Share

ตอนที่ 5 ฝึกฝน

last update Last Updated: 2025-02-04 09:44:35

หลังจากที่บิดารับปากว่าจะให้ฉีอันหนิงฝึกขี่ม้าแล้ว เขาก็ทำตามที่รับปากนางเอาไว้โดยให้บ่าวรับใช้คนสนิทของตน เป็นผู้ช่วยฝึกให้นาง ฉีอันหนิงหัวเร็ว เด็กหญิงสามารถขี่ม้าได้แบบไม่หวาดกลัว ต่างจากพี่รองที่มิเอาดีในด้านนี้เลยสักนิด พี่ใหญ่มองน้องสาวด้วยสายตาที่ภาคภูมิใจ เขาขี่ม้าเป็นก่อนน้องๆ เพราะเขาเองก็ฝึกขี่ม้าในวัยเดียวกับผู้เป็นน้องสาวเช่นกัน

“เก่งมากหนิงเอ๋อร์ อีกหน่อยเจ้าก็ขี่ม้าแข่งกับพี่ได้แล้ว” ฉีอันหลงเอ่ยชมน้องสาวออกมา

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่ แต่น้องว่าน้องยังต้องฝึกให้บ่อยกว่านี้” ฉีอันหนิงถ่อมตน

“รอเจ้าโตกว่านี้ก็แข่งตีคลีได้แล้ว ถึงยามนั้นสกุลฉีของเราคงมิมีผู้ใดสามารถเอาชนะได้แล้วล่ะ” เด็กหญิงส่งยิ้มให้กับผู้เป็นพี่ชาย ก่อนที่ทั้งคู่จะขี่ม้าเคียงคู่กันไป ซุนซุนมองตามคุณหนูสี่ไปด้วยสายตาเป็นห่วง

“เจ้ามิต้องห่วงคุณหนูสี่หรอกซุนซุน คุณหนูสี่ของเจ้าเก่งเกินวัย นางเป็นเด็กที่มีความสามารถ”

ลุงลู่ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากใต้เท้าฉีให้เป็นผู้ฝึกสอนคุณหนูสี่ขี่ม้าเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

ลูกศิษย์เช่นนางมิมีผู้ใดที่มิอยากสั่งสอน เพราะคุณหนูสี่ความจำดี เรียนรู้เร็ว และอ่อนน้อมถ่อมตน นางมิได้แบ่งชนชั้นว่านางคือคุณหนูผู้สูงศักดิ์ หากนางเป็นศิษย์ นางก็ถือตนว่านางเป็นศิษย์

“แต่… ข้ากังวลว่า คุณหนูสี่ของข้าจะเก่งเกินสตรี”

“อ้าว… มิดีหรอกหรือซุนซุน เจ้าจะได้มิต้องกังวลว่าจะมีผู้ใดมากลั่นแกล้งรังแกคุณหนูสี่ได้อย่างไรล่ะ”

ซุนซุนในวัยสิบสองปีพยักหน้าขึ้นลงอย่างเห็นด้วย นางเป็นเพียงสาวใช้คงมิอาจปกป้องคุณหนูสี่ได้เต็มที่ หากคุณหนูของนางจะมีวิชาความรู้เยี่ยงบุรุษก็เป็นผลดีต่อตัวของคุณหนูเองในภายภาคหน้า

หลังจากฝึกซ้อมขี่ม้าเสร็จ คุณชายใหญ่และคุณหนูสี่สกุลฉีก็พากันกลับจวนเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน แม้จะรู้สึกว่าตนเองฝึกขี่ม้าได้ดีพอแล้ว แต่ฉีอันหนิงก็ยังมิวายชวนพี่ชายออกไปฝึกกับนางอีกหลังจากรับประทานมื้อกลางวันเสร็จ

“หนิงเอ๋อร์ ลูกชอบขี่ม้าหรือไม่”

ฉีฮูหยินเอ่ยถามบุตรีของนางหลังจากรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันเสร็จ ยามนี้ใต้เท้าฉีมิได้อยู่ที่จวน จึงมีเพียงนางและลูกๆ อีกสามคนที่รับประทานอาหารกลางวันพร้อมกัน

“ชอบเจ้าค่ะ ขี่ม้าสนุกดี”

ฉีอันหนิงตอบมารดา ฉีฮูหยินได้ฟังเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาพลางลูบไปที่ศีรษะของบุตรีก่อนที่นางจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารแล้วเดินออกจากโต๊ะอาหารไป เด็กๆ ทั้งสามคำนับลามารดาก่อนที่จะหันมาพูดคุยกัน

“เจ้าเป็นสตรีจะออกไปขี่ม้าทำไมกัน สู้อยู่ต่อบทกวีเป็นเพื่อนพี่ดีกว่า”

พี่รองอย่างฉีอันลิ่งเอ่ยขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นว่าพักหลังมานี้น้องสาวนั้นชอบออกไปฝึกขี่ม้ากับพี่ใหญ่จนเขามิได้ฝึกต่อบทกวีกับพี่ชายใหญ่เลยสักครั้ง

“บทกวีมิยากหรอกนะเจ้าคะท่านพี่รอง และน้องจำได้หมดแล้ว แต่การขี่ม้ามิใช่ว่าขี่เป็นแล้วจะมิฝึกก็ได้ หากละเลยที่จะฝึกไป ม้าก็จะมิคุ้นเคยกับน้องหรอกนะเจ้าคะ” ฉีอันหนิงอธิบายให้พี่รองฟัง เหตุใดนางจะมิทราบว่าพี่รองนั้นอยากจะรั้งตัวพี่ชายใหญ่เอาไว้เพื่อฝึกต่อบทกวีกับเขา

พี่ชายใหญ่ได้แต่ฉีกยิ้มออกมากับการฟังน้องรองและน้องเล็กพูดคุยกันด้วยเหตุและผล เขาจึงตัดปัญหาด้วยการสอนน้องเล็กขี่ม้าวันละหนึ่งชั่วยาม และต่อบทกวีกับน้องรองวันละครึ่งชั่วยาม

“แล้วนี่เจ้าสามไปที่ใดกัน วันนี้ใยพี่มิได้พบเจอเขาเลย”

ฉีอันหลงเอ่ยถามน้องๆ ออกมา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้หลังจากมื้อเช้าเขามิได้พบหน้าน้องสามเลย แม้แต่ตอนรับประทานอาหารกลางวัน ฉีอันลู่ก็มิได้ออกมาร่วมโต๊ะพร้อมหน้า

“พี่สามอยู่ที่ศาลาริมน้ำหลังจวนเจ้าค่ะ วันนี้เห็นท่านพี่สามบอกน้องว่าจะไปตกปลา แล้วจะปิ้งปลากินที่นั่นมิกลับมากินมื้อกลางวันด้วยเจ้าค่ะ ท่านพ่อกับท่านแม่ก็มิได้ว่ากล่าวอันใด” ฉีอันหนิงที่นึกขึ้นได้บอกกับพี่ชายออกมา

“ถ้าเช่นนั้นยามนี้เรามาต่อบทกวีกันก่อนดีหรือไม่ท่านพี่น้องหญิงสี่ แดดยามนี้ช่างร้อนนัก คงมิดีหากพี่ใหญ่จะออกไปขี่ม้ากันยามนี้”

ฉีอันลิ่งรีบชักชวนพี่ใหญ่และน้องสาวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าแสงสุริยันในยามนี้นั้นสามารถทำให้ผิวกายไหม้เกรียมได้โดยไม่ยาก

“พี่เห็นด้วยกับน้องรองนะหนิงเอ๋อร์ เอาไว้ยามเชินเราค่อยออกไปฝึกขี่ม้ากันอีกคราก็ได้ ยามนี้แสงแดดช่างเจิดจ้ายิ่งนัก”

เขาก็มิอยากจะให้ผิวกายอันขาวเนียนละเอียดของผู้เป็นน้องสาวต้องมากระดำกระด่างเพราะแสงแดดเช่นกัน หากภายภาคหน้าน้องสาวอยากออกเรือนคงจะยาก ยามนี้นางยังมิบ่นให้เขา แต่ถ้าหากนางเติบโตเป็นสตรีที่งดงามขึ้นมาแต่ทว่าผิวกายมิได้งดงามเช่นเดียวกัน ยามนั้นนางคงจะต้องกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของเขาเป็นแน่ ที่มิได้ห้ามปรามนาง

“เจ้าค่ะท่านพี่ ถ้าเช่นนั้นเราไปที่ศาลาริมน้ำดีไหมเจ้าคะ น้องจะให้พี่ซุนซุนนำฉินไปให้น้องบรรเลงให้พวกท่านพี่ได้ฟังด้วย”

พี่รองได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับดีใจ เขาชื่นชอบทั้งบทกวีและดนตรี แต่ทว่าความสามารถในการเล่นฉินของเขายังคงมิได้เรื่อง ต่างจากน้องหญิงสี่อย่างสิ้นเชิง

สามพี่น้องพากันไปที่ศาลาริมน้ำหลังจวน ที่ซึ่งมีฉีอันลู่นอนกลางวันอยู่หลังจากรับประทานมื้อกลางวันเสร็จ บ่าวรับใช้ของคุณชายสามเมื่อเห็นว่าคุณชายและคุณหนูทั้งสามมาเยือนจึงรีบปลุกคุณชายสามให้ตื่นจากการหลับใหล

“อื้อ….. พี่หลงฮ่าว ข้าบอกว่าให้ปลุกข้ายามเว่ยอย่างไรล่ะ เหตุใดจึงรีบปลุกข้าเร็วนัก ยังง่วงนอนอยู่เลย” ผู้ที่ถูกปลุกเอ่ยออกมาพลางบิดกายไปมา

“กินแล้วนอนระวังเป็นหมูนะเจ้าคะท่านพี่สาม” เสียงเล็กของฉีอันหนิงเรียกสติให้ฉีอันลู่ เขาขยี้ตาก่อนที่จะมองไปยังน้องสาวก็พบว่าพี่ชายทั้งสองก็มาพร้อมกันกับนางเช่นกัน

“ข้าเพิ่งจะเก้าขวบ ยังเด็กนัก มิมีทางอ้วนเป็นหมูหรอกน้องสี่” เขาบ่นออกมาก่อนที่จะคำนับพี่ชายใหญ่และพี่ชายรอง

“ตามสบาย พวกพี่คงมิได้มารบกวนเวลานอนของเจ้าหรอกใช่ไหมลู่เอ๋อร์” ฉีอันหลงผู้เป็นพี่ชายใหญ่วัยสิบสามปีเอ่ยถามออกมายิ้มๆ

“หามิได้ขอรับท่านพี่ ข้าตื่นพอดี” เขาตอบพี่ชายใหญ่ยิ้มๆ ก่อนที่จะเหล่ตาไปมองน้องเล็กที่ส่งยิ้มน่ารักมาให้

“พวกพี่จะมาต่อบทกวีกัน เจ้าสนใจหรือไม่”

ฉีอันลิ่งเอ่ยถามน้องสามของตน และคำตอบที่ได้คือฉีอันลู่พยักหน้าให้เขา เพราะน้องสามของเขาก็ชื่นชอบการต่อบทกวีเช่นกัน รวมไปถึงการเล่นดนตรีด้วย

“แล้วฉินนั่น ผู้ใดจะเล่นกันหรือขอรับ” ฉีอันลู่เอ่ยถามออกมาอีกครา

“น้องเองเจ้าค่ะ”

ฉีอันหนิงส่งยิ้มให้พี่สามอีกครั้งก่อนที่สี่คนพี่น้องจะเริ่มต่อบทกวีกันในศาลาริมน้ำที่มีสายลมพัดมาเอื่อยๆ เสียงฉินที่ถูกบรรเลงโดยฉีอันหนิงทำให้พี่ชายทั้งสาม รวมไปถึงสาวรับใช้และบ่าวรับใช้ของพวกตนต่างพากันเคลิบเคลิ้มไปกับความไพเราะของท่วงทำนอง

การต่อบทกวีและเล่นดนตรีของสี่คนพี่น้องยาวนานเกือบหนึ่งชั่วยาม ก่อนที่ฉีอันหลงและฉีอันหนิงจะพากันไปยังสนามตีคลีเพื่อฝึกขี่ม้าต่อ ทั้งสองเอ่ยชวนฉีอันลิ่งและฉีอันลู่ให้ไปด้วยกันแล้ว แต่ทว่าเด็กชายทั้งสองนั้นรู้สึกเกียจคร้าน อยากจะนอนพักผ่อนมากกว่า ฉีอันหลงจึงพาน้องเล็กอย่างฉีอันหนิงไปฝึกขี่ม้าต่อตามที่ได้สัญญากับนางเอาไว้

ร่างเล็กของเด็กหญิงที่กำลังควบขี่ม้าตัวขนาดกลาง ชุดฮั่นฝูสีฟ้าปลิวไสวไปตามแรงลมที่ปะทะกับร่างเล็กของนาง ถึงแม้ว่าฉีอันหนิงจะสามารถขี่ม้าด้วยตนเองแล้ว แต่ทว่าความปลอดภัยของนางก็สำคัญ ลุงลู่คอยสอดส่องดูแลคุณชายและคุณหนูสกุลฉีอยู่มิห่าง เขามองไปคุณหนูสี่ด้วยสายตาชื่นชม นางอายุยังน้อยแต่ทว่ากลับมีความสามารถมากมาย แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพราะนางเหมือนกับฉีฮูหยิน เป็นสตรีที่มีดีมิแพ้บุรุษ

“วันนี้พอเท่านี้ก่อนเถิดนะขอรับคุณชายใหญ่ คุณหนูสี่”

ลุงลู่ตะโกนบอกคุณชายและคุณหนูที่ดูจะสนุกกับการขี่ม้าจนลืมเวลา ยามนี้ท่านเจ้าเมืองคงจะกลับมาจากการออกไปทำงานแล้ว

“กลับเรืิอนกันเถิดหนิงเอ๋อร์ วันนี้เจ้าทำได้ดีมาก พรุ่งนี้กลับมาจากสำนักศึกษาเราค่อยมาฝึกฝนกันใหม่” ฉีอันหลงเอ่ยชวนน้องสาว ฉีอันหนิงพยักหน้าก่อนที่สองพี่น้องจะขี่ม้ากลับไปหาลุงลู่

บ่าวรับใช้ชายรอรับม้าและพามากลับไปยังคอก ส่วนฉีอันหลงและฉีอันหนิง พร้อมด้วยบ่าวรับใช้ชายหญิงก็พากันกลับเรือนเพื่ออาบน้ำและรอรับประทานมื้อเย็นพร้อมกับบิดามารดาและพี่น้องของตน

ใต้เท้าฉี ฉีฮูหยิน และเด็กๆ ทั้งสี่นั่งล้อมวงร่วมรับประทานมื้อเย็นร่วมกันเช่นเดียวกับในทุกๆ วัน อาหารหลากหลายอย่างเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะอาหาร ทุกคนตั้งอกตั้งใจรับประทานโดยที่มิมีผู้ใดกล่าวอันใดออกมา แต่ทว่าเมื่อมื้ออาหารผ่านพ้นไป ใต้เท้าฉีก็มักจะใช้เวลาเหล่านั้นคอยถามไถ่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันของบุตรชายและบุตรีทุกคนเพื่อมิให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและลูกๆ ห่างเหินกันไป โดยเฉพาะบุตรชายคนโตที่อีกไม่นานเขาก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ

“หลงเอ๋อร์ วันนี้เจ้าทำการอันใดบ้าง” เขาเริ่มต้นเอ่ยถามบุตรชายคนโตก่อนเป็นลำดับแรก

“วันนี้ลูกไปขี่ม้าเป็นเพื่อนน้องหญิงสี่ หลังมื้อกลางวันลูกกับน้องๆ ก็พากันต่อบทกวีและฟังน้องหญิงสี่ดีดฉินที่ศาลาริมน้ำขอรับ” ฉีอันหลงรายงานผู้เป็นบิดา

“อืม… เจ้าล่ะลิ่งเอ๋อร์ วันนี้เจ้าทำการอันใดบ้าง” บุตรชายคนรองคือคนถัดมาที่ใต้เท้าฉีเอ่ยถาม

“วันนี้ลูกอ่านบทกวีและหลังมื้อกลางวันลูกก็ได้ต่อบทกวีกับท่านพี่ใหญ่ พร้อมทั้งฟังน้องหญิงสี่ดีดฉินขอรับ” ฉีอันลิ่งรายงานผู้เป็นบิดา ใต้เท้าฉีพยักหน้าก่อนที่จะหันไปถามบุตรชายคนที่สาม

“วันนี้ลูกตกปลาและก็ปิ้งปลากินอยู่ที่ศาลาริมน้ำกับต้าถง หลังจากนั้นลูกก็นอนพักสายตาอยู่หนึ่งก้านธูป ไม่นานพี่ใหญ่ พี่รองและน้องหญิงสี่ก็พากันมาชวนข้าต่อบทกวีกับดีดฉีนขอรับ” เขาตอบกลับมาตามความจริง

“เจ้าก็คงมิต่างจากพวกพี่ๆ ของเจ้าใช่หรือไม่หนิงเอ๋อร์” ใต้เท้าฉีถามบุตรีคนเล็กของตนด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าค่ะ วันนี้ลูกฝึกขี่ม้ากับลุงลู่และพี่ใหญ่ สนุกมากๆ เลยนะเจ้าคะ และช่วงหลังมื้อกลางวัน ลูกก็ดีดฉินให้พวกพี่ๆ ฟังด้วยเจ้าค่ะ”

ฉีอันหนิงรายงานสิ่งที่ตนได้กระทำวันนี้ให้กับบิดาได้ฟัง ฉีฮูหยินอมยิ้มน้อยๆ ให้กับความใฝ่รู้ของบุตรี แม้จะกังวลว่าภายภาคหน้านางจะหาสามียาก แต่ในยามนี้เพียงแค่ได้เห็นว่าฉีอันหนิงได้ทำในสิ่งที่ชื่นชอบ เพียงเท่านี้นางก็มีความสุขแล้ว

“พ่อได้ยินเช่นนี้ก็ค่อยสบายใจ พวกเจ้าแยกย้ายกันกลับห้องไปพักผ่อนเถิด”

ใต้เท้าฉีส่งรอยยิ้มอบอุ่นไปให้กับบุตรชายและบุตรีทั้งสี่พร้อมทั้งเอ่ยออกมา เด็กๆ ทั้งสี่จึงคำนับลาเขาและภรรยา ก่อนที่ผู้เป็นพี่ชายจะเดินนำน้องๆ ออกจากห้องนี้ แล้วเด็กๆ ก็แยกย้ายกันกลับไปยังห้องนอนของตนโดยมีบ่าวรับใช้คนสนิทของแต่ละคนคอยติดตามไปดูแล

Related chapters

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 6 ความชอบที่ต่างกัน

    หนึ่งปีต่อมาร่างเล็กของเด็กหญิงวัยแปดปีกำลังขี่ม้าแข่งขันกับร่างสูงของเด็กชายวัยสิบสี่ปี เสียงร้องเรียกของบ่าวรับใช้ที่ข้างสนามทำให้สองพี่น้องชะลอความเร็วของม้าลง และค่อยๆ ขี่ม้ากลับมายังข้างสนาม ที่ซึ่งมีลุงลู่ ซุนซุน และหวงเทายืนอยู่ บ่าวชายรับม้าก่อนที่จะพาไปยังคอกม้า ส่วนคุณชายใหญ่และคุณหนูสี่ก็เดินนำทั้งลุงลู่และบ่าวรับใช้ทั้งสองกลับไปยังเรือนใหญ่“เป็นเช่นไรบ้างหลงเอ๋อร์ น้องสาวของเจ้า” ใต้เท้าฉีเอ่ยถามบุตรชายคนโตหลังจากรับประทานอาหารเย็นร่วมกันเสร็จ“ก้าวหน้ามากขึ้นแล้วขอรับท่านพ่อ อีกหกปีข้างหน้า ลูกว่าคงมิมีผู้ใดเอาชนะการตีคลีของสกุลฉีไปได้แล้วล่ะขอรับ” ฉีอันหลงตอบบิดาพลางมองหน้าน้องสาววัยแปดปี“ท่านพ่อ… ลูกยังอยากศึกษาวิชาการยิงธนูด้วยเจ้าค่ะ" คำขอที่ดังออกมาจากริมฝีปากเล็กของบุตรีทำเอาท่านเจ้าเมืองที่กำลังยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่มถึงกับต้องชะงักมือ“เจ้าแน่ใจหรือหนิงเอ๋อร์” ใต้เท้าฉีเอ่ยถามบุตรีของตนออกมาเพื่อความแน่ใจ“แน่ใจเจ้าค่ะ ยามนี้ลูกเห็นท่านพี่ทั้งสามได้เรียนวิชาขี่ม้ายิงธนู ลูกก็อยากจะฝึกบ้าง” เด็กหญิงวัยแปดปีกล่าวถึงเหตุผลออกมา“จะดีหรือเจ้าคะท่านพี่ เพียงแค่ขี่ม้า

    Last Updated : 2025-02-04
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 7 บุตรชายคนโตสกุลซ่ง

    สำนักวารีพยัคฆ์ เมืองตงฉวน แคว้นโจวหนานเด็กชายวัยย่างเข้าสู่วัยหนุ่มหลายคนกำลังฝึกฝนเพลงดาบกันอยู่อย่างตั้งใจ สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อในการฝึกผู้นำและเหล่าทหารหน่วยพิเศษที่จะถูกส่งตัวไปทำหน้าที่อยู่ตามเมืองต่างๆ ทั่วแคว้นโจวหนาน ฮ่องเต้แห่งแคว้นโจวหนานนั้นตระหนักถึงความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของชาวเมืองต่างๆ ทั่วทั้งแคว้น จึงมีคำสั่งให้จัดตั้งหน่วยพิเศษที่ีหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือเหล่าขุนนางและชาวเมืองหากพบเจอกับเรื่องราวที่มิสามารถแก้ไขได้ พวกเขาจะปรากฏตัวหากมีคดีพิเศษต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวได้ทันท่วงที“ฝีมือของเจ้าพัฒนาไปมากเชียวคุณชายซ่ง” อาจารย์หนุ่มเอ่ยชมเชยเด็กหนุ่มจากเมืองตงหลาง สกุลซ่งเป็นขุนนางมาหลายชั่วคน“ขอบคุณขอรับท่านอาจารย์ แต่ศิษย์ว่า ศิษย์ยังต้องเรียนรู้จากท่านอาจารย์อีกมาก”ซ่งมู่เฉินเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปีที่มีใบหน้าหล่อเหลา คิ้วโค้งคมประดุจดังกระบี่ จมูกโด่งสันเป็นคม ริมฝีปากอิ่มได้รูปฉีกยิ้มเห็นฟันซี่ขาวออกมา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มสะดุดตา อาจจะเป็นเพราะยามเขาฉีกยิ้มยามใด รอยบุ๋มที่แก้มก็ปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจน“เจ้าอย่าถ่อมตนไปเลย ตระกูลของเ

    Last Updated : 2025-02-05
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 8 แรกพบ

    ซ่งมู่เฉินกับจูจงฉีใช้เวลาเดินทางกลับมาจากเมืองตงฉวนเพียงหนึ่งวัน ระหว่างทางเขาได้พบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย จึงได้รับรู้ว่าแคว้นโจวหนานนั้นมิได้สงบสุขอย่างที่คิด เพราะวันนี้ระหว่างที่เขากำลังนั่งกินข้าวกลางวันอยู่ในโรงเตี๊ยมระหว่างทางกลับบ้าน เขาก็บังเอิญได้พบกับพวกนักเลงกลุ่มหนึ่งกำลังรีดไถเงินจากเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้“ใต้เท้า… ช่วงนี้โรงเตี๊ยมของข้าน้อยมิค่อยได้ต้อนรับแขกเท่าใดนักจึงทำให้ไม่มีเงินมาจ่ายส่วยให้กับพวกท่าน ได้โปรดละเว้นโรงเตี๊ยมของข้าน้อยไปสักระยะหนึ่งได้หรือไม่ขอรับ”เถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน เขาลำบากเพราะคนเหล่านี้มานานหลายปีแล้ว เขามิอาจรู้ได้ว่าบุรุษร่างโตเหล่านี้เป็นขุนนางหรือเป็นเพียงนักเลงรีดไถ แต่หลายปีที่ผ่านมาทางการก็มิเห็นจะมาจัดการปราบปรามให้เสียที แม้จะแจ้งไปหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม“ได้ยังไงกันวะ!! ชาวบ้านแถวนี้เขาจ่ายกันหมด เอ็งเป็นถึงเจ้าของโรงเตี๊ยมจะมิมีจ่ายได้เช่นไร และนั่นก็มีลูกค้านี่ อย่ามาโอ้เอ้ เอาเงินมา!! พวกข้าจักได้ไปเก็บเงินที่อื่นต่อ”หัวหน้านักเลงไม่ยอมแพ้ มีดดาบในมือของมันถูกจ่อไปที่ลำคอของเถ้าแก่โรงเตี๊ยม นัย

    Last Updated : 2025-02-05
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 9 งานวันคล้ายวันเกิดฉีฮูหยิน

    งานเลี้ยงวันเกิดของฉีฮูหยินถูกจัดขึ้นภายในจวนสกุลฉี ขุนนางและครอบครัวทั่วเมืองตงหลางเดินทางมาร่วมอวยพรแก่ฉีฮูหยินด้วย และแน่นอนว่าสกุลซ่งก็ได้รับเทียบเชิญในครานี้เช่นกัน ใต้เท้าซ่ง ซ่งฮูหยิน ซ่งมู่เฉินและซ่งเจียวซินก็ได้เดินทางมาร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา“วันนี้ข้าจะมีการแสดงให้ท่านแม่ได้ชม” ฉีอันหนิงเอ่ยออกมาขณะที่กำลังนั่งนิ่งๆ ให้ซุนซุนหวีผม“คุณหนูสี่ไปฝึกฝนยามใดเจ้าคะ บ่าวมิเคยเห็นเลยนะเจ้าคะ” ซุนซุนเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจ“หึๆ ของพวกนี้มันอยู่ในความคิดของข้านี่”นางยกมือเล็กชี้นิ้วมายังศีรษะของนาง ซุนซุนถึงกับชะงักมือแล้วส่ายใบหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ใครจะว่านางโอ้อวดคุณหนูสี่ของนางก็ช่าง แต่คุณหนูสี่นั้นเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ มิว่านางคิดจะทำการสิ่งใดล้วนแล้วแต่สำเร็จ“วันนี้เจียวซินบอกว่าจะมาด้วยนะ” คุณหนูตัวน้อยที่ถูกมัดผมอยู่กล่าวออกมา“ตระกูลซ่งแน่นอนว่าต้องได้รับเทียบเชิญอยู่แล้วล่ะเจ้าค่ะ… ว่าแต่คุณหนูสี่มีการแสดงอันใดจะแสดงให้นายหญิงได้ชมเจ้าคะ” ซุนซุนเอ่ยถามออกมาด

    Last Updated : 2025-02-06
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 10 เยือนจวนตระกูลฉี

    งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินท่านเจ้าเมืองผ่านไปท่ามกลางเสียงเล่าลือถึงความสามารถของบุตรชายและบุตรีของสกุลฉี โดยเฉพาะฉีอันหนิงที่ได้รับคำชื่นชมมากกว่าพี่ๆ นางแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า เด็กหญิงตัวเล็กๆ เช่นนางก็มีความสามารถที่มากล้น “เฉินเอ๋อร์ ลูกว่าเป็นเช่นไรบ้าง” ซ่งฮูหยินเอ่ยถามบุตรชายในเช้าวันต่อมา “เรื่องอันใดหรือขอรับท่านแม่” เขาไม่เข้าใจที่มารดาเอ่ยถามออกมา “บุตรีสกุลฉีอย่างไรล่ะ” ซ่งฮูหยินตอบออกมายิ้มๆ “นางเป็นเด็กที่น่าสนใจและมีความสามารถเกินสตรีขอรับ” เขาตอบก่อนที่ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ “ก่อนที่เจ้าจะกลับเมืองตงฉวน แม่อยากให้เจ้าลองไปทำความรู้จักน้องเอาไว้ก่อนได้หรือไม่ เพราะเอาเข้าจริงอีกสองปีกว่าเจ้าจะได้กลับมา ถึงยามนั้นเจ้าจะเปลี่ยนใจแม่ก็จะไม่ตำหนิเจ้า” ซ่งฮูหยินมิอยากให้บุตรชายพลาดเด็กหญิงที่ในอนาคตจะเติบโตไปเป็นสตรีที่เก่งและชาญฉลาดเช่นบุตรีของท่านเจ้าเมืองไป นางมิได้นึกแปลกใจหากเด็กหญิงจะเก่งเกินบุรุษ เพราะนางเชื่อว่าบุตรชายของนางผู้นี้สมควรที่จะมีสตรีเช่นนั้นคอยอยู่เคียงข้าง “เอ่อ… จะดีหรือขอรับ” เด็กชายลังเลใจ เขาเองเพิ่งจะอายุสิบสี

    Last Updated : 2025-02-06
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 11 พี่ชายใหญ่ไปศึกษาต่อในเมืองหลวง

    หนึ่งปีต่อมาณ ลานประกาศผลการสอบคัดเลือกขุนนางระดับท้องถิ่น หลายครอบครัวต่างพากันมายืนรอตรวจสอบรายชื่อของลูกหลานที่ได้เข้าสอบในปีนี้ และปีนี้ก็เป็นปีแรกที่สกุลฉีมีบุตรชายคนโตในวัยสิบห้าปีเข้ารับการสอบคัดเลือกขุนนางระดับซิ่วไฉ*เป็นปีแรก หนึ่งปีที่่ผ่านมาเขาตั้งใจศึกษาหาความรู้มิได้ขาด ใต้เท้าฉีนั้นมิได้คาดหวังว่าบุตรชายจะสอบผ่านในปีแรก แต่ฉีอันหลงกลับทำได้ดีกว่าที่คิดเขาสอบผ่านในลำดับอั้นโฉ่ว (ลำดับที่หนึ่ง) ซึ่งเป็นลำดับสูงที่สุดของการสอบซิ่วไฉ มีสิทธิ์เข้าสอบในระดับเซียงซื่อ*ต่อไปในปีหน้า โดยมิต้องรอไปอีกสามปีเช่นผู้อื่น ตระกูลที่มารอจับจองบุตรเขยต่างพากันสนใจเด็กหนุ่มที่มีความสามารถผ่านการสอบเค่อจวี่ในระดับซิ่วไฉได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ว่าฉีฮูหยินกลับดับความฝันของตระกูลเหล่านั้นเพราะนางเห็นว่าบุตรชายยังคงมิพร้อมที่จะมีภรรยาในยามนี้ นางและใต้เท้าฉีมิได้รีบแต่งภรรยาเข้าเรือนให้กับบุตรชาย รออีกสักห้าหกปีก็ยังมิสาย“น้องดีใจด้วยนะเจ้าคะท่านพี่ใหญ่" ฉีอันหนิงวัยเก้าปีเอ่ยออกมา“ข้าก็ดีใจกับท่านพี่ด้วยขอรับ”“ข้าก็ด้วย” ฉีอันลิ่งใ

    Last Updated : 2025-02-06
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 11 - 1 พี่ชายใหญ่ไปศึกษาต่อในเมืองหลวง

    ณ เมืองตงฉวนเด็กหนุ่มรูปร่างสูงแต่ทว่ามีร่างกายกำยำกำลังทดสอบความสามารถในการขี่ม้า ยิงธนูให้เข้าเป้า และการใช้ดาบในการต่อสู้ การทดสอบครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะส่งผู้ที่ทำผลงานดีและผ่านการทดสอบไปประจำการตามเมืองต่างๆ ในแคว้นโจวหนาน“มู่เฉิน เจ้าสอบผ่านมาสองด่านแล้วใช่หรือไม่” สหายผู้หนึ่งของซ่งมู่เฉินเอ่ยถามเขาออกมาหลังจากที่อีกฝ่ายทดสอบด่านสุดท้ายเสร็จสิ้น“ใช่แล้วล่ะ ข้ายินดีกับเจ้าด้วยนะ เห็นว่าด่านสุดท้ายเจ้าก็ทำได้ดีเยี่ยมเลยนี่”“ขอบใจมาก อีกไม่กี่วันพวกเราก็ต้องแยกย้ายกันแล้ว เอาไว้มาดื่มกันก่อนที่จะกลับไปประจำการนะ” ต้าจงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“อืม…ได้สิ ถึงทีข้าละ ขอตัวก่อนนะต้าจง”อีกฝ่ายพยักหน้า ซ่งมู่เฉินจึงเดินไปยังด่านทดสอบสุดท้ายของปีนี้ นั่นก็คือการประลองดาบกับเหล่าศิษย์พี่ที่ได้กลับไปประจำการที่เมืองต่างๆ แล้วกลับมาคัดรุ่นน้องเพื่อติดตามตนกลับไปร่างสูงกำยำไปด้วยมัดกล้ามเดินถือดาบออกมารอรุ่นน้องที่เขาหมายตา ฟางต้าซู หนึ่งในหน่วยพยัคฆ์ดำที่ประจำการอยู่เมืองตง

    Last Updated : 2025-02-06
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 12 หน่วยพยัคฆ์ดำ

    ฤดูกาลผันเปลี่ยน ฤดูเก็บเกี่ยวเวียนมาถึง ชาวเมืองอยู่กันอย่างสงบสุข ท่านเจ้าเมืองมีความยุติธรรม ดูแลชาวเมืองประดุจดังลูกหลาน แต่ที่ไหนมีคนดีก็ย่อมจะมีคนชั่วปะปนอยู่ทั่วทุกหนแห่ง โจรภูเขากลุ่มหนึ่งตัดสินใจลงเขามายังเมืองตงหลางเพื่อที่จะปล้นของมีค่าและเสบียงกลับไปยังชุมโจร“เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าที่เมืองแห่งนี้ชาวเมืองมีอยู่มีกิน” หัวหน้าโจรเอ่ยถามลูกน้องที่ส่งลงมาสอดแนม“ขอรับนายท่าน ข้าลงมาสอบถามและสังเกตอยู่นานเกือบสัปดาห์ เป็นเช่นที่ข้ารายงานท่านไปจริงๆ ขอรับ” ลูกน้องโจรตอบออกมา“ถ้าเช่นนั้นคืนนี้เราจะลงไปปล้นเสบียงที่โรงเตี๊ยมที่อยู่ห่างจากตัวเมืองตงหลาง จะได้หาทางหนีทีไล่ทัน” หัวหน้าโจรที่มีหนวดเครารกรุงรังเอ่ยออกมา“ขอรับท่านหัวหน้า” ลูกน้องขานรับออกมาพร้อมกันก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปเตรียมอาวุธค่ำคืนที่เงียบสงัดภายในบ้านเมืองที่สุขสงบ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าค่ำคืนนี้มีตระกูลพ่อค้าที่โชคร้ายเดินทางมาค้าขายที่เมืองแห่งนี้และได้แวะพักที่โรงเตี๊ยมเป้าหมายของกลุ่มโจรเข้าพอดี กลุ่มโจรบุกเข้ามาในยามวิกาลและใช้กำลังข่มขู

    Last Updated : 2025-02-07

Latest chapter

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 13 - 1 บุตรีสกุลฉี

    “ใช่แล้วล่ะ… ตั้งแต่เริ่มได้ปฏิบัติหน้าที่จริงจังเขาก็เริ่มจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ขี้เล่นเช่นเมื่อก่อน ติดเคร่งขรึมและเย็นชา สงสัยจะติดมาจากหน้าที่การงาน อืม…ตอนนี้ท่านพี่ใหญ่ของเราได้เป็นหัวหน้าหน่วยแล้วนะ”เพียงปีกว่าเท่านั้น ซ่งมู่เฉินได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ดำเพราะสร้างผลงานเอาไว้มากมาย มิได้มีเพียงแค่กำลังที่เขาใช้ไป แต่เขายังใช้สติปัญญาคิดกลอุบายจนหลอกล่อให้เหล่าทหารและขุนนางที่โกงกินบ้านเมือง หวังรวยแบบมิถูกต้อง รับสินบนพวกกระทำผิดให้ติดกับและจับกุมกวาดล้างไปได้หลายราย“ท่านพี่ของเจ้าช่างน่านับถือจริงๆ”“เอาไว้ค่อยคุยกันนะอันหนิง ข้าขอตัวไปหาท่านพ่อท่านแม่ก่อน ท่านพี่ทั้งสามน้องขอลาก่อนเจ้าค่ะ” ฉีอันหนิงพยักหน้าเช่นเดียวกับพี่ชายทั้งสามของนาง ซ่งเจียวซินเดินจากไป ฉีอันหลงก้มมองปิ่นในมือพลางยิ้มน้อยๆ ออกมา“น้องเจียวซินโตขึ้นก็งามเหมือนกันนะขอรับ มิรู้ว่าผู้ใดจะเป็นผู้โชคดีได้ใจนางไปครอบครอง” ฉีอันลู่เอ่ยออกมาตามประสาคนที่สนใจเรื่องชาวบ้าน“สตรีนางใดก็มิงามและเก่งกาจเท่ากั

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 13 บุตรีสกุลฉี

    หนึ่งปีต่อมาสนามตีคลีกว้างขวางที่มีทั้งบุรุษและสตรีกำลังควบขี่ม้าแข่งขันตีคลีกันอยู่อย่างสนุกสนาน วันนี้ครอบครัวของใต้เท้าฉีได้พากันเดินทางมาร่วมงานตีคลีประจำปีของเมืองตงหลาง ฉีอันหลงก็ได้เดินทางกลับมาร่วมงานเพื่อลงแข่งขันคู่กับน้องสาวของตน หลากหลายสกุลพาบุตรชายและบุตรีมาร่วมงานเพื่อจะได้ทำความรู้จักกันเอาไว้ โดยเฉพาะเหล่าตระกูลขุนนางที่อยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลที่สามารถพึ่งพากันได้ในภายภาคหน้า“ใต้เท้าฉีนั่นบุตรีของท่านหรือขอรับ” ใต้เท้าหลงเอ่ยถามใต้เท้าฉีขณะที่กำลังนั่งชมการแข่งขันตีคลีรอบต่อไป“ใช่แล้วขอรับ นั่นหนิงเอ๋อร์ ส่วนเด็กหนุ่มผู้นั้นก็คือบุตรชายคนโตของข้าเอง นามว่าอันหลง” ใต้เท้าหลงมองไปยังร่างเล็กของเด็กหญิงวัยสิบปีที่มีใบหน้าฉายแววแห่งความงดงามออกมา“นางมีผู้ใดจับจองหรือยัง”“ฮ่าๆ ยังมิมีหรอกขอรับ นางยังเด็กนัก ยังมิทันได้เข้าพิธีปักปิ่นเลย” ใต้เท้าฉีรีบเอ่ยออกมา“เรื่องคู่ครองข้าคงจะมิบังคับนาง หากนางมีใจให้แก่ผู้ใด ข้าก็คงจะคล้อยตาม”เพราะฉีอันหนิงเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของเข

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 12 หน่วยพยัคฆ์ดำ

    ฤดูกาลผันเปลี่ยน ฤดูเก็บเกี่ยวเวียนมาถึง ชาวเมืองอยู่กันอย่างสงบสุข ท่านเจ้าเมืองมีความยุติธรรม ดูแลชาวเมืองประดุจดังลูกหลาน แต่ที่ไหนมีคนดีก็ย่อมจะมีคนชั่วปะปนอยู่ทั่วทุกหนแห่ง โจรภูเขากลุ่มหนึ่งตัดสินใจลงเขามายังเมืองตงหลางเพื่อที่จะปล้นของมีค่าและเสบียงกลับไปยังชุมโจร“เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าที่เมืองแห่งนี้ชาวเมืองมีอยู่มีกิน” หัวหน้าโจรเอ่ยถามลูกน้องที่ส่งลงมาสอดแนม“ขอรับนายท่าน ข้าลงมาสอบถามและสังเกตอยู่นานเกือบสัปดาห์ เป็นเช่นที่ข้ารายงานท่านไปจริงๆ ขอรับ” ลูกน้องโจรตอบออกมา“ถ้าเช่นนั้นคืนนี้เราจะลงไปปล้นเสบียงที่โรงเตี๊ยมที่อยู่ห่างจากตัวเมืองตงหลาง จะได้หาทางหนีทีไล่ทัน” หัวหน้าโจรที่มีหนวดเครารกรุงรังเอ่ยออกมา“ขอรับท่านหัวหน้า” ลูกน้องขานรับออกมาพร้อมกันก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปเตรียมอาวุธค่ำคืนที่เงียบสงัดภายในบ้านเมืองที่สุขสงบ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าค่ำคืนนี้มีตระกูลพ่อค้าที่โชคร้ายเดินทางมาค้าขายที่เมืองแห่งนี้และได้แวะพักที่โรงเตี๊ยมเป้าหมายของกลุ่มโจรเข้าพอดี กลุ่มโจรบุกเข้ามาในยามวิกาลและใช้กำลังข่มขู

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 11 - 1 พี่ชายใหญ่ไปศึกษาต่อในเมืองหลวง

    ณ เมืองตงฉวนเด็กหนุ่มรูปร่างสูงแต่ทว่ามีร่างกายกำยำกำลังทดสอบความสามารถในการขี่ม้า ยิงธนูให้เข้าเป้า และการใช้ดาบในการต่อสู้ การทดสอบครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะส่งผู้ที่ทำผลงานดีและผ่านการทดสอบไปประจำการตามเมืองต่างๆ ในแคว้นโจวหนาน“มู่เฉิน เจ้าสอบผ่านมาสองด่านแล้วใช่หรือไม่” สหายผู้หนึ่งของซ่งมู่เฉินเอ่ยถามเขาออกมาหลังจากที่อีกฝ่ายทดสอบด่านสุดท้ายเสร็จสิ้น“ใช่แล้วล่ะ ข้ายินดีกับเจ้าด้วยนะ เห็นว่าด่านสุดท้ายเจ้าก็ทำได้ดีเยี่ยมเลยนี่”“ขอบใจมาก อีกไม่กี่วันพวกเราก็ต้องแยกย้ายกันแล้ว เอาไว้มาดื่มกันก่อนที่จะกลับไปประจำการนะ” ต้าจงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“อืม…ได้สิ ถึงทีข้าละ ขอตัวก่อนนะต้าจง”อีกฝ่ายพยักหน้า ซ่งมู่เฉินจึงเดินไปยังด่านทดสอบสุดท้ายของปีนี้ นั่นก็คือการประลองดาบกับเหล่าศิษย์พี่ที่ได้กลับไปประจำการที่เมืองต่างๆ แล้วกลับมาคัดรุ่นน้องเพื่อติดตามตนกลับไปร่างสูงกำยำไปด้วยมัดกล้ามเดินถือดาบออกมารอรุ่นน้องที่เขาหมายตา ฟางต้าซู หนึ่งในหน่วยพยัคฆ์ดำที่ประจำการอยู่เมืองตง

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 11 พี่ชายใหญ่ไปศึกษาต่อในเมืองหลวง

    หนึ่งปีต่อมาณ ลานประกาศผลการสอบคัดเลือกขุนนางระดับท้องถิ่น หลายครอบครัวต่างพากันมายืนรอตรวจสอบรายชื่อของลูกหลานที่ได้เข้าสอบในปีนี้ และปีนี้ก็เป็นปีแรกที่สกุลฉีมีบุตรชายคนโตในวัยสิบห้าปีเข้ารับการสอบคัดเลือกขุนนางระดับซิ่วไฉ*เป็นปีแรก หนึ่งปีที่่ผ่านมาเขาตั้งใจศึกษาหาความรู้มิได้ขาด ใต้เท้าฉีนั้นมิได้คาดหวังว่าบุตรชายจะสอบผ่านในปีแรก แต่ฉีอันหลงกลับทำได้ดีกว่าที่คิดเขาสอบผ่านในลำดับอั้นโฉ่ว (ลำดับที่หนึ่ง) ซึ่งเป็นลำดับสูงที่สุดของการสอบซิ่วไฉ มีสิทธิ์เข้าสอบในระดับเซียงซื่อ*ต่อไปในปีหน้า โดยมิต้องรอไปอีกสามปีเช่นผู้อื่น ตระกูลที่มารอจับจองบุตรเขยต่างพากันสนใจเด็กหนุ่มที่มีความสามารถผ่านการสอบเค่อจวี่ในระดับซิ่วไฉได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ว่าฉีฮูหยินกลับดับความฝันของตระกูลเหล่านั้นเพราะนางเห็นว่าบุตรชายยังคงมิพร้อมที่จะมีภรรยาในยามนี้ นางและใต้เท้าฉีมิได้รีบแต่งภรรยาเข้าเรือนให้กับบุตรชาย รออีกสักห้าหกปีก็ยังมิสาย“น้องดีใจด้วยนะเจ้าคะท่านพี่ใหญ่" ฉีอันหนิงวัยเก้าปีเอ่ยออกมา“ข้าก็ดีใจกับท่านพี่ด้วยขอรับ”“ข้าก็ด้วย” ฉีอันลิ่งใ

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 10 เยือนจวนตระกูลฉี

    งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินท่านเจ้าเมืองผ่านไปท่ามกลางเสียงเล่าลือถึงความสามารถของบุตรชายและบุตรีของสกุลฉี โดยเฉพาะฉีอันหนิงที่ได้รับคำชื่นชมมากกว่าพี่ๆ นางแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า เด็กหญิงตัวเล็กๆ เช่นนางก็มีความสามารถที่มากล้น “เฉินเอ๋อร์ ลูกว่าเป็นเช่นไรบ้าง” ซ่งฮูหยินเอ่ยถามบุตรชายในเช้าวันต่อมา “เรื่องอันใดหรือขอรับท่านแม่” เขาไม่เข้าใจที่มารดาเอ่ยถามออกมา “บุตรีสกุลฉีอย่างไรล่ะ” ซ่งฮูหยินตอบออกมายิ้มๆ “นางเป็นเด็กที่น่าสนใจและมีความสามารถเกินสตรีขอรับ” เขาตอบก่อนที่ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ “ก่อนที่เจ้าจะกลับเมืองตงฉวน แม่อยากให้เจ้าลองไปทำความรู้จักน้องเอาไว้ก่อนได้หรือไม่ เพราะเอาเข้าจริงอีกสองปีกว่าเจ้าจะได้กลับมา ถึงยามนั้นเจ้าจะเปลี่ยนใจแม่ก็จะไม่ตำหนิเจ้า” ซ่งฮูหยินมิอยากให้บุตรชายพลาดเด็กหญิงที่ในอนาคตจะเติบโตไปเป็นสตรีที่เก่งและชาญฉลาดเช่นบุตรีของท่านเจ้าเมืองไป นางมิได้นึกแปลกใจหากเด็กหญิงจะเก่งเกินบุรุษ เพราะนางเชื่อว่าบุตรชายของนางผู้นี้สมควรที่จะมีสตรีเช่นนั้นคอยอยู่เคียงข้าง “เอ่อ… จะดีหรือขอรับ” เด็กชายลังเลใจ เขาเองเพิ่งจะอายุสิบสี

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 9 งานวันคล้ายวันเกิดฉีฮูหยิน

    งานเลี้ยงวันเกิดของฉีฮูหยินถูกจัดขึ้นภายในจวนสกุลฉี ขุนนางและครอบครัวทั่วเมืองตงหลางเดินทางมาร่วมอวยพรแก่ฉีฮูหยินด้วย และแน่นอนว่าสกุลซ่งก็ได้รับเทียบเชิญในครานี้เช่นกัน ใต้เท้าซ่ง ซ่งฮูหยิน ซ่งมู่เฉินและซ่งเจียวซินก็ได้เดินทางมาร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา“วันนี้ข้าจะมีการแสดงให้ท่านแม่ได้ชม” ฉีอันหนิงเอ่ยออกมาขณะที่กำลังนั่งนิ่งๆ ให้ซุนซุนหวีผม“คุณหนูสี่ไปฝึกฝนยามใดเจ้าคะ บ่าวมิเคยเห็นเลยนะเจ้าคะ” ซุนซุนเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจ“หึๆ ของพวกนี้มันอยู่ในความคิดของข้านี่”นางยกมือเล็กชี้นิ้วมายังศีรษะของนาง ซุนซุนถึงกับชะงักมือแล้วส่ายใบหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ใครจะว่านางโอ้อวดคุณหนูสี่ของนางก็ช่าง แต่คุณหนูสี่นั้นเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ มิว่านางคิดจะทำการสิ่งใดล้วนแล้วแต่สำเร็จ“วันนี้เจียวซินบอกว่าจะมาด้วยนะ” คุณหนูตัวน้อยที่ถูกมัดผมอยู่กล่าวออกมา“ตระกูลซ่งแน่นอนว่าต้องได้รับเทียบเชิญอยู่แล้วล่ะเจ้าค่ะ… ว่าแต่คุณหนูสี่มีการแสดงอันใดจะแสดงให้นายหญิงได้ชมเจ้าคะ” ซุนซุนเอ่ยถามออกมาด

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 8 แรกพบ

    ซ่งมู่เฉินกับจูจงฉีใช้เวลาเดินทางกลับมาจากเมืองตงฉวนเพียงหนึ่งวัน ระหว่างทางเขาได้พบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย จึงได้รับรู้ว่าแคว้นโจวหนานนั้นมิได้สงบสุขอย่างที่คิด เพราะวันนี้ระหว่างที่เขากำลังนั่งกินข้าวกลางวันอยู่ในโรงเตี๊ยมระหว่างทางกลับบ้าน เขาก็บังเอิญได้พบกับพวกนักเลงกลุ่มหนึ่งกำลังรีดไถเงินจากเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้“ใต้เท้า… ช่วงนี้โรงเตี๊ยมของข้าน้อยมิค่อยได้ต้อนรับแขกเท่าใดนักจึงทำให้ไม่มีเงินมาจ่ายส่วยให้กับพวกท่าน ได้โปรดละเว้นโรงเตี๊ยมของข้าน้อยไปสักระยะหนึ่งได้หรือไม่ขอรับ”เถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน เขาลำบากเพราะคนเหล่านี้มานานหลายปีแล้ว เขามิอาจรู้ได้ว่าบุรุษร่างโตเหล่านี้เป็นขุนนางหรือเป็นเพียงนักเลงรีดไถ แต่หลายปีที่ผ่านมาทางการก็มิเห็นจะมาจัดการปราบปรามให้เสียที แม้จะแจ้งไปหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม“ได้ยังไงกันวะ!! ชาวบ้านแถวนี้เขาจ่ายกันหมด เอ็งเป็นถึงเจ้าของโรงเตี๊ยมจะมิมีจ่ายได้เช่นไร และนั่นก็มีลูกค้านี่ อย่ามาโอ้เอ้ เอาเงินมา!! พวกข้าจักได้ไปเก็บเงินที่อื่นต่อ”หัวหน้านักเลงไม่ยอมแพ้ มีดดาบในมือของมันถูกจ่อไปที่ลำคอของเถ้าแก่โรงเตี๊ยม นัย

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 7 บุตรชายคนโตสกุลซ่ง

    สำนักวารีพยัคฆ์ เมืองตงฉวน แคว้นโจวหนานเด็กชายวัยย่างเข้าสู่วัยหนุ่มหลายคนกำลังฝึกฝนเพลงดาบกันอยู่อย่างตั้งใจ สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อในการฝึกผู้นำและเหล่าทหารหน่วยพิเศษที่จะถูกส่งตัวไปทำหน้าที่อยู่ตามเมืองต่างๆ ทั่วแคว้นโจวหนาน ฮ่องเต้แห่งแคว้นโจวหนานนั้นตระหนักถึงความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของชาวเมืองต่างๆ ทั่วทั้งแคว้น จึงมีคำสั่งให้จัดตั้งหน่วยพิเศษที่ีหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือเหล่าขุนนางและชาวเมืองหากพบเจอกับเรื่องราวที่มิสามารถแก้ไขได้ พวกเขาจะปรากฏตัวหากมีคดีพิเศษต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวได้ทันท่วงที“ฝีมือของเจ้าพัฒนาไปมากเชียวคุณชายซ่ง” อาจารย์หนุ่มเอ่ยชมเชยเด็กหนุ่มจากเมืองตงหลาง สกุลซ่งเป็นขุนนางมาหลายชั่วคน“ขอบคุณขอรับท่านอาจารย์ แต่ศิษย์ว่า ศิษย์ยังต้องเรียนรู้จากท่านอาจารย์อีกมาก”ซ่งมู่เฉินเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปีที่มีใบหน้าหล่อเหลา คิ้วโค้งคมประดุจดังกระบี่ จมูกโด่งสันเป็นคม ริมฝีปากอิ่มได้รูปฉีกยิ้มเห็นฟันซี่ขาวออกมา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มสะดุดตา อาจจะเป็นเพราะยามเขาฉีกยิ้มยามใด รอยบุ๋มที่แก้มก็ปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจน“เจ้าอย่าถ่อมตนไปเลย ตระกูลของเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status