แชร์

ตอนที่ 10 เยือนจวนตระกูลฉี

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-06 11:01:16

งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินท่านเจ้าเมืองผ่านไปท่ามกลางเสียงเล่าลือถึงความสามารถของบุตรชายและบุตรีของสกุลฉี โดยเฉพาะฉีอันหนิงที่ได้รับคำชื่นชมมากกว่าพี่ๆ นางแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า เด็กหญิงตัวเล็กๆ เช่นนางก็มีความสามารถที่มากล้น

“เฉินเอ๋อร์ ลูกว่าเป็นเช่นไรบ้าง” ซ่งฮูหยินเอ่ยถามบุตรชายในเช้าวันต่อมา

“เรื่องอันใดหรือขอรับท่านแม่” เขาไม่เข้าใจที่มารดาเอ่ยถามออกมา

“บุตรีสกุลฉีอย่างไรล่ะ” ซ่งฮูหยินตอบออกมายิ้มๆ

“นางเป็นเด็กที่น่าสนใจและมีความสามารถเกินสตรีขอรับ” เขาตอบก่อนที่ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ

“ก่อนที่เจ้าจะกลับเมืองตงฉวน แม่อยากให้เจ้าลองไปทำความรู้จักน้องเอาไว้ก่อนได้หรือไม่ เพราะเอาเข้าจริงอีกสองปีกว่าเจ้าจะได้กลับมา ถึงยามนั้นเจ้าจะเปลี่ยนใจแม่ก็จะไม่ตำหนิเจ้า”

ซ่งฮูหยินมิอยากให้บุตรชายพลาดเด็กหญิงที่ในอนาคตจะเติบโตไปเป็นสตรีที่เก่งและชาญฉลาดเช่นบุตรีของท่านเจ้าเมืองไป นางมิได้นึกแปลกใจหากเด็กหญิงจะเก่งเกินบุรุษ เพราะนางเชื่อว่าบุตรชายของนางผู้นี้สมควรที่จะมีสตรีเช่นนั้นคอยอยู่เคียงข้าง

“เอ่อ… จะดีหรือขอรับ” เด็กชายลังเลใจ เขาเองเพิ่งจะอายุสิบสี่ย่างสิบห้าปี ส่วนเด็กน้อยผู้นั้นก็รุ่นราวคราวเดียวกันกับน้องสาวของตน

“แค่ทำความรู้จักกันไว้ก่อน นับถือกันเป็นพี่เป็นน้องก็ได้ แม่มิได้บังคับนี่ลูก” เพราะเรื่องของภายภาคหน้ามิมีผู้ใดจะสามารถรับรู้ได้ แต่ให้เด็กๆ ได้ทำความรู้จักกันไว้มันก็เป็นการปูเส้นทางที่ดีเอาไว้มิใช่หรอกหรือ

“ถ้าเช่นนั้นก็ย่อมได้ขอรับ เพราะลูกยังมิได้มีใจใฝ่หาสตรีในยามนี้ ลูกยังมีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่จักต้องทำอีกมากมาย” เพราะหน้าที่สำคัญที่เขาจะต้องได้รับมอบหมายหลังจากการฝึกอีกสองปีข้างหน้าทำให้เขามิอาจรู้ได้ว่าคนอย่างเขาสมควรที่จะมีผู้ใดข้างกายหรือไม่

วันต่อมาคุณชายใหญ่ซ่งและคุณหนูรองซ่งก็ได้พากันเดินทางมาเยือนจวนสกุลฉี ใต้เท้าฉีและฉีฮูหยินให้การต้อนรับเด็กๆ ทั้งสองเป็นอย่างดี รวมไปถึงบุตรชายและบุตรีทั้งสี่ด้วยที่มารวมตัวกันอยู่ที่เรือนรับรองเพื่อพูดคุยกับคุณชายใหญ่สกุลซ่งและสหายสนิทของฉีอันหนิง

“คงลำบากแย่เลยใช่หรือไม่คุณชายใหญ่ซ่ง” ใต้เท้าฉีสอบถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ และเพราะมิได้สนิทคุ้นเคยกับเด็กชายผู้นี้ เขาจึงเรียกขานเด็กชายออกไปเช่นนั้น

“มิได้ลำบากเลยขอรับ เพราะนี่คือหน้าที่ที่ข้าน้อยจะสามารถตอบแทนคุณแผ่นดินแคว้นโจวหนานได้” คำตอบของว่าที่หน่วยองครักษ์ดำในอีกสองปีข้างหน้าทำให้ท่านเจ้าเมืองอย่างใต้เท้าฉีพยักหน้าพร้อมเอ่ยชมออกมาด้วยความชอบใจ

“ดีๆๆ เจ้าช่างเป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นและรู้จักกตัญญูต่อแผ่นดินยิ่งนัก ภายภาคหน้าข้าเชื่อว่าเจ้าจักต้องเป็นผู้ที่คอยปกป้องเมืองตงหลางแห่งนี้ให้สงบสุขได้ดีอย่างแน่นอน”

คำชมของท่านเจ้าเมืองมิได้ทำให้ซ่งมู่เฉินทำตนหยิ่งผยอง เขายกมือขึ้นมาคำนับอีกฝ่ายพร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณ ฉีอันหนิงมองพี่ชายของเพื่อนสนิทด้วยแววตาชื่นชม

“ถ้าเช่นนั้นลุงกับป้าขอตัวก่อน เจ้ากับซินเอ๋อร์ตามสบายเถิด ลูกใหญ่ ลูกรอง ลูกสาม หนิงเอ๋อร์ดูแลเพื่อนๆ ด้วยนะลูก”

ใต้เท้าฉีเอ่ยออกมาก่อนที่จะหันไปสั่งบุตรชายและบุตรีของตน จากนั้นสองสามีภรรยาก็ลุกจากเก้าอี้ที่ห้องโถงของเรือนรับรองแล้วเดินกลับเรือนนอนไป

“ถ้าเช่นนั้นไปนั่งคุยกันต่อที่ศาลาริมน้ำดีหรือไม่” ฉีอันหนิงเสนอออกมา

“อื้อ… พี่ชายใหญ่ลองไปดูปลาที่สระของจวนนี้สิเจ้าคะ ตัวใหญ่เนื้อหวานมากเลยเจ้าค่ะ” ซ่งเจียวซินรีบบอกพี่ชายเกี่ยวกับปลาของจวนนี้ที่นางเคยได้ชิมเมื่อครั้งนั้นให้พี่ชายได้ฟังทันที

“คราวก่อนหนิงเอ๋อร์พานางตกปลาแล้วให้บ่าวที่จวนย่างปลาให้กินน่ะขอรับ” ฉีอันลู่เล่าเรื่องราวคราวก่อนให้รุ่นพี่ได้ฟัง เขามองคุณชายสกุลซ่งด้วยแววตาที่นับถือ

“ถ้าเช่นนั้นวันนี้ข้ากับน้องสาวขอรบกวนทุกคนแล้วขอรับ” คำตอบของซ่งมู่เฉินทำให้สี่พี่น้องสกุลฉีฉีกยิ้มกว้างออกมาแล้วพากันเดินนำผู้มาเยือนไปยังศาลาริมน้ำ

พี่น้องสกุลฉีแสดงฝีมือในการตกปลาให้พี่น้องตระกูลซ่งได้ชม แม้แต่ซ่งมู่เฉินเองก็รู้สึกสนุกและตื่นเต้นไปกับการตกปลาในครั้งนี้ด้วย เพราะเขานั้นมิค่อยได้ทำเรื่องเล็กๆ เช่นนี้ ด้วยเพราะเป็นบุตรชายคนโตจึงมีภาระหน้าที่มากมายที่ตนต้องฝึกฝนและปฏิบัติ

“เจ้าอยากลองหรือไม่มู่เฉิน” ฉีอันหลงเอ่ยถามพี่ชายสหายของผู้เป็นน้องสาว

“ข้าลองได้ด้วยหรือ” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น สี่พี่น้องตระกูลฉีถึงกับมองมาที่เขาด้วยแววตาอแปลกใจ

“อย่าบอกนะว่าท่านมิเคยตกปลามาก่อน” ฉีอันลู่ถามออกมาด้วยความสงสัย

“ใช่… ข้ายังมิเคยได้ใช้เบ็ดตกปลาเช่นนี้เลยสักครั้ง ตอนไปฝึกอยู่ที่เมืองตงฉวน ส่วนมากพวกข้าจะใช้ธนู หอก หรือไม่ก็ใช้มีดดาบ”

เขาเคยหาปลาแต่ว่าการหาปลาของเขานั้นมันค่อนข้างที่จะโหดกว่าปกติ สี่พี่น้องสกุลฉีถึงกับพากันอ้าปากค้าง เรียกเสียงหัวเราะดังมาจากซ่งเจียวซิน

“คิกๆๆ พวกท่านคิดว่าพี่ชายของข้าแปลกใช่หรือไม่ แต่การไปศึกษาวิชาที่เมืองตงฉวน พวกเขาต้องหากินเองยามเมื่อออกไปฝึกในป่า ปลาส่วนมากก็ได้มาจากในลำธาร”

ซ่งเจียวซินเอ่ยออกมาก่อนที่จะส่งคันเบ็ดให้กับพี่ชาย เขายื่นมือไปรับมาก่อนที่จะเดินตามพี่ชายทั้งสามของสหายสนิทของน้องสาวไป ฉีอันหนิงนั่งชื่นชมพวกพี่ๆ อยู่ในศาลากับซ่งเจียวซิน เด็กหญิงทั้งสองพูดคุยก่อนพลางส่งเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นระยะ ทั้งซ่งมู่เฉินและฉีอันหลงต่างมองไปตามเสียง ริมฝีปากของทั้งสองพลันฉีกยิ้มน้อยๆ ออกมา

“ปลากินเบ็ดแล้วขอรับ” เสียงของจูจงฉีตะโกนบอกด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็มิต่างจากคุณชายใหญ่ที่มิค่อยได้มีวัยเด็กเช่นนี้

“ยกขึ้นขอรับ ยกขึ้น”

เสียงของฉีอันลู่บอกพี่ๆ ซ่งมู่เฉินทำตามที่คุณชายสามสกุลฉีบอก เขายกขึ้นก่อนที่จะตวัดคันเบ็ดไปทางด้านหลัง แต่แล้วสิ่งที่มิได้คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อตะขอเบ็ดนั้นมิได้มีตัวปลาติดมา แต่ทว่าเป็นตะขอเปล่าที่ถูกตวัดไปโดนจมูกของจูจงฉีพอดี

“โอ๊ะ!!! โอ๊ย!!! คุณชายใหญ่ ท่านแกล้งข้าน้อยหรือขอรับ”

“ฮ่าๆๆๆๆ ข่ะ…ข้าขออภัย ฮ่าๆๆๆ มาๆ มาใกล้ๆ ข้าจะช่วยเอาออกให้” เสียงหัวเราะดังขึ้นจากสามพี่น้องสกุลฉี แม้แต่คุณชายใหญ่สกุลซ่งเองก็กลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว เขาพูดพลางกลั้วหัวเราะออกมา

เด็กหญิงทั้งสองชะโงกหน้ามองไปตามเสียงหัวเราะของพี่ๆ ด้วยความสนใจ ก่อนที่ทั้งสองรวมไปถึงเด็กรับใช้ที่ติดตามจะพากันหัวเราะออกมาเช่นกันเมื่อเห็นคนสนิทของซ่งมู่เฉินมีตะขอเบ็ดเกี่ยวอยู่ที่ปีกจมูกด้านขวา ซ่งมู่เฉินค่อยๆ เอาตะขอเบ็ดออก ดีที่จมูกนั้นค่อนข้างบางจึงทำให้เลือดออกมาเพียงเล็กน้อย เพียงแค่นี้มิได้ทำให้จูจงฉีรู้สึกเจ็บปวดหรือโกรธเคืองคุณชายใหญ่ เขาเองก็หัวเราะออกมาเช่นกัน

“ข้าน้อยว่าคุณชายมิเหมาะกับการใช้เบ็ดตกปลาหรอกขอรับ” คนสนิทเอ่ยออกมาตามความจริง

“ข้าก็คิดเช่นนั้น…. ข้าขอตัวไปนั่งดูกับน้องๆ ดีกว่า”

ซ่งมู่เฉินเอ่ยก่อนที่จะเดินข้ามสะพานกลับไปยังศาลาริมน้ำที่มีน้องสาวและสหายสนิทของน้องสาวนั่งอยู่ สามพี่น้องสกุลฉีคิดเหมือนๆ กันว่า คนเราก็มีสิ่งที่ทำได้ไม่ดีและมีสิ่งที่ทำได้ดี อย่างเช่นคุณชายใหญ่สกุลซ่งผู้นี้เก่งกาจด้านบุ๊นบู๊ แต่ทว่าเรื่องการตกปลาโดยใช้เบ็ดเขานั้นมิสามารถทำได้

ฉีอันหนิงนั่งเงียบตั้งแต่พี่ชายของสหายสนิทมานั่งร่วมวงด้วย นางกลัวว่าเขาจะเอ่ยถึงเรื่องที่นางกับเขาแย่งปิ่นปักผมกันเมื่อไม่กี่วันก่อน ซ่งมู่เฉินยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ สายตาคมมองไปยังริมสระน้ำอีกฝั่งที่สามพี่น้องสกุลฉีและคนสนิทของเขากำลังนั่งตกเบ็ดกันอยู่

“อืม…. พี่เพิ่งจะนึกถึงเรื่องบางเรื่องออก”

จู่ๆ เสียงของบุรุษผู้เดียวในกลุ่มก็ดังขึ้น เด็กหญิงทั้งสองหันกลับมามองหน้าเขาเป็นตาเดียวกันก่อนที่ฉีอันหนิงจะเป็นฝ่ายหันหน้ากลับไปมองเหล่าบรรดาพี่ชายของตนเช่นเดิม

“เรื่องอันใดเจ้าคะท่านพี่” น้องสาวเอ่ยถามออกมาด้วยความอยากรู้ ส่วนสหายสนิทของนางได้แต่นั่งนิ่งทั้งๆ ที่ในใจของนางกำลังรู้สึกร้อนรน

“วันแรกที่พี่เดินทางมาถึงเมืองตงหลาง พี่ได้พบกับเด็กหญิงคนหนึ่ง รุ่นเดียวกับเจ้าสองคนนี่แหละ นางแย่งซื้อปิ่นปักผมกับพี่ คราแรกพี่คิดว่าจะซื้อกลับมาฝากน้องเสียหน่อย แต่น่าเสียดาย พี่มิได้มีผู้ติดตามเช่นนาง” ฉีอันหนิงจ้องมองมายังเขาตาเขม็ง

“แล้วเหตุใดท่านพี่ต้องมีผู้ติดตามกันล่ะเจ้าคะ” ซ่งเจียวซินเอ่ยถามพี่ชายใหญ่ของนางด้วยความสงสัย

“ก็เพราะพี่มิมีผู้ใดมาเป็นพยานให้ได้ว่าพี่เป็นผู้พบเห็นปิ่นชิ้นนั้นก่อนน่ะสิ”

“ข้าว่าท่านพี่คงจะเข้าใจผิดแล้วล่ะเจ้าค่ะ”

เสียงเล็กของฉีอันหนิงดังขึ้นทันที นี่มันคือเรื่องราววันแรกที่เขาเจอกับนาง เขากำลังต่อว่านางด้วยการทำเป็นจำมิได้ว่าเด็กหญิงที่เขายื้อแย่งปิ่นด้วยก็คือนาง

“เข้าใจผิดเช่นนั้นหรือ” เขาแสร้งเอ่ยถามออกมา

“เจ้ารู้เรื่องอันใดหรืออันหนิง” สหายสนิทโพล่งถามขึ้นทันที

“ก็เด็กที่ท่านพี่ของเจ้าแย่งปิ่นด้วยในวันนั้นก็คือข้าเอง วันนั้นข้าออกไปหาซื้อปิ่นปักผมเพื่อเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิดให้กับท่านแม่ของข้า แล้วบังเอิญมองเห็นปิ่นชิ้นนั้น ข้าเลยยื่นมือออกไปจะหยิบมัน แต่พี่ชายของเจ้าก็ยื่นมือออกมาจะหยิบมันเช่นกัน ข้ามั่นใจว่าข้าเป็นผู้เห็นมันก่อน และข้าก็มีพวกพี่ซุนซุนและพี่ซูโหรวเป็นพยานด้วย”

ฉีอันหนิงตอบเพื่อนก่อนที่จะเอ่ยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ นัยน์ตากลมโตมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายสหายคนสนิทมิวางตา ราวกับว่านางมิได้เกรงกลัวเขาแม้แต่นิด

“มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ" ซ่งเจียวซินเอ่ยออกมาเสียงเบา ก่อนที่จะหันไปจัดการพี่ชายของนาง

 "เรื่องแค่นี้เอง ท่านพี่ใหญ่ก็… ท่านเป็นบุรุษไปยื้อแย่งเครื่องประดับของสตรีกับสตรีเป็นสิ่งที่มิควรกระทำหรอกนะเจ้าคะ ท่านแม่เคยสอนมิใช่หรือว่าเป็นบุรุษต้องเสียสละให้สตรีก่อน มิว่าจะเรื่องใดก็ตาม”

ซ่งมู่เฉินถึงกับสะอึกที่ถูกน้องสาวที่รักตำหนิต่อหน้าเด็กหญิง แต่เรื่องที่นางกล่าวออกมานั้นคือเรื่องจริง เขาเป็นบุรุษมิสมควรจะไปยื้อแย่งสิ่งของกับสตรีเช่นนั้น

“พี่ก็คิดว่าวันนั้นพี่ทำมิถูก วันนี้พี่ก็เลยอยากจะเอ่ยคำขออภัยต่อสหายของเจ้า วันนั้นพี่เพียงนึกสนุกอยากแกล้งเจ้าสักหน่อย จึงได้แสดงกิริยาเสียมารยาทเช่นนั้นลงไป พี่ขออภัยต่อเจ้าด้วยอันหนิง”

เขายิ้มก่อนที่จะเอ่ยออกมาจากใจจริง ฉีอันหนิงถึงกับตกตะลึงด้วยมิคาดคิดว่าเรื่องราวจะจบลงเช่นนี้ ในเมื่อเขาขออภัยต่อนาง นางก็มิได้ใจดำจนมิสามารถให้อภัยต่อเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้นได้

“ถ้าหากท่านพี่มิเอ่ยออกมา น้องก็ลืมไปแล้วเจ้าค่ะ”

ฉีอันหนิงส่งยิ้มไปให้กับเขาบ้าง ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจบรรดาพี่ชายที่ชูปลาขึ้นมาให้นางดู ซ่งมู่เฉินส่ายหน้าไปมา เขาเองก็มิอาจรู้ได้ว่าเพราะเหตุใด การที่ได้ต่อปากต่อคำกับเด็กหญิงผู้นี้ถึงทำให้เขารู้สึกสนุกยิ่งนัก

ซ่งเจียวซินมองหน้าพี่ชายด้วยอารมณ์ไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้เขามิเคยใส่ใจกับเรื่องราวที่ผ่านมา แต่เหตุใดกับเรื่องที่ได้พบเจอสหายสนิทของนางครั้งแรก พี่ชายใหญ่กลับยังคงจดจำมิลืม และการพบกันครั้งแรกของคนทั้งคู่ก็มิได้สวยงามเสียด้วย หวังว่าฉีอันหนิงจะมิได้โกรธเคืองพี่ชายของนางจนพาลมาขุ่นเคืองนาง ยามนี้มิมีสหายคนใดจะดีกับนางเท่าฉีอันหนิงอีกแล้ว

บทที่เกี่ยวข้อง

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 11 พี่ชายใหญ่ไปศึกษาต่อในเมืองหลวง

    หนึ่งปีต่อมาณ ลานประกาศผลการสอบคัดเลือกขุนนางระดับท้องถิ่น หลายครอบครัวต่างพากันมายืนรอตรวจสอบรายชื่อของลูกหลานที่ได้เข้าสอบในปีนี้ และปีนี้ก็เป็นปีแรกที่สกุลฉีมีบุตรชายคนโตในวัยสิบห้าปีเข้ารับการสอบคัดเลือกขุนนางระดับซิ่วไฉ*เป็นปีแรก หนึ่งปีที่่ผ่านมาเขาตั้งใจศึกษาหาความรู้มิได้ขาด ใต้เท้าฉีนั้นมิได้คาดหวังว่าบุตรชายจะสอบผ่านในปีแรก แต่ฉีอันหลงกลับทำได้ดีกว่าที่คิดเขาสอบผ่านในลำดับอั้นโฉ่ว (ลำดับที่หนึ่ง) ซึ่งเป็นลำดับสูงที่สุดของการสอบซิ่วไฉ มีสิทธิ์เข้าสอบในระดับเซียงซื่อ*ต่อไปในปีหน้า โดยมิต้องรอไปอีกสามปีเช่นผู้อื่น ตระกูลที่มารอจับจองบุตรเขยต่างพากันสนใจเด็กหนุ่มที่มีความสามารถผ่านการสอบเค่อจวี่ในระดับซิ่วไฉได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ว่าฉีฮูหยินกลับดับความฝันของตระกูลเหล่านั้นเพราะนางเห็นว่าบุตรชายยังคงมิพร้อมที่จะมีภรรยาในยามนี้ นางและใต้เท้าฉีมิได้รีบแต่งภรรยาเข้าเรือนให้กับบุตรชาย รออีกสักห้าหกปีก็ยังมิสาย“น้องดีใจด้วยนะเจ้าคะท่านพี่ใหญ่" ฉีอันหนิงวัยเก้าปีเอ่ยออกมา“ข้าก็ดีใจกับท่านพี่ด้วยขอรับ”“ข้าก็ด้วย” ฉีอันลิ่งใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-06
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 11 - 1 พี่ชายใหญ่ไปศึกษาต่อในเมืองหลวง

    ณ เมืองตงฉวนเด็กหนุ่มรูปร่างสูงแต่ทว่ามีร่างกายกำยำกำลังทดสอบความสามารถในการขี่ม้า ยิงธนูให้เข้าเป้า และการใช้ดาบในการต่อสู้ การทดสอบครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะส่งผู้ที่ทำผลงานดีและผ่านการทดสอบไปประจำการตามเมืองต่างๆ ในแคว้นโจวหนาน“มู่เฉิน เจ้าสอบผ่านมาสองด่านแล้วใช่หรือไม่” สหายผู้หนึ่งของซ่งมู่เฉินเอ่ยถามเขาออกมาหลังจากที่อีกฝ่ายทดสอบด่านสุดท้ายเสร็จสิ้น“ใช่แล้วล่ะ ข้ายินดีกับเจ้าด้วยนะ เห็นว่าด่านสุดท้ายเจ้าก็ทำได้ดีเยี่ยมเลยนี่”“ขอบใจมาก อีกไม่กี่วันพวกเราก็ต้องแยกย้ายกันแล้ว เอาไว้มาดื่มกันก่อนที่จะกลับไปประจำการนะ” ต้าจงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“อืม…ได้สิ ถึงทีข้าละ ขอตัวก่อนนะต้าจง”อีกฝ่ายพยักหน้า ซ่งมู่เฉินจึงเดินไปยังด่านทดสอบสุดท้ายของปีนี้ นั่นก็คือการประลองดาบกับเหล่าศิษย์พี่ที่ได้กลับไปประจำการที่เมืองต่างๆ แล้วกลับมาคัดรุ่นน้องเพื่อติดตามตนกลับไปร่างสูงกำยำไปด้วยมัดกล้ามเดินถือดาบออกมารอรุ่นน้องที่เขาหมายตา ฟางต้าซู หนึ่งในหน่วยพยัคฆ์ดำที่ประจำการอยู่เมืองตง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-06
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 12 หน่วยพยัคฆ์ดำ

    ฤดูกาลผันเปลี่ยน ฤดูเก็บเกี่ยวเวียนมาถึง ชาวเมืองอยู่กันอย่างสงบสุข ท่านเจ้าเมืองมีความยุติธรรม ดูแลชาวเมืองประดุจดังลูกหลาน แต่ที่ไหนมีคนดีก็ย่อมจะมีคนชั่วปะปนอยู่ทั่วทุกหนแห่ง โจรภูเขากลุ่มหนึ่งตัดสินใจลงเขามายังเมืองตงหลางเพื่อที่จะปล้นของมีค่าและเสบียงกลับไปยังชุมโจร“เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าที่เมืองแห่งนี้ชาวเมืองมีอยู่มีกิน” หัวหน้าโจรเอ่ยถามลูกน้องที่ส่งลงมาสอดแนม“ขอรับนายท่าน ข้าลงมาสอบถามและสังเกตอยู่นานเกือบสัปดาห์ เป็นเช่นที่ข้ารายงานท่านไปจริงๆ ขอรับ” ลูกน้องโจรตอบออกมา“ถ้าเช่นนั้นคืนนี้เราจะลงไปปล้นเสบียงที่โรงเตี๊ยมที่อยู่ห่างจากตัวเมืองตงหลาง จะได้หาทางหนีทีไล่ทัน” หัวหน้าโจรที่มีหนวดเครารกรุงรังเอ่ยออกมา“ขอรับท่านหัวหน้า” ลูกน้องขานรับออกมาพร้อมกันก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปเตรียมอาวุธค่ำคืนที่เงียบสงัดภายในบ้านเมืองที่สุขสงบ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าค่ำคืนนี้มีตระกูลพ่อค้าที่โชคร้ายเดินทางมาค้าขายที่เมืองแห่งนี้และได้แวะพักที่โรงเตี๊ยมเป้าหมายของกลุ่มโจรเข้าพอดี กลุ่มโจรบุกเข้ามาในยามวิกาลและใช้กำลังข่มขู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-07
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 13 บุตรีสกุลฉี

    หนึ่งปีต่อมาสนามตีคลีกว้างขวางที่มีทั้งบุรุษและสตรีกำลังควบขี่ม้าแข่งขันตีคลีกันอยู่อย่างสนุกสนาน วันนี้ครอบครัวของใต้เท้าฉีได้พากันเดินทางมาร่วมงานตีคลีประจำปีของเมืองตงหลาง ฉีอันหลงก็ได้เดินทางกลับมาร่วมงานเพื่อลงแข่งขันคู่กับน้องสาวของตน หลากหลายสกุลพาบุตรชายและบุตรีมาร่วมงานเพื่อจะได้ทำความรู้จักกันเอาไว้ โดยเฉพาะเหล่าตระกูลขุนนางที่อยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลที่สามารถพึ่งพากันได้ในภายภาคหน้า“ใต้เท้าฉีนั่นบุตรีของท่านหรือขอรับ” ใต้เท้าหลงเอ่ยถามใต้เท้าฉีขณะที่กำลังนั่งชมการแข่งขันตีคลีรอบต่อไป“ใช่แล้วขอรับ นั่นหนิงเอ๋อร์ ส่วนเด็กหนุ่มผู้นั้นก็คือบุตรชายคนโตของข้าเอง นามว่าอันหลง” ใต้เท้าหลงมองไปยังร่างเล็กของเด็กหญิงวัยสิบปีที่มีใบหน้าฉายแววแห่งความงดงามออกมา“นางมีผู้ใดจับจองหรือยัง”“ฮ่าๆ ยังมิมีหรอกขอรับ นางยังเด็กนัก ยังมิทันได้เข้าพิธีปักปิ่นเลย” ใต้เท้าฉีรีบเอ่ยออกมา“เรื่องคู่ครองข้าคงจะมิบังคับนาง หากนางมีใจให้แก่ผู้ใด ข้าก็คงจะคล้อยตาม”เพราะฉีอันหนิงเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของเข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-07
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 13 - 1 บุตรีสกุลฉี

    “ใช่แล้วล่ะ… ตั้งแต่เริ่มได้ปฏิบัติหน้าที่จริงจังเขาก็เริ่มจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ขี้เล่นเช่นเมื่อก่อน ติดเคร่งขรึมและเย็นชา สงสัยจะติดมาจากหน้าที่การงาน อืม…ตอนนี้ท่านพี่ใหญ่ของเราได้เป็นหัวหน้าหน่วยแล้วนะ”เพียงปีกว่าเท่านั้น ซ่งมู่เฉินได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ดำเพราะสร้างผลงานเอาไว้มากมาย มิได้มีเพียงแค่กำลังที่เขาใช้ไป แต่เขายังใช้สติปัญญาคิดกลอุบายจนหลอกล่อให้เหล่าทหารและขุนนางที่โกงกินบ้านเมือง หวังรวยแบบมิถูกต้อง รับสินบนพวกกระทำผิดให้ติดกับและจับกุมกวาดล้างไปได้หลายราย“ท่านพี่ของเจ้าช่างน่านับถือจริงๆ”“เอาไว้ค่อยคุยกันนะอันหนิง ข้าขอตัวไปหาท่านพ่อท่านแม่ก่อน ท่านพี่ทั้งสามน้องขอลาก่อนเจ้าค่ะ” ฉีอันหนิงพยักหน้าเช่นเดียวกับพี่ชายทั้งสามของนาง ซ่งเจียวซินเดินจากไป ฉีอันหลงก้มมองปิ่นในมือพลางยิ้มน้อยๆ ออกมา“น้องเจียวซินโตขึ้นก็งามเหมือนกันนะขอรับ มิรู้ว่าผู้ใดจะเป็นผู้โชคดีได้ใจนางไปครอบครอง” ฉีอันลู่เอ่ยออกมาตามประสาคนที่สนใจเรื่องชาวบ้าน“สตรีนางใดก็มิงามและเก่งกาจเท่ากั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-07
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 1 ฉีอันหนิง

    ณ เมืองตงหลาง แห่งแคว้นโจวหนานเหมันตฤดูเวียนมา เหล่าหมู่มวลวิหคส่งเสียงร้องอยู่บนท้องนภาในยามอิ๋น ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยเจ็ดปีขยับไปมาอยู่บนเตียงนอน ผ้าม่านที่ทอด้วยไหมปลิวไสวไปตามสายลมหนาว ผ้าห่มผืนหนาที่ปกคลุมกายอยู่ถูกเท้าเล็กถีบออกจนสาวรับใช้ที่คอยดูแลอยู่ต้องดึงขึ้นมาปกคลุมร่างเล็กของคุณหนูสี่เอาไว้เพื่อมิให้ร่างกายสัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็น“ข้าร้อน” เสียงเล็กเปล่งออกมาจากคนที่นอนปิดเปลือกตาอยู่“แต่คุณหนูสี่เจ้าคะ… คุณหนูต้องห่มผ้าเอาไว้นะเจ้าคะ ถ้าคุณหนูป่วย… บ่าวโดนตีหลังลายแน่ๆ เลยเจ้าค่ะ”ซุนซุนบอกคุณหนูสี่ด้วยเหตุและผล เด็กจิตใจดีอย่างฉีอันหนิง หรือคุณหนูสี่ บุตรีคนเล็กของใต้เท้า ฉีอันจวิ้น กับฉีฮูหยินย่อมได้ฟังแล้วต้องเห็นอกเห็นใจใต้เท้าฉีเป็นเจ้าเมืองตงหลางเขาได้แต่งงานกับฉีฮูหยินมาเกือบสิบห้าปีแล้ว ทั้งสองมีบุตรชายทั้งหมดสามคนคือฉีอันหลง ฉีอันลิ่ง ฉีอันลู่และมีฉีอันหนิงที่เป็นบุตรีคนเล็กของตระกูลฉี บุตรีที่บิดาและมารดาหวงราวกับเป็นไข่ในหิน“ข้าห่มแล้ว ข้าไม่อยากให้ซุนซุนถูกตี”เสียงเล็กเอ่ยออกมา ถึงจะวัยเพียงเจ็ดปี แต่ทว่าเด็กหญิงกลับเฉลียวฉลาด นางขี่ม้าได้ อ่านหนังสือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-04
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 2 สหาย

    สกุลฉีสนับสนุนบุตรทุกคนให้ได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาที่สำนักศึกษาหลี่ชุน ไม่เว้นแม้แต่สตรีก็มิได้รับการปิดกั้น แม้จะมีหลากหลายสกุลที่มิได้สนับสนุนให้บุตรีออกไปศึกษาก็ตาม เข้าศึกษาได้เพียงหนึ่งเดือน ฉีอันหนิงก็กลายเป็นที่รักและเอ็นดูของอาจารย์ทุกคนในสำนักศึกษา เพราะความเฉลียวฉลาด ช่างเจรจาของนาง ฉีอันหนิงมีมิตรสหายมากมายจากการได้มาศึกษาในสำนักศึกษาหลี่ชุนแห่งนี้“อันหนิง… พรุ่งนี้สำนักศึกษาปิดข้าจะไปหาเจ้าที่จวนนะ” ซ่งเจียวซินสหายสนิทวัยเดียวกัน บุตรีจากจวนสกุลซ่ง เจ้ากรมการกลาโหมบอก“ดีสิ… มาเลย ข้าจะพาเจ้าไปตกปลาที่สระน้ำท้ายจวน” ฉีอันหนิงบอกสหายสนิทด้วยน้ำเสียงสดใส“ตกปลาเหรอ… เจ้าทำได้ด้วยเหรอ” ซ่งเจียวซินทำหน้าสงสัยก่อนที่จะเอ่ยถามออกมา“ได้สิ ข้าชอบไปตกปลากับพวกพี่ใหญ่ พี่รองและก็พี่สาม” ซ่งเจียวซินพยักหน้า นางมีพี่ชายหนึ่งคนแต่อีกฝ่ายนั้นมิได้สนิทสนมกับนาง เช่นเดียวกับพี่ชายของสหายสนิท“อือ… ถ้าเช่นนั้นสอนเราหน่อยนะ ท่านพี่ของเรามิเคยสอนเราเลย แถมยังชอบทำหน้าตาเคร่งขรึมไม่ชอบพูดจา” นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนที่จะบ่นถึงพี่ชายหน้าเย็นชาออกมาให้กับเพื่อนสนิทฟัง“ท่านพี่เหรอ เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-04
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 3 เทศกาลโคมไฟ

    เทศกาลโคมไฟวันหยวนเซียว ใต้เท้าฉีและฉีฮูหยินได้พาบุตรชายและบุตรีไปเที่ยวภายในงาน พี่ใหญ่มีหน้าที่คอยดูแลน้องๆ ช่วยบิดาและมารดา แต่ทว่าความชอบของเด็กๆ นั้นต่างกัน บ่าวรับใช้ที่ติดตามมาจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลคุณชายทั้งสามและคุณหนูห้ามละสายตาพี่ใหญ่กับน้องเล็กอยากไปดูการละเล่นต่างๆ เช่นการโยนลูกศรให้ลงเป้าและการประลองหมากล้อมที่ใช้สติปัญญาในการเล่น ส่วนพี่รองกับพี่สามนั้นอยากไปชื่นชมการต่อบทกวี และฟังดนตรี ทั้งสี่คนจึงแยกเป็นสองกลุ่ม ฉีอันหนิงรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับการได้ออกมาเที่ยวงานเทศกาลโคมไฟวันหยวนเซียวซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกของนาง“ท่านพี่ใหญ่เจ้าคะ เราไปดูหมากล้อมกันก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” เสียงเล็กเอ่ยถามดังขึ้นมาแข่งกับเสียงของดนตรีที่บรรเลงดังอยู่ไม่ไกล“ดีสิ ไปกันเถิดน้องสี่”พี่ใหญ่มิได้ขัดใจน้องสาวตัวน้อย เขาจูงมือเล็กของนางเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปที่วงหมากล้อมพร้อมกับบ่าวที่เดินตามหลังมาถึงสี่คนหมากล้อมวงนี้กำลังประลองสติปัญญาการเดินหมากกันอยู่อย่างสนุกสนาน ฉีอันหนิงมองการประลองตรงหน้าด้วยความสนใจ พลางคิดการวางหมากไปพร้อมๆ กับผู้ที่กำลังประลองอยู่ ฉีอันหลงที่ยืนอยู่เคียงข้างกับน้อง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-04

บทล่าสุด

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 13 - 1 บุตรีสกุลฉี

    “ใช่แล้วล่ะ… ตั้งแต่เริ่มได้ปฏิบัติหน้าที่จริงจังเขาก็เริ่มจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ขี้เล่นเช่นเมื่อก่อน ติดเคร่งขรึมและเย็นชา สงสัยจะติดมาจากหน้าที่การงาน อืม…ตอนนี้ท่านพี่ใหญ่ของเราได้เป็นหัวหน้าหน่วยแล้วนะ”เพียงปีกว่าเท่านั้น ซ่งมู่เฉินได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ดำเพราะสร้างผลงานเอาไว้มากมาย มิได้มีเพียงแค่กำลังที่เขาใช้ไป แต่เขายังใช้สติปัญญาคิดกลอุบายจนหลอกล่อให้เหล่าทหารและขุนนางที่โกงกินบ้านเมือง หวังรวยแบบมิถูกต้อง รับสินบนพวกกระทำผิดให้ติดกับและจับกุมกวาดล้างไปได้หลายราย“ท่านพี่ของเจ้าช่างน่านับถือจริงๆ”“เอาไว้ค่อยคุยกันนะอันหนิง ข้าขอตัวไปหาท่านพ่อท่านแม่ก่อน ท่านพี่ทั้งสามน้องขอลาก่อนเจ้าค่ะ” ฉีอันหนิงพยักหน้าเช่นเดียวกับพี่ชายทั้งสามของนาง ซ่งเจียวซินเดินจากไป ฉีอันหลงก้มมองปิ่นในมือพลางยิ้มน้อยๆ ออกมา“น้องเจียวซินโตขึ้นก็งามเหมือนกันนะขอรับ มิรู้ว่าผู้ใดจะเป็นผู้โชคดีได้ใจนางไปครอบครอง” ฉีอันลู่เอ่ยออกมาตามประสาคนที่สนใจเรื่องชาวบ้าน“สตรีนางใดก็มิงามและเก่งกาจเท่ากั

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 13 บุตรีสกุลฉี

    หนึ่งปีต่อมาสนามตีคลีกว้างขวางที่มีทั้งบุรุษและสตรีกำลังควบขี่ม้าแข่งขันตีคลีกันอยู่อย่างสนุกสนาน วันนี้ครอบครัวของใต้เท้าฉีได้พากันเดินทางมาร่วมงานตีคลีประจำปีของเมืองตงหลาง ฉีอันหลงก็ได้เดินทางกลับมาร่วมงานเพื่อลงแข่งขันคู่กับน้องสาวของตน หลากหลายสกุลพาบุตรชายและบุตรีมาร่วมงานเพื่อจะได้ทำความรู้จักกันเอาไว้ โดยเฉพาะเหล่าตระกูลขุนนางที่อยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลที่สามารถพึ่งพากันได้ในภายภาคหน้า“ใต้เท้าฉีนั่นบุตรีของท่านหรือขอรับ” ใต้เท้าหลงเอ่ยถามใต้เท้าฉีขณะที่กำลังนั่งชมการแข่งขันตีคลีรอบต่อไป“ใช่แล้วขอรับ นั่นหนิงเอ๋อร์ ส่วนเด็กหนุ่มผู้นั้นก็คือบุตรชายคนโตของข้าเอง นามว่าอันหลง” ใต้เท้าหลงมองไปยังร่างเล็กของเด็กหญิงวัยสิบปีที่มีใบหน้าฉายแววแห่งความงดงามออกมา“นางมีผู้ใดจับจองหรือยัง”“ฮ่าๆ ยังมิมีหรอกขอรับ นางยังเด็กนัก ยังมิทันได้เข้าพิธีปักปิ่นเลย” ใต้เท้าฉีรีบเอ่ยออกมา“เรื่องคู่ครองข้าคงจะมิบังคับนาง หากนางมีใจให้แก่ผู้ใด ข้าก็คงจะคล้อยตาม”เพราะฉีอันหนิงเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของเข

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 12 หน่วยพยัคฆ์ดำ

    ฤดูกาลผันเปลี่ยน ฤดูเก็บเกี่ยวเวียนมาถึง ชาวเมืองอยู่กันอย่างสงบสุข ท่านเจ้าเมืองมีความยุติธรรม ดูแลชาวเมืองประดุจดังลูกหลาน แต่ที่ไหนมีคนดีก็ย่อมจะมีคนชั่วปะปนอยู่ทั่วทุกหนแห่ง โจรภูเขากลุ่มหนึ่งตัดสินใจลงเขามายังเมืองตงหลางเพื่อที่จะปล้นของมีค่าและเสบียงกลับไปยังชุมโจร“เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าที่เมืองแห่งนี้ชาวเมืองมีอยู่มีกิน” หัวหน้าโจรเอ่ยถามลูกน้องที่ส่งลงมาสอดแนม“ขอรับนายท่าน ข้าลงมาสอบถามและสังเกตอยู่นานเกือบสัปดาห์ เป็นเช่นที่ข้ารายงานท่านไปจริงๆ ขอรับ” ลูกน้องโจรตอบออกมา“ถ้าเช่นนั้นคืนนี้เราจะลงไปปล้นเสบียงที่โรงเตี๊ยมที่อยู่ห่างจากตัวเมืองตงหลาง จะได้หาทางหนีทีไล่ทัน” หัวหน้าโจรที่มีหนวดเครารกรุงรังเอ่ยออกมา“ขอรับท่านหัวหน้า” ลูกน้องขานรับออกมาพร้อมกันก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปเตรียมอาวุธค่ำคืนที่เงียบสงัดภายในบ้านเมืองที่สุขสงบ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าค่ำคืนนี้มีตระกูลพ่อค้าที่โชคร้ายเดินทางมาค้าขายที่เมืองแห่งนี้และได้แวะพักที่โรงเตี๊ยมเป้าหมายของกลุ่มโจรเข้าพอดี กลุ่มโจรบุกเข้ามาในยามวิกาลและใช้กำลังข่มขู

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 11 - 1 พี่ชายใหญ่ไปศึกษาต่อในเมืองหลวง

    ณ เมืองตงฉวนเด็กหนุ่มรูปร่างสูงแต่ทว่ามีร่างกายกำยำกำลังทดสอบความสามารถในการขี่ม้า ยิงธนูให้เข้าเป้า และการใช้ดาบในการต่อสู้ การทดสอบครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะส่งผู้ที่ทำผลงานดีและผ่านการทดสอบไปประจำการตามเมืองต่างๆ ในแคว้นโจวหนาน“มู่เฉิน เจ้าสอบผ่านมาสองด่านแล้วใช่หรือไม่” สหายผู้หนึ่งของซ่งมู่เฉินเอ่ยถามเขาออกมาหลังจากที่อีกฝ่ายทดสอบด่านสุดท้ายเสร็จสิ้น“ใช่แล้วล่ะ ข้ายินดีกับเจ้าด้วยนะ เห็นว่าด่านสุดท้ายเจ้าก็ทำได้ดีเยี่ยมเลยนี่”“ขอบใจมาก อีกไม่กี่วันพวกเราก็ต้องแยกย้ายกันแล้ว เอาไว้มาดื่มกันก่อนที่จะกลับไปประจำการนะ” ต้าจงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“อืม…ได้สิ ถึงทีข้าละ ขอตัวก่อนนะต้าจง”อีกฝ่ายพยักหน้า ซ่งมู่เฉินจึงเดินไปยังด่านทดสอบสุดท้ายของปีนี้ นั่นก็คือการประลองดาบกับเหล่าศิษย์พี่ที่ได้กลับไปประจำการที่เมืองต่างๆ แล้วกลับมาคัดรุ่นน้องเพื่อติดตามตนกลับไปร่างสูงกำยำไปด้วยมัดกล้ามเดินถือดาบออกมารอรุ่นน้องที่เขาหมายตา ฟางต้าซู หนึ่งในหน่วยพยัคฆ์ดำที่ประจำการอยู่เมืองตง

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 11 พี่ชายใหญ่ไปศึกษาต่อในเมืองหลวง

    หนึ่งปีต่อมาณ ลานประกาศผลการสอบคัดเลือกขุนนางระดับท้องถิ่น หลายครอบครัวต่างพากันมายืนรอตรวจสอบรายชื่อของลูกหลานที่ได้เข้าสอบในปีนี้ และปีนี้ก็เป็นปีแรกที่สกุลฉีมีบุตรชายคนโตในวัยสิบห้าปีเข้ารับการสอบคัดเลือกขุนนางระดับซิ่วไฉ*เป็นปีแรก หนึ่งปีที่่ผ่านมาเขาตั้งใจศึกษาหาความรู้มิได้ขาด ใต้เท้าฉีนั้นมิได้คาดหวังว่าบุตรชายจะสอบผ่านในปีแรก แต่ฉีอันหลงกลับทำได้ดีกว่าที่คิดเขาสอบผ่านในลำดับอั้นโฉ่ว (ลำดับที่หนึ่ง) ซึ่งเป็นลำดับสูงที่สุดของการสอบซิ่วไฉ มีสิทธิ์เข้าสอบในระดับเซียงซื่อ*ต่อไปในปีหน้า โดยมิต้องรอไปอีกสามปีเช่นผู้อื่น ตระกูลที่มารอจับจองบุตรเขยต่างพากันสนใจเด็กหนุ่มที่มีความสามารถผ่านการสอบเค่อจวี่ในระดับซิ่วไฉได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ว่าฉีฮูหยินกลับดับความฝันของตระกูลเหล่านั้นเพราะนางเห็นว่าบุตรชายยังคงมิพร้อมที่จะมีภรรยาในยามนี้ นางและใต้เท้าฉีมิได้รีบแต่งภรรยาเข้าเรือนให้กับบุตรชาย รออีกสักห้าหกปีก็ยังมิสาย“น้องดีใจด้วยนะเจ้าคะท่านพี่ใหญ่" ฉีอันหนิงวัยเก้าปีเอ่ยออกมา“ข้าก็ดีใจกับท่านพี่ด้วยขอรับ”“ข้าก็ด้วย” ฉีอันลิ่งใ

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 10 เยือนจวนตระกูลฉี

    งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินท่านเจ้าเมืองผ่านไปท่ามกลางเสียงเล่าลือถึงความสามารถของบุตรชายและบุตรีของสกุลฉี โดยเฉพาะฉีอันหนิงที่ได้รับคำชื่นชมมากกว่าพี่ๆ นางแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า เด็กหญิงตัวเล็กๆ เช่นนางก็มีความสามารถที่มากล้น “เฉินเอ๋อร์ ลูกว่าเป็นเช่นไรบ้าง” ซ่งฮูหยินเอ่ยถามบุตรชายในเช้าวันต่อมา “เรื่องอันใดหรือขอรับท่านแม่” เขาไม่เข้าใจที่มารดาเอ่ยถามออกมา “บุตรีสกุลฉีอย่างไรล่ะ” ซ่งฮูหยินตอบออกมายิ้มๆ “นางเป็นเด็กที่น่าสนใจและมีความสามารถเกินสตรีขอรับ” เขาตอบก่อนที่ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ “ก่อนที่เจ้าจะกลับเมืองตงฉวน แม่อยากให้เจ้าลองไปทำความรู้จักน้องเอาไว้ก่อนได้หรือไม่ เพราะเอาเข้าจริงอีกสองปีกว่าเจ้าจะได้กลับมา ถึงยามนั้นเจ้าจะเปลี่ยนใจแม่ก็จะไม่ตำหนิเจ้า” ซ่งฮูหยินมิอยากให้บุตรชายพลาดเด็กหญิงที่ในอนาคตจะเติบโตไปเป็นสตรีที่เก่งและชาญฉลาดเช่นบุตรีของท่านเจ้าเมืองไป นางมิได้นึกแปลกใจหากเด็กหญิงจะเก่งเกินบุรุษ เพราะนางเชื่อว่าบุตรชายของนางผู้นี้สมควรที่จะมีสตรีเช่นนั้นคอยอยู่เคียงข้าง “เอ่อ… จะดีหรือขอรับ” เด็กชายลังเลใจ เขาเองเพิ่งจะอายุสิบสี

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 9 งานวันคล้ายวันเกิดฉีฮูหยิน

    งานเลี้ยงวันเกิดของฉีฮูหยินถูกจัดขึ้นภายในจวนสกุลฉี ขุนนางและครอบครัวทั่วเมืองตงหลางเดินทางมาร่วมอวยพรแก่ฉีฮูหยินด้วย และแน่นอนว่าสกุลซ่งก็ได้รับเทียบเชิญในครานี้เช่นกัน ใต้เท้าซ่ง ซ่งฮูหยิน ซ่งมู่เฉินและซ่งเจียวซินก็ได้เดินทางมาร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา“วันนี้ข้าจะมีการแสดงให้ท่านแม่ได้ชม” ฉีอันหนิงเอ่ยออกมาขณะที่กำลังนั่งนิ่งๆ ให้ซุนซุนหวีผม“คุณหนูสี่ไปฝึกฝนยามใดเจ้าคะ บ่าวมิเคยเห็นเลยนะเจ้าคะ” ซุนซุนเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจ“หึๆ ของพวกนี้มันอยู่ในความคิดของข้านี่”นางยกมือเล็กชี้นิ้วมายังศีรษะของนาง ซุนซุนถึงกับชะงักมือแล้วส่ายใบหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ใครจะว่านางโอ้อวดคุณหนูสี่ของนางก็ช่าง แต่คุณหนูสี่นั้นเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ มิว่านางคิดจะทำการสิ่งใดล้วนแล้วแต่สำเร็จ“วันนี้เจียวซินบอกว่าจะมาด้วยนะ” คุณหนูตัวน้อยที่ถูกมัดผมอยู่กล่าวออกมา“ตระกูลซ่งแน่นอนว่าต้องได้รับเทียบเชิญอยู่แล้วล่ะเจ้าค่ะ… ว่าแต่คุณหนูสี่มีการแสดงอันใดจะแสดงให้นายหญิงได้ชมเจ้าคะ” ซุนซุนเอ่ยถามออกมาด

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 8 แรกพบ

    ซ่งมู่เฉินกับจูจงฉีใช้เวลาเดินทางกลับมาจากเมืองตงฉวนเพียงหนึ่งวัน ระหว่างทางเขาได้พบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย จึงได้รับรู้ว่าแคว้นโจวหนานนั้นมิได้สงบสุขอย่างที่คิด เพราะวันนี้ระหว่างที่เขากำลังนั่งกินข้าวกลางวันอยู่ในโรงเตี๊ยมระหว่างทางกลับบ้าน เขาก็บังเอิญได้พบกับพวกนักเลงกลุ่มหนึ่งกำลังรีดไถเงินจากเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้“ใต้เท้า… ช่วงนี้โรงเตี๊ยมของข้าน้อยมิค่อยได้ต้อนรับแขกเท่าใดนักจึงทำให้ไม่มีเงินมาจ่ายส่วยให้กับพวกท่าน ได้โปรดละเว้นโรงเตี๊ยมของข้าน้อยไปสักระยะหนึ่งได้หรือไม่ขอรับ”เถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน เขาลำบากเพราะคนเหล่านี้มานานหลายปีแล้ว เขามิอาจรู้ได้ว่าบุรุษร่างโตเหล่านี้เป็นขุนนางหรือเป็นเพียงนักเลงรีดไถ แต่หลายปีที่ผ่านมาทางการก็มิเห็นจะมาจัดการปราบปรามให้เสียที แม้จะแจ้งไปหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม“ได้ยังไงกันวะ!! ชาวบ้านแถวนี้เขาจ่ายกันหมด เอ็งเป็นถึงเจ้าของโรงเตี๊ยมจะมิมีจ่ายได้เช่นไร และนั่นก็มีลูกค้านี่ อย่ามาโอ้เอ้ เอาเงินมา!! พวกข้าจักได้ไปเก็บเงินที่อื่นต่อ”หัวหน้านักเลงไม่ยอมแพ้ มีดดาบในมือของมันถูกจ่อไปที่ลำคอของเถ้าแก่โรงเตี๊ยม นัย

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 7 บุตรชายคนโตสกุลซ่ง

    สำนักวารีพยัคฆ์ เมืองตงฉวน แคว้นโจวหนานเด็กชายวัยย่างเข้าสู่วัยหนุ่มหลายคนกำลังฝึกฝนเพลงดาบกันอยู่อย่างตั้งใจ สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อในการฝึกผู้นำและเหล่าทหารหน่วยพิเศษที่จะถูกส่งตัวไปทำหน้าที่อยู่ตามเมืองต่างๆ ทั่วแคว้นโจวหนาน ฮ่องเต้แห่งแคว้นโจวหนานนั้นตระหนักถึงความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของชาวเมืองต่างๆ ทั่วทั้งแคว้น จึงมีคำสั่งให้จัดตั้งหน่วยพิเศษที่ีหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือเหล่าขุนนางและชาวเมืองหากพบเจอกับเรื่องราวที่มิสามารถแก้ไขได้ พวกเขาจะปรากฏตัวหากมีคดีพิเศษต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวได้ทันท่วงที“ฝีมือของเจ้าพัฒนาไปมากเชียวคุณชายซ่ง” อาจารย์หนุ่มเอ่ยชมเชยเด็กหนุ่มจากเมืองตงหลาง สกุลซ่งเป็นขุนนางมาหลายชั่วคน“ขอบคุณขอรับท่านอาจารย์ แต่ศิษย์ว่า ศิษย์ยังต้องเรียนรู้จากท่านอาจารย์อีกมาก”ซ่งมู่เฉินเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปีที่มีใบหน้าหล่อเหลา คิ้วโค้งคมประดุจดังกระบี่ จมูกโด่งสันเป็นคม ริมฝีปากอิ่มได้รูปฉีกยิ้มเห็นฟันซี่ขาวออกมา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มสะดุดตา อาจจะเป็นเพราะยามเขาฉีกยิ้มยามใด รอยบุ๋มที่แก้มก็ปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจน“เจ้าอย่าถ่อมตนไปเลย ตระกูลของเ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status