หลายชั่วโมงต่อมา 12.30 น.
“พราว เที่ยงครึ่งแล้วไปกินข้าวกัน” ฉันที่กำลังนั่งศึกษาเอกสารต่างๆ บนโต๊ะอย่างตั้งอกตั้งใจ ถึงกับต้องรีบเงยหน้าขึ้นไปตามเสียงเรียกของพี่องศาทันที
“ได้เวลากินข้าวแล้วเหรอคะ?”
“ครับ พราวอยากกินอะไรมั้ย เดี๋ยวพี่พาไป” อยากกินอะไรงั้นเหรอ แถวนี้มีอะไรให้กินบ้างนะ
“พี่องศาเลี้ยงพราวเหรอคะ” ฉันแกล้งถามคนตรงหน้าออกไป แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้ใจของฉันสั่นระรัว
“ให้เลี้ยงไปทั้งชีวิตเลยมั้ย ได้นะพี่ชอบเลี้ยงเด็ก” เลี้ยงเด็กบ้าอะไรของเขา พูดออกมาซะจนฉันคิดไปไกลแล้วเนี่ย
“พราวไม่ใช่เด็กแล้วค่ะ พี่องศานี่ยิ่งแก่ยิ่งความจำเลอะเลือน” ฉันบ่นอุบอิบให้คนตรงหน้า
“เดี๋ยวพี่จะบอกไอ้เพทาย ว่าพราวด่ามันแก่”
“พี่องศา”
“ว่าไงครับ เด็กน้อย” พอ ฉันจะเลิกพูดกับพี่เขาแล้วจริงๆ
หลายวันต่อมา…
KM PUB 22.45 น.
“น้องกูฝึกงานเป็นไงบ้าง ทำมึงปวดหัวมั้ย?” ไอ้เพทายที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ข้างๆผมตอนนี้ เอ่ยถามขึ้น
“หัวไวดี สอนอะไรจำได้หมด” ผมตอบมันไปตามความจริง คือพราวฟ้าเธอเป็นคนหัวไวมาก พูดไม่กี่คำเธอก็เข้าใจหมดเลย แต่ติดอยู่อย่างเดียวเลยคือ เถียงเก่ง
“ฉลาดเหมือนกูไง เลี้ยงเองมากับมือ” ไอ้เพทายมันดูภูมิอกภูมิใจในตัวเองมากนะ
“มึงเนี่ยนะฉลาด เหอะ คนฉลาดที่ไหนยอมให้ผู้หญิงสวมเขามาเป็นปีๆวะ” ไอ้คามินที่นั่งดื่มเหล้าเงียบๆพูดแทงใจดำมันขึ้นมา ไอ้นี่ก็ไปซ้ำเติมมันอยู่ได้
“ไอ้สัส พูดแบบนี้มึงมาตัวต่อตัวกูเลยมั้ย” แล้วมันสองคนก็เริ่มเปิดศึกทำสงครามกัน
คือตอนนี้ผมนั่งดื่มอยู่ที่ผับไอ้คามินครับ ปกติถ้าไม่มาดื่มที่ผับมัน ก็จะพากันไปดื่มที่บ้านไอ้เพทาย เราสามคนเป็นเพื่อนสนิทกัน คบกันตั้งแต่มัธยมปลายจนถึงปัจจุบัน นี่ก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว
“พวกมึงสองคนพอเลย ถ้ายังไม่เลิกเถียงกันกูจะกลับ” ผมที่นั่งมองไอ้เพื่อนสองคนเถียงกันเหมือนเด็ก อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น อายุสามสิบกันแล้ว ไม่ใช่สามขวบ
“คืนนี้กูไม่จ่ายตัง โทษฐานที่มึงพูดทำร้ายจิตใจกู” ไอ้เพทายพูดขึ้น ก่อนที่ไอ้คามินจะพูดขึ้นเช่นกัน
“ตั้งแต่กูเปิดผับมา กูได้เงินจากมึงแค่วันแรกเท่านั้นแหละ นอกนั้นมึงก็แดกฟรีมาตลอดเพราะไอ้องศาเป็นคนจ่าย”
“เงินเพื่อนก็เหมือนเงินเพื่อนไง ใช่มั้ยวะไอ้องศา” ผมได้แต่นั่งส่ายหน้าให้ไอ้เพทายที่เถียงคำไม่ตกฟาก นี่ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงเป็นพี่น้องกัน หึ
ติ้ง!!
ติ้ง!!
ในขณะที่ผมกำลังจะยกแก้วเหล้าที่อยู่ในมือขึ้นดื่มนั้น เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมา พอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นพราวฟ้าที่ส่งข้อความมา
พราวฟ้า : พี่องศาคะ
พราวฟ้า : พรุ่งนี้มีประชุมตอนเช้านะคะ
พราวฟ้า : อย่ากลับดึกนะ
ผมเหลือบมองเวลาที่โชว์อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของผมตอนนี้ที่บ่งบอกเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับเธอไป
องศา : อีกสักพักพี่ก็จะกลับแล้ว
องศา : พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะ
องศา : เด็กน้อย
อ่านแล้ว
พราวฟ้า : พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะคะ
พราวฟ้า : ลุง
ผมยิ้มให้กับข้อความที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง ก่อนจะยัดมันไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิม
“นั่งยิ้มอะไรของมึง”
“เปล่า” ผมตอบไอ้เพทายไป ก่อนจะยกแก้วเหล้าที่ผมพึ่งวางลงบนโต๊ะตอนที่พราวฟ้าส่งข้อความมาเมื่อกี้ขึ้นดื่ม
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่ที่พราวฟ้าเข้ามาฝึกงานที่บริษัทของผม เราสองคนค่อนข้างสนิทกันมากขึ้น มากซะจนใจผมเริ่มเต้นระรัวเวลาที่ได้อยู่ใกล้เธอ
และยิ่งตอนที่ได้แกล้งเธอมันยิ่งทำให้ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น แต่ทุกๆครั้งที่พราวฟ้าส่งข้อความมาหา ผมจะรีบเปิดอ่านทันที ถึงแม้ว่าเธอจะทักมาคุยเรื่องงานก็ตาม อย่างเช่นเมื่อกี้นี้
“พวกมึง สาวๆโต๊ะนั้นสวยหวะ” เสียงไอ้เพทายพูดขึ้น พร้อมกับพยักเพยิดหน้าไปทางโต๊ะที่มีผู้หญิงนั่งอยู่ประมาณสามสี่คน ซึ่งพวกเธอก็มองมาที่โต๊ะของพวกผมสามคนเช่นกัน
“มึงเล็งคนไหน”
“ชุดดำ” เสียงไอ้เพทายตอบกลับไอ้คามินไปทันที
“งั้นกูเอาชุดแดง” ผมนั่งฟังพวกมันสองคนคุยกันเรื่องผู้หญิงโต๊ะนั้นสักพัก ก่อนจะขอตัวกลับเพราะพรุ่งนี้มีประชุมเช้า
“เดี๋ยวกูกลับก่อน เชิญพวกมึงสองคนหาความสุขกันตามสบายครับ”
“จะรีบกลับไปไหนของมึง เมียก็ไม่มี”
“เอ่อจริง ถ้ามีเมียก็ว่าไปอย่าง” ไอ้คามินพูดขึ้นหลังจากที่ไอ้เพทายพูดจบ
“พรุ่งนี้กูมีประชุมเรื่องโครงการใหม่ที่ใกล้จะเปิดตัว” ผมตอบมันสองคนไป ซึ่งพวกมันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะหันไปพูดเรื่องผู้หญิงโต๊ะนั้นกันต่อ
ไอ้สองคนนี้ผมหละยอมใจในเรื่องผู้หญิงของพวกมันจริงๆเลย
สองสัปดาห์ต่อมา….
“น้องพราวฟ้าจ๊ะ พี่ฝากเอกสารให้คุณองศาเซ็นทีนะจ๊ะ” ฉันที่กำลังเดินไปยังห้องทำงานขนาดใหญ่ถึงกับต้องชะงัก เมื่อถูกพี่สุนีย์เรียกเอาไว้ ก่อนที่พี่เขาจะยื่นแฟ้มเอกสารมาให้ฉัน
“ได้ค่ะ ว่าแต่ด่วนมั้ยคะ พอดีตอนนี้พี่องศาเขาหลับอยู่” คือพี่องศาเขาหลับอยู่จริงๆนะ ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่ที่โซฟาในห้องทำงาน ไม่รู้ว่าไปอดหลับอดนอนมาจากไหน
“ไม่ด่วนจ๊ะ แค่รายงานการประชุมเฉยๆ”
“อ้อค่ะ งั้นเดี๋ยวพราวบอกพี่องศาให้นะคะ” พูดจบฉันก็เดินกลับห้องทำงานทันที แล้วตอนนี้ฉันก็ยืนมองคนที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ขนาดหลับยังหล่อเลย
ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอเดินมาใกล้พี่องศาตอนไหน แต่พอรู้ตัวอีกทีฉันก็นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆพี่เขาแล้ว สันจมูกโด่งๆ ริมฝีปากหนาน่าจุ๊บจัง
“จ้องขนาดนี้…..อยากเปิดซิงพี่เหรอเรา” จู่ๆคนที่นอนหลับตาอยู่เมื่อกี้ ก็ลืมตาขึ้นทันทีก่อนจะหันมาพูดกับฉัน ซึ่งพอฉันเห็นแบบนั้นฉันก็รีบผละออกมาให้ห่างจากเขาอย่างไว
นี่เขาตื่นตอนไหนกัน แล้วที่ว่าเปิดซิงนี่ยังไง อายุขนาดนี้แล้วยังซิงอยู่อีกเหรอ ไม่น่าจะใช่
“พี่องศาเนี่ยนะยังซิง ไปบอกเด็กอนุบาลยังไม่เชื่อเลยค่ะ” อันนี้ไม่เชื่อจริงๆนะ ให้อมพระวัดไหนมาพูดก็ไม่เชื่อ
“ไม่เชื่องั้นมาลองดูไหม….แต่ ใหญ่ นะจะไหวหรือเปล่า?”
อึก!!
ฉันแอบกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ ก่อนที่สายตาจะมองไปตรงเป้าของเขา แล้วแกจะมองทำไมเล่าไอ้สายตาไม่รักดี
แต่จู่ๆภาพพี่องศาตอนพันผ้าคนหนูรอบเอวแค่ผืนเดียวก็ลอยขึ้นมา
“อ เอ่อ…นี่เอกสารรายงานการประชุมค่ะ เดี๋ยวพราวเอาไปวางไว้บนโต๊ะให้นะคะ” ฉันรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมา เลยรีบหมุนตัวกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
ทำไมพี่องศาพูดแบบนี้อีกแล้ว ฉันรู้สึกว่าช่วงสองสามวันมานี้พี่องศาจะพูดจาแทะโลมฉันเก่งเหลือเกิน
“เป็นไข้เหรอ ให้พี่พาไปหาหมอไหม” จู่ๆคนที่ฉันเดินหนีหน้ามาเมื่อกี้ ก็เดินมาที่โต๊ะของฉัน แล้วนี่เขาพูดบ้าอะไรกัน ใครเป็นไข้ ฉันก็ปกติดีนี่นา
“พราวสบายดีค่ะ ไม่ได้เป็นไข้ซะหน่อย”
“อ่าวเหรอ พี่ก็นึกว่าพราวเป็นไข้ เห็นนั่งหน้าแดงเหมือนคนไม่สบาย” นี่หน้าฉันแดงขนาดนั้นเลยรึไง ถึงว่าทำไมถึงได้รู้สึกหน้าร้อนผ่าวซะขนาดนี้
“คืออากาศในห้องนี้มันร้อนไงคะ เดี๋ยวพราวขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะ” พูดจบฉันก็ลุกออกจากเก้าอี้ทำงานที่เพิ่งหย่อนสะโพกลงไปเมื่อกี้ แล้วเดินออกจากห้องมาอย่างไวจี๋เลยจ้า
———————————-
“หึ” ผมยืนมองร่างบางที่ตอนนี้รีบเดินออกไปจากห้องทำงาน หลังจากที่ผมพูดประโยคเมื่อกี้กับเธอ คือผมก็รู้แหละว่าเธอไม่ได้เป็นไข้ แต่ที่หน้าแดงเพราะอาย อายกับคำพูดแทะโลมของผมก่อนหน้านี้
แต่ที่ผมบอกว่าตัวเองซิง คือซิงจริงๆนะ ยังไม่เคยผ่านมือหญิงใดมาก่อนเลย จะผ่านก็แต่มือตัวเองนี่แหละ ที่คอยช่วยเจ้าลูกชายของผมเวลาที่เกิดอารมณ์
ถ้าจะถามว่าอายุปุนนี้แล้วทำไมถึงซิง งั้นผมบอกเลยว่าผมยังไม่เจอใครที่อยากจะสานสัมพันธ์ด้วย ครั้นจะให้ไปซื้อกินเหมือนไอ้คามินกับไอ้เพทาย อันนี้ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย เพราะขนาดของลูกชายผมมันใหญ่มาก มากซะจนหาซื้อถุงยางอนามัยลำบาก ผมเลยเลือกที่จะตัดข้อนี้ทิ้งไป ใช้มือตัวเองนี่แหละปลอดภัยหายห่วง
ครืด!! ครืด!! ครืด!!
ในขณะที่ผมกำลังจะได้คิดอะไรต่อจากนี้ เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะผมก็ดังขึ้นมาทันที พอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นไอ้เพทาย ที่โทรเข้ามา
เพทาย
“ว่าไง?” ผมกดรับสายของมันก่อนจะกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
(ยัยพราวอยู่ไหนวะ กูโทรหาไม่รับ) อ่อที่แท้ก็โทรมาเพราะเรื่องน้องมัน
“ออกไปเข้าห้องน้ำมั้ง สงสัยไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป” คือผมก็ไม่รู้จะตอบมันไปว่ายังไง ก็เลยเลือกที่จะตอบมันไปแบบนี้นี่แหละ
(งั้นถ้ายัยพราวกลับมา บอกโทรหากูด่วนเลย)
“มีเรื่องอะไรวะ?” คือที่ถามนี่เพราะอยากรู้จริงๆนะ อยากรู้ทุกเรื่องของพราวฟ้า นี่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
(พ่อกับแม่กูจะบินกลับมาเย็นนี้ กูจะบอกน้องกูว่าไม่ต้องกลับมาบ้าน)
“ไม่ให้น้องมึงกลับบ้าน แล้วมึงจะให้น้องมึงไปอยู่ที่ไหน แล้วทำไมถึงไม่ให้กลับวะ นานๆพ่อกับแม่มึงจะกลับมาทีไม่ใช่ไง” คือผมก็สงสัยอยู่นะ เพราะปกติพ่อกับแม่มันจะอยู่ต่างประเทศมากกว่า นานๆถึงจะบินกลับมา
(เพราะว่าพ่อกับแม่กูพาไอ้หน้าปลาบู่ชนเขื่อนที่ตามจีบยัยพราวกลับมาด้วยไง กูไม่ยอมให้มันเจอน้องสาวกูหรอก…..)
(…..แล้วที่ว่าให้ไปอยู่ที่ไหน ให้ไปอยู่คอนโดมึงก่อนก็ได้ ยังไงยัยพราวมันก็เหมือนน้องสาวมึงอีกคน ช่วยๆน้องกูหน่อย นะ)
แล้วไอ้เพทายมันก็ร่ายยาวใส่ผมเป็นชุดเลย นี่มันคิดจะให้น้องมันที่เป็นผู้หญิง แถมยังสวยมากมาอยู่ที่ห้องชายโสดอย่างผมเนี่ยนะ มันเอาสมองส่วนไหนคิดวะ
ถึงแม้ว่าผมกับพราวฟ้าจะรู้จักกันมาสิบกว่าปี แต่ตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้วไง แถมยังสวยมากๆอีกด้วย
(เงียบทำไมวะ งั้นถ้ามึงไม่ช่วยเดี๋ยวกูให้ไปอยู่ห้องไอ้คามินก็ได้)
“กูยังไม่ได้พูดสักคำว่ากูจะไม่ช่วย”
(แล้วสรุปคือจะช่วยใช่มั้ย)
“อืม” ผมตอบมันไปแค่นั้น หลังจากนั้นผมก็วางสายมันไป นี่คือผมคิดดีแล้วใช่มั้ย ที่จะให้พราวฟ้าไปอยู่ที่คอนโดกับผม
ตอนเย็น
คอนโด องศา
“พี่องศาคะ คือว่าพราวออกไปเช่าโรงแรมนอนก็ได้นะคะ” ฉันเอ่ยบอกร่างสูงที่ตอนนี้กำลังใช้คีย์การ์ดเปิดประตูบานใหญ่
“พี่รับปากไอ้เพทายไว้แล้ว ไม่อยากให้มันต้องเป็นห่วงเด็กน้อยของมัน”
“บอกแล้วไงคะ ว่าพราวไม่ใช่เด็กแล้ว” ฉันยู่ปากให้คนตรงหน้า ที่ชอบว่าฉันเป็นเด็กน้อยอยู่เรื่อยเลย
“พี่ลืมไป ว่าน้องโตเต็มวัยแล้ว หรืออาจจะเกินวัยไปสักหน่อย” อะไรที่บอกว่าเกินวัยกันนะ แล้วทำไมต้องก้มลงมาพูดใกล้ฉันด้วยเนี่ย ถอยแทบไม่ทัน
“แล้วพี่องศาจะให้พราวนอนห้องไหนคะ?” ฉันมองไปที่ประตูห้องนอนทั้งสองห้องสลับกันไปมา
คือว่าตอนนี้ฉันอยู่คอนโดพี่องศาแล้วนะคะ หลังจากที่พี่เพทายโทรมาบอกว่าพ่อกับแม่จะบินกลับมาวันนี้ตอนเย็น ตอนนั้นฉันก็ดีใจมากนะ เพราะไม่ได้เจอพวกท่านมาหลายเดือนแล้วเหมือนกัน
แต่ที่ทำให้ฉันต้องมาอยู่กับพี่องศาชั่วคราวนั้น ก็เพราะพ่อกับแม่ไม่ได้กลับมาแค่สองคน แต่พวกท่านยังพาลูกชายของเพื่อนสนิทพ่อกลับมาด้วย
แล้วคือพี่คนนี้เขาชอบฉันค่ะ เขาเคยขอฉันเป็นแฟนด้วยนะ แต่ฉันปฏิเสธเพราะอะไรนะเหรอ คงเพราะไม่ใช่สเปคมั้ง แต่พี่เขาก็ยังมีความพยายาม เวลาพ่อกับแม่ฉันบินกลับไทย ถ้าเขาไม่ได้มาด้วยเขาก็จะซื้อของฝากพ่อกับแม่มาให้
“น้องอยากนอนห้องไหน เลือกได้เลย เพราะพี่สั่งให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดหมดทุกห้องแล้ว”
“งั้นพราวนอนห้องนี้นะคะ” ฉันชี้ไปตรงห้องที่อยู่ทางด้านขวามือของฉัน ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องนั้นทันที แต่…..
“พี่องศาจะเดินตามพราวมาทำไมคะ?” ฉันหันไปถามคนที่เดินตามหลังฉันมาอย่างสงสัย ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเขาตอบฉันกลับมา
“ก็จะเข้าห้องพี่ไง นี่ห้องที่พี่ใช้นอนเป็นประจำ” อ่าวแล้วเมื่อกี้จะบอกให้ฉันเลือกทำไม และในขณะที่ฉันยืนนิ่งอยู่กับที่นั้น จู่ๆพี่องศาก็ก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของฉัน
“อยากนอนห้องเดียวกับพี่ สงสัยอยากเปิดซิงพี่จริงๆสินะ” เท่านั้นแหละค่ะ ฉันรีบเดินไปอีกห้องนึงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องนี้ทันทีเลย
หนึ่งชั่วโมงต่อมาก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!ผมเดินไปเคาะบานประตูห้องนอนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องผม ที่มีร่างบางของพราวฟ้าวิ่งเข้าไปก่อนหน้านี้เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา คือตอนนี้ผมพาเธอมาอยู่ที่คอนโดของผมแล้วนะ “มีอะไรคะ?” เธอถามผมทันทีที่เปิดประตูออกมา“พาเราไปซื้อเสื้อผ้าไง แล้วก็ไปหาอะไรกิน พี่เริ่มหิวแล้ว” ที่บอกว่าพาไปซื้อเสื้อผ้า นั่นก็เพราะเธอไม่มีเสื้อผ้าใส่เลยสักชุด เห็นไอ้เพทายบอกว่าจะเอามาให้พรุ่งนี้“งั้นเดี๋ยวพราวไปหยิบกระเป๋าแป๊บนึงนะคะ” เธอบอกผม ก่อนจะหมุนตัวเข้าไปในห้องนอนตามเดิน ไม่ถึงนาทีเธอก็เดินออกมา“ไปค่ะ พราวพร้อมแล้ว” ยี่สิบนาทีต่อมา…..@ห้างสรรพสินค้า 18.20 น.“เราไปกินข้าวกันก่อนดีมั้ยคะ แล้วค่อยไปเดินซื้อของ เป็นการย่อยอาหารไปในตัว” เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน เพราะตอนนี้ผมก็หิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว“พราวอยากกินอะไร?” ผมหันไปถามเธอ คือผมกินอะไรก็ได้นะ แต่อยากให้พราวฟ้าเป็นคนเลือกร้านที่ตัวเองอยากกินมากกว่า“พี่องศาเลือกเลยค่ะ พราวกินได้หมดเลย” แล้วผมจะเสียเวลาถามเธอทำไมวะ ถ้าน้องมันจะตอบผมกลับมาแบบนี้“งั้นไปกินร้านนั้นกัน” ผมชี้ไปยังร้านชาบูชื่อดังที่อยู่บนห้าง ก่อ
ยี่สิบนาทีต่อมา….“อ๊า….พ พี่องศาคะ พ พราวเสียว” ร่างบางที่นอนเปลือยกายเปล่าอยู่ตรงหน้าผมถึงกับร้องครางออกมา เมื่อถูกผมระรัวปลายลิ้นร้อนใส่กลีบกุหลาบงามสีสดของเธอ ผมใช้ริมฝีปากหนาของตัวเองดูดกินน้ำหวานที่ไหลเยิ้มออกมาอย่างหื่นกระหาย ทำไมถึงหวานขนาดนี้วะ หวานจนอยากจะกลืนกินไปทั้งตัว“อื้อออ พ พราวจะ ม ไม่ไหว”“อยากเสียวกว่านี้ไหม หืม” ผมสอดแทรกนิ้วมือเข้าไปในตัวของเธอ ที่เมื่อได้สัมผัสก็รับรู้ได้เลยว่ามันไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน นี่แค่นิ้วเดียวยังแน่นซะขนาดนี้ แล้วลูกชายของผมมันจะเข้าไปยังไง“อ๊ะ อื้ออ อ๊ะ พ พี่องศา ย อย่าแกล้งค่ะ พราวใจจะขาด” อย่าว่าแต่เธอใจจะขาดเลย ตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าตัวเองใจจะขาดเหมือนกัน ผมใช้สายตามองสำรวจไปทั่วร่างกายขาวเนียนไร้ที่ติของเธอ โดยเฉพาะหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินตัวที่ผมเดาไว้ก่อนหน้านี้ว่าต้องคัพดีแน่ๆ และมันก็ใช่ ตัวก็แค่นี้นมจะใหญ่ไปไหนวะ“อ๊ะ อ๊ะ พ พราวเสียวค่ะ อ๊า….” พราวฟ้าร้องครางออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อผมเร่งจังหวะในการขยับนิ้วเข้าออกภายในตัวของเธอ จนในที่สุดเธอก็ปลดปล่อยน้ำสีใสให้ไหลทะลักออกมาจนล้นมือของผม“นิ้วของพี่ ลิ้นของพี่โดนน้องเปิดซิงแล้
วันต่อมา 11.50 น.“พราว ตื่น” ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ หลังจากที่ได้ยินเสียงพี่องศาเอ่ยเรียกข้างๆกกหู“อื้ออ กี่โมงแล้วคะ” “จะเที่ยงแล้วครับ ตื่นมากินข้าวก่อน” นี่ฉันหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอ แต่ก็ไม่แปลกใจเพราะเมื่อคืนฉันเสียพลังงานมากเกินไปจริงๆ“อ๊ะ” เมื่อฉันขยับตัวลุก ถึงกับต้องอุทานออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บแสบไปตรงกลางหว่างขาของตัวเอง ก็จะไม่ให้เจ็บได้ไง ของพี่องศาเล็กซะที่ไหนกัน“เจ็บเหรอ เมื่อคืนพี่นึกว่าพราวเริ่มชินแล้วซะอีก เห็นขย่มพี่เอา ขย่มพี่เอา” นี่พี่เขาไม่คิดว่าฉันจะอายบ้างรึไง ทำไมถึงได้ชอบพูดจาแบบนี้ตลอดเลย“ก็พี่องศาบอกให้พราวทำ” ทั้งๆที่มันเป็นครั้งแรกของฉัน แต่ฉันก็ยังยอมทำตามคำขอของเขา“หึ ว่านอนสอนง่ายดี” คนตรงหน้าพูดแล้วระบายรอยยิ้มออกมา ทำไมเขาถึงได้ดูดีขนาดนี้นะ “จ้องขนาดนี้ พราวอยากกินพี่หรืออยากให้พี่กินพราว” จะมากินพี่กินพราวอะไรของเขา บ้าจริง“พราวจะกินข้าวค่ะ หิวข้าว” ฉันยู่ปากใส่คนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ นี่ฉันพลาดท่าให้คนร้ายกาจแบบเขาได้ยังไงกัน เฮ้อ…..หนึ่งชั่วโมงต่อมา….“จะให้พี่บอกไอ้เพทายเรื่องของเราเลยไหม” จู่ๆพี่องศาที่นั่งเงียบอยู่นา
สองชั่วโมงต่อมา….“อื้ออ อ๊ะ อ๊ะ พ พี่องศา พ พราวเสียว” ฉันที่นั่งขย่มอยู่บนเจ้ามังกรยักษ์ที่มีขนาดลำตัวมหึมาของพี่องศา ร้องครางจนเสียงแหบแห้งอย่างไม่เป็นภาษา“อา….พ พราว พี่จะแตกอีกแล้วครับ” พี่องศาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานก็ร้องครางเสียงกระเส่าไม่ต่างจากฉัน ปั้กปั้กปั้ก!!ฉันยังคงนั่งหันหลังขย่มพี่เขาอยู่แบบนั้น ซึ่งพี่องศาเองก็สวนสะโพกขึ้นมากระแทกฉันไม่ยอมแพ้เช่นกัน จนกระทั่ง…“อ๊า…./อา…..” เราสองคนหลุดเสียงครางออกมาพร้อมกัน ก่อนที่พี่องศาจะปล่อยให้น้ำอุ่นๆของเขาให้พุ่งเข้ามาในตัวของฉันอีกครั้ง(มีรูปภาพประกอบใครที่ซื้ออีบุ๊กแล้วสามารถทักเข้ามาขอคิวอาร์โค้ดที่ซัมทาง FB: Summer Summer นะคะ) “ต่ออีกไหม?” เขากระซิบมาที่ข้างกกหูของฉันเสียงแผ่ว“พี่องศาไหวเหรอคะ อายุเยอะแล้วนะ พราวกลัวพี่หัวใจวาย” ฉันแกล้งพูดออกไป คือสามสิบนี่ฉันว่ายังไม่แก่นะ วัยกำลังดีมากเลยแหละ “แก่ๆอย่างพี่นี่แรงดีนะ ไม่งั้นพราวคงไม่ร้องดังไปสามบ้านแปดบ้านหรอก” อันนี้ไม่เถียงค่ะ เพราะว่าฉันร้องครางเสียงดังมาก มากซะจนกลัวว่าข้างห้องจะได้ยิน หลังๆมาฉันเลยขึ้นไปนอนห้องเขามากกว่า เพราะห้องพี่องศาต่อให้ครางดังแค่ไหน
XZ PUB 01.20 น.“ยัยพราว แกไม่ให้พวกฉันยื่นรอเป็นเพื่อนแน่นะ” ยัยแตงกวาเอ่ยถามฉันหลังจากที่เราสามคนเดินออกมานอกผับ“ไม่เป็นไรจริงๆ นี่เดี๋ยวพี่องศาใกล้จะถึงแล้ว อีกอย่างพวกแกกว่าจะกลับถึงคอนโดอีก” คือคอนโดพวกมันอยู่ไกลจากที่นี่มากค่ะ ขับรถเกือบชั่วโมงเลยนะ อีกอย่างก่อนหน้านี้ฉันก็โทรไปบอกพี่องศาแล้ว เขาก็ออกมาแล้วด้วย อีกเดี๋ยวน่าจะถึงแหละ“งั้นพวกฉันไปก่อนนะเว้ย ดูแลตัวเองด้วยนะเจอกันที่มหาลัยวันจันทร์”“โอเค บ๊ายบาย” หลังจากที่ฉันโบกมือลากับยัยสองคนนั้นไม่ถึงห้านาที จู่ๆก็มีคนเดินมายืนข้างๆ และเมื่อฉันหันไปมองก็พบว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีที่นั่งมองฉันในผับก่อนหน้านี้“จะกลับแล้วเหรอครับ” “ค่ะ” ฉันตอบเขาไปตามมารยาท “ขอเบอร์ได้ไหมครับ”“1669” เห้ย อันนี้ฉันไม่ได้ตอบนะ แต่ฉันจำได้ว่าเป็นเสียงของใคร ยังไม่ทันได้หันไปมองตัวของฉันก็ถูกฝ่ามือหนาของใครบางคนโอบไว้พร้อมกับดึงเข้าไปชิดกับแผงอกของเขา กลิ่นน้ำหอมนี้ชัดเลย“พี่องศา มาแล้วเหรอคะ” ฉันฉีกยิ้มกว้างให้กับคนตัวสูงที่ยืนทำหน้าโหดอยู่ข้างๆ โดยที่สายตาเขาจ้องมองไปยังผู้ชายที่ยืนข้างๆฉันอีกคน จนคนที่ถูกมองรีบขอโทษขอโพยแล้วเดินกลับเข้าไปด้านใ
“หายไปไหนของเขานะ โทรหาก็ไม่รับ” ฉันบ่นพึมพำออกมาในขณะที่ก้าวขาขึ้นบันไดเพื่อจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องของตัวเอง คือก่อนหน้านี้ฉันกับพี่องศาขับรถตามกันมาค่ะ ทีแรกพี่องศาก็จะให้ฉันมาพร้อมเขา แต่ฉันบอกว่าอยากขับรถมาเอง พี่องศาเลยขับตามหลังฉันมา แต่ว่าเมื่อกี้เราสองคนเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกันนะ ก่อนที่ฉันจะแยกออกไปหาพี่เพทายที่สระว่ายน้ำด้านหลังของบ้าน แล้วตอนนี้เขาหายไปไหนแกร๊ก!!แอด!!พรึ่บ!!“อ๊ะ” ฉันร้องเสียงหลงออกมาทันทีหลังจากที่เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แต่จู่ๆก็ถูกฝ่ามือหนาของใครบางคนดึงตัวฉันจนเซเข้าไปกระแทกกับแผงอกแกร่งของเขา ก่อนที่เขาจะใช้สองแขนโอบรัดรอบเอวคอดของฉันจากทางด้านหลัง“พี่ขึ้นมารอพราวตั้งนาน ทำไมมาช้าจัง หืม” เสียงอันคุ้นเคยดังอยู่ข้างกกหูของฉัน คือไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเป็นใคร“พี่องศา ปล่อยพราวเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วนี่ขึ้นมาห้องพราวได้ไง ไม่เห็นบอกก่อนเลย” “พี่ก็บอกพราวแล้วไง ว่าคืนนี้พี่จะนอนกับพราวที่นี่” “อื้ออ ปล่อยก่อนสิคะ พราวจั๊กจี้นะ” พี่องศากดสันจมูกโด่งๆของเขาลงมาบนซอกคอขาวเนียนของฉัน ทำให้ตอนนี้ร่างกายของฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัวเลย“อยากปล่อยใ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา…..ปึกปึกปึก!!“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ พ พี่ องศา อื้อ พ พราว จุก ค่ะ” ฉันที่นอนตัวสั่นไปตามแรงกระแทกอยู่ใต้ร่างหนาถึงกับร้องครางออกมา เมื่อถูกคนตรงหน้าอัดกระแทกเจ้ามังกรยักษ์ของเขาเข้าออกอยู่แบบนั้น “จุกหรือเสียวครับ หืม” เมื่อกี้จุก แต่ว่าตอนนี้เริ่มเสียวแล้วนะ ก็จะไม่ให้เสียวได้ไงหละ ในเมื่อพี่องศาเล่นใช้หัวแม่มือมาบดขยี้ตรงจุดเสียวซ่านของฉัน“อื้ออ อ๊ะ อ๊ะ ย อย่า กดตรงนั้นค่ะ อ๊า” แต่ว่ายิ่งห้ามพี่องศาก็ยิ่งทำ เหมือนเขากำลังแกล้งทรมานฉันยังไงยังงั้นเลย ปึกปึกปึก!!“ซี๊ดดด พราว โคตรแน่นเลย พี่จะแตกอีกแล้วนะ” พี่องศายังคงขยับสะโพกเข้าออกตามจังหวะความต้องการของตัวเอง ส่วนมือก็ยังคงหยอกล้อกับติ่งเสียวของฉันไม่ยอมปล่อย จนฉันเองก็เริ่มจะไม่ไหวแล้วเหมือนกันคือก่อนหน้านี้เราสองคนเอากันในห้องน้ำมาสามรอบแล้วนะ แต่ว่าพี่องศายังไม่ยอมหยุด“อื้ออ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ พ พี่องศา คะ พ พราว….” เสียงฉันขาดหายไปทันที หลังจากที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ “อื้มมม พราว อีกนิดเดียวครับ อีกนิด….” “อ๊า…/ ซี๊ดดด” เราสองคนเปล่งเสียงครางออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ฉันจะใช้เล็บจิกไปที่แขนทั้งสองข
หลายชั่วโมงต่อมา 17.45 น.“พี่เพทาย…ไปไหนมาคะ?” ฉันเอ่ยถามพี่ชายสุดที่รักของตัวเองหลังจากที่พี่เขาก้าวขาเข้ามาในบ้าน นี่หายไปไหนของเขาตั้งครึ่งค่อนวัน พึ่งจะกลับมาเอาเวลานี้“เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่เกี่ยว” ฉันยู่จมูกใส่คนตรงหน้าทันที หลังจากที่พี่เพทายตอบฉันกลับมา นี่ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยฉันหนีกลับคอนโดไปพร้อมกับพี่องศาเมื่อช่วงบ่ายแล้วนะ“พราวโตแล้วนะคะ เรียนใกล้จะจบแล้วด้วย” “ถึงจะโตแค่ไหน แต่พราวก็ยังเป็นเด็กในสายตาพี่อยู่ดี แล้วนี่จะนอนค้างที่บ้านอีกคืนเหรอ ไม่กลับคอนโดรึไง?” “เดี๋ยวจะกลับค่ะ รอคุยกับพี่เพทายก่อน” คนตรงหน้าขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับจ้องหน้าฉันอย่างสงสัย “คุยกับพี่เหรอ เรื่องอะไร?” “เอ่อ….คือว่าพราว….พราวมีแฟนแล้วนะคะ” ฉันที่หัวใจเต้นระรัวอยู่ตอนนี้ รวบรวมความใจกล้าของตัวเองทั้งหมดที่มีพูดออกไป คือตอนนี้บอกไปก่อนไงว่ามีแฟนแล้ว อยากรู้เหมือนกันว่าพี่เพทายจะว่ายังไง“ใคร? ไม่เห็นพามาแนะนำให้พี่รู้จัก” จากที่น้ำเสียงเป็นปกติก่อนหน้านี้ ตอนนี้ทำเสียงดุใส่ฉันทันทีเลย“ไว้เดี๋ยวฝึกงานเสร็จ พราวจะพาพี่เขามาแนะนำอย่างเป็นทางการนะคะ” “พี่เขา? มันอายุเท่าไหร่?”