แชร์

ตอนที่ 13 บุตรีสกุลฉี

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-07 11:01:13

หนึ่งปีต่อมา

สนามตีคลีกว้างขวางที่มีทั้งบุรุษและสตรีกำลังควบขี่ม้าแข่งขันตีคลีกันอยู่อย่างสนุกสนาน วันนี้ครอบครัวของใต้เท้าฉีได้พากันเดินทางมาร่วมงานตีคลีประจำปีของเมืองตงหลาง ฉีอันหลงก็ได้เดินทางกลับมาร่วมงานเพื่อลงแข่งขันคู่กับน้องสาวของตน หลากหลายสกุลพาบุตรชายและบุตรีมาร่วมงานเพื่อจะได้ทำความรู้จักกันเอาไว้ โดยเฉพาะเหล่าตระกูลขุนนางที่อยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลที่สามารถพึ่งพากันได้ในภายภาคหน้า

“ใต้เท้าฉีนั่นบุตรีของท่านหรือขอรับ” ใต้เท้าหลงเอ่ยถามใต้เท้าฉีขณะที่กำลังนั่งชมการแข่งขันตีคลีรอบต่อไป

“ใช่แล้วขอรับ นั่นหนิงเอ๋อร์ ส่วนเด็กหนุ่มผู้นั้นก็คือบุตรชายคนโตของข้าเอง นามว่าอันหลง” ใต้เท้าหลงมองไปยังร่างเล็กของเด็กหญิงวัยสิบปีที่มีใบหน้าฉายแววแห่งความงดงามออกมา

“นางมีผู้ใดจับจองหรือยัง”

“ฮ่าๆ ยังมิมีหรอกขอรับ นางยังเด็กนัก ยังมิทันได้เข้าพิธีปักปิ่นเลย” ใต้เท้าฉีรีบเอ่ยออกมา

“เรื่องคู่ครองข้าคงจะมิบังคับนาง หากนางมีใจให้แก่ผู้ใด ข้าก็คงจะคล้อยตาม”

เพราะฉีอันหนิงเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของเขา เขาจึงรักและเอ็นดูนางมากกว่าบุตรชายทั้งสาม และอยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่นาง เพราะมีนางเพียงคนเดียวที่จะต้องแต่งออกเรือนไป

“โอ๋…ท่านใต้เท้าเล่นดักคอกันเอาไว้เสียแล้วฮ่าๆๆๆ” เหล่าใต้เท้าที่สนใจบุตรีของใต้เท้าฉีพากันหัวเราะออกมา ผู้ใดจะมองมิออกบ้างว่าใต้เท้าฉีรักและทะนุถนอมบุตรีนางนี้มากกว่าใคร คงจะมิยอมปล่อยออกเรือนไปง่ายๆ เป็นแน่

“ฮ่าๆๆๆ ความสุขของลูกก็ถือเป็นความสุขของพ่อแม่ด้วย พวกท่านว่าจริงหรือไม่”

ใต้เท้าฉีหัวเราะออกมาและเหล่าใต้เท้าทั้งหลายก็พากันหัวเราะออกมาเช่นกัน เพราะที่เขาพูดนั้นไม่ผิด ความสุขของลูกๆ ก็คือความสุขของคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ จะมีผู้ใดบ้างอยากจะให้ลูกของตนต้องพบกับความทุกข์ใจโดยเฉพาะเรื่องคู่ครองที่ต้องอยู่กินกับอีกฝ่ายไปจนชั่วชีวิต

ระหว่างที่ใต้เท้าฉีกำลังคุยถึงเรื่องเด็กๆ อยู่นั้นภายในสนามก็กำลังจะเริ่มการแข่งขันแล้วเช่นกัน ฉีอันหลงและฉีอันหนิงนั่งบนหลังม้าเตรียมพร้อม สองพี่น้องยักคิ้วให้กันก่อนที่จะยิ้มออกมา เมื่อสัญญาณจากผู้ตัดสินดังขึ้น ม้าของสองพี่น้องก็ถูกบังคับทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ลูกคลีถูกโยนออกไปเบื้องหน้า สองพี่น้องควบม้าตรงไปถึงก่อนผู้ใด จากนั้นจึงตีส่งไปข้างหน้าเพื่อให้กับอีกคน

ฉีอันหนิงใช้ความว่องไวของนางควบขี่ม้าตามลูกที่พี่ชายใหญ่ตีส่งมาให้แล้วหวดไม้ตีลูกเข้าเป้าไปอย่างงดงาม เสียงปรบมือดังขึ้นกึกก้องทั่วทั้งสนามตีคลีแห่งนี้ เสียงชื่นชมดังขึ้นมามิขาดสาย สองพี่น้องมิได้เย่อหยิ่งหรือรู้สึกลำพอง ทั้งสองคนใช้ความตั้งใจและความสามัคคีตีคลีจนได้รับชัยชนะไปในที่สุด ร่างเล็กลงจากหลังมาแล้วเดินไปสมทบกับพี่ชาย ดวงหน้างดงามเผยให้เห็นรอยยิ้มประดับบนใบหน้า

“เก่งมากน้องหญิงของพี่” ฉีอันหลงเอ่ยชมน้องสาวคนเล็กของจวน

“ท่านพี่ก็ยอดเยี่ยมเลยเจ้าค่ะ” นางเอ่ยชมพี่ชายของตนบ้าง

“ไปรับรางวัลสิ ปิ่นงามเชียว” เด็กหญิงพยักหน้าก่อนที่จะเดินไปรับรางวัลแล้วกลับมาหาพี่ชาย

“น้องขอยกปิ่นนี้ให้ท่านพี่เจ้าค่ะ เอาไว้มอบให้สตรีที่ท่านพี่ใหญ่ชอบพอในภายภาคหน้า”

ฉีอันหนิงส่งปิ่นที่เพิ่งได้รับเป็นรางวัลจากการชนะการแข่งขันตีคลีให้แก่พี่ชาย เขามองนางด้วยสายตาเอ็นดูก่อนที่จะยื่นมือหนาไปรับปิ่นสีทองรูปหงส์มาถือเอาไว้

“ขอบใจเจ้ามากนะน้องหญิงสี่ พี่สัญญาว่าพี่จะมอบปิ่นอันนี้ให้แก่สตรีที่คู่ควรได้รับมันในภายภาคหน้า”

อีกห้าปีเท่านั้นเขารอได้ และเขามั่นใจว่าบุตรีสกุลที่เขาหมายตาเอาไว้นางต้องเป็นสตรีที่ดีที่เหมาะสมคู่ควรกับเขาอย่างแน่นอน

ฉีอันหนิงฉีกยิ้มออกมาก่อนที่สองพี่น้องจะเดินกลับไปยังศาลาพักผ่อนที่มีฉีอันลู่และฉีอันลิ่งรอคอยอยู่ สองหนุ่มน้อยนั้นตีคลีไม่ได้เรื่อง ต่างจากพี่ชายใหญ่และน้องเล็กที่ดูจะชำนาญมากกว่า สี่พี่น้องส่งยิ้มให้แก่กันก่อนที่จะพากันไปนั่งจิบน้ำชาเพื่อชมการแข่งขันของคู่ต่อไป

“เอ๊ะ… นั่นใช่สหายของเจ้าใช่หรือไม่หนิงเอ๋อร์…”

ฉีอันหลงที่กำลังยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบมองเด็กหญิงวัยเดียวกับน้องสาวที่กำลังเดินผ่านไปกับเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับตน

“เจียวซิน!!!” เสียงเล็กร้องเรียกนามของคนที่กำลังเดินผ่านทำให้เด็กหญิงชะงักเท้าเล็กที่กำลังสาวเท้าก้าวตามพี่ชายไป

“อันหนิง!!!” นางขานชื่อคนที่เรียกนางเอาไว้ออกมาก่อนที่จะเดินเข้ามาหาที่ศาลาพักผ่อน

“เจ้ามาด้วยหรือ” นางเอ่ยถามสหายที่เพิ่งพบกันหลังจากสำนักศึกษาปิดการสอนไปหลายวัน

“อื้อ… เพิ่งแข่งตีคลีไปเมื่อครู่เอง นี่เจ้าเพิ่งจะมาหรือ”

“จ้ะ… พี่ชายเราเพิ่งจะออกเวรน่ะ เลยเพิ่งจะมีเวลาตามท่านพ่อท่านแม่มา” คุณหนูรองสกุลซ่งตอบก่อนที่จะกล่าวทักทายพี่ชายทั้งสามของสหายคนสนิท

“เจียวซินคารวะพี่ชายใหญ่ พี่ชายรอง พี่ชายสามเจ้าค่ะ”

ทั้งสามหนุ่มพยักหน้าพลางส่งยิ้มให้โดยเฉพาะพี่ชายใหญ่ที่มองเด็กหญิงไม่วางตา นางดูเติบโตขึ้นมาก ความงดงามที่ฉายแววออกมามิได้ด้อยไปกว่าน้องสาวของตนเลย มุมปากหนาปรากฏรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย

“อันหนิงคารวะท่านพี่มู่เฉินเจ้าค่ะ” ฉีอันหนิงมิลืมที่จะกล่าวทักทายและคำนับพี่ชายของสหายสนิท เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนที่จะเป็นฝ่ายยกมือขึ้นมารับคำนับจากพี่ชายของนางบ้าง

“ข้าขอตัวไปหาท่านพ่อท่านแม่ก่อนนะ น้องหญิงอีกเดี๋ยวเจ้าก็ตามพี่ไปล่ะ” ทุกคนพยักหน้าอย่างเข้าใจ ซ่งมู่เฉินจึงเดินจากไปด้วยท่วงท่าสง่างาม

“เจียวซิน… พี่ชายของเจ้าดูเคร่งขรึมกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย"

เวลาผ่านไปเพียงสองปีเท่านั้นนับจากที่ได้พบกันครั้งแรก แต่ทว่าพี่ชายของซ่งเจียวซินกลับดูเติบโตขึ้นมาก คงจะมิต่างจากพี่ชายใหญ่ของนางสักเพียงใดที่ดูเคร่งขรึมแต่มีความรู้มากมาย สมกับที่ปีหน้าเขากำลังจะสอบเคอจวี่ในขั้นจิ้นซื่อ ซึ่งจะได้ทำการสอบที่หน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้ เพื่อที่จะวัดว่าผู้ใดเก่งกาจจนได้เป็นจอหงวนในปีหน้า แต่มิต้องเดานางก็มั่นใจว่าท่านพี่ใหญ่ของนางต้องสอบได้ตำแหน่งจอหงวนมาครอบครองเป็นแน่ เพียงแค่คิดก็อดที่จะยิ้มออกมาให้กับความรู้ความสามารถด้านวิชาการของพี่ชายใหญ่มิได้ สมแล้วที่เป็นหัวเรือใหญ่ของสกุลฉี

บทที่เกี่ยวข้อง

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 13 - 1 บุตรีสกุลฉี

    “ใช่แล้วล่ะ… ตั้งแต่เริ่มได้ปฏิบัติหน้าที่จริงจังเขาก็เริ่มจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ขี้เล่นเช่นเมื่อก่อน ติดเคร่งขรึมและเย็นชา สงสัยจะติดมาจากหน้าที่การงาน อืม…ตอนนี้ท่านพี่ใหญ่ของเราได้เป็นหัวหน้าหน่วยแล้วนะ”เพียงปีกว่าเท่านั้น ซ่งมู่เฉินได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ดำเพราะสร้างผลงานเอาไว้มากมาย มิได้มีเพียงแค่กำลังที่เขาใช้ไป แต่เขายังใช้สติปัญญาคิดกลอุบายจนหลอกล่อให้เหล่าทหารและขุนนางที่โกงกินบ้านเมือง หวังรวยแบบมิถูกต้อง รับสินบนพวกกระทำผิดให้ติดกับและจับกุมกวาดล้างไปได้หลายราย“ท่านพี่ของเจ้าช่างน่านับถือจริงๆ”“เอาไว้ค่อยคุยกันนะอันหนิง ข้าขอตัวไปหาท่านพ่อท่านแม่ก่อน ท่านพี่ทั้งสามน้องขอลาก่อนเจ้าค่ะ” ฉีอันหนิงพยักหน้าเช่นเดียวกับพี่ชายทั้งสามของนาง ซ่งเจียวซินเดินจากไป ฉีอันหลงก้มมองปิ่นในมือพลางยิ้มน้อยๆ ออกมา“น้องเจียวซินโตขึ้นก็งามเหมือนกันนะขอรับ มิรู้ว่าผู้ใดจะเป็นผู้โชคดีได้ใจนางไปครอบครอง” ฉีอันลู่เอ่ยออกมาตามประสาคนที่สนใจเรื่องชาวบ้าน“สตรีนางใดก็มิงามและเก่งกาจเท่ากั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-07
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 1 ฉีอันหนิง

    ณ เมืองตงหลาง แห่งแคว้นโจวหนานเหมันตฤดูเวียนมา เหล่าหมู่มวลวิหคส่งเสียงร้องอยู่บนท้องนภาในยามอิ๋น ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยเจ็ดปีขยับไปมาอยู่บนเตียงนอน ผ้าม่านที่ทอด้วยไหมปลิวไสวไปตามสายลมหนาว ผ้าห่มผืนหนาที่ปกคลุมกายอยู่ถูกเท้าเล็กถีบออกจนสาวรับใช้ที่คอยดูแลอยู่ต้องดึงขึ้นมาปกคลุมร่างเล็กของคุณหนูสี่เอาไว้เพื่อมิให้ร่างกายสัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็น“ข้าร้อน” เสียงเล็กเปล่งออกมาจากคนที่นอนปิดเปลือกตาอยู่“แต่คุณหนูสี่เจ้าคะ… คุณหนูต้องห่มผ้าเอาไว้นะเจ้าคะ ถ้าคุณหนูป่วย… บ่าวโดนตีหลังลายแน่ๆ เลยเจ้าค่ะ”ซุนซุนบอกคุณหนูสี่ด้วยเหตุและผล เด็กจิตใจดีอย่างฉีอันหนิง หรือคุณหนูสี่ บุตรีคนเล็กของใต้เท้า ฉีอันจวิ้น กับฉีฮูหยินย่อมได้ฟังแล้วต้องเห็นอกเห็นใจใต้เท้าฉีเป็นเจ้าเมืองตงหลางเขาได้แต่งงานกับฉีฮูหยินมาเกือบสิบห้าปีแล้ว ทั้งสองมีบุตรชายทั้งหมดสามคนคือฉีอันหลง ฉีอันลิ่ง ฉีอันลู่และมีฉีอันหนิงที่เป็นบุตรีคนเล็กของตระกูลฉี บุตรีที่บิดาและมารดาหวงราวกับเป็นไข่ในหิน“ข้าห่มแล้ว ข้าไม่อยากให้ซุนซุนถูกตี”เสียงเล็กเอ่ยออกมา ถึงจะวัยเพียงเจ็ดปี แต่ทว่าเด็กหญิงกลับเฉลียวฉลาด นางขี่ม้าได้ อ่านหนังสือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-04
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 2 สหาย

    สกุลฉีสนับสนุนบุตรทุกคนให้ได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาที่สำนักศึกษาหลี่ชุน ไม่เว้นแม้แต่สตรีก็มิได้รับการปิดกั้น แม้จะมีหลากหลายสกุลที่มิได้สนับสนุนให้บุตรีออกไปศึกษาก็ตาม เข้าศึกษาได้เพียงหนึ่งเดือน ฉีอันหนิงก็กลายเป็นที่รักและเอ็นดูของอาจารย์ทุกคนในสำนักศึกษา เพราะความเฉลียวฉลาด ช่างเจรจาของนาง ฉีอันหนิงมีมิตรสหายมากมายจากการได้มาศึกษาในสำนักศึกษาหลี่ชุนแห่งนี้“อันหนิง… พรุ่งนี้สำนักศึกษาปิดข้าจะไปหาเจ้าที่จวนนะ” ซ่งเจียวซินสหายสนิทวัยเดียวกัน บุตรีจากจวนสกุลซ่ง เจ้ากรมการกลาโหมบอก“ดีสิ… มาเลย ข้าจะพาเจ้าไปตกปลาที่สระน้ำท้ายจวน” ฉีอันหนิงบอกสหายสนิทด้วยน้ำเสียงสดใส“ตกปลาเหรอ… เจ้าทำได้ด้วยเหรอ” ซ่งเจียวซินทำหน้าสงสัยก่อนที่จะเอ่ยถามออกมา“ได้สิ ข้าชอบไปตกปลากับพวกพี่ใหญ่ พี่รองและก็พี่สาม” ซ่งเจียวซินพยักหน้า นางมีพี่ชายหนึ่งคนแต่อีกฝ่ายนั้นมิได้สนิทสนมกับนาง เช่นเดียวกับพี่ชายของสหายสนิท“อือ… ถ้าเช่นนั้นสอนเราหน่อยนะ ท่านพี่ของเรามิเคยสอนเราเลย แถมยังชอบทำหน้าตาเคร่งขรึมไม่ชอบพูดจา” นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนที่จะบ่นถึงพี่ชายหน้าเย็นชาออกมาให้กับเพื่อนสนิทฟัง“ท่านพี่เหรอ เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-04
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 3 เทศกาลโคมไฟ

    เทศกาลโคมไฟวันหยวนเซียว ใต้เท้าฉีและฉีฮูหยินได้พาบุตรชายและบุตรีไปเที่ยวภายในงาน พี่ใหญ่มีหน้าที่คอยดูแลน้องๆ ช่วยบิดาและมารดา แต่ทว่าความชอบของเด็กๆ นั้นต่างกัน บ่าวรับใช้ที่ติดตามมาจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลคุณชายทั้งสามและคุณหนูห้ามละสายตาพี่ใหญ่กับน้องเล็กอยากไปดูการละเล่นต่างๆ เช่นการโยนลูกศรให้ลงเป้าและการประลองหมากล้อมที่ใช้สติปัญญาในการเล่น ส่วนพี่รองกับพี่สามนั้นอยากไปชื่นชมการต่อบทกวี และฟังดนตรี ทั้งสี่คนจึงแยกเป็นสองกลุ่ม ฉีอันหนิงรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับการได้ออกมาเที่ยวงานเทศกาลโคมไฟวันหยวนเซียวซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกของนาง“ท่านพี่ใหญ่เจ้าคะ เราไปดูหมากล้อมกันก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” เสียงเล็กเอ่ยถามดังขึ้นมาแข่งกับเสียงของดนตรีที่บรรเลงดังอยู่ไม่ไกล“ดีสิ ไปกันเถิดน้องสี่”พี่ใหญ่มิได้ขัดใจน้องสาวตัวน้อย เขาจูงมือเล็กของนางเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปที่วงหมากล้อมพร้อมกับบ่าวที่เดินตามหลังมาถึงสี่คนหมากล้อมวงนี้กำลังประลองสติปัญญาการเดินหมากกันอยู่อย่างสนุกสนาน ฉีอันหนิงมองการประลองตรงหน้าด้วยความสนใจ พลางคิดการวางหมากไปพร้อมๆ กับผู้ที่กำลังประลองอยู่ ฉีอันหลงที่ยืนอยู่เคียงข้างกับน้อง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-04
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 4 ความสามารถที่เกินวัย

    การประลองโยนลูกศรลงกาปากสูงกลายเป็นจุดศูนย์รวมของผู้คนในงาน เพราะในยามนี้ได้มีร่างเล็กของเด็กหญิงกำลังจะแสดงความสามารถของนางให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของผู้ชม และผู้ที่นางเข้าไปท้าชิง มือเล็กถือลูกศรขึ้นมาทั้งสองอันก่อนที่จะโยนออกไปเบื้องหน้าที่มีกาปากสูงตั้งอยู่พร้อมกัน ผู้คนที่มองมาต่างลุ้นไปกับการโยนศรของเด็กหญิงที่มีหน้าตาน่ารักผู้นี้ ลูกศรไม้ไผ่ปลายแหลมคล้ายลูกธนูลอยละลิ่วลงไปในกาปากสูงทั้งสองอันอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงปรบมือดังกึกก้อง บุรุษหนุ่มที่ถูกเด็กหญิงท้าชิงถึงกับหน้าถอดสี“ข้าบอกท่านแล้วว่าอย่าเพิ่งกล่าวสิ่งใดออกมาก่อนที่จะได้เห็นจริงๆ” ฉีอันหลงเอ่ยออกมายิ้มๆ ก่อนที่จะมองไปยังน้องสาวของตนด้วยแววตาที่ฉายแววภาคภูมิใจ“เยี่ยมๆๆ” เสียงของผู้ที่ชมการประลองอยู่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือ เหลืออีกแปดดอกสำหรับลูกศรในมือ“เพิ่งลงแค่สองดอกอย่าเพิ่งดีใจไป ขนาดข้าเล่นทุกวันยังพลาดได้เลย”บุรุษหนุ่มผู้ที่ถูกเด็กหญิงท้าประลองเอ่ยออกมาด้วยท่าทางมั่นใจ มั่นใจว่าครั้งแรกที่เด็กน้อยผู้นี้ปาลงก็อาจจะเป็นเพราะความบังเอิญฉีอันหนิงมิได้มีท่าทีหวาดหวั่นแต่อย่างใด นางใช้สมาธิในการโยน น้ำหนักในการ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-04
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 5 ฝึกฝน

    หลังจากที่บิดารับปากว่าจะให้ฉีอันหนิงฝึกขี่ม้าแล้ว เขาก็ทำตามที่รับปากนางเอาไว้โดยให้บ่าวรับใช้คนสนิทของตน เป็นผู้ช่วยฝึกให้นาง ฉีอันหนิงหัวเร็ว เด็กหญิงสามารถขี่ม้าได้แบบไม่หวาดกลัว ต่างจากพี่รองที่มิเอาดีในด้านนี้เลยสักนิด พี่ใหญ่มองน้องสาวด้วยสายตาที่ภาคภูมิใจ เขาขี่ม้าเป็นก่อนน้องๆ เพราะเขาเองก็ฝึกขี่ม้าในวัยเดียวกับผู้เป็นน้องสาวเช่นกัน“เก่งมากหนิงเอ๋อร์ อีกหน่อยเจ้าก็ขี่ม้าแข่งกับพี่ได้แล้ว” ฉีอันหลงเอ่ยชมน้องสาวออกมา“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่ แต่น้องว่าน้องยังต้องฝึกให้บ่อยกว่านี้” ฉีอันหนิงถ่อมตน“รอเจ้าโตกว่านี้ก็แข่งตีคลีได้แล้ว ถึงยามนั้นสกุลฉีของเราคงมิมีผู้ใดสามารถเอาชนะได้แล้วล่ะ” เด็กหญิงส่งยิ้มให้กับผู้เป็นพี่ชาย ก่อนที่ทั้งคู่จะขี่ม้าเคียงคู่กันไป ซุนซุนมองตามคุณหนูสี่ไปด้วยสายตาเป็นห่วง“เจ้ามิต้องห่วงคุณหนูสี่หรอกซุนซุน คุณหนูสี่ของเจ้าเก่งเกินวัย นางเป็นเด็กที่มีความสามารถ”ลุงลู่ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากใต้เท้าฉีให้เป็นผู้ฝึกสอนคุณหนูสี่ขี่ม้าเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มลูกศิษย์เช่นนางมิมีผู้ใดที่มิอยากสั่งสอน เพราะคุณหนูสี่ความจำดี เรียนรู้เร็ว และอ่อนน้อมถ่อมตน นาง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-04
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 6 ความชอบที่ต่างกัน

    หนึ่งปีต่อมาร่างเล็กของเด็กหญิงวัยแปดปีกำลังขี่ม้าแข่งขันกับร่างสูงของเด็กชายวัยสิบสี่ปี เสียงร้องเรียกของบ่าวรับใช้ที่ข้างสนามทำให้สองพี่น้องชะลอความเร็วของม้าลง และค่อยๆ ขี่ม้ากลับมายังข้างสนาม ที่ซึ่งมีลุงลู่ ซุนซุน และหวงเทายืนอยู่ บ่าวชายรับม้าก่อนที่จะพาไปยังคอกม้า ส่วนคุณชายใหญ่และคุณหนูสี่ก็เดินนำทั้งลุงลู่และบ่าวรับใช้ทั้งสองกลับไปยังเรือนใหญ่“เป็นเช่นไรบ้างหลงเอ๋อร์ น้องสาวของเจ้า” ใต้เท้าฉีเอ่ยถามบุตรชายคนโตหลังจากรับประทานอาหารเย็นร่วมกันเสร็จ“ก้าวหน้ามากขึ้นแล้วขอรับท่านพ่อ อีกหกปีข้างหน้า ลูกว่าคงมิมีผู้ใดเอาชนะการตีคลีของสกุลฉีไปได้แล้วล่ะขอรับ” ฉีอันหลงตอบบิดาพลางมองหน้าน้องสาววัยแปดปี“ท่านพ่อ… ลูกยังอยากศึกษาวิชาการยิงธนูด้วยเจ้าค่ะ" คำขอที่ดังออกมาจากริมฝีปากเล็กของบุตรีทำเอาท่านเจ้าเมืองที่กำลังยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่มถึงกับต้องชะงักมือ“เจ้าแน่ใจหรือหนิงเอ๋อร์” ใต้เท้าฉีเอ่ยถามบุตรีของตนออกมาเพื่อความแน่ใจ“แน่ใจเจ้าค่ะ ยามนี้ลูกเห็นท่านพี่ทั้งสามได้เรียนวิชาขี่ม้ายิงธนู ลูกก็อยากจะฝึกบ้าง” เด็กหญิงวัยแปดปีกล่าวถึงเหตุผลออกมา“จะดีหรือเจ้าคะท่านพี่ เพียงแค่ขี่ม้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-04
  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 7 บุตรชายคนโตสกุลซ่ง

    สำนักวารีพยัคฆ์ เมืองตงฉวน แคว้นโจวหนานเด็กชายวัยย่างเข้าสู่วัยหนุ่มหลายคนกำลังฝึกฝนเพลงดาบกันอยู่อย่างตั้งใจ สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อในการฝึกผู้นำและเหล่าทหารหน่วยพิเศษที่จะถูกส่งตัวไปทำหน้าที่อยู่ตามเมืองต่างๆ ทั่วแคว้นโจวหนาน ฮ่องเต้แห่งแคว้นโจวหนานนั้นตระหนักถึงความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของชาวเมืองต่างๆ ทั่วทั้งแคว้น จึงมีคำสั่งให้จัดตั้งหน่วยพิเศษที่ีหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือเหล่าขุนนางและชาวเมืองหากพบเจอกับเรื่องราวที่มิสามารถแก้ไขได้ พวกเขาจะปรากฏตัวหากมีคดีพิเศษต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวได้ทันท่วงที“ฝีมือของเจ้าพัฒนาไปมากเชียวคุณชายซ่ง” อาจารย์หนุ่มเอ่ยชมเชยเด็กหนุ่มจากเมืองตงหลาง สกุลซ่งเป็นขุนนางมาหลายชั่วคน“ขอบคุณขอรับท่านอาจารย์ แต่ศิษย์ว่า ศิษย์ยังต้องเรียนรู้จากท่านอาจารย์อีกมาก”ซ่งมู่เฉินเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปีที่มีใบหน้าหล่อเหลา คิ้วโค้งคมประดุจดังกระบี่ จมูกโด่งสันเป็นคม ริมฝีปากอิ่มได้รูปฉีกยิ้มเห็นฟันซี่ขาวออกมา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มสะดุดตา อาจจะเป็นเพราะยามเขาฉีกยิ้มยามใด รอยบุ๋มที่แก้มก็ปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจน“เจ้าอย่าถ่อมตนไปเลย ตระกูลของเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-05

บทล่าสุด

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 13 - 1 บุตรีสกุลฉี

    “ใช่แล้วล่ะ… ตั้งแต่เริ่มได้ปฏิบัติหน้าที่จริงจังเขาก็เริ่มจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ขี้เล่นเช่นเมื่อก่อน ติดเคร่งขรึมและเย็นชา สงสัยจะติดมาจากหน้าที่การงาน อืม…ตอนนี้ท่านพี่ใหญ่ของเราได้เป็นหัวหน้าหน่วยแล้วนะ”เพียงปีกว่าเท่านั้น ซ่งมู่เฉินได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ดำเพราะสร้างผลงานเอาไว้มากมาย มิได้มีเพียงแค่กำลังที่เขาใช้ไป แต่เขายังใช้สติปัญญาคิดกลอุบายจนหลอกล่อให้เหล่าทหารและขุนนางที่โกงกินบ้านเมือง หวังรวยแบบมิถูกต้อง รับสินบนพวกกระทำผิดให้ติดกับและจับกุมกวาดล้างไปได้หลายราย“ท่านพี่ของเจ้าช่างน่านับถือจริงๆ”“เอาไว้ค่อยคุยกันนะอันหนิง ข้าขอตัวไปหาท่านพ่อท่านแม่ก่อน ท่านพี่ทั้งสามน้องขอลาก่อนเจ้าค่ะ” ฉีอันหนิงพยักหน้าเช่นเดียวกับพี่ชายทั้งสามของนาง ซ่งเจียวซินเดินจากไป ฉีอันหลงก้มมองปิ่นในมือพลางยิ้มน้อยๆ ออกมา“น้องเจียวซินโตขึ้นก็งามเหมือนกันนะขอรับ มิรู้ว่าผู้ใดจะเป็นผู้โชคดีได้ใจนางไปครอบครอง” ฉีอันลู่เอ่ยออกมาตามประสาคนที่สนใจเรื่องชาวบ้าน“สตรีนางใดก็มิงามและเก่งกาจเท่ากั

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 13 บุตรีสกุลฉี

    หนึ่งปีต่อมาสนามตีคลีกว้างขวางที่มีทั้งบุรุษและสตรีกำลังควบขี่ม้าแข่งขันตีคลีกันอยู่อย่างสนุกสนาน วันนี้ครอบครัวของใต้เท้าฉีได้พากันเดินทางมาร่วมงานตีคลีประจำปีของเมืองตงหลาง ฉีอันหลงก็ได้เดินทางกลับมาร่วมงานเพื่อลงแข่งขันคู่กับน้องสาวของตน หลากหลายสกุลพาบุตรชายและบุตรีมาร่วมงานเพื่อจะได้ทำความรู้จักกันเอาไว้ โดยเฉพาะเหล่าตระกูลขุนนางที่อยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลที่สามารถพึ่งพากันได้ในภายภาคหน้า“ใต้เท้าฉีนั่นบุตรีของท่านหรือขอรับ” ใต้เท้าหลงเอ่ยถามใต้เท้าฉีขณะที่กำลังนั่งชมการแข่งขันตีคลีรอบต่อไป“ใช่แล้วขอรับ นั่นหนิงเอ๋อร์ ส่วนเด็กหนุ่มผู้นั้นก็คือบุตรชายคนโตของข้าเอง นามว่าอันหลง” ใต้เท้าหลงมองไปยังร่างเล็กของเด็กหญิงวัยสิบปีที่มีใบหน้าฉายแววแห่งความงดงามออกมา“นางมีผู้ใดจับจองหรือยัง”“ฮ่าๆ ยังมิมีหรอกขอรับ นางยังเด็กนัก ยังมิทันได้เข้าพิธีปักปิ่นเลย” ใต้เท้าฉีรีบเอ่ยออกมา“เรื่องคู่ครองข้าคงจะมิบังคับนาง หากนางมีใจให้แก่ผู้ใด ข้าก็คงจะคล้อยตาม”เพราะฉีอันหนิงเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของเข

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 12 หน่วยพยัคฆ์ดำ

    ฤดูกาลผันเปลี่ยน ฤดูเก็บเกี่ยวเวียนมาถึง ชาวเมืองอยู่กันอย่างสงบสุข ท่านเจ้าเมืองมีความยุติธรรม ดูแลชาวเมืองประดุจดังลูกหลาน แต่ที่ไหนมีคนดีก็ย่อมจะมีคนชั่วปะปนอยู่ทั่วทุกหนแห่ง โจรภูเขากลุ่มหนึ่งตัดสินใจลงเขามายังเมืองตงหลางเพื่อที่จะปล้นของมีค่าและเสบียงกลับไปยังชุมโจร“เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าที่เมืองแห่งนี้ชาวเมืองมีอยู่มีกิน” หัวหน้าโจรเอ่ยถามลูกน้องที่ส่งลงมาสอดแนม“ขอรับนายท่าน ข้าลงมาสอบถามและสังเกตอยู่นานเกือบสัปดาห์ เป็นเช่นที่ข้ารายงานท่านไปจริงๆ ขอรับ” ลูกน้องโจรตอบออกมา“ถ้าเช่นนั้นคืนนี้เราจะลงไปปล้นเสบียงที่โรงเตี๊ยมที่อยู่ห่างจากตัวเมืองตงหลาง จะได้หาทางหนีทีไล่ทัน” หัวหน้าโจรที่มีหนวดเครารกรุงรังเอ่ยออกมา“ขอรับท่านหัวหน้า” ลูกน้องขานรับออกมาพร้อมกันก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปเตรียมอาวุธค่ำคืนที่เงียบสงัดภายในบ้านเมืองที่สุขสงบ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าค่ำคืนนี้มีตระกูลพ่อค้าที่โชคร้ายเดินทางมาค้าขายที่เมืองแห่งนี้และได้แวะพักที่โรงเตี๊ยมเป้าหมายของกลุ่มโจรเข้าพอดี กลุ่มโจรบุกเข้ามาในยามวิกาลและใช้กำลังข่มขู

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 11 - 1 พี่ชายใหญ่ไปศึกษาต่อในเมืองหลวง

    ณ เมืองตงฉวนเด็กหนุ่มรูปร่างสูงแต่ทว่ามีร่างกายกำยำกำลังทดสอบความสามารถในการขี่ม้า ยิงธนูให้เข้าเป้า และการใช้ดาบในการต่อสู้ การทดสอบครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะส่งผู้ที่ทำผลงานดีและผ่านการทดสอบไปประจำการตามเมืองต่างๆ ในแคว้นโจวหนาน“มู่เฉิน เจ้าสอบผ่านมาสองด่านแล้วใช่หรือไม่” สหายผู้หนึ่งของซ่งมู่เฉินเอ่ยถามเขาออกมาหลังจากที่อีกฝ่ายทดสอบด่านสุดท้ายเสร็จสิ้น“ใช่แล้วล่ะ ข้ายินดีกับเจ้าด้วยนะ เห็นว่าด่านสุดท้ายเจ้าก็ทำได้ดีเยี่ยมเลยนี่”“ขอบใจมาก อีกไม่กี่วันพวกเราก็ต้องแยกย้ายกันแล้ว เอาไว้มาดื่มกันก่อนที่จะกลับไปประจำการนะ” ต้าจงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“อืม…ได้สิ ถึงทีข้าละ ขอตัวก่อนนะต้าจง”อีกฝ่ายพยักหน้า ซ่งมู่เฉินจึงเดินไปยังด่านทดสอบสุดท้ายของปีนี้ นั่นก็คือการประลองดาบกับเหล่าศิษย์พี่ที่ได้กลับไปประจำการที่เมืองต่างๆ แล้วกลับมาคัดรุ่นน้องเพื่อติดตามตนกลับไปร่างสูงกำยำไปด้วยมัดกล้ามเดินถือดาบออกมารอรุ่นน้องที่เขาหมายตา ฟางต้าซู หนึ่งในหน่วยพยัคฆ์ดำที่ประจำการอยู่เมืองตง

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 11 พี่ชายใหญ่ไปศึกษาต่อในเมืองหลวง

    หนึ่งปีต่อมาณ ลานประกาศผลการสอบคัดเลือกขุนนางระดับท้องถิ่น หลายครอบครัวต่างพากันมายืนรอตรวจสอบรายชื่อของลูกหลานที่ได้เข้าสอบในปีนี้ และปีนี้ก็เป็นปีแรกที่สกุลฉีมีบุตรชายคนโตในวัยสิบห้าปีเข้ารับการสอบคัดเลือกขุนนางระดับซิ่วไฉ*เป็นปีแรก หนึ่งปีที่่ผ่านมาเขาตั้งใจศึกษาหาความรู้มิได้ขาด ใต้เท้าฉีนั้นมิได้คาดหวังว่าบุตรชายจะสอบผ่านในปีแรก แต่ฉีอันหลงกลับทำได้ดีกว่าที่คิดเขาสอบผ่านในลำดับอั้นโฉ่ว (ลำดับที่หนึ่ง) ซึ่งเป็นลำดับสูงที่สุดของการสอบซิ่วไฉ มีสิทธิ์เข้าสอบในระดับเซียงซื่อ*ต่อไปในปีหน้า โดยมิต้องรอไปอีกสามปีเช่นผู้อื่น ตระกูลที่มารอจับจองบุตรเขยต่างพากันสนใจเด็กหนุ่มที่มีความสามารถผ่านการสอบเค่อจวี่ในระดับซิ่วไฉได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ว่าฉีฮูหยินกลับดับความฝันของตระกูลเหล่านั้นเพราะนางเห็นว่าบุตรชายยังคงมิพร้อมที่จะมีภรรยาในยามนี้ นางและใต้เท้าฉีมิได้รีบแต่งภรรยาเข้าเรือนให้กับบุตรชาย รออีกสักห้าหกปีก็ยังมิสาย“น้องดีใจด้วยนะเจ้าคะท่านพี่ใหญ่" ฉีอันหนิงวัยเก้าปีเอ่ยออกมา“ข้าก็ดีใจกับท่านพี่ด้วยขอรับ”“ข้าก็ด้วย” ฉีอันลิ่งใ

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 10 เยือนจวนตระกูลฉี

    งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินท่านเจ้าเมืองผ่านไปท่ามกลางเสียงเล่าลือถึงความสามารถของบุตรชายและบุตรีของสกุลฉี โดยเฉพาะฉีอันหนิงที่ได้รับคำชื่นชมมากกว่าพี่ๆ นางแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า เด็กหญิงตัวเล็กๆ เช่นนางก็มีความสามารถที่มากล้น “เฉินเอ๋อร์ ลูกว่าเป็นเช่นไรบ้าง” ซ่งฮูหยินเอ่ยถามบุตรชายในเช้าวันต่อมา “เรื่องอันใดหรือขอรับท่านแม่” เขาไม่เข้าใจที่มารดาเอ่ยถามออกมา “บุตรีสกุลฉีอย่างไรล่ะ” ซ่งฮูหยินตอบออกมายิ้มๆ “นางเป็นเด็กที่น่าสนใจและมีความสามารถเกินสตรีขอรับ” เขาตอบก่อนที่ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ “ก่อนที่เจ้าจะกลับเมืองตงฉวน แม่อยากให้เจ้าลองไปทำความรู้จักน้องเอาไว้ก่อนได้หรือไม่ เพราะเอาเข้าจริงอีกสองปีกว่าเจ้าจะได้กลับมา ถึงยามนั้นเจ้าจะเปลี่ยนใจแม่ก็จะไม่ตำหนิเจ้า” ซ่งฮูหยินมิอยากให้บุตรชายพลาดเด็กหญิงที่ในอนาคตจะเติบโตไปเป็นสตรีที่เก่งและชาญฉลาดเช่นบุตรีของท่านเจ้าเมืองไป นางมิได้นึกแปลกใจหากเด็กหญิงจะเก่งเกินบุรุษ เพราะนางเชื่อว่าบุตรชายของนางผู้นี้สมควรที่จะมีสตรีเช่นนั้นคอยอยู่เคียงข้าง “เอ่อ… จะดีหรือขอรับ” เด็กชายลังเลใจ เขาเองเพิ่งจะอายุสิบสี

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 9 งานวันคล้ายวันเกิดฉีฮูหยิน

    งานเลี้ยงวันเกิดของฉีฮูหยินถูกจัดขึ้นภายในจวนสกุลฉี ขุนนางและครอบครัวทั่วเมืองตงหลางเดินทางมาร่วมอวยพรแก่ฉีฮูหยินด้วย และแน่นอนว่าสกุลซ่งก็ได้รับเทียบเชิญในครานี้เช่นกัน ใต้เท้าซ่ง ซ่งฮูหยิน ซ่งมู่เฉินและซ่งเจียวซินก็ได้เดินทางมาร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา“วันนี้ข้าจะมีการแสดงให้ท่านแม่ได้ชม” ฉีอันหนิงเอ่ยออกมาขณะที่กำลังนั่งนิ่งๆ ให้ซุนซุนหวีผม“คุณหนูสี่ไปฝึกฝนยามใดเจ้าคะ บ่าวมิเคยเห็นเลยนะเจ้าคะ” ซุนซุนเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจ“หึๆ ของพวกนี้มันอยู่ในความคิดของข้านี่”นางยกมือเล็กชี้นิ้วมายังศีรษะของนาง ซุนซุนถึงกับชะงักมือแล้วส่ายใบหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ใครจะว่านางโอ้อวดคุณหนูสี่ของนางก็ช่าง แต่คุณหนูสี่นั้นเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ มิว่านางคิดจะทำการสิ่งใดล้วนแล้วแต่สำเร็จ“วันนี้เจียวซินบอกว่าจะมาด้วยนะ” คุณหนูตัวน้อยที่ถูกมัดผมอยู่กล่าวออกมา“ตระกูลซ่งแน่นอนว่าต้องได้รับเทียบเชิญอยู่แล้วล่ะเจ้าค่ะ… ว่าแต่คุณหนูสี่มีการแสดงอันใดจะแสดงให้นายหญิงได้ชมเจ้าคะ” ซุนซุนเอ่ยถามออกมาด

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 8 แรกพบ

    ซ่งมู่เฉินกับจูจงฉีใช้เวลาเดินทางกลับมาจากเมืองตงฉวนเพียงหนึ่งวัน ระหว่างทางเขาได้พบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย จึงได้รับรู้ว่าแคว้นโจวหนานนั้นมิได้สงบสุขอย่างที่คิด เพราะวันนี้ระหว่างที่เขากำลังนั่งกินข้าวกลางวันอยู่ในโรงเตี๊ยมระหว่างทางกลับบ้าน เขาก็บังเอิญได้พบกับพวกนักเลงกลุ่มหนึ่งกำลังรีดไถเงินจากเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้“ใต้เท้า… ช่วงนี้โรงเตี๊ยมของข้าน้อยมิค่อยได้ต้อนรับแขกเท่าใดนักจึงทำให้ไม่มีเงินมาจ่ายส่วยให้กับพวกท่าน ได้โปรดละเว้นโรงเตี๊ยมของข้าน้อยไปสักระยะหนึ่งได้หรือไม่ขอรับ”เถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน เขาลำบากเพราะคนเหล่านี้มานานหลายปีแล้ว เขามิอาจรู้ได้ว่าบุรุษร่างโตเหล่านี้เป็นขุนนางหรือเป็นเพียงนักเลงรีดไถ แต่หลายปีที่ผ่านมาทางการก็มิเห็นจะมาจัดการปราบปรามให้เสียที แม้จะแจ้งไปหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม“ได้ยังไงกันวะ!! ชาวบ้านแถวนี้เขาจ่ายกันหมด เอ็งเป็นถึงเจ้าของโรงเตี๊ยมจะมิมีจ่ายได้เช่นไร และนั่นก็มีลูกค้านี่ อย่ามาโอ้เอ้ เอาเงินมา!! พวกข้าจักได้ไปเก็บเงินที่อื่นต่อ”หัวหน้านักเลงไม่ยอมแพ้ มีดดาบในมือของมันถูกจ่อไปที่ลำคอของเถ้าแก่โรงเตี๊ยม นัย

  • อันหนิง...ยอดหญิงแห่งตงหลาง   ตอนที่ 7 บุตรชายคนโตสกุลซ่ง

    สำนักวารีพยัคฆ์ เมืองตงฉวน แคว้นโจวหนานเด็กชายวัยย่างเข้าสู่วัยหนุ่มหลายคนกำลังฝึกฝนเพลงดาบกันอยู่อย่างตั้งใจ สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อในการฝึกผู้นำและเหล่าทหารหน่วยพิเศษที่จะถูกส่งตัวไปทำหน้าที่อยู่ตามเมืองต่างๆ ทั่วแคว้นโจวหนาน ฮ่องเต้แห่งแคว้นโจวหนานนั้นตระหนักถึงความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของชาวเมืองต่างๆ ทั่วทั้งแคว้น จึงมีคำสั่งให้จัดตั้งหน่วยพิเศษที่ีหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือเหล่าขุนนางและชาวเมืองหากพบเจอกับเรื่องราวที่มิสามารถแก้ไขได้ พวกเขาจะปรากฏตัวหากมีคดีพิเศษต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวได้ทันท่วงที“ฝีมือของเจ้าพัฒนาไปมากเชียวคุณชายซ่ง” อาจารย์หนุ่มเอ่ยชมเชยเด็กหนุ่มจากเมืองตงหลาง สกุลซ่งเป็นขุนนางมาหลายชั่วคน“ขอบคุณขอรับท่านอาจารย์ แต่ศิษย์ว่า ศิษย์ยังต้องเรียนรู้จากท่านอาจารย์อีกมาก”ซ่งมู่เฉินเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปีที่มีใบหน้าหล่อเหลา คิ้วโค้งคมประดุจดังกระบี่ จมูกโด่งสันเป็นคม ริมฝีปากอิ่มได้รูปฉีกยิ้มเห็นฟันซี่ขาวออกมา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มสะดุดตา อาจจะเป็นเพราะยามเขาฉีกยิ้มยามใด รอยบุ๋มที่แก้มก็ปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจน“เจ้าอย่าถ่อมตนไปเลย ตระกูลของเ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status