พริมโรสเดินออกจากห้องน้ำ ก็พบว่ามีชุดออกงานวางพาดไว้บนที่นอน หญิงสาวอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นชุดที่เขาจะให้สวม ซึ่งปิดทั้งคอทั้งแขน ตัวกระโปรงก็ยาวมาก คาดว่าคงจะปิดกระทั่งปลายเท้า มีกางเกงขายาวตัวใน มิหนำซ้ำเป็นสีพื้นทั้งชุดเสียอีก
แม่เจ้า!! จบงานนี้ฉันคงต้องเตรียมตัวเข้าคอนแวนต์ได้เลย ถ้าให้คลุมผมด้วยก็ไม่ต่างอะไรกับชุดของซิสเตอร์!!
เจ้าชายอิสราร์เดินออกมาจากห้องแต่งตัว ถือกล่องกำมะหยี่ทรงแบนขนาดใหญ่คล้ายกล่องเครื่องประดับติดมือมาด้วย
"รดาเลือกสีได้ถูกใจผมมาก แต่งตัวเร็วจะสวมเครื่องประดับให้"
"นี่ชุดประจำชาติหรือเปล่าเพคะ?" หญิงสาวเอ่ยปากถาม หยิบชุดขึ้นมาทาบตัว ทำให้เพิ่งจะเห็นแสงสะท้อนเหลือบประกายมุกของลวดลายบนเนื้อผ้ายามที่แสงไฟตกกระทบ
อ้อ! เป็นผ้าไหมทอมือนี่เอง สวยเหมือนกันแฮะ!
"รูปแบบน่ะใช่ แต่เนื้อผ้าเป็นของที่นี่ ผมเอาชุดของคุณไปเป็นต้นแบบ คุณจะออกงานในฐานะคู่หมั้นอย่างไม่เป็นทางการ แต่…” นัยน์ตาคมกริบราวกับมีดหรี่ลงคล้ายเตรียมจะแทงให้ทะลุเนื้อหนังมังสา เหลือบมองด้วยหางตา “ดูจากสีหน้าเหมือนคุณจะไม่ถูกใจ คงอยากจะแต่งชุดอื่นที่เปิดเผยเนื้อตัวกว่านี้สินะ?"
พริมโรสสะดุ้งในใจ รีบเงยหน้าขึ้นสบสายตารู้ทันของเขา ที่กำลังจับจ้องสีหน้าของเธออยู่ตลอด รีบพูดกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็วก่อนที่ภัยร้ายจะมาถึงตัว
"ไม่ๆ! ไม่ใช่อยู่แล้ว! แบบนี้ก็มิดชิดดี หม่อมฉันชอบมาก เพคะ!" สายตาเย็นชาพลันเปลี่ยนเป็นกระจ่างใส ยกยิ้มมุมปากอย่างรู้ทันในความลื่นไหล เอ่ยด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ
"ดี! งั้นก็เปลี่ยนเร็วๆ!" เขาวางเครื่องประดับไว้บนที่นอนแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ พริมโรสลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก คิดว่าที่เขาเลือกชุดเสียมิดชิดแบบนี้เป็นเพราะอยากจะดัดนิสัยของเธอเสียอีก รู้สึกโชคดีที่ไม่เผลอปากพล่อยวิจารณ์ออกไปให้งานเข้า ซึ่งถ้าเป็นชุดประจำชาติเธอก็เต็มใจใส่ ถึงรูปแบบจะเรียบง่าย แต่มาพอสังเกตใกล้ๆ แล้ว กลับเป็นความเรียบที่หรูและดูแพงมาก
พลันสายตายเหลือบไปเห็นกล่องเครื่องประดับจึงหยิบมาเปิดด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่แล้วก็ต้องเบิกตาโตกว้างแทบจะเท่าไข่ห่าน เมื่อเห็นสร้อยคอเพชรดีไซน์เลิศหรูอลังการงานเจ้าหญิงชุดใหญ่ รู้สึกทึ่งและชื่นชมในรสนิยมของท่านหญิงและผู้เป็นพี่ชายขึ้นมาทันที
ทั้งชุดทั้งเครื่องประดับ เลอค่าเข้าคู่กันอย่างลงตัวอะไรอย่างนี้!!
...
ทางรัฐบาลทีแลนด์เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์อย่างไม่เป็นทางการ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนและภริยา รวมถึงประเทศมหาอำนาจคู่เจรจา พริมโรสได้รับเกียรติจากเจ้าภาพในฐานะคู่หมั้นของมกุฏราชกุมารแต่ผู้ที่จะออกหน้าในการถ่ายรูปแทนร่วมกับผู้นำประเทศอื่นๆ นั้นคือรินรดา และวันนี้ทั้งท่านผู้หญิงและพระคู่หมั้นต่างก็แต่งหน้าแต่งตัวจัดเต็มมาก ไม่มีทางที่คนทั่วไปจะจำได้อย่างแน่นอน
พริมโรสสวมชุดแม็กซี่เดรสผ้าไหมพิมพ์ลายสีเทามุกแขนยาว คอตั้งสูง ตัวกระโปรงทรงเอไลน์ผ่าหน้าตลอดแนวจากเอวถึงความยาวกรอมเท้า รัดรูปช่วงลำตัวและแขน ปักเลื่อมสีเดียวกับเนื้อผ้าบริเวณลำตัวช่วงบน ช่วงแขน และสองแถบที่ผ่ากว้างประมาณห้านิ้ว ด้านในเป็นกางเกงขาเดฟสีเดียวกัน สวมสร้อยเพชรขาวบริสุทธ์ชุดใหญ่ประดับอยู่ที่คอ ทำผมม้วนเป็นมวยหลวมๆ อยู่ทางด้านหลัง เสียบไว้ด้วยปิ่นปักผมเพชรลวดลายเดียวกันกับสร้อย มีพู่ระย้าห้อยลงมาสามเส้นความยาวสั้นไม่เท่ากัน ปลายพู่ประดับด้วยเพชรกลมเม็ดเล็กๆ และไม่ได้สวมผ้าฮิญาบคลุมผม
ส่วนรินรดาจะสวมชุดราตรีเดรสยาวสีไวน์แดง สวมเครื่องประดับเพชรด้วยกันทั้งคู่ ถึงแม้ตัวเสื้อจะปิดตั้งแต่คอยันปลายเท้า แต่ไม่อาจปกปิดสัดส่วนโค้งเว้าทรงนาฬิกาทรายของทั้งสองสาวไว้ได้ โดยเฉพาะชุดของรินรดาที่เข้ารูปช่วงหน้าอกและบั้นท้าย เป็นจุดเด่นเสียจนตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งงาน แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันยังอดปรายตามองมาอย่างชื่นชมไม่ได้
สองสาวเดินเยื้องมกุฏราชกุมารผู้หล่อเหลาไปเล็กน้อย ส้นสูงสี่นิ้วทำให้สองสาวดูสูงเพรียวระหง ราวกับนางแบบที่กำลังพรีเซนต์เครื่องประดับและชุดที่สวมใส่มาในงาน มากกว่าที่จะเป็นคู่หมั้นและน้องสาวของผู้นำอันทรงเกียรติ
ชายหนุ่มปรายตามองภรรยาและน้องสาวอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะเข้าไปจับมือทักทายกับเจ้าภาพและภริยาที่ยืนรอรับอยู่ที่ประตูทางเข้า
“ชุดของคุณสวยมากเลยค่ะ สะท้อนแสงไฟยามเคลื่อนไหว ดูวาววับไปทั้งตัว” ภริยาท่านนายกฯ จับมือเชคแฮนด์กับสองสาวและหันมาพูดกับพริมโรส ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรก็มีคนตอบเป็นภาษาอังกฤษแทนเสียก่อน
“คุณหญิงตาแหลมจริงๆ นี่เป็นผ้าไหมของทีแลนด์ น้องสาวผมดีไซน์ชุดนี้เพื่อคู่หมั้นของผมโดยเฉพาะ โดยใช้วัตถุดิบของที่นี่”
“จริงหรือเพคะ! รู้สึกเป็นเกียรติที่ฝ่าบาทให้ความสนใจในผ้าไหมของเราถึงเพียงนี้ เป็นดีไซน์ที่หาที่ติไม่ได้เลยจริงๆ ค่ะ” ประโยคหลังคุณหญิงตราตั้งภริยาท่านนายกฯ หันไปชื่นชมรินรดา ซึ่งก็ยิ้มรับอย่างสุภาพ
ผลจากคำบอกเล่าของเขา ทำให้ภริยาของนายกรัฐมนตรีขออนุญาตพาคู่หมั้น และน้องสาว ไปแนะนำให้เหล่าบรรดาสตรีชนชั้นสูงของทีแลนด์ และภริยาผู้นำของประเทศต่างๆ ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว สองสาวลอบมองหน้ากันและกันรู้เจตนาของภริยานายกฯทันที จริงๆ แล้วเพียงต้องการจะขายของเท่านั้นเอง แล้วก็เป็นไปตามที่คาด หลังประโยคแนะนำตัวเสร็จก็เป็นการเชิญชวนให้ชื่นชมผ้าไหมของทีแลนด์ ผ่านการออกแบบจากมุมมองชาว-ต่างประเทศทันที
งานกาลาดินเนอร์ค่ำคืนนี้นอกจากผู้นำจากประเทศภาคีและประเทศมหาอำนาจคู่เจรจา ยังมีนักธุรกิจระดับชั้นนำที่ทรงอิทธิพลในวงการต่างๆ ของทีแลนด์เข้าร่วมอีกด้วย หนึ่งในนั้นคือรามิล เขามาในฐานะตัวแทนของพี่ชาย ซึ่งรายนั้นเบื่อการออกงานสังคมมาแต่ไหนแต่ไร งานเลี้ยงเพื่อธุรกิจแบบนี้จึงเป็นหน้าที่ของเขาไปโดยปริยาย
เขากำลังมองหาท่านทูตเปเรซ ประจำประเทศทีแลนด์ เพื่อทำความรู้จัก และหาข้อมูลแนวโน้มการลงทุนในเปเรซ ซึ่งไม่นานมานี้เขาเพิ่งจะได้รับการติดต่อจากนักธุรกิจของที่นั่น ชักชวนให้ร่วมทุนระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นโปรเจคที่น่าสนใจไม่น้อย
หลังจากการขึ้นกล่าวเปิดงานเลี้ยง อย่างไม่เป็นทางการของนายกรัฐมนตรีทีแลนด์ผ่านไป ก็เป็นแถลงการณ์ของผู้นำแต่ละชาติ ในการสร้างความสัมพันธ์ การแลกเปลี่ยนการทำงานของระบบธุรกิจทางเลือกในแต่ละประเทศที่กำลังส่งผลกระทบต่อโอกาสร่วมกัน จากนั้นก็ตามด้วยการแสดงของวงออร์เคสตรา และการโชว์ศิลปะวัฒนธรรม
ที่ห้องด้านข้าง ก็มีการจัดเป็นบุฟเฟ่ต์ ให้แขกที่เข้ามาพักในโรงแรมได้ร่วมรับประทานอย่างสำราญใจด้วยเหมือนกัน นอกจากความอลังการของบุฟเฟ่ต์ที่หรูหรา ด้วยอาหารนานาชาติที่หลากหลายแล้ว ยังมีวงดนตรีและการแสดงให้แขกได้รับชม เพื่อจะได้ดื่มด่ำเพลิดเพลินไปกับการรับประทานอาหารมื้อเย็นกันอย่างเต็มที่อีกด้วย
ไลลากับบิดา ก็ลงมาร่วมงานกาล่าดินเนอร์ ของโรงแรมเหมือนกัน ติดตามมาด้วยเนญ่าน้องสาวผู้ซื่อสัตย์ องครักษ์รีบเข้ามารายงานเจ้าชายทันที ที่เห็นสามพ่อลูกปรากฎตัว ที่ห้องจัดเลี้ยงด้านข้าง และดูเหมือนว่าตั้งใจจะเข้ามาในงานเลี้ยงรับรองนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเจ้าชายก็รีบกระซิบต่อน้องสาวทันทีเพื่อให้ออกไปรับหน้า ส่วนตัวเขาเองก็ขอตัวกับเจ้าภาพ แล้วจูงมือคู่หมั้นเดินออกไปตรงระเบียงด้านข้าง พาเดินลงไปที่สวนหย่อมของโรงแรม
รินรดาถอนหายใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องรับหน้าสองสาวผู้สูงศักดิ์คู่นี้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ซ่อนเร้นความรู้สึกไว้ในแววตา แล้วซ้อมฉีกยิ้มให้กว้างและหวานที่สุด จากนั้นเดินอย่างมั่นคงออกไปดักหน้าทันทีก่อนที่บุคคลทั้งสามจะเดินหน้าต่อ แล้วย่อกายทำความเคารพอย่างนุ่มนวล
“พี่หญิง! มาทีแลนด์ด้วยหรือเพคะ รู้ได้อย่างไรว่าพวกเราอยู่ที่นี่!” น้ำเสียงแสดงความประหลาดใจและสีหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่แววตากลับไม่บ่งว่าบอกว่ายินดีไปด้วยสักนิด
“ฉันเป็นน้องสาวคนเดียว! และพี่หญิงก็ไม่เคยนับสามัญชนเป็นน้องสาว เปลี่ยนสรรพนามเสียใหม่ด้วย แล้วก็ไม่ต้องมาขวาง พวกเราจะไปพบเชคฮ์!”
เนญ่าน้องสาวผู้ซื่อสัตย์ ออกโรงเป็นกันชนแทนพี่สาว ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ส่อแววว่าจะทำให้เสื่อมเสียเกียรติ หรือทุกเรื่องที่ต้องปะทะกับผู้คน ไลลาจะให้น้องสาวคนนี้ออกหน้าอยู่เสมอ ซึ่งหญิงสาวก็เต็มใจทำเสียด้วย เพียงแค่หวังสูงอยากได้ข้อแลกเปลี่ยนโง่ๆ เพียงข้อเดียว
เนญ่าหลงรักเชคฮ์อิสราร์ และมาสารภาพกับเธอตามตรง ปวารณาตัวว่าจะไม่ขอแย่งชิงอำนาจปกครองใดๆ จะยอมเชื่อฟังและทำตามคำสั่งทุกอย่าง เพียงแค่ขอเป็นภรรยาอีกคนของเขาเท่านั้น
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร โมสเลมมีภรรยาได้สี่คนอยู่แล้ว ถ้าภรรยาคนแรกอนุญาตก็ไม่ผิดต่อหลักการแต่อย่างใด ต่อให้สวามีเธอไม่สนใจ มีทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ไว้รองมือรองเท้าเป็นญาติสนิทที่ไว้ใจได้ ก็ย่อมดีกว่าคนอื่นอยู่แล้ว
“ต้องขอประทานอภัย เชคฮ์กำลังสนทนาเรื่องสำคัญกับผู้นำประเทศท่านหนึ่งอยู่ คงไม่สะดวกที่จะให้เข้าเฝ้าเพคะ”
“อย่ามาขวาง! บิดาฉันเป็นใคร! ทำไมต้องให้พวกฉันมานั่งรอ หลีกไปเดี๋ยวนี้! อย่ามาเกะกะ!” ถึงแม้เนญ่าจะขึ้นเสียงไม่ดังนัก แต่ที่คนอยู่ใกล้ก็พอได้ยิน ดังนั้นองครักษ์ทั้งห้าจึงยืนเรียงหน้ากระดาน เตรียมความพร้อมอยู่ด้านหลังท่านหญิง
รินรดาลอบเบะปากในใจ รู้สึกเอือมความถือเนื้อถือตัวในราชกุลของคนตระกูลนี้เหลือเกิน
เจ้าหน้าที่ของทีแลนด์คนหนึ่งรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ ท่านหญิงจึงชี้แจงว่า เป็นท่านอาของเจ้าชายเผอิญมาเที่ยวทีแลนด์รู้ว่าเจ้าชายพักอยู่ที่นี่จึงมารอพบเพื่อทักทาย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญให้ไปนั่งรอที่โซฟารับแขกด้านหน้าเวที ซึ่งคนทั้งสามก็เดินตามไปแต่โดยดี
…
พริมโรสข่มอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้ ขณะเดินไปตามแรงจับจูงของเขา เธอมองเห็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องลุกหนี และทำให้นึกไปถึงฮัลดา เธอแน่ใจเขาต้องมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงคนนั้นด้วยแน่ๆ ไม่อย่างนั้นฮัลดาจะทำสีหน้าและแววตาเหมือนเป็นต่อเธออยู่หลายขุมแบบนั้นทำไม
และที่เขาลุกหนีมานี้ก็เช่นกัน ปากบอกเพื่อเป็นการปกป้อง แต่การกระทำคล้ายอยากปกปิดเธอไว้เสียมากกว่า ยังมีอีกกี่รายที่เขาไม่ได้เปิดเผยให้เธอรับรู้
"ถ้าวันนึงหม่อมฉันทำให้ฝ่าบาทเสียพระทัย ฝ่าบาทจะทำอย่างไรเพคะ?" หญิงสาวหันไปมองเสี้ยวหน้าคมสันของเขา ขณะถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เจ้าชายอิสราร์ชะงัก มองสีหน้าที่แปลกไปของหญิงสาวด้วยความหวาดหวั่น ความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่งผุดขึ้นภายในใจ
"ทำไมอยู่ๆ ถึงถามประโยคนี้ขึ้นมา?" ชายหนุ่มหรี่ตาลง สีหน้าแววตาดูอันตราย คล้ายกำลังเตรียมจะรับศึกอะไรสักอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด
พริมโรสหลบตา พยายามกล้ำกลืนความคิดอย่างหนึ่งเอาไว้ เพียงแค่นึกถึงในหัวใจก็รู้สึกห่อเหี่ยวไปหมด เธอนั่งลงบนพื้นหญ้านุ่ม ถอดส้นสูงออกทีละข้างก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
"ไม่มีอะไรเพคะ แค่คิดเล่นๆ ว่า ถ้าวันหนึ่งฝ่าบาทมีคนอื่น หม่อมฉันจะทำอย่างไร" ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อนเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
ชายหนุ่มทรุดกายลงนั่งข้างกัน มองหญิงสาวเขม็ง แสงไฟวอร์มไวท์ในสวน ส่องให้เห็นใบหน้าขาวนวลรำไร ภายใต้เงาไม้บดบัง ขนตายาวเป็นแพหลุบลงปิดบังความอ่อนไหวในแววตา แผ่นหลังเหยียดตรงในลักษณะมุ่งมั่นโดดเดี่ยว เป็นลักษณะที่มักจะขัดแย้งอยู่ในตัวเองของเธอเสมอ ทั้งอ่อนแอและน่าทะนุถนอมไปในเวลาเดียวกัน
ใบหน้าคมคายคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม กำลังเพ่งมองเธออย่างใช้ความคิด เขาชอบสิ่งย้อนแย้งในตัวเองของเธอแบบนี้ นับตั้งแต่ที่ได้เจอเธอครั้งแรกก็รู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนใคร และเป็นคนที่เขารอคอยมาเกือบครึ่งค่อนชีวิต
"แล้วคุณจะทำอย่างไร?" ชายหนุ่มถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้ ใบหน้านวลงามหันขวับมาคลี่ยิ้มบางๆ คล้ายนางมารร้าย จนแทบจะได้กลิ่นอายความอำมหิตลอยวนอยู่ในอากาศ
"หม่อมฉันก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คงไม่คิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่จะใช้มีดในมือเจี๋ยนไอ้หนูของฝ่าบาท แล้วเอาไปโยนให้เป็ดกินแทน!" พอพูดจบก็หัวเราะคิก จนพวงแก้มแดงก่ำ คล้ายนางมารน้อยที่กำลังวางแผนซุกซน
เจ้าชายอิสราร์เงียบกริบไม่ได้หัวเราะไปด้วย เขารู้ดีว่าเธอไม่ได้ล้อเล่น เพราะดวงตาของเธอไม่มีรอยยิ้ม เขาดึงร่างบางมากอดไว้แนบอก การที่เธอดิ้นรนขัดขืนทำให้ยิ่งแน่ใจว่าตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่ แขนแข็งแกร่งออกแรงกอดมากขึ้น จนหญิงสาวยอมสงบจึงคลายแรงกอดรัดออกเล็กน้อย รู้สึกโมโหที่เธอไม่เชื่อใจ เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งพยายามจะสะกดอารมณ์ ก่อนจะพูดขึ้นมา
"เป็ดมันคงบ้วนออกมา แล้วเอามาปาใส่หน้าคุณ! พร้อมกับบ่นว่าไอ้หนูของผม คงเหมาะที่จะเอาไว้ให้คุณอม มากกว่าเอาไปให้มันกัดแทะ!" พริมโรสได้ยินดังนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา ทำให้เขายิ่งรู้สึกโมโหที่เธอเห็นเป็นเรื่องขบขัน พลิกตัวกดร่างบอบบางลงไปกับพื้นหญ้าทันที
"ผู้หญิงไร้จิตสำนึก! เพิ่งจะจดทะเบียนยังไม่ทันข้ามวัน ก็คิดจะตัดไอ้หนูของผัวเสียแล้ว! ช่างไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี!"
พริมโรสเห็นนัยน์ตาดุดันเหี้ยมเกรียม ของเขาก็นึกหวาดหวั่น คิดว่าคงโดนจูบลงทัณฑ์อย่างหนักหน่วงจนต้องห้อเลือดแน่ๆ แต่สิ่งที่เขาทำคือคว้าแขนเธอยกขึ้น แล้วก้มลงไปกัดที่ต้นแขนอ่อนๆ จนเต็มเขี้ยว หญิงสาวอ้าปากค้าง หยาดน้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะตวาด เขาก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอเสียก่อนแล้ว
หลังจากได้ระบายโทสะที่อัดแน่น อยู่ในอารมณ์ออกไปเขาก็สงบลง ก้มลงจุมพิตภรรยาอย่างดูดดื่ม จูบซับน้ำตาให้อีกด้วย ราวกับโทสะนั้นได้มลายหายสิ้นไปแล้ว
…
รินรดาเดินตามไปข้างหลังแขกที่ไม่ได้รับเชิญทั้งสามท่านไป จนพวกเขานั่งลงเรียบร้อย จึงหยิบโทรศัพท์พิมพ์ข้อความส่งหาพี่ชายทันที
ตึ้ง!!
เจ้าชายอิสราร์ กำลังจูบภรรยาในอ้อมแขน อย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อเรียกความไว้เนื้อเชื่อใจให้กลับคืนมา แม้ได้ยินเสียงข้อความเข้า แต่พระองค์ก็ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย
“ฝ่าบาท! หยุดก่อน! ไม่ได้ยินหรือเพคะ?”
“ได้ยิน! จะมีอะไรสำคัญไปกว่าได้จูบเมียอีก!” เขาพูดจบก็ซุกลงที่ซอกคอก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมเฉพาะตัวของเธอ
พริมโรสหัวเราะ ดิ้นหลุดไปจากอ้อมแขนจนได้ เขาส่งสายตาดุมองมาอย่างคาดโทษ แล้วหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูข้อความ
[ พี่ชาย! ชัยค์เคาะฮ์ไลลามาขอพบ อนุญาตหรือไม่? ]
เขาพิมพ์ตอบกลับไปทันที
[ ไม่ ]
รินรดาหลุดขำพรืดออกมาเมื่อได้รับข้อความ สมกับเป็นพี่ชายของเธอจริงๆ จึงพิมพ์ส่งไปอีกประโยค
[ ฝ่าบาท .. หม่อมฉันเห็นว่าไม่ควรปฏิเสธ นอกจากจะทำให้เสียพระเกียรติของเจ้าหญิงแล้ว ยังแสดงออกถึงความไม่เป็นสุภาพบุรุษของมกุฏราชกุมาร ]
[ ฉันสุภาพกับเมียเท่านั้น! ]
อื้อหือ! ผู้ชายคลั่งรัก! อาการหนักเหมือนกันนะนี่!
รินรดาถอนใจ หันมารับหน้าสามพ่อลูก
“ฝ่าบาท! หม่อมฉันทูลให้เชคฮ์ทรงทราบแล้ว เดี๋ยวหม่อมฉันไปสั่งให้เด็กๆ จัดอาหารมาให้นะเพคะ!” รินรดาพูดจบ ก็หมุนตัวกำลังจะออกเดิน แต่รองเท้าส้นเข็มดันไปเกี่ยวกับพื้นพรมที่เป็นขุยทำให้ชะงัก และเสียหลักทำท่าจะล้ม
รามิลได้แจ้งกับเลขาท่านทูตเปเรซไว้แล้วว่า จะขอพบทันทีที่ท่านคุยธุระเสร็จ จากนั้นเขาก็ไปทักทายท่านนายกฯตามมารยาท แต่ขณะที่กำลังเดินลับมุมตรงหน้าเวที จู่ๆ หญิงสาวคนหนึ่งก็ทำท่าว่ากำลังจะล้ม เขาจึงรีบเดินเข้าชิดโดยอัตโนมัติ เพื่อให้เธอได้เกาะไหล่เขาไว้เป็นหลักพยุงตัว “ว้าย!! เอ่อ..ขอบคุณค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยขอบคุณเขาเป็นภาษาอังกฤษรองเท้าส้นสูงของรินรดากำลังพลิก ขาข้างหนึ่งเสียศูนย์ทำให้ตัวเอียง โชคดีว่าสุภาพบุรุษคนนี้ก้าวเข้ามายืนชิดทันทีที่เห็นเหตุการณ์ และจังหวะที่ร่างสูงเบี่ยงตัวเล็กน้อยทำให้เสื้อสูทเปิดออก ฝ่ามือซ้ายของเธอก็ทาบไปที่หน้าอกด้านซ้ายของเขา ผ่านเสื้อเชิ้ตเนื้อบางจนแทบจะเหมือนสัมผัสถูกกับเนื้อหนัง ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งของเขาจับข้อศอกเธอไว้ มืออีกข้างทาบลงบนหลังมือของเธออย่างไม่รู้ตัว“อุ้ปส์!” รินรดาตกใจดึงมือออก เพราะเหมือนกับมีประจุไฟฟ้าช๊อตที่ฝ่ามือแล้วแล่นปราดมาตามแขนพุ่งเข้าสู่หัวใจองครักษ์ถลาเข้ามาพยุงให้เธอทรงตัวขึ้น หญิงสาวเหลือบสายตาไปเห็นสีหน้าของสุภาพบุรุษคนนั้น ซึ่งเห็นว่าเขาก็ตกใจเช่นเดียวกัน ดูเหมือนจะตัวแข็งค้างราวกับกำลังเกิดอาการช็อกจากอะไรสักอย่าง เธอกำ
“อะไรนะ!! มันกล้าพูดออกมาแบบนี้!?!” ท่านอักมัลตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้ง รู้สึกอารมณ์เสียแต่เช้าเมื่อรู้ว่าลูกสาวสุดรักสุดหวงถูกเหยียดหยาม ความไม่พอใจจากเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา นับจนถึงตอนนี้จึงมีมากเป็นทวีคูณ“เพคะ! ท่านพี่โมโหจนเกือบเสียกิริยาออกไป ท่านพ่อต้องอย่าปล่อยให้เขามาหยามเกียรติตระกูลของเรานะเพคะ!” เนญ่ารู้ว่าการที่สาดน้ำมันราดเข้ากองไฟให้ยิ่งลุกโหม จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ตัวเองต้องการ เพราะพี่สาวเป็นคนที่ชอบเอาชนะ และบิดาก็จะต้องทำทุกทาง เพื่อให้ลูกสาวคนโปรดได้ทุกอย่างสมดังใจผู้เป็นพ่อมองลูกสาวคนโตที่นั่งเงียบอย่างใช้ความคิด เขาเพิ่งจะได้รับข่าวการเคลื่อนไหว ของคนผู้หนึ่งก่อนที่จะมาทีแลนด์ และไม่แน่ว่าบุคคลผู้นี้ จะนำพาเขาและลูกสาวไปถึงเป้าหมายได้เร็วกว่าการแต่งงานกับอิสราร์เสียอีก เพียงแต่คิดว่าจะทำยังไงให้เธอเห็นด้วยกับวิธีของเขา และยอมทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข“มันหยามเกียรติลูกกี่ครั้งแล้ว นับวันยิ่งหนักข้อขึ้นทุกที แล้วอย่างนี้ยังต้องการแต่งงานกับมันอยู่อีกรึ?” เขาหันไปถามลูกสาวสุดรักสุดหวงอย่างขัดใจ“แต่ลูกมองไม่เห็นใครที่โดดเด่น และเหมาะสมกับลูกเท่ากับเขาอีกแล้ว!”
พริมโรสหันหลังให้เวทีทันที เมื่อเห็นผู้แทนพิเศษจากเปเรซขึ้นไปยืนจับมือกับบรรดาผู้นำแต่ละประเทศ เพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้ถ่ายรูป หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบห้อง แสกนหาสิ่งผิดปกติจากความเคลื่อนไหวเพื่อความเรียบร้อย จากนั้นล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อ รีบกดเปิดแอปพลิเคชันแชทเลือกชื่อผู้รับ แล้วพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไปอย่างรวดเร็ว กดปุ่มส่งแล้วสอดเก็บในเสื้อสูททันทีโดยที่ไม่ได้ดูหน้าจอด้วยซ้ำ“ฉันนี่แทบจะกรีดร้อง! ทำไมเจ้าชายเปเรซถึงงานดีขนาดนี้นะ!” พริมโรสเหลือบตาดูคนตรงหน้า เห็นนักข่าวคนหนึ่งหน้าตาแดงระเรื่อ แววตาคลั่งไคล้ ยกหลังมืออุดปากทำท่าคล้ายอยากจะกรีดร้องออกมาจริงๆ“ใช่ๆ เห็นแล้วน้ำเดิน! งานดีขนาดนี้ไม่ควรมีคนเดียวในโลกจริงๆ!”ข้างบนเวทีถ่ายรูปเสร็จแล้ว และกำลังทยอยเดินกันลงมา เจ้าชายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความที่เข้ามาก่อนหน้านี้ พลันปากอ้าตาค้าง สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ตะลึงงันจนขาชะงักนิ่งยืนอยู่กับที่ แต่แล้วก็ยกยิ้มมุมปากอย่างยากสังเกตเห็น ความยโสบนใบหน้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย แววตาอ่อนโยนทอดมองไปยังแผ่นหลังเล็กบางของคนที่อยู่ข้างหน้าเวทีด้านล่างอย่างอบอุ่น“ตายแล้ว
ฝ่ายองครักษ์ชักปืน ยิงปะทะกับคนร้ายเสียงลั่นสนั่นเมือง จนรถยนต์ที่สัญจรไปมาทางฝั่งคู่ขนาน ต้องหักรถหลบเบี่ยงหนีวิถีกระสุนกันเป็นการใหญ่ ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว พร้อมกับเปล่งเสียงอุทาน รู้สึกเหมือนถูกบางอย่างกระแทก และเจาะเข้าไปในผิวเนื้อที่ขาอย่างรุนแรง ก่อนจะรู้สึกหนักและชาไปทั้งแถบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้คลายแรงที่กอดรัดร่างเล็กบางออกแม้แต่น้อยแต่แล้วเสียงรัวสาดกระสุนนัดแล้วนัดเล่าก็หยุดลง พร้อมกับร่างของคนร้ายที่ถูกระดมยิงจุดตายที่ไร้สิ่งป้องกัน จนเป็นรูพรุนไปทั่วใบหน้า และลำคอ แทบมองไม่เห็นเนื้อดี อาบด้วยสีแดงฉานที่เต็มไปด้วยเลือดทั่วทั้งร่าง นอนแผ่หราท่ามกลางปลอกกระสุน ที่ร่วงกราวราวกับลูกเห็บอย่างน่าสยดสยอง“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท! หัวหน้า!” บรรดาองครักษ์ที่รอดชีวิตกรูกันมาดึงร่างที่ไร้ชีวิต ของเพื่อนร่วมงาน ที่นอนทับถมบนตัวของเจ้านายออก “โรส! คุณเป็นไงบ้าง?” เสียงทุ้มกระซิบถามเสียงแผ่วโหย ดูอ่อนแรงอย่างผิดปกติ“หม่อมฉันจะไม่กินกล้วยทับอีกเลยตลอดชีวิต!” หญิงสาวพูดเล่นด้วยความโล่งใจหวังจะให้เขาหัวเราะ แต่เขากลับหน้าซีดจนแทบไม่มีสีเลือด“โอ๊ย!!” ชายหนุ่มร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แล้วกัดฟันแน่
“หัวหน้าจากสัญญาณจีพีเอส เป้าหมายอยู่อาคารทางขวามือนี้ครับ!”“เลี้ยวเข้าไปเลย!”คนขับรถได้เลี้ยวเข้าไปในโมเทล และจอดใกล้กับตำแหน่งของหมุดที่ปักอยู่บนแผนที่ในสมาร์ทโฟน ซึ่งอยู่ด้านหน้าที่จอดรถของห้องหนึ่งที่มีม่านปิดบังไว้อย่างมิดชิด ชายฉกรรจ์ร่างกำยำที่มีรอยแผลเป็นตรงกึ่งกลางคิ้วซ้าย ได้เปิดประตูลงมาจากรถเป็นคนแรก พร้อมชักอาวุธออกมาจากซองปืนข้างเอวมาเตรียมพร้อมไว้ในมือ ตามมาด้วยชายคนที่ถือสมาร์ทโฟน เขามีหน้าที่คอยตรวจจับหาสัญญาณจีพีเอสจากชิปติดตามตัวของเชื้อพระวงศ์พระองค์หนึ่ง คนขับรถเปิดประตูลงมาทีหลัง แต่เดินนำหน้าไปก่อนอย่างรวดเร็ว เขายื่นมือกำผ้าม่านที่บังสายตาสะบัดไปข้างหนึ่งให้เปิดออกกว้าง แล้วเบี่ยงตัวหันไปมองชายที่มีรอยแผลเป็นที่เดินตามมาด้านหลัง ซึ่งก็พยักหน้าเป็นการยืนยันทันที ที่เห็นว่าเป็นรถยนต์ของเป้าหมายที่กำลังตามหาอยู่ชายคนที่ทำหน้าที่ตรวจจับสัญญาณ มองที่หน้าจอสมาร์ทโฟน ตรงตำแหน่งปัจจุบันของลูกศร เขาเงยหน้าขึ้นแล้วชี้นิ้วทำสัญญาณมือไปยังห้องที่ปิดสนิทอยู่นั้นคนขับรถชักปืนออกมาเตรียมพร้อม แต่ขณะที่กำลังจะเดินตรงไปที่ประตู กลับมีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น ที่ด้านหลัง
“ฝ่าบาท…ชัยเคาะฮ์ไลลามาขอพบพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายอิดรีส กำลังดูข่าวเหตุการณ์ระเบิด ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติในทีวี พอได้ยินชื่อของคนที่มาพบจึงเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจไลลาเดินตามหลังเด็กรับใช้เข้ามาด้านใน ฝืนข่มความรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจลึกๆ เนื่องจากเคยได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับอุปนิสัยของท่านลุงซึ่งเป็นบิดาของเขา ที่มีพฤติกรรมคล้ายกับพวกไซโคพาธ ที่มีความผิดปกติทางจิตใต้สำนึก ขาดความยับยั้งชั่งใจ ไม่เกรงกลัวต่อการกระทำผิด อย่างการลอบวางยาพิษสังหารบิดา ทั้งยังปลอมแปลงพระบรมราชโองการแต่งตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ เขาซึ่งเป็นลูกชายย่อมมียีนที่ไร้จิตสำนึก ของฆาตกรถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม มาบ้างเป็นแน่ แต่ระดับของความรุนแรงจะน้อยหรือมาก คงขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูในวัยเด็กประกอบไปด้วยเธอได้ยินมานานแล้วว่า เขาเป็นคนเก็บตัวไม่ออกสื่อ ทั้งยังเป็นพวกชอบต่อต้านสังคม เย็นชาและไม่แยแสกับทุกสิ่งรอบตัว และอีกกระแสหนึ่งก็บอกว่าเขาเป็นพวกเพลย์บอยเจ้าชู้เสเพล เป็นด้านมืดที่ไม่เปิดเผยให้ใครได้เห็น ยิ่งทำให้เธอมั่นใจว่าเขาคงมีความสับสนเกี่ยวกับบุคลิกภาพในตัวเองอยู่พอสมควร และคงได้รับความผิดปกตินั้นมาด้วยเป็นแน่แท้ เพีย
พนักงานส่วนใหญ่เลิกงานแล้ว แต่รามิลกับเลขายังต้องอยู่ล่วงเวลาเป็นประจำทุกวัน เขากำลังเซ็นเอกสารอนุมัติ พลันเหลือบไปเห็นแสงสว่างที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างแฟ้ม จึงสไลด์กดรับแล้วเปิดสปีคเกอร์โฟน“พี่ชาย!”“ว่าไง! มีอะไรด่วนหรือเปล่าโทรมาป่านนี้?”“ยายหนูค่ะ อยู่ๆ ก็หลับไปยี่สิบชั่วโมง เป็นแบบนี้มาสองวันแล้ว ศิดากับคุณรามเลยพาแกไปโรงพยาบาล หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคเจ้าหญิงนิทราที่ทำให้อยู่ในภาวะหลับนาน แกตื่นมาตอนหิวแล้วก็กินเยอะมาก จำใครไม่ได้เลยเหมือนกำลังละเมอ แล้วก็หลับไปอีก พี่ชายจะมาเยี่ยมแกหน่อยไหมคะ?”“ภาวะแทรกซ้อนอื่นล่ะ?”“ไม่มีค่ะ แสกนสมองก็ปกติ คุณหมอยังแปลกใจ”“เคยล้มหรือได้รับความกระทบเทือนถึงสมองหรือเปล่า ทำไมหลับมาราธอนขนาดนั้น?”“ไม่เคยเลยค่ะ ศิดายืนยัน! และนี่แหละที่คุณหมอยังหาสาเหตุไม่ได้ เพราะคนในครอบครัว ก็ไม่มีใครมีความผิดปกติในเรื่องนี้เลย.. พี่ชาย! ยังมีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ! เลขาศิดาเพิ่งจะเอามาให้ดู มีบทสัมภาษณ์ของเจ้าชายเปเรซพระองค์หนึ่งในแมกกาซีน ทีนี้มีอยู่ภาพหนึ่งถ่ายติดหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังท่าน หน้าเหมือนศิดาราวกับฝาแฝดเลยค่ะ ถึงแม้จะหันข้างแต่ดูยังไง
เขาถอนปากออกมาเล็กน้อย ก่อนจะขยับใบหน้าแนบชิดสัมผัสกับกลีบปากนุ่มอีกครั้ง ขบเม้มอย่างอ้อยอิ่ง บดคลึงแล้วดูดดึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนริมฝีปากอิ่มบวมแดงไปหมด ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งรู้สึกถึงความหอมหวาน ไม่ว่าจะตักตวงเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอร่างเล็กบางประกบอยู่ระหว่างความร้อนผ่าวจากตัวเขา และความแข็งเย็นของผนัง แผงอกหนาภายใต้เนื้อผ้าเสียดสีกับความอวบอิ่มใต้บราเนื้อบางอย่างจงใจต้นขาด้านในถูกความแข็งนูน ที่กำลังร้อนจัดจากร่างของเขาแผดเผาทั้งที่มีเสื้อผ้ากีดขวางอยู่ ความรู้สึกเสียวซ่านยากจะบรรยายเกิดขึ้นจากจุดที่อ่อนไหวแล้วค่อยๆ ลุกลามแผ่ซ่านไปทั่วท้องน้อยพร้อมกับความวาบหวิวที่แทรกซึมไปทั่วทั้งร่าง แรงต่อต้านของเธอแทบจะไม่มีเหลือแล้วชายหนุ่มครางเสียงต่ำในลำคอ ปลายลิ้นว่องไวไล้ความชุ่มชื้นตรงผนังด้านในริมฝีปากล่างนุ่มอุ่น ก่อนจะถอนริมฝีปากออก ลมหายใจเป่ารดอยู่ที่ใบหูบอบบางเบาๆ ขณะที่ฝ่ามือใหญ่ อุ่นร้อนสอดเข้าไปใต้บราเนื้อบางทางด้านหลัง แล้วปลดตะขออย่างคล่องแคล่ว ลูบไล้แผ่นหลังที่ร่างเปลือยเปล่า นุ่มเนียนมืออย่างอดใจไม่ไหว จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนมาด้านหน้าแล้วกอบกุมไว้เต็มในอุ้งมือ เคล้นคลึงความ
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้