บทที่ 2 สูญเสียคนรักถึง 2คน
"กระหม่อมขันทีจากตำหนักของกุ้ยเฟยหนิงฮวามีเรื่องมาแจ้งฝ่าบาทพะย่ะค่ะ" ขันทีก้มโค้งคำนับต่อฝ่าบาท พระองค์จึงปล่อยแขนออกจากตัวของฮองเฮา
"มีเรื่องอันใด "
"ตอนนี้พระชายาหนิงฮวาได้ถือกำเนิดองค์หญิงแล้วพะย่ะค่ะ หากแต่ว่าบัดนี้พระชายาเสียโลหิตไปมากทำให้กำลังใกล้จะขาดใจแล้วกระหม่อมเลยมาแจ้งให้ฝ่าบาทไปพบพระชายาก่อนที่จะสิ้นพระชนม์พะย่ะค่ะ" สิ้นเสียงของขันทีก็มีเสียงฟ้าผ่าลงมาเสียงดังทั่วทั้งใต้หล้า เหล่าเสนาบดีต่างพากันซุบซิบนินทาหรือว่าจะเกิดอาเพศขึ้นกับราชวงศ์
ฝ่าบาทได้ยินดังนั้นก็รีบเสด็จไปที่ตำหนักของกุ้ยเฟยทันทีโดยไม่รอช้า ฮองเฮาที่นั่งร้องไห้อยู่ก็ช้ำใจหนักมากกว่าเดิมเหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในวันเวลาเดียวกันเช่นนี้
หวงกุ้ยเฟยที่เพิ่งรับรู้เรื่องราวก็รีบเสด็จมาที่ท้องพระโรงก็ได้มาพบกับบุตรชายตนเองที่ยืนอยู่ก็รีบตรงเข้าไปหาทันทีด้วยความเป็นห่วง
"องค์ชายหลีเจียซินเจ้าเป็นใดอันหรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากเพียงใดเมื่อรู้ว่าการออกล่าสัตว์ครั้งนี้เกิดเรื่องร้ายขึ้น "
"ท่านแม่ลูกมิได้รับบาดเจ็บอันใดหรอกพะย่ะค่ะ แต่ลูกไร้ความสามารถที่ไม่สามารถปกป้ององค์รัชทายาทได้ ทำให้องค์รัชทายาทต้องมาเจอเรื่องที่โหดร้ายเช่นนี้ " องค์ชายมีสีหน้าเศร้าหมองและกล่าวโทษตนเอง หวงกุ้ยเฟยเห็นดังนั้นจึงได้เข้าไปปลอบบุตรของตน
"โธ่ เจ้าอย่าโทษตนเองเรื่องทั้งหมดฟ้าคงลิขิตไว้หมดแล้ว ข้าต้องแสดงความเสียใจกับฮองเฮาด้วยนะเพคะ ที่ต้องมาเสียองค์รัชทายาททั้งๆ ที่ยังพเยาว์เช่นนี้ " หวงกุ้ยเฟยหันไปหาฮองเฮาที่นั่งโศกเศร้ากอดร่างขององค์รัชทายาทอยู่
พระนางไม่ตอบอันใดเพียงเพราะตอนนี้หัวใจของนางได้แตกสลายจนหมดสิ้น
"ว่าแต่ฝ่าบาทอยู่ที่ใด ข้ามาที่นี่ไม่เห็นพระองค์เลย" หวงกุ้ยเฟยหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาฝ่าบาท
"ท่านพ่อไปที่ตำหนักของกุ้ยเฟยพะย่ะค่ะ เห็นว่าบัดนี้ได้กำเนิดองค์หญิงแต่ทว่า กุ้ยเฟยกลับมีอาการไม่ดี ช่างน่าสงสารท่านพ่อซะเหลือเกิน" องค์ชายสามได้บอกหวงกุ้ยเฟยเมื่อนางได้ยินก็รีบเดินออกจากท้องพระโรงไปที่ตำหนักของกุ้ยเฟยทันที
ตำหนักกุ้ยเฟย
"แอ้!...แอ้!"
ภายในห้องบรรทมของตำหนัก เสียงองค์หญิงตัวน้อยร้องไม่ขาดสาย พระชายาหนิงฮวานอนอยู่บนเตียงใบหน้าไร้เลือดฟาดและหยาดเหงื่อที่ผุดออกมาถึงแม้จะมีอากาศที่เย็นยะเยือกจากลมที่พัดเข้ามาผ่านละอองฝน
ฝ่าบาทมองดูองค์หญิงตัวน้อยที่นอนอยู่ข้างกายของหนิงฮวา ด้วยความรู้สึกที่หว้าวุ่นจิตใจเหลือเกินเมื่อได้ยินเสียงของพวกเหล่าเสนาบดีกล่าวว่านางเป็นองค์หญิงกาลกิณี ทำให้เกิดเรื่องอาเพศ
"ฝ่าบาทเพคะ องค์หญิงน่ารักไหมเพคะ ดูสินางนอนอมยิ้มเมื่อเห็นว่าท่านมาหา ลองจับนางดูมั้ยเพคะ" น้ำเสียงของพระชายาหนิงฮวาเต็มไปด้วยความอิดโรยแผ่วเบาจนแทบฟังไม่รู้ความ จะลุกขึ้นแต่ถูกฝ่าบาทจับนางให้นอนลงเช่นเคย
"พระชายาเจ้าไม่ต้องลุกขึ้นมา เจ้านอนลงเถอะนะ"
พระชายาหนิงฮวาที่เสียเลือดมากก็ไม่มีแรงจะลุกขึ้นมาอุ้มบุตรสาวของตนได้
"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันรู้ดีว่าหม่อมฉันคงอยู่รอดจากคืนนี้มิได้ แต่หม่อมฉันดีใจนะเพคะที่คลอดองค์หญิงมาให้ฝ่าบาทได้อย่างแข็งแรง หม่อมฉันมีเรื่องที่อยากจะขอท่านเพียงเรื่องเดียว หม่อมฉันขอฝากลูกของหม่อมฉันด้วยนะเพคะ" น้ำเสียงที่เปล่งไปด้วยเป็นห่วงได้เอ่ยขอ
"เจ้าพูดเรื่องอันใด เจ้าต้องอยู่ดูแลองค์หญิงจนเติบใหญ่ข้าไม่ยอมหรอกนะ"
"ข้าขอโทษเพคะที่ไม่สามารถทำตามคำสั่งของท่านได้ ที่ผ่านมาข้าได้รับความรักความห่วงใยจากฝ่าบาทมามากพอแล้ว ต่อจากนี้ให้ท่านมอบความรักที่มีให้แก่องค์หญิงด้วยนะเพคะ "
ฝ่าบาทใจสั่นระรัวเมื่อได้ยินว่าพระชายาหนิงฮวากำลังจะจากไป ฝ่าบาทจับมือของนางขึ้นมาจับและรับปากนาง
"ข้ารับปากเจ้าจะดูแลองค์หญิงให้ดี เจ้าไม่ต้องห่วงนะ"
"ว่าแต่หม่อมฉันขอเป็นคนตั้งชื่อองค์หญิงได้มั้ยเพคะ " พระชายาหนิงฮวายิ้มขึ้นแม้ไม่มีเรี่ยวแรงก็ตาม
"ได้สิ เจ้าจะตั้งชื่อว่าอันใด"
"องค์หญิงหนิงเอ๋อเพคะ ฝ่าบาทว่าไพเราะไหมเพคะ "
"ช่างไพเราะเหลือเกิน "
"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันชาตินี้เกิดมาได้รับความรักของท่าน ช่างเป็นเกียรติของหม่อมฉันยิ่งนัก จากนี้ไปท่านต้องดูแลตนเองให้ดี อย่าโหมอ่านฎีกามากเกินไป และท่านก็อย่าดื่มสุรามากนะเพคะร่างกายของท่านไม่เหมือนตอนหนุ่มๆ ท่านยิ้มให้ข้าสักหน่อยได้ไหมเพคะ"
"ได้สิ เหตุใดข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้เล่า "
"หม่อมฉันรักพระองค์เหลือเกิน แต่หม่อมฉันคงหมดวาสนาต่อพระองค์แล้ว หากหม่อมฉันจากไปแล้วฝ่าบาทสัญญาได้ไหมเพคะ ว่าท่านจะไม่เศร้าโศกเสียใจ และจะไม่จมปลักอยู่กับความทุกข์นี้ "
"ข้าไม่อาจสัญญากับเจ้าได้ เจ้าเองก็รู้ว่าข้ารักเจ้ามากกว่าผู้ใด เจ้าจะไม่ให้ข้าเสียใจข้าคงทำให้เจ้ามิได้หรอกนะ " ฝ่าบาทเริ่มมีดวงตาที่แดงก่ำรอบดวงตาเริ่มมีน้ำใสๆ เอ่อนองไหลรินออกมา
"อย่าเสียใจไปเลยเพคะ หม่อมฉันจะคอยมองดูพระองค์กับองค์หญิงอยู่บนฟากฟ้า จะคอยเฝ้าดูการเติบโตที่สวยงามขององค์หญิงหนิงเอ๋อที่เกิดจากความรักของหม่อมฉันกับพระองค์ ช่วยยิ้มให้หม่อมฉันสักนิดเถอะนะเพคะ ไฉนถึงได้ทำหน้าเศร้าเช่นนี้ด้วย " พระชายาหนิงฮวายื่นมือที่ไร้เรี่ยวแรงมาจับใบหน้าของฝ่าบาท
"ข้ารักเจ้าเหลือเกินหนิงฮวา เจ้าอย่าจากข้าไปได้หรือไม่ " ฝ่าบาทพูดพร่ำอยู่เช่นนั้นแต่ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบกลับจากพระชายาหนิงฮวาเลยแม้แต่น้อยมือของพระนางก็ร่วงโรยลงบนเตียงนอนอย่างช้าๆ ทำให้ฝ่าบาทได้รู้ว่าบัดนี้สตรีที่เขารักมากที่สุดได้จากเขาไปอีกโลกหนึ่งเสียแล้ว
"แอ้!...แอ้!" เสียงขององค์หญิงที่นอนอยู่ของกายเสมือนรับรู้ว่ามารดาของนางได้จากนางไป เสียงร้องที่ดังระงมไปทั่วทั้งตำหนัก นางกำนัลก็รีบมาอุ้มองค์หญิงเพื่อปลอบให้นางสงบลง
ฝ่าบาทกอดร่างของพระชายามาอยู่ในอ้อมอก และร้องไห้ออกมาแข่งกับเสียงฝนที่ดังจนแทบไม่ได้ยินอันใด
ฝ่าบาทวางร่างนางลงและหันไปบอกกับขันที
"ประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาทและกุ้ยเฟยหนิงฮวาเถิด"
ขันทีที่ได้รับคำสั่งก็ได้เดินออกไปด้านนอกตำหนักตะโกนกึกก้องไปทั่วด้วยเสียงที่เปล่งดัง
"บัดนี้องค์รัชทายาทและกุ้ยเฟยหนิงฮวาได้สิ้นพระชนม์แล้ว " สิ้นเสียงของขันทีเหล่านางกำนัลและทหารก็ได้พากันร่ำไห้ออกมาด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
หวงกุ้ยเฟยเมื่อเดินมาถึงตำหนักกุยเฟยหนิงฮวาก็ได้มายินพอดี ก็รีบเข้าไปหาฝ่าบาทที่ห้องของกุ้ยเฟย ที่ตอนนี้ได้นำผ้าคุมร่างของพระนางแล้ว นางก็รีบเดินเข้ามาเพื่อปลอบโยนฝ่าบาท
"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเสียใจกับการจากไปของพระชายาหนิงฮวานะเพคะ แต่ว่าบัดนี้พระองค์เองต้องละทิ้งความเสียใจนี้เพราะไม่ได้มีเพียงท่านผู้เดียวที่สูญเสียหากพระองค์เป็นเช่นนี้แล้วราชฎรจะเป็นเช่นไรเพคะ"
"ใช่ตอนนี้ข้ามิควรมาเสียใจเช่นนี้ ขันทีพวกเจ้าไปเตรียมการจัดงานศพให้องค์รัชทายาทกับกุ้ยเฟยหนิงฮวา และป่าวประกาศไปทั่วทั้งแผ่นดินเพื่อไว้ทุกข์ให้แก่สองพระองค์" ฝ่าบาทเก็บความเสียใจเอาไว้และหยัดยืนขึ้นเพราะหน้าที่ เขามิอาจจะมัวมานั่งเสียใจได้อีกต่อไป
บทที่ 3 ความโศกเศร้าครั้งยิ่งใหญ่เมื่อเรื่องเศร้าป่าวประกาศไปทั่วใต้แผ่นดินราชฎรจากพากันแต่งชุดสีขาวเพื่อไว้ทุกข์ ความโศกเศร้าเสียใจในครั้งนี้ส่งผลให้ก่อเกิดการประท้วงต่อต้านองค์หญิงหนิงเอ๋อ และกล่าวหาว่านางเป็นองค์หญิงที่มีดวงกาลกิณี ดวงซวยทำให้ใต้หล้าต้องเกิดการสูญเสีย เหล่าเสนบาดีมากมายพากันเข้าเฝ้าฮ่องเต้เพื่อหารือเรื่องนี้เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ชาวบ้านอยู่ไม่สุขและคอยมาโวยวายอยู่หน้าวังหลวงมิห่างหาย"ทูลฝ่าบาทกระหม่อมทราบดีว่าตอนนี้พระองค์ทรงโศกเศร้าเสียใจเพียงใด แต่ทว่าเรื่องขององค์หญิงหนิงเอ๋อนั้นมิอาจรอช้าได้ ราชฎรต่างพากันมาโวยวายอยู่หน้าวังหลวงฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยเช่นไรพะย่ะค่ะ" เสนาบดีโม่อี้ฟานได้เอ่ยถามขึ้นเมื่อทุกคนอยู่ในท้องพระโรงจนครบสิ้นฝ่าบาทเองก็ได้ครุ้นคิดพระองค์ไม่เชื่อว่าบุตรสาวของตนองค์หญิงที่ลืมตาดูโลกไม่ถึงเจ็ดวันจะเป็นภัยต่อบ้านเมืองได้"พวกเจ้าพูดเรื่องอันใดกัน บังอาจหมิ่นประมาทเบื้องบน องค์หญิงจะมีดวงเช่นนั้นได้อย่างไร ทหารหากชาวบ้านผู้ใดพูดถึงองค์หญิงหนิงเอ๋อในทางไม่ดีให้พวกเจ้าจัดการให้หมด " ฝ่าบาทด้วยความโมโหจึงสั่งทหารไปเช่นนั้น แต่ทว่าเหล่าเสนาบดีต่า
บทที่ 4 เติบโตนอกวังหลวง"เจ้าอุ้มองค์หญิงไว้หากข้ายังไม่กลับมาอย่าให้องค์หญิงกับผู้ใด" ฮองเฮามอบองค์หญิงให้นางกำนัลก่อนจะรีบเดินออกไปหาฝ่าบาทที่ท้องพระโรงทันทีเมื่อมาถึงก็พบว่าบัดนี้ฝ่าบาทเมามายสุราโดยมีหวงกุ้ยเฟยนั่งอยู่ข้างกาย"ฝ่าบาทพระองค์ทรงรับสั่งให้องค์หญิงไปอยู่นอกวังได้อย่างไรเพคะ" ฮองเฮาไม่รอช้ารีบถามสิ่งที่อยากรู้ทันที"ฮองเฮาไม่รู้สินะเพคะว่าตอนนี้นั้นข่าวลือที่ว่าองค์หญิงเป็นตัวซวยของวังหลวงคือเรื่องจริงและองค์รัชทายาทก็ต้องมาสิ้นพระชนม์ก็เพราะองค์หญิง หากว่าไม่มีองค์หญิงเรื่องนี้จะเกิดขึ้นหรือเพคะ หม่อมฉันว่าฝ่าบาททรงคิดดีแล้ว" หวงกุ้ยเฟยได้ตอบแทนฝ่าบาท"แล้วข้าได้เอ่ยถามเจ้าหรืออย่างไร เจ้าถึงได้เสนอหน้ามาตอบแทนฝ่าบาท การที่องค์รัชทายาทต้องมาสิ้นพระชนม์ข้าไม่เชื่อว่าเป็นดวงขององค์หญิง ฝ่าบาทท่านจะทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไรแค่นางสูญเสียมารดาก็มากเพียงพอแล้ว นี่ท่านจะทิ้งให้นางออกไปใช้ชีวิตอยู่ที่นอกวังจริงๆ หรือเพคะ ความรักของท่านที่มีต่อกุ้ยเฟยหนิงฮวาหายไปไหนหมด นี่คือองค์หญิงที่เกิดมาจากความรักของพระองค์นะเพคะ" ฮองเฮาตวาดใส่หวงกุ้ยเฟยก่อนจะหันมาถามความจริงกับฝ่าบาท"ฮ
บทที่ 5 องค์หญิงตัวเล็กชาวบ้านตางพากันเดินถอยห่าง และแม่ของเด็กหญิงก็ได้บอกกับฟางลี่เว่ย"ข้าเองก็ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอก เจ้าเองก็ดูแลองค์หญิงให้ดีและอย่าพานางออกมาที่ตลาดอีก ข้าไม่อยากให้ลูกๆ ของข้าต้องมาเจ็บตัว" แม่นมวิ่งมาก็เห็นองค์หญิงหนิงเอ๋อกอดอยู่กับฟางลี่เว่ยสะอื้นไห้และสั่นกลัว"เกิดอันใดขึ้น เหตุใดองค์หญิงถึงได้ร้องไห้ออกมาเช่นนี้""นางถูกกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายของเด็กหญิงผู้นั้นเจ้าค่ะ แถมองค์หญิงยังโดนทำร้ายอีกด้วยเราจะเอาอย่างไรกันดีเจ้าคะ"แม่นมกวาดตามองชาวบ้านที่ยืนมุงดูด้วยสายตาอาฆาตจนผู้คนกวาดกลัว"ต่อจากนี้หากมีผู้ใดกล้าทำร้ายองค์หญิงอีกข้าจะให้ทหารจับผู้นั้นไปลงโทษถึงองค์หญิงถูกเลี้ยงอยู่นอกวังแต่อย่างไรนางก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้หากผู้ใดกล้าทำร้ายก็เปรียบเสมือนดูหมิ่นเบื้องบนเช่นกัน" พูดจบแม่นมก็พยุงตัวขอหนิงเอ๋อลุกขึ้นเดินออกมาและกลับไปที่เรือนของตนอย่างโมโหเมื่อมาถึงที่เรือนองค์หญิงเอาแต่นิ่งเงียบจากที่เคยยิ้มแย้มแจ่มใสก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องเพียงลำพัง ทำให้แม่นมเป็นห่วงอย่างมาก นางจึงเดินเข้าไปพูดคุยกับองค์หญิงองค์หญิงที่นั่งกอดเข่าอยู่ที่ริมหน้า
บทที่ 6 ได้รับความรักมาถึงเรือนหนิงเอ๋อกำลังเดินเข้าห้องของตนแต่ก็ต้องถูกองครักษ์หลิวขวางไว้ก่อน“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาขวางหน้าข้าเช่นนี้”“องค์หญิงข้าเองก็ไม่รู้ว่าองค์หญิงคิดอันใดอยู่ถึงได้อยากจะรับนายโลมผู้นั้นมาอยู่ที่เรือนแห่งนี้”“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า ข้าจะพาใครมาอยู่ที่นี่มันก็เรื่องของข้า ท่านแม่ส่งเจ้ามาคอยดูแลความปลอดภัยของข้า เรื่องอื่นเจ้าไม่ต้องยุ่ง”“แต่ที่กระหม่อมเป็นห่วงองค์หญิงนะพะย่ะค่ะ องค์หญิงเพิ่งเจอชายผู้นี้เพียงค่ำคืนเดียวจะไว้ใจได้หรือพะย่ะค่ะ”“ข้ามิได้เกรงกลัวนักหรอก เจ้าคิดดูสิว่าชายที่ถูกซื้อตัวออกมาจากหอนายโลมจะสำนึกบุญคุญข้าแค่ไหน เจ้าไปพักผ่อนเสียเถอะไม่ต้องกังวลแทนข้า ข้ารู้สึกถูกชะตากับหางเฟิงเพื่อนในวัยของข้า ไหนจะแววตาที่ข้าคุ้นเคยไหนจะชื่อของเขาที่มีชื่อเดียวกับเพื่อนเพียงคนเดียวของข้า หากวันข้างหน้าหางเฟิงมีอันตรายต่อข้า ข้าจะจัดการเขาเอง” หนิงเอ๋อพูดจบองครักษ์หลิวก็ถอยหลังหลบให้หนิงเอ๋อเดินเข้าไปที่ห้องนอนของนางรุ่งสางของอีกวันแม่นมตื่นมาก็ได้เข้ามาที่ห้องของหนิงเอ๋อเพื่อบอกให้นางได้เตรียมตัว วันนี้ฮองเฮาจะเสด็จมาหานางที่เรือนแห่งนี้“องค์หญิ
บทที่ 7 มารับกลับเรือนตำหนักหมิ่งซื่อนางกำนัลเหล่าขันทีกำลังเดินกันไปมาต้องเตรียมเนื้อผ้า และนำรายชื่ออาหารมาให้ฮองเฮาได้ตรวจดูว่าต้องการของสิ่งนี้หรือไม่ ฝ่าบาทได้สั่งให้ฮองเฮาดูแลและจัดการงานเลี้ยงครั้งนี้ ฮองเฮาจึงตั้งใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับงานเลี้ยงอย่างตั้งใจ ไม่นานฮองไทเฮาก็ได้เสด็จมาหาฮองเฮาที่ตำหนักหมิ่งซื่อแห่งนี้“ฮองไทเฮาเสด็จ” เสียงของขันทีได้ตะโกนบอกการมาในครั้งนี้ให้ทุกคนได้รับรู้ ฮองเฮากับเหล่าข้ารับใช้รีบตั้งขบวนเดินไปรับฮองไทเฮาที่หน้าตำหนัก“ถวายบังคมฮองไทเฮา” ฮองเฮาก้มโค้งคำนับเมื่อฮองไทเฮาเดินเข้ามาถึง“นี่เจ้ากำลังยุ่งอยู่สินะ เตรียมการไปถึงไหนแล้ว” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยและรอยย่นของใบหน้ากวาดตามองไปรอบตำหนัก“เชิญฮองไทเฮาเข้าไปนั่งในตำหนักก่อนเพคะ หม่อมฉันจะให้นางกำนัลยกน้ำชาให้เพคะ” พูดจบฮองไทเฮาก็ได้เดินเข้าไปนั่งด้านในตำหนักมองดูตำราและผ้าใหมมากมายที่กองอยู่ที่ห้องโถง“เจ้าคงทำงานหนักเลยสินะ เหตุใดเจ้าไม่ให้หวงกุ้ยเฟยมาช่วยงานเจ้าในครั้งนี้ด้วย”“หม่อมฉันพอทำได้เพคะ อีกอย่างหม่อมฉันชอบทำงานเพียงผู้เดียวมิชอบให้ผู้ใดมาช่วยหรอกเพคะ ขอบคุณในพระมหากรุณา
บทที่ 8 เพื่อนวัยเด็กของข้าหางเฟิ่งเดินเข้ามาที่ห้องโถงโค้งคำนับนายหญิงของตนเองทั้งคำนับหนิงเอ๋อที่มีพระคุณแม้นายหญิงยังไม่เอ่ยปากบอกการมาของหนิงเอ๋อเขาเองก็รู้ดีถึงเจตนาของนางที่นางมาครั้งนี้เพียงเพราะต้องการตัวของเขาไปอยู่ที่เรือนกับนาง“ผู้น้อยหางเฟิ่งมาแล้วขอรับ ไม่ทราบว่านายหญิงเรียกข้ามาพบมีเรื่องอันใดหรือขอรับ โอ๊ะ! สตรีผู้สูงส่งก็นั่งอยู่ที่นี่ด้วย ข้าขอเดาว่าคงมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นใช่มั้ยขอรับ”“หางเฟิ่งข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้าตอนนี้สตรีที่นั่งอยู่ต่อหน้าเจ้าคือผู้ที่มีพระคุณของเจ้า ต่อจากนี้เจ้าจะได้ออกไปใช้ชีวิตที่เจ้าต้องการ คำนับสตรีผู้นี้สิ” นายหญิงพูดจบหางเฟิ่งก็นั่งคุกเข้าลงเพื่อขอบคุณที่หนิงเอ๋อจะพาเขาออกจากที่นี่เดิมทีหางเฟิ่งมิได้อยากทำงานที่นี่แต่เพราะต้องการมีชีวิตอยู่รอดเขาจึงไม่สามารถเลือกงานที่จะทำได้ตอนเด็กวันที่เขาได้นัดพบเจอกับหนิงเอ๋อและไม่ได้ออกมาพบเจอนางนั้นก็เพราะว่าวันนั้นมารดาของเขาได้ลาลับจากโลกไปความโศกเศร้าเสียใจและความโดดเดี่ยวทั้งชีวิตของเขามีเพียงมารดาเท่านั้นที่เป็นที่พึ่ง เมื่อสิ้นที่พึ่งเขาเองก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งกอดร่างอันไร้ลมหายใจของมาร
บทที่ 9 อย่าให้ข้าได้ร้ายหางเฟิ่งได้ยิ่งกำหมัดแน่นเป็นเพราะเขาเองที่ไม่ได้มาร่ำลาก่อนจากไปเขาที่เฝ้าแต่ปวดร้าวคิดถึงมารดาที่ล่วงลับ เขาเองไม่รู้เลยว่านางจะเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ต่อจากนี้เขาเองจะเป็นคนมอบความสุขให้แก่นาง“องค์หญิงเชื่อใจกระหม่อมได้เลยพะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเติมเต็มให้องค์หญิงเอง”“ไปกันเถอะนี่ก็ใกล้จะถึงเวลากินข้าวแล้ว เช้ารุ่งขึ้นข้ามีธุระที่ต้องเข้าวังหลวงเจ้ารอข้าอยู่ที่เรือนแห่งนี้ได้หรือไม่ หากมีผู้ใดกล้ารังแกหรือต่อว่าเจ้า เจ้าอย่าได้เกรงกลัวโปรดมาบอกแก่ข้า จะจัดการมันผู้นั้นเอง”“กระหม่อมมิกล้าหรอก กระหม่อมจะคอยองค์หญิงอยู่ที่เรือนอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวพะย่ะค่ะ”“เจ้าพูดกับข้าเหมือนปกติเถอะ ข้ามิใช่องค์หญิงที่สูงส่งอันใดเพียงแต่เป็นองค์หญิงที่ถูกเขี่ยทิ้งเท่านั้น”“ได้ขอรับ หากเป็นพระประสงค์ของท่าน” หนิงเอ๋อเดินนำไปที่เรือนกับหางเฟิ่ง ส่วนองครักษ์หลิวเมื่อกลับมาก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใดรุ่งเช้าของอีกวันหนิงเอ๋อแต่งชุดที่ฮองเฮานำมาให้จากวังหลวงเป็นชุดสีอ่อนหวานงดงาม แต่มันไม่ถูกใจหนิงเอ๋อหากนางแต่งกายเช่นนี้เข้าไปที่วังหลวงเกรงกลัวว่าทุกคนจะข่มนางได้ นางจึงให้ฟางลี่เว่
บทที่ 10 ท่านย่าของข้าเกี้ยวได้มาส่งหนิงเอ๋อที่ตำหนักของฮองเฮา นางก้าวลงอย่างช้าๆ ด้วยความประหม่าเล็กน้อย“นี่หรือวังหลวง” คำแรกที่หนิงเอ๋อพูดเมื่อมาถึง นางกวาดตามองเหล่าขันทีมากมายและนางกำนัลที่เดินเดินไปมาอย่างเร่งรีบ ทหารมากมายพากันเดินตรวจตาไปมา ไม่ว่าขุนนางน้อยใหญ่ก็พากันเดินไปทั่ว“นี่แหละเพคะวังหลวง ฮองเฮารอองค์หญิงอยู่รีบเสด็จเถอะเพคะ” แม่นมจับมือนหนิงเอ๋อให้เดินลงมา นางก็ได้เดินนำหน้านางกำนัลที่ถูกส่งไปรับนางก็ได้เดินตามหลังคอยดูแล“หนิงเอ๋อเจ้ามาแล้วสินะ มานั่งตรงนี้ก่อนตอนนี้พิธีการยังไม่เริ่ม เจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆ คงจะหิว เดี๋ยวข้าจะให้นางกำนัลไปนำขนมมาให้เจ้าได้กิน”“ไม่ต้องก็ได้เพคะ ลูกไม่ได้เหนื่อยอันใดเลย ดูท่านสิเพคะเหตุใดทรงดูซูบผอมถึงเพียงนี้ อย่าบอกนะเพคะว่าท่านถูกฝ่าบาทใช้งานจนไม่มีเวลาพักผ่อน”“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกนะหนิงเอ๋อ ร่างกายของข้าเองก็เริ่มแก่ขึ้นทุกวัน เดี๋ยวนี้กินอะไรก็ไม่ค่อยอร่อยกลางคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ แต่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าได้ให้หมอหลวงมาตรวจร่างกายแล้ว”“เป็นเช่นนั้นก็ดีเพคะ ท่านแม่ก็รู้หากข้าไม่มีท่านแม่ข้าคงไม่ย่างกายเข้ามาในวังหลวงแห่งนี้เป็นแ
บทที่ 40 ข้ามีความสุขในทุกวัน สามปีต่อมาหลังจากวันนั้นที่หนิงเอ๋อคลอดและแม่ทัพเองก็ได้ออกจากกองทหารเพราะแขนที่ได้รับบาดเจ็บของเขาทำให้เขาไม่สามารถจับดาบได้อีก เขาจึงมาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับหนิงเอ๋อและบุตรชายของเขาที่ทั้งดื้อทั้งซนแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ที่ดินที่ฮองเฮาเคยให้ไว้เขาเองก็จัดแจงทำเกษตรคอยให้ชาวบ้านที่เร่ร่อนช่วยกันทำมาหากินหากผู้ใดทำได้มากเขาก็มีผลตอบแทนให้อย่างมากเช่นกัน ทำให้แม่ทัพได้หันมาเป็นหัวหน้าค้าขายรายใหญ่หนิงเอ๋อวันนี้นางก็ได้มายืนที่บึงบัวเช่นเคยและยิ้มให้กับท้องฟ้าจนบุตรชายของนางได้สงสัยและวิ่งเข้ามาถาม"ท่านแม่ ท่านยิ้มให้ท้องฟ้าทุกวันข้าเองก็สงสัยว่าท่านยิ้มให้สิ่งใดข้าเห็นเพียงแค่ก้อนเมฆที่ลอยไปลอยมาเท่านั้น" หนิงเอ๋อจึงนั่งลงและชี้ไปที่ก้อนเมฆให้บุตรของนางได้ดู"เฉี่ยวเปา เจ้าดูที่มือของเม่น่ะ นั้นคือท่านยายเป็นแม่นมของแม่ ส่วนนั้นฟางลี่เว่ยท่านป้าที่ใจดีที่สุด และอีกคนที่ส่งยิ้มมาให้เจ้าคือสหายที่ดีที่สุดของแม่ด้วยเช่นกัน" หนิงเอ๋อชี้เฉี่ยวเปาก็มองตาม เขาก็ยังไม่เห็นสิ่งใดอยู่ดีนอกจากก้อนเมฆ"ข้ายังไม่เห็นสิ่งใดเลย เห็นเพียงก่อนเมฆเท่านั้น""สองคน
บทที่ 39 ข้าจะมองดูท่านอยู่บนฟากฟ้าหนิงเอ๋อเดินออกมาจากห้องของแม่ทัพด้วยหัวใจที่ปวดร้าว นางกลับไปหาหางเฟิ่งเขาเองมองนางออกว่าตอนนี้หัวใจของนางนั้นมีแม่ทัพอี้อยู่ในใจ"องค์หญิงเราออกไปเดินเล่นกันดีมั้ย วันนี้ข้างนอกอากาศแจ่มใสไม่ร้อนมากนัก" หางเฟิ่งอยากให้นางรู้สึกดีจึงชวนนางออกไปเดินเล่นกันหนิงเอ๋อพยักหน้าและเดินออกไปด้านนอกทุกคนที่นี่ต่างรู้ว่าหางเฟิ่งนั้นเป็นองครักษ์ของหนิงเอ๋อ จึงไม่มีผู้ใดสงสัย นางเดินมาเรื่อยๆ และหยุดที่บึงบัวเหม่อลอยมองไปด้านหน้า"ทรงคิดอะไรอยู่หรือพะย่ะค่ะ ""ข้ากำลังคิดว่าจะไปที่ใดดี ที่ที่ไม่มีองค์หญิงองค์ชายหรือฐานะใดข้าอยากไปอยู่ในที่ที่ทุกคนมีสถานนะเท่าเทียมกัน ในโลกที่ไม่มีความริษยาอิจฉาแย่งชิงหรืออำนาจ ข้าต้องการอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยความรักความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กัน ""โลกเช่นนั้คงไม่มีหรอกพะย่ะค่ะ ทุกคนบนโลกใบนี้ต่างก็เป็นคนที่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีด้วยกันทุกคนอยู่ที่ว่าผู้ใดเลือกที่จะเป็นอย่างใดมากกว่า องค์หญิงอย่าทำเช่นบึ้งตึงเช่นนี้สิพะย่ะค่ะมองดูเมฆก้อนนู้นสิช่างเหมือนแม่นมกับฟางลี่เว่ยกำลังจ้องมองดูท่านอยู่เลย ช่วยยิ้มออกมาให้ท้ังสองคนดูสิพะย่ะ
บทที่ 38 เราทั้งสองหย่ากันเถอะแม่ทัพอี้ควบม้าออกตามหาหนิงเอ๋ออย่างร้อนใจก็มาพบม้าสองตัวที่ถูกทิ้งอยู่กลางป่า เขาจึงสั่งทหารให้ตามหาหนิงเอ๋อกับใต้เท้าไป๋เดินได้ไม่นานทหารก็ตะโกนเรียกท่านแม่ทัพไปดูก็พบกับร่างของลูกน้องใต้เท้าไป๋เดินไปอีกสักพักก็พบใต้เท้าไป๋นอนจมกองเลือดและบาดแผลที่ไม่น่าดู จิตใจของแม่ทัพเริ่มสั่นไหวใจเต้นระรัว กลัวหนิงเอ๋อจะจากเขาไป เขาจึงรีบวิ่งตามหานางอย่างเป็นหวงแต่แล้วก็ต้องพบเข้ากับหนิงเอ๋อที่กำลังกอดแนบแน่นอยู่กับชายอื่น ความเป็นห่วงและความโมโหได้หล่อล้อมเข้าด้วยกันทำให้เขาโกรธและจะฆ่าชายผู้นั้นที่บังอาจมากอดภรรยาของเขา"เอามือออกจากนางเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะจัดการเจ้าให้สิ้นใจในครั้งเดียว" หางเฟิ่งตกใจเมื่อจู่ๆ โดนดาบจากที่ใดมาวางอยู่ที่คอ หนิงเอ๋อเห็นนางจึงรีบเข้าไปผลักแม่ทัพออก และนำตัวหางเฟิ่งไปใว้ด้านหลังนาง แม่ทัพเห็นก็รู้ในทันทีว่าชายผู้นี้ต้องมีความสัมพันธ์ที่พิเศษกับหนิงเอ๋อเป็นแน่"นี่เจ้ากล้ามาผลักสามีของเจ้าเพื่อช่วยชายผู้นี้หรือ""หากไม่มีเขาข้าเองก็ต้องตายไปแล้วด้วยน้ำมือของใต้เท้าไป๋ ข้าไม่ทางให้ท่านทำอันใดกับคนของข้าไม่ว่าท่านจะเป็นสามีของข้าก็
บทที่ 37หนิงเอ๋อแก้แค้นให้ทุกคนใต้เท้าไป๋ได้พาหนิงเอ๋อหลบหนีโดยการนั่งม้า เมื่อมาถึงป่ารกเขาจึงทิ้งม้าไว้เพื่อเดินเข้าไปที่ป่าและจะหลบหนีโดยการขึ้นเรือหากเดินเข้าป่านี้ไปไม่นานก็ถึงท่าเรือ ทั้งสามคนก็ได้เดินเข้าป่ามาหนิงเอ๋อที่ตั้งครรภ์อยู่เมื่อเดินมาได้สักพักนางก็เหนื่อยหอบและขอให้แม่ทัพอี้ได้พักเสียก่อน"นี่ใต้เท้าข้าขอนั่งพักสักครู่ได้หรือไม่ ""เจ้านี่ช่างเป็นตัวปัญหาเสียจริง" ใต้เท้าไป๋ได้ดุด่าหนิงเอ๋อลูกน้องจึงได้ถาม"ท่านจะพาตัวนางไปด้วยทำไมหรือ ข้าว่าเราจัดการนางเสียจะดีกว่ามิเช่นนั้นพวกทหารจะตามเรามาทันนะขอรับ""อย่าพึ่ง! นางยังมีประโยชน์กับข้าอยู่ หากเรารอดพ้นจากทหารเมื่อนั้นค่อยจัดการนางทิ้ง เจ้าเองก็รีบนั่งพักซะจะได้รีบออกเดินทาง ข้าเองก็เจ็บแผลที่เจ้าสร้างมาเช่นกัน เอาอย่างนี้ดีมั้ยระหว่างที่เจ้าพักข้าจะขอเอาคืนแผลที่เจ้าแทงข้า แต่ข้าจะไม่แทงเจ้าด้วยมีดหรอกนะ ข้าจะแทงเจ้าด้วยแท่งร้อนของข้า ฮ่า ฮ่า เจ้าไปดูต้นทางหากมีผู้ใดน่าสงสัยก็รีบตะโกนบอกข้า " ใต้เท้าไป๋ใช้มือปาดริมฝีปากราวกับผู้ที่หิวกระหาย ทำให้หนิงเอ๋อรู้สึกไม่ปลอดภัยและเป็นห่วงบุตรเป็นอย่างมาก นางพยายามจะขยับกายหน
บทที่ 36 จับกบฎ"ก็เพราะว่าองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบันมิใช่บุตรของข้าอย่างไรล่ะ" ฝ่าบาทเดินออกมาจากด้านหลังบัลลังก์และมานั่งอยู่บนบังลังก์ทำให้หวงกุ้ยเฟยและใต้เท้าไป๋ถึงกับหน้าซีด"เหตุใดฝ่าบาทถึงฟื้นขึ้นมาได้ แล้วฝ่าบาทเอาเรื่องใดมาพูดว่าองค์รัชทยาทไม่ใช่บุตรของท่านละเพคะ หากไม่ใช่บุตรของท่านจะเป็นบุตรของผู้ใด ใต้หล้ารู้ต่างว่าข้าเข้ามาในวังหลวงแห่งนี้ตั้งแต่หม่อมฉันยังไม่ตั้งครรภ์ " หวงกุ้ยเฟยรีบดินออกมาด้านหน้าและทูลถาม"หึ หึ จะให้ข้าพูดจริงๆ หรือหวงกุ้ยเฟย เอาล่ะหากเจ้าใคร่รู้ข้าเองก็จะบอกเจ้าเอง องค์รัชทยาทหรือองค์ชายหลีเจียซินมิใช่ลูกของข้าแต่เป็นลูกของเจ้ากับใต้เท้าไป๋ พวกเจ้ากำลังก่อกบฏจะยึดบัลลังก์และวางแผนที่จะโค้นบัลลังก์ทหารจับหวงกุ้ยเฟยและใต้เท้าไป๋เอาไว้ และต่อจากนี้องค์รัชทายาทองค์หญิงเสี่ยวหลงถูกปลดตำแหน่งและจับตัวทั้งสองคนมาที่ท้องพระโรงเดี๋ยวนี้" เมื่อสิ้นคำสั่งทหารก็รีบจับตัวของหวงกุ้ยเฟยแต่ใต้เท้าไป๋ยังไม่ยอมรับความจริงจึงได้ต่อลองกับฝ่าบาท"ท่านจะหาว่าข้าเป็นบิดาขององครัชทายาทได้อย่างไรอีกอย่างฝ่าบาทจะมากล่าวหากระหม่อมได้อย่างไร หากท่านไม่มีอันใดชี้แนะมาทางข้าว่าข้า
บทที่ 35 ก่อกบฎฟางลี่เว่ยกำลังนำยาสมุนไพรที่ท่านหมอให้ไว้ต้มให้หนิงเอ๋อดื่มเพื่อบำรุงร่างกาย แม่ทัพอี้กำลังเดินเข้ามาที่ในห้องของหนิงเอ๋อ ก็แปลกใจเลยถามด้วยความเป็นห่วง"เจ้าไม่สบายตรงไหน ถึงได้มียาต้มมาวางอยู่ตรงนี้" แม่ทัพอี้นั่งลงที่เก้าอี้และถามหนิงเอ๋อที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา"ข้าสบายดี ไม่ทำให้ท่านต้องมาเป็นห่วงหรอกเพคะ เชิญไปพรอดรักอยู่กับพี่เสี่ยวหลงเถิดและเชิญท่านออกไปจากห้องของข้าได้แล้ว ข้าอยากพักผ่อน" แม่ทัพอี้ถึงกับหน้าถอดสี ไม่คิดเลยว่านางจะเห็นที่เขากับเสี่ยวหลง"เจ้าเห็นสินะ ""ข้าไม่ได้อยากดูหรอกนะ แค่บังเอิญเดินผ่านไปเห็นเท่านั้นออกไปได้แล้ว ฟางลี่เว่ยส่งท่านแม่ทัพแทนข้าที" หนิงเอ๋อลุกเดินเข้าไปในห้องนอน แม่ทัพก็ได้เดินตามเพื่ออธิบายความจริงให้นางฟัง"เดี๋ยวก่อนสิ มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าเห็นนะ ""ปล่อยเถอะเพคะ ต่อให้จะเป็นเหมือนที่ข้าเห็นหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวข้า อย่างไรในใจของท่านก็มีพี่เสี่ยวหลงทั้งใจ เอาอย่างนี้ดีมั้ยหากเรื่องราชวงศ์จบสิ้นเมื่อใด ข้ากับท่านจะหย่ากันทันที ท่านจะได้ไปพรอดรักอยู่กับท่านพี่เสี่ยวหลงอย่างเต็มที่" หนิงเอ๋อเองก็ไม่รู้เหตุใดถึงพูดเช่นนั้นออกไปราว
บทที่ 34 ฝ่าบาทฟื้นแล้วแม่ทัพนั่งครุ้นคิดอยู่ทีห้องโถวเสี่ยวหลงเมื่อมาถึงนางก็ได้เข้าไปหาแม่ทัพและโอบกอดเขาจากด้านหลัง โดยไม่ได้ให้ทั้งตัวในตอนแรกแม่ทัพคิดว่าเป็นหนิงเอ๋อจึงแกล้งนาง"เกิดอันใดขึ้นกับคนอย่างเจ้าที่เมื่อก่อนเอาแต่ไล่ข้า หรือว่าใต้หล้าแห่งนี้ฝนฟ้าจะแล้งหึถึงได้เข้ามาหาข้าแถมยังโอบกอดข้าเช่นนี้" เมื่อเสียวหลงได้ยินนางก็โมโหเป็นอย่างมากและปล่อยมือออกจากกายของแม่ทัพและเอ่ยกับเขา"ผ่านไปแค่ไม่กี่คืนวันใจของท่านเปลี่ยนผันได้ถึงเพียงนี้เลยหรือเพคะ เยื้อใยที่ท่านมีต่อหม่อมฉันไม่เหลือแม้แต่น้อยเลยหรือ" เสี่ยวหลงน้ำตาไหลรินนางร้องไห้กระซิกๆ เพื่อให้แม่ทัพเห็นใจ"เจ้าเองหรือเสี่ยวหลง ใจข้ายังคงไม่ได้เปลี่ยนไปที่ใดแต่ตอนนี้ก็ไม่ได้มีเจ้าอยู่ในนี้อีกต่อไปเช่นกัน" แม่ทัพอี้พูดออกมาอย่างตัดเยื่อใยทำให้เสี่ยวหลงร้องไห้ออกมามากกว่าเดิม"แล้วความรู้สึกของหม่อมฉันล่ะ ที่เฝ้ารักท่านมาตลอดเพียงแค่มีหนิงเอ๋อเข้ามาท่านก็เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ แล้วที่ผ่านมาไม่มีค่าสำหรับท่านเลยหรืออย่างไร ""เสี่ยวหลงข้าเองก็เคยรักเจ้ามาก แม้ชีวิตก็ให้ได้แต่บัดนี้มันไม่เป็นเช่นดังเคย" แม่ทัพหันหลังให้เสี่ยวหลงเ
บทที่ 33 ฝีมือใค้เท้าไป๋ใต้เท้าไป๋ได้มาหาหวงกุ้ยเฟยในยามรุ่งสาง อย่างร้อนใจ"นี่ท่านมาหาข้าแต่เช้าเช่นนี้มีเรื่องอะไร""ท่านรู้เรื่องแม่นมขององค์หญิงหนิงเอ๋อหรือไม่""ข้าไปดูมาแล้ว ผู้ใดกันนะที่ฆ่านาง ท่านรู้หรือไม่" หวงกุ้ยเฟยรู้ว่าเป็นฝีมือของใต้เท้าไป๋แต่ที่ถามเช่นนั้นเพราะอยากลองถาม"ข้าเองที่ทำกับนาง แต่ที่ข้าทำเพราะนางปากแข็ง เมื่อคืนเหล่าเสนบาดีฝ่ายฮองเฮาได้เข้าร่วมหารือกัน ข้ากลับไปจากตำหนักของท่านได้เห็นเข้า จึงตามนางไปเพื่อถาม แต่นางจงรักภักดีไม่ยอมแม้จะปริปากบอก ทำได้แม้กระทั่งกัดลิ้นตนเอง ข้าโมโหจึงได้สังหารนาง ท่านเองก็อย่านิ่งเฉย ตอนนี้พวกเราไม่อาจรู้ได้ว่าฮองเฮาทรงมีแผนอันใด เราต้องชิ่งทำให้องค์รัชาทยาทขึ้นครองบัลลังก์ในเร็ววัน เวลาที่ฮองไทเฮาพูดมานั้นมันเนินนานเกินไปข้าจะหาทางที่ทำให้ฮ่องเต้ไม่ฟื้นขึ้นมาได้อีกต่อไปและลาลับจากโลกนี้ในเร็ววัน เช่นนั้นเราก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด ส่วนเรื่องของแม่นมผู้นั้นเจ้าไม่ต้องกลัวไม่มีผู้ใดเห็นข้าเป็นแน่ และไม่มีทางที่จะจับตัวข้าได้" ใต้เท้าไป๋พูดออกมาอย่างมั่นใจ"ดีเช่นนั้นเราก็เร่งทำตามแผนกันเถอะ" หวงกุ้ยเฟยยิ้มมุมปากอย่างดีใจเมื่อ
บทที่ 32 ลางร้าย องครักษ์หลิวที่กำลังกลับจากตำหนักของฮ่องเต้ก็ได้เห็นใต้เท้าไป๋ที่กำลังเดินออกจากตำหนักของกุ้ยเฟยหนิงฮวาอย่างเร่งรีบเขาจึงรีบเข้าไปด้านในเมื่อรู้สึกถึงอะไรที่แปลกไปและท่าทีที่เขากำลังจะหนีเหมือนทำอันใดผิด เขารีบเดินเข้าไปด้านในก็พบว่าแม่นมนอนจมกองเลือดอยู่องครักษ์หลิวรีบเข้าไปใกล้และพยุงให้แม่นมลุกขึ้น"แม่นมเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ทำไมเลือดถึงเต็มตัวเช่นนี้" เขาใช้นิ้วแตะที่ชีพจรของแม่นมที่กำลังเต้นช้าลงเรื่อยๆ แม่นมฝืนลืมตาขึ้นมาแม้ลิ้นจะขาดแต่นางก็พยายามสื่อสารกับเขาอย่างเต็มที่"อือ " เสี่ยงที่เปล่งออกมาทำให้เขารู้ว่าแม่นมยังไม่สิ้นใจ เขาจึงพยุงแม่นมขึ้นเล็กน้อย"ท่านยังไม่ตาย ท่านช่วยแข็งใจไว้สักหน่อยข้าจะอุ้มท่านไปที่ตำหนักของฮองเฮาและให้หมอหลวงมารักษาท่าน ผู้ใดมาทำกับท่านเช่นนี้โปรดบอกข้า ข้าจะไปจัดการคนผู้นั้นเอง" แม่นมส่ายหน้าเมื่อรู้ว่าตนเองตอนนี้ก็แทบจะไหวหากเขาอุ้มนางไปกว่าจะถึงตำหนักซื่อหมิงนางก็สิ้นใจก่อนพอดี เขาเองตอนนี้ก็เจ็บปวดที่เห็นแม่นมกำลังหายใจโรยริน นางเป็นสตรีที่จิตใจดีและเมตตาเขามาตลอดไม่เคยคิดว่าเขาเป็นองครักษ์ต่อยต่ำแต่ทำเหมือนกับเขาเป็นคนในครอบ