Share

บทที่ 367

Penulis: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ฉินหงประสานมือคารวะเล็กน้อยแล้วหันหลังเดินออกไป

เซี่ยเหอและหลินซีตามหลังมาติด ๆ

หลังออกมาจากจวนอ๋องซิ่น ใบหน้าของฉินหงก็ขรึมลงทันที พลางมองทั้งสองอย่างลึกล้ำด้วยสายตาเย็นชา

ทั้งหลินซีและเซี่ยเหอต่างก็ตกใจและรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว

“ท่านอ๋อง กระหม่อมมิเคยพูดถึงเรื่องระหว่างท่านกับพระอาจารย์คูมู่กับผู้ใดเลย กระหม่อมสาบานได้พ่ะย่ะค่ะ!”

“กระหม่อมก็เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”

ดวงตาของฉินหงวูบไหว เขาพูดอย่างมีความนัย “ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่ต้องจัดการกับคนรับใช้ในจวนสักทีเสียแล้ว!”

พูดจบ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายเย็นเยียบออกมาในทันใด เต็มไปด้วยเจตนาสังหารอันเยือกเย็น!!

……

ในตำหนักอวี้จ้าว

ฉินเซียวกัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าสารเลวฉินชูตัดโอกาสที่ลูกจะได้กลับมารุ่งโรจน์อีกแล้ว เกลียดมันจริง ๆ เหตุใดถึงมิตาย ๆ ไปเสียที”

ขณะที่พูด เขาก็กำหมัดแน่นจนข้อนิ้วก็มีเสียงแตกกึก ๆ

เมื่อเห็นเช่นนั้น เสียนเฟยก็ถอนหายใจเบา ๆ “เจ้านี่นะ สงบสติอารมณ์มิได้เลย ในจุดนี้เจ้าควรเรียนรู้จากองค์รัชทายาทไร้ประโยชน์ผู้นั้นสิ”

ใบหน้าของฉินเซียวมืดมนและมิได้พูดอะไร

เสียนเฟยกล่าวต่อด้วยความทอดถอนใจ “หลายปีมานี้เขาซ่อนตัวตนที่
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 368

    ในห้องลับอันมืดมิดกู้ตงเฟิงกำลังนั่งขัดสมาธิและพยายามหมุนเวียนปราณบริสุทธิ์ในร่างกายของตนแต่ภายในชั่วขณะนั้นเขาก็ค้นพบว่าเส้นเอ็นหลายจุดในร่างกายของเขาได้รับความเสียหาย ทำให้ปราณบริสุทธิ์ไหลเวียนได้อย่างมิราบรื่นพูดง่าย ๆ ก็คือ ตอนนี้เขาได้กลายเป็นคนพิการไปครึ่งหนึ่งแล้วหากเส้นเอ็นที่เสียหายมิสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ วรยุทธ์ทั้งหมดของเขาก็จะกลายเป็นเพียงอดีต“คาดมิถึงจริง ๆ ว่าวรยุทธ์ของบุรุษชุดดำจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ ฝ่ามือธรรมดา ๆ ก็ทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ ตอนนี้บนใต้หล้านอกเหนือจากเจ้าสำนักหอดูดาวหลวงแล้ว ก็ยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่อีก ข้าประมาทมากจริง ๆ เฮ้อ…”ขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง ทันใดนั้นก็มีเสียงแหบห้าวดังมาจากทางเข้า“ถอนหายใจได้เช่นนี้ ดูเหมือนหลายวันมานี้เจ้าจะฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็วเลยสินะ!”สิ้นคำพูด ร่างหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีดำไว้อย่างมิดชิดก็เดินเข้ามาเมื่อเห็นคนผู้นี้ กู้ตงเฟิงก็เริ่มระวังตัวเขาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างมิวางตาแล้วถามว่า “ท่านเป็นใครกันแน่ และที่นี่คือที่ใด?”คนในชุดดำจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ลึกล้ำและพูดเสียงเรียบ “อย่าถามในสิ่งที

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 369

    เมื่อบุรุษชุดดำได้ยินเช่นนั้น สายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นเขาอ่านเคล็ดวิชานั้นคร่าว ๆ รอบหนึ่งและพูดอย่างทอดถอนใจ “ดูเหมือนว่าวิชายุทธ์นี้จะลึกซึ้งและแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มาก มิแปลกใจที่เจ้าเข้าถึงได้เพียงหนึ่งหรือสองขั้น แต่ก็สามารถมีวรยุทธที่กล้าแกร่งเช่นนี้ได้!”กู้ตงเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น “เทียบกับท่านแล้ว วรยุทธ์ของข้านั้นด้อยกว่ามาก”“พักผ่อนร่างกายเสีย หญิงสาวที่เจ้าต้องการจะถูกส่งมาให้ในภายหลัง!”บุรุษชุดดำเก็บวิชายุทธ์ไว้ในแขนเสื้อ และหันหลังเดินออกไปกู้ตงเฟิงขยับริมฝีปาก แต่สุดท้ายเขาก็มิได้ถามสิ่งที่อยู่ในใจออกไป……คืนวันเดียวกันหลังจากหวังฉือเสร็จสิ้นงานราชสำนักของวันนี้ เขาก็ยืนเส้นยืดสายและกำลังจะออกจากศาลต้าหลี่ขณะนั้น เสนาธิการทัพหน้าชานจวิน หลิวเว่ยก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนใจ“ท่านใต้เท้าหวัง มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น เมื่อครู่มีหลายคนมารายงานว่าบุตรีผู้เป็นที่รักของพวกเขาหายตัวไปขอรับ!”“ว่ากระไรนะ?!”หวังฉือตกใจมากและถามว่า “เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร? ผู้สูญหายมีจุดเชื่อมโยงที่เหมือนกันหรือไม่?”“เหตุเกิดหลังพลบค่ำ ผู้สูญหายล้วนเป็นสตรีที่ยัง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 370

    มินาน เสียนเฟยก็เดินเข้ามาหลังจากที่ได้เห็นหวังฉือ เสียนเฟยก็ประหลาดใจและพูดว่า “ใต้เท้าหวัง เหตุใดท่านถึงมายังพระที่นั่งหย่างจวีเอาดึกดื่นป่านนี้?”หวังฉือทำความเคารพนางและกำลังจะตอบแต่ฉินอู๋ต้าวก็โบกมือและถามขึ้นอย่างมิอยากรอ “เสียนเฟย เจ้ามาทำอะไรที่นี่ คงมิได้มาเพราะเรื่องของฝู่กั๋วกงใช่หรือไม่?”เสียนเฟยรีบส่ายหัว “มิใช่เพคะฝ่าบาท วันนี้นางรับใช้ส่วนตัวนางหนึ่งของหม่อมฉันออกไปเยี่ยมญาติ แต่นางยังมิกลับมา เมื่อครู่นี้ครอบครัวของนางได้ให้คนมาส่งข่าวว่านางรับใช้นางนี้หายตัวไป หม่อมฉันก็เลยมา…”ก่อนที่นางจะพูดจบ ฉินอู๋ต้าวก็พูดขัด“เจ้าว่าอย่างไรนะ นางรับใช้จากตำหนักอวี้จ้าวของเจ้าก็หายตัวไปเช่นกันหรือ?”“ใช่เพคะฝ่าบาท เสี่ยวชิงเป็นนางรับใช้ที่สนิทสนมกับหม่อมฉันมากที่สุด ขอฝ่าบาทโปรดทรงช่วยหม่อมฉันด้วยนะเพคะ”ฉินอู๋ต้าวมิได้พูด เพียงแต่มองไปที่หวังฉือเจ้าตัวถามขึ้นทันที “เสียนเฟย ข้าน้อยขอทราบนามนางรับใช้ของท่านได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“จั่วเสี่ยวชิง”“ฝ่าบาท จั่วเสี่ยวชิงผู้นี้คือหนึ่งในหญิงสาวที่หายไป วันนี้ครอบครัวของนางก็มารายงานที่ศาลต้าหลี่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ใต้เท้าหวัง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 371

    หลังจากระงับสติอารมณ์แล้ว นางก็ขมวดคิ้วและเอ่ยถามว่า “องค์รัชทายาท ดึกดื่นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงยังมิบรรทมอีกหรือเพคะ?” “เจ้าเองก็ยังมินอนมิใช่รึ?” “หม่อมฉันกำลังจะไปนอนแล้ว แต่ท่านทำให้ตกใจ หากท่านไม่มีเรื่องอะไร ทรงรีบพักผ่อนเถิดเพคะ วันพรุ่งต้องเดินทางแต่เช้า” ฉินซูกลอกตาแล้วเหน็บแนมว่า “นี่เจ้ายังคิดจะนอนจริง ๆ เหรอ? พวกเรากำลังขนเงินบรรเทาภัยพิบัติห้าแสนตำลึง เจ้ามิกลัวว่าจะมีใครมาปล้นหรือไร?” กู้เสวี่ยเจี้ยนมิเห็นด้วย “ท่านทรงคิดมากไปแล้ว ที่นี่อยู่ห่างจากหลงเฉิงมิถึงร้อยลี้ โจรพวกนั้นคงมิกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนั้นหรอก! อีกอย่าง ที่นี่ยังมีองครักษ์และคนจากกองทัพป้องกันชายแดนมาด้วยมิใช่หรือ!” “งั้นเจ้าก็ไปนอนเถอะ ข้าจะไปมอบหมายงานบางอย่างกับตงฟางไป๋” ได้ยินแล้วกู้เสวี่ยเจี้ยนจึงมองฉินซูอย่างสงสัยเล็กน้อยแล้วหันหลังกลับเข้าห้องไป ฉินซูลงมาชั้นล่าง เห็นตงฟางไป๋กำลังงีบหลับอยู่พอดี! เขาเดินเข้าไปและเตะเข้าที่สะโพกของตงฟางไป๋ทันที! “ใครน่ะ!” ตงฟางไป๋สะดุ้งตื่นทันทีและมองไปรอบ ๆ ด้วยใบหน้าหวาดอย่างระแวง หลังจากเห็นฉินซู เขาเกาหัวอย่างเขินอาย “องค์รัชทายาท เป็นท่านหร

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 372

    สวีเซี่ยงเฉียนเดินเข้าไปที่หน้าต่างแล้วชะโงกออกไปมองดู ครั้นแล้วก็เห็นด้านนอกที่มืดมิดภายใต้แสงจันทร์สลัวมีคบเพลิงจำนวนมากส่องแสงขึ้น มีคนกลุ่มใหญ่อยู่ด้านนอกกำลังยิงธนูและบุกมาทางนี้ ใบหน้าของเขาโกรธเกรี้ยวทันทีและกล่าวว่า “ใต้เท้าเสวี่ยเจี้ยน ความปลอดภัยขององค์รัชทายาทขอฝากไว้ที่ท่าน ส่วนพวกด้านนอกปล่อยให้ข้าน้อยจัดการเอง!”เขาพูดจบก็คว้าดาบขึ้นมาแล้วกระโดดออกไปทางหน้าต่าง ทันใดนั้นเสียงของตงฟางไป๋ก็ดังขึ้นว่า “แม่ทัพสวี ท่านนำคนส่วนหนึ่งโจมตีลวงจากด้านซ้าย ส่วนข้าจะนำคนลอบโจมตีจากด้านหลัง จะได้ต้อนพวกมันเข้าด้วยกันแล้วจัดการให้หมด!" “ความคิดดีมาก!” สวีเซี่ยงเฉียนตกลงทันทีแล้วนำคนเจ็ดถึงแปดคนลอบไปทางด้านซ้าย และในตอนนั้นเองตงฟางไป๋ได้นำคนบางส่วนไปซุ่มโจมตีจากอีกด้านหนึ่งอย่างเงียบ ๆ ด้านหน้าของศาลาพักม้าเป็นตงฟางโซ่วที่นำคนออกไปเมื่อเห็นพวกเขาดำเนินการอย่างเป็นระเบียบ กู้เสวี่ยเจี้ยนก็กล่าวชมเชยว่า “องค์รัชทายาท องครักษ์สองคนนี้ของท่านทั้งกล้าหาญและชาญฉลาดจริง ๆ ทั้งยังรู้จักใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม[footnoteRef:0]อีกด้วย” [0: กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 373

    เกิดอะไรขึ้น? “องค์รัชทายาทที่รอวันถูกปลดผู้นี้อาศัยอะไรบางอย่างอยู่งั้นหรือ?! ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของชายชุดดำ แล้วเขาก็พลันรู้สึกถึงกระแสลมกระโชกที่ทรงพลังพุ่งข้ามาอย่างรวดเร็ว! “มิดีแล้ว!!” ชายชุดดำร้องในใจ แต่เมื่อคิดจะถอยกลับแล้วหนีไป มันก็สายเกินไปแล้ว! “ฟึ่บ!” หลังจากเสียงดังสนั่น ชายชุดดำก็สลายกลายเป็นหมอกเลือด แม้แต่ดาบใหญ่ในมือก็มิอาจรอดพ้น ฉินซูดึงมือกลับมาแล้วหันไปพูดกับถานเหวยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ใต้เท้าถานกลับไปที่ห้องเถอะ จะได้มิบาดเจ็บจากธนูซุ่มยิง” “อ๋า ?! องค์รัชทายาท ท่าน… ท่านมิเป็นอะไรเลยหรือ?!” “เหตุใดเล่า ข้ามิเป็นไร ใต้เท้าถานผิดหวังมากหรือไร?” ถานเหวยส่งเสียงสะดุ้งทันทีแล้วรีบส่ายหัว “หามิได้ ๆ จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ ท่านปลอดภัยย่อมดีมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ในใจของเขารู้สึกสงสัยอย่างยิ่ง ชายชุดดำเมื่อครู่มีพลังที่แข็งแกร่งมาก ว่ากันตามหลักแล้วฉินซูน่าจะหลบมิพ้นถึงจะถูก ทว่าบัดนี้ ฉินซูกลับยืนอยู่ตรงนั้นโดยมิเป็นอะไร ส่วนชายชุดดำผู้นั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย หรือเป็นกู้เสวี่ยเจี้ยนที่บีบให้เขาต้องถอยไป?ใช่แล้ว กู้เส

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 374

    ฉินซูยกฝ่ามือขึ้นเล็กน้อยแล้วพลังลมอันรุนแรงสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากมือของเขา! “ฟึ่บ!” แขนข้างที่ถือกระบี่ของชายชุดดำแตกสลายกลายเป็นหมอกเลือดทันทีที่เสียงดังขึ้น! ก่อนที่เขาจะได้สติก็รู้สึกถึงความเบาใต้ฝ่าเท้า!กลับกลายเป็นว่าเขาถูกฉินซูจับคอแล้วยกขึ้น! “! ! !”ชายชุดดำมีสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด เขาจ้องมองฉินซูอย่างมิอยากจะเชื่อ หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เขาก็พูดอย่างยากลำบากว่า “เจ้า… เจ้า… ปิดบังฝีมือไว้ลึกจริง ๆ…” ฉินซูถามอีกครั้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “พูด ใครส่งเจ้ามา!” “คะ… คือ…” ชายชุดดำขยับริมฝีปากราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง จากนั้นเขาฉวยโอกาสที่ฉินซูเสียสมาธิ ใช้มือที่เหลืออยู่ข้างหนึ่งหยิบกริชออกมาจากอกเสื้ออย่างรวดเร็วแล้วจ้วงแทงลงไปยังกลางอกของฉินซูโดยมิลังเล ฉินซูเผยสีหน้าดูถูกและมิสนใจที่จะยื่นมือออกไปปิดกั้นเลยด้วยซ้ำ! ในชั่วพริบตา กริชของชายชุดดำหยุดชะงักตรงหน้าอกของฉินซูปลายกริชอยู่ห่างจากหัวใจของฉินซูแค่ครึ่งนิ้วเท่านั้น! ชายชุดดำสะดุ้งแล้วก้มหน้ามองโดยสัญชาตญาณครั้นแล้วก็เห็นว่าด้านหน้าของฉินซูมีเกราะป้องกันบางอย่างปรากฏขึ้นราง ๆ! เมื่อเห็นภ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 375

    “เหอะ ๆ หวงเฟิงคือจอมยุทธระดับปฐพีขั้นสูงสุดที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ระดับสวรรค์ หากท่านสามารถสังหารเขาได้ อาจารย์ของหม่อมฉันคงมิต้องส่งหม่อมฉันมาคุ้มกันท่านหรอกกระมังเพคะ?” ฉินซูมิแสดงท่าทีอะไรต่อคำพูดนั้น ในใจของเขานึกขำขึ้นมานิด ๆ เสียด้วยซ้ำ ‘เหตุใดทุกคนถึงคิดว่าข้าต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังด้วยล่ะนี่?’ ‘พวกเขามิเคยสงสัยเลยหรือไรว่าผู้ที่พวกเขาเรียกว่ายอดฝีมือก็คือตัวข้าเอง?’กู้เสวี่ยเจี้ยนพูดกับตัวเองพร้อมถอนหายใจว่า “ต้องยอมรับเลยว่า ยอดฝีมือที่อยู่เบื้องหลังท่านช่างน่าเกรงขามจริง ๆ เขาสามารถจัดการหวงเฟิงได้ในระยะเวลาอันสั้น เขาอยู่ที่ใดแล้วเล่าเพคะ? ให้เขาปรากฏตัวให้เห็นหน่อยเถิด” ฉินซูพูดอย่างจริงจังว่า “เขาไปแล้ว!” “ไปแล้วหรือเพคะ?” กู้เสวี่ยเจี้ยนมองไปรอบๆ แล้วบ่นว่า “ท่านช่างกล้าจริง ๆ มิกลัวว่าหวงเฟิงจะมีผู้ช่วยหรือไรกัน” “ถึงหวงเฟิงจะมีผู้ช่วย แต่ข้าก็ยังมีเจ้าอยู่มิใช่หรือไร” กู้เสวี่ยเจี้ยนเหลือบมองฉินซูก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพร้อมถามอย่างหยั่งเชิงว่า “องค์รัชทายาท ในความเห็นของท่าน ใครที่สั่งหวงเฟิงมาลอบสังหารท่านหรือเพคะ?” ฉินซูยักไหล่ “ข้าจะไ

Bab terbaru

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 618

    “ท่านแม่ทัพหู แผนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ออกจากประตูเมืองฝั่งเหนือแล้วอ้อมไปอีกหน่อย ก็ลอบโจมตีทัพหนานเยวี่ยได้เหมือนเดิม!”“ไป เร่งฝีเท้า!”ดังนั้น กองทหารของพวกเขาจึงเดินทางมายังใต้ประตูเมืองฝั่งเหนือแม่ทัพรักษาการณ์ที่นี่เห็นหูก่วงเซิงและพวก จึงไต่ถาม “ท่านแม่ทัพหู นี่พวกท่านจะทำการใด?”“ในเมืองผู้คนพลุกพล่านเกินไป พวกเราจะออกไปพักผ่อนนอกเมืองสักหน่อย วันพรุ่งพวกเราจะย้ายค่ายทหารไปตั้งไว้นอกเมืองฝั่งเหนือเช่นกัน เพื่อความสะดวกในการฝึกทหาร”เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารรักษาการณ์ก็โบกมือให้คนเปิดประตูเมืองจะตำหนิว่าเขาประมาทเกินไปก็มิได้ ท้ายที่สุดแล้วนอกเมืองทางฝั่งเหนือยังมีทหารประจำการอยู่เป็นจำนวนมิน้อย ทหารที่เข้าออกประตูเมืองทางฝั่งเหนือจึงมีจำนวนมากเป็นทุนเดิมหลังจากที่ออกนอกเมืองได้อย่างราบรื่น หูก่วงเซิงจึงนำกองทัพทหารม้าพันนายมุ่งหน้าลงใต้!ขณะเดียวกันนอกประตูเมืองเจียวโจวทางฝั่งใต้ เงาร่างสิบกว่าร่างพุ่งออกมาจากป่าละเมาะห่างออกไปมิไกลนักพวกเขามีท่าทางคล่องแคล่ว เพียงชั่วพริบตาก็เข้าไปซุ่มซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เตี้ย ๆ ฝั่งหนึ่งหลังจากที่สังเกตการณ์บนกำแพงเมืองอยู่ครู่หน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 617

    “ท่านแม่ทัพหู กองทัพหนานเยวี่ยแตกพ่ายในวันนี้ บัดนี้คงอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่เป็นแน่ หากพวกเรานำทัพไปลอบโจมตี อย่างไรก็ต้องสำเร็จ! ถึงเวลานั้นหากสำเร็จ ท่านแม่ทัพใหญ่จะเอาผิดพวกเราที่ยกทัพไปโดยพลการได้อย่างไร?”ชายร่างกำยำอีกด้านกล่าวสำทับ “รองแม่ทัพหลิวกล่าวได้ถูกต้อง ท่านแม่ทัพหู พวกเราอุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงมาถึงเจียวโจวก็มิใช่อื่นใด นอกเสียจากเพื่อสร้างความดีความชอบให้มากยิ่งขึ้นพวกเราสร้างความดีความชอบในเจียวโจวมากเท่าไร พระเกียรติของท่านอ๋องฉู่ในราชสำนักก็จะยิ่งสูงส่งมากขึ้นเท่านั้น ทุกสิ่งที่พวกเราทำ ล้วนเพื่อท่านอ๋องฉู่ทั้งสิ้น!”“ถูกต้อง พวกเราคือคนของท่านอ๋องฉู่ ท่านแม่ทัพใหญ่ย่อมมิอาจตำหนิพวกเราที่ออกรบโดยพลการได้ ท่านแม่ทัพหู ท่านรีบตัดสินใจเถิด โอกาสมิคอยท่า เวลามิหวนคืน!”“ท่านแม่ทัพหู คนขององค์รัชทายาทออกนอกเมืองไปครึ่งชั่วยามแล้ว หากพวกเรามิรีบเร่งติดตามไป เกรงว่าน้ำแกงก็มิได้ซด อย่าหวังจะได้กินเนื้อเลยขอรับ!”ด้วยคำยุยงของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา ดวงตาของหูก่วงเซิงก็ค่อย ๆ แน่วแน่ขึ้น!เขาพยักหน้าหนักแน่น กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “สั่งให้เหล่าสหายทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม อีกห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 616

    หูก่วงเซิงยกไหสุราขึ้นกระดกไปหลายอึก และแค่นเสียง “หึ ศึกที่ได้ชัยชนะในวันนี้ หากมิใช่เพราะทหารม้าหุ้มเกราะของพวกข้าบุกตะลุยอยู่แนวหน้า มีหรือกองทัพหนานเยวี่ยจะถูกสังหารจนแตกพ่ายยับเยิน?ทว่าในงานเลี้ยงฉลองชัย ท่านแม่ทัพใหญ่กลับมิเอ่ยถึงความดีความชอบของพวกข้าแม้แต่คำเดียว เอาแต่ชื่นชมองค์รัชทายาทมิขาดปากข้าสงสัยนัก องค์รัชทายาทเพียงแต่นำอาวุธที่กรมโยธาธิการประดิษฐ์ขึ้นใหม่มาด้วยเท่านั้น มีสิ่งใดน่าสรรเสริญกัน?”รองแม่ทัพที่นั่งอยู่ข้างกายเขาขมวดคิ้ว กล่าว “ท่านแม่ทัพหู ท่านว่าเช่นนี้เห็นทีจะมิถูกกระมัง อาวุธเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาททรงออกแบบ ศึกครานี้ชนะได้ ก็เป็นเพราะพระองค์”“ใช่แล้ว อีกอย่างที่ทหารม้าหุ้มเกราะของพวกท่านบุกตะลุยกองทัพหนานเยวี่ยได้ไร้ผู้ใดขัดขวาง ก็มิใช่เป็นเพราะมีอาวุธที่องค์รัชทายาททรงออกแบบให้การคุ้มครองหรอกหรือ มิเช่นนั้นกองทัพหนานเยวี่ยจะปล่อยให้พวกท่านบุกตะลุยในแนวรบโดยมิอาจโต้ตอบได้เลยด้วยเหตุใดเล่า?”หูก่วงเซิงเผยสีหน้าดูแคลน หัวเราะเยาะ “องค์รัชทายาทที่เอาแต่เสพสุขไปวัน ๆ ไฉนจึงออกแบบอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้? พวกเจ้าก็ช่างหูเบากันเสียจริง ใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 615

    หลังจากที่ฟังเขาจนจบ ฉงชูโม่ขมวดคิ้วถาม “แผนการของท่านดีก็จริง ทว่าหากพวกมันมิมาในคืนนี้เล่า?”“คืนนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงฉลองชัย พวกมันต้องปักใจเชื่อว่ากำลังป้องกันเมืองของพวกเราหย่อนยาน คืนนี้หากพวกมันมิลงมือ ภายหน้าคงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้ว ดังนั้นคืนนี้พวกมันต้องลงมือเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ได้ ทำตามที่ท่านว่าก็แล้วกันเพคะ!”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ “อีกอย่าง คืนนี้เจ้าจงส่งทหารสองกองไปซุ่มอยู่หลินสุ่ยและเซี่ยอ้าว เมื่อทัพใหญ่หนานเยวี่ยปรากฏกาย จงปล่อยให้พวกมันเข้ามา รอจนกระทั่งเสียงฆ่าฟันนอกเมืองดังขึ้นค่อยตลบหลังโจมตีกองทัพหนานเยวี่ย จากนั้นจึงเข้าตีกระหนาบหน้าหลัง กวาดล้างพวกมันในคราเดียว!”ฉงชูโม่ถามอย่างตกตะลึง “ท่านคิดว่าคืนนี้พวกหนานเยวี่ยจะบุกโจมตีด้วยทัพใหญ่หรือเพคะ?”“พูดได้แต่เพียงมีความเป็นไปได้สูงนัก”“หม่อมฉันว่ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากเติ้งหม่างเพิ่งประสบความพ่ายแพ้ในวันนี้ ซ้ำร้ายทหารใต้บัญชาของเขายังหวาดหวั่นเกรงกลัวธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าของพวกเราจนหัวหด หากยังมิล่วงรู้ว่าพวกเรามีธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด พวกมันคงมิกล้าผล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 614

    ฉินซูหัวเราะแห้ง ๆ แล้วกล่าวติดตลก “ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะหึงหวงข้า”ฉงชูโม่ถ่มน้ำลาย “ถุย ใครจะหึงท่านกัน อย่าได้หลงตัวเองไปหน่อยเลย!”“อะแฮ่ม ๆ เรื่องนั้นช่างมันเถิด ที่จริงข้ามีธุระสำคัญ...”ฉงชูโม่ขัดขึ้นมาเสียก่อน “มีกระไรก็รีบว่ามา อย่ามัวอ้อมค้อม”ฉินซูปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม แล้วเอ่ยถาม “วันนี้ที่พวกเรามีชัยเหนือแคว้นหนานเยวี่ย ในความเห็นของเจ้า พวกมันจะทำอย่างไรต่อไป?”“ชัยชนะในวันนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับพลานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า กองทัพหนานเยวี่ยประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับถึงเพียงนี้ หากหม่อมฉันเป็นเติ้งหม่าง คงต้องหาทางนำอาวุธทั้งสองชนิดนี้ไปให้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูจึงอดมิได้ที่จะมองนางด้วยสายตาชื่นชมสมแล้วที่ฉงชูโม่เป็นแม่ทัพขั้นหนึ่งที่มากล้นด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ สามารถเดาใจศัตรูได้ล่วงหน้าเช่นนี้“เมื่อรู้ถึงเจตนาของเติ้งหม่างผู้นั้นแล้ว เราควรจะลองมาล่อเสือออกจากถ้ำดูสักครา”“ตรัสเช่นนี้ แสดงว่าท่านทรงคิดแผนการรับมือไว้แล้วหรือ?”ฉงชูโม่เอี้ยวศีรษะมองฉินซู ดวงตาคู่งามกระจ่างใสนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจหางตาฉินซูเหลือบมองอ่างอาบน้ำโดยม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 613

    “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ขอพระองค์โปรดเมตตา”ทั้งสองกล่าวพร้อมคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูฉินซูจนปัญญา จึงตะโกนเข้าไปในกระโจม “ชูโม่ ให้ข้าเข้าไปเถิด ข้าขออธิบายให้เจ้าฟังดี ๆ มิได้หรือ?”ทว่าข้างในกลับไร้เสียงตอบรับฉินซูยังคงมิยอมแพ้ กล่าวต่อไป “ชูโม่ เจ้าอย่าหึงหวงนักเลย อย่างน้อยก็ให้ข้าอธิบายสักหน่อยเถิด”เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ทหารยามทั้งสองก็อดมิได้ที่จะสบตากัน!ให้ตายสิ ท่านแม่ทัพใหญ่กับองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์ช่างลึกซึ้งเกินคาด!!สีหน้าของพวกเขาทั้งสองฉายแววตกตะลึง ราวกับได้รับข่าวเด็ดข่าวใหญ่ฉินซูเกลี้ยกล่อมอีกสองสามประโยค ทว่าในกระโจมก็ยังคงไร้เสียงตอบรับเมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูจึงหันไปถามทหารยามทั้งสอง “ชูโม่อยู่ข้างในจริง ๆ หรือ?”“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ท่านแม่ทัพใหญ่เข้าไปแล้วก็ยังมิได้ออกมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่มีประตูด้านหลังใช่หรือไม่?”“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”“มิได้การ ชูโม่อาจจะเป็นกระไรไปแล้วก็ได้!”กล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูจึงตะโกนเข้าไปด้านใน “ชูโม่ ข้าจะเข้าไปแล้วนะ”ขณะที่ฉินซูกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป ทหารยามทั้งสองก็รีบร้องทัดทาน “มิได้พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 612

    ขณะเดียวกันกองหนุนทัพหนานเยวี่ยภายในค่ายทหารแม่ทัพนายกองทั้งหลายต่างจับจ้องไปยังบุรุษบนที่นั่งหัวโต๊ะด้วยใจระทึกบุรุษผู้นั้นสวมชุดเกราะสีเงินยวง ร่างกายสูงใหญ่ผึ่งผาย!เขาคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย เติ้งหม่าง!สายตาเย็นเยียบของเขากวาดมองไปยังกลุ่มคนทีละคน สุดท้ายจับจ้องที่แม่ทัพน้อยหม่า“หม่าเวย เจ้าสำนึกผิดหรือไม่?”หม่าเวยรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ทว่าอาวุธของต้าเหยียนคราวนี้ร้ายกาจเหลือเกิน โล่เกราะหวายของพวกเราเมื่อเผชิญกับลูกธนูของพวกมันก็มิต่างกระไรจากดินเหนียว ยิงคราเดียวก็ทะลุง่ายดาย!”“ใช่แล้วท่านแม่ทัพใหญ่ โล่เกราะหวายที่พวกเราเคยภาคภูมิใจนักหนา บัดนี้มิอาจหวังพึ่งได้อีกแล้วขอรับ”“มิเพียงเท่านั้น ทางต้าเหยียนยังใช้อาวุธเพลิงร้ายกาจชนิดหนึ่ง ของสิ่งนั้นอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก ทหารมิใช่น้อยถูกระเบิดจนร่างแหลกมิเหลือชิ้นดีเลยขอรับ”เมื่อกล่าวถึงระเบิดเพลิง หลายคนยังคงหวาดผวาเติ้งหม่างขมวดคิ้วมุ่น และกล่าวพึมพำ “กองทหารรักษาการณ์เจียวโจวถูกพวกเราโจมตีมาเกือบเดือน บัดนี้จู่ ๆ กลับปรากฏอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 611

    วาจาล้ำสมัยปานนี้ ตี๋จิ่งผู้นี้คิดได้อย่างไร?มู่หรงจื่อเยียนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ฉินซู ท่านมิเป็นกระไรใช่หรือไม่?”“มิเป็นกระไร ไปเถิด”ขณะมองตามสองร่างหายลับไปจากสายตา สหายของตี๋จิ่งก็อดมิได้ที่จะหวั่นวิตกชายร่างกำยำผู้หนึ่งเอ่ยถาม “พี่ตี๋ แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?”“หรือว่าพวกเราฟาดหัวองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนให้สลบ แล้วลักพาตัวกลับเป่ยเยี่ยนดี?”“นั่นสิ หากเป็นเช่นนั้น ท่านหญิงจะได้ตามพวกเรากลับเป่ยเยี่ยนเสียที”ตี๋จิ่งโบกมือ และกล่าวว่า “มิได้ อย่าว่าแต่ท่านหญิงจะยอมให้เราทำหรือไม่เลย ลำพังแค่พวกทหารต้าเหยียนที่ยั้วเยี้ยไปทั่ว พวกเราก็มิมีทางทำสำเร็จแล้ว!”“ก็จริงดังว่า แล้วพวกเราจะทำอย่างไรเล่า?”“เฝ้าสังเกตการณ์ไปก่อน อารักขาความปลอดภัยท่านหญิงให้ดี”“ขอรับ”พวกเขาปรึกษาหารือกันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ติดตามไปที่พักของฉินซูถูกจัดสรรให้อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งใกล้กับประตูเมืองทางทิศเหนือที่นี่ห่างจากประตูเมืองทิศใต้ประมาณเจ็ดแปดลี้ จึงมิต้องกังวลว่าจะถูกผลกระทบจากไฟสงครามเมื่อเข้าสู่โรงเตี๊ยมและปิดประตูลง มู่หรงจื่อเยียนก็อดรนทนรอมิไหว โผเข้ากอดคอฉินซู นางเขย่งปลา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 610

    ฉินซูเองก็ประหลาดใจมิต่างกัน เมื่อเห็นสายตาของฉงชูโม่ เขาก็รู้สึกจนปัญญาในใจลอบคิดว่าคนที่มาหาตนนั้นจะเป็นใครกันแน่หรือจะเป็นเซี่ยหลาน หรือว่าหลินชิงเหยา?แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าเป็นไปมิได้ เพราะทั้งสองคนเคยรับปากตนว่าจะคอยเขากลับไปอยู่ที่ตำหนักบูรพาเมื่อเห็นฉินซูเงียบไปมิพูดจา ฉงชูโม่ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ "ฉินซู ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่หม่อมฉันมิอยู่ในเมืองหลวง พระองค์จะสำราญบานใจมิน้อยเลยกระมังเพคะ!"ฉินซูกล่าวอย่างใจเย็น "ข้าเปล่านะ""เปล่าหรือ? แล้วสตรีที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นใครกัน?""ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้""คนผู้นั้นระบุชื่อเจาะจงว่าจะมาพบองค์รัชทายาท จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้อย่างไร ไปเถิด ไปดูกันดีกว่าว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากที่ใด"เมื่อฉงชูโม่กล่าวจบก็เดินนำออกจากกระโจมบัญชาการไปก่อนฉินซูเดินตามไปด้วยความกระวนกระวายใจเดินไปได้มิไกล ฉินซูก็ถึงกับชะงักเท้าอยู่กับที่ จ้องมองหญิงงามที่อยู่เบื้องหน้ามิไกลอย่างเหม่อลอยเมื่อฉงชูโม่เห็นคนผู้นี้ ก็ขมวดคิ้วถาม "มู่หรงจื่อเยียน? ท่านเป็นถึงท่านหญิงแห่งเป่ยเยี่ยน มายังสนามรบต้าเหยียนด้วย

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status