ฮิโรยูกิ กระตุกยิ้มที่มุมปาก ดวงตาคมกริบจ้องนิ่งไปยังดวงหน้าขาวใส ใบหน้าที่ปราศจาก สิ่งแต่งแต้มใด ๆ มีแต่เครื่องหน้าที่เป็นธรรมชาติ ตั้งแต่คิ้วบาง ดวงตาที่ดูเศร้า จมูกเล็กรั้นอย่างคนดื้อดึงอยู่ในที ริมฝีปากบาง ใบหูเล็กนั่นที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ กับผมสีน้ำตาลที่ถูกรวบเป็นหางม้า ไว้ด้านหลังเผยให้เห็นใบหน้ากระจ่างใสได้ชัดเจน
หึ..ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยจริง ๆ หวังว่าหล่อนคงไม่ใช่หญิงไทยที่ท่านปู่ให้ตามหาหรอกนะ เพราะเท่าที่ฟังมา ผู้หญิงคนนั้นน่าจะมีอายุสักแปดสิบปีได้แล้ว ถ้าอย่างนั้น..หล่อนเกี่ยวข้องอะไรกับแหวนวงนี้ล่ะ? ไม่แน่เขาอาจจะได้ข้อมูลมากมายจากหล่อน หญิงสาวผู้นี้ต้องเกี่ยวข้องอย่างใดอย่างหนึ่ง กับหญิงไทยที่ท่านปู่ให้ตามหาอย่างแน่นอน เห็นทีว่าเขาจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่างเสียแล้ว ขืนปล่อยให้หล่อนลอยนวลอยู่อย่างนี้ ไม่ได้การแล้ว ดีไม่ดีหล่อนอาจไหวตัว หนีไปจะทำยังไง ชายหนุ่มลดกล้องส่องทางไกลที่มีศักยภาพสูง ราคาแพงลง พลางหันไปสั่งบอดี้การ์ดคู่กาย และยังเป็นบุคคลที่รู้จักเขามากที่สุดคนหนึ่ง
“ ทานากะ ช่วยสืบหาข้อมูลโดยละเอียด ของผู้หญิงไทยคนนี้ให้ที” พลางส่งกล้องให้บอดี้การ์ดหนุ่ม
“ เอาให้ละเอียดยิบเลยนะ ห้ามขาดตกแม้แต่นิดเดียว” ไม่มีคำตอบใด ๆ กลับมาจากร่างสูงใหญ่บึกบึน ของการ์ดหนุ่ม เพียงแต่พยักหน้ารับแค่พอเข้าใจเท่านั้น
กลับจากกิจกรรมในช่วงเช้า น้ำรินออกมาเดินเล่นริมชายหาด พกเอาหนังสืออ่านเล่นติดมือมาด้วย หล่อนเช่าเตียงผ้าใบมานอน ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ริมชายหาด อากาศเย็นสบายทำให้เผลอหลับยาวไปนาน มารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็บ่ายคล้อยแล้ว หญิงสาวจึงเดินกลับห้องพักเพื่อหาอะไรลงท้องเสียหน่อย น้ำรินกลับเข้ามาในตัวโรงแรมหรู ในช่วงที่กำลังรอลิฟท์ รู้สึกเหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ แต่พอหันไปมอง กลับไม่เห็นมีใคร ก่อนจะส่ายหัวไปมากับอาการคล้ายจะเป็นโรคแพนิคเข้าไปทุกที เมื่อมาถึงห้องพัก กลับรู้สึกหนักหัวเหมือนจะไม่สบาย จึงตัดความคิดที่ว่าลงไปหาอะไรอร่อย ๆ ทาน ก็เปลี่ยนเป็นสั่งขึ้นมาที่ห้องแทน ตามด้วยยาลดไข้เพื่อกันไว้ก่อน สักพักก็ผล็อยหลับไปเกือบทุ่มแล้วนี่นา มือบางควานหาโทรศัพท์มือถือ เช็คเวลาให้แน่ใจอีกที อาการปวดหัวในตอนแรกค่อยทุเลาเบาบางลงแล้ว จึงตัดสินใจลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย เผื่อจะสดชื่นขึ้นมาบ้าง เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็พาตัวเอง ออกมาจนกระทั่งถึงบริเวณชั้นลอยของโรงแรม จากนั้นก็เดินลงบันไดมายังชั้นหนึ่ง
อันที่จริง ร้านอาหารสุดหรูอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม แต่สถานที่ ที่น้ำรินมุ่งไปก็คือ ร้านอาหารใกล้ ๆ กับคอฟฟี่ช็อปที่หล่อนมานั่งทานกาแฟเมื่อเช้าต่างหาก หญิงสาวเดินมาเรื่อย ๆ ไปยังร้านที่หมายตาไว้ตั้งแต่แรก พลางทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาหนานุ่ม ก่อนจะสั่งอาหารง่าย ๆ สำหรับคนเดียวมาทาน อาหารที่นี่นับว่าใช้ได้อยู่ ไม่จำเป็นต้องไปกินร้านแพง ๆ ที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมก็ได้ อีกอย่าง เสียดายตังค์เปล่า ๆในห้องจัดแสดง มีผู้มาร่วมงานค่อนข้างหนาตา คนที่มีชื่อสียงในแวดวงเศรษฐกิจ และแวดวงดาราก็เดินกันให้ขวักไขว่ วันนี้มีแค่แขกรับเชิญ ยังมีคนมาเยอะขนาดนี้ แล้วถ้าหากว่าเป็นวันที่เปิดให้บุคคลทั่วไป เข้าชมได้ในวันรุ่งขึ้น จะเป็นยังไง.. ทำให้ทานากะค่อนข้างปวดหัวไม่น้อย เมื่อตัวเขาและเหล่าบอดี้การ์ด รวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทางโรงแรมจัดมาช่วยดูแล คงสอดส่องดูแขกไม่ได้ทั้งหมดแน่นอน เครื่องเพชรของ คัทซึฮิโกะ ฮิโรยูกิ ถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างแน่นหนา ในตู้โชว์ที่ทำจากกระจกกันกระสุน มันต้องปลอดภัยแน่นอน แต่ถึงกระนั้น
ทานากะรู้สึกสังหรณ์ในใจว่าวันนี้อาจเกิดเรื่องขึ้น แต่ลางบอกเหตุของคนเรานั้นบางทีก็เป็นเรื่องของการคิดหมกมุ่น วิตกกังวลสารพัดเสียมากกว่า และถ้าหากบังเอิญ เกิดมีเรื่องขึ้นก็เหมาเอาว่ามันเป็นจริง อย่างที่มีลางสังหรณ์ก่อนหน้าแน่นอน สักพักเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนุ่มคนหนึ่ง เห็นทานากะ ก็รีบวิ่งปราดเข้ามาหน้าตาตื่น
“คุณเปรมศักดิ์ รัฐมนตรีฯ กระทรวงวัฒนธรรมมาถึงแล้วครับ”“อืมม์..ถ้าอย่างนั้นไปเรียกกำลังมาเพิ่มตรงทางเข้าให้มากที่สุด เพราะตอนนี้พวกช่างภาพ และนักข่าวคงแห่กันมาแล้วแน่ ๆ”
“ครับ” หลังจากเจ้าหน้าที่นายนั้นจากไป ทานากะก็หันมากวาดสายตาหาความผิดปกติ ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีคนใหญ่คนโตเข้ามาในงาน ขณะเดียวกันนั้นก็พลันมีเสียงอื้ออึงบริเวณทางเข้าห้องจัดแสดง
“ เกิดอะไรขึ้น..” ทานากะที่อยู่มุมในสุดของห้องจัดแสดง พยายามเขย่งปลายเท้ามองข้ามหัวผู้คนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นเวลาเดียวกับที่บรรดานักข่าวจากหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ พากันกรูกันเข้ามาจากทางเข้าพอดี
ทางด้านน้ำริน เมื่อทานมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อย เลยออกไปเดินย่อยรับลมเย็น ๆ ด้านนอกและอ้อยอิ่งกับธรรมชาติยามค่ำคืนได้สักพัก ก็เดินกลับเข้ามายังตัวตึก เพื่อกลับเข้าไปเตรียมตัวสำหรับโปรแกรมทัวร์ของทางโรงแรมในวันพรุ่งนี้ ซึ่งหล่อนได้รับข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ มาเรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังรอลิฟท์บริเวณชั้นลอย หญิงสาวได้ยินเสียงอึกทึก ดังมาจากทางเข้าห้องจัดแสดงอัญมณีเพชรพลอยของนาย ฮิโรยูกิ ซึ่งอยู่ถัดไปทางด้านขวามือ น้ำรินหันไปมองด้วยความสนใจใคร่รู้ และโดยไม่รู้ตัว ขาทั้งสองข้างก็พามาหยุดยืนอยู่บริเวณหน้าห้องจัดแสดงอันโอ่อ่านั้นเสียแล้ว
“ มีอะไรกันนะ” หญิงสาวยืนอยู่นอกห้องจัดแสดง พยายามเขย่งปลายเท้า เพื่อมองหาตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดไทยมุง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ ถึงได้มีคนมามุงดูกันขนาดนี้ มีช่างภาพด้วย หรือว่า..หรือว่ามีคนมาขโมยอัญมณีของอีตานั่นไปแล้ว ในขณะที่เท้าก็เขย่งไป ตาก็สอดส่ายไปมาอย่างอยากรู้อยากเห็น เป็นเวลาเดียวกับบรรดาช่างภาพและนักข่าวพากันกรูเข้าไปภายในงาน ตัวน้ำรินเอง ก็ไม่ทันได้ตั้งตัว เลยโดนผลักดันให้หลงเข้าไปในงาน อย่างไม่ได้ตั้งใจ
“เฮ้ย!” ทานากะอุทานออกมาแล้วเบียดตัวฝ่าฝูงชนไปที่ประตูใหญ่ บริเวณทางเข้างาน“บอกให้คนพวกนั้นออกไปซะ! บอกให้พวกเขาออกไป!” การ์ดหนุ่มร้องสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้น แต่เจ้าหน้าที่ ณ จุดนั้นมีแค่ สามสี่คน กับจำนวนคนที่มีมากกว่าจึงทำอะไรไม่ได้มาก อีกทั้งกลุ่มผู้สื่อข่าวทั้งหลายทั้งเบียด ทั้งดันตรงทางเข้า แล้วแถมยังมีกล้องในมือพร้อม ความกระหายอยากในการหาข่าว มีมากกว่าจรรยาบรรณเสียแล้ว“นี่มันอะไรกัน แค่รัฐมนตรีฯ มาแค่คนเดียวทำไม พวกนักข่าวถึงได้ตื่นเต้นกันขนาดนี้ล่ะ” ทานากะตะคอกออกมาอย่างหัวเสีย กับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ทำหน้าเหรอหราทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน“ เอ่อ..คือว่า..คนที่มากับท่านรัฐมนตรีฯ เป็นดาราดังที่มีข่าวคึกโครมอยู่ตอนนี้น่ะสิครับ” ทานากะถึงบางอ้อ ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ลำพังถ้ารัฐมนตรีฯ มาคนเดียวคงไม่วุ่นวายอย่างนี้กระมัง“ เฮ้อ!” บอดี้การ์ดหนุ่มได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างระอา พร้อมกับโมโห พวกบรรดากองทัพนักข่าวทั้งหลาย ไม่เคารพกฎกติกากันบ้างเลย เพราะคนที่จะเ
ในขณะนั้นเอง ทานากะเหลือบตาไปเห็นชายที่น่าสงสัยคนนั้นพอดี เขาปะปนอยู่กับกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ต่างก็แตกตื่น ฮือฮากับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จนกล้องไม่รู้จะซูมไปทางไหนดี และอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทานากะเห็นชายคนนั้นยกมือขึ้นข้างหนึ่งซึ่งพบว่าในนั้นมีมีดปลายแหลม พุ่งตรงไปทางเปรมศักดิ์ และดาราสาวที่กำลังเดินออกไปจากงานทันที และโดยไม่ตั้งใจอีกเช่นกัน เมื่อมีเสียงหนึ่งตะโกนร้องเสียงดัง ออกมาว่าให้ระวัง เปรมศักดิ์ซึ่งกำลังเดินตามดาราสาวออกมา เหลือบไปเห็นชายที่ถือมีดพุ่งตรงมายังตัวเขา ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ท่านรัฐมนตรีฯ หันไปคว้าคนที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด เหวี่ยงร่างนั้นให้ไปปะทะกับชายคนที่จะเข้ามาทำร้ายเขาสุดแรง โดยที่ไม่มีใครสังเกตว่าเป็นใคร มาจากไหน ทานากะวิ่งตามไปจนถึงตัวบุคคลที่น่าสงสัยคนนั้นแทบทันที หากช้าไปเสียแล้ว เมื่อปลายมีดแหลมคมได้เฉือนข้อมือของผู้โชคร้าย ที่มามุงดูแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าอย่างจัง “อ๊ะ!.!” น้ำรินร้องออกมาได้เท่านั้น เพราะยังงุนงงกับเ
เวลาที่ตัวละครในหนัง สลบไปแล้วกลับมาฟื้นคืนสติได้อีกครั้ง ภาพที่เห็นตรงหน้ามันจะเบลอ ๆ แล้วค่อย ๆ ชัดขึ้นไม่ใช่หรือ แต่ทว่าความจริงสำหรับหล่อนแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เพราะตอนนี้น้ำรินรู้สึกตัวดีแล้ว ดวงตาของหล่อนก็มองเห็นชัดเจนด้วย หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แสงสว่างจากดวงไฟที่อยู่บนเพดานห้องทำให้ต้องหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาใหม่ อย่างพอจะเข้าใจว่าที่นี่น่าจะเป็นโรงพยาบาล เพราะทัศนียภาพภายในห้องมันบ่งบอกชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสายน้ำเกลือที่ห้อยระโยงระยาง กลิ่นยาฉุน ๆ ที่ใส่เข้าไปในน้ำเกลือเพื่อเพิ่มพลังให้กับคนไข้ เตียงกับผ้าปูที่นอนขาวสะอาด รวมทั้งชุดผู้ป่วยสีฟ้ามีลวดลายเป็นโลโก้ของโรงพยาบาล ช่างคุ้นตาเหลือเกิน แต่…ที่นี่เป็นที่ไหนกันนะ ทำไม..ไม่ว่าจะมองไปทางใด ก็มีแต่ตัวหนังสือแปลกตา คล้าย ตัวหนังสือจีน หรือไม่ก็ญี่ปุ่น ไม่แน่ใจนัก ความงุนงงสงสัย คำถามต่าง ๆ มากมาย ต่างผุดขึ้นมาในสมองคิดวนไปวนมา ว่าหล่อนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อยู่ที่ไหน แล้วใครกันที่พาหล่อนมาที่โรงพยาบาลนี้ หญิงสาวพยายามพยุงกายที่รู้สึกว่าหนักอึ้งของต
หญิงสาวหวนคิดถึงประโยคที่เขาพูดกับหล่อน ก่อนที่จะพาออกมาจากโรงพยาบาล ก่อนหน้านี้ สักครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว จนตัวหล่อนเองแทบตั้งตัวไม่ทัน ดูเหมือนว่า ทานากะไม่ต้องการเสียเวลากับหล่อนมากนัก ไม่เปิดโอกาสให้ซักถามอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ในใจเธอร้อนรุ่มเหลือเกินแล้ว อยากถามเขานักหนาว่า ใคร? คือเจ้านายของเขา ได้แต่พูดถึง ไม่เคยเจอหน้าเลยซักครั้ง แล้วจะมารับผิดชอบอะไรกับตัวหล่อนมากมายขนาดนี้ ในหัวสมองเต็มไปด้วยคำถามมากมายเยอะแยะไปหมด น้ำรินนั่งเงียบมาตลอดทางในรถลีมูซีนคันใหญ่สีดำ มีทานากะนั่งอยู่ตอนหน้าคู่กับคนขับ เมื่อก้าวแรกที่เข้ามาในรถ น้ำรินได้กลิ่นหอมจาง ๆ เป็นกลิ่นน้ำหอมสะอาดสะอ้าน ในแบบผู้ชาย ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่จากสองคน ที่นั่งตอนหน้าอย่างแน่นอน คนที่ใส่น้ำหอมกลิ่นนี้น่าจะเป็นของเจ้าของรถเสียล่ะมากกว่า..เพราะก่อนหน้านี้หล่อนได้ยินทานากะคุยโทรศัพท์ ประมาณว่าให้เอารถของเขามารับหล่อนได้ ซึ่งนั่น ก็น่าจะเป็นเจ้านายเขาอย่างแน่นอน ที่นี่มันที่ไหนของญี่ปุ่นกันนะ
หญิงสาวหวนคิดถึงประโยคที่เขาพูดกับหล่อน ก่อนที่จะพาออกมาจากโรงพยาบาล ก่อนหน้านี้ สักครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว จนตัวหล่อนเองแทบตั้งตัวไม่ทัน ดูเหมือนว่า ทานากะไม่ต้องการเสียเวลากับหล่อนมากนัก ไม่เปิดโอกาสให้ซักถามอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ในใจเธอร้อนรุ่มเหลือเกินแล้ว อยากถามเขานักหนาว่า ใคร? คือเจ้านายของเขา ได้แต่พูดถึง ไม่เคยเจอหน้าเลยซักครั้ง แล้วจะมารับผิดชอบอะไรกับตัวหล่อนมากมายขนาดนี้ ในหัวสมองเต็มไปด้วยคำถามมากมายเยอะแยะไปหมด น้ำรินนั่งเงียบมาตลอดทางในรถลีมูซีนคันใหญ่สีดำ มีทานากะนั่งอยู่ตอนหน้าคู่กับคนขับ เมื่อก้าวแรกที่เข้ามาในรถ น้ำรินได้กลิ่นหอมจาง ๆ เป็นกลิ่นน้ำหอมสะอาดสะอ้าน ในแบบผู้ชาย ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่จากสองคน ที่นั่งตอนหน้าอย่างแน่นอน คนที่ใส่น้ำหอมกลิ่นนี้น่าจะเป็นของเจ้าของรถเสียล่ะมากกว่า..เพราะก่อนหน้านี้หล่อนได้ยินทานากะคุยโทรศัพท์ ประมาณว่าให้เอารถของเขามารับหล่อนได้ ซึ่งนั่น ก็น่าจะเป็นเจ้านายเขาอย่างแน่นอน ที่นี่ม
ขณะที่กำลังนึกสมเพชเวทนาตัวเองอยู่นั้น พลันหางตา ได้สังเกตเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างคลับคล้ายคลับคลาว่า จะเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้ออย่างหล่อนเดินผ่านหลังไปแวบ ๆ จึงหันไปมองให้เต็มตา น้ำรินเลยยิ้มออกมาอย่างลิงโลดหัวใจเต้นแรงออกมาอย่างอดใจไม่อยู่ สมองคิดถึงโอกาสที่จะหนีออกไปจากที่นี่ และอย่างรวดเร็วเท่าความคิดหญิงสาวรีบปราดเข้าไปหาคนคนนั้นทันที ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะเป็นพนักงานทำความสะอาดของที่นี่ เพราะสังเกตเห็นป้ายบอกชื่อที่ติดอยู่ตรงหน้าอกด้านซ้าย บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นคนของเจ้าของโรงแรมนี้อย่างแน่นอน มาถึงนาทีนี้แล้ว เป็นไงเป็นกันลองขอความช่วยเหลือหล่อนดูเป็นไร“เอ่อ..ขอโทษนะคะ ช่วยอะไรฉันอย่างหนึ่งได้ไหม ได้โปรดพลีส..”พนักงานคนดังกล่าวชะงักงันไปชั่วขณะ เมื่อเห็นหญิงสาวชาวต่างชาติ หน้าตาท่าทางเหมือนคนเร่ร่อน และดูไม่น่าไว้วางใจ แล้วยังมาขอร้องให้ช่วยเหลืออีก ในตอนแรกเธอส่ายหัวไปมา อย่างไม่ให้ความร่วมมือ แต่พอโดนหล่อนก้มลงคุกเข่าขอร้อง กอดขาไว้อย่างอ้อนวอน เธอถึงเริ่มใจอ่อน กว่าจะสนทนากันรู้เรื่องก็เล่นเอาเหงื่อแทบแตก เพราะใช้ทั้งภาษามือภาษากายจนกระทั่ง..ทั้งสองสลั
“เธอพยายามคิดจะหนี ครั้งหนึ่งครับเมื่อมาถึงที่โรงแรม ก็เลย เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย” ถึงแม้การ์ดของเขาไม่บอก ก็พอจะรู้อยู่ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากอะไร หัวคิ้วดกหนาขมวดเข้าหากัน พลางหันหน้ามาทางเหล่าบอดี้การ์ดที่เอาแต่ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตากับเจ้านายเพราะเกรงว่าจะโดนทำโทษ“บอกแล้วใช่ไหม! ว่าห้ามให้เธอรู้ตัวก่อนเด็ดขาด..ฉันขี้เกียจที่ต้องระวังว่าหล่อนจะคิดหาทางหนี แต่พวกนายก็ทำให้ไก่ตื่นจนได้ ถึงแม้ว่าหล่อนจะต้องรู้ในไม่ช้า แต่..ช่างเถอะ เพราะถึงยังไง ลูกไก่ในกำมือของฉันตัวนี้ก็ไม่มีทางหนีรอดไปได้อยู่แล้ว” ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่า ก้มลงไปพูดจนชิดกับดวงหน้าขาวซีดของหญิงสาวอย่างหมายมาด ตอนนี้หล่อนหลับใหลไปแล้ว ไม่ตื่นขึ้นมารับรู้อะไรเลย พลางไล้สายตาลามเลีย แสยะยิ้มที่มุมปากอย่างดูถูก ก่อนจะเงยหน้า ยืดตัวเต็มความสูง หันไปทางเหล่าการ์ดทั้งหลายที่พร้อมจะทำตามคำสั่งของเจ้านายเสมอ“พวกนายออกไปได้แล้ว ยกเว้นทานากะ นายอยู่ก่อน” ลับหลังจากที่บรรดาชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ บึกบึนเหล่านั้นออกไปแล้วผู้เป็นนายจึงหันไปทางบอดี้การ์ดคู่ใจ&
“หมะ..หมายความว่ายังไงกัน คุณจับตัวฉันมาใช่ไหม คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร.. คุณเป็นพวกเดียวกันกับนายทานากะนั่นสินะ คุณมันเลว เบื้องหน้าคุณคงทำตัวเป็นมหาเศรษฐีสะสมอัญมณี เดินทางไปทั่วโลก แต่แท้ที่จริงแล้ว คุณกลับค้ามนุษย์ คุณมัน..”“พอได้แล้ว! ถ้าขืนเธอยังพูดพล่ามอยู่อีกล่ะก็ ฉันจะบีบคอเธอให้แหลกคามือเดี๋ยวนี้ล่ะจะลองดูมั้ย!” ฮิโรยูกิตะคอกกลับไปเมื่อหล่อนเริ่มกล่าวหาเขาอย่างเสีย ๆ หาย ๆ มากไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้แก้ข้อกล่าวหาของหล่อนแต่อย่างใด เพราะเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น และก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องมานั่งอธิบายให้หล่อนเข้าใจด้วย สิ่งที่เขาควรทำในตอนนี้ ก็คือ เค้นเอาคำตอบจากปากของหล่อนให้ได้มากกว่า น้ำรินหุบปากฉับทันที เมื่อได้ยินคำขู่ของเขา อาการดิ้นรนเมื่อครู่ สงบลงพร้อม ๆ กัน ดูเหมือนว่าชายหนุ่มก็หยุดนิ่งเช่นเดียวกัน เมื่อรู้ตัวว่า บัดนี้เขาได้เกยทับอยู่บนร่างเล็กเต็ม ๆ ช่วงล่างของหล่อน ถูกลำขาแข็งแรงของเขา กดทับไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ โดยมีผ้าห่มนวมผืนหนากั้นไว้เท่านั้น ส่วนท่อนบนชายหนุ่มใช้ลำแขนที่ใหญ่กว่าทั้งสองข้างของเขา กดทับข้อมือทั้งสองข้างของหล่อนไว้ให้ราบกับที่นอ