Share

บทที่ 364

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
หลังจากนั้นมินาน เซี่ยหลานที่ตกใจก็ตั้งสติได้ขึ้นมา

นางถามอย่างลังเล “ฝ่าบาท จำเป็นต้องทำเช่นนี้หรือเพคะ? มิเช่นนั้น…”

ก่อนที่นางจะพูดจบ ฉินอู๋ต้าวก็โบกมือและพูดขัด

“เจ้าเพียงแค่ต้องทำตามคำสั่งของข้า นอกจากนี้ ข้าอยากจะเตือนเจ้าสักหน่อย เจ้าคือสายลับที่ข้าส่งไปอยู่ข้างกายองค์รัชทายาท เจ้าต้องคำนึงถึงภารกิจของเจ้าอยู่เสมอ เข้าใจหรือไม่?”

เซี่ยหลานลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบเสียงเบา “ข้าน้อยเข้าใจแล้วเพคะ”

“เอาเถอะ ไปได้แล้ว ข้าจะรอข่าวดีจากเจ้า”

“ข้าน้อยขอทูลลาเพคะ”

เซี่ยหลานทำความเคารพและหันหลังจากไป

ฉินอู๋ต้าวชำเลืองมองเฉาฉุนและพูดเสียงเรียบ “เซี่ยหลานเชื่อถือมิได้ เจ้าส่งคนไปแฝงตัวปะปนอยู่ในคณะเดินทางเสีย ระหว่างนั้นก็ให้จัดการตามสถานการณ์”

เฉาฉุนรับคำสั่งด้วยความเคารพ “กระหม่อมรับพระราชบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”

……

ตำหนักบูรพา

ฉินซูกล่าวลากับหลินชิงเหยาก่อนที่จะออกมา

แต่ทันทีที่ออกมานอกประตู ก็เห็นว่าหวังฉือและเนี่ยหงกำลังรออยู่

เขาถามด้วยความประหลาดใจ “ใต้เท้าหวัง ใต้เท้าเนี่ย นี่พวกท่าน…”

หวังฉือและเนี่ยหงทำความเคารพก่อนจะพูดว่า “ข้าน้อยรู้ว่าวันนี้องค์รัชทายาทจะเสด็จไปยังเมือ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 365

    ฉินซูหรี่ตาลงเล็กน้อยและถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “เหตุใดเล่า กู้เสวี่ยเจี้ยน เจ้ามีความคิดเห็นอะไรรึ?”“ท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท หม่อมฉันจะกล้าออกความคิดเห็นได้อย่างไรกันเพคะ พวกเราไปยังเป่ยเหลียงในครั้งนี้ก็เพื่อบรรเทาภัยพิบัติ อีกทั้งต้องนำเงินห้าแสนตำลึงไปส่งด้วย ดังนั้นจึงเพียงแค่อยากเตือนให้ท่านระมัดระวังมากขึ้นเท่านั้นเองเพคะ”“ข้าก็มีเจ้าอยู่อย่างไรเล่า เจ้าเป็นลูกศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักหอดูดาวหลวง แม้จะมีหัวขโมยบางคนที่โลภอยากได้เงิน พวกเขาก็จะต้องชั่งน้ำหนักคิดให้ดีก่อนจะลงมือ”กู้เสวี่ยเจี้ยนพูดเสียงเรียบ “ท่านอาจต้องผิดหวังเสียแล้ว ว่ากันว่าความโลภจะนำมนุษย์ไปสู่หายนะ เงินห้าแสนตำลึงนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้บางคนยอมเสี่ยงเพคะ”ฉินซูยักไหล่และมิออกความเห็นขณะนั้น บุรุษวัยกลางคนที่สวมชุดขุนนางสีแดงผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาเขาคารวะฉินซูอย่างอ่อนน้อมและกล่าวด้วยความเคารพ “กระหม่อมเสนาบดีกรมพระคลัง ถานเหวย ขอคารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูมองไปที่อีกฝ่ายแล้วถามว่า “ตรวจสอบเงินช่วยบรรเทาภัยพิบัติทั้งหมดแล้วหรือยัง?”“ทูลองค์รัชทายาท ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ นี่คือหนังสือที่เกี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 366

    “เสียนเฟยรึ?”ทุกคนตกใจอีกครั้ง!ฉินหงสงสัยพลางพูดพึมพำ “เสียนเฟยเป็นเพียงสตรีวังหลังนางหนึ่ง จะมีความสามารถเช่นนั้นได้อย่างไร?”ฉินหยางพูดอย่างมีความนัย “หากไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแม้แต่นิด นางจะโดดเด่นท่ามกลางสตรีงามสามพันคนและกลายเป็นสนมที่ได้รับความโปรดปรานได้อย่างไร? บางครั้งกลอุบายของสนมในแต่ละตำหนักก็น่ากลัวกว่าที่พวกเราคิดมากนัก!”“เช่นนั้นเสด็จพี่สามทราบหรือไม่ว่าเสียนเฟยส่งใครมาทำการลงมือ?”“เรื่องนั้นข้าก็มิแน่ใจ ตอนนี้องค์รัชทายาทออกเดินทางไปแล้ว พวกเราแค่รอข่าวดีอยู่ที่นี่ก็พอ”ดวงตาที่ลึกล้ำของเซี่ยเหอบ่งบอกถึงความมิสบายใจ เขากล่าวว่า “แม้แม่ทัพฉงจะกลับไปยังชายแดนทางใต้แล้ว แต่การเดินทางไปทางเหนือขององค์รัชทายาทในครั้งนี้ก็มีลูกศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักหอดูดาวหลวงตามไปคุ้มกันด้วย คนของเสียนเฟยจะทำสำเร็จแน่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”หลินซีเองก็กังวลและกล่าวเสริม “นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ศิษย์ของเจ้าสำนักหอดูดาวหลวงแต่ละคนก็ล้วนจัดการได้ยาก หากมิใช่ยอดฝีมือที่อยู่ขั้นสูงสุด เช่นนั้นก็มิรอดเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”ฉินหยางยิ้มอย่างมิแยแส “ใต้เท้าทั้งสองกังวลมากไปแล้ว แม้กู้เสวี่ยเจี้ยนจะมีวรยุทธ์แก่กล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 367

    ฉินหงประสานมือคารวะเล็กน้อยแล้วหันหลังเดินออกไปเซี่ยเหอและหลินซีตามหลังมาติด ๆหลังออกมาจากจวนอ๋องซิ่น ใบหน้าของฉินหงก็ขรึมลงทันที พลางมองทั้งสองอย่างลึกล้ำด้วยสายตาเย็นชาทั้งหลินซีและเซี่ยเหอต่างก็ตกใจและรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว“ท่านอ๋อง กระหม่อมมิเคยพูดถึงเรื่องระหว่างท่านกับพระอาจารย์คูมู่กับผู้ใดเลย กระหม่อมสาบานได้พ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมก็เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”ดวงตาของฉินหงวูบไหว เขาพูดอย่างมีความนัย “ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่ต้องจัดการกับคนรับใช้ในจวนสักทีเสียแล้ว!”พูดจบ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายเย็นเยียบออกมาในทันใด เต็มไปด้วยเจตนาสังหารอันเยือกเย็น!!……ในตำหนักอวี้จ้าวฉินเซียวกัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าสารเลวฉินชูตัดโอกาสที่ลูกจะได้กลับมารุ่งโรจน์อีกแล้ว เกลียดมันจริง ๆ เหตุใดถึงมิตาย ๆ ไปเสียที”ขณะที่พูด เขาก็กำหมัดแน่นจนข้อนิ้วก็มีเสียงแตกกึก ๆเมื่อเห็นเช่นนั้น เสียนเฟยก็ถอนหายใจเบา ๆ “เจ้านี่นะ สงบสติอารมณ์มิได้เลย ในจุดนี้เจ้าควรเรียนรู้จากองค์รัชทายาทไร้ประโยชน์ผู้นั้นสิ”ใบหน้าของฉินเซียวมืดมนและมิได้พูดอะไรเสียนเฟยกล่าวต่อด้วยความทอดถอนใจ “หลายปีมานี้เขาซ่อนตัวตนที่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 368

    ในห้องลับอันมืดมิดกู้ตงเฟิงกำลังนั่งขัดสมาธิและพยายามหมุนเวียนปราณบริสุทธิ์ในร่างกายของตนแต่ภายในชั่วขณะนั้นเขาก็ค้นพบว่าเส้นเอ็นหลายจุดในร่างกายของเขาได้รับความเสียหาย ทำให้ปราณบริสุทธิ์ไหลเวียนได้อย่างมิราบรื่นพูดง่าย ๆ ก็คือ ตอนนี้เขาได้กลายเป็นคนพิการไปครึ่งหนึ่งแล้วหากเส้นเอ็นที่เสียหายมิสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ วรยุทธ์ทั้งหมดของเขาก็จะกลายเป็นเพียงอดีต“คาดมิถึงจริง ๆ ว่าวรยุทธ์ของบุรุษชุดดำจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ ฝ่ามือธรรมดา ๆ ก็ทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ ตอนนี้บนใต้หล้านอกเหนือจากเจ้าสำนักหอดูดาวหลวงแล้ว ก็ยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่อีก ข้าประมาทมากจริง ๆ เฮ้อ…”ขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง ทันใดนั้นก็มีเสียงแหบห้าวดังมาจากทางเข้า“ถอนหายใจได้เช่นนี้ ดูเหมือนหลายวันมานี้เจ้าจะฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็วเลยสินะ!”สิ้นคำพูด ร่างหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีดำไว้อย่างมิดชิดก็เดินเข้ามาเมื่อเห็นคนผู้นี้ กู้ตงเฟิงก็เริ่มระวังตัวเขาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างมิวางตาแล้วถามว่า “ท่านเป็นใครกันแน่ และที่นี่คือที่ใด?”คนในชุดดำจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ลึกล้ำและพูดเสียงเรียบ “อย่าถามในสิ่งที

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 369

    เมื่อบุรุษชุดดำได้ยินเช่นนั้น สายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นเขาอ่านเคล็ดวิชานั้นคร่าว ๆ รอบหนึ่งและพูดอย่างทอดถอนใจ “ดูเหมือนว่าวิชายุทธ์นี้จะลึกซึ้งและแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มาก มิแปลกใจที่เจ้าเข้าถึงได้เพียงหนึ่งหรือสองขั้น แต่ก็สามารถมีวรยุทธที่กล้าแกร่งเช่นนี้ได้!”กู้ตงเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น “เทียบกับท่านแล้ว วรยุทธ์ของข้านั้นด้อยกว่ามาก”“พักผ่อนร่างกายเสีย หญิงสาวที่เจ้าต้องการจะถูกส่งมาให้ในภายหลัง!”บุรุษชุดดำเก็บวิชายุทธ์ไว้ในแขนเสื้อ และหันหลังเดินออกไปกู้ตงเฟิงขยับริมฝีปาก แต่สุดท้ายเขาก็มิได้ถามสิ่งที่อยู่ในใจออกไป……คืนวันเดียวกันหลังจากหวังฉือเสร็จสิ้นงานราชสำนักของวันนี้ เขาก็ยืนเส้นยืดสายและกำลังจะออกจากศาลต้าหลี่ขณะนั้น เสนาธิการทัพหน้าชานจวิน หลิวเว่ยก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนใจ“ท่านใต้เท้าหวัง มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น เมื่อครู่มีหลายคนมารายงานว่าบุตรีผู้เป็นที่รักของพวกเขาหายตัวไปขอรับ!”“ว่ากระไรนะ?!”หวังฉือตกใจมากและถามว่า “เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร? ผู้สูญหายมีจุดเชื่อมโยงที่เหมือนกันหรือไม่?”“เหตุเกิดหลังพลบค่ำ ผู้สูญหายล้วนเป็นสตรีที่ยัง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 370

    มินาน เสียนเฟยก็เดินเข้ามาหลังจากที่ได้เห็นหวังฉือ เสียนเฟยก็ประหลาดใจและพูดว่า “ใต้เท้าหวัง เหตุใดท่านถึงมายังพระที่นั่งหย่างจวีเอาดึกดื่นป่านนี้?”หวังฉือทำความเคารพนางและกำลังจะตอบแต่ฉินอู๋ต้าวก็โบกมือและถามขึ้นอย่างมิอยากรอ “เสียนเฟย เจ้ามาทำอะไรที่นี่ คงมิได้มาเพราะเรื่องของฝู่กั๋วกงใช่หรือไม่?”เสียนเฟยรีบส่ายหัว “มิใช่เพคะฝ่าบาท วันนี้นางรับใช้ส่วนตัวนางหนึ่งของหม่อมฉันออกไปเยี่ยมญาติ แต่นางยังมิกลับมา เมื่อครู่นี้ครอบครัวของนางได้ให้คนมาส่งข่าวว่านางรับใช้นางนี้หายตัวไป หม่อมฉันก็เลยมา…”ก่อนที่นางจะพูดจบ ฉินอู๋ต้าวก็พูดขัด“เจ้าว่าอย่างไรนะ นางรับใช้จากตำหนักอวี้จ้าวของเจ้าก็หายตัวไปเช่นกันหรือ?”“ใช่เพคะฝ่าบาท เสี่ยวชิงเป็นนางรับใช้ที่สนิทสนมกับหม่อมฉันมากที่สุด ขอฝ่าบาทโปรดทรงช่วยหม่อมฉันด้วยนะเพคะ”ฉินอู๋ต้าวมิได้พูด เพียงแต่มองไปที่หวังฉือเจ้าตัวถามขึ้นทันที “เสียนเฟย ข้าน้อยขอทราบนามนางรับใช้ของท่านได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“จั่วเสี่ยวชิง”“ฝ่าบาท จั่วเสี่ยวชิงผู้นี้คือหนึ่งในหญิงสาวที่หายไป วันนี้ครอบครัวของนางก็มารายงานที่ศาลต้าหลี่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ใต้เท้าหวัง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 371

    หลังจากระงับสติอารมณ์แล้ว นางก็ขมวดคิ้วและเอ่ยถามว่า “องค์รัชทายาท ดึกดื่นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงยังมิบรรทมอีกหรือเพคะ?” “เจ้าเองก็ยังมินอนมิใช่รึ?” “หม่อมฉันกำลังจะไปนอนแล้ว แต่ท่านทำให้ตกใจ หากท่านไม่มีเรื่องอะไร ทรงรีบพักผ่อนเถิดเพคะ วันพรุ่งต้องเดินทางแต่เช้า” ฉินซูกลอกตาแล้วเหน็บแนมว่า “นี่เจ้ายังคิดจะนอนจริง ๆ เหรอ? พวกเรากำลังขนเงินบรรเทาภัยพิบัติห้าแสนตำลึง เจ้ามิกลัวว่าจะมีใครมาปล้นหรือไร?” กู้เสวี่ยเจี้ยนมิเห็นด้วย “ท่านทรงคิดมากไปแล้ว ที่นี่อยู่ห่างจากหลงเฉิงมิถึงร้อยลี้ โจรพวกนั้นคงมิกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนั้นหรอก! อีกอย่าง ที่นี่ยังมีองครักษ์และคนจากกองทัพป้องกันชายแดนมาด้วยมิใช่หรือ!” “งั้นเจ้าก็ไปนอนเถอะ ข้าจะไปมอบหมายงานบางอย่างกับตงฟางไป๋” ได้ยินแล้วกู้เสวี่ยเจี้ยนจึงมองฉินซูอย่างสงสัยเล็กน้อยแล้วหันหลังกลับเข้าห้องไป ฉินซูลงมาชั้นล่าง เห็นตงฟางไป๋กำลังงีบหลับอยู่พอดี! เขาเดินเข้าไปและเตะเข้าที่สะโพกของตงฟางไป๋ทันที! “ใครน่ะ!” ตงฟางไป๋สะดุ้งตื่นทันทีและมองไปรอบ ๆ ด้วยใบหน้าหวาดอย่างระแวง หลังจากเห็นฉินซู เขาเกาหัวอย่างเขินอาย “องค์รัชทายาท เป็นท่านหร

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 372

    สวีเซี่ยงเฉียนเดินเข้าไปที่หน้าต่างแล้วชะโงกออกไปมองดู ครั้นแล้วก็เห็นด้านนอกที่มืดมิดภายใต้แสงจันทร์สลัวมีคบเพลิงจำนวนมากส่องแสงขึ้น มีคนกลุ่มใหญ่อยู่ด้านนอกกำลังยิงธนูและบุกมาทางนี้ ใบหน้าของเขาโกรธเกรี้ยวทันทีและกล่าวว่า “ใต้เท้าเสวี่ยเจี้ยน ความปลอดภัยขององค์รัชทายาทขอฝากไว้ที่ท่าน ส่วนพวกด้านนอกปล่อยให้ข้าน้อยจัดการเอง!”เขาพูดจบก็คว้าดาบขึ้นมาแล้วกระโดดออกไปทางหน้าต่าง ทันใดนั้นเสียงของตงฟางไป๋ก็ดังขึ้นว่า “แม่ทัพสวี ท่านนำคนส่วนหนึ่งโจมตีลวงจากด้านซ้าย ส่วนข้าจะนำคนลอบโจมตีจากด้านหลัง จะได้ต้อนพวกมันเข้าด้วยกันแล้วจัดการให้หมด!" “ความคิดดีมาก!” สวีเซี่ยงเฉียนตกลงทันทีแล้วนำคนเจ็ดถึงแปดคนลอบไปทางด้านซ้าย และในตอนนั้นเองตงฟางไป๋ได้นำคนบางส่วนไปซุ่มโจมตีจากอีกด้านหนึ่งอย่างเงียบ ๆ ด้านหน้าของศาลาพักม้าเป็นตงฟางโซ่วที่นำคนออกไปเมื่อเห็นพวกเขาดำเนินการอย่างเป็นระเบียบ กู้เสวี่ยเจี้ยนก็กล่าวชมเชยว่า “องค์รัชทายาท องครักษ์สองคนนี้ของท่านทั้งกล้าหาญและชาญฉลาดจริง ๆ ทั้งยังรู้จักใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม[footnoteRef:0]อีกด้วย” [0: กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจ

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 707

    ฉงชูโม่พยักหน้าหนักแน่น “ถูกต้องแล้วเพคะ เรื่องนี้มิใช่แค่ข้าน้อยคนเดียวที่เห็นกับตา ทหารทั้งสามทัพหลายนายก็เห็นเช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดีขึ้นมาทันตาอดีตองค์รัชทายาทสำมะเลเทเมาบัดนี้กลับสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง นี่มัน… เกินความคาดหมายของเขาไปมาก!ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าเบื้องหลังฉินซูต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะแต่จากที่เห็นในเวลานี้ ยอดฝีมือที่ว่านั้น แท้จริงแล้วก็คือฉินซูเองกล่าวคือ ฉินซูมิเพียงแต่มีกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่วรยุทธ์ก็ยังก้าวเข้าสู่ระดับที่น่าตกตะลึงซ้ำร้ายฉินซูยังจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนอีกด้วย!เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความระแวงที่ฉินอู๋ต้าวมีต่อฉินซูก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวนิ่งอึ้งไป ฉงชูโม่ก็กล่าวต่ออย่างมีนัยแฝงว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาททรงทักษะยอดเยี่ยม เกรงว่าอีกมินานคงจะแพร่สะพัดไปทั่วหลงเฉิงเพคะแต่ก็ดีเหมือนกันเพคะ เหล่าคนชั่วที่คิดจะลอบสังหารองค์รัชทายาทจะได้ประมาณตนก่อนจะลงมือ เช่นนี้แล้ว ก็จะได้มิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาทให้มา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 706

    สวี่จิ้นเสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า “องค์รัชทายาท พระองค์ได้นำหนานเยวี่ยทั้งเจ็ดมณฑลสามสิบแปดเมืองมาอยู่ภายใต้ต้าเหยียนของเรา คุณูปการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สมควรได้รับการประทานเครื่องยศเก้าประการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูส่ายหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าสวี่ ท่านกล่าวผิดแล้ว มีคำกล่าวว่า ใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแผ่นดินขององค์จักรพรรดิ บนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นข้ารองพระบาทขององค์จักรพรรดิ ข้าในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ย่อมถือเอาความผาสุกของราษฎรเป็นภารกิจของตน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูก็ประสานมือคำนับฉินอู๋ต้าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ดังนั้นรางวัลอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องยศเก้าประการนี้ลูกมิกล้ารับไว้จริง ๆ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงก็อุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นเครื่องยศเก้าประการนี้ องค์รัชทายาทกลับปฏิเสธจริง ๆ หรือ?ต้องเท้าความว่า หากฉินซูในฐานะเป็นองค์รัชทายาทรับรางวัลนี้ ในภายภาคหน้า สถานะความสำคัญของเขาในสายตาของขุนนางและราษฎรแห่งต้าเหยียนก็แทบจะเทียบเท่ากับฉินอู๋ต้าวผู้เป็นองค์จักรพรรดิได้เลยทีเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 705

    ฉงชูโม่กำลังจะกล่าวต่อ แต่กลับสังเกตเห็นว่าฉินซูกำลังส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยจากนั้นเสียงของฉินซูก็ดังขึ้นในหูของนาง “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลักฐานสำคัญหายไป”ฉินซูใช้วิชาแห่งกระแสจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้นอกจากฉงชูโม่เมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินซู แววตาของฉงชูโม่ก็พลันไหววูบ จากนั้นจึงกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทูลแล้วเพคะ”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉงชูโม่ด้วยความสงสัยผาดหนึ่งแล้วหันไปมองฉินซูแทน“องค์รัชทายาท รายงานเรื่องคลังหลวงของหนานเยวี่ยหน่อยซิ”“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูประสานมือแล้วพูดต่อ “ทูลเสด็จพ่อ ในการตรวจค้นคลังหลวงของหนานเยวี่ยครั้งนี้ ลูกพบผ้าไหมแพรพรรณสูงค่ามากมายนับมิถ้วน เงินแท้รวมทั้งสิ้นสิบสามล้านกว่าตำลึง ทองคำสองล้านตำลึง เสบียงอาหารก็มีมากถึงเกือบแสนต้านพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกได้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึงจากทั้งหมดในพระนามของเสด็จพ่อ เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนพืชพรรณธัญหารก็ได้สั่งให้คนนำกลับไปเก็บไว้ที่เจียวโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status