Share

บทที่ 363

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
“พวกเขาก็รอบคอบใช้ได้ ก็ได้ เช่นนั้นเจ้าไปรอข้าที่ประตูทิศเหนือ ข้าจะกลับไปเอาของที่ตำหนักบูรพาเสียหน่อย เรียบร้อยแล้วข้าจะไปที่นั่น”

กู้เสวี่ยเจี้ยนพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็หันหลังจากไป

ส่วนฉินซูก็ควบม้ากลับไปยังตำหนักบูรพา

เมื่อได้รู้ว่าฉินซูกำลังจะไปที่เมืองเป่ยเหลียงเพื่อตรวจสอบพื้นที่ภัยพิบัติ ใบหน้าของหลินชิงเหยาและเซี่ยหลานก็เต็มไปด้วยความกังวล

พวกนางทั้งสองต่างพูดพร้อมกัน “องค์รัชทายาท หม่อมฉันก็อยากไปด้วยเพคะ!”

ทันทีที่พูดจบ หลินชิงเหยาก็ถามด้วยความประหลาดใจ “เซี่ยหลาน เจ้าจะตามไปทำอะไร?”

เซี่ยหลานอธิบายด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “เจ้าถามได้น่าขันแล้ว ข้าเป็นอาจารย์ขององค์รัชทายาท เป็นเรื่องปกติที่ข้าต้องติดตามพระองค์ไป นอกจากนี้ ข้าก็พอจะมีวรยุทธ์อยู่บ้าง อย่างน้อยก็สามารถปกป้ององค์รัชทายาทได้บ้าง”

แต่เจ้านี่สิ ไม่มีวรยุทธ์ ซ้ำยังหาได้มีตำแหน่งขุนนางไม่ เจ้าจะตามไปทำอะไรมิทราบ?”

“ข้า…”

หลินชิงเหยาพูดมิออกและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มหน้าลง

ขณะนั้น ตงฟางไป๋ก็เดินเข้ามา “องค์รัชทายาท มีคนมาจากพระราชวังพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาบอกว่า ฝ่าบาททรงมีเรื่องสำคัญที่ต้องเรียกตัวท่านใต้เท้าเซี่ยเข
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 364

    หลังจากนั้นมินาน เซี่ยหลานที่ตกใจก็ตั้งสติได้ขึ้นมานางถามอย่างลังเล “ฝ่าบาท จำเป็นต้องทำเช่นนี้หรือเพคะ? มิเช่นนั้น…”ก่อนที่นางจะพูดจบ ฉินอู๋ต้าวก็โบกมือและพูดขัด“เจ้าเพียงแค่ต้องทำตามคำสั่งของข้า นอกจากนี้ ข้าอยากจะเตือนเจ้าสักหน่อย เจ้าคือสายลับที่ข้าส่งไปอยู่ข้างกายองค์รัชทายาท เจ้าต้องคำนึงถึงภารกิจของเจ้าอยู่เสมอ เข้าใจหรือไม่?”เซี่ยหลานลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบเสียงเบา “ข้าน้อยเข้าใจแล้วเพคะ”“เอาเถอะ ไปได้แล้ว ข้าจะรอข่าวดีจากเจ้า”“ข้าน้อยขอทูลลาเพคะ”เซี่ยหลานทำความเคารพและหันหลังจากไปฉินอู๋ต้าวชำเลืองมองเฉาฉุนและพูดเสียงเรียบ “เซี่ยหลานเชื่อถือมิได้ เจ้าส่งคนไปแฝงตัวปะปนอยู่ในคณะเดินทางเสีย ระหว่างนั้นก็ให้จัดการตามสถานการณ์” เฉาฉุนรับคำสั่งด้วยความเคารพ “กระหม่อมรับพระราชบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”……ตำหนักบูรพาฉินซูกล่าวลากับหลินชิงเหยาก่อนที่จะออกมาแต่ทันทีที่ออกมานอกประตู ก็เห็นว่าหวังฉือและเนี่ยหงกำลังรออยู่เขาถามด้วยความประหลาดใจ “ใต้เท้าหวัง ใต้เท้าเนี่ย นี่พวกท่าน…”หวังฉือและเนี่ยหงทำความเคารพก่อนจะพูดว่า “ข้าน้อยรู้ว่าวันนี้องค์รัชทายาทจะเสด็จไปยังเมือ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 365

    ฉินซูหรี่ตาลงเล็กน้อยและถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “เหตุใดเล่า กู้เสวี่ยเจี้ยน เจ้ามีความคิดเห็นอะไรรึ?”“ท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท หม่อมฉันจะกล้าออกความคิดเห็นได้อย่างไรกันเพคะ พวกเราไปยังเป่ยเหลียงในครั้งนี้ก็เพื่อบรรเทาภัยพิบัติ อีกทั้งต้องนำเงินห้าแสนตำลึงไปส่งด้วย ดังนั้นจึงเพียงแค่อยากเตือนให้ท่านระมัดระวังมากขึ้นเท่านั้นเองเพคะ”“ข้าก็มีเจ้าอยู่อย่างไรเล่า เจ้าเป็นลูกศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักหอดูดาวหลวง แม้จะมีหัวขโมยบางคนที่โลภอยากได้เงิน พวกเขาก็จะต้องชั่งน้ำหนักคิดให้ดีก่อนจะลงมือ”กู้เสวี่ยเจี้ยนพูดเสียงเรียบ “ท่านอาจต้องผิดหวังเสียแล้ว ว่ากันว่าความโลภจะนำมนุษย์ไปสู่หายนะ เงินห้าแสนตำลึงนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้บางคนยอมเสี่ยงเพคะ”ฉินซูยักไหล่และมิออกความเห็นขณะนั้น บุรุษวัยกลางคนที่สวมชุดขุนนางสีแดงผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาเขาคารวะฉินซูอย่างอ่อนน้อมและกล่าวด้วยความเคารพ “กระหม่อมเสนาบดีกรมพระคลัง ถานเหวย ขอคารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูมองไปที่อีกฝ่ายแล้วถามว่า “ตรวจสอบเงินช่วยบรรเทาภัยพิบัติทั้งหมดแล้วหรือยัง?”“ทูลองค์รัชทายาท ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ นี่คือหนังสือที่เกี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 366

    “เสียนเฟยรึ?”ทุกคนตกใจอีกครั้ง!ฉินหงสงสัยพลางพูดพึมพำ “เสียนเฟยเป็นเพียงสตรีวังหลังนางหนึ่ง จะมีความสามารถเช่นนั้นได้อย่างไร?”ฉินหยางพูดอย่างมีความนัย “หากไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแม้แต่นิด นางจะโดดเด่นท่ามกลางสตรีงามสามพันคนและกลายเป็นสนมที่ได้รับความโปรดปรานได้อย่างไร? บางครั้งกลอุบายของสนมในแต่ละตำหนักก็น่ากลัวกว่าที่พวกเราคิดมากนัก!”“เช่นนั้นเสด็จพี่สามทราบหรือไม่ว่าเสียนเฟยส่งใครมาทำการลงมือ?”“เรื่องนั้นข้าก็มิแน่ใจ ตอนนี้องค์รัชทายาทออกเดินทางไปแล้ว พวกเราแค่รอข่าวดีอยู่ที่นี่ก็พอ”ดวงตาที่ลึกล้ำของเซี่ยเหอบ่งบอกถึงความมิสบายใจ เขากล่าวว่า “แม้แม่ทัพฉงจะกลับไปยังชายแดนทางใต้แล้ว แต่การเดินทางไปทางเหนือขององค์รัชทายาทในครั้งนี้ก็มีลูกศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักหอดูดาวหลวงตามไปคุ้มกันด้วย คนของเสียนเฟยจะทำสำเร็จแน่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”หลินซีเองก็กังวลและกล่าวเสริม “นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ศิษย์ของเจ้าสำนักหอดูดาวหลวงแต่ละคนก็ล้วนจัดการได้ยาก หากมิใช่ยอดฝีมือที่อยู่ขั้นสูงสุด เช่นนั้นก็มิรอดเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”ฉินหยางยิ้มอย่างมิแยแส “ใต้เท้าทั้งสองกังวลมากไปแล้ว แม้กู้เสวี่ยเจี้ยนจะมีวรยุทธ์แก่กล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 367

    ฉินหงประสานมือคารวะเล็กน้อยแล้วหันหลังเดินออกไปเซี่ยเหอและหลินซีตามหลังมาติด ๆหลังออกมาจากจวนอ๋องซิ่น ใบหน้าของฉินหงก็ขรึมลงทันที พลางมองทั้งสองอย่างลึกล้ำด้วยสายตาเย็นชาทั้งหลินซีและเซี่ยเหอต่างก็ตกใจและรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว“ท่านอ๋อง กระหม่อมมิเคยพูดถึงเรื่องระหว่างท่านกับพระอาจารย์คูมู่กับผู้ใดเลย กระหม่อมสาบานได้พ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมก็เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”ดวงตาของฉินหงวูบไหว เขาพูดอย่างมีความนัย “ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่ต้องจัดการกับคนรับใช้ในจวนสักทีเสียแล้ว!”พูดจบ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายเย็นเยียบออกมาในทันใด เต็มไปด้วยเจตนาสังหารอันเยือกเย็น!!……ในตำหนักอวี้จ้าวฉินเซียวกัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าสารเลวฉินชูตัดโอกาสที่ลูกจะได้กลับมารุ่งโรจน์อีกแล้ว เกลียดมันจริง ๆ เหตุใดถึงมิตาย ๆ ไปเสียที”ขณะที่พูด เขาก็กำหมัดแน่นจนข้อนิ้วก็มีเสียงแตกกึก ๆเมื่อเห็นเช่นนั้น เสียนเฟยก็ถอนหายใจเบา ๆ “เจ้านี่นะ สงบสติอารมณ์มิได้เลย ในจุดนี้เจ้าควรเรียนรู้จากองค์รัชทายาทไร้ประโยชน์ผู้นั้นสิ”ใบหน้าของฉินเซียวมืดมนและมิได้พูดอะไรเสียนเฟยกล่าวต่อด้วยความทอดถอนใจ “หลายปีมานี้เขาซ่อนตัวตนที่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 368

    ในห้องลับอันมืดมิดกู้ตงเฟิงกำลังนั่งขัดสมาธิและพยายามหมุนเวียนปราณบริสุทธิ์ในร่างกายของตนแต่ภายในชั่วขณะนั้นเขาก็ค้นพบว่าเส้นเอ็นหลายจุดในร่างกายของเขาได้รับความเสียหาย ทำให้ปราณบริสุทธิ์ไหลเวียนได้อย่างมิราบรื่นพูดง่าย ๆ ก็คือ ตอนนี้เขาได้กลายเป็นคนพิการไปครึ่งหนึ่งแล้วหากเส้นเอ็นที่เสียหายมิสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ วรยุทธ์ทั้งหมดของเขาก็จะกลายเป็นเพียงอดีต“คาดมิถึงจริง ๆ ว่าวรยุทธ์ของบุรุษชุดดำจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ ฝ่ามือธรรมดา ๆ ก็ทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ ตอนนี้บนใต้หล้านอกเหนือจากเจ้าสำนักหอดูดาวหลวงแล้ว ก็ยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่อีก ข้าประมาทมากจริง ๆ เฮ้อ…”ขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง ทันใดนั้นก็มีเสียงแหบห้าวดังมาจากทางเข้า“ถอนหายใจได้เช่นนี้ ดูเหมือนหลายวันมานี้เจ้าจะฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็วเลยสินะ!”สิ้นคำพูด ร่างหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีดำไว้อย่างมิดชิดก็เดินเข้ามาเมื่อเห็นคนผู้นี้ กู้ตงเฟิงก็เริ่มระวังตัวเขาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างมิวางตาแล้วถามว่า “ท่านเป็นใครกันแน่ และที่นี่คือที่ใด?”คนในชุดดำจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ลึกล้ำและพูดเสียงเรียบ “อย่าถามในสิ่งที

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 369

    เมื่อบุรุษชุดดำได้ยินเช่นนั้น สายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นเขาอ่านเคล็ดวิชานั้นคร่าว ๆ รอบหนึ่งและพูดอย่างทอดถอนใจ “ดูเหมือนว่าวิชายุทธ์นี้จะลึกซึ้งและแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มาก มิแปลกใจที่เจ้าเข้าถึงได้เพียงหนึ่งหรือสองขั้น แต่ก็สามารถมีวรยุทธที่กล้าแกร่งเช่นนี้ได้!”กู้ตงเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น “เทียบกับท่านแล้ว วรยุทธ์ของข้านั้นด้อยกว่ามาก”“พักผ่อนร่างกายเสีย หญิงสาวที่เจ้าต้องการจะถูกส่งมาให้ในภายหลัง!”บุรุษชุดดำเก็บวิชายุทธ์ไว้ในแขนเสื้อ และหันหลังเดินออกไปกู้ตงเฟิงขยับริมฝีปาก แต่สุดท้ายเขาก็มิได้ถามสิ่งที่อยู่ในใจออกไป……คืนวันเดียวกันหลังจากหวังฉือเสร็จสิ้นงานราชสำนักของวันนี้ เขาก็ยืนเส้นยืดสายและกำลังจะออกจากศาลต้าหลี่ขณะนั้น เสนาธิการทัพหน้าชานจวิน หลิวเว่ยก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนใจ“ท่านใต้เท้าหวัง มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น เมื่อครู่มีหลายคนมารายงานว่าบุตรีผู้เป็นที่รักของพวกเขาหายตัวไปขอรับ!”“ว่ากระไรนะ?!”หวังฉือตกใจมากและถามว่า “เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร? ผู้สูญหายมีจุดเชื่อมโยงที่เหมือนกันหรือไม่?”“เหตุเกิดหลังพลบค่ำ ผู้สูญหายล้วนเป็นสตรีที่ยัง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 370

    มินาน เสียนเฟยก็เดินเข้ามาหลังจากที่ได้เห็นหวังฉือ เสียนเฟยก็ประหลาดใจและพูดว่า “ใต้เท้าหวัง เหตุใดท่านถึงมายังพระที่นั่งหย่างจวีเอาดึกดื่นป่านนี้?”หวังฉือทำความเคารพนางและกำลังจะตอบแต่ฉินอู๋ต้าวก็โบกมือและถามขึ้นอย่างมิอยากรอ “เสียนเฟย เจ้ามาทำอะไรที่นี่ คงมิได้มาเพราะเรื่องของฝู่กั๋วกงใช่หรือไม่?”เสียนเฟยรีบส่ายหัว “มิใช่เพคะฝ่าบาท วันนี้นางรับใช้ส่วนตัวนางหนึ่งของหม่อมฉันออกไปเยี่ยมญาติ แต่นางยังมิกลับมา เมื่อครู่นี้ครอบครัวของนางได้ให้คนมาส่งข่าวว่านางรับใช้นางนี้หายตัวไป หม่อมฉันก็เลยมา…”ก่อนที่นางจะพูดจบ ฉินอู๋ต้าวก็พูดขัด“เจ้าว่าอย่างไรนะ นางรับใช้จากตำหนักอวี้จ้าวของเจ้าก็หายตัวไปเช่นกันหรือ?”“ใช่เพคะฝ่าบาท เสี่ยวชิงเป็นนางรับใช้ที่สนิทสนมกับหม่อมฉันมากที่สุด ขอฝ่าบาทโปรดทรงช่วยหม่อมฉันด้วยนะเพคะ”ฉินอู๋ต้าวมิได้พูด เพียงแต่มองไปที่หวังฉือเจ้าตัวถามขึ้นทันที “เสียนเฟย ข้าน้อยขอทราบนามนางรับใช้ของท่านได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“จั่วเสี่ยวชิง”“ฝ่าบาท จั่วเสี่ยวชิงผู้นี้คือหนึ่งในหญิงสาวที่หายไป วันนี้ครอบครัวของนางก็มารายงานที่ศาลต้าหลี่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ใต้เท้าหวัง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 371

    หลังจากระงับสติอารมณ์แล้ว นางก็ขมวดคิ้วและเอ่ยถามว่า “องค์รัชทายาท ดึกดื่นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงยังมิบรรทมอีกหรือเพคะ?” “เจ้าเองก็ยังมินอนมิใช่รึ?” “หม่อมฉันกำลังจะไปนอนแล้ว แต่ท่านทำให้ตกใจ หากท่านไม่มีเรื่องอะไร ทรงรีบพักผ่อนเถิดเพคะ วันพรุ่งต้องเดินทางแต่เช้า” ฉินซูกลอกตาแล้วเหน็บแนมว่า “นี่เจ้ายังคิดจะนอนจริง ๆ เหรอ? พวกเรากำลังขนเงินบรรเทาภัยพิบัติห้าแสนตำลึง เจ้ามิกลัวว่าจะมีใครมาปล้นหรือไร?” กู้เสวี่ยเจี้ยนมิเห็นด้วย “ท่านทรงคิดมากไปแล้ว ที่นี่อยู่ห่างจากหลงเฉิงมิถึงร้อยลี้ โจรพวกนั้นคงมิกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนั้นหรอก! อีกอย่าง ที่นี่ยังมีองครักษ์และคนจากกองทัพป้องกันชายแดนมาด้วยมิใช่หรือ!” “งั้นเจ้าก็ไปนอนเถอะ ข้าจะไปมอบหมายงานบางอย่างกับตงฟางไป๋” ได้ยินแล้วกู้เสวี่ยเจี้ยนจึงมองฉินซูอย่างสงสัยเล็กน้อยแล้วหันหลังกลับเข้าห้องไป ฉินซูลงมาชั้นล่าง เห็นตงฟางไป๋กำลังงีบหลับอยู่พอดี! เขาเดินเข้าไปและเตะเข้าที่สะโพกของตงฟางไป๋ทันที! “ใครน่ะ!” ตงฟางไป๋สะดุ้งตื่นทันทีและมองไปรอบ ๆ ด้วยใบหน้าหวาดอย่างระแวง หลังจากเห็นฉินซู เขาเกาหัวอย่างเขินอาย “องค์รัชทายาท เป็นท่านหร

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 618

    “ท่านแม่ทัพหู แผนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ออกจากประตูเมืองฝั่งเหนือแล้วอ้อมไปอีกหน่อย ก็ลอบโจมตีทัพหนานเยวี่ยได้เหมือนเดิม!”“ไป เร่งฝีเท้า!”ดังนั้น กองทหารของพวกเขาจึงเดินทางมายังใต้ประตูเมืองฝั่งเหนือแม่ทัพรักษาการณ์ที่นี่เห็นหูก่วงเซิงและพวก จึงไต่ถาม “ท่านแม่ทัพหู นี่พวกท่านจะทำการใด?”“ในเมืองผู้คนพลุกพล่านเกินไป พวกเราจะออกไปพักผ่อนนอกเมืองสักหน่อย วันพรุ่งพวกเราจะย้ายค่ายทหารไปตั้งไว้นอกเมืองฝั่งเหนือเช่นกัน เพื่อความสะดวกในการฝึกทหาร”เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารรักษาการณ์ก็โบกมือให้คนเปิดประตูเมืองจะตำหนิว่าเขาประมาทเกินไปก็มิได้ ท้ายที่สุดแล้วนอกเมืองทางฝั่งเหนือยังมีทหารประจำการอยู่เป็นจำนวนมิน้อย ทหารที่เข้าออกประตูเมืองทางฝั่งเหนือจึงมีจำนวนมากเป็นทุนเดิมหลังจากที่ออกนอกเมืองได้อย่างราบรื่น หูก่วงเซิงจึงนำกองทัพทหารม้าพันนายมุ่งหน้าลงใต้!ขณะเดียวกันนอกประตูเมืองเจียวโจวทางฝั่งใต้ เงาร่างสิบกว่าร่างพุ่งออกมาจากป่าละเมาะห่างออกไปมิไกลนักพวกเขามีท่าทางคล่องแคล่ว เพียงชั่วพริบตาก็เข้าไปซุ่มซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เตี้ย ๆ ฝั่งหนึ่งหลังจากที่สังเกตการณ์บนกำแพงเมืองอยู่ครู่หน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 617

    “ท่านแม่ทัพหู กองทัพหนานเยวี่ยแตกพ่ายในวันนี้ บัดนี้คงอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่เป็นแน่ หากพวกเรานำทัพไปลอบโจมตี อย่างไรก็ต้องสำเร็จ! ถึงเวลานั้นหากสำเร็จ ท่านแม่ทัพใหญ่จะเอาผิดพวกเราที่ยกทัพไปโดยพลการได้อย่างไร?”ชายร่างกำยำอีกด้านกล่าวสำทับ “รองแม่ทัพหลิวกล่าวได้ถูกต้อง ท่านแม่ทัพหู พวกเราอุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงมาถึงเจียวโจวก็มิใช่อื่นใด นอกเสียจากเพื่อสร้างความดีความชอบให้มากยิ่งขึ้นพวกเราสร้างความดีความชอบในเจียวโจวมากเท่าไร พระเกียรติของท่านอ๋องฉู่ในราชสำนักก็จะยิ่งสูงส่งมากขึ้นเท่านั้น ทุกสิ่งที่พวกเราทำ ล้วนเพื่อท่านอ๋องฉู่ทั้งสิ้น!”“ถูกต้อง พวกเราคือคนของท่านอ๋องฉู่ ท่านแม่ทัพใหญ่ย่อมมิอาจตำหนิพวกเราที่ออกรบโดยพลการได้ ท่านแม่ทัพหู ท่านรีบตัดสินใจเถิด โอกาสมิคอยท่า เวลามิหวนคืน!”“ท่านแม่ทัพหู คนขององค์รัชทายาทออกนอกเมืองไปครึ่งชั่วยามแล้ว หากพวกเรามิรีบเร่งติดตามไป เกรงว่าน้ำแกงก็มิได้ซด อย่าหวังจะได้กินเนื้อเลยขอรับ!”ด้วยคำยุยงของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา ดวงตาของหูก่วงเซิงก็ค่อย ๆ แน่วแน่ขึ้น!เขาพยักหน้าหนักแน่น กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “สั่งให้เหล่าสหายทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม อีกห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 616

    หูก่วงเซิงยกไหสุราขึ้นกระดกไปหลายอึก และแค่นเสียง “หึ ศึกที่ได้ชัยชนะในวันนี้ หากมิใช่เพราะทหารม้าหุ้มเกราะของพวกข้าบุกตะลุยอยู่แนวหน้า มีหรือกองทัพหนานเยวี่ยจะถูกสังหารจนแตกพ่ายยับเยิน?ทว่าในงานเลี้ยงฉลองชัย ท่านแม่ทัพใหญ่กลับมิเอ่ยถึงความดีความชอบของพวกข้าแม้แต่คำเดียว เอาแต่ชื่นชมองค์รัชทายาทมิขาดปากข้าสงสัยนัก องค์รัชทายาทเพียงแต่นำอาวุธที่กรมโยธาธิการประดิษฐ์ขึ้นใหม่มาด้วยเท่านั้น มีสิ่งใดน่าสรรเสริญกัน?”รองแม่ทัพที่นั่งอยู่ข้างกายเขาขมวดคิ้ว กล่าว “ท่านแม่ทัพหู ท่านว่าเช่นนี้เห็นทีจะมิถูกกระมัง อาวุธเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาททรงออกแบบ ศึกครานี้ชนะได้ ก็เป็นเพราะพระองค์”“ใช่แล้ว อีกอย่างที่ทหารม้าหุ้มเกราะของพวกท่านบุกตะลุยกองทัพหนานเยวี่ยได้ไร้ผู้ใดขัดขวาง ก็มิใช่เป็นเพราะมีอาวุธที่องค์รัชทายาททรงออกแบบให้การคุ้มครองหรอกหรือ มิเช่นนั้นกองทัพหนานเยวี่ยจะปล่อยให้พวกท่านบุกตะลุยในแนวรบโดยมิอาจโต้ตอบได้เลยด้วยเหตุใดเล่า?”หูก่วงเซิงเผยสีหน้าดูแคลน หัวเราะเยาะ “องค์รัชทายาทที่เอาแต่เสพสุขไปวัน ๆ ไฉนจึงออกแบบอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้? พวกเจ้าก็ช่างหูเบากันเสียจริง ใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 615

    หลังจากที่ฟังเขาจนจบ ฉงชูโม่ขมวดคิ้วถาม “แผนการของท่านดีก็จริง ทว่าหากพวกมันมิมาในคืนนี้เล่า?”“คืนนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงฉลองชัย พวกมันต้องปักใจเชื่อว่ากำลังป้องกันเมืองของพวกเราหย่อนยาน คืนนี้หากพวกมันมิลงมือ ภายหน้าคงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้ว ดังนั้นคืนนี้พวกมันต้องลงมือเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ได้ ทำตามที่ท่านว่าก็แล้วกันเพคะ!”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ “อีกอย่าง คืนนี้เจ้าจงส่งทหารสองกองไปซุ่มอยู่หลินสุ่ยและเซี่ยอ้าว เมื่อทัพใหญ่หนานเยวี่ยปรากฏกาย จงปล่อยให้พวกมันเข้ามา รอจนกระทั่งเสียงฆ่าฟันนอกเมืองดังขึ้นค่อยตลบหลังโจมตีกองทัพหนานเยวี่ย จากนั้นจึงเข้าตีกระหนาบหน้าหลัง กวาดล้างพวกมันในคราเดียว!”ฉงชูโม่ถามอย่างตกตะลึง “ท่านคิดว่าคืนนี้พวกหนานเยวี่ยจะบุกโจมตีด้วยทัพใหญ่หรือเพคะ?”“พูดได้แต่เพียงมีความเป็นไปได้สูงนัก”“หม่อมฉันว่ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากเติ้งหม่างเพิ่งประสบความพ่ายแพ้ในวันนี้ ซ้ำร้ายทหารใต้บัญชาของเขายังหวาดหวั่นเกรงกลัวธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าของพวกเราจนหัวหด หากยังมิล่วงรู้ว่าพวกเรามีธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด พวกมันคงมิกล้าผล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 614

    ฉินซูหัวเราะแห้ง ๆ แล้วกล่าวติดตลก “ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะหึงหวงข้า”ฉงชูโม่ถ่มน้ำลาย “ถุย ใครจะหึงท่านกัน อย่าได้หลงตัวเองไปหน่อยเลย!”“อะแฮ่ม ๆ เรื่องนั้นช่างมันเถิด ที่จริงข้ามีธุระสำคัญ...”ฉงชูโม่ขัดขึ้นมาเสียก่อน “มีกระไรก็รีบว่ามา อย่ามัวอ้อมค้อม”ฉินซูปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม แล้วเอ่ยถาม “วันนี้ที่พวกเรามีชัยเหนือแคว้นหนานเยวี่ย ในความเห็นของเจ้า พวกมันจะทำอย่างไรต่อไป?”“ชัยชนะในวันนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับพลานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า กองทัพหนานเยวี่ยประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับถึงเพียงนี้ หากหม่อมฉันเป็นเติ้งหม่าง คงต้องหาทางนำอาวุธทั้งสองชนิดนี้ไปให้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูจึงอดมิได้ที่จะมองนางด้วยสายตาชื่นชมสมแล้วที่ฉงชูโม่เป็นแม่ทัพขั้นหนึ่งที่มากล้นด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ สามารถเดาใจศัตรูได้ล่วงหน้าเช่นนี้“เมื่อรู้ถึงเจตนาของเติ้งหม่างผู้นั้นแล้ว เราควรจะลองมาล่อเสือออกจากถ้ำดูสักครา”“ตรัสเช่นนี้ แสดงว่าท่านทรงคิดแผนการรับมือไว้แล้วหรือ?”ฉงชูโม่เอี้ยวศีรษะมองฉินซู ดวงตาคู่งามกระจ่างใสนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจหางตาฉินซูเหลือบมองอ่างอาบน้ำโดยม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 613

    “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ขอพระองค์โปรดเมตตา”ทั้งสองกล่าวพร้อมคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูฉินซูจนปัญญา จึงตะโกนเข้าไปในกระโจม “ชูโม่ ให้ข้าเข้าไปเถิด ข้าขออธิบายให้เจ้าฟังดี ๆ มิได้หรือ?”ทว่าข้างในกลับไร้เสียงตอบรับฉินซูยังคงมิยอมแพ้ กล่าวต่อไป “ชูโม่ เจ้าอย่าหึงหวงนักเลย อย่างน้อยก็ให้ข้าอธิบายสักหน่อยเถิด”เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ทหารยามทั้งสองก็อดมิได้ที่จะสบตากัน!ให้ตายสิ ท่านแม่ทัพใหญ่กับองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์ช่างลึกซึ้งเกินคาด!!สีหน้าของพวกเขาทั้งสองฉายแววตกตะลึง ราวกับได้รับข่าวเด็ดข่าวใหญ่ฉินซูเกลี้ยกล่อมอีกสองสามประโยค ทว่าในกระโจมก็ยังคงไร้เสียงตอบรับเมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูจึงหันไปถามทหารยามทั้งสอง “ชูโม่อยู่ข้างในจริง ๆ หรือ?”“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ท่านแม่ทัพใหญ่เข้าไปแล้วก็ยังมิได้ออกมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่มีประตูด้านหลังใช่หรือไม่?”“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”“มิได้การ ชูโม่อาจจะเป็นกระไรไปแล้วก็ได้!”กล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูจึงตะโกนเข้าไปด้านใน “ชูโม่ ข้าจะเข้าไปแล้วนะ”ขณะที่ฉินซูกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป ทหารยามทั้งสองก็รีบร้องทัดทาน “มิได้พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 612

    ขณะเดียวกันกองหนุนทัพหนานเยวี่ยภายในค่ายทหารแม่ทัพนายกองทั้งหลายต่างจับจ้องไปยังบุรุษบนที่นั่งหัวโต๊ะด้วยใจระทึกบุรุษผู้นั้นสวมชุดเกราะสีเงินยวง ร่างกายสูงใหญ่ผึ่งผาย!เขาคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย เติ้งหม่าง!สายตาเย็นเยียบของเขากวาดมองไปยังกลุ่มคนทีละคน สุดท้ายจับจ้องที่แม่ทัพน้อยหม่า“หม่าเวย เจ้าสำนึกผิดหรือไม่?”หม่าเวยรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ทว่าอาวุธของต้าเหยียนคราวนี้ร้ายกาจเหลือเกิน โล่เกราะหวายของพวกเราเมื่อเผชิญกับลูกธนูของพวกมันก็มิต่างกระไรจากดินเหนียว ยิงคราเดียวก็ทะลุง่ายดาย!”“ใช่แล้วท่านแม่ทัพใหญ่ โล่เกราะหวายที่พวกเราเคยภาคภูมิใจนักหนา บัดนี้มิอาจหวังพึ่งได้อีกแล้วขอรับ”“มิเพียงเท่านั้น ทางต้าเหยียนยังใช้อาวุธเพลิงร้ายกาจชนิดหนึ่ง ของสิ่งนั้นอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก ทหารมิใช่น้อยถูกระเบิดจนร่างแหลกมิเหลือชิ้นดีเลยขอรับ”เมื่อกล่าวถึงระเบิดเพลิง หลายคนยังคงหวาดผวาเติ้งหม่างขมวดคิ้วมุ่น และกล่าวพึมพำ “กองทหารรักษาการณ์เจียวโจวถูกพวกเราโจมตีมาเกือบเดือน บัดนี้จู่ ๆ กลับปรากฏอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 611

    วาจาล้ำสมัยปานนี้ ตี๋จิ่งผู้นี้คิดได้อย่างไร?มู่หรงจื่อเยียนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ฉินซู ท่านมิเป็นกระไรใช่หรือไม่?”“มิเป็นกระไร ไปเถิด”ขณะมองตามสองร่างหายลับไปจากสายตา สหายของตี๋จิ่งก็อดมิได้ที่จะหวั่นวิตกชายร่างกำยำผู้หนึ่งเอ่ยถาม “พี่ตี๋ แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?”“หรือว่าพวกเราฟาดหัวองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนให้สลบ แล้วลักพาตัวกลับเป่ยเยี่ยนดี?”“นั่นสิ หากเป็นเช่นนั้น ท่านหญิงจะได้ตามพวกเรากลับเป่ยเยี่ยนเสียที”ตี๋จิ่งโบกมือ และกล่าวว่า “มิได้ อย่าว่าแต่ท่านหญิงจะยอมให้เราทำหรือไม่เลย ลำพังแค่พวกทหารต้าเหยียนที่ยั้วเยี้ยไปทั่ว พวกเราก็มิมีทางทำสำเร็จแล้ว!”“ก็จริงดังว่า แล้วพวกเราจะทำอย่างไรเล่า?”“เฝ้าสังเกตการณ์ไปก่อน อารักขาความปลอดภัยท่านหญิงให้ดี”“ขอรับ”พวกเขาปรึกษาหารือกันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ติดตามไปที่พักของฉินซูถูกจัดสรรให้อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งใกล้กับประตูเมืองทางทิศเหนือที่นี่ห่างจากประตูเมืองทิศใต้ประมาณเจ็ดแปดลี้ จึงมิต้องกังวลว่าจะถูกผลกระทบจากไฟสงครามเมื่อเข้าสู่โรงเตี๊ยมและปิดประตูลง มู่หรงจื่อเยียนก็อดรนทนรอมิไหว โผเข้ากอดคอฉินซู นางเขย่งปลา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 610

    ฉินซูเองก็ประหลาดใจมิต่างกัน เมื่อเห็นสายตาของฉงชูโม่ เขาก็รู้สึกจนปัญญาในใจลอบคิดว่าคนที่มาหาตนนั้นจะเป็นใครกันแน่หรือจะเป็นเซี่ยหลาน หรือว่าหลินชิงเหยา?แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าเป็นไปมิได้ เพราะทั้งสองคนเคยรับปากตนว่าจะคอยเขากลับไปอยู่ที่ตำหนักบูรพาเมื่อเห็นฉินซูเงียบไปมิพูดจา ฉงชูโม่ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ "ฉินซู ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่หม่อมฉันมิอยู่ในเมืองหลวง พระองค์จะสำราญบานใจมิน้อยเลยกระมังเพคะ!"ฉินซูกล่าวอย่างใจเย็น "ข้าเปล่านะ""เปล่าหรือ? แล้วสตรีที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นใครกัน?""ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้""คนผู้นั้นระบุชื่อเจาะจงว่าจะมาพบองค์รัชทายาท จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้อย่างไร ไปเถิด ไปดูกันดีกว่าว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากที่ใด"เมื่อฉงชูโม่กล่าวจบก็เดินนำออกจากกระโจมบัญชาการไปก่อนฉินซูเดินตามไปด้วยความกระวนกระวายใจเดินไปได้มิไกล ฉินซูก็ถึงกับชะงักเท้าอยู่กับที่ จ้องมองหญิงงามที่อยู่เบื้องหน้ามิไกลอย่างเหม่อลอยเมื่อฉงชูโม่เห็นคนผู้นี้ ก็ขมวดคิ้วถาม "มู่หรงจื่อเยียน? ท่านเป็นถึงท่านหญิงแห่งเป่ยเยี่ยน มายังสนามรบต้าเหยียนด้วย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status