ฮิโรยูกิ รู้สึกแปลกใจตัวเองเหลือเกิน ที่ปกติแล้วเรื่องแค่นี้เขาสามารถให้ลูกน้องสืบหามาได้อย่างง่ายดาย ทุกอย่างก็จบ ปกติแล้วเขาไม่ชอบที่จะบังคับขู่เข็ญใครโดยเฉพาะผู้หญิงที่ไร้ทางสู้อย่างหล่อนนักหรอก และไม่เคยที่จะต้องมาเล่นล่อเอาเถิดแบบนี้มาก่อน ส่วนมากแล้วเขาจะสั่งให้ลูกน้องจัดการ ทุกเรื่องที่เขาอยากรู้แล้วก็จะกระจ่างขึ้นมาในไม่ช้า
ชายหนุ่มไม่ชอบที่จะสนใจหรือใส่ใจผู้หญิงคนไหนมากนัก ส่วนมากก็เป็นเพียงความสัมพันธ์ฉาบฉวยซึ่งทางฝ่ายผู้หญิงเองก็เต็มใจ แล้วก็เลิกราไปเองหากเขาให้พอสมควรกับที่หล่อนต้องการ และตัวเขาเองก็ค่อนข้างจะรำคาญใจเมื่อมีผู้หญิงมาอยู่ใกล้ ๆ นานเกินสองชั่วโมง แต่ทำไม..กับผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดา ไม่มีอะไรที่จะสามารถมาเทียบได้กับผู้หญิงที่เขาเคยควงอยู่เลยสักคน ไม่มีอะไรดึงดูด พอที่จะให้เขาได้สนใจ กลับมาทำให้เขาต้องมากังวลอยู่เรื่อย ๆ ทำไมเขาไม่ใช้นักสืบ เพื่อเสาะหาเรื่องที่เขาต้องการอยากรู้ เมื่อได้แล้วก็ปล่อยหล่อนไปหรือไม่ก็ลงโทษหล่อนให้สาสมหากว่าหล่อนขโมยของไปจริงจัดการหล่อนให้หายจากไป ไปให้พ้น จากชีวิตของเขาเหมือนที่เคยทำมาแล้วกับหญิงอื่น หรือแค่ปล่
“ไม่! ฉันไม่ไปกับพวกคุณหรอก จะพาฉันไปไหน ปล่อยนะ!” หญิงสาวร่างเล็กบอบบาง พยายามขืนตัวไว้สุดกำลัง ร่างบางถอยกรูด จนเกร็งไปหมด ทำไมแถวนี้ถึงไม่มีคนเดินผ่านไปมาบ้างเลยนะ ดังนั้นจึงเป็นการง่ายในการฉุดกระชากลากดึงให้หล่อนเดินตามไปตลอดทางแคบ ๆ นั้น“ได้โปรดเถอะ ปล่อยฉันไปเถอะนะ โอ๊ย! ฉันเจ็บ” น้ำรินเจ็บจนน้ำตาแทบไหลรินออกมา เมื่อหนึ่งในสองชายวัยฉกรรจ์บีบที่ข้อมือของหล่อนอย่างหนักออกแรงลากจนหล่อนเริ่มเจ็บแผลที่แขนขึ้นมาอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะทำแผลไปหมาด ๆ เมื่อตอนกลางวันนี้เอง“ถ้าเดินตามมาดี ๆ ตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้ว หึ ๆ”“ลูกพี่..เราเจอสาวหน้าใหม่มาแน่ะ เป็นสาวเอเชียเสียด้วย น่าจะเป็นสาวไทยนะ”ฮ๊ะ! ที่นี่มันที่ไหน ห้องใต้ดินที่ดูสกปรก ส่งกลิ่นเหม็นอับคละคลุ้งไปหมด คนพวกนี้อยู่ได้ยังไงกัน แล้วพวกมันจับตัวหล่อนมาเพื่ออะไร อย่าบอกนะว่าเธอโชคร้ายถึงขนาดว่าถูกจับตัวมาขาย!“อืมห์ เยี่ยมมาก พวกแกทำงานได้ดีมาก แต่..ไก่หลงตัวนี้ดูท่าทางยังกลัว ๆ อยู่นะ ไม่เต็มใจหรือไงจ๊ะน้องสาว” ผู้ชายวั
“เอ่อ..คุณน้ำริน ต้องกลับแล้ว ลุกขึ้นเถอะ” ได้ผล หญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นเมื่อครู่ยอมเงยหน้า ใบหน้าที่เปื้อนด้วยหยดน้ำตา แหงนมองไปยังบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างหวาด ๆ ใบหน้าขาวใสบัดนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตาดำขลับที่เคยไหวระริกแลดูมีชีวิตชีวา เวลานี้กลับกลายเป็นสีแดงไปเสียแล้ว นัยน์ตาดูเศร้าสร้อยแสดงความอ่อนแอ ออกมาทางสายตา ช่างน่าสงสารและน่าเห็นใจเหลือเกิน ทำเอาทานากะ ใจอ่อนยวบไปเลยทีเดียว“พาไปไหน? ไปหาเจ้านายของคุณน่ะหรือ?” น้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก“..........” บอดี้การ์ดหนุ่มเพียงแต่พยักหน้า ไม่เอ่ยอะไรออกมา“แล้วคราวนี้ฉันจะถูกทำโทษไหม? ..ทานากะ เขาจะฆ่าฉันมั้ย?”“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ วางใจเถอะ คุณรีบเอ่อ..แต่งตัวให้เข้าที่เข้าทาง แล้วออกไปจากที่นี่กันดีกว่า” น้ำรินลืมตัวไปชั่วขณะ ใช่สินะ ลืมไปเสียสนิทเลย นี่หล่อนกำลังอยู่ในสภาพที่เกือบโป๊ต่อหน้าคนอื่นอีกแล้ว หญิงสาวรีบกลัดกระดุมเสื้อให้เข้าที่ ซึ่งก็ไม่ได้เรียบร้อยเท่าใดนัก เพราะกระดุมเม็ดแรกมันขาดกระเด็นไปไหนแ
“ทำไม..ตกใจมากเลยหรือ? เป็นไงล่ะไปผจญภัยข้างนอก คงสนุกมากเลยสินะแล้วไปเล่นยังไง เสื้อผ้าถึงได้หลุดลุ่ยขนาดนี้ล่ะ ฮึ! ดูสภาพเธอตอนนี้ เหมือน..ลูกหมาตกน้ำเลยนะ”“เอ๊ะ!จะว่าอะไรก็ตามใจคุณเถอะ แต่อย่าเอาฉันไปเทียบกับหมาจะได้มั๊ย! ฉันเป็นคนนะ”“หึ..คนหรือ? คนที่ไหน ไม่รู้จักบุญคุณคน จะขอบใจสักนิดก็ไม่มี รู้อย่างนี้ ให้ไอ้พวกเศษสวะนั่นพาเธอไปขายซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยก็ดี”“ฮ๊ะ! ยะ..อย่านะ ได้โปรดอย่าทำอย่างนั้นเลย ฉัน..ฉันขอบคุณ คุณมาก ๆ เลยที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันจะไม่ลืมบุญคุณเลย จะให้ทำอะไรฉันก็ยอม ขออย่างเดียวอย่าส่งฉันไปให้พวกนั้นเลยนะคะได้โปรด” หญิงสาวละล่ำละลักพูดออกมาอย่างร้อนรนเมื่อเขาเอ่ยถึงพวกคนชั่วข้างนอกนั่น หล่อนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจเพียงแค่กล่าวถึง รูขุมขนทุกส่วนก็ลุกซู่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว“ทำอะไรก็ยอมอย่างนั้นหรือ? เธอพูดอย่างนั้นจริง ๆ น่ะหรือ?”“จริง..จริงสิคะ จะให้ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น เพื่อตอบแทนที่คุณช่วยเหลือฉันไว้” แววตาใสซื่อที่แสดงออกมา บ่งบอกถึงความจริงใจไม่
ดูเหมือนว่า ชายหนุ่มจะลืมหล่อนไปชั่วขณะ ร่างสูงผลุดลุกจากเก้าอี้ตัวหนาใหญ่เหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ เขาก้าวยาว ๆ ไปยังโทรศัพท์แล้วยกหูขึ้นพูดอะไรที่น้ำรินไม่เข้าใจสักอย่าง สักพัก ร่างสูงสง่าก็เดินเนิบ ๆ มาหยุดอยู่เบื้องหน้าหล่อน ซึ่งตอนนี้ก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเขานัก สายตาที่เอาแต่จ้องพื้นพรมสีแดงราวกับว่ามันมีอะไรที่น่าสนใจนักหนา มือข้างหนึ่งกำแน่นที่ชายเสื้อจนตึงเพราะความเกร็ง ส่วนอีกมือหนึ่งกุมที่คอเสื้อไว้แน่น น้ำรินเหลือบเห็นปลายรองเท้ามันปลาบอยู่บนพื้นพรม ตรงหน้า“ในเมื่อ..หาเจ้าของแหวนนั่นพบ และเขาคนนั้นได้จากไปแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก ส่วนแหวนที่หายไป ฉันไม่ได้ต้องการจะได้คืนนักหรอก ตอนนี้ เธอ..ไปได้ เธอเป็นอิสระแล้ว จะไปไหนก็เชิญ..”“อ่ะ..ฮ๊ะ!” เป็นไปได้ยังไง เขายอมปล่อยหล่อนไปง่าย ๆ อย่างนี้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ แวบหนึ่งน้ำรินรู้สึกดีใจที่เขาไม่เค้นที่จะเอาแหวนวงนั้นคืน ทำไม..ถึงได้ง่ายดายอย่างนี้ล่ะ แสดงว่า..หล่อนเองก็รอดพ้นจากข้อหาการเป็นขโมย เป็นอิสระแล้ว..ที่จริงหล่อนสมควรจะดีใจไม่ใช่หรือ แต่ทำไมตอนนี้กล
“อย่าไปสนใจเลยทานากะ ตัวหล่อนเองต้องการหนีไปจากที่นี่อยู่แล้วนี่” ร่างสูงสง่ายักไหล่อย่างคนถือดี หันมาตบที่ไหล่หนาของคนสนิทสองครั้ง ก่อนจะพูดทิ้งท้ายไว้ แล้วเดินหายลับไปจากห้องเล็กนั่น โดยไม่สนใจไยดีกับแววตาใสซื่อที่ส่งมาทางกล้องวงจรปิดเลยสักนิดรถลีมูซีนสีดำคันใหญ่ ติดตามมาด้วยรถบีเอ็มสีดำสองคัน ค่อย ๆ เลี้ยวออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีรั้วสูงลิบ ตลอดแนวกำแพง ฮิโรยูกิที่นั่งทางตอนหลังรถหรูกำลังมองไปยังด้านข้างนอกตัวรถและก่อนที่รถจะวิ่งผ่านประตูใหญ่ชายหนุ่มได้เห็นหญิงสาวหน้าตามอมแมม ไม่ต่างจากภาพในวงจรปิดเลยสักนิด หล่อนกำลังยืนกอดอกนิ่ง แววตาที่แสดงความอ่อนล้าฉายออกมาทางสายตา ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น มองตอบกลับมายังชายหนุ่มเหมือนเรียกร้องอ้อนวอน ฝนฟ้าที่ทำท่าจะตกอยู่เมื่อครู่กลับเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนทำให้ภาพของหญิงสาวร่างเล็กบางค่อย ๆ เลือนลับหายไปในระดับสายตา รถหรูเคลื่อนตัวพ้นออกมาจากรั้วประตูใหญ่ กระจกมองหลังยังพอส่องเงาสะท้อนให้เห็นร่างเล็กวิ่งเข้าไปหลบฝนใต้หลังคาบานใหญ่ของรั้วบ้าน“ฝนตกหนักอย่างนี้ หล่อนอาจจะไม่สบ
รถสปอร์ตสีน้ำเงินเข้มยี่ห้อหรู ราคาแพงลิบลิ่วรูปลักษณ์สะดุดตา เลี้ยวขวับเข้าไปในทางเข้าของอาคารสูงนับเกือบยี่สิบชั้นตรงหน้า สายตาหลายต่อหลายคู่ที่เดินอยู่บนทางเท้า ทั้งที่อยู่ในรถ และบนท้องถนนต่างก็มองตามไปจนสุดสายตา เมื่อสตรีสาวผิวขาว ผมยาวใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางชั้นดี หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวสมส่วนก้าวลงจากรถ รองเท้าส้นสูงสีดำแตะพื้นก่อนจะตามมาด้วยเรียวขาขาวเนียนละเอียด หล่อนอยู่ในชุดแส็คสีขาวสะอาดตา และถูกสวมทับด้วยเสื้อโอเวอร์โค้ตขนเฟอร์สีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าเรียวสวยถูกสวมทับด้วยแว่นตาสีชา ขายาวเรียวก้าวเข้าไปยังตัวตึกสูงตระหง่านด้วยความมั่นใจในตัวเองสูง หญิงสาวเดินตรงดิ่งไปกดลิฟต์ชั้นที่ต้องการทันที“ฉันมาพบ ฮิโรยูกิเขาอยู่ไหม?”“มีธุระด่วน อะไรหรือเปล่าครับ พอดีว่าท่านกำลังงานยุ่งอยู่”“ไปบอกเขาสิว่า เพื่อนเก่า ชื่อมิจิโกะ ฮานะ มาหาน่ะ อ๊ะ! ไม่ต้องดีกว่าฉันจะเข้าไปหาเขาเอง เพื่อเป็นการเซอร์ไพรส์”“เอ่อ..อ้าว!เดี๋ยวก่อนสิครับคุณ!..เดี๋ยว” ไม่ทันเสียแล้วเมื่อร่างเพรียวบางเดิน
“อ้อ!ใช่แล้ว แม่หนูคนนั้น ปู่เห็นว่าอยู่ใกล้บ้านหลานมากกว่าก็เลยพาเธอมานอนที่นี่ แล้วเรียกให้ยูอิจิมาตรวจร่างกายให้เรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าไม่มีอะไร เราไม่ได้ชนเธอ แต่เธอเป็นลมหมดสติไปก่อนที่รถจะถึงตัวเธอน่ะ”“อย่างนั้นหรือครับ ค่อยโล่งใจหน่อย เอ่อ..ที่ปู่ไม่เป็นอะไร” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาอย่างลืมตัว ไม่แน่ใจตัวเองนักว่า โล่งอกเพราะปู่ของเขาเอง หรือเพราะคนที่อยู่ในห้องนั้นกันแน่ ตอนนี้เองที่ผู้อาวุโสกว่าสังเกตเห็นแววตาของหลานชายที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยคนเจ็บ ที่นอนอยู่ในห้องรับรองนั้น มันยังไงกันแน่นะ เจ้าหลานชายคนนี้ หรือว่าเขารู้จักกับแม่หนูคนนั้น แต่ก็ช่างเถอะ เดี๋ยวก็รู้เองว่าอะไรเป็นอะไร“อืมม์..หลานจะไปดูแม่หนูนั่นหน่อยไหม ปู่ได้ให้มิกะดูแลหล่อนแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ” ประโยคที่ปู่ของเขาพูดตามหลังมาทำให้ใบหน้าของชายหนุ่ม แดงคล้ำขึ้นมาจนถึงใบหู ทำเป็นไม่รับรู้เรื่องราว ก่อนจะขอตัว แล้วเดินตรงดิ่งไปยังห้องที่อยู่ทางปีกซ้ายของตัวตึก เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็เจอกับมิกะที่กำลังเก็บอุปกรณ์เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับหญิงสาวร่างเล็ก
อาการงุ่นง่านทำให้นอนไม่หลับเสียแล้ว สุดท้ายชายหนุ่มจึงลุกขึ้นเดินไปที่ประตู ร่างสูงเดินย่ำลงบันไดโค้งครึ่งวงกลมยาวตั้งแต่ชั้นสองโค้งจนจรดลงมาถึงชั้นหนึ่งอย่างหงุดหงิดในหัวใจ ไม่แน่ใจตัวเองนักว่าเป็นเพราะอะไร เดินตรงดิ่งไปที่ห้องครัวเพื่อหยิบเครื่องดื่มในตู้เย็น เขาหยิบไวน์ขึ้นมาขวดหนึ่งแล้วจัดการเปิดขวดรินใส่แก้ว ก่อนจะยกขึ้นกรอกปากจนเหลือแค่เศษแตะอยู่ก้นแก้ว ภายในเวลาไม่กี่วินาที เจ้าของร่างสูงอยู่ในชุดนอนแพรราคาแพง ที่มีเพียงกางเกงตัวเดียว ถูกคลุมทับด้วยเสื้อคลุมกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม ปล่อยชายลากยาวถึงน่อง สาบเสื้อที่เปิดกว้างเผยให้เห็นแผงหน้าอก กว้างขวางบึกบึน กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ แสดงให้รู้ว่าเป็นคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ชายหนุ่มเดินออกมาที่ระเบียงหลังห้องครัว เพื่อสูดอากาศภายนอก อากาศบริเวณชานเมืองค่อนข้างเย็น เพราะต้นไม้ที่ปลูกเรียงรายกันจนรกครึ้ม แต่เขาก็ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง จมกับความคิดของตัวเองเพลิน ๆ ในมือประคองแก้วไวน์สีแดงก่ำ บัดนี้สะท้อนล้อกับแสงไฟนีออนด้านนอกส่องกลับมาสีเหมือนทับทิม ทำไมต้องใส่ใจกับผู้หญิงคนนั้นด้วยนะ ทำไมต้องนึกเป็นห่วงเมื่อยามที่หล่อน
การกระทำของทั้งสองได้เรียกน้ำตาให้กับคนที่พบเห็น บริเวณห้องฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี ชั่ววินาทีนั้นราวกับว่าได้หยุดทุกสิ่งทุกอย่างให้หยุดอยู่กับที่ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ป่วยที่ร้องโอดโอย เพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลบริเวณหน้าขา เพิ่งถูกเข็นผ่านเข้ามาภายใน ต้องหยุดชะงักงันไปชั่วขณะ เหลือบมองมายังคู่หนุ่มสาวทั้งสองด้วยความงุนงงสงสัย ลืมความเจ็บปวดเมื่อครู่ไปเลยทีเดียว ทางด้านผู้สูงอายุทั้งสาม ถึงกับอึ้งไปกับการกระทำของทั้งสองหนุ่มสาว ความรู้สึกตื้นตัน และเห็นความตั้งใจจริงของทั้งสอง แสดงให้รู้ว่าพวกเขารักกันมากมายขนาดไหน ฝ่ายชายถึงกับสามารถตัดขาดจากสมบัติและวงศ์ตระกูลได้เลย เพื่อแลกกับการได้ครองรักกับหญิงสาวร่างเล็กบอบบางข้างกาย ลี ฮาซันถึงกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับที่หางตา มองไปทางด้านผู้เป็นสามีคล้องวงแขนเข้ากับลำแขนของอีกฝ่ายซุกหน้ากับอกของสามี ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ ทางด้านลี จางชีก็มีอาการไม่ต่างจากกันนัก จึงแตะที่แขนของภรรยาอย่างปลอบประโลม ชายชราหนึ่งเดียวนั้นก็ไม่ได้มีอาการแตกต่างจากคนอื่นเท่าใดนัก ร่างที่ค่อนข้างค้อมเล็กน้อย ไขว้มือที่เหี่ยวย่นไว้ด้านหลังข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างวางอยู่บน
น้ำรินพยายามลืมตาตื่น รู้สึกมึนงงไปหมด อาการคลื่นไส้ จะเป็นลม หายเป็นปลิดทิ้งหลังจากที่ได้ให้น้ำเกลือ และนอนพักเต็มอิ่มแล้ว ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำอุ่น ๆ เค็ม ๆ ถูกเช็ดออกจากดวงหน้าด้วยนิ้วเรียวใหญ่อย่างเบามือของผู้เป็นสามี“ตื่นแล้วหรือ? เป็นไงบ้าง? ยังเวียนหัวอยู่หรือเปล่า?” คำถามรัวถี่ติด ๆ กันจนคนถูกถามแทบตอบไม่ทัน จึงได้แต่ส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ หล่อนไม่อยากให้เขาเป็นกังวลมากนัก“ไอ้หมอหัวล้านกับเจ้ายูมันให้เธอกลับบ้านได้ แต่ฉันว่าเธอยังไม่แข็งแรงดีเลย ยังไงนอนพักดูอาการที่นี่สักคืนดีไหม” ผู้เป็นภรรยาส่ายหัวดิกเมื่อ ได้ยินผู้เป็นสามีบอกให้นอนพักที่นี่สักคืน“ไม่เอาค่ะ หายดีแล้ว ไม่เวียนหัว ไม่คลื่นไส้ ไม่มีอาการอะไรทั้งนั้นแล้ว ฉันหายดีแล้วจริง ๆ นะคะ” อยากจะบอกเหลือเกินว่า แค่ตื่นขึ้นมาแล้วได้เจอหน้าเขา มาอยู่ใกล้ ๆ อย่างนี้อาการต่าง ๆ ก็หายเป็นปลิดทิ้งทันทีเลยล่ะ“จริงนะ ห้ามโกหก เป็นพยาบาลอะไรไม่ชอบโรงพยาบาลเฮ้อ!” ชายหนุ่มชะโงกหน้า มองเสี้ยวหน้าภรรยาตัวน้อยด้วยความมันเขี้ยว มือใหญ่วางแปะที่ศีรษะเล็กนั้น เขย่าเบา ๆ อย่างเอ็นดู“กลับบ้านกันเถอะนะคะ” คนไข้ตัว
“ดี..แล้วก็เอาหัวล้าน ๆ ของไอ้หมอคนเมื่อกี้ออกไปห่างเมียกันหน่อยได้ไหม กันไม่ชอบขี้หน้ามันเลยว่ะ” ฮิโรยูกิหันมากระซิบข้างหูเพื่อนรักทันทีที่หันไปเห็นแพทย์คนเมื่อสักครู่ เดินเลี่ยงออกไปทางด้านซ้ายของเตียงคนไข้ นั่นก็เรียกรอยยิ้มให้ยูอิจิได้เป็นอย่างดี ขี้หึงจริง ๆ นะเพื่อนเรา แม้แต่หมอแก่ร่างท้วม กับหัวที่มีผมทางตอนหน้าเหลือน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง ไปหาว่าเขาหัวล้านซะนี่ ร้ายจริง ๆ“ออกไปก่อนเถอะเพื่อน ไม่ต้องห่วงทางนี้ กันจะช่วยดูให้อีกแรงหนึ่ง” คำยืนยันของยูอิจิ บอกว่าภรรยาของเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างสูงจึงยอมถอยห่างออกมาแต่ไม่ได้ไปไหนไกล เขายังคงปักหลักยืนอยู่ห่าง ๆ ในมุมห้องแคบนั้น พลางกอดอกมองแพทย์และพยาบาลตรวจร่างกายหล่อนเงียบ ๆ“ฮีโร่..ฮีโร่..ตื่นเถอะ”“อ๊ะ! ฮ๊ะ! ยู..เมียฉันล่ะเมียฉันเป็นไงบ้าง!” ร่างสูงผวาตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงยูอิจิปลุกให้ตื่น เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“หึ..ตื่นขึ้นมาก็โวยวายเลยนะ คุณน้ำรินปลอดภัยแล้ว หมอให้น้ำเกลือ แล้วย้ายเธอไปนอนพักดูอาการที่ห้องข้าง ๆ โน่นแล้ว”“เหรอ? แล้วอยู่ไหนล่ะ?”“เดี๋ยวสิเพื่อน นี่นายไม่อ
“อือ ๆ ก็ว่าอย่างนั้นล่ะ” แล้วก็มีเสียงงึมงำจากคนรอบข้าง ที่บ่งบอกว่าเห็นด้วยกับความเห็นของเขา และนั่นก็ให้คุณคิม เซยอนชักสีหน้าอย่างไม่พอใจให้สามีทันที“เอาอย่างนี้สิ อะไรที่เป็นฝีมือของเธอ เราก็ชิมอันนั้นก็แล้วกัน..เรามาวัดกันที่รสชาติเป็นไง” และก็เป็นท่านปู่อีกตามเคยที่เอื้อมมือมาช่วยหล่อนไว้ ทำให้น้ำรินลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก การทดสอบเรื่องอาหารผ่านไปด้วยดี ผลที่ออกมาหล่อนได้คะแนนเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าสูงมากเลยทีเดียว และสุดท้ายก็คือการชงชาที่ถูกต้อง ขณะที่กำลังนำถาดน้ำชาไปเสิร์ฟให้ผู้หลักผู้ใหญ่นั้นเอง วูบหนึ่งหล่อนรู้สึกหน้ามืด วิงเวียนจนแทบล้ม แต่ก็พยายามข่มใจไว้ พลางยืดอกขึ้นสูดลมหายใจเพื่อเอาออกซิเจนเข้าปอดลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดเรื่องที่หญิงสาวไม่ต้องการให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้“อุ๊บ! อ๊ะ!” เพล้ง! จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อกลิ่นของชาชั้นดีโชยมาแตะเข้าที่จมูก กลิ่นของมันทำให้แก๊สในกระเพาะอาหารปั่นป่วนจนวิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอ แทบอ้วกออกมา เท่านั้นเองโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว หล่อนเผลอยกมือขึ้นมาปิดปาก ทำให้น้ำหนักถูกเทไปที่มืออีก
สามวันแล้วสินะที่หล่อนโดนการทดสอบแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคุณอาหญิง วันแรกเธอให้หล่อนขัดถูเครื่องใช้โบราณที่อยู่ในครัว ทำอยู่เป็นวันกว่าจะเสร็จก็เล่นเอามือถลอกไปเลยทีเดียว ถัดมาอีกวันหนึ่งหล่อนถูกทดสอบการทำอาหารซึ่งหล่อนถนัดนักล่ะ ไม่ว่าเธอจะสั่งให้ทำอะไรหล่อนก็ทำมันออกมาได้เป็นอย่างดี และนั่นก็ทำให้คุณลี ฮาซัน เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับหล่อนดีขึ้น วันนี้เธอช่วยสอนวิธีชงชาที่ถูกวิธีให้กับหล่อนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฮีจินมาเยี่ยมหล่อนเมื่อช่วงบ่าย ก่อนจะกลับหล่อนได้ยื่นของสิ่งหนึ่งมาให้ นั่นก็คือหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลีในแต่ละยุคสมัย คุณลีบอกว่าอีกสองวันจะมีการประชุมผู้อาวุโสของตระกูล ให้หล่อนเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อถึงวันนั้นเธอบอกว่าจะคอยช่วยหล่อนอีกแรงหนึ่ง น้ำรินรู้สึกดีใจเหลือเกิน ที่สามารถเอาชนะใจคุณลี ฮาซันได้ เพียงแค่ระยะเวลาอันสั้น ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน พ่อบ้านเก่าแก่ ต่างก็ให้ความเป็นกันเองกับหล่อนมากขึ้นผิดกับวันแรก ๆ ที่หล่อนมาถึงที่นี่ลิบลับ หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งในช่วงเย็น หลังจากร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นกับผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กก้าวเข้าไป
ช่วงเดือนพฤษภาคมที่เกาหลีแลดูสดชื่นนัก ความสวยงามของดอกไม้ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ พันธุ์ไม้ต่าง ๆ ผลิดอกบานสะพรั่งก่อนที่จะมีใบสีเขียวชอุ่มตามมา ไกด์จำเป็นอธิบายให้หล่อนฟังว่า ริมทางที่รถวิ่งผ่านมาส่วนมากจะเป็นต้นเมเปิลต้นอึนแฮง ( ต้นแป๊ะก๊วย) ต้นบอทือ ( ต้นหลิว) ต้นบอช ( ต้นซากุระ) ต้นชัน (คล้ายต้นสน) ส่วนที่อยู่บนเนินเขาจะมีดอกจิลดัลแล สีชมพูอมม่วง ดอกแคนารีสีเหลือง และดอกซากุระ หรือดอกชนามู สีขาวอมชมพู ต่างผลิดอกออกมาประชัน เปรียบเสมือนสีผ้าต่าง ๆ พืด ปูประดับประดาไว้อย่างสวยงาม ต้นไม้ที่ให้ร่มเงา ยืนเรียงรายริมถนนเริ่มผลิใบอ่อนบ้างแล้ว ตามกิ่งก้านจะมีนกเจบีตัวเล็ก ๆ สีดำส่งเสียงร้องอย่างร่าเริง รถคันจิ๋ววิ่งลัดเลาะผ่านภูเขาที่ดูคดเคี้ยว จากกรุงโซลออกมาแถวชานเมือง ได้สักพักใหญ่ ๆ คนขับกิตติมศักดิ์ของหล่อนก็หักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวขวาขึ้นไปบนเนินสูงเบื้องหน้า วิ่งผ่านรั้วกำแพงสูงใหญ่เข้าไปด้านใน ก่อนจะจอดนิ่งสนิทหน้าลานกว้าง น้ำรินก้าวลงจากรถพลางเหม่อ
“อืมม์ เก่งขึ้นทุกวันนะเราใครสอนกันนะ โอ๊ะ! หึ ๆ” พูดออกไปแล้วก็ต้องร้องครวญครางด้วยความเจ็บ เมื่อถูกกำปั้นน้อย ๆ ทุบที่หน้าอกทีหนึ่งจากคนตัวเล็กตรงหน้า แก้มแดงระเรื่อทำให้เขาอดใจไม่ไหว ช้อนร่างหล่อนอุ้มขึ้นมากระชับไว้ในวงแขนอันอบอุ่น ก่อนจะพามาวางลงบนที่นอนโดยมีร่างสูงหนาตามมาติด ๆ ลมหายใจรินรดกันจนแทบจะสัมผัสได้ ตาต่อตาประสานกันนิ่ง ชายหนุ่มแนบหน้าเข้ามาใกล้เกลือกจมูกโด่งสวยเป็นสัน กับแก้มเนียนอมชมพูสูดดมความหอมอย่างรักใคร่หลงใหล ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากจากมุมปากประกบไว้แนบแน่น มือหนึ่งช้อนไว้ที่ท้ายทอยของหล่อน ส่วนมืออีกข้างก็ทำการสำรวจร่างกาย ลูบไล้ไปทั่วก่อนจะสอดหายเข้าไปใต้เนื้อผ้า.. สักพักชุดนอนเนื้อผ้าบางเบาก็ถูกปลดออกจากร่าง เหลือไว้เพียงร่างขาวนวลเนียนกระจ่างตา“ยังเช้าอยู่เลยนะคะ” หญิงสาวจำต้องยกมือขึ้นแตะที่แขนของสามีเป็นเชิงเตือน เมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น“ไม่เห็นเป็นไรเลยเช้า ๆ นั่นแหละดี”“แต่ว่า..คุณต้องไปทำงาน”“อื้อ..อย่าดื้อน่า เมื่อกี้ยังเชื้อเชิญอยู่เลย นะ..ขอหน่อยนะที่รัก หลายวันแล้วนะที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย อีกหน่อยเธอก็ต้องไปที่โซลแล้ว เมื่อถึ
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้มันสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายจึงใช้ส้นเท้ากระทืบลงที่หลังเท้าของมันเต็มแรง ก่อนจะก้มลงไปกัดที่มือหยาบหนาบริเวณที่มันโอบเหนือเอวหล่อนขึ้นมา เมื่อถูกฟันคม ๆ ของหล่อนกดลึกเข้าไปในผิวเนื้อจนมันรู้สึกเจ็บ ร้องจ๊ากออกมา จนสะบัดมือ สะบัดเท้าเร่า ๆ หญิงสาวมองเห็นความหวังที่จะรอดไปได้ขึ้นมารำไร จึงรีบสลัดตัวออกจากแขนใหญ่ล่ำ ที่พันธนาการหล่อนอยู่ทันที ก่อนจะก้มลงไปหยิบปืนที่หล่นอยู่แทบเท้าเมื่อครู่ด้วยมืออันสั่นเทา นิ้วชี้กระชับพร้อมที่จะเหนี่ยวไกเพื่อกระชากวิญญาณของพวกมันได้ทุกเมื่อ หญิงสาวอยู่ในท่าเตรียมพร้อมอย่างที่ร่ำเรียนมา ปลายกระบอกปืนส่ายสลับไปมา ระหว่างชายฉกรรจ์ที่ยึดตัวหล่อนและสามีไว้เมื่อครู่อย่างหมายมาด สถานการณ์กลับกลายไปเป็นอีกแบบหนึ่งทันที ฮิโรยูกิย่างสามขุมตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของโทรุ ด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนไอ้สองคนที่กำลังสาละวนอยู่กับการพันธนาการฮีจินอยู่ ชะงักงัน หนึ่งในนั้นพยายามที่จะงัดปืนออกมาจากเอวของมันแต่ถูกเสียงเข้มดุดัน ตะโกนสั่งออกมาเสียก่อน“ทิ้งปืนซะ! ถ้าไม่อยากให้เจ้านายของแกตาย แล้วก็แก้มัดเพื่อนฉัน
“ทำได้ดีมาก..ที่รัก” ฮิโรยูกิยังมีอารมณ์หันมาเอ่ยปากชมหล่อนทันทีที่ร่างเล็ก ๆ วิ่งเข้ามาหลบอยู่ข้างหลังเขา ความขุ่นมัว กรุ่นโกรธก่อนหน้านี้ค่อยผ่อนคลายลงไปได้นิดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าหล่อนแก้เผ็ดไอ้คนที่กระทำการอันน่ารังเกียจกับหล่อนได้อย่างไม่น่าเชื่อไม่เสียแรงเลยที่เขาอุตส่าห์ให้หล่อนหัดเรียนรู้วิธีป้องกันตัว เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมาทั้ง ๆ ที่กลัวเหลือเกินว่าเนื้อตัวของหล่อนจะบอบช้ำจากการฝึกฝน แต่ดูเหมือนว่าภรรยาตัวน้อยของเขาจะติดใจการฝึกหัดทุกรูปแบบเสียจนบางครั้ง ไม่สนใจเขาไปเลยในช่วงนั้น โดยเฉพาะเวลาที่เธอฝึกยิงปืนกับครูหนุ่ม การเอาใจใส่จนออกนอกหน้าของครูฝึกคนนั้น ทำให้เขาต้องย้ายหล่อนให้มาฝึกกับครูผู้หญิงแทน ส่วนครูฝึกคนแรกนั้น ถูกย้ายทันทีในวันถัดมา นี่ล่ะ..ผู้หญิงที่จะมาเป็นนายหญิงของตระกูลคัทซึฮิโกะตัวจริง“หึ ๆ แกแน่มาก ฮิโรยูกิแต่ดูเหมือนว่าแกจะประเมินฉันต่ำไปแล้ว” ฮิโรยูกิกับน้ำรินรู้สึกแปลกใจในคำพูดของโทรุ ที่จู่ ๆ มันก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาจากลำคอ ทันใดนั้นทั้งสองก็ต้องอ้าปากค้างร้องอุทานออกมาเกือบพร้อมกัน“ฮ