ณ บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชนที่ขึ้นชื่อที่สุดในโตเกียว มีกลุ่มบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ แต่งตัวด้วยเสื้อสูทใส่แว่นตาสีดำ ยืนคุมเชิงเต็มบริเวณนั้นจนไม่มีใครกล้าเฉียดกายเข้าไปใกล้แม้แต่คนเดียว
“นายนี่ดวงแข็งน่าดูเลยว่ะ กันได้ยินที่ทานากะเล่าให้ฟังแล้ว เรื่องมันเป็นไงมาไง ถึงได้มีคนมาลอบทำร้ายอย่างนี้ได้” หมอหนุ่ม ทำแผลให้เขาไปถามไปอย่างอยากรู้ ฮิโรยูกิ นอนนิ่งให้เพื่อนรักทำแผลบนเตียงแคบ ๆ สีหน้าเหยเกทันที เมื่อแผลสดแถวซี่โครงด้านขวา เป็นทางยาวตั้งแต่หน้าอกถึงสีข้างโดนแอลกอฮอล์ล้างแผลตามด้วยเบตาดีนฆ่าเชื้อ มันแสบเสียยิ่งกว่าอะไรเลยทีเดียวล่ะ
“เบา ๆ หน่อยสิไอ้หมอ แกจะฆ่าเพื่อนรึไงวะ โอย..”
“อะไรกันเพื่อนรัก นี่กันทำเบาที่สุดแล้วนะเนี่ย ปกติแผลตื้น ๆ แค่นี้เขาให้พยาบาลทำโว้ย! นี่กันอุตส่าห์ลดตัวมาทำแผลแค่นี้ให้นายก็บุญแล้วนะ”
“งั้นก็ดีเลย ให้พยาบาลมาทำแผลให้ฉันเลย น่าจะมือเบากว่านายเยอะ”
“เสียใจด้วยนะเพื่อน เหล่าบอดี้การ์ดของนายที่มาเป็นกองทัพ ข้างนอกโน่นไม่ยอมให้ใครเข้ามา นอกจากกันคนเดียว เวอร
เจ็บเป็นบ้าเลย! เจ้าชุดนอนเฮงซวย อูย..ป่านนี้หัวคงปูดเท่าลูกมะนาวแล้วล่ะมั้ง บ่นกระปอดกระแปดในความซุ่มซ่ามของตัวเองเสร็จก็พยายาม พยุงกายลุกขึ้นมือก็คลำปัดป่ายตรงขอบประตู จนปลายนิ้วไปโดนสวิตช์ไฟเข้า ไม่นานนักภายในห้องนอนเล็กก็สว่างจ้าขึ้นมาทันทีว๊าย!แย่แล้ว ทำยังไงดีคนข้างนอกจะไม่รู้แล้วหรือว่ามีผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แอบแฝงตัวอยู่ในนี้คนหนึ่ง สงสัยว่าหล่อนจะกลายเป็นศพแรกแน่ ๆ เลย ดูเหมือนว่าลางสังหรณ์ของหล่อนจะเป็นจริงไปเสียแล้ว เมื่อมีเสียงเคาะประตูหนัก ๆ จากด้านนอก รัวถี่ขึ้นเรื่อย ๆ“น้ำริน เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ เป็นอะไรหรือเปล่า เปิดประตูสิ ทานากะ ไปเอากุญแจสำรองมา”“เอ่อ..แต่ว่า” บอดี้การ์ดหนุ่มอึกอัก ยังไม่อยากทำตามเจ้านายเพราะนั่นถือเป็นการละลาบละล้วงห้องของคนอื่น โดยเฉพาะคนข้างในเป็นผู้หญิง แล้วเป็นยามวิกาลด้วย เขาไม่เข้าใจเจ้านายหนุ่มนัก ตัวเองก็เจ็บสาหัสแทนที่จะไปพักผ่อน แต่กลับมาสนใจเรื่องของคนอื่นอีก เพียงแค่ได้ยินเสียงดังออกมาจากห้องนอนของหญิงสาวชาวไทยคนนั้น“นายจะไปเอา หรือจะให้ฉันไปเอง ห๊ะ!” อุ๊ย! แย่แล้ว..ที่แ
หญิงสาวค่อยๆ แง้มประตูทีละนิด ก่อนจะแทรกตัวเองเข้าไปยังห้องนอนอันกว้างขวาง จุดแรกที่เห็นอยู่ตรงกลางห้องใหญ่โอ่โถง นั่นก็คือเตียงกว้างตั้งเด่นอยู่ สายตามองผ่านไปทั่วห้องพลันสะดุดอยู่ที่ภาพถ่ายกรอบขนาดกลางติดอยู่กับผนังห้อง น้ำรินเดินไปหยุดมองนิ่งที่ภาพนั้นอย่างเผลอไผล ภาพครอบครัวที่มีพ่อ แม่ ลูก อยู่กันพร้อมหน้า ตอกย้ำปมด้อยของตนเองโดยไม่ได้ตั้งใจ ตั้งแต่เล็กจนโตหล่อนไม่เคยได้ถ่ายรูปครอบครัวอย่างนี้เลย น้ำรินเคยฝันไว้ว่า สักวันหนึ่งหากเธอมีครอบครัวจะถ่ายรูปแบบนี้ไว้เป็นที่ระลึกเมื่อยามคิดถึงกัน“ทำอะไรอยู่น่ะ ชักช้าอยู่ได้ ฉันรอเธออยู่ตั้งนานแล้วรู้ไหม ช่วยเร็ว ๆ หน่อยเถอะฉันง่วงจะแย่อยู่แล้ว” อ๊ะ! ใครจะไปรู้ล่ะ ว่ายังมีอีกห้องหนึ่งทางด้านโน้น ฉันก็นึกว่าคุณอยู่ในห้องน้ำน่ะสิ พอเข้ามาก็ไม่เห็นแม้แต่เงา น้ำรินจำต้องเดินตามร่างสูงออกไปยังอีกมุมหนึ่งของห้อง หากต้องชะงักเท้าไว้เพียงเท่านั้นเมื่อสายตาปะทะกับอะไรบางอย่างเข้า จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงล่ะ เมื่อเจ้าของเสียงเข้มเล่นไม่ใส่เสื้อคลุมเลยสักนิด มีเพียงกางเกงนอนสีน้ำเงินเข้มเท่านั้น ชายหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาหนานุ่มตัวใหญ่
ฮิโรยูกิยกมือขึ้นลูบริมฝีปากตัวเองเบา ๆ แม้แต่วินาทีนี้เขายังรู้สึกถึงไออุ่นจากริมฝีปากหวานฉ่ำของน้ำรินอยู่เลย รสสัมผัสมันยังชัดเจนแจ่มแจ๋วจนไม่อาจลืมมันลง อยากลิ้มชิมรสหวานนั้นอีกอย่างไม่รู้เบื่อ นี่เราเป็นอะไรไป ผู้หญิงมากมายที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เขายังไม่รู้สึกติดใจมากมายถึงเพียงนี้ แล้วทำไมกับผู้หญิงหน้าตาธรรมดา ๆ จะมีดีก็แต่เครื่องหน้าที่ดูสดใส แบบธรรมชาตินั่นที่คอยรบกวนจิตใจอยู่เรื่อย ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเมื่อครู่ที่มีร่างเล็ก อยู่ข้าง ๆ บัดนี้กลับว่างเปล่า ชายหนุ่มเอามือก่ายหน้าผาก พยายามข่มใจให้เป็นปกติ แต่ความร้อนรุ่มในตัวมันช่างข่มยากเสียเหลือเกิน ทางด้านหญิงสาว เมื่อออกมาจากห้องชายหนุ่มแล้ว ก็วิ่งมาที่ห้องตัวเอง เปิดประตูแล้วก็ปิดอย่างรุนแรง แข้งขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้กระทั่งจะก้าวต่อไป จึงได้แต่ทรุดตัวลงนั่งแปะตรงประตู น้ำตาของหญิงสาวไหลรินออกมาอย่างสุดจะกลั้น หยดน้ำใส ๆ เค็ม ๆ ร่วงพรูลงมาบนตักพร้อม ๆ กับความรู้สึกทรมานหัวใจถูกระบายออกมาทางน้ำตา“ทำไม? ทำไมฉันถึงได้ไปหลงรักผู้ชายใจร้ายอย่างเขาได้นะ ไม่ควร ไม่ควรเลยจริง ๆ”&ldq
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นอนเหยียดยาว หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงกว้างขนาดใหญ่ ผมสีน้ำตาลดูยุ่ง ๆ ผ้าห่มนวมผืนใหญ่บดบังได้เพียงแค่ช่วงล่างตั้งแต่เอวลงมา เผยให้เห็นแผงอกล่ำสันน่าเกรงขามและช่างยั่วยวนเหลือเกิน น้ำรินลอบกลืนน้ำลายลงคอ จู่ ๆ แก้มใสก็ร้อนผะผ่าวขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เมื่อใจคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา ดวงตากลมโตมองที่ชายหนุ่มรูปงามนิ่ง ทั้ง ๆ ที่เคยเห็นแผงอกสวยงามล่ำสันมาแล้ว ก็อดหน้าแดงไม่ได้ยิ่งได้มองใกล้ ๆ อย่างนี้ก็ยิ่งเห็นชัดว่า เขาช่างเป็นบุรุษที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกสัดส่วน ตั้งแต่ใบหน้าเรียวขาวใส ผู้ชายอะไรผิวขาวนวลเนียนน่าลูบไล้กว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก หุ่นแบบนี้ ผิวแบบนี้ ทำให้หล่อนอิจฉาผู้หญิงที่ได้เข้าใกล้และได้สัมผัสเนื้อตัวของเขาขึ้นมาถนัดใจ ใบหน้าที่ไม่ได้ตกแต่งอะไรตอนหลับ ยังสามารถกินขาดบรรดาพระเอกหนังหรือนายแบบดัง ๆ ด้วยซ้ำ เครื่องหน้าของเขาช่างลงตัวเหลือเกิน เริ่มตั้งแต่คิ้วดกดำพาดยาวจรดหางตา ขนตาที่ยาวงอนจนน่าอิจฉา ไล่มาที่จมูกโด่งสวยดูคมสันราวกับไปตกแต่งมาอย่างนั้น และที่สำคัญ ริมฝีปากบางหยักลึก ช่างยั่วยวน กวนโมโห แถมยัง..ยัง..ชอบบังคับ ข่มขู่ ฉวยโอกาส ลามกที่สุ
จู่ ๆ ชายหนุ่มก็ผละออกจากใบหน้าบางใสสีแดงระเรื่อ น้ำรินลืมตาโพลงแทบจะทันทีเช่นกัน ใบหน้าเกิดอาการร้อนผ่าวขึ้นมาทันที หญิงสาวรีบลุกจากตัวเขา แต่ก็ทันเห็นแววตาเยาะหยันเมื่อสบตาพราวระยับ และรอยยิ้มคล้ายล้อเลียนที่มุมปากของอีกฝ่าย ไม่เข้าใจว่าที่เขาทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง“เป็นไงรสจูบของฉัน คงถูกใจเธอมากสินะ ถึงได้รีบขึ้นมาหาฉันแต่เช้าตรู่อย่างนี้ เอาล่ะวันนี้ไว้แค่นี้ก่อน แต่..ถ้าหากเธอชอบละก็ฉันยินดีเสมอนะ หึ ๆ” น้ำรินชะงักอ้าปากค้าง ดวงตากลมเบิกกว้าง ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยมีใครมาตะคอก พูดจาเสียดสี กระด้างหยาบคายอย่างนี้มาก่อน และไม่เคยมีใครกระทำการอุกอาจ หักหาญน้ำใจได้อย่างเลือดเย็นเหมือนกับผู้ชายตรงหน้าเลยสักครั้ง แม่พร่ำสอนเสมอมาให้รักนวลสงวนตัว แต่บัดนี้ทำไมหล่อนถึงได้ปล่อยตัวปล่อยใจให้ผู้ชายร้าย ๆ คนนี้ด้วยความหวาดกลัว ความน้อยเนื้อต่ำใจ เริ่มจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง ความเจ็บปวดจากคำพูดของเขามันเสียดแทงหัวใจหล่อน ราวกับเอาใบมีดมากรีดตรงกลางหัวใจ รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน กับวาจาและท่าทางของชายที่หล่อนคิดว่าคงหลงรักเขาเข้าไปแล้วเต็มเปา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าต้องเจ
“เรื่องที่ให้ไปจัดการ เรียบร้อยดีใช่ไหม?” น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงไว้ด้วยอำนาจ เอ่ยออกมาเมื่อมือขวาเดินเข้ามาหยุดยืนสงบนิ่งอยู่เบื้องหลัง“เรียบร้อยดีครับท่าน.. แต่มันแค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น คนของมันมาช่วยไว้ได้เสียก่อนครับ”“อืมม์..ไม่เป็นไร..เอาแค่เบาะ ๆ ก่อน คราวต่อไปมันต้องได้รับบทเรียนที่สาสมกว่านี้แน่ ฉันไม่สนหรอกว่ามันจะมาร่วมลงทุนหรือไม่ แต่ฉันแค้นที่พ่อมันทำไว้กับฉัน สักวันหนึ่งฉันจะต้องโค่นล้ม คนตระกูลนี้ให้มันหายไปจากโลกให้จงได้!” ชายวัยกลางคนเปล่งสำเนียงเสียงเข้มที่แฝงไว้ด้วยความเจ็บแค้นในหัวใจที่มันสุมมานานนับสิบปี รอคอยว่าเมื่อไหร่จะได้เอาคืนอย่างสาสม ร่างหนาสูงใหญ่ ผลุดลุกจากเก้าอี้บุหนังชั้นดี ก้าวเข้ามายืนชิดริมกระจกกรองแสงเบื้องหน้า ปิดกั้นจากความวุ่นวายเบื้องล่าง พลางกำมือใหญ่ ทุบไปแผ่นฝ้าคล้ำหนัก ๆ หนึ่งครั้งกรามบดกันดังกรอดด้วยแรงอาฆาต“แล้ว..ท่านจะไปร่วมงาน ที่พวกมันจัดขึ้นในช่วงคริสต์มาสไหมครับ?” สิ้นเสียงลูกน้องคนสนิทจบลง ยังผลให้เจ้านายวัยกลางคนหันมามองแทบจะทันที ก่อน
“ยังไม่รู้เลยค่ะ ฉันเกรงว่าจะไม่มีใครดูแลท่าน”“ว่าแล้วเชียว ที่เงียบเพราะเกรงใจคุณปู่ของเจ้าฮีโร่นี่เอง ไม่ต้องกังวลนะ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เองแต่ก่อนอื่น คุณต้องมีชุดสำหรับออกงานกลางคืนบ้างนะ”“งานกลางคืน? งานอะไรหรือคะ?”“ฮ๊ะ! อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่รู้เรื่องงานแสดงความขอบคุณ บรรดาผู้ร่วมลงทุน ในสาขาต่าง ๆ ทั่วโลกของเจ้าฮีโร่มันน่ะ จะมีขึ้นในช่วงคริสต์มาสนี้ แล้วก็ถือเป็นการฉลองปีใหม่ไปในตัวด้วย”“เหรอคะ?”“แปลกนะ ใคร ๆ ก็รู้กันหมดแล้ว แม้กระทั่งพ่อบ้าน คนสวนยังรู้เลยว่าจะมีงานนี้ หรือว่า..เขาจะเอาไว้เซอร์ไพรส์คุณใกล้ ๆ วันงาน หึ..เจ้าฮีโร่นี่มันน่านัก” ยูอิจิแกล้งพูดไปอย่างนั้นเอง แต่สายตายังคอยมองหญิงสาวที่เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ตั้งแต่เมื่อสองอาทิตย์ก่อนแล้ว ที่หล่อนเอาแต่เงียบ ถามคำตอบคำ แรก ๆ เขาแทบไม่รู้ตัวเองเลยว่าทำไมถึงอยากจะมาที่นี่นัก เสร็จงานก็ต้องมาทานข้าวเย็นเกือบทุกวัน โดยใช้ข้ออ้างว่ามาดูแผลเพื่อนรัก แต่พอหลัง ๆ เขาก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าที่มาก็เพราะต้องการเ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะน้ำริน! ฉันบอกให้หยุด!” เสียงดังลั่น สนั่นทั่วอาณาบริเวณไม่เกรงว่าคนข้างในจะได้ยินเลยสักนิด จนคนที่โดนสั่งให้หยุด จำต้องวิ่งหนี เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจและโกรธสุดขีด ก่อนจะก้าวเท้าตามอย่างหัวเสีย เขาโมโหที่หล่อนไม่ยอมพูดด้วย คอยหลบหน้าตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา หล่อนเป็นอะไรไป กับเขากลับทำเป็นเมินไม่สนใจ แต่ทีกับเจ้าเพื่อนรัก หล่อนกลับยอมพูดด้วย ยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน แถมยังให้จับมือถือแขนเฉยเลย เมื่อขายาว ๆ สืบเท้าเข้ามาทัน ก็คว้าแขนเล็ก กระชากอย่างแรงให้หันกลับมามองเขา อย่างเต็มตา แทนการเดินหนีไปเฉย ๆ อย่างนี้ ความแรงจากการฉุดกระชาก ทำให้น้ำรินหยุดชะงักกะทันหัน และจำต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง“เธอกล้าดียังไง ถึงเดินหนีฉันแบบนี้ รู้สึกว่าตอนนี้เธอเก่งขึ้นมากเลยนะ กล้าที่จะหลบหน้า กล้าที่จะเดินหนี ทั้ง ๆ ที่ฉันสั่งให้เธอหยุด!”“.......” หญิงสาวไม่รู้สักนิดเลยว่า การเงียบ กลับยิ่งไปเพิ่มแรงโทสะให้กับอีกฝ่ายขึ้นเป็นทวีคูณโดยไม่รู้ตัว เมื่อฮิโรยูกิ ผู้ไม่เคยยอมใคร ไม่ชอบให้ใครหลบหน้าเมื่อพูดด้วย คน
การกระทำของทั้งสองได้เรียกน้ำตาให้กับคนที่พบเห็น บริเวณห้องฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี ชั่ววินาทีนั้นราวกับว่าได้หยุดทุกสิ่งทุกอย่างให้หยุดอยู่กับที่ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ป่วยที่ร้องโอดโอย เพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลบริเวณหน้าขา เพิ่งถูกเข็นผ่านเข้ามาภายใน ต้องหยุดชะงักงันไปชั่วขณะ เหลือบมองมายังคู่หนุ่มสาวทั้งสองด้วยความงุนงงสงสัย ลืมความเจ็บปวดเมื่อครู่ไปเลยทีเดียว ทางด้านผู้สูงอายุทั้งสาม ถึงกับอึ้งไปกับการกระทำของทั้งสองหนุ่มสาว ความรู้สึกตื้นตัน และเห็นความตั้งใจจริงของทั้งสอง แสดงให้รู้ว่าพวกเขารักกันมากมายขนาดไหน ฝ่ายชายถึงกับสามารถตัดขาดจากสมบัติและวงศ์ตระกูลได้เลย เพื่อแลกกับการได้ครองรักกับหญิงสาวร่างเล็กบอบบางข้างกาย ลี ฮาซันถึงกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับที่หางตา มองไปทางด้านผู้เป็นสามีคล้องวงแขนเข้ากับลำแขนของอีกฝ่ายซุกหน้ากับอกของสามี ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ ทางด้านลี จางชีก็มีอาการไม่ต่างจากกันนัก จึงแตะที่แขนของภรรยาอย่างปลอบประโลม ชายชราหนึ่งเดียวนั้นก็ไม่ได้มีอาการแตกต่างจากคนอื่นเท่าใดนัก ร่างที่ค่อนข้างค้อมเล็กน้อย ไขว้มือที่เหี่ยวย่นไว้ด้านหลังข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างวางอยู่บน
น้ำรินพยายามลืมตาตื่น รู้สึกมึนงงไปหมด อาการคลื่นไส้ จะเป็นลม หายเป็นปลิดทิ้งหลังจากที่ได้ให้น้ำเกลือ และนอนพักเต็มอิ่มแล้ว ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำอุ่น ๆ เค็ม ๆ ถูกเช็ดออกจากดวงหน้าด้วยนิ้วเรียวใหญ่อย่างเบามือของผู้เป็นสามี“ตื่นแล้วหรือ? เป็นไงบ้าง? ยังเวียนหัวอยู่หรือเปล่า?” คำถามรัวถี่ติด ๆ กันจนคนถูกถามแทบตอบไม่ทัน จึงได้แต่ส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ หล่อนไม่อยากให้เขาเป็นกังวลมากนัก“ไอ้หมอหัวล้านกับเจ้ายูมันให้เธอกลับบ้านได้ แต่ฉันว่าเธอยังไม่แข็งแรงดีเลย ยังไงนอนพักดูอาการที่นี่สักคืนดีไหม” ผู้เป็นภรรยาส่ายหัวดิกเมื่อ ได้ยินผู้เป็นสามีบอกให้นอนพักที่นี่สักคืน“ไม่เอาค่ะ หายดีแล้ว ไม่เวียนหัว ไม่คลื่นไส้ ไม่มีอาการอะไรทั้งนั้นแล้ว ฉันหายดีแล้วจริง ๆ นะคะ” อยากจะบอกเหลือเกินว่า แค่ตื่นขึ้นมาแล้วได้เจอหน้าเขา มาอยู่ใกล้ ๆ อย่างนี้อาการต่าง ๆ ก็หายเป็นปลิดทิ้งทันทีเลยล่ะ“จริงนะ ห้ามโกหก เป็นพยาบาลอะไรไม่ชอบโรงพยาบาลเฮ้อ!” ชายหนุ่มชะโงกหน้า มองเสี้ยวหน้าภรรยาตัวน้อยด้วยความมันเขี้ยว มือใหญ่วางแปะที่ศีรษะเล็กนั้น เขย่าเบา ๆ อย่างเอ็นดู“กลับบ้านกันเถอะนะคะ” คนไข้ตัว
“ดี..แล้วก็เอาหัวล้าน ๆ ของไอ้หมอคนเมื่อกี้ออกไปห่างเมียกันหน่อยได้ไหม กันไม่ชอบขี้หน้ามันเลยว่ะ” ฮิโรยูกิหันมากระซิบข้างหูเพื่อนรักทันทีที่หันไปเห็นแพทย์คนเมื่อสักครู่ เดินเลี่ยงออกไปทางด้านซ้ายของเตียงคนไข้ นั่นก็เรียกรอยยิ้มให้ยูอิจิได้เป็นอย่างดี ขี้หึงจริง ๆ นะเพื่อนเรา แม้แต่หมอแก่ร่างท้วม กับหัวที่มีผมทางตอนหน้าเหลือน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง ไปหาว่าเขาหัวล้านซะนี่ ร้ายจริง ๆ“ออกไปก่อนเถอะเพื่อน ไม่ต้องห่วงทางนี้ กันจะช่วยดูให้อีกแรงหนึ่ง” คำยืนยันของยูอิจิ บอกว่าภรรยาของเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างสูงจึงยอมถอยห่างออกมาแต่ไม่ได้ไปไหนไกล เขายังคงปักหลักยืนอยู่ห่าง ๆ ในมุมห้องแคบนั้น พลางกอดอกมองแพทย์และพยาบาลตรวจร่างกายหล่อนเงียบ ๆ“ฮีโร่..ฮีโร่..ตื่นเถอะ”“อ๊ะ! ฮ๊ะ! ยู..เมียฉันล่ะเมียฉันเป็นไงบ้าง!” ร่างสูงผวาตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงยูอิจิปลุกให้ตื่น เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“หึ..ตื่นขึ้นมาก็โวยวายเลยนะ คุณน้ำรินปลอดภัยแล้ว หมอให้น้ำเกลือ แล้วย้ายเธอไปนอนพักดูอาการที่ห้องข้าง ๆ โน่นแล้ว”“เหรอ? แล้วอยู่ไหนล่ะ?”“เดี๋ยวสิเพื่อน นี่นายไม่อ
“อือ ๆ ก็ว่าอย่างนั้นล่ะ” แล้วก็มีเสียงงึมงำจากคนรอบข้าง ที่บ่งบอกว่าเห็นด้วยกับความเห็นของเขา และนั่นก็ให้คุณคิม เซยอนชักสีหน้าอย่างไม่พอใจให้สามีทันที“เอาอย่างนี้สิ อะไรที่เป็นฝีมือของเธอ เราก็ชิมอันนั้นก็แล้วกัน..เรามาวัดกันที่รสชาติเป็นไง” และก็เป็นท่านปู่อีกตามเคยที่เอื้อมมือมาช่วยหล่อนไว้ ทำให้น้ำรินลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก การทดสอบเรื่องอาหารผ่านไปด้วยดี ผลที่ออกมาหล่อนได้คะแนนเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าสูงมากเลยทีเดียว และสุดท้ายก็คือการชงชาที่ถูกต้อง ขณะที่กำลังนำถาดน้ำชาไปเสิร์ฟให้ผู้หลักผู้ใหญ่นั้นเอง วูบหนึ่งหล่อนรู้สึกหน้ามืด วิงเวียนจนแทบล้ม แต่ก็พยายามข่มใจไว้ พลางยืดอกขึ้นสูดลมหายใจเพื่อเอาออกซิเจนเข้าปอดลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดเรื่องที่หญิงสาวไม่ต้องการให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้“อุ๊บ! อ๊ะ!” เพล้ง! จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อกลิ่นของชาชั้นดีโชยมาแตะเข้าที่จมูก กลิ่นของมันทำให้แก๊สในกระเพาะอาหารปั่นป่วนจนวิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอ แทบอ้วกออกมา เท่านั้นเองโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว หล่อนเผลอยกมือขึ้นมาปิดปาก ทำให้น้ำหนักถูกเทไปที่มืออีก
สามวันแล้วสินะที่หล่อนโดนการทดสอบแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคุณอาหญิง วันแรกเธอให้หล่อนขัดถูเครื่องใช้โบราณที่อยู่ในครัว ทำอยู่เป็นวันกว่าจะเสร็จก็เล่นเอามือถลอกไปเลยทีเดียว ถัดมาอีกวันหนึ่งหล่อนถูกทดสอบการทำอาหารซึ่งหล่อนถนัดนักล่ะ ไม่ว่าเธอจะสั่งให้ทำอะไรหล่อนก็ทำมันออกมาได้เป็นอย่างดี และนั่นก็ทำให้คุณลี ฮาซัน เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับหล่อนดีขึ้น วันนี้เธอช่วยสอนวิธีชงชาที่ถูกวิธีให้กับหล่อนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฮีจินมาเยี่ยมหล่อนเมื่อช่วงบ่าย ก่อนจะกลับหล่อนได้ยื่นของสิ่งหนึ่งมาให้ นั่นก็คือหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลีในแต่ละยุคสมัย คุณลีบอกว่าอีกสองวันจะมีการประชุมผู้อาวุโสของตระกูล ให้หล่อนเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อถึงวันนั้นเธอบอกว่าจะคอยช่วยหล่อนอีกแรงหนึ่ง น้ำรินรู้สึกดีใจเหลือเกิน ที่สามารถเอาชนะใจคุณลี ฮาซันได้ เพียงแค่ระยะเวลาอันสั้น ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน พ่อบ้านเก่าแก่ ต่างก็ให้ความเป็นกันเองกับหล่อนมากขึ้นผิดกับวันแรก ๆ ที่หล่อนมาถึงที่นี่ลิบลับ หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งในช่วงเย็น หลังจากร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นกับผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กก้าวเข้าไป
ช่วงเดือนพฤษภาคมที่เกาหลีแลดูสดชื่นนัก ความสวยงามของดอกไม้ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ พันธุ์ไม้ต่าง ๆ ผลิดอกบานสะพรั่งก่อนที่จะมีใบสีเขียวชอุ่มตามมา ไกด์จำเป็นอธิบายให้หล่อนฟังว่า ริมทางที่รถวิ่งผ่านมาส่วนมากจะเป็นต้นเมเปิลต้นอึนแฮง ( ต้นแป๊ะก๊วย) ต้นบอทือ ( ต้นหลิว) ต้นบอช ( ต้นซากุระ) ต้นชัน (คล้ายต้นสน) ส่วนที่อยู่บนเนินเขาจะมีดอกจิลดัลแล สีชมพูอมม่วง ดอกแคนารีสีเหลือง และดอกซากุระ หรือดอกชนามู สีขาวอมชมพู ต่างผลิดอกออกมาประชัน เปรียบเสมือนสีผ้าต่าง ๆ พืด ปูประดับประดาไว้อย่างสวยงาม ต้นไม้ที่ให้ร่มเงา ยืนเรียงรายริมถนนเริ่มผลิใบอ่อนบ้างแล้ว ตามกิ่งก้านจะมีนกเจบีตัวเล็ก ๆ สีดำส่งเสียงร้องอย่างร่าเริง รถคันจิ๋ววิ่งลัดเลาะผ่านภูเขาที่ดูคดเคี้ยว จากกรุงโซลออกมาแถวชานเมือง ได้สักพักใหญ่ ๆ คนขับกิตติมศักดิ์ของหล่อนก็หักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวขวาขึ้นไปบนเนินสูงเบื้องหน้า วิ่งผ่านรั้วกำแพงสูงใหญ่เข้าไปด้านใน ก่อนจะจอดนิ่งสนิทหน้าลานกว้าง น้ำรินก้าวลงจากรถพลางเหม่อ
“อืมม์ เก่งขึ้นทุกวันนะเราใครสอนกันนะ โอ๊ะ! หึ ๆ” พูดออกไปแล้วก็ต้องร้องครวญครางด้วยความเจ็บ เมื่อถูกกำปั้นน้อย ๆ ทุบที่หน้าอกทีหนึ่งจากคนตัวเล็กตรงหน้า แก้มแดงระเรื่อทำให้เขาอดใจไม่ไหว ช้อนร่างหล่อนอุ้มขึ้นมากระชับไว้ในวงแขนอันอบอุ่น ก่อนจะพามาวางลงบนที่นอนโดยมีร่างสูงหนาตามมาติด ๆ ลมหายใจรินรดกันจนแทบจะสัมผัสได้ ตาต่อตาประสานกันนิ่ง ชายหนุ่มแนบหน้าเข้ามาใกล้เกลือกจมูกโด่งสวยเป็นสัน กับแก้มเนียนอมชมพูสูดดมความหอมอย่างรักใคร่หลงใหล ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากจากมุมปากประกบไว้แนบแน่น มือหนึ่งช้อนไว้ที่ท้ายทอยของหล่อน ส่วนมืออีกข้างก็ทำการสำรวจร่างกาย ลูบไล้ไปทั่วก่อนจะสอดหายเข้าไปใต้เนื้อผ้า.. สักพักชุดนอนเนื้อผ้าบางเบาก็ถูกปลดออกจากร่าง เหลือไว้เพียงร่างขาวนวลเนียนกระจ่างตา“ยังเช้าอยู่เลยนะคะ” หญิงสาวจำต้องยกมือขึ้นแตะที่แขนของสามีเป็นเชิงเตือน เมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น“ไม่เห็นเป็นไรเลยเช้า ๆ นั่นแหละดี”“แต่ว่า..คุณต้องไปทำงาน”“อื้อ..อย่าดื้อน่า เมื่อกี้ยังเชื้อเชิญอยู่เลย นะ..ขอหน่อยนะที่รัก หลายวันแล้วนะที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย อีกหน่อยเธอก็ต้องไปที่โซลแล้ว เมื่อถึ
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้มันสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายจึงใช้ส้นเท้ากระทืบลงที่หลังเท้าของมันเต็มแรง ก่อนจะก้มลงไปกัดที่มือหยาบหนาบริเวณที่มันโอบเหนือเอวหล่อนขึ้นมา เมื่อถูกฟันคม ๆ ของหล่อนกดลึกเข้าไปในผิวเนื้อจนมันรู้สึกเจ็บ ร้องจ๊ากออกมา จนสะบัดมือ สะบัดเท้าเร่า ๆ หญิงสาวมองเห็นความหวังที่จะรอดไปได้ขึ้นมารำไร จึงรีบสลัดตัวออกจากแขนใหญ่ล่ำ ที่พันธนาการหล่อนอยู่ทันที ก่อนจะก้มลงไปหยิบปืนที่หล่นอยู่แทบเท้าเมื่อครู่ด้วยมืออันสั่นเทา นิ้วชี้กระชับพร้อมที่จะเหนี่ยวไกเพื่อกระชากวิญญาณของพวกมันได้ทุกเมื่อ หญิงสาวอยู่ในท่าเตรียมพร้อมอย่างที่ร่ำเรียนมา ปลายกระบอกปืนส่ายสลับไปมา ระหว่างชายฉกรรจ์ที่ยึดตัวหล่อนและสามีไว้เมื่อครู่อย่างหมายมาด สถานการณ์กลับกลายไปเป็นอีกแบบหนึ่งทันที ฮิโรยูกิย่างสามขุมตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของโทรุ ด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนไอ้สองคนที่กำลังสาละวนอยู่กับการพันธนาการฮีจินอยู่ ชะงักงัน หนึ่งในนั้นพยายามที่จะงัดปืนออกมาจากเอวของมันแต่ถูกเสียงเข้มดุดัน ตะโกนสั่งออกมาเสียก่อน“ทิ้งปืนซะ! ถ้าไม่อยากให้เจ้านายของแกตาย แล้วก็แก้มัดเพื่อนฉัน
“ทำได้ดีมาก..ที่รัก” ฮิโรยูกิยังมีอารมณ์หันมาเอ่ยปากชมหล่อนทันทีที่ร่างเล็ก ๆ วิ่งเข้ามาหลบอยู่ข้างหลังเขา ความขุ่นมัว กรุ่นโกรธก่อนหน้านี้ค่อยผ่อนคลายลงไปได้นิดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าหล่อนแก้เผ็ดไอ้คนที่กระทำการอันน่ารังเกียจกับหล่อนได้อย่างไม่น่าเชื่อไม่เสียแรงเลยที่เขาอุตส่าห์ให้หล่อนหัดเรียนรู้วิธีป้องกันตัว เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมาทั้ง ๆ ที่กลัวเหลือเกินว่าเนื้อตัวของหล่อนจะบอบช้ำจากการฝึกฝน แต่ดูเหมือนว่าภรรยาตัวน้อยของเขาจะติดใจการฝึกหัดทุกรูปแบบเสียจนบางครั้ง ไม่สนใจเขาไปเลยในช่วงนั้น โดยเฉพาะเวลาที่เธอฝึกยิงปืนกับครูหนุ่ม การเอาใจใส่จนออกนอกหน้าของครูฝึกคนนั้น ทำให้เขาต้องย้ายหล่อนให้มาฝึกกับครูผู้หญิงแทน ส่วนครูฝึกคนแรกนั้น ถูกย้ายทันทีในวันถัดมา นี่ล่ะ..ผู้หญิงที่จะมาเป็นนายหญิงของตระกูลคัทซึฮิโกะตัวจริง“หึ ๆ แกแน่มาก ฮิโรยูกิแต่ดูเหมือนว่าแกจะประเมินฉันต่ำไปแล้ว” ฮิโรยูกิกับน้ำรินรู้สึกแปลกใจในคำพูดของโทรุ ที่จู่ ๆ มันก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาจากลำคอ ทันใดนั้นทั้งสองก็ต้องอ้าปากค้างร้องอุทานออกมาเกือบพร้อมกัน“ฮ