ขณะที่กำลังนึกสมเพชเวทนาตัวเองอยู่นั้น พลันหางตา ได้สังเกตเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างคลับคล้ายคลับคลาว่า จะเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้ออย่างหล่อนเดินผ่านหลังไปแวบ ๆ จึงหันไปมองให้เต็มตา น้ำรินเลยยิ้มออกมาอย่างลิงโลดหัวใจเต้นแรงออกมาอย่างอดใจไม่อยู่ สมองคิดถึงโอกาสที่จะหนีออกไปจากที่นี่ และอย่างรวดเร็วเท่าความคิดหญิงสาวรีบปราดเข้าไปหาคนคนนั้นทันที ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะเป็นพนักงานทำความสะอาดของที่นี่ เพราะสังเกตเห็นป้ายบอกชื่อที่ติดอยู่ตรงหน้าอกด้านซ้าย บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นคนของเจ้าของโรงแรมนี้อย่างแน่นอน มาถึงนาทีนี้แล้ว เป็นไงเป็นกันลองขอความช่วยเหลือหล่อนดูเป็นไร
“เอ่อ..ขอโทษนะคะ ช่วยอะไรฉันอย่างหนึ่งได้ไหม ได้โปรดพลีส..”พนักงานคนดังกล่าวชะงักงันไปชั่วขณะ เมื่อเห็นหญิงสาวชาวต่างชาติ หน้าตาท่าทางเหมือนคนเร่ร่อน และดูไม่น่าไว้วางใจ แล้วยังมาขอร้องให้ช่วยเหลืออีก ในตอนแรกเธอส่ายหัวไปมา อย่างไม่ให้ความร่วมมือ แต่พอโดนหล่อนก้มลงคุกเข่าขอร้อง กอดขาไว้อย่างอ้อนวอน เธอถึงเริ่มใจอ่อน กว่าจะสนทนากันรู้เรื่องก็เล่นเอาเหงื่อแทบแตก เพราะใช้ทั้งภาษามือภาษากายจนกระทั่ง..ทั้งสองสลั
“เธอพยายามคิดจะหนี ครั้งหนึ่งครับเมื่อมาถึงที่โรงแรม ก็เลย เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย” ถึงแม้การ์ดของเขาไม่บอก ก็พอจะรู้อยู่ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากอะไร หัวคิ้วดกหนาขมวดเข้าหากัน พลางหันหน้ามาทางเหล่าบอดี้การ์ดที่เอาแต่ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตากับเจ้านายเพราะเกรงว่าจะโดนทำโทษ“บอกแล้วใช่ไหม! ว่าห้ามให้เธอรู้ตัวก่อนเด็ดขาด..ฉันขี้เกียจที่ต้องระวังว่าหล่อนจะคิดหาทางหนี แต่พวกนายก็ทำให้ไก่ตื่นจนได้ ถึงแม้ว่าหล่อนจะต้องรู้ในไม่ช้า แต่..ช่างเถอะ เพราะถึงยังไง ลูกไก่ในกำมือของฉันตัวนี้ก็ไม่มีทางหนีรอดไปได้อยู่แล้ว” ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่า ก้มลงไปพูดจนชิดกับดวงหน้าขาวซีดของหญิงสาวอย่างหมายมาด ตอนนี้หล่อนหลับใหลไปแล้ว ไม่ตื่นขึ้นมารับรู้อะไรเลย พลางไล้สายตาลามเลีย แสยะยิ้มที่มุมปากอย่างดูถูก ก่อนจะเงยหน้า ยืดตัวเต็มความสูง หันไปทางเหล่าการ์ดทั้งหลายที่พร้อมจะทำตามคำสั่งของเจ้านายเสมอ“พวกนายออกไปได้แล้ว ยกเว้นทานากะ นายอยู่ก่อน” ลับหลังจากที่บรรดาชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ บึกบึนเหล่านั้นออกไปแล้วผู้เป็นนายจึงหันไปทางบอดี้การ์ดคู่ใจ&
“หมะ..หมายความว่ายังไงกัน คุณจับตัวฉันมาใช่ไหม คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร.. คุณเป็นพวกเดียวกันกับนายทานากะนั่นสินะ คุณมันเลว เบื้องหน้าคุณคงทำตัวเป็นมหาเศรษฐีสะสมอัญมณี เดินทางไปทั่วโลก แต่แท้ที่จริงแล้ว คุณกลับค้ามนุษย์ คุณมัน..”“พอได้แล้ว! ถ้าขืนเธอยังพูดพล่ามอยู่อีกล่ะก็ ฉันจะบีบคอเธอให้แหลกคามือเดี๋ยวนี้ล่ะจะลองดูมั้ย!” ฮิโรยูกิตะคอกกลับไปเมื่อหล่อนเริ่มกล่าวหาเขาอย่างเสีย ๆ หาย ๆ มากไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้แก้ข้อกล่าวหาของหล่อนแต่อย่างใด เพราะเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น และก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องมานั่งอธิบายให้หล่อนเข้าใจด้วย สิ่งที่เขาควรทำในตอนนี้ ก็คือ เค้นเอาคำตอบจากปากของหล่อนให้ได้มากกว่า น้ำรินหุบปากฉับทันที เมื่อได้ยินคำขู่ของเขา อาการดิ้นรนเมื่อครู่ สงบลงพร้อม ๆ กัน ดูเหมือนว่าชายหนุ่มก็หยุดนิ่งเช่นเดียวกัน เมื่อรู้ตัวว่า บัดนี้เขาได้เกยทับอยู่บนร่างเล็กเต็ม ๆ ช่วงล่างของหล่อน ถูกลำขาแข็งแรงของเขา กดทับไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ โดยมีผ้าห่มนวมผืนหนากั้นไว้เท่านั้น ส่วนท่อนบนชายหนุ่มใช้ลำแขนที่ใหญ่กว่าทั้งสองข้างของเขา กดทับข้อมือทั้งสองข้างของหล่อนไว้ให้ราบกับที่นอ
“นี่..ว่าไงล่ะเจ็บมากหรือเปล่า ไหนขอฉันดูแผลหน่อยสิ”“อ๊ะ! มะ..ไม่ ไม่ค่ะ ไม่เจ็บ”“งั้น..ก็ดีแล้ว เธอควรไปอาบน้ำ แต่งเนื้อแต่งตัวเสียใหม่ เพราะสภาพเธอตอนนี้น่ะ..ดูไม่ได้เลยจริง ๆ” ไม่นานนัก ร่างสูงเจ้าของน้ำเสียงทุ้มต่ำ แฝงไว้ด้วยอำนาจ ก็เดินหันหลังไปออกคำสั่งบรรดาเมทสี่ ห้าคนให้เข้ามาจัดการกับตัวหล่อนตั้งแต่อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า สระผม และสุดท้าย ได้ทานอาหารมื้อแรกที่แสนอร่อยนับตั้งแต่ได้มาถึงโตเกียว เอ๊ะ! นี่มันอาหารไทยนี่นา เป็นไปได้ยังไง อาหารที่ตกถึงท้องมื้อสุดท้ายก่อนที่จะมาถึงที่นี่ ตอนที่อยู่โรงพยาบาลก็ยังเป็นอาหารญี่ปุ่นที่หล่อนไม่ค่อยจะถนัดนัก จริง ๆ แล้วไม่ค่อยชอบซักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ แต่ก็พยายามที่จะกิน โชคดีที่เมื่อก่อนเพื่อนสนิท พยายามยัดเยียดให้หล่อน กินจนสามารถลำเลียงอาหารจืด ๆ คาว ๆ ลงคอได้บ้างพอประทังชีวิต น้ำรินถูกจับเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนตัวใหม่เอี่ยม หน้าตาค่อยสะอาด สดใสขึ้นมาบ้าง ผมเผ้าที่เคยยุ่งเหยิง เนื่องจากไม่ได้รับการดูแล กลับนุ่มสลวยและเหยียดตรงเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว หญิงสาวจึงเดิน
เช้าวันใหม่ของเมืองโตเกียว กับการได้หลับอย่างเต็มที่เมื่อคืนทำให้น้ำรินรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก พลางบิดตัวไปมา ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน อยากอาบน้ำเหลือเกิน แต่ก็ยากลำบากเสียนี่กระไร ไหนจะกลัวแผลที่ข้อมือจะโดนน้ำ แล้วไหนจะที่หัวอีก โอย.. ช่างทรมานอะไรอย่างนี้ เมื่อวานยังมีคนช่วยอาบ แต่ก็อายจนแทบอยากจะถอดหัวออกไม่ให้พวกหล่อนเห็นหน้าไปซะอย่างนั้น แล้ววันนี้จะทำยังไงดีล่ะ คงต้องเอาไว้ก่อน หล่อนไม่หน้าด้านขนาดที่จะให้ใครมาอาบน้ำให้อย่างกับเด็ก ๆ เป็นครั้งที่สองหรอก หญิงสาวจึงหันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดเดิมที่เคยใส่ มาจากที่โรงพยาบาล ไม่รู้ว่านี่เป็นชุดของใคร รู้แต่ว่า ทานากะเอามาให้ ตั้งแต่วันที่จะออกจากโรงพยาบาลก๊อก ก๊อก..เสียงเคาะประตู ดังสองครั้งติดกัน ก่อนที่จะมีบุรุษรูปร่างสูงใหญ่กำยำ หญิงสาวจำได้ทันทีว่าเป็นทานากะ ที่เป็นคนเปิดประตูเข้ามา วันนี้บอดี้การ์ดหนุ่มอยู่ในชุดสูทสีดำตามเคย ส่วนทางด้านหลังของชายผู้นั้นมีผู้หญิงสาวซึ่งบ่งบอกว่าเป็นคนญี่ปุ่นอย่างแน่นอน ดูจากหน้าตา น่าจะอายุไม่เกินยี่สิบห้าด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่แน่นักหรอก คนญี่ปุ่นน่ะหน้าอ่อนกว่า
ชายหนุ่มพาหล่อนกลับเข้ามาอยู่ในห้องน้ำได้สำเร็จ พยายามบังคับสายตาให้มองไปจุดอื่น แทนที่จะเป็นร่างขาวกระจ่างตรงหน้า จากนั้นก็เปิดฝักบัวอาบน้ำให้กับเจ้าหล่อน ก่อนที่จะยกลงมาล้างหน้าป้ายฟองสบู่ออกจากตาให้หล่อนอย่างเบามือ เขาต้องพยายามสะกดอารมณ์ที่มันกำลังพลุ่งพล่านอย่างหนัก เมื่ออยู่ใกล้กับเรือนร่างขาวผ่อง ผ้าชิ้นเล็ก ๆ เมื่อโดนน้ำก็ยิ่งเน้นความชัดแจ๋ว ให้เห็นไปถึงไหนต่อไหน นั่นกลับยิ่งเพิ่มความเย้ายวนให้กับหล่อน โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ เขาต้องหายใจเข้าออกอย่างหนัก พยายามกำหนดจุดที่จะมองหล่อนเพียงแค่ใบหน้าขาวสะอาด แทนที่จะเป็นส่วนอื่น“อ๊ะ! มิกะขอบใจมากนะไม่เป็นไรแล้ว ฉันทำเองได้ มีอะไรด่วนหรือ ถึงได้เคาะประตูเสียงดังเชียว แต่ยังไงก็ต้องขอบใจมากนะ ถ้าไม่ได้มิกะล่ะก็ ฉันต้องแย่แน่ ๆ เลย” ปากก็พูดไปแต่มือข้างที่ว่างก็ปัดป่ายสายน้ำออกจากตาและใบหน้าอย่างไม่ยอมมองมาที่ตัวต้นเหตุเพียงสักนิด แต่ชั่วแวบหนึ่ง ด้วยสัญชาตญาณ น้ำรินนึกสงสัยขึ้นมาฉับพลันทันที ว่าทำไมมิกะถึงไม่ค่อยช่างพูดเลย และรู้สึกราวกับว่า มีใครมองหล่อนอยู่กระนั้น คิดได้ดังนั้นหญิงสาวรีบลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็วเท่า
“อ๊าย! อย่าเข้ามานะ คุณจะทำอะไร ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ! ปล่อย..”“นี่! เธอ! เลิกร้องโวยวายสักทีจะได้มั๊ย!” ทำไมนะ คนอย่างฮิโรยูกิ ต้องมาโดนแปรงขัดห้องน้ำกระหน่ำเอา ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงไม่จัดการกับหล่อนอย่างเด็ดขาดไปเลย ทำให้ไม่กล้าแม้แต่ จะเข้าใกล้เขาเลยด้วยซ้ำ และทำไมเขาไม่เดินหนีออกไปเสีย เพื่อเป็นการสงบศึกขนาดย่อมนี่ซะ แต่มันไม่ใช่วิสัยของคนอย่างเขานี่นา ที่จะหนีปัญหาใด ๆ ถ้าหากว่ายังไม่ได้สะสางให้เรียบร้อยเสียก่อน เขาเข้ามาเพื่อที่จะเค้นเอาความจริงจากหล่อนไม่ใช่หรือ ผู้หญิงคนนี้ก็ช่างกระไร ตัวเองแทบจะไม่มีทางสู้อยู่แล้ว ยังทำเป็นอวดเก่งอีก เดี๋ยวเถอะจะทำให้ไม่กล้าแม้แต่จะร้องออกมาเลยคอยดู ชายหนุ่มจึงใช้มือเพียงข้างเดียวรวบท่อนแขนเล็ก ข้างที่ถืออาวุธประทุษร้ายเขาเหยง ๆ ขึ้นเหนือศีรษะกลมมน แล้วใช้ลำตัวที่สูงใหญ่กว่า ออกแรงดันร่างเล็ก เพียงนิดเดียวนั่นหล่อนก็เซแถด ๆ จนหลังชิดกำแพงห้องน้ำ ตรึงร่างของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหน หรือทำร้าย ร่างกายเขาได้อีกต่อไป“หึ! เป็นไงล่ะแม่สาวน้อย อึ้ง
“เอ..หรือว่าจะเปลี่ยนใจดี ระหว่างช่วยเธออาบน้ำกับปล่อยให้เธอจัดการตัวเองนี่อันไหนมันจะเร็วกว่ากันนะ”“ไม่นะ! ฉันอาบเองได้ จะ..จริง ๆ นะคะ.. ฉันขอเวลา สิบ..นาที” เสียงอ่อนไปเลยล่ะสิ หึ หึ ช่างน่าสงสาร น่าเวทนาดีแท้ แต่อย่าหวังเลยว่าต่อไปนี้ฉันจะใจดีกับเธออีก อย่าคิดเอาความใส ซื่อของเธอมาล่อหน่อยเลย ฉันไม่ใจอ่อนกับเธอหรอก“เอ้า! นี่ผ้าเช็ดตัวแล้วก็เสื้อผ้าชุดใหม่ รีบ ๆ จัดการซะห้ามให้เกินเวลาที่กำหนด ไม่อย่างนั้นละก็..” ชายหนุ่มหันมาทำตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม ส่งสายตาหมายมาดมาให้ก่อนจะผลุบหายออกจากห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว เมื่อตั้งสติได้ หญิงสาวรีบวิ่งแผล็วไปกดล็อกประตูห้องน้ำแทบจะทันที ที่ร่างสูงใหญ่หายวับจากอาณาเขตสายตา น้ำรินยืนพิงประตูห้องน้ำ หัวใจเต้นตุบตับ มันรัวเร็วราวกับกลองก็ไม่ปาน ไม่ได้แล้ว ไม่มีเวลามาอ้อยอิ่งแล้ว ถ้าหากขืนชักช้ากว่านี้ มีหวัง..เขาเล่นงานเอาตายแน่น้ำรินใช้เวลาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ในเวลาที่กำหนดอย่างฉิวเฉียด หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ สองสามครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูออกมา โดยลืมที่จะส่องกระจกดูสภาพตั
ท่าทางของเขาในตอนนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน นัยน์ตาที่มีแววล้อเล่นก่อนหน้านี้หายไปไหน ทำไมตอนนี้ถึงมีแต่ใบหน้าที่แสดงความไม่พอใจ ดูบึ้งตึง และเกรี้ยวกราด สายตาอาฆาตที่ส่งกลับมาทำให้น้ำรินกลัวจนตัวสั่น เขาต้องการของสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร ในเมื่อเขาก็ร่ำรวย มีเครื่องเพชรและอัญมณี จนไม่มีที่จะเก็บอยู่แล้ว ทำไมจะต้องมาอยากได้ แหวนเพชรวงเล็ก ๆ แค่วงเดียวนั่นด้วย แล้วแถมตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุที่งานแสดงสินค้าของเขาจนต้องเข้าโรงพยาบาล พอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกที หล่อนก็มาอยู่ที่ญี่ปุ่นนี่แล้ว เสื้อผ้าก็ไม่ใช่ของตัวเอง คงมีแต่ตัวหล่อนเท่านั้นล่ะที่เป็นของตัวเองจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ยังไม่รู้เลยว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นี่เป็นของใครกันแน่“หึ..สงสัยจะต้องรื้อฟื้นความทรงจำ เพื่อทำให้เธอนึกให้ออกว่าเธอเอาของสิ่งนั้นไปไว้ที่ไหน ฮึ..ใช่ไหม เธอคงชอบวิธีการค้นหาของ ของฉันมากเลยสินะ ถึงได้ปากแข็งอยู่อย่างนี้น่ะ”“ฮ๊ะ!ไม่นะ..ฉันไม่ได้ปากแข็ง ไม่ได้โกหก ฉันไม่รู้จริง ๆ นะคะว่า ตอนนี้แหวนนั่นอยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มไม่สนใจฟังอะไรทั้งสิ