Share

อาญารัก ข้ามขอบฟ้า
อาญารัก ข้ามขอบฟ้า
ผู้แต่ง: นาดียา

จุดเริ่มต้นของการเดินทาง...

         ณ สนามบินสุวรรณภูมิ บริเวณผู้โดยสารขาออก คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีทั้งผู้โดยสาร และคนที่มารอรับ –ส่ง ญาติของตน ตรงทางออก ต่างก็เดินไปมา ดูพลุกพล่านไปหมด หนึ่งในนั้น มีหญิงสาวรูปร่างบอบบางรวมอยู่ด้วย ดูรวม ๆ แล้วก็ไม่ได้มีความสวยเด่นพิเศษอะไรมากมายนัก ที่จะทำให้เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็นในแวบแรก หากจะมีก็แต่ดวงตาหวานซึ้งที่ดูเศร้า แต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยวอยู่ในตัว กอปรกับใบหน้าเนียนใส ไร้สิวเสี้ยนที่ทำให้ดูน่ามอง

       น้ำริน ฤทธิ์รณชัย จะร่วมเดินทางไปกับสายการบินภายในประเทศ เพื่อไปพักผ่อน หลังจากหน้าที่การเป็นพยาบาลพิเศษให้กับผู้ป่วยรายหนึ่ง ที่หญิงสาวดูแลได้สิ้นสุดลง เมื่อท่านได้จากโลกนี้ไปแล้ว นับตั้งแต่หล่อนได้ลาออกจากการเป็นพยาบาลประจำในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อห้าปีก่อน

 

     น้ำรินยังจำได้ดีท่านเคยพูดว่า รู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูหล่อนมาก อยากให้ไปดูแลท่านที่บ้าน โดยให้ค่าจ้างที่คุ้มค่าเลยทีเดียวล่ะ แถมเป็นค่าจ้างที่หาทั้งปีก็ไม่มีทางได้เท่านี้ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องค่าจ้างแต่อย่างใด ที่ทำให้หญิงสาวตัดสินใจลาออกมาเป็นพยาบาลพิเศษให้กับท่าน เมื่อได้ดูแลอย่างใกล้ชิด คือความสนิทสนมที่ท่านมอบให้ ทำให้หล่อนรู้สึกรัก รู้สึกผูกพันและเทิดทูนท่าน เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่อีกคนหนึ่งของตนเองก็ไม่ปาน

     

     ท่านเป็นหญิงชรา อายุประมาณแปดสิบต้น ๆ ป่วยด้วยโรคร้ายที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หมอบอกว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่ปีเท่านั้น ที่เธอจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ น้ำรินรู้สึกสงสารเธอจับใจ ทำไมนะหญิงชราผู้นี้ถึงไม่มีใครมาดูแลไม่ว่าจะเป็นลูกหลาน เขาไปอยู่ไหนกัน ฐานะท่านก็จัดว่าร่ำรวยมหาศาลอยู่ คนที่จะมาสืบทอดมรดกหายไปไหนหมดนะ..

    

     หญิงสาวมาทราบภายหลัง เมื่อได้เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดที่บ้าน ญาติมิตรของท่านต่างย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศ นาน ๆ จะกลับมาหาเสียทีหนึ่ง ทำให้น้ำรินอดคิดถึงตัวเองไม่ได้ว่า หล่อนก็ไม่มีญาติที่ไหน ที่สามารถพึ่งพาได้ จะมีก็แต่ญาติห่าง ๆ ที่ไม่ได้ติดต่อเลยหลังจากที่พ่อกับแม่แยกทางกัน ตั้งแต่หล่อนยังเด็ก น้ำรินอยู่กับมารดาตามลำพังสองแม่ลูก จนกระทั่งท่านได้จากไปด้วยอุบัติเหตุ ตอนนั้นหล่อนกำลังเรียนพยาบาลอยู่ปีสอง ต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อส่งเสียตัวเอง กว่าจะจบมาได้ เลือดตาก็แทบกระเด็น

   

      น้ำรินรู้ดีว่าความเหงา ความโดดเดี่ยว การไร้ที่พึ่งพิงไม่ว่าจะทางกาย หรือทางใจนั้น เป็นเช่นไร แม่จากไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณเลยด้วยซ้ำ หล่อนจึงอยากทดแทน และเป็นส่วนเติมเต็มให้กับคนที่ขาดสิ่งนี้เช่นเดียวกับหล่อน น้ำรินปรนนิบัติต่อท่านดุจดังญาติมิตรของตน ผู้สูงวัยก็เช่นกัน ท่านเองก็ไม่ถือตัว ซ้ำยังดูแลหล่อน ประหนึ่งว่าเป็นยายกับหลาน กันจริง ๆ เลยทีเดียว ทั้งสองจึงจูนเข้าหากัน ได้อย่างง่ายดาย

 

      แต่แล้ว..วันเวลาแห่งความสุขก็สิ้นสุดลง เมื่อสิ่งที่หล่อนกลัวอยู่ในใจลึก ๆ มานานเป็นเวลาห้าปีกว่าก็พรากท่านไปจากหล่อนจนได้ และอย่างไม่มีวันหวนกลับ โรคร้ายที่คอยเกาะกินอยู่ในตัวหญิงชราผู้มีจิตใจดี อ่อนโยน โอบอ้อมอารี มันค่อย ๆ แทรกผ่านเข้ามาจนทำให้ร่างกายทนไม่ไหวอีกต่อไป 

      แต่ก่อนจาก ท่านได้มอบของสิ่งหนึ่ง ซึ่งมีราคาค่างวดเท่าใดนั้น หล่อนมิอาจทราบได้ นั่นก็คือแหวนเพชรวงเล็ก ๆ วงหนึ่ง ตรงกลางเป็นรูปหัวใจ 

 

     ล้อมกรอบด้วยเพชรขาวเม็ดเล็ก สวยน่ารักมาก ‘เก็บของสิ่งนี้ไว้ให้ดีนะ สักวันหนึ่ง แหวนวงนี้ จะทำให้หนูพบกับความสุข ความสบายในอนาคต ภายภาคหน้าอย่างแน่นอน’

 

       วันเวลาแห่งความโศกเศร้าผันผ่านไปแล้วประมาณสองอาทิตย์กว่า น้ำรินอยู่ช่วยงานศพให้ท่านจนเสร็จสิ้น ซึ่งก็มีญาติมิตรไม่กี่คนมาร่วมงาน ผู้จัดการมรดกได้มอบทรัพย์สินทั้งหมดให้กับมูลนิธิต่าง ๆ น้ำรินเห็นด้วยที่ท่านทำอย่างนั้น หล่อนไม่อยากเศร้า ไม่อยากทำอะไรเลยหลังจากนั้น อยากพักผ่อนลำพังสักระยะแล้วค่อยว่ากันใหม่กับอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไรต่อไป แหวนวงนี้จะนำพาความสงบสุขมาให้หล่อนจริงดังที่ท่านว่าไว้หรือเปล่านะ

        น้ำรินหวนคิดถึงวันเก่า ๆ ที่ผ่านเข้ามาและเมื่อนึกถึงท่าน หล่อนก็เผลอเอามือ คลำหาแหวนที่คล้องไว้ด้วยสร้อยราคาถูก พลางกุมสิ่งนั้นไว้ในกำมือ อธิษฐานในใจว่า ขอให้แหวนวงนี้เป็นเครื่องนำโชค นำพาสิ่งดี ๆ มาให้หล่อนด้วยเถิด หญิงสาวยืนมองกระเป๋าเดินทาง ที่กำลังเลื่อนเข้าไปยังเครื่องสำรวจอย่างเหม่อลอย ก่อนจะเดินเข้าไปสู่ห้องผู้โดยสารขาออก เมื่อได้ยินเสียงประกาศจากทางสนามบินดังขึ้น พร้อมกับส่งภาษาทั้งไทย จีน ฝรั่งจนครบถ้วน หล่อนได้ที่นั่งริมหน้าต่าง พลางอมยิ้มอย่างพึงพอใจที่จะได้มองภาพวิว ทิวทัศน์ภายนอกเครื่อง อย่างสบายอารมณ์ หลังจากเก็บสัมภาระเล็ก ๆ น้อย ๆ เรียบร้อยแล้ว

      น้ำรินนั่งลงรอเวลาเครื่องจะออก ในระหว่างที่รอ ก็หยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ที่หล่อนเพิ่งไปซื้อมาได้ไม่นานนัก ก่อนที่ท่านของหล่อนจะเสีย หญิงสาวเลือกฟังก์ชันฟังเพลง เวลาอย่างนี้ สมควรฟังเพลงสินะถึงจะถูก น้ำรินยังคงดื่มด่ำอยู่กับการฟังเพลง พร้อมกับมองทัศนียภาพภายนอกเครื่องในบริเวณสนามบินอยู่อย่างเพลิน ๆ เอียงศีรษะไปพิงกับกระจกริมหน้าต่าง มือกอดอก ฮำเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี

 “ขอโทษนะคุณ..ขอดูเลขที่นั่งหน่อย” น้ำเสียงทุ้ม ๆ ค่อนข้างวางอำนาจในตัว ดังอยู่เหนือหัว เยื้องไปทางด้านหลังเล็กน้อย ปลุกให้หญิงสาวสะดุ้งโหยง จากที่กำลังเพลินอยู่กับมือถือคู่ใจ ก็เงยหน้าขึ้นไปมองยังต้นเสียง ที่บังอาจมาขัดจังหวะเวลาส่วนตัว พลางขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างขัดใจ แต่ก็ต้องชะงักงันไปชั่วขณะ เมื่อได้สบตากับสายตาคมกริบของอีกฝ่าย ที่จ้องอยู่ก่อนแล้ว

 โอ..พระเจ้า! หญิงสาวรำพึงในใจ คนอะไรหล่อบาดตา แค่ใบหน้าที่ไม่ได้ตกแต่งใด ๆ เลยก็กินขาดพวกนายแบบบนปกนิตยสาร หรืออาจจะหล่อกว่าพระเอกหนังหลาย ๆ คนด้วยซ้ำ ช่างเป็นความสมดุลที่ลงตัวเสียเหลือเกิน เพอร์เฟกต์สุด ๆ ! ผู้ชายอะไรขนตาช่างยาวงอนสวยกว่าผู้หญิงอย่างหล่อน จนน่าอิจฉา แม้แต่รอยย่นบริเวณหางตา ยังเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ส่งให้ผู้ชายคนนี้ ดูเป็นคนที่มีรอยยิ้มอยู่เสมอ และดูเป็นคนจริงจังไปในตัว จมูกก็โด๊ง..โด่ง คมสันราวกับรูปปั้น แล้วไหนจะริมฝีปากที่บางได้รูปนั่นอีกล่ะ ช่างยั่วยวนเสียเหลือเกิน บวกกับรูปร่างที่สูงโปร่ง ผิวที่ขาวสะอาดราวกับไม่เคยโดนแดดเลยสักครั้ง ดูรวม ๆ แล้วเหมือนเป็นชาวต่างชาติด้วยซ้ำ ไม่ใช่คนไทยอย่างแน่นอน แต่ เอ.. เมื่อกี้เขาพูดภาษาไทยได้ชัดแจ๋วเลยนี่นา โอ๊ะ..เพิ่งรู้ตัว ว่าตัวเองอ่านกินผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ได้ขนาดนี้เลยหรือนี่ เราไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ

 “ขอโทษนะคะคุณผู้หญิงรบกวนขอดูเลขที่นั่งของคุณอีกครั้งได้ไหมคะ? ” น้ำรินตื่นจากภวังค์แทบจะทันที เมื่อได้ยินเสียงหวานใส จากแอร์โฮสเตสสาว พลางละสายตาจากชายหนุ่มร่างสูง ไปยังเจ้าของเสียงหวานแทน มือก็คลำหาเลขที่นั่ง เมื่อเจอแล้วก็ยื่นส่งให้แอร์สาวสวยแบบงง ๆ หญิงสาวสังเกตเห็นแอร์โฮสเตสมองดูเลขที่นั่งสองใบในมือ ก่อนจะพูดออกมาว่า

 

“ประทานโทษนะคะดิฉันขอนำเลขที่นั่งสองใบนี้ไปตรวจสอบสักประเดี๋ยวนะคะ” สักพัก พี่นางฟ้าคนเดิมก็เดินกลับมาด้วยหน้าตาตื่นปนหอบนิด ๆ คงเพราะรีบวิ่งมากระมัง ก่อนจะมาหยุดยืนหอบแฮ่ก ๆ ข้างชายหนุ่มรูปงามคนนั้น

 “ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้ต้องเสียเวลา คุณ.. เอ่อ มิสเตอร์ คือคงเกิดความผิดพลาดจากพนักงานขายตั๋วน่ะค่ะ ทำให้ บุ๊คที่นั่งซ้ำกัน เดี๋ยวทางเราจะจัดที่นั่งให้คุณใหม่ทางด้านหลังสองที่นั่งเลยนะคะ” แอร์สาวผู้น่าสงสาร พูดตะกุกตะกัก เป็นภาษาอังกฤษ ทั้งก้ม ทั้งโค้ง กล่าวขอโทษชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าอย่างรู้สึกผิด แต่ดูเหมือนว่าประโยคเมื่อสักครู่ของหล่อน จะไปกระทบระบบประสาทส่วนไหนของชายหนุ่มก็ไม่อาจทราบได้ เมื่อเขาแสดงท่าทางหัวเสียส่ายหัวไปมาอย่างระอา หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างโกรธจัด ก่อนจะสบถออกมาแบบไม่ไว้หน้าใคร

 “อะไรนะ! จัดที่นั่งซ้ำกันอย่างนั้นเรอะ! เป็นไปได้ยังไง! ชุ่ยที่สุด พวกคุณทำงานกันยังไง ผมอุตส่าห์ลดตัวลงมา เพื่อลองนั่งชั้นธรรมดา ๆ ดู บ้าง แต่กลับมีปัญหาเข้าจนได้ โลว์คลาสสมชื่อจริง ๆ”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status