Share

การเดินทางอีกครั้งในฐานะเชลย

ในขณะนั้นเอง ทานากะเหลือบตาไปเห็นชายที่น่าสงสัยคนนั้นพอดี เขาปะปนอยู่กับกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ต่างก็แตกตื่น ฮือฮากับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จนกล้องไม่รู้จะซูมไปทางไหนดี และอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทานากะเห็นชายคนนั้นยกมือขึ้นข้างหนึ่งซึ่งพบว่าในนั้นมีมีดปลายแหลม พุ่งตรงไปทางเปรมศักดิ์ และดาราสาวที่กำลังเดินออกไปจากงานทันที และโดยไม่ตั้งใจอีกเช่นกัน เมื่อมีเสียงหนึ่งตะโกนร้องเสียงดัง ออกมาว่าให้ระวัง

  

  เปรมศักดิ์ซึ่งกำลังเดินตามดาราสาวออกมา  เหลือบไปเห็นชายที่ถือมีดพุ่งตรงมายังตัวเขา ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ท่านรัฐมนตรีฯ หันไปคว้าคนที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด  เหวี่ยงร่างนั้นให้ไปปะทะกับชายคนที่จะเข้ามาทำร้ายเขาสุดแรง โดยที่ไม่มีใครสังเกตว่าเป็นใคร มาจากไหน ทานากะวิ่งตามไปจนถึงตัวบุคคลที่น่าสงสัยคนนั้นแทบทันที หากช้าไปเสียแล้ว เมื่อปลายมีดแหลมคมได้เฉือนข้อมือของผู้โชคร้าย  ที่มามุงดูแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าอย่างจัง

 

  “อ๊ะ!.!” น้ำรินร้องออกมาได้เท่านั้น เพราะยังงุนงงกับเหตุการณ์ชุลมุน ที่จู่ ๆ หล่อนก็ถูกกระแทกจากใครก็ไม่รู้จนเซถลา จากนั้นก็ถูกฉุดแขน แล้วใครคนนั้นก็เหวี่ยงร่างหล่อน ให้ปะทะเข้ากับมีดแหลมคมจนเลือดไหลเป็นทาง แวบแรกรู้สึกดีใจที่มีดไม่โดนจุดสำคัญ และก็โชคดีที่โดนแค่ข้อมือด้านซ้ายซึ่งไม่ค่อยใช้งานมากนัก และด้วยอาชีพที่ตนเองร่ำเรียนมา น้ำรินรีบฉวยเอาชายผ้าที่ปูรอง อะไรสักอย่างสีแดง มาพันข้อมือเพื่อห้ามเลือด วินาทีนั้นไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว  และเหมือนผีซ้ำด้ามพลอยเหลือเกิน เมื่อจู่ ๆ กล่องอะไรหนัก ๆ ก็หล่นลงมา กระแทกที่หัวหล่อนอย่างจัง ยากที่จะทันตั้งตัว น้ำรินรู้สึกมึน และรู้สึกปวดหนึบหนัก ๆ ที่หัว ก่อนที่สติจะดับวูบไป หญิงสาวได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย อึกทึกคึกโครมไปหมด  เหมือนมีมือใครคนใดคนหนึ่งมาประคองร่างหล่อนไว้ และช่วยประคองไม่ให้หัวล้มกระแทกพื้นซ้ำเข้าไปอีก น้ำรินได้ยินเสียงคนร้องให้มาดูทางนี้ด้วย ว่ามีคนเจ็บ จากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย…

 

  ภายในห้องจัดแสดง ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ที่ได้รับแจ้งเหตุก็กรูกันเข้ามา กลุ่มนักข่าวก็พากันห้อมล้อม แสงแฟรชสว่างวูบวาบ ชายคนนั้นต่อสู้กับเหล่าบอดี้การ์ด ลูกน้องของทานากะไม่ไหว หมอบไปเสียแล้ว

 

“ เอาตัวชายคนนี้ไปทีครับ!” ทานากะส่งตัวผู้ร้ายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตามมาทีหลัง ก่อนจะก้าวเข้าไปหาผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งตอนนี้สลบไปแล้วเพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาล...

 

 

“กริ๊ง…” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียว มือเรียวยาวก็หยิบขึ้นมาทันที ก่อนจะกรอกเสียงเข้มลงไป

  

 “ ฮัลโหล”

 

 “ ขอโทษครับท่าน ที่รบกวน ผมมีเรื่องจำเป็นจะต้องแจ้งให้ท่านทราบครับ แต่ผมคิดว่าท่านน่าจะทราบเรื่องดีอยู่แล้ว”

 

“ หึ..แล้วนายจะโทรมาทำไมล่ะ ถ้าคิดว่าฉันรู้แล้ว” ใช่สินะ ทานากะน่าจะรู้อยู่แล้วว่า ฮิโรยูกิ ไม่เคยพลาดเรื่องสำคัญอย่างนี้ เขาคงเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องจัดแสดงแล้วอย่างแน่นอน

 

“ นายอยู่ที่โรงพยาบาลใช่ไหม? ผู้หญิงคนนั้น เป็นยังไงบ้าง”

 

“ ปลอดภัยดีครับ ด้วยอาชีพของเธอ สามารถช่วยตัวเองได้มากเลยทีเดียวครับ ถ้าหากว่าเป็นคนไม่มีความรู้ด้านนี้ป่านนี้เลือดคงไหลออกมาจนหมดตัวเป็นแน่ แต่ที่หนักกว่านั้นก็คือ หมอบอกว่า สมองเธอถูกกล่องบรรจุเครื่องเพชรกระแทกอย่างแรง ไม่แน่ใจว่าเมื่อฟื้นขึ้นมาจะเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ยังนอนดูอาการที่ ไอ ซี ยู พรุ่งนี้หมอถึงจะอนุญาตให้ย้ายออกมาอยู่ห้องผู้ป่วยทั่วไปได้ครับ” ทานากะอธิบายเสียยืดยาว โดยหารู้ไม่ว่าเจ้านายหนุ่ม ไม่ได้ยืนอยู่เพื่อฟังโทรศัพท์ของเขาแล้ว

 

“ ฮัลโหล ฮัลโหล ท่านครับ อ้าว! วางไปซะแล้ว เฮ้อ!” บอดี้การ์ดหนุ่มก้าวเข้ามาหยุดยืน อยู่ที่หน้าห้อง ผู้ป่วยหนัก พลางมองผ่านช่องเล็ก ๆ ที่ทางโรงพยาบาลทำไว้เพื่อส่องดูคนด้านในได้ อย่างใช้ความคิด หญิงสาวผู้นี้เป็นคน ๆ เดียวกับที่เจ้านายของเขาให้สืบประวัติ ซึ่งเขาก็แปลกใจอยู่ในที ว่าจู่ ๆ ทำไมผู้เป็นนายถึงต้องการทราบความเป็นมาของหล่อนอย่างละเอียด แล้วทำไมอยู่ดี ๆ หล่อนถึงเข้ามาในห้องจัดแสดงเพชรได้ล่ะ หรือว่า...

 

“ ฉันรู้ดี ว่านายกำลังคิดอะไร นายกำลังสงสัยว่าทำไม ฉันถึงให้สืบประวัติหล่อน และทำไมหล่อนถึงเข้ามาในงานได้ และนายกำลังคิดว่า หล่อนอาจจะมีส่วนรู้เห็นกับผู้ชายคนนั้น อย่างนั้นถูกต้องไหม?”

 

“ ไม่มีครั้งไหนเลย ที่ท่านจะอ่านความคิดผมไม่ออก”

 

“ ท่าทางนายแสดงออกมาทางสีหน้า และอีกอย่าง ฉันก็คิดเหมือน ๆ กับนายนั่นล่ะ มันเป็นไปตามหลักการอยู่แล้วนี่นา”

 

“ อ้อ! แล้วนี่ ท่านมาทำไมหรือหรับ ดึกดื่นป่านนี้ ที่จริงเรื่องแค่นี้ ผมจัดการเองก็ได้ครับ ท่านกลับไปพักผ่อนเถอะ”

 

“ แต่เห็นทีว่า เรื่องแค่นี้ นายจะจัดการเองไม่ได้เสียแล้วล่ะ..ทานากะ”ที่ว่าจัดการเองไม่ได้ของเจ้านายเขาก็คือ การเข้าไปเยี่ยมหญิงสาวผู้โชคร้ายคนนั้นซึ่ง ทราบกันดีอยู่ว่าถ้าเป็นเวลาอย่างนี้ ทางโรงพยาบาลห้ามเยี่ยมเด็ดขาด แต่สงสัยจะมีข้อยกเว้นเฉพาะกับเจ้านายของเขากระมัง จากนั้นก็ออกคำสั่งย้ายตัวคนไข้แบบสายฟ้าแลบ เพื่อเดินทางออกนอกประเทศภายในค่ำคืนนี้ทันที 

 

  ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดายเมื่อ คัทซึฮิโกะ ฮิโรยูกิ เป็นคนมาจัดการให้เป็นไปตามคำบัญชาของเขา ซึ่งก็ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งแม้กระทั่ง ผอ.ของโรงพยาบาล

 

“ เอ่อ..ท่านครับ จะดีหรือครับ ผมว่าน่าจะให้พักรักษาตัวที่นี่จะดีกว่า รอให้เธอฟื้นขึ้นมาก่อนไม่ดีกว่าหรือครับ”

 

“ รอให้หล่อนฟื้นอย่างนั้นหรือ? แล้วก็รอให้หล่อนมาคิดแผนขโมยเพชรของฉันอีกอย่างนั้นใช่ไหม? หึ..นายเป็นอะไรไปทานากะ หรือว่า..นายเกิด ติดใจผู้หญิงคนนี้ ขึ้นมาซะแล้ว”

 

“ อ๊ะ!ไม่ใช่นะครับท่าน เอ่อ..คือ ผมคิดว่าอาการหล่อนน่าเป็นห่วงอยู่ ก็เลย..”

 

“ น่าเป็นห่วงหรือ? ที่น่าเป็นห่วง สมควรจะเป็นเพชรมูลค่าร้อยล้านของฉันมากกว่า เข้าใจมั้ย !” ฮิโรยูกิ เผลอตวาดเสียงดังกลับไปให้การ์ดคู่ใจอย่างยับยั้งไม่อยู่

 

“ เอาล่ะ ถ้าฉันสืบว่าหล่อนไม่มีส่วนรู้เห็นในการลักลอบเข้ามาก่อความวุ่นวายในห้องจัดแสดงเมื่อไหร่ฉันจะมอบหล่อนให้นายแน่ทานากะ” เจ้านายเลือดร้อนเดินออกไปแล้ว ทานากะยังคงยืนอยู่หน้าห้อง ไอ ซี ยู ที่ข้างในดูจะวุ่นวาย เพราะต้องเตรียมย้ายตัวคนไข้ไปขึ้นเครื่อง ซึ่งจุดหมายปลายทาง ก็คือสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเมื่อทุกอย่างพร้อม

 

  ทานากะไม่คิดสักนิดเลย ว่าผู้หญิงคนนั้น จะมีส่วนรู้เห็นในการสร้างความโกลาหลที่โรงแรมอย่างแน่นอน ใครที่ไหนจะยอมเสี่ยงตายเพียงเพื่อสร้างสถานการณ์ล่ะ เขาเองก็รู้ว่าเจ้านายไม่ได้คิดอย่างนั้นจริง ๆ หรอก เพียงแต่เขายังไม่รู้ว่าเจ้านายคิดจะทำอะไรต่อจากนี้เท่านั้นเอง แล้วทำไมต้องเอาตัวหล่อนไปที่ญี่ปุ่นด้วย สุดจะยากเดาจริง ๆ

 

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status