บทที่ 1 องค์หญิงกาลกิณีถือกำเนิด
ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสลัวพายุพัดผ่านโคมไฟที่ห้อยทั่วตำหนักเริ่มสั่นไหวตามแรงลม เหล่านางกำนัลและขันทีที่ต่างพากันวิ่งไปทั่วตำหนัก เพราะบัดนี้ตำหนักของกุ้ยเฟยหนิงฮวาสตรีที่ฮ่องเต้มอบความรักและความใส่ใจให้มากกว่าสตรีใดในวังหลวงเพราะความงามและกิริยาจิตใจของนางนั้นช่างงดงามราวกับใบหน้า ทำให้นางได้ตั้งครรภ์บุตรของฝ่าบาทที่ตอนนี้กำลังนอนเจ็บปวดอยู่ที่ตำหนักเป็นเวลานานหลายเพลา
ฝ่าบาทคิ้วขมวดใบหน้ากังวลเป็นกุ้ยเฟยที่นอนเจ็บปวดแต่ว่าเขานั้นช่วยอันใดนางมิได้
"นี่หมอหลวงกุ้ยเฟยเป็นเช่นใดบ้าง ตอนนี้บุตรของข้าถือกำเนิดรึยังเหตุใดข้าถึงไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย"
ฝ่าบาทยืนอยู่ประตูด้านนอกตะโกนถามเข้าไปเพราะเป็นกุ้ยเฟยเหลือเกิน
"ทูลฝ่าบาทเพคะ บัดนี้พระชายาหนิงฮวายังไม่ได้ให้กำเนิดเพคะ เพราะพระนางหมดแรงตอนนี้ทางท่านหมอกำลังเร่งช่วยพระนางอยู่เพคะ "
เสียงนางกำนัลที่ตอบกลับมาทำให้ฝ่าบาทรู้สึกร้อนรุ่มในใจมากกว่าเดิม ฝ่าบาทแทบนั่งไม่ติดเดินไปเดินมาไปทั่วหน้าตำหนัก
ทันใดนั้นเองก็มีขันทีประจำตัวของพระองค์ได้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องร้ายมากราบทูลพะย่ะค่ะ'' ขันทีก้มตัวลงโค้งคำนับ
"มีเรื่องอันใด ตอนนี้ข้ายังไม่พร้อมที่จะฟังเจ้าก็รู้ว่าตอนนี้จิตใจของข้าเป็นห่วงพระชายาหนิงฮวาอยู่มิคลาย" ฮ่องเต้นั่งลงใช้มือกุมขมับคิ้วขมวด
"แต่ทว่าเรื่องนี้เองก็สำคัญกับฝ่าบาทนะพะย่ะค่ะ"
"เรื่องอันใดรีบบอกมาแล้วอย่ามากวนใจข้าอีก" ฮ่องเต้เบ่งเสียงตะละใบหน้าเคร่งเครียด
"องครักษ์ประจำตัวขององค์รัชทายาทได้มากราบทูลแจ้งต่อกระหม่อมว่าองค์รัชทายาทได้สิ้นพระชนม์แล้วพะย่ะค่ะ" ฝ่าบาทเมื่อได้ยินถึงกับไม่เชื่อหูตนเองดึงดาบจากทหารที่ยืนอยู่ตรงนั้นใส่คอของขันที ทำให้ขันทีตกใจกลัวจนทรุดลงนั่งกับพื้น
"เจ้าบังอาจนำเรื่องเช่นนี้มาพูดกับข้าได้อย่างไร องค์รัชทายาทมีพระวรกายที่แข็งแรง เจ้าช่างบังอาจนัก"
"กระหม่อมพูดเรื่องจริงนะพะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทได้ออกไปล่าสัตว์เมื่อสองวันก่อนกับองค์ชายสาม ระหว่างล่าสัตว์อยู่นั้นองค์รัชทายาทพบเจอสัตว์ใหญ่ทำให้พระองค์ต้องการมาครอบครองและเข้าไปตามล่าและคลาดกับองครักษ์และเหล่าทหารเข้าไปในป่าลึก เมื่อองครักษ์ไปพบองค์รัชทายาทก็ได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว หากพระองค์ไม่เชื่อกระหม่อมก็เข้าไปทูลถามองค์ชายสามได้พะย่ะค่ะ ตอนนี้ขบวนเสด็จขององค์รัชทายาทใกล้จะถึงวังหลวงแล้วพะย่ะค่ะ" สิ้นคำพูดของขันทีสั่นกลัวดาบที่อยู่บนคอ ฝ่าบาทก็รีบวิ่งออกไปด้วยจิตใจที่หวาดกลัว และไม่อยากที่จะเชื่อคำพูดของขันที
"เปรี้ยง!!."
ทันใดนั้นเองเสียงฟ้าก็ผ่าลงกลางวังหลวงเม็ดฝนโปรยลงมาราวกับแสดงความเสียใจต่อฝ่าบาทที่ได้สูญเสียพระอาทิตย์ดวงเล็กของใต้หล้า แต่ทว่าเมื่อเสียงฟ้าร้องนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของพระชายาหนิงฮวาร้องขึ้นอย่างดัง ฝ่าบาทพะวงหน้าพะวงหลังแต่แล้วเขาก็เลือกที่จะเดินไปดูร่างขององค์รัชทายาท
เสียงเด็กก็ได้ร้องออกมาแข่งกับเสียงฝนที่โปรยลงมา
ท้องพระโรง
ฝ่าบาทเดินผ่าฝนมาหาองค์รัชทายาทเขาเองแทบทรุดเมื่อเปิดผ้าดูก็พบว่าร่างที่นอนอยู่นั้นคือบุตรชายสุดที่รักของเขาจริงๆ เหล่าทหารองครักษ์รวมถึงองค์ชายสามต่างพากันคุกเข่าต่อหน้าฝ่าบาท
"ท่านพ่อ ข้าดูแลองค์รัชทายาทไม่ดีเองทำให้พระองค์ต้องเจอกับสัตว์ร้ายเช่นนี้ ข้ามิได้ตั้งใจพระองค์โปรดลงโทษข้าเถิด เป็นเพราะข้า" องค์ชายสามร้องไห้ออกมาและตบใบหน้าของตนที่ไม่สามารถดูแลองค์รัชทายาทได้
"พระองค์โปรดลงโทษพวกกระหม่อมด้วยพะย่ะค่ะ" เหล่าทหารที่ร่วมขบวนเสด็จไปล่าสัตว์ต่างก้มหน้ารับความผิด
"ไม่จริง!!ไม่จริง ข้าไม่เชื่อองค์รัชทายาทเจ้าฟื้นสิ " บัดนี้ความเสียใจเจ็บปวดทำให้ฝ่าบาทสติขาดไม่เชื่อภาพที่อยู่ตรงหน้า เสียงร้องไห้ของฝ่าบาทระงมไปทั่ววังหลวง
ตำหนักหมิ่งซื่อ
แม่ของแผ่นดินหรือว่าฮองเฮาที่กำลังนั่งปักผ้าเช็ดหน้าให้แก่บุตรที่กำลังจะเกิดของกุ้ยเฟยหนิงฮวาด้วยความยินดี นางมีนิสัยที่อ่อนโยนจิตใจดีมีเมตตา เอ็นดูหนิงฮวาเป็นอย่างมาก มิเคยอิจฉาริษยาที่นางมาแย่งความรักของฝ่าบาทไปแม้แต่น้อย
"ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันว่าบัดนี้กุ้ยเฟยน่าจะคลอดบุตรมาแล้ว เสด็จไปดูกันมั้ยเพคะ " นางกำนัลคนสนิทได้เอ่ยขึ้น
"ข้าว่าก็ดีเช่นกัน ดูสิตอนนี้ข้าก็ได้ปักผ้าเสร็จพอดี " ฮองเฮาชูผ้าผืนเล็กขึ้นให้เหล่านางกำนัลดูด้วยรอยยิ้มปลิ่มสุข
"ช่างสวยเหลือเกินเพคะ"
ยังไม่ทันที่ฮองเฮาจะได้เสด็จออกจากตำหนัก ก็มีขันทีวิ่งแข่งกันความแรงของเม็ดฝนด้วยความเร่งรีบเข้ามาที่ตำหนักจนโดนฮองเฮาตำหนิเอา
"เจ้านี่อยู่ในวังหลวงมาตั้งนานหลายปีเหตุใดถึงทำตัวเช่นนี้ เสื้อผ้าของเจ้าก็เปียกไปด้วยน้ำฝน "
ฮองเฮาตำหนิขันทีที่ตอนนี้เหนื่อยหอบกับการวิ่งมาหาพระนาง
"กระหม่อมมีเรื่องเร่งด่วนมาทูลฮองเฮาพะย่ะค่ะ กระหม่อมขอให้อภัยที่ทำตัวเช่นนี้"
"มันมีอะไรสำคัญไปกว่าที่เจ้าทำตำหนักของข้าเปียกด้วยหรือเจ้าไปเปลี่ยนผ้าแล้วค่อยมาบอกข้าก็แล้วกัน"
"เรื่องนี้สำคัญมากพะย่ะค่ะ กระหม่อมมิอาจใจเย็นได้ "
ขันทียืนไม่นิ่งมีอาการร้อนรนจู่ๆ สักพักเขาก็ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นและร่ำไห้ออกมา
"เจ้าเป็นอันใดเหตุใดต้องร้องไห้ออกมาเช่นนี้"
"กระหม่อม กระหม่อมจะแจ้งต่อฮองเฮาบัดนี้องค์รัชทายาทได้สิ้นพระชนม์แล้วพะย่ะค่ะ " ขันทีก้มหน้าลงพื้นด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจ
ฮองเฮาเมื่อได้ยินคำพูดที่คิดไม่ถึง มือที่ถือผ้าได้ปล่อยลงอย่างหมดแรง
"เจ้าพูดเรื่องอันใด เจ้าโกหกข้าใช่หรือไม่ บอกข้ามาว่าเจ้าโกหก" ฮองเฮาทรุดตัวลงตรงหน้าของขันทีและถามเขาอีกครั้ง
"เรื่องจริงพะย่ะค่ะตอนนี้ร่างขององค์รัชทายาทอยู่ที่ท้องพระโรง " สิ้นเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของขันทีฮองเฮาก็ได้ร้องกรี๊ดออกมาอย่างไม่เชื่อและเสียใจเป็นที่สุด
"กรี๊ด!! ไม่จริงข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ"
เหล่านางกำนัลที่รับใช้ฮองเฮาต่างพากันร้องไห้เสียใจที่บัดนี้ฮองเฮาได้เสียองค์รัชทายาทไป
"ฮองเฮาเพคะ ลุกขึ้นก่อนเถอะเพคะ" เสียงสั่นของนางกำนัลคนสนิทได้พยุงตัวของฮองเฮาให้ลุกขึ้น
"ข้าไม่เชื่อข้าจะไปดูให้เห็นกับตา องค์รัชทายาทมีร่างกายแข็งแรง จะเป็นอันใดได้อย่างไร เจ้ารีบพาข้าไปที่ท้องพระโรงที" เสียงสะอื้นไห้ไม่ยอมรับความจริงของฮองเฮาช่างเจ็บปวด น้ำตาไหลรินออกมาเป็นสายเลือด
นางกำนัลและขันทีจึงพากันนำขบวนเสด็จพาฮองเฮาไปที่ท้องพระโรงทันที เมื่อมาถึงท้องพระโรงฮองเฮาวิ่งเข้าไปดูร่างขององค์รัชทายาทที่นอนนิ่งผิวขาวเผือกไม่มีเลือดวิ่งในร่างกาย พระนางวิ่งเข้ามาสวมกอดทันที
"ไม่จริง องค์รัชทายาทเจ้าตื่นสิ ฝ่าบาทบอกหม่อมฉันสิเพคะว่าไม่ใช่เรื่องจริงองค์รัชทายาทนอนอยู่ใช่มั้ยเพคะ" ฮองเฮาหันไปหาฝ่าบาทที่นั่งอยู่ข้างๆ ร่างองค์รัชทายาท
"ข้าขอโทษฮองเฮาแต่บัดนี้เราได้เสียองค์รัชทายาทไปแล้วจริงๆ " น้ำเสียงแหบแห้งได้เปล่งออกมาด้วยความรู้สึกเสียใจไม่ต่างอันใดกับฮองเฮา
"ไม่จริง ข้าไม่เชื่อลูกชายของข้าเป็นเด็กที่แข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก จะมาเสียชีวิตอย่างนี้ได้อย่างไร หรือว่าเจ้าดูแลองค์รัชทายาทไม่ดี" ฮองเฮาหันไปมององครักษ์อย่างตำหนิ
"กระหม่อมสมควรตายพะย่ะค่ะ เป็นกระหม่อมเองที่ดูแลองค์รัชทายาทไม่ดี ฮองเฮาลงโทษหม่อมฉันได้เลยพะย่ะค่ะ" องครักษ์ประจำตัวของได้ก้มลงสำนึกผิด ฮองเฮาเข้าไปตุบตีด้วยความช้ำใจ หากแต่นางก็โดนฝ่าบาทดึงแขนให้หยุดการกระทำเช่นนี้ไว้
"เหตุใดไม่เป็นเจ้า เหตุใดต้องเป็นลูกของข้าด้วย "
"หยุดเถิดฮองเฮา ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดขึ้น องค์รัชทายาทถูกสัตว์ป่าทำร้าย ไม่ใช่ความผิดขององครักษ์หรอกนะ"
"ฝ่าบาทท่านจะรู้อันใดเพคะ บุตรชายของข้าเพียงผู้เดียวที่เป็นดั่งชีวิตของข้าตอนนี้ได้จากข้าไปแล้ว แล้วเช่นนี้ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ฮื้อ ฮือ อึก..."
ฮองเฮาทรุดตัวลงร้องไห้ออกมาอย่างเสียสติ จิตใจแตกสลายโลกที่เคยสวยงามบัดนี้กลายเป็นมืดสนิท
ฝ่าบาทคว้าตัวฮองเฮามาสวมกอดเพื่อปลอบประโลม
"ข้าเองก็เสียใจไม่ต่างอันใดกับเจ้าหรอกนะฮองเฮา องค์รัชทายาทเป็นบุตรที่ข้ารักมากที่สุด ข้าเองก็เสียใจไม่น้อยเจ้าสงบสติอารมณ์เถิด"
ฝ่าบาทได้กอดฮองเฮาอยู่เช่นนั้นสักพักก็ได้มีขันทีของตำหนักกุ้ยเฟยวิ่งเข้ามาในท้องพระโรงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
บทที่ 2 สูญเสียคนรักถึง 2คน"กระหม่อมขันทีจากตำหนักของกุ้ยเฟยหนิงฮวามีเรื่องมาแจ้งฝ่าบาทพะย่ะค่ะ" ขันทีก้มโค้งคำนับต่อฝ่าบาท พระองค์จึงปล่อยแขนออกจากตัวของฮองเฮา"มีเรื่องอันใด ""ตอนนี้พระชายาหนิงฮวาได้ถือกำเนิดองค์หญิงแล้วพะย่ะค่ะ หากแต่ว่าบัดนี้พระชายาเสียโลหิตไปมากทำให้กำลังใกล้จะขาดใจแล้วกระหม่อมเลยมาแจ้งให้ฝ่าบาทไปพบพระชายาก่อนที่จะสิ้นพระชนม์พะย่ะค่ะ" สิ้นเสียงของขันทีก็มีเสียงฟ้าผ่าลงมาเสียงดังทั่วทั้งใต้หล้า เหล่าเสนาบดีต่างพากันซุบซิบนินทาหรือว่าจะเกิดอาเพศขึ้นกับราชวงศ์ฝ่าบาทได้ยินดังนั้นก็รีบเสด็จไปที่ตำหนักของกุ้ยเฟยทันทีโดยไม่รอช้า ฮองเฮาที่นั่งร้องไห้อยู่ก็ช้ำใจหนักมากกว่าเดิมเหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในวันเวลาเดียวกันเช่นนี้หวงกุ้ยเฟยที่เพิ่งรับรู้เรื่องราวก็รีบเสด็จมาที่ท้องพระโรงก็ได้มาพบกับบุตรชายตนเองที่ยืนอยู่ก็รีบตรงเข้าไปหาทันทีด้วยความเป็นห่วง"องค์ชายหลีเจียซินเจ้าเป็นใดอันหรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากเพียงใดเมื่อรู้ว่าการออกล่าสัตว์ครั้งนี้เกิดเรื่องร้ายขึ้น ""ท่านแม่ลูกมิได้รับบาดเจ็บอันใดหรอกพะย่ะค่ะ แต่ลูกไร้ความสามารถที่ไม่สามารถปกป้อ
บทที่ 3 ความโศกเศร้าครั้งยิ่งใหญ่เมื่อเรื่องเศร้าป่าวประกาศไปทั่วใต้แผ่นดินราชฎรจากพากันแต่งชุดสีขาวเพื่อไว้ทุกข์ ความโศกเศร้าเสียใจในครั้งนี้ส่งผลให้ก่อเกิดการประท้วงต่อต้านองค์หญิงหนิงเอ๋อ และกล่าวหาว่านางเป็นองค์หญิงที่มีดวงกาลกิณี ดวงซวยทำให้ใต้หล้าต้องเกิดการสูญเสีย เหล่าเสนบาดีมากมายพากันเข้าเฝ้าฮ่องเต้เพื่อหารือเรื่องนี้เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ชาวบ้านอยู่ไม่สุขและคอยมาโวยวายอยู่หน้าวังหลวงมิห่างหาย"ทูลฝ่าบาทกระหม่อมทราบดีว่าตอนนี้พระองค์ทรงโศกเศร้าเสียใจเพียงใด แต่ทว่าเรื่องขององค์หญิงหนิงเอ๋อนั้นมิอาจรอช้าได้ ราชฎรต่างพากันมาโวยวายอยู่หน้าวังหลวงฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยเช่นไรพะย่ะค่ะ" เสนาบดีโม่อี้ฟานได้เอ่ยถามขึ้นเมื่อทุกคนอยู่ในท้องพระโรงจนครบสิ้นฝ่าบาทเองก็ได้ครุ้นคิดพระองค์ไม่เชื่อว่าบุตรสาวของตนองค์หญิงที่ลืมตาดูโลกไม่ถึงเจ็ดวันจะเป็นภัยต่อบ้านเมืองได้"พวกเจ้าพูดเรื่องอันใดกัน บังอาจหมิ่นประมาทเบื้องบน องค์หญิงจะมีดวงเช่นนั้นได้อย่างไร ทหารหากชาวบ้านผู้ใดพูดถึงองค์หญิงหนิงเอ๋อในทางไม่ดีให้พวกเจ้าจัดการให้หมด " ฝ่าบาทด้วยความโมโหจึงสั่งทหารไปเช่นนั้น แต่ทว่าเหล่าเสนาบดีต่า
บทที่ 4 เติบโตนอกวังหลวง"เจ้าอุ้มองค์หญิงไว้หากข้ายังไม่กลับมาอย่าให้องค์หญิงกับผู้ใด" ฮองเฮามอบองค์หญิงให้นางกำนัลก่อนจะรีบเดินออกไปหาฝ่าบาทที่ท้องพระโรงทันทีเมื่อมาถึงก็พบว่าบัดนี้ฝ่าบาทเมามายสุราโดยมีหวงกุ้ยเฟยนั่งอยู่ข้างกาย"ฝ่าบาทพระองค์ทรงรับสั่งให้องค์หญิงไปอยู่นอกวังได้อย่างไรเพคะ" ฮองเฮาไม่รอช้ารีบถามสิ่งที่อยากรู้ทันที"ฮองเฮาไม่รู้สินะเพคะว่าตอนนี้นั้นข่าวลือที่ว่าองค์หญิงเป็นตัวซวยของวังหลวงคือเรื่องจริงและองค์รัชทายาทก็ต้องมาสิ้นพระชนม์ก็เพราะองค์หญิง หากว่าไม่มีองค์หญิงเรื่องนี้จะเกิดขึ้นหรือเพคะ หม่อมฉันว่าฝ่าบาททรงคิดดีแล้ว" หวงกุ้ยเฟยได้ตอบแทนฝ่าบาท"แล้วข้าได้เอ่ยถามเจ้าหรืออย่างไร เจ้าถึงได้เสนอหน้ามาตอบแทนฝ่าบาท การที่องค์รัชทายาทต้องมาสิ้นพระชนม์ข้าไม่เชื่อว่าเป็นดวงขององค์หญิง ฝ่าบาทท่านจะทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไรแค่นางสูญเสียมารดาก็มากเพียงพอแล้ว นี่ท่านจะทิ้งให้นางออกไปใช้ชีวิตอยู่ที่นอกวังจริงๆ หรือเพคะ ความรักของท่านที่มีต่อกุ้ยเฟยหนิงฮวาหายไปไหนหมด นี่คือองค์หญิงที่เกิดมาจากความรักของพระองค์นะเพคะ" ฮองเฮาตวาดใส่หวงกุ้ยเฟยก่อนจะหันมาถามความจริงกับฝ่าบาท"ฮ
บทที่ 5 องค์หญิงตัวเล็กชาวบ้านตางพากันเดินถอยห่าง และแม่ของเด็กหญิงก็ได้บอกกับฟางลี่เว่ย"ข้าเองก็ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอก เจ้าเองก็ดูแลองค์หญิงให้ดีและอย่าพานางออกมาที่ตลาดอีก ข้าไม่อยากให้ลูกๆ ของข้าต้องมาเจ็บตัว" แม่นมวิ่งมาก็เห็นองค์หญิงหนิงเอ๋อกอดอยู่กับฟางลี่เว่ยสะอื้นไห้และสั่นกลัว"เกิดอันใดขึ้น เหตุใดองค์หญิงถึงได้ร้องไห้ออกมาเช่นนี้""นางถูกกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายของเด็กหญิงผู้นั้นเจ้าค่ะ แถมองค์หญิงยังโดนทำร้ายอีกด้วยเราจะเอาอย่างไรกันดีเจ้าคะ"แม่นมกวาดตามองชาวบ้านที่ยืนมุงดูด้วยสายตาอาฆาตจนผู้คนกวาดกลัว"ต่อจากนี้หากมีผู้ใดกล้าทำร้ายองค์หญิงอีกข้าจะให้ทหารจับผู้นั้นไปลงโทษถึงองค์หญิงถูกเลี้ยงอยู่นอกวังแต่อย่างไรนางก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้หากผู้ใดกล้าทำร้ายก็เปรียบเสมือนดูหมิ่นเบื้องบนเช่นกัน" พูดจบแม่นมก็พยุงตัวขอหนิงเอ๋อลุกขึ้นเดินออกมาและกลับไปที่เรือนของตนอย่างโมโหเมื่อมาถึงที่เรือนองค์หญิงเอาแต่นิ่งเงียบจากที่เคยยิ้มแย้มแจ่มใสก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องเพียงลำพัง ทำให้แม่นมเป็นห่วงอย่างมาก นางจึงเดินเข้าไปพูดคุยกับองค์หญิงองค์หญิงที่นั่งกอดเข่าอยู่ที่ริมหน้า
บทที่ 5 องค์หญิงตัวเล็กชาวบ้านตางพากันเดินถอยห่าง และแม่ของเด็กหญิงก็ได้บอกกับฟางลี่เว่ย"ข้าเองก็ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอก เจ้าเองก็ดูแลองค์หญิงให้ดีและอย่าพานางออกมาที่ตลาดอีก ข้าไม่อยากให้ลูกๆ ของข้าต้องมาเจ็บตัว" แม่นมวิ่งมาก็เห็นองค์หญิงหนิงเอ๋อกอดอยู่กับฟางลี่เว่ยสะอื้นไห้และสั่นกลัว"เกิดอันใดขึ้น เหตุใดองค์หญิงถึงได้ร้องไห้ออกมาเช่นนี้""นางถูกกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายของเด็กหญิงผู้นั้นเจ้าค่ะ แถมองค์หญิงยังโดนทำร้ายอีกด้วยเราจะเอาอย่างไรกันดีเจ้าคะ"แม่นมกวาดตามองชาวบ้านที่ยืนมุงดูด้วยสายตาอาฆาตจนผู้คนกวาดกลัว"ต่อจากนี้หากมีผู้ใดกล้าทำร้ายองค์หญิงอีกข้าจะให้ทหารจับผู้นั้นไปลงโทษถึงองค์หญิงถูกเลี้ยงอยู่นอกวังแต่อย่างไรนางก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้หากผู้ใดกล้าทำร้ายก็เปรียบเสมือนดูหมิ่นเบื้องบนเช่นกัน" พูดจบแม่นมก็พยุงตัวขอหนิงเอ๋อลุกขึ้นเดินออกมาและกลับไปที่เรือนของตนอย่างโมโหเมื่อมาถึงที่เรือนองค์หญิงเอาแต่นิ่งเงียบจากที่เคยยิ้มแย้มแจ่มใสก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องเพียงลำพัง ทำให้แม่นมเป็นห่วงอย่างมาก นางจึงเดินเข้าไปพูดคุยกับองค์หญิงองค์หญิงที่นั่งกอดเข่าอยู่ที่ริมหน้า
บทที่ 4 เติบโตนอกวังหลวง"เจ้าอุ้มองค์หญิงไว้หากข้ายังไม่กลับมาอย่าให้องค์หญิงกับผู้ใด" ฮองเฮามอบองค์หญิงให้นางกำนัลก่อนจะรีบเดินออกไปหาฝ่าบาทที่ท้องพระโรงทันทีเมื่อมาถึงก็พบว่าบัดนี้ฝ่าบาทเมามายสุราโดยมีหวงกุ้ยเฟยนั่งอยู่ข้างกาย"ฝ่าบาทพระองค์ทรงรับสั่งให้องค์หญิงไปอยู่นอกวังได้อย่างไรเพคะ" ฮองเฮาไม่รอช้ารีบถามสิ่งที่อยากรู้ทันที"ฮองเฮาไม่รู้สินะเพคะว่าตอนนี้นั้นข่าวลือที่ว่าองค์หญิงเป็นตัวซวยของวังหลวงคือเรื่องจริงและองค์รัชทายาทก็ต้องมาสิ้นพระชนม์ก็เพราะองค์หญิง หากว่าไม่มีองค์หญิงเรื่องนี้จะเกิดขึ้นหรือเพคะ หม่อมฉันว่าฝ่าบาททรงคิดดีแล้ว" หวงกุ้ยเฟยได้ตอบแทนฝ่าบาท"แล้วข้าได้เอ่ยถามเจ้าหรืออย่างไร เจ้าถึงได้เสนอหน้ามาตอบแทนฝ่าบาท การที่องค์รัชทายาทต้องมาสิ้นพระชนม์ข้าไม่เชื่อว่าเป็นดวงขององค์หญิง ฝ่าบาทท่านจะทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไรแค่นางสูญเสียมารดาก็มากเพียงพอแล้ว นี่ท่านจะทิ้งให้นางออกไปใช้ชีวิตอยู่ที่นอกวังจริงๆ หรือเพคะ ความรักของท่านที่มีต่อกุ้ยเฟยหนิงฮวาหายไปไหนหมด นี่คือองค์หญิงที่เกิดมาจากความรักของพระองค์นะเพคะ" ฮองเฮาตวาดใส่หวงกุ้ยเฟยก่อนจะหันมาถามความจริงกับฝ่าบาท"ฮ
บทที่ 3 ความโศกเศร้าครั้งยิ่งใหญ่เมื่อเรื่องเศร้าป่าวประกาศไปทั่วใต้แผ่นดินราชฎรจากพากันแต่งชุดสีขาวเพื่อไว้ทุกข์ ความโศกเศร้าเสียใจในครั้งนี้ส่งผลให้ก่อเกิดการประท้วงต่อต้านองค์หญิงหนิงเอ๋อ และกล่าวหาว่านางเป็นองค์หญิงที่มีดวงกาลกิณี ดวงซวยทำให้ใต้หล้าต้องเกิดการสูญเสีย เหล่าเสนบาดีมากมายพากันเข้าเฝ้าฮ่องเต้เพื่อหารือเรื่องนี้เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ชาวบ้านอยู่ไม่สุขและคอยมาโวยวายอยู่หน้าวังหลวงมิห่างหาย"ทูลฝ่าบาทกระหม่อมทราบดีว่าตอนนี้พระองค์ทรงโศกเศร้าเสียใจเพียงใด แต่ทว่าเรื่องขององค์หญิงหนิงเอ๋อนั้นมิอาจรอช้าได้ ราชฎรต่างพากันมาโวยวายอยู่หน้าวังหลวงฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยเช่นไรพะย่ะค่ะ" เสนาบดีโม่อี้ฟานได้เอ่ยถามขึ้นเมื่อทุกคนอยู่ในท้องพระโรงจนครบสิ้นฝ่าบาทเองก็ได้ครุ้นคิดพระองค์ไม่เชื่อว่าบุตรสาวของตนองค์หญิงที่ลืมตาดูโลกไม่ถึงเจ็ดวันจะเป็นภัยต่อบ้านเมืองได้"พวกเจ้าพูดเรื่องอันใดกัน บังอาจหมิ่นประมาทเบื้องบน องค์หญิงจะมีดวงเช่นนั้นได้อย่างไร ทหารหากชาวบ้านผู้ใดพูดถึงองค์หญิงหนิงเอ๋อในทางไม่ดีให้พวกเจ้าจัดการให้หมด " ฝ่าบาทด้วยความโมโหจึงสั่งทหารไปเช่นนั้น แต่ทว่าเหล่าเสนาบดีต่า
บทที่ 2 สูญเสียคนรักถึง 2คน"กระหม่อมขันทีจากตำหนักของกุ้ยเฟยหนิงฮวามีเรื่องมาแจ้งฝ่าบาทพะย่ะค่ะ" ขันทีก้มโค้งคำนับต่อฝ่าบาท พระองค์จึงปล่อยแขนออกจากตัวของฮองเฮา"มีเรื่องอันใด ""ตอนนี้พระชายาหนิงฮวาได้ถือกำเนิดองค์หญิงแล้วพะย่ะค่ะ หากแต่ว่าบัดนี้พระชายาเสียโลหิตไปมากทำให้กำลังใกล้จะขาดใจแล้วกระหม่อมเลยมาแจ้งให้ฝ่าบาทไปพบพระชายาก่อนที่จะสิ้นพระชนม์พะย่ะค่ะ" สิ้นเสียงของขันทีก็มีเสียงฟ้าผ่าลงมาเสียงดังทั่วทั้งใต้หล้า เหล่าเสนาบดีต่างพากันซุบซิบนินทาหรือว่าจะเกิดอาเพศขึ้นกับราชวงศ์ฝ่าบาทได้ยินดังนั้นก็รีบเสด็จไปที่ตำหนักของกุ้ยเฟยทันทีโดยไม่รอช้า ฮองเฮาที่นั่งร้องไห้อยู่ก็ช้ำใจหนักมากกว่าเดิมเหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในวันเวลาเดียวกันเช่นนี้หวงกุ้ยเฟยที่เพิ่งรับรู้เรื่องราวก็รีบเสด็จมาที่ท้องพระโรงก็ได้มาพบกับบุตรชายตนเองที่ยืนอยู่ก็รีบตรงเข้าไปหาทันทีด้วยความเป็นห่วง"องค์ชายหลีเจียซินเจ้าเป็นใดอันหรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากเพียงใดเมื่อรู้ว่าการออกล่าสัตว์ครั้งนี้เกิดเรื่องร้ายขึ้น ""ท่านแม่ลูกมิได้รับบาดเจ็บอันใดหรอกพะย่ะค่ะ แต่ลูกไร้ความสามารถที่ไม่สามารถปกป้อ
บทที่ 1 องค์หญิงกาลกิณีถือกำเนิดภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสลัวพายุพัดผ่านโคมไฟที่ห้อยทั่วตำหนักเริ่มสั่นไหวตามแรงลม เหล่านางกำนัลและขันทีที่ต่างพากันวิ่งไปทั่วตำหนัก เพราะบัดนี้ตำหนักของกุ้ยเฟยหนิงฮวาสตรีที่ฮ่องเต้มอบความรักและความใส่ใจให้มากกว่าสตรีใดในวังหลวงเพราะความงามและกิริยาจิตใจของนางนั้นช่างงดงามราวกับใบหน้า ทำให้นางได้ตั้งครรภ์บุตรของฝ่าบาทที่ตอนนี้กำลังนอนเจ็บปวดอยู่ที่ตำหนักเป็นเวลานานหลายเพลาฝ่าบาทคิ้วขมวดใบหน้ากังวลเป็นกุ้ยเฟยที่นอนเจ็บปวดแต่ว่าเขานั้นช่วยอันใดนางมิได้"นี่หมอหลวงกุ้ยเฟยเป็นเช่นใดบ้าง ตอนนี้บุตรของข้าถือกำเนิดรึยังเหตุใดข้าถึงไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย"ฝ่าบาทยืนอยู่ประตูด้านนอกตะโกนถามเข้าไปเพราะเป็นกุ้ยเฟยเหลือเกิน"ทูลฝ่าบาทเพคะ บัดนี้พระชายาหนิงฮวายังไม่ได้ให้กำเนิดเพคะ เพราะพระนางหมดแรงตอนนี้ทางท่านหมอกำลังเร่งช่วยพระนางอยู่เพคะ "เสียงนางกำนัลที่ตอบกลับมาทำให้ฝ่าบาทรู้สึกร้อนรุ่มในใจมากกว่าเดิม ฝ่าบาทแทบนั่งไม่ติดเดินไปเดินมาไปทั่วหน้าตำหนักทันใดนั้นเองก็มีขันทีประจำตัวของพระองค์ได้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องร้ายมากร