊ะ!” เพล้ง! จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อกลิ่นของชาชั้นดีโชยมาแตะเข้าที่จมูก กลิ่นของมันทำให้แก๊สในกระเพาะอาหารปั่นป่วนจนวิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอ แทบอ้วกออกมา เท่านั้นเองโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว หล่อนเผลอยกมือขึ้นมาปิดปาก ทำให้น้ำหนักถูกเทไปที่มืออีก
สามวันแล้วสินะที่หล่อนโดนการทดสอบแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคุณอาหญิง วันแรกเธอให้หล่อนขัดถูเครื่องใช้โบราณที่อยู่ในครัว ทำอยู่เป็นวันกว่าจะเสร็จก็เล่นเอามือถลอกไปเลยทีเดียว ถัดมาอีกวันหนึ่งหล่อนถูกทดสอบการทำอาหารซึ่งหล่อนถนัดนักล่ะ ไม่ว่าเธอจะสั่งให้ทำอะไรหล่อนก็ทำมันออกมาได้เป็นอย่างดี และนั่นก็ทำให้คุณลี ฮาซัน เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับหล่อนดีขึ้น วันนี้เธอช่วยสอนวิธีชงชาที่ถูกวิธีให้กับหล่อนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฮีจินมาเยี่ยมหล่อนเมื่อช่วงบ่าย ก่อนจะกลับหล่อนได้ยื่นของสิ่งหนึ่งมาให้ นั่นก็คือหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลีในแต่ละยุคสมัย คุณลีบอกว่าอีกสองวันจะมีการประชุมผู้อาวุโสของตระกูล ให้หล่อนเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อถึงวันนั้นเธอบอกว่าจะคอยช่วยหล่อนอีกแรงหนึ่ง น้ำรินรู้สึกดีใจเหลือเกิน ที่สามารถเอาชนะใจคุณลี ฮาซันได้ เพียงแค่ระยะเวลาอันสั้น ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน พ่อบ้านเก่าแก่ ต่างก็ให้ความเป็นกันเองกับหล่อนมากขึ้นผิดกับวันแรก ๆ ที่หล่อนมาถึงที่นี่ลิบลับ หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งในช่วงเย็น หลังจากร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นกับผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กก้าวเข้าไป
ช่วงเดือนพฤษภาคมที่เกาหลีแลดูสดชื่นนัก ความสวยงามของดอกไม้ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ พันธุ์ไม้ต่าง ๆ ผลิดอกบานสะพรั่งก่อนที่จะมีใบสีเขียวชอุ่มตามมา ไกด์จำเป็นอธิบายให้หล่อนฟังว่า ริมทางที่รถวิ่งผ่านมาส่วนมากจะเป็นต้นเมเปิลต้นอึนแฮง ( ต้นแป๊ะก๊วย) ต้นบอทือ ( ต้นหลิว) ต้นบอช ( ต้นซากุระ) ต้นชัน (คล้ายต้นสน) ส่วนที่อยู่บนเนินเขาจะมีดอกจิลดัลแล สีชมพูอมม่วง ดอกแคนารีสีเหลือง และดอกซากุระ หรือดอกชนามู สีขาวอมชมพู ต่างผลิดอกออกมาประชัน เปรียบเสมือนสีผ้าต่าง ๆ พืด ปูประดับประดาไว้อย่างสวยงาม ต้นไม้ที่ให้ร่มเงา ยืนเรียงรายริมถนนเริ่มผลิใบอ่อนบ้างแล้ว ตามกิ่งก้านจะมีนกเจบีตัวเล็ก ๆ สีดำส่งเสียงร้องอย่างร่าเริง รถคันจิ๋ววิ่งลัดเลาะผ่านภูเขาที่ดูคดเคี้ยว จากกรุงโซลออกมาแถวชานเมือง ได้สักพักใหญ่ ๆ คนขับกิตติมศักดิ์ของหล่อนก็หักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวขวาขึ้นไปบนเนินสูงเบื้องหน้า วิ่งผ่านรั้วกำแพงสูงใหญ่เข้าไปด้านใน ก่อนจะจอดนิ่งสนิทหน้าลานกว้าง น้ำรินก้าวลงจากรถพลางเหม่อ
“อืมม์ เก่งขึ้นทุกวันนะเราใครสอนกันนะ โอ๊ะ! หึ ๆ” พูดออกไปแล้วก็ต้องร้องครวญครางด้วยความเจ็บ เมื่อถูกกำปั้นน้อย ๆ ทุบที่หน้าอกทีหนึ่งจากคนตัวเล็กตรงหน้า แก้มแดงระเรื่อทำให้เขาอดใจไม่ไหว ช้อนร่างหล่อนอุ้มขึ้นมากระชับไว้ในวงแขนอันอบอุ่น ก่อนจะพามาวางลงบนที่นอนโดยมีร่างสูงหนาตามมาติด ๆ ลมหายใจรินรดกันจนแทบจะสัมผัสได้ ตาต่อตาประสานกันนิ่ง ชายหนุ่มแนบหน้าเข้ามาใกล้เกลือกจมูกโด่งสวยเป็นสัน กับแก้มเนียนอมชมพูสูดดมความหอมอย่างรักใคร่หลงใหล ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากจากมุมปากประกบไว้แนบแน่น มือหนึ่งช้อนไว้ที่ท้ายทอยของหล่อน ส่วนมืออีกข้างก็ทำการสำรวจร่างกาย ลูบไล้ไปทั่วก่อนจะสอดหายเข้าไปใต้เนื้อผ้า.. สักพักชุดนอนเนื้อผ้าบางเบาก็ถูกปลดออกจากร่าง เหลือไว้เพียงร่างขาวนวลเนียนกระจ่างตา“ยังเช้าอยู่เลยนะคะ” หญิงสาวจำต้องยกมือขึ้นแตะที่แขนของสามีเป็นเชิงเตือน เมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น“ไม่เห็นเป็นไรเลยเช้า ๆ นั่นแหละดี”“แต่ว่า..คุณต้องไปทำงาน”“อื้อ..อย่าดื้อน่า เมื่อกี้ยังเชื้อเชิญอยู่เลย นะ..ขอหน่อยนะที่รัก หลายวันแล้วนะที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย อีกหน่อยเธอก็ต้องไปที่โซลแล้ว เมื่อถึ
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้มันสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายจึงใช้ส้นเท้ากระทืบลงที่หลังเท้าของมันเต็มแรง ก่อนจะก้มลงไปกัดที่มือหยาบหนาบริเวณที่มันโอบเหนือเอวหล่อนขึ้นมา เมื่อถูกฟันคม ๆ ของหล่อนกดลึกเข้าไปในผิวเนื้อจนมันรู้สึกเจ็บ ร้องจ๊ากออกมา จนสะบัดมือ สะบัดเท้าเร่า ๆ หญิงสาวมองเห็นความหวังที่จะรอดไปได้ขึ้นมารำไร จึงรีบสลัดตัวออกจากแขนใหญ่ล่ำ ที่พันธนาการหล่อนอยู่ทันที ก่อนจะก้มลงไปหยิบปืนที่หล่นอยู่แทบเท้าเมื่อครู่ด้วยมืออันสั่นเทา นิ้วชี้กระชับพร้อมที่จะเหนี่ยวไกเพื่อกระชากวิญญาณของพวกมันได้ทุกเมื่อ หญิงสาวอยู่ในท่าเตรียมพร้อมอย่างที่ร่ำเรียนมา ปลายกระบอกปืนส่ายสลับไปมา ระหว่างชายฉกรรจ์ที่ยึดตัวหล่อนและสามีไว้เมื่อครู่อย่างหมายมาด สถานการณ์กลับกลายไปเป็นอีกแบบหนึ่งทันที ฮิโรยูกิย่างสามขุมตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของโทรุ ด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนไอ้สองคนที่กำลังสาละวนอยู่กับการพันธนาการฮีจินอยู่ ชะงักงัน หนึ่งในนั้นพยายามที่จะงัดปืนออกมาจากเอวของมันแต่ถูกเสียงเข้มดุดัน ตะโกนสั่งออกมาเสียก่อน“ทิ้งปืนซะ! ถ้าไม่อยากให้เจ้านายของแกตาย แล้วก็แก้มัดเพื่อนฉัน
“ทำได้ดีมาก..ที่รัก” ฮิโรยูกิยังมีอารมณ์หันมาเอ่ยปากชมหล่อนทันทีที่ร่างเล็ก ๆ วิ่งเข้ามาหลบอยู่ข้างหลังเขา ความขุ่นมัว กรุ่นโกรธก่อนหน้านี้ค่อยผ่อนคลายลงไปได้นิดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าหล่อนแก้เผ็ดไอ้คนที่กระทำการอันน่ารังเกียจกับหล่อนได้อย่างไม่น่าเชื่อไม่เสียแรงเลยที่เขาอุตส่าห์ให้หล่อนหัดเรียนรู้วิธีป้องกันตัว เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมาทั้ง ๆ ที่กลัวเหลือเกินว่าเนื้อตัวของหล่อนจะบอบช้ำจากการฝึกฝน แต่ดูเหมือนว่าภรรยาตัวน้อยของเขาจะติดใจการฝึกหัดทุกรูปแบบเสียจนบางครั้ง ไม่สนใจเขาไปเลยในช่วงนั้น โดยเฉพาะเวลาที่เธอฝึกยิงปืนกับครูหนุ่ม การเอาใจใส่จนออกนอกหน้าของครูฝึกคนนั้น ทำให้เขาต้องย้ายหล่อนให้มาฝึกกับครูผู้หญิงแทน ส่วนครูฝึกคนแรกนั้น ถูกย้ายทันทีในวันถัดมา นี่ล่ะ..ผู้หญิงที่จะมาเป็นนายหญิงของตระกูลคัทซึฮิโกะตัวจริง“หึ ๆ แกแน่มาก ฮิโรยูกิแต่ดูเหมือนว่าแกจะประเมินฉันต่ำไปแล้ว” ฮิโรยูกิกับน้ำรินรู้สึกแปลกใจในคำพูดของโทรุ ที่จู่ ๆ มันก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาจากลำคอ ทันใดนั้นทั้งสองก็ต้องอ้าปากค้างร้องอุทานออกมาเกือบพร้อมกัน“ฮ