Home / โรแมนติก / อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง / ตอนที่ 4 ความสามารถที่เกินวัย

Share

ตอนที่ 4 ความสามารถที่เกินวัย

last update Last Updated: 2025-02-04 09:44:14

การประลองโยนลูกศรลงกาปากสูงกลายเป็นจุดศูนย์รวมของผู้คนในงาน เพราะในยามนี้ได้มีร่างเล็กของเด็กหญิงกำลังจะแสดงความสามารถของนางให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของผู้ชม และผู้ที่นางเข้าไปท้าชิง มือเล็กถือลูกศรขึ้นมาทั้งสองอันก่อนที่จะโยนออกไปเบื้องหน้าที่มีกาปากสูงตั้งอยู่พร้อมกัน ผู้คนที่มองมาต่างลุ้นไปกับการโยนศรของเด็กหญิงที่มีหน้าตาน่ารักผู้นี้ ลูกศรไม้ไผ่ปลายแหลมคล้ายลูกธนูลอยละลิ่วลงไปในกาปากสูงทั้งสองอันอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงปรบมือดังกึกก้อง บุรุษหนุ่มที่ถูกเด็กหญิงท้าชิงถึงกับหน้าถอดสี

“ข้าบอกท่านแล้วว่าอย่าเพิ่งกล่าวสิ่งใดออกมาก่อนที่จะได้เห็นจริงๆ” ฉีอันหลงเอ่ยออกมายิ้มๆ ก่อนที่จะมองไปยังน้องสาวของตนด้วยแววตาที่ฉายแววภาคภูมิใจ

“เยี่ยมๆๆ” เสียงของผู้ที่ชมการประลองอยู่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือ เหลืออีกแปดดอกสำหรับลูกศรในมือ

“เพิ่งลงแค่สองดอกอย่าเพิ่งดีใจไป ขนาดข้าเล่นทุกวันยังพลาดได้เลย”

บุรุษหนุ่มผู้ที่ถูกเด็กหญิงท้าประลองเอ่ยออกมาด้วยท่าทางมั่นใจ มั่นใจว่าครั้งแรกที่เด็กน้อยผู้นี้ปาลงก็อาจจะเป็นเพราะความบังเอิญ

ฉีอันหนิงมิได้มีท่าทีหวาดหวั่นแต่อย่างใด นางใช้สมาธิในการโยน น้ำหนักในการโยนนั้นก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ โชคดีที่ลมมิสามารถเข้ามาถึงได้เพราะมีผู้คนรุมล้อมชมการประลองในครั้งนี้อยู่ เด็กหญิงโยนศรเข้าเป้าไปอีกสองดอกในท่วงท่าสง่างาม เสียงโห่ร้องดังขึ้นหลังจากโยนเข้า สร้างความสนุกสนานให้กับผู้มายืนชม

เด็กหญิงโยนไปเรื่อยๆ จนเหลือสองคู่สุดท้าย และนางก็ทำในสิ่งที่มิมีผู้ใดคาดคิด ลูกศรทั้งสี่ดอกลอยละลิ่วไปยังกาปากสูงที่เหลืออีกสองอัน ผู้คนที่กำลังยืนชมอยู่ถึงกับนิ่งเงียบเพราะกำลังลุ้นกับภาพตรงหน้า ลูกศรแยกออกเป็นสองทิศทางเข้าไปในกาปากสูงที่เหลืออยู่ทั้งสองอันอย่างลงตัว เสียงโห่ร้องชื่นชมดังปะปนขึ้นมากับเสียงปรบมือไปทั่วทั้งบริเวณ

ฉีอันหนิงมองไปยังใบหน้าของผู้พ่ายแพ้ สกุลฉีจะแพ้ผู้ใดได้เช่นไรกัน มิเช่นนั้นตระกูลคงได้อับอายเป็นแน่ หากนางกับพี่ชายมิมั่นใจ คงมิเสนอตัวออกมาประลองหรอก บุรุษหนุ่มผู้นั้นลดความหยิ่งทะนงตนลงก่อนที่เขาจะยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี

หลังจากสนุกสนานกับการเล่นหมากล้อมและโยนศรแล้ว สองพี่น้องพร้อมด้วยสาวรับใช้และบ่าวรับใช้ที่ติดตามก็พากันไปที่โรงเตี๊ยมฝูอวิ๋นที่มีการประชันต่อบทกวีกันอยู่ ฉีอันหลงและฉีอันหนิงได้พบกับฉีอันลิ่งและฉีอันลู่ที่หลงใหลในการฟังบทกวีนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านในกับบิดามารดาก่อนแล้ว

“คารวะท่านพ่อท่านแม่” สองพี่น้องที่เพิ่งมาถึงคำนับผู้ใหญ่ทั้งสอง

“มาแล้วหรือหลงเอ๋อร์ หนิงเอ๋อร์” สองพี่น้องพยักหน้าก่อนที่จะเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่ยังว่างอีกสองตัว

“ไปซุกซนทางใดกันมาล่ะเจ้าสองคน” ฉีฮูหยินเอ่ยถามบุตรชายคนโตกับบุตรีคนเล็กยิ้มๆ

“ไปแสดงความสามารถให้ชาวเมืองตงหลางเห็นต่างหาก ว่าบุตรของท่านเจ้าเมืองนั้นเก่งกาจสักเพียงไหน”

ฉีอันหนิงตอบมารดาออกมาด้วยน้ำเสียงภูมิใจ ใต้เท้าฉีกับฉีฮูหยินถึงกับหันไปมองหน้าบุตรชายคนโต เขาพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้กับบิดามารดา

“ลูกพอจะเดาออกว่าพี่ใหญ่กับน้องหญิงสี่ต้องไปประลองหมากล้อมกับประลองโยนศรลงกาปากสูงมาอย่างแน่นอน” ฉีอันลิ่ง หรือพี่รองเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน

“สมแล้วที่เป็นพี่รองของน้อง ใช่แล้วเจ้าค่ะ บุรุษเหล่านั้นต่างคิดว่าพี่ใหญ่กับลูกเป็นเพียงเด็กมิอาจสู้พวกเขาได้ แต่พวกลูกก็แสดงให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าพวกลูกมิใช่แค่เด็กที่ไม่มีวิชาความรู้อันใดติดตัว”

คำตอบของเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบทำเอาใต้เท้าฉีและฉีฮูหยินถึงกับยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจ ถึงนางจะเป็นเด็กผู้หญิง แต่ก็มีความกล้าหาญมิต่างจากเหล่าบุรุษเลยสักนิด

“มาแล้วก็ดี.. มาฟังบทกวีกันเถิด” ฉีอันลู่เอ่ยออกมาก่อนที่ทุกคนในครอบครัวจะพากันเงียบไปแล้วหันไปให้ความสนใจการต่อบทกวีตรงหน้าแทน

บุรุษรูปงามที่นั่งอยู่อีกฝั่งของผ้าม่านสีขาวมองเห็นเพียงเงาเลือนรางกำลังเริ่มต้นบทกวีที่หลายๆ คนต่างเฝ้ารอ โดยเฉพาะกับฉีอันลิ่ง เขาชื่นชอบด้านนี้เป็นที่สุด และมีวี่แววว่าจะเป็นขุนนางฝ่ายบุ๊นมากกว่าฝ่ายบู๊ ใต้เท้าฉีสนับสนุนในทุกเรื่องที่บุตรทุกคนชอบ อย่างฉีอันหนิง เขาเอ็นดูบุตรีผู้นี้เป็นที่สุด เพราะนางเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของเขากับฮูหยิน

“วันนี้ข้าน้อยจะขออ่านบทกวีของท่านหลี่ไป๋ ดื่มเดียวดายใต้เงาจันทร์” บุรุษหนุ่มหลังม่านเอ่ยขึ้นมา

“ดีๆๆ” เสียงผู้ที่มารอฟังเอ่ยออกมาพร้อมกัน

'ไหสุราประหนึ่งดังดอกไม้ เดียวดายไร้เพื่อนดื่ม 

ยกจอกขึ้นเชิญจันทร์สว่าง ทอแสงรวมเงาข้าเป็นสาม

จันทร์ลอยเลื่อนไม่อาจดื่ม เงาเคลื่อนคล้อยตามกายข้า

ทั้งจันทร์และเงาอยู่เป็นเพื่อน เริงรื่น ก่อนฤดูใบไม้ผลิ

เมื่อข้าร้องเพลง จันทร์ทอแสง เมื่อข้าเริงระบำ เงาสั่นไหว

เมื่อยังตื่น ร่วมสรวลเสเฮฮา เมื่อเมาแล้ว ต่างต้องแยกจากกัน

มิตรภาพของเรายังคงอยู่ตลอดไป และพบกันใหม่ที่ทางช้างเผือก'

สิ้นเสียงท่องบทกวีของบุรุษหนุ่มหลังม่านเสียงปรบมือกับเสียงชื่นชมดังขึ้นทั่วทั้งโรงเตี๊ยม ฉีอันลิ่งปรบมือด้วยความชอบใจ ใต้เท้าฉีและฉีฮูหยินมองบุตรชายคนรองด้วยแววตาขบขัน บุตรชายคนรองวัยเพียงสิบเอ็ดปีแต่ทว่ากลับชื่นชอบบทกวียิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ลูกๆ ของพวกตนนั้นมีความชอบที่แตกต่างกันออกไป เห็นจะมีแต่ฉีอันหนิงที่ได้รับความชอบมาจากพี่ชายทั้งสามคน

หลังจากนั่งฟังบทกวีกันอย่างเพลิดเพลินแล้ว ใต้เท้าฉีและฉีฮูหยินจึงพาบุตรทั้งสี่ไปลอยโคมไฟ ก่อนที่จะพากันเดินทางกลับจวนเพราะยามนี้ก็เริ่มดึกพอสมควรแล้ว เด็กๆ ควรกลับไปนอนหลับพักผ่อนเพราะวันรุ่งขึ้นพวกเขาต้องไปเรียนที่สำนักศึกษาหลี่ชุน ระหว่างทางที่เดินไปนั้นมีชาวเมืองเข้ามาทักทายท่านเจ้าเมืองกับครอบครัวมิได้ขาดสาย เขาเป็นขุนนางที่ดีจึงเป็นที่รักของชาวเมืองตงหลาง

“ท่านแม่ ลูกอยากได้โคมกระต่ายเจ้าค่ะ”

ฉีอันหนิงเดินเข้าไปกอดแขนมารดาก่อนที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยวาจาออดอ้อนออกมา มีหรือที่ฉีฮูหยินจะทำใจแข็งกับนางได้

เงินสองตำลึงเงินถูกส่งให้กับฉีอันหนิง เด็กหญิงฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะคำนับมารดาและรับเงินไปเพื่อซื้อโคมไฟรูปกระต่าย ซุนซุนและสาวรับใช้ที่โตกว่าพวกนางอีกสองคนติดตามไปด้วย เมื่อได้โคมไฟรูปกระต่ายมาฉีอันหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

หลังจากลอยโคมไฟแล้ว ครอบครัวสกุลฉีจึงเดินทางกลับจวน สำหรับค่ำคืนนี้ฉีอันหนิงได้แสดงความสามารถของนางออกมาจนกลายเป็นที่กล่าวถึงในหมู่ชาวเมือง ต่างพากันชื่นชมบุตรชายและบุตรีของท่านเจ้าเมืองที่เก่งกาจในการโยนศรและการเล่นหมากล้อม ความสามารถที่ผู้ใหญ่บางคนก็มิอาจมี เรียกได้ว่าบุตรของสกุลฉีนั้นมีความสามารถเกินเด็ก

“หนิงเอ๋อร์ แม่ก็นึกว่าเจ้าจะนำเจ้ากระต่ายนี้ไปลอย ใยนำกลับจวนด้วยล่ะลูก” ฉีฮูหยินเอ่ยถามบุตรียิ้มๆ ขณะที่นั่งอยู่บนรถม้า

“ลูกอยากนำโคมรูปกระต่ายนี้มาเก็บไว้เป็นความทรงจำของลูกเจ้าค่ะ นี่เป็นครั้งแรกของลูกในการออกไปเที่ยวกับท่านพ่อท่านแม่และพวกท่านพี่”

ฉีอันหนิงคลายความสงสัยของมารดา ฉีฮูหยินได้ฟังเช่นนั้นจึงยกมือขึ้นไปลูบศีรษะเล็กของบุตรี นางยังคงห่วงฉีอันหนิงกว่าผู้ใดเพราะบุตรีเป็นหญิงที่มีความสามารถมิแพ้ชาย นางกลัวว่าสักวันความเก่งกาจของบุตรีจะทำให้มิมีชายใดอยากได้นางไปเป็นฮูหยินในจวน

“ปีหน้าพ่อก็สามารถพาเจ้าไปเที่ยวได้อีก”

ใต้เท้าฉีเอ่ยออกมาอย่างเอ็นดู ยังอีกหลายปีกว่าบุตรีจะถึงวัยปักปิ่นและนางก็ต้องออกเรือน แต่เขาจะมิยอมยกบุตรีผู้นี้ให้ไปเป็นสะใภ้สกุลไหนง่ายๆ และเขาจะให้นางเป็นคนตัดสินใจเลือกคู่ครองของนางเอง ฉีอันหนิงเปรียบเสมือนเป็นดั่งดวงใจของเขาและภรรยา เพราะเหตุนั้นเขาจึงมิอยากให้นางต้องเสียใจเพราะผู้อื่นแม้แต่นิดเดียว

“ท่านพ่อ… ลูกอยากฝึกขี่ม้าเจ้าค่ะ” คำขอของบุตรีทำให้เขามองหน้าภรรยา แต่มีหรือว่าคนที่รักนางดั่งดวงใจเช่นเขาจะขัดใจ

“ได้สิ… รอสำนักศึกษาปิดอีกครา พ่อจะให้ลุงลู่ช่วยฝึกให้” ลุงลู่ที่ว่าคือบ่าวที่ติดตามรับใช้เขามานาน เปรียบดังเป็นคนหนึ่งในครอบครัว

“จริงๆ นะเจ้าคะ ท่านพ่อรับปากลูกแล้วนะเจ้าคะ” ฉีอันหนิงเอ่ยถามบิดาออกมาอีกคราด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ใต้เท้าฉีมองไปยังฉีฮูหยินก่อนที่จะพยักหน้าให้กับบุตรี

ฉีอันหนิงยิ้มออกมาอย่างมีความสุข มิใช่เพียงฝึกขี่ม้าเท่านั้น แม้แต่วิชายิงธนูหรือเพลงดาบ นางก็อยากจะร่ำเรียนเพื่อมีไว้ป้องกันตัวในอนาคต

“หนิงเอ๋อร์… เจ้าอยากฝึกตีคลีหรือไม่” ฉีฮูหยินเอ่ยถามบุตรีที่กำลังทำท่าครุ่นคิดอยู่อย่างน่ารัก

“อยากเจ้าค่ะท่านแม่” นางรีบตอบออกมาทันทีแบบมิต้องคิดให้เปลืองเวลา

“ตอบแบบมิคิดเลยนะลูก” ใต้เท้าฉีเอ่ยหยอกล้อบุตรสาวออกมา

“เจ้าค่ะ ลูกอยากเรียนรู้ทุกอย่าง ท่านพ่อท่านแม่สอนลูกด้วยนะเจ้าคะ” เสียงใสๆ บอกบิดามารดา

“หากเจ้าเติบโตขึ้นมาแล้วเก่งกาจเกินชาย ผู้ใดจะมาแต่งเจ้าออกเรือนไปล่ะทีนี้” ฉีฮูหยินมิวายเอ่ยถึงสิ่งที่นางคาดคิดเอาไว้ออกมา เป็นคนเก่งมิใช่ว่ามิดี แต่หากเก่งเกินบุรุษไปนั้น ก็อาจจะหาคู่ครองยากในภายภาคหน้า

“มิเป็นไรหรอกเจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่ หากมิมีผู้ใดกล้ามาขอลูก ลูกก็ขออยู่ดูแลท่านพ่อท่านแม่ไปจนแก่เฒ่าเลยเจ้าค่ะ”

คำตอบของบุตรีทำให้สองสามีภรรยามองหน้ากันด้วยความหนักใจ ทั้งสองคนก็ได้แต่แอบหวังว่าคงมีชายใดในวันข้างหน้าที่จะรักบุตรีของตนอย่างที่นางเป็น

สองเค่อต่อมา รถม้าของจวนสกุลฉีทั้งสองคันก็หยุดอยู่ที่หน้าจวน ก่อนที่ใต้เท้าฉี ฉีฮูหยินและเด็กๆ ทั้งสี่จะลงจากรถม้ามาแล้วเข้าไปในจวนพร้อมๆ กัน ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับเข้าห้องนอนของตน ซุนซุนคอยดูแลคุณหนูสี่ตั้งแต่เตรียมที่นอนและพาเข้านอน สิ่งสำคัญที่นางละเลยมิได้เลยนั่นก็คือผ้าห่ม เพราะฉีอันหนิงนั้นเป็นเด็กขี้ร้อน แต่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ ซุนซุนก็มิอาจปล่อยผ่านไปได้

เช้าวันต่อมาฉีอันหนิงก็ได้ไปสำนักศึกษาพร้อมกับเหล่าพี่ชายอย่างเช่นทุกวัน แต่ทว่าเช้านี้ความสามารถของพี่ชายและตัวนางเองกลับเป็นที่กล่าวถึงในวงกว้าง แม้แต่เหล่าอาจารย์เองก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย หากจะเป็นแค่ฉีอันหลงเพียงผู้เดียวคงจะมิแปลกอันใด แต่นี่ยังมีฉีอันหนิงอีกคนที่สร้างชื่อเสียงให้กับสกุลฉี

“หนิงเอ๋อร์ เมื่อวานที่งานโคมไฟ เจ้าสามารถเอาชนะผู้ที่โยนศรมิเคยแพ้ผู้ใดในเมืองตงหลางมาก่อนเช่นนั้นหรือ” อาจารย์หลี่เอ่ยถามออกมาในช่วงพักกลางวัน

“เจ้าค่ะ…” ฉีอันหนิงตอบอาจารย์ตามความจริง

“แล้วผู้ใดเป็นผู้ฝึกวิธีโยนศรให้เจ้ากัน” อาจารย์เอ่ยถามเด็กหญิงอีกครั้งด้วยความสงสัย

“ศิษย์ฝึกด้วยตนเองเจ้าค่ะ ยามเมื่อศิษย์อายุได้ห้าหกปี ศิษย์ได้โยนศรกับพี่ชายอยู่บ่อยครั้งน่ะเจ้าค่ะ”

เด็กหญิงตอบด้วยน้ำเสียงสดใส เมื่อยามกล่าวถึงเรื่องราวในอดีต เท่าที่นางจำได้ในวัยห้าหกขวบนั้น นางมักจะติดตามพี่ชายไปเล่นซนเช่นเดียวกันกับพวกเขา มิได้แบ่งแยกว่าตนจะเป็นสตรีหรือบุรุษ เล่นเพียงเพื่อความสนุกเท่านั้น

อาจารย์หลี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่เขาจะเดินจากไป เขารู้อยู่แล้วว่าคุณหนูสี่จากสกุลฉีผู้นี้นั้นมีความสามารถที่เกินวัย ดูจากการสอบเข้าศึกษาที่สำนักศึกษาแห่งนี้ในครั้งแรกจวบจนถึงวันนี้ นางมักจะทำให้เขาและเหล่าอาจารย์คนอื่นๆ ประหลาดใจอยู่เสมอ

Related chapters

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 5 ฝึกฝน

    หลังจากที่บิดารับปากว่าจะให้ฉีอันหนิงฝึกขี่ม้าแล้ว เขาก็ทำตามที่รับปากนางเอาไว้โดยให้บ่าวรับใช้คนสนิทของตน เป็นผู้ช่วยฝึกให้นาง ฉีอันหนิงหัวเร็ว เด็กหญิงสามารถขี่ม้าได้แบบไม่หวาดกลัว ต่างจากพี่รองที่มิเอาดีในด้านนี้เลยสักนิด พี่ใหญ่มองน้องสาวด้วยสายตาที่ภาคภูมิใจ เขาขี่ม้าเป็นก่อนน้องๆ เพราะเขาเองก็ฝึกขี่ม้าในวัยเดียวกับผู้เป็นน้องสาวเช่นกัน“เก่งมากหนิงเอ๋อร์ อีกหน่อยเจ้าก็ขี่ม้าแข่งกับพี่ได้แล้ว” ฉีอันหลงเอ่ยชมน้องสาวออกมา“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่ แต่น้องว่าน้องยังต้องฝึกให้บ่อยกว่านี้” ฉีอันหนิงถ่อมตน“รอเจ้าโตกว่านี้ก็แข่งตีคลีได้แล้ว ถึงยามนั้นสกุลฉีของเราคงมิมีผู้ใดสามารถเอาชนะได้แล้วล่ะ” เด็กหญิงส่งยิ้มให้กับผู้เป็นพี่ชาย ก่อนที่ทั้งคู่จะขี่ม้าเคียงคู่กันไป ซุนซุนมองตามคุณหนูสี่ไปด้วยสายตาเป็นห่วง“เจ้ามิต้องห่วงคุณหนูสี่หรอกซุนซุน คุณหนูสี่ของเจ้าเก่งเกินวัย นางเป็นเด็กที่มีความสามารถ”ลุงลู่ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากใต้เท้าฉีให้เป็นผู้ฝึกสอนคุณหนูสี่ขี่ม้าเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มลูกศิษย์เช่นนางมิมีผู้ใดที่มิอยากสั่งสอน เพราะคุณหนูสี่ความจำดี เรียนรู้เร็ว และอ่อนน้อมถ่อมตน นาง

    Last Updated : 2025-02-04
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 6 ความชอบที่ต่างกัน

    หนึ่งปีต่อมาร่างเล็กของเด็กหญิงวัยแปดปีกำลังขี่ม้าแข่งขันกับร่างสูงของเด็กชายวัยสิบสี่ปี เสียงร้องเรียกของบ่าวรับใช้ที่ข้างสนามทำให้สองพี่น้องชะลอความเร็วของม้าลง และค่อยๆ ขี่ม้ากลับมายังข้างสนาม ที่ซึ่งมีลุงลู่ ซุนซุน และหวงเทายืนอยู่ บ่าวชายรับม้าก่อนที่จะพาไปยังคอกม้า ส่วนคุณชายใหญ่และคุณหนูสี่ก็เดินนำทั้งลุงลู่และบ่าวรับใช้ทั้งสองกลับไปยังเรือนใหญ่“เป็นเช่นไรบ้างหลงเอ๋อร์ น้องสาวของเจ้า” ใต้เท้าฉีเอ่ยถามบุตรชายคนโตหลังจากรับประทานอาหารเย็นร่วมกันเสร็จ“ก้าวหน้ามากขึ้นแล้วขอรับท่านพ่อ อีกหกปีข้างหน้า ลูกว่าคงมิมีผู้ใดเอาชนะการตีคลีของสกุลฉีไปได้แล้วล่ะขอรับ” ฉีอันหลงตอบบิดาพลางมองหน้าน้องสาววัยแปดปี“ท่านพ่อ… ลูกยังอยากศึกษาวิชาการยิงธนูด้วยเจ้าค่ะ" คำขอที่ดังออกมาจากริมฝีปากเล็กของบุตรีทำเอาท่านเจ้าเมืองที่กำลังยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่มถึงกับต้องชะงักมือ“เจ้าแน่ใจหรือหนิงเอ๋อร์” ใต้เท้าฉีเอ่ยถามบุตรีของตนออกมาเพื่อความแน่ใจ“แน่ใจเจ้าค่ะ ยามนี้ลูกเห็นท่านพี่ทั้งสามได้เรียนวิชาขี่ม้ายิงธนู ลูกก็อยากจะฝึกบ้าง” เด็กหญิงวัยแปดปีกล่าวถึงเหตุผลออกมา“จะดีหรือเจ้าคะท่านพี่ เพียงแค่ขี่ม้า

    Last Updated : 2025-02-04
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 7 บุตรชายคนโตสกุลซ่ง

    สำนักวารีพยัคฆ์ เมืองตงฉวน แคว้นโจวหนานเด็กชายวัยย่างเข้าสู่วัยหนุ่มหลายคนกำลังฝึกฝนเพลงดาบกันอยู่อย่างตั้งใจ สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อในการฝึกผู้นำและเหล่าทหารหน่วยพิเศษที่จะถูกส่งตัวไปทำหน้าที่อยู่ตามเมืองต่างๆ ทั่วแคว้นโจวหนาน ฮ่องเต้แห่งแคว้นโจวหนานนั้นตระหนักถึงความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของชาวเมืองต่างๆ ทั่วทั้งแคว้น จึงมีคำสั่งให้จัดตั้งหน่วยพิเศษที่ีหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือเหล่าขุนนางและชาวเมืองหากพบเจอกับเรื่องราวที่มิสามารถแก้ไขได้ พวกเขาจะปรากฏตัวหากมีคดีพิเศษต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวได้ทันท่วงที“ฝีมือของเจ้าพัฒนาไปมากเชียวคุณชายซ่ง” อาจารย์หนุ่มเอ่ยชมเชยเด็กหนุ่มจากเมืองตงหลาง สกุลซ่งเป็นขุนนางมาหลายชั่วคน“ขอบคุณขอรับท่านอาจารย์ แต่ศิษย์ว่า ศิษย์ยังต้องเรียนรู้จากท่านอาจารย์อีกมาก”ซ่งมู่เฉินเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปีที่มีใบหน้าหล่อเหลา คิ้วโค้งคมประดุจดังกระบี่ จมูกโด่งสันเป็นคม ริมฝีปากอิ่มได้รูปฉีกยิ้มเห็นฟันซี่ขาวออกมา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มสะดุดตา อาจจะเป็นเพราะยามเขาฉีกยิ้มยามใด รอยบุ๋มที่แก้มก็ปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจน“เจ้าอย่าถ่อมตนไปเลย ตระกูลของเ

    Last Updated : 2025-02-05
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 8 แรกพบ

    ซ่งมู่เฉินกับจูจงฉีใช้เวลาเดินทางกลับมาจากเมืองตงฉวนเพียงหนึ่งวัน ระหว่างทางเขาได้พบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย จึงได้รับรู้ว่าแคว้นโจวหนานนั้นมิได้สงบสุขอย่างที่คิด เพราะวันนี้ระหว่างที่เขากำลังนั่งกินข้าวกลางวันอยู่ในโรงเตี๊ยมระหว่างทางกลับบ้าน เขาก็บังเอิญได้พบกับพวกนักเลงกลุ่มหนึ่งกำลังรีดไถเงินจากเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้“ใต้เท้า… ช่วงนี้โรงเตี๊ยมของข้าน้อยมิค่อยได้ต้อนรับแขกเท่าใดนักจึงทำให้ไม่มีเงินมาจ่ายส่วยให้กับพวกท่าน ได้โปรดละเว้นโรงเตี๊ยมของข้าน้อยไปสักระยะหนึ่งได้หรือไม่ขอรับ”เถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน เขาลำบากเพราะคนเหล่านี้มานานหลายปีแล้ว เขามิอาจรู้ได้ว่าบุรุษร่างโตเหล่านี้เป็นขุนนางหรือเป็นเพียงนักเลงรีดไถ แต่หลายปีที่ผ่านมาทางการก็มิเห็นจะมาจัดการปราบปรามให้เสียที แม้จะแจ้งไปหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม“ได้ยังไงกันวะ!! ชาวบ้านแถวนี้เขาจ่ายกันหมด เอ็งเป็นถึงเจ้าของโรงเตี๊ยมจะมิมีจ่ายได้เช่นไร และนั่นก็มีลูกค้านี่ อย่ามาโอ้เอ้ เอาเงินมา!! พวกข้าจักได้ไปเก็บเงินที่อื่นต่อ”หัวหน้านักเลงไม่ยอมแพ้ มีดดาบในมือของมันถูกจ่อไปที่ลำคอของเถ้าแก่โรงเตี๊ยม นัย

    Last Updated : 2025-02-05
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 9 งานวันคล้ายวันเกิดฉีฮูหยิน

    งานเลี้ยงวันเกิดของฉีฮูหยินถูกจัดขึ้นภายในจวนสกุลฉี ขุนนางและครอบครัวทั่วเมืองตงหลางเดินทางมาร่วมอวยพรแก่ฉีฮูหยินด้วย และแน่นอนว่าสกุลซ่งก็ได้รับเทียบเชิญในครานี้เช่นกัน ใต้เท้าซ่ง ซ่งฮูหยิน ซ่งมู่เฉินและซ่งเจียวซินก็ได้เดินทางมาร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา“วันนี้ข้าจะมีการแสดงให้ท่านแม่ได้ชม” ฉีอันหนิงเอ่ยออกมาขณะที่กำลังนั่งนิ่งๆ ให้ซุนซุนหวีผม“คุณหนูสี่ไปฝึกฝนยามใดเจ้าคะ บ่าวมิเคยเห็นเลยนะเจ้าคะ” ซุนซุนเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจ“หึๆ ของพวกนี้มันอยู่ในความคิดของข้านี่”นางยกมือเล็กชี้นิ้วมายังศีรษะของนาง ซุนซุนถึงกับชะงักมือแล้วส่ายใบหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ใครจะว่านางโอ้อวดคุณหนูสี่ของนางก็ช่าง แต่คุณหนูสี่นั้นเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ มิว่านางคิดจะทำการสิ่งใดล้วนแล้วแต่สำเร็จ“วันนี้เจียวซินบอกว่าจะมาด้วยนะ” คุณหนูตัวน้อยที่ถูกมัดผมอยู่กล่าวออกมา“ตระกูลซ่งแน่นอนว่าต้องได้รับเทียบเชิญอยู่แล้วล่ะเจ้าค่ะ… ว่าแต่คุณหนูสี่มีการแสดงอันใดจะแสดงให้นายหญิงได้ชมเจ้าคะ” ซุนซุนเอ่ยถามออกมาด

    Last Updated : 2025-02-06
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 10 เยือนจวนตระกูลฉี

    งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินท่านเจ้าเมืองผ่านไปท่ามกลางเสียงเล่าลือถึงความสามารถของบุตรชายและบุตรีของสกุลฉี โดยเฉพาะฉีอันหนิงที่ได้รับคำชื่นชมมากกว่าพี่ๆ นางแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า เด็กหญิงตัวเล็กๆ เช่นนางก็มีความสามารถที่มากล้น “เฉินเอ๋อร์ ลูกว่าเป็นเช่นไรบ้าง” ซ่งฮูหยินเอ่ยถามบุตรชายในเช้าวันต่อมา “เรื่องอันใดหรือขอรับท่านแม่” เขาไม่เข้าใจที่มารดาเอ่ยถามออกมา “บุตรีสกุลฉีอย่างไรล่ะ” ซ่งฮูหยินตอบออกมายิ้มๆ “นางเป็นเด็กที่น่าสนใจและมีความสามารถเกินสตรีขอรับ” เขาตอบก่อนที่ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ “ก่อนที่เจ้าจะกลับเมืองตงฉวน แม่อยากให้เจ้าลองไปทำความรู้จักน้องเอาไว้ก่อนได้หรือไม่ เพราะเอาเข้าจริงอีกสองปีกว่าเจ้าจะได้กลับมา ถึงยามนั้นเจ้าจะเปลี่ยนใจแม่ก็จะไม่ตำหนิเจ้า” ซ่งฮูหยินมิอยากให้บุตรชายพลาดเด็กหญิงที่ในอนาคตจะเติบโตไปเป็นสตรีที่เก่งและชาญฉลาดเช่นบุตรีของท่านเจ้าเมืองไป นางมิได้นึกแปลกใจหากเด็กหญิงจะเก่งเกินบุรุษ เพราะนางเชื่อว่าบุตรชายของนางผู้นี้สมควรที่จะมีสตรีเช่นนั้นคอยอยู่เคียงข้าง “เอ่อ… จะดีหรือขอรับ” เด็กชายลังเลใจ เขาเองเพิ่งจะอายุสิบสี

    Last Updated : 2025-02-06
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 11 พี่ชายใหญ่ไปศึกษาต่อในเมืองหลวง

    หนึ่งปีต่อมาณ ลานประกาศผลการสอบคัดเลือกขุนนางระดับท้องถิ่น หลายครอบครัวต่างพากันมายืนรอตรวจสอบรายชื่อของลูกหลานที่ได้เข้าสอบในปีนี้ และปีนี้ก็เป็นปีแรกที่สกุลฉีมีบุตรชายคนโตในวัยสิบห้าปีเข้ารับการสอบคัดเลือกขุนนางระดับซิ่วไฉ*เป็นปีแรก หนึ่งปีที่่ผ่านมาเขาตั้งใจศึกษาหาความรู้มิได้ขาด ใต้เท้าฉีนั้นมิได้คาดหวังว่าบุตรชายจะสอบผ่านในปีแรก แต่ฉีอันหลงกลับทำได้ดีกว่าที่คิดเขาสอบผ่านในลำดับอั้นโฉ่ว (ลำดับที่หนึ่ง) ซึ่งเป็นลำดับสูงที่สุดของการสอบซิ่วไฉ มีสิทธิ์เข้าสอบในระดับเซียงซื่อ*ต่อไปในปีหน้า โดยมิต้องรอไปอีกสามปีเช่นผู้อื่น ตระกูลที่มารอจับจองบุตรเขยต่างพากันสนใจเด็กหนุ่มที่มีความสามารถผ่านการสอบเค่อจวี่ในระดับซิ่วไฉได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ว่าฉีฮูหยินกลับดับความฝันของตระกูลเหล่านั้นเพราะนางเห็นว่าบุตรชายยังคงมิพร้อมที่จะมีภรรยาในยามนี้ นางและใต้เท้าฉีมิได้รีบแต่งภรรยาเข้าเรือนให้กับบุตรชาย รออีกสักห้าหกปีก็ยังมิสาย“น้องดีใจด้วยนะเจ้าคะท่านพี่ใหญ่" ฉีอันหนิงวัยเก้าปีเอ่ยออกมา“ข้าก็ดีใจกับท่านพี่ด้วยขอรับ”“ข้าก็ด้วย” ฉีอันลิ่งใ

    Last Updated : 2025-02-06
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 11 - 1 พี่ชายใหญ่ไปศึกษาต่อในเมืองหลวง

    ณ เมืองตงฉวนเด็กหนุ่มรูปร่างสูงแต่ทว่ามีร่างกายกำยำกำลังทดสอบความสามารถในการขี่ม้า ยิงธนูให้เข้าเป้า และการใช้ดาบในการต่อสู้ การทดสอบครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะส่งผู้ที่ทำผลงานดีและผ่านการทดสอบไปประจำการตามเมืองต่างๆ ในแคว้นโจวหนาน“มู่เฉิน เจ้าสอบผ่านมาสองด่านแล้วใช่หรือไม่” สหายผู้หนึ่งของซ่งมู่เฉินเอ่ยถามเขาออกมาหลังจากที่อีกฝ่ายทดสอบด่านสุดท้ายเสร็จสิ้น“ใช่แล้วล่ะ ข้ายินดีกับเจ้าด้วยนะ เห็นว่าด่านสุดท้ายเจ้าก็ทำได้ดีเยี่ยมเลยนี่”“ขอบใจมาก อีกไม่กี่วันพวกเราก็ต้องแยกย้ายกันแล้ว เอาไว้มาดื่มกันก่อนที่จะกลับไปประจำการนะ” ต้าจงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“อืม…ได้สิ ถึงทีข้าละ ขอตัวก่อนนะต้าจง”อีกฝ่ายพยักหน้า ซ่งมู่เฉินจึงเดินไปยังด่านทดสอบสุดท้ายของปีนี้ นั่นก็คือการประลองดาบกับเหล่าศิษย์พี่ที่ได้กลับไปประจำการที่เมืองต่างๆ แล้วกลับมาคัดรุ่นน้องเพื่อติดตามตนกลับไปร่างสูงกำยำไปด้วยมัดกล้ามเดินถือดาบออกมารอรุ่นน้องที่เขาหมายตา ฟางต้าซู หนึ่งในหน่วยพยัคฆ์ดำที่ประจำการอยู่เมืองตง

    Last Updated : 2025-02-06

Latest chapter

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 13 - 1 บุตรีสกุลฉี

    “ใช่แล้วล่ะ… ตั้งแต่เริ่มได้ปฏิบัติหน้าที่จริงจังเขาก็เริ่มจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ขี้เล่นเช่นเมื่อก่อน ติดเคร่งขรึมและเย็นชา สงสัยจะติดมาจากหน้าที่การงาน อืม…ตอนนี้ท่านพี่ใหญ่ของเราได้เป็นหัวหน้าหน่วยแล้วนะ”เพียงปีกว่าเท่านั้น ซ่งมู่เฉินได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ดำเพราะสร้างผลงานเอาไว้มากมาย มิได้มีเพียงแค่กำลังที่เขาใช้ไป แต่เขายังใช้สติปัญญาคิดกลอุบายจนหลอกล่อให้เหล่าทหารและขุนนางที่โกงกินบ้านเมือง หวังรวยแบบมิถูกต้อง รับสินบนพวกกระทำผิดให้ติดกับและจับกุมกวาดล้างไปได้หลายราย“ท่านพี่ของเจ้าช่างน่านับถือจริงๆ”“เอาไว้ค่อยคุยกันนะอันหนิง ข้าขอตัวไปหาท่านพ่อท่านแม่ก่อน ท่านพี่ทั้งสามน้องขอลาก่อนเจ้าค่ะ” ฉีอันหนิงพยักหน้าเช่นเดียวกับพี่ชายทั้งสามของนาง ซ่งเจียวซินเดินจากไป ฉีอันหลงก้มมองปิ่นในมือพลางยิ้มน้อยๆ ออกมา“น้องเจียวซินโตขึ้นก็งามเหมือนกันนะขอรับ มิรู้ว่าผู้ใดจะเป็นผู้โชคดีได้ใจนางไปครอบครอง” ฉีอันลู่เอ่ยออกมาตามประสาคนที่สนใจเรื่องชาวบ้าน“สตรีนางใดก็มิงามและเก่งกาจเท่ากั

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 13 บุตรีสกุลฉี

    หนึ่งปีต่อมาสนามตีคลีกว้างขวางที่มีทั้งบุรุษและสตรีกำลังควบขี่ม้าแข่งขันตีคลีกันอยู่อย่างสนุกสนาน วันนี้ครอบครัวของใต้เท้าฉีได้พากันเดินทางมาร่วมงานตีคลีประจำปีของเมืองตงหลาง ฉีอันหลงก็ได้เดินทางกลับมาร่วมงานเพื่อลงแข่งขันคู่กับน้องสาวของตน หลากหลายสกุลพาบุตรชายและบุตรีมาร่วมงานเพื่อจะได้ทำความรู้จักกันเอาไว้ โดยเฉพาะเหล่าตระกูลขุนนางที่อยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลที่สามารถพึ่งพากันได้ในภายภาคหน้า“ใต้เท้าฉีนั่นบุตรีของท่านหรือขอรับ” ใต้เท้าหลงเอ่ยถามใต้เท้าฉีขณะที่กำลังนั่งชมการแข่งขันตีคลีรอบต่อไป“ใช่แล้วขอรับ นั่นหนิงเอ๋อร์ ส่วนเด็กหนุ่มผู้นั้นก็คือบุตรชายคนโตของข้าเอง นามว่าอันหลง” ใต้เท้าหลงมองไปยังร่างเล็กของเด็กหญิงวัยสิบปีที่มีใบหน้าฉายแววแห่งความงดงามออกมา“นางมีผู้ใดจับจองหรือยัง”“ฮ่าๆ ยังมิมีหรอกขอรับ นางยังเด็กนัก ยังมิทันได้เข้าพิธีปักปิ่นเลย” ใต้เท้าฉีรีบเอ่ยออกมา“เรื่องคู่ครองข้าคงจะมิบังคับนาง หากนางมีใจให้แก่ผู้ใด ข้าก็คงจะคล้อยตาม”เพราะฉีอันหนิงเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของเข

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 12 หน่วยพยัคฆ์ดำ

    ฤดูกาลผันเปลี่ยน ฤดูเก็บเกี่ยวเวียนมาถึง ชาวเมืองอยู่กันอย่างสงบสุข ท่านเจ้าเมืองมีความยุติธรรม ดูแลชาวเมืองประดุจดังลูกหลาน แต่ที่ไหนมีคนดีก็ย่อมจะมีคนชั่วปะปนอยู่ทั่วทุกหนแห่ง โจรภูเขากลุ่มหนึ่งตัดสินใจลงเขามายังเมืองตงหลางเพื่อที่จะปล้นของมีค่าและเสบียงกลับไปยังชุมโจร“เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าที่เมืองแห่งนี้ชาวเมืองมีอยู่มีกิน” หัวหน้าโจรเอ่ยถามลูกน้องที่ส่งลงมาสอดแนม“ขอรับนายท่าน ข้าลงมาสอบถามและสังเกตอยู่นานเกือบสัปดาห์ เป็นเช่นที่ข้ารายงานท่านไปจริงๆ ขอรับ” ลูกน้องโจรตอบออกมา“ถ้าเช่นนั้นคืนนี้เราจะลงไปปล้นเสบียงที่โรงเตี๊ยมที่อยู่ห่างจากตัวเมืองตงหลาง จะได้หาทางหนีทีไล่ทัน” หัวหน้าโจรที่มีหนวดเครารกรุงรังเอ่ยออกมา“ขอรับท่านหัวหน้า” ลูกน้องขานรับออกมาพร้อมกันก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปเตรียมอาวุธค่ำคืนที่เงียบสงัดภายในบ้านเมืองที่สุขสงบ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าค่ำคืนนี้มีตระกูลพ่อค้าที่โชคร้ายเดินทางมาค้าขายที่เมืองแห่งนี้และได้แวะพักที่โรงเตี๊ยมเป้าหมายของกลุ่มโจรเข้าพอดี กลุ่มโจรบุกเข้ามาในยามวิกาลและใช้กำลังข่มขู

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 11 - 1 พี่ชายใหญ่ไปศึกษาต่อในเมืองหลวง

    ณ เมืองตงฉวนเด็กหนุ่มรูปร่างสูงแต่ทว่ามีร่างกายกำยำกำลังทดสอบความสามารถในการขี่ม้า ยิงธนูให้เข้าเป้า และการใช้ดาบในการต่อสู้ การทดสอบครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะส่งผู้ที่ทำผลงานดีและผ่านการทดสอบไปประจำการตามเมืองต่างๆ ในแคว้นโจวหนาน“มู่เฉิน เจ้าสอบผ่านมาสองด่านแล้วใช่หรือไม่” สหายผู้หนึ่งของซ่งมู่เฉินเอ่ยถามเขาออกมาหลังจากที่อีกฝ่ายทดสอบด่านสุดท้ายเสร็จสิ้น“ใช่แล้วล่ะ ข้ายินดีกับเจ้าด้วยนะ เห็นว่าด่านสุดท้ายเจ้าก็ทำได้ดีเยี่ยมเลยนี่”“ขอบใจมาก อีกไม่กี่วันพวกเราก็ต้องแยกย้ายกันแล้ว เอาไว้มาดื่มกันก่อนที่จะกลับไปประจำการนะ” ต้าจงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“อืม…ได้สิ ถึงทีข้าละ ขอตัวก่อนนะต้าจง”อีกฝ่ายพยักหน้า ซ่งมู่เฉินจึงเดินไปยังด่านทดสอบสุดท้ายของปีนี้ นั่นก็คือการประลองดาบกับเหล่าศิษย์พี่ที่ได้กลับไปประจำการที่เมืองต่างๆ แล้วกลับมาคัดรุ่นน้องเพื่อติดตามตนกลับไปร่างสูงกำยำไปด้วยมัดกล้ามเดินถือดาบออกมารอรุ่นน้องที่เขาหมายตา ฟางต้าซู หนึ่งในหน่วยพยัคฆ์ดำที่ประจำการอยู่เมืองตง

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 11 พี่ชายใหญ่ไปศึกษาต่อในเมืองหลวง

    หนึ่งปีต่อมาณ ลานประกาศผลการสอบคัดเลือกขุนนางระดับท้องถิ่น หลายครอบครัวต่างพากันมายืนรอตรวจสอบรายชื่อของลูกหลานที่ได้เข้าสอบในปีนี้ และปีนี้ก็เป็นปีแรกที่สกุลฉีมีบุตรชายคนโตในวัยสิบห้าปีเข้ารับการสอบคัดเลือกขุนนางระดับซิ่วไฉ*เป็นปีแรก หนึ่งปีที่่ผ่านมาเขาตั้งใจศึกษาหาความรู้มิได้ขาด ใต้เท้าฉีนั้นมิได้คาดหวังว่าบุตรชายจะสอบผ่านในปีแรก แต่ฉีอันหลงกลับทำได้ดีกว่าที่คิดเขาสอบผ่านในลำดับอั้นโฉ่ว (ลำดับที่หนึ่ง) ซึ่งเป็นลำดับสูงที่สุดของการสอบซิ่วไฉ มีสิทธิ์เข้าสอบในระดับเซียงซื่อ*ต่อไปในปีหน้า โดยมิต้องรอไปอีกสามปีเช่นผู้อื่น ตระกูลที่มารอจับจองบุตรเขยต่างพากันสนใจเด็กหนุ่มที่มีความสามารถผ่านการสอบเค่อจวี่ในระดับซิ่วไฉได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ว่าฉีฮูหยินกลับดับความฝันของตระกูลเหล่านั้นเพราะนางเห็นว่าบุตรชายยังคงมิพร้อมที่จะมีภรรยาในยามนี้ นางและใต้เท้าฉีมิได้รีบแต่งภรรยาเข้าเรือนให้กับบุตรชาย รออีกสักห้าหกปีก็ยังมิสาย“น้องดีใจด้วยนะเจ้าคะท่านพี่ใหญ่" ฉีอันหนิงวัยเก้าปีเอ่ยออกมา“ข้าก็ดีใจกับท่านพี่ด้วยขอรับ”“ข้าก็ด้วย” ฉีอันลิ่งใ

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 10 เยือนจวนตระกูลฉี

    งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินท่านเจ้าเมืองผ่านไปท่ามกลางเสียงเล่าลือถึงความสามารถของบุตรชายและบุตรีของสกุลฉี โดยเฉพาะฉีอันหนิงที่ได้รับคำชื่นชมมากกว่าพี่ๆ นางแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า เด็กหญิงตัวเล็กๆ เช่นนางก็มีความสามารถที่มากล้น “เฉินเอ๋อร์ ลูกว่าเป็นเช่นไรบ้าง” ซ่งฮูหยินเอ่ยถามบุตรชายในเช้าวันต่อมา “เรื่องอันใดหรือขอรับท่านแม่” เขาไม่เข้าใจที่มารดาเอ่ยถามออกมา “บุตรีสกุลฉีอย่างไรล่ะ” ซ่งฮูหยินตอบออกมายิ้มๆ “นางเป็นเด็กที่น่าสนใจและมีความสามารถเกินสตรีขอรับ” เขาตอบก่อนที่ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ “ก่อนที่เจ้าจะกลับเมืองตงฉวน แม่อยากให้เจ้าลองไปทำความรู้จักน้องเอาไว้ก่อนได้หรือไม่ เพราะเอาเข้าจริงอีกสองปีกว่าเจ้าจะได้กลับมา ถึงยามนั้นเจ้าจะเปลี่ยนใจแม่ก็จะไม่ตำหนิเจ้า” ซ่งฮูหยินมิอยากให้บุตรชายพลาดเด็กหญิงที่ในอนาคตจะเติบโตไปเป็นสตรีที่เก่งและชาญฉลาดเช่นบุตรีของท่านเจ้าเมืองไป นางมิได้นึกแปลกใจหากเด็กหญิงจะเก่งเกินบุรุษ เพราะนางเชื่อว่าบุตรชายของนางผู้นี้สมควรที่จะมีสตรีเช่นนั้นคอยอยู่เคียงข้าง “เอ่อ… จะดีหรือขอรับ” เด็กชายลังเลใจ เขาเองเพิ่งจะอายุสิบสี

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 9 งานวันคล้ายวันเกิดฉีฮูหยิน

    งานเลี้ยงวันเกิดของฉีฮูหยินถูกจัดขึ้นภายในจวนสกุลฉี ขุนนางและครอบครัวทั่วเมืองตงหลางเดินทางมาร่วมอวยพรแก่ฉีฮูหยินด้วย และแน่นอนว่าสกุลซ่งก็ได้รับเทียบเชิญในครานี้เช่นกัน ใต้เท้าซ่ง ซ่งฮูหยิน ซ่งมู่เฉินและซ่งเจียวซินก็ได้เดินทางมาร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา“วันนี้ข้าจะมีการแสดงให้ท่านแม่ได้ชม” ฉีอันหนิงเอ่ยออกมาขณะที่กำลังนั่งนิ่งๆ ให้ซุนซุนหวีผม“คุณหนูสี่ไปฝึกฝนยามใดเจ้าคะ บ่าวมิเคยเห็นเลยนะเจ้าคะ” ซุนซุนเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจ“หึๆ ของพวกนี้มันอยู่ในความคิดของข้านี่”นางยกมือเล็กชี้นิ้วมายังศีรษะของนาง ซุนซุนถึงกับชะงักมือแล้วส่ายใบหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ใครจะว่านางโอ้อวดคุณหนูสี่ของนางก็ช่าง แต่คุณหนูสี่นั้นเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ มิว่านางคิดจะทำการสิ่งใดล้วนแล้วแต่สำเร็จ“วันนี้เจียวซินบอกว่าจะมาด้วยนะ” คุณหนูตัวน้อยที่ถูกมัดผมอยู่กล่าวออกมา“ตระกูลซ่งแน่นอนว่าต้องได้รับเทียบเชิญอยู่แล้วล่ะเจ้าค่ะ… ว่าแต่คุณหนูสี่มีการแสดงอันใดจะแสดงให้นายหญิงได้ชมเจ้าคะ” ซุนซุนเอ่ยถามออกมาด

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 8 แรกพบ

    ซ่งมู่เฉินกับจูจงฉีใช้เวลาเดินทางกลับมาจากเมืองตงฉวนเพียงหนึ่งวัน ระหว่างทางเขาได้พบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย จึงได้รับรู้ว่าแคว้นโจวหนานนั้นมิได้สงบสุขอย่างที่คิด เพราะวันนี้ระหว่างที่เขากำลังนั่งกินข้าวกลางวันอยู่ในโรงเตี๊ยมระหว่างทางกลับบ้าน เขาก็บังเอิญได้พบกับพวกนักเลงกลุ่มหนึ่งกำลังรีดไถเงินจากเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้“ใต้เท้า… ช่วงนี้โรงเตี๊ยมของข้าน้อยมิค่อยได้ต้อนรับแขกเท่าใดนักจึงทำให้ไม่มีเงินมาจ่ายส่วยให้กับพวกท่าน ได้โปรดละเว้นโรงเตี๊ยมของข้าน้อยไปสักระยะหนึ่งได้หรือไม่ขอรับ”เถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน เขาลำบากเพราะคนเหล่านี้มานานหลายปีแล้ว เขามิอาจรู้ได้ว่าบุรุษร่างโตเหล่านี้เป็นขุนนางหรือเป็นเพียงนักเลงรีดไถ แต่หลายปีที่ผ่านมาทางการก็มิเห็นจะมาจัดการปราบปรามให้เสียที แม้จะแจ้งไปหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม“ได้ยังไงกันวะ!! ชาวบ้านแถวนี้เขาจ่ายกันหมด เอ็งเป็นถึงเจ้าของโรงเตี๊ยมจะมิมีจ่ายได้เช่นไร และนั่นก็มีลูกค้านี่ อย่ามาโอ้เอ้ เอาเงินมา!! พวกข้าจักได้ไปเก็บเงินที่อื่นต่อ”หัวหน้านักเลงไม่ยอมแพ้ มีดดาบในมือของมันถูกจ่อไปที่ลำคอของเถ้าแก่โรงเตี๊ยม นัย

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 7 บุตรชายคนโตสกุลซ่ง

    สำนักวารีพยัคฆ์ เมืองตงฉวน แคว้นโจวหนานเด็กชายวัยย่างเข้าสู่วัยหนุ่มหลายคนกำลังฝึกฝนเพลงดาบกันอยู่อย่างตั้งใจ สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อในการฝึกผู้นำและเหล่าทหารหน่วยพิเศษที่จะถูกส่งตัวไปทำหน้าที่อยู่ตามเมืองต่างๆ ทั่วแคว้นโจวหนาน ฮ่องเต้แห่งแคว้นโจวหนานนั้นตระหนักถึงความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของชาวเมืองต่างๆ ทั่วทั้งแคว้น จึงมีคำสั่งให้จัดตั้งหน่วยพิเศษที่ีหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือเหล่าขุนนางและชาวเมืองหากพบเจอกับเรื่องราวที่มิสามารถแก้ไขได้ พวกเขาจะปรากฏตัวหากมีคดีพิเศษต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวได้ทันท่วงที“ฝีมือของเจ้าพัฒนาไปมากเชียวคุณชายซ่ง” อาจารย์หนุ่มเอ่ยชมเชยเด็กหนุ่มจากเมืองตงหลาง สกุลซ่งเป็นขุนนางมาหลายชั่วคน“ขอบคุณขอรับท่านอาจารย์ แต่ศิษย์ว่า ศิษย์ยังต้องเรียนรู้จากท่านอาจารย์อีกมาก”ซ่งมู่เฉินเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปีที่มีใบหน้าหล่อเหลา คิ้วโค้งคมประดุจดังกระบี่ จมูกโด่งสันเป็นคม ริมฝีปากอิ่มได้รูปฉีกยิ้มเห็นฟันซี่ขาวออกมา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มสะดุดตา อาจจะเป็นเพราะยามเขาฉีกยิ้มยามใด รอยบุ๋มที่แก้มก็ปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจน“เจ้าอย่าถ่อมตนไปเลย ตระกูลของเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status