Share

บทที่ 292

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ฉินเซียวรีบร้อนจะพูดปกป้องตัวเอง

แต่ฉงชูโม่กลับกล่าวต่อ “และจะมีใครที่สามารถผ่านการป้องกันของจวนอ๋องหนิงไปอย่างเงียบ ๆ และซ่อนหญิงสาวเหล่านี้ไว้ในห้องลับของห้องตำราได้ล่ะเพคะ?

ที่น่าขันคือท่านอ๋องหนิงยังคงทรงคร่ำครวญร้องขอความยุติธรรมและบอกว่าถูกผู้อื่นใส่ร้าย คำพูดนี้มิมีความน่าเชื่อเลยสักนิด ขอฝ่าบาทโปรดทรงไขข้อเท็จจริงด้วยเพคะ!”

สีหน้าของฉินอู๋ต้าวยิ่งเคร่งขรึมขึ้นเรื่อย ๆ เขาตำหนิออกมา “ลูกทรพี ยังมีอะไรจะพูดอีกรึ? หา?”

พูดจบ เขาก็เตะฉินเซียวจนตัวพลิกลงไปที่พื้น

ฉินเซียวพูดปกป้องตัวเองทั้งน้ำตา “เสด็จพ่อ เรื่องมาถึงขั้นนี้และลูกก็มิอาจแก้ตัวได้ แต่ลูกถูกใส่ร้ายจริง ๆ นะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ขอเสด็จพ่อโปรดทรงช่วยคลี่คลายเรื่องให้กระจ่างด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อเห็นว่าฉินเซียวยังคงปฏิเสธ หวังฉือก็โกรธเป็นอย่างมาก!

เขาจ้องมองไปที่ฉินเซียวและถามเสียงเย็น “ท่านอ๋องหนิง ท่านทรงซ่อนบุตรีของกระหม่อมไว้ที่ไหน? พานางออกมาเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินเซียวสับสนกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด “ใต้เท้าหวัง ท่านหมายความว่าอย่างไร ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าบุตรีของท่านอยู่ที่ไหน?”

ฉินอู๋ต้าวขมวดคิ้วและถามว่า “ห
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (3)
goodnovel comment avatar
M.S C.A.
ลบเม้นเฉย กุพิมใหม่ได้ ทำไม่ไมแปลละเสียตังมาอ่านนะ
goodnovel comment avatar
keng kpn
รีบจนลืมแปล
goodnovel comment avatar
เพชรมณี เศรษฐีร่ำรวย
อะไรของเค้าวะ อยู่ๆก็เป็นภาษา ต่างด้าวเฉยเลย ไม่แปลเลยอ่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 293

    “ชูโม่ คนผู้นี้คือใคร?”“ทูลฝ่าบาท คนผู้นี้คือปีศาจเฒ่าที่โด่งดังในยุทธภพ กู่ตงเฟิง สัตว์ประหลาดเฒ่าจากเทียนซานเพคะ! หลังจากที่ห้องลับในห้องตำราของท่านอ๋องหนิงถูกเปิดออก โจรเฒ่าผู้นี้ก็หนีออกมา อีกทั้งโจรเฒ่าผู้นี้ก็มีวรยุทธเหนือว่าหม่อมฉันมาก ขอฝ่าบาทโปรดทรงเรียกตัวหัวหน้าโหรหลวงกลับมาด้วยเพคะ มิฉะนั้นเมื่อโจรเฒ่าฟื้นร่างกายกลับมาจะมิมีใครหยุดเขาได้!”ฉินอู๋ต้าวโบกมือแล้วพูดว่า “มิจำเป็นต้องลำบากถึงเพียงนั้น ใครก็ได้ ล่ามโซ่เขาที!”หลังจากที่เขาออกคำสั่ง ราชองครักษ์สองคนที่พกดาบก็เดินมาพร้อมกับโซ่ และล่ามขาทั้งสองข้างของกู่ตงเฟิงอย่างคล่องแคล่วว่องไวสำหรับแขนที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวของกู่ตงเฟิงก็มีโซ่หนาผูกเข้ากับร่างกายของเขาอย่างแน่นหนาโซ่นี้ทำจากเหล็กชั้นดี แม้แต่กู่ตงเฟิงในร่างยุครุ่งเรืองของเขาก็ยังยากที่จะหลุดไปได้ มิต้องพูดถึงว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนนี้!เมื่อเห็นว่ากู่ตงเฟิงถูกจับโดยฉงชูโม่ ดวงตาของฉินเซียวก็ทอประกายสงสัยในความเห็นของเขา กู่ตงเฟิงแข็งแกร่งกว่าฉงชูโม่มาก หากพูดตามหลักเหตุผลแล้ว แม้เขาจะพ่ายแพ้ฉงชูโม่ แต่เขาก็จะสามารถหลบหนีไปได้อย่างแน่นอนเห็น

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 294

    แม้จะเผชิญกับหลักฐานที่มิสามารถหักล้างได้ ฉินเซียวก็ยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับผิด “เสด็จพ่อ ลูกถูกใส่ร้าย ลูกถูกใส่ร้ายจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“มีพยานหลักฐานครบถ้วน ทั้งยังถูกจับได้คาหนังคาเขา เรื่องมาถึงขั้นนี้แต่ก็ยังพูดว่าถูกใส่ร้าย เหอะ ๆ ฉินเซียวเอ๋ยฉินเซียว เจ้าทำให้ข้าขายหน้าจนมิเหลือชิ้นดีแล้ว!”ฉินอู๋ต้าวโกรธมากจนแทบอยากจะหักขาทั้งสองข้างของฉินเซียวทิ้งไปเสียขณะนั้น หวังฉือก็สาวเท้าเดินกลับมา“ฝ่าบาท กระหม่อมพบศพแห้งสามศพที่ห้องลับในห้องตำราของท่านอ๋องหนิง เมื่อดูจากเสื้อผ้าที่ศพสวมอยู่ ร่างเหล่านั้นคือศพของหญิงสาวสามคนพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอู๋ต้าวและคนอื่น ๆ มองศพแห้งและรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากฉินอู๋ต้าวตะโกนถามฉินเซียว “ไอ้ลูกทรพี บอกข้ามาซิ เหตุใดพวกนางถึงได้มีสภาพเช่นนี้?”“เอ่อ...คือ…” ฉินเซียวลังเล และสุดท้ายก็กัดฟันพูดว่า “เสด็จพ่อ ลูกมิรู้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”ขณะนั้น หญิงสาวคนหนึ่งก็ชี้ไปที่กู่ตงเฟิงด้วยสีหน้าหวาดกลัว “ฝ่าบาท เป็นเขาเพคะ ปีศาจเฒ่าเป็นคนสูบเนื้อและเลือดของพวกนางไปจนแห้งเพคะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของฉินอู๋ต้าวก็เปล่งประกายด้วยความยินดี!สายตาที่เขามองไปยังก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 295

    เฉาฉุนเอื้อมมือไปถอดมงกุฎอ๋องของฉินเซียวออกอย่างระมัดระวังจากนั้นราชองครักษ์สองนายก็เดินขึ้นมาข้างหน้าและคุมตัวฉินเซียวออกไป“เสด็จพ่อ ลูกถูกใส่ร้าย ขอเสด็จพ่อโปรดคลี่คลายเรื่องราวให้กระจ่างแจ้งด้วยพ่ะย่ะค่ะ…” เสียงพูดปกป้องตัวเองของฉินเซียวค่อย ๆ ไกลออกไปฉินอู๋ต้าวเมินเฉยต่อเสียงนั้น แล้วหันมาพูดกับหวังฉือ “ส่วนเจ้าปีศาจนี้ให้คุมตัวไปขังไว้ในเรือนจำศาลต้าหลี่ของเจ้าเป็นการชั่วคราว หากจับขังไว้ด้วยกันกับฉินเซียว เกรงว่าพวกเขาจะสมรู้ร่วมคิดกันให้การเท็จ”หวังฉือตอบรับสั่งด้วยความเคารพและส่งคนไปลากตัวกู่ตงเฟิงออกไปทันทีฉินอู๋ต้าวมองไปที่ฉินซูและถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “องค์รัชทายาท เมื่อครู่ชูโม่บอกว่าเจ้าพานางมาที่นี่เพื่อสอบถามฉินเซียว แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าหญิงสาวเหล่านี้ถูกขังอยู่ในจวนอ๋องหนิง?”“ทูลเสด็จพ่อ วันนี้ลูกหาพยานจนเจอพ่ะย่ะค่ะ นางเห็นเหตุการณ์ลักพาตัวหญิงสาวนางหนึ่ง และป้ายอาญาสิทธิ์ก็ตกมาจากคนที่ลักพาตัว ตามคำอธิบายของนาง ป้ายอาญาสิทธิ์นั้นเห็นได้ชัดว่ามาจากจวนอ๋องหนิง ดังนั้น ลูกจึงพาชูโม่มาพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉินซูอย่างลึกซึ้งและ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 296

    ในจวนอ๋องซิ่น หลังได้ฟังคำพูดของหยางลี่ ฉินหยางก็ถามอย่างตกใจ "เจ้าพูดจริงหรือ? เจ้าว่าอ๋องหนิงพ่ายแพ้ให้กับองค์รัชทายาทจริง ๆ หรือ?!"หยางลี่ตอบอย่างหนักแน่น "เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ในตอนนั้นก็ดูเหมือนว่าองค์จักรพรรดิจะมีท่าทีเอนเอียงไปทางอ๋องหนิงอยู่ แต่ทนคำค้านของหวังฉือและองค์รัชทายาทไม่ไหว ทำให้องค์จักรพรรดิต้องถอดมงกุฏอ๋องของอ๋องหนิงออก ถอดมงกุฏอ๋องและส่งตัวเขาเข้าคุกหลวงเพื่อรอการสอบสวน" ดวงตาของฉินหยางเป็นประกาย ก่อนจะหัวเราะอย่างสะใจ"ฮ่าฮ่า เจ้าฉินเซียวช่างไร้ประโยชน์นัก ก่อนหน้านี้ทำเป็นวางท่า ข้ายังนึกว่าเขาเก่งนักหนา สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้แก่องค์รัชทายาท ช่างน่าหัวเราะนัก!""ท่านอ๋อง ถึงอ๋องหนิงจะล้มไปอีกคนแล้ว เส้นทางการแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทของท่านก็เหลือศัตรูน้อยลงอีกหนึ่ง แม้เรื่องนี้จะน่ายินดี แต่ก็ยิ่งต้องระวังองค์รัชทายาทให้มากขึ้น"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินหยางก็หยุดหัวเราะทันทีเขาครุ่นคิด "เจ้าหกและฉินเซียวต่างพ่ายแพ้ให้องค์รัชทายาทไปทีละคน เห็นทีว่าข่าวลือคงจะไม่เกินจริง องค์รัชทายาทต้องมีคนคอยชี้นำจากเบื้องหลัง! ใต้เท้าหยาง เราต้องหาวิธีกำจัดคนผู้นั้น มิฉะ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 297

    “หม่อมฉันเพิ่งได้รับข่าวมาว่า หลังจากที่ฝ่าบาทเสด็จกลับตำหนัก พระองค์ทรงเรียกให้หวังฉือนำกู้ตงเฟิงเข้าเฝ้าในยามวิกาล ตรัสว่าจะสอบสวนด้วยพระองค์เอง” “ว่ากระไรนะ? เสด็จพ่อจะทรงสอบสวนกู้ตงเฟิงด้วยพระองค์เองหรือ?” ฉินซูแปลกใจอย่างยิ่ง พร้อมสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่มิชอบมาพากล! การสอบสวนคนต้องโทษ ฉินอู๋ต้าวเป็นถึงองค์จักรพรรดิของแผ่นดิน ย่อมมิลงมือด้วยตัวเอง ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีวัตถุประสงค์บางอย่างที่มิสามารถเปิดเผยได้! ฉงชูโม่พยักหน้าอย่างเคร่งเครียด “ใช่แล้ว กู้ตงเฟิงผู้นี้เป็นคนเจ้าเล่ห์นัก หม่อมฉันกลัวว่าฝ่าบาทอาจจะตกหลุมพรางของเขาโดยมิรู้ตัว หม่อมฉันเลยคิดจะเข้าไปเตือน แต่ฝ่าบาททรงมิยอมให้เข้าเฝ้า” เซี่ยหลานมีสีหน้ามึนงง “องค์รัชทายาท ชูโม่ องค์จักรพรรดิก็แค่ทรงสอบสวนนักโทษคนหนึ่งเท่านั้นเองมิใช่หรือ เหตุใดพวกท่านจึงดูเคร่งเครียดกันนัก?” ฉงชูโม่ตอบอย่างมิสบอารมณ์ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์จักรพรรดิทรงเคยสอบสวนอาชญากรด้วยพระองค์เองเมื่อใด? ตอนนี้มิเพียงแต่ทรงสอบสวนเอง แต่ยังมิให้ข้าเข้าเฝ้า เรื่องนี้ชวนให้ขบคิดนัก” “หา? หรือว่าฝ่าบาทจะให้กู้ตงเฟิงรับผิดทั้งหมด ตั้งใจจะปกป้องอ๋อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 298

    ชายชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า "ที่ข้าช่วยเจ้าไว้ย่อมต้องมีเงื่อนไข แต่เรื่องพวกนี้ไว้อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้ว เราค่อยว่ากัน" ในหัวของกู้ตงเฟิงเต็มไปด้วยความคิดที่แล่นไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาบาดเจ็บหนัก แม้แต่ความสามารถของตัวเองยังใช้ได้มิถึงสองส่วน ในเมื่ออีกฝ่ายช่วยเขาไว้ นอกจากจะต้องยอมรับบุญคุณของอีกฝ่ายแล้ว ก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นี้สามารถใช้กำลังภายในสังหารคนได้จากระยะไกล ความสามารถที่น่ากลัวเช่นนี้ เขาที่บาดเจ็บมิอาจต้านทานได้แน่นอน เมื่อคิดเช่นนั้น กู้ตงเฟิงจึงถามด้วยความระมัดระวัง "ขอถามท่านผู้มีเกียรติ ท่านมีนามว่าอะไร? และที่นี่คือที่ใด?" "ชื่อของข้าเจ้ามิจำเป็นต้องรู้ ส่วนที่นี่ เป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดในใต้หล้า เจ้าเพียงแค่พักฟื้นให้ดี อาหารสามมื้อในแต่ละวันจะมีคนนำมาให้ ยามนี้ดึกมากแล้ว นอนพักเสียเถอะ" หลังจากพูดจบ ชายชุดดำก็เดินออกไปโดยมิหันกลับมา กู้ตงเฟิงได้ยินเสียงทึบดังขึ้น ราวกับเป็นเสียงของประตูหินหนาหนัก เขาพยายามลุกขึ้น หยิบตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะหิน และสำรวจรอบห้องลับที่มืดมิดแห่งนี้ หลังจากจุดไฟในห้องจน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 299

    เขาวางชามโจ๊กลงทันทีแล้วถามว่า "ศพอยู่ที่ใด?" "อยู่ที่ตรอกเติงเจี่ย" เหลยเจิ้นเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตะโกนไปยังหอสูงใกล้เคียงว่า "เสวี่ยเจี้ยน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว รีบตามอาจารย์ไปที่ตรอกเติงเจี่ย!" เพียงชั่วครู่ ร่างในชุดขาวร่างหนึ่งก็พุ่งลงมาจากหอสูง หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาว อายุราวยี่สิบสามหรือยี่สิบสี่ปี งดงามดุจดอกท้อ แต่เยือกเย็นดุงน้ำแข็ง นางคือศิษย์คนที่สามของเหลยเจิ้น นามว่ากู้เสวี่ยเจี้ยน นางคารวะอาจารย์ก่อน แล้วถามว่า "อาจารย์ เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?" เหลยเจิ้นตอบอย่างสั้น ๆ ว่า "คนของศาลต้าหลี่ตายอยู่ที่ตรอกเติงเจี่ย ใกล้กำแพงวัง!" ใบหน้าของกู้เสวี่ยเจี้ยนเต็มไปด้วยความตกใจ นางจึงกลับไปหยิบถุงผ้าสีดำจากในห้องแล้วรีบตามอาจารย์ออกจากสำนักหอดูดาวหลวง แล้วตรงไปยังตรอกเติงเจี่ยทันที …… ที่ตรอกเติงเจี่ย บนพื้นเย็นเฉียบ มีศพเจ็ดศพนอนกระจัดกระจายอยู่เมื่อเห็นเหลยเจิ้นมาถึง บรรดาทหารองครักษ์ต่างก้มลงคารวะ เหลยเจิ้นถามเสียงเข้มว่า "พบอะไรบ้าง?" "เรียนท่านหัวหน้าโหรหลวง ศพเหล่านี้มีเพียงแค่รอยแผลที่หน้าผาก ไม่มีบาดแผลอื่นใด ดูเหมือน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 300

    เขารู้สึกถึงความเย็นยะเยือกของไอสังหารจากตัวเหลยเจิ้น บรรดาทหารองครักษ์ต่างหันหน้าหนีไปด้วยความหวาดกลัว มิกล้ามองตรงไปยังเขาส่วนใบหน้าของกู้เสวี่ยเจี้ยนก็แสดงถึงความเคร่งเครียด พร้อมกับแฝงแววเศร้าหมองอยู่บนคิ้ว ผ่านไปครู่ใหญ่ เหลยเจิ้นหรี่ตาลงแล้วพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือกว่า "ในที่สุด ฆาตกรเมื่อครั้งนั้นก็โผล่ออกมาอีกครั้งแล้ว!" ในขณะนั้น หวังฉือหัวหน้าศาลต้าหลี่ก็มาถึงเมื่อเห็นศพบนพื้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอย่างยิ่ง พลางกล่าวอย่างโกรธแค้นว่า "ใครกันที่บังอาจถึงขนาดสังหารคนของศาลต้าหลี่ใกล้กำแพงวังหลวง!" เหลยเจิ้นถามขึ้นว่า "ใต้เท้าหวัง เหตุใดคนของท่านถึงมาอยู่ที่ตรอกเติงเจี่ยเมื่อคืน?" "เรียนท่านหัวหน้าโหรหลวง เมื่อคืนฝ่าบาทมีพระบัญชาจะสอบสวนนักโทษด้วยพระองค์เอง ข้าน้อยจึงส่งคนของข้าน้อยมาส่งนักโทษ แต่มิคิดเลยว่าคนของข้าน้อยจะถูกลอบสังหารจนหมดสิ้น!" "ฝ่าบาทจะสอบสวนอาชญากรด้วยพระองค์เอง? นี่มันเรื่องอันใดกัน?" เหลยเจิ้นรู้สึกแปลกใจ หวังฉือจึงเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟังคร่าว ๆหลังจากฟังเรื่องราวจบ เหลยเจิ้นขมวดคิ้วเข้าหากันโดยมิรู้ตัว "ชื่อเสียง

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 616

    หูก่วงเซิงยกไหสุราขึ้นกระดกไปหลายอึก และแค่นเสียง “หึ ศึกที่ได้ชัยชนะในวันนี้ หากมิใช่เพราะทหารม้าหุ้มเกราะของพวกข้าบุกตะลุยอยู่แนวหน้า มีหรือกองทัพหนานเยวี่ยจะถูกสังหารจนแตกพ่ายยับเยิน?ทว่าในงานเลี้ยงฉลองชัย ท่านแม่ทัพใหญ่กลับมิเอ่ยถึงความดีความชอบของพวกข้าแม้แต่คำเดียว เอาแต่ชื่นชมองค์รัชทายาทมิขาดปากข้าสงสัยนัก องค์รัชทายาทเพียงแต่นำอาวุธที่กรมโยธาธิการประดิษฐ์ขึ้นใหม่มาด้วยเท่านั้น มีสิ่งใดน่าสรรเสริญกัน?”รองแม่ทัพที่นั่งอยู่ข้างกายเขาขมวดคิ้ว กล่าว “ท่านแม่ทัพหู ท่านว่าเช่นนี้เห็นทีจะมิถูกกระมัง อาวุธเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาททรงออกแบบ ศึกครานี้ชนะได้ ก็เป็นเพราะพระองค์”“ใช่แล้ว อีกอย่างที่ทหารม้าหุ้มเกราะของพวกท่านบุกตะลุยกองทัพหนานเยวี่ยได้ไร้ผู้ใดขัดขวาง ก็มิใช่เป็นเพราะมีอาวุธที่องค์รัชทายาททรงออกแบบให้การคุ้มครองหรอกหรือ มิเช่นนั้นกองทัพหนานเยวี่ยจะปล่อยให้พวกท่านบุกตะลุยในแนวรบโดยมิอาจโต้ตอบได้เลยด้วยเหตุใดเล่า?”หูก่วงเซิงเผยสีหน้าดูแคลน หัวเราะเยาะ “องค์รัชทายาทที่เอาแต่เสพสุขไปวัน ๆ ไฉนจึงออกแบบอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้? พวกเจ้าก็ช่างหูเบากันเสียจริง ใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 615

    หลังจากที่ฟังเขาจนจบ ฉงชูโม่ขมวดคิ้วถาม “แผนการของท่านดีก็จริง ทว่าหากพวกมันมิมาในคืนนี้เล่า?”“คืนนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงฉลองชัย พวกมันต้องปักใจเชื่อว่ากำลังป้องกันเมืองของพวกเราหย่อนยาน คืนนี้หากพวกมันมิลงมือ ภายหน้าคงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้ว ดังนั้นคืนนี้พวกมันต้องลงมือเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ได้ ทำตามที่ท่านว่าก็แล้วกันเพคะ!”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ “อีกอย่าง คืนนี้เจ้าจงส่งทหารสองกองไปซุ่มอยู่หลินสุ่ยและเซี่ยอ้าว เมื่อทัพใหญ่หนานเยวี่ยปรากฏกาย จงปล่อยให้พวกมันเข้ามา รอจนกระทั่งเสียงฆ่าฟันนอกเมืองดังขึ้นค่อยตลบหลังโจมตีกองทัพหนานเยวี่ย จากนั้นจึงเข้าตีกระหนาบหน้าหลัง กวาดล้างพวกมันในคราเดียว!”ฉงชูโม่ถามอย่างตกตะลึง “ท่านคิดว่าคืนนี้พวกหนานเยวี่ยจะบุกโจมตีด้วยทัพใหญ่หรือเพคะ?”“พูดได้แต่เพียงมีความเป็นไปได้สูงนัก”“หม่อมฉันว่ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากเติ้งหม่างเพิ่งประสบความพ่ายแพ้ในวันนี้ ซ้ำร้ายทหารใต้บัญชาของเขายังหวาดหวั่นเกรงกลัวธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าของพวกเราจนหัวหด หากยังมิล่วงรู้ว่าพวกเรามีธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด พวกมันคงมิกล้าผล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 614

    ฉินซูหัวเราะแห้ง ๆ แล้วกล่าวติดตลก “ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะหึงหวงข้า”ฉงชูโม่ถ่มน้ำลาย “ถุย ใครจะหึงท่านกัน อย่าได้หลงตัวเองไปหน่อยเลย!”“อะแฮ่ม ๆ เรื่องนั้นช่างมันเถิด ที่จริงข้ามีธุระสำคัญ...”ฉงชูโม่ขัดขึ้นมาเสียก่อน “มีกระไรก็รีบว่ามา อย่ามัวอ้อมค้อม”ฉินซูปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม แล้วเอ่ยถาม “วันนี้ที่พวกเรามีชัยเหนือแคว้นหนานเยวี่ย ในความเห็นของเจ้า พวกมันจะทำอย่างไรต่อไป?”“ชัยชนะในวันนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับพลานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า กองทัพหนานเยวี่ยประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับถึงเพียงนี้ หากหม่อมฉันเป็นเติ้งหม่าง คงต้องหาทางนำอาวุธทั้งสองชนิดนี้ไปให้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูจึงอดมิได้ที่จะมองนางด้วยสายตาชื่นชมสมแล้วที่ฉงชูโม่เป็นแม่ทัพขั้นหนึ่งที่มากล้นด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ สามารถเดาใจศัตรูได้ล่วงหน้าเช่นนี้“เมื่อรู้ถึงเจตนาของเติ้งหม่างผู้นั้นแล้ว เราควรจะลองมาล่อเสือออกจากถ้ำดูสักครา”“ตรัสเช่นนี้ แสดงว่าท่านทรงคิดแผนการรับมือไว้แล้วหรือ?”ฉงชูโม่เอี้ยวศีรษะมองฉินซู ดวงตาคู่งามกระจ่างใสนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจหางตาฉินซูเหลือบมองอ่างอาบน้ำโดยม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 613

    “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ขอพระองค์โปรดเมตตา”ทั้งสองกล่าวพร้อมคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูฉินซูจนปัญญา จึงตะโกนเข้าไปในกระโจม “ชูโม่ ให้ข้าเข้าไปเถิด ข้าขออธิบายให้เจ้าฟังดี ๆ มิได้หรือ?”ทว่าข้างในกลับไร้เสียงตอบรับฉินซูยังคงมิยอมแพ้ กล่าวต่อไป “ชูโม่ เจ้าอย่าหึงหวงนักเลย อย่างน้อยก็ให้ข้าอธิบายสักหน่อยเถิด”เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ทหารยามทั้งสองก็อดมิได้ที่จะสบตากัน!ให้ตายสิ ท่านแม่ทัพใหญ่กับองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์ช่างลึกซึ้งเกินคาด!!สีหน้าของพวกเขาทั้งสองฉายแววตกตะลึง ราวกับได้รับข่าวเด็ดข่าวใหญ่ฉินซูเกลี้ยกล่อมอีกสองสามประโยค ทว่าในกระโจมก็ยังคงไร้เสียงตอบรับเมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูจึงหันไปถามทหารยามทั้งสอง “ชูโม่อยู่ข้างในจริง ๆ หรือ?”“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ท่านแม่ทัพใหญ่เข้าไปแล้วก็ยังมิได้ออกมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่มีประตูด้านหลังใช่หรือไม่?”“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”“มิได้การ ชูโม่อาจจะเป็นกระไรไปแล้วก็ได้!”กล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูจึงตะโกนเข้าไปด้านใน “ชูโม่ ข้าจะเข้าไปแล้วนะ”ขณะที่ฉินซูกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป ทหารยามทั้งสองก็รีบร้องทัดทาน “มิได้พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 612

    ขณะเดียวกันกองหนุนทัพหนานเยวี่ยภายในค่ายทหารแม่ทัพนายกองทั้งหลายต่างจับจ้องไปยังบุรุษบนที่นั่งหัวโต๊ะด้วยใจระทึกบุรุษผู้นั้นสวมชุดเกราะสีเงินยวง ร่างกายสูงใหญ่ผึ่งผาย!เขาคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย เติ้งหม่าง!สายตาเย็นเยียบของเขากวาดมองไปยังกลุ่มคนทีละคน สุดท้ายจับจ้องที่แม่ทัพน้อยหม่า“หม่าเวย เจ้าสำนึกผิดหรือไม่?”หม่าเวยรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ทว่าอาวุธของต้าเหยียนคราวนี้ร้ายกาจเหลือเกิน โล่เกราะหวายของพวกเราเมื่อเผชิญกับลูกธนูของพวกมันก็มิต่างกระไรจากดินเหนียว ยิงคราเดียวก็ทะลุง่ายดาย!”“ใช่แล้วท่านแม่ทัพใหญ่ โล่เกราะหวายที่พวกเราเคยภาคภูมิใจนักหนา บัดนี้มิอาจหวังพึ่งได้อีกแล้วขอรับ”“มิเพียงเท่านั้น ทางต้าเหยียนยังใช้อาวุธเพลิงร้ายกาจชนิดหนึ่ง ของสิ่งนั้นอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก ทหารมิใช่น้อยถูกระเบิดจนร่างแหลกมิเหลือชิ้นดีเลยขอรับ”เมื่อกล่าวถึงระเบิดเพลิง หลายคนยังคงหวาดผวาเติ้งหม่างขมวดคิ้วมุ่น และกล่าวพึมพำ “กองทหารรักษาการณ์เจียวโจวถูกพวกเราโจมตีมาเกือบเดือน บัดนี้จู่ ๆ กลับปรากฏอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 611

    วาจาล้ำสมัยปานนี้ ตี๋จิ่งผู้นี้คิดได้อย่างไร?มู่หรงจื่อเยียนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ฉินซู ท่านมิเป็นกระไรใช่หรือไม่?”“มิเป็นกระไร ไปเถิด”ขณะมองตามสองร่างหายลับไปจากสายตา สหายของตี๋จิ่งก็อดมิได้ที่จะหวั่นวิตกชายร่างกำยำผู้หนึ่งเอ่ยถาม “พี่ตี๋ แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?”“หรือว่าพวกเราฟาดหัวองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนให้สลบ แล้วลักพาตัวกลับเป่ยเยี่ยนดี?”“นั่นสิ หากเป็นเช่นนั้น ท่านหญิงจะได้ตามพวกเรากลับเป่ยเยี่ยนเสียที”ตี๋จิ่งโบกมือ และกล่าวว่า “มิได้ อย่าว่าแต่ท่านหญิงจะยอมให้เราทำหรือไม่เลย ลำพังแค่พวกทหารต้าเหยียนที่ยั้วเยี้ยไปทั่ว พวกเราก็มิมีทางทำสำเร็จแล้ว!”“ก็จริงดังว่า แล้วพวกเราจะทำอย่างไรเล่า?”“เฝ้าสังเกตการณ์ไปก่อน อารักขาความปลอดภัยท่านหญิงให้ดี”“ขอรับ”พวกเขาปรึกษาหารือกันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ติดตามไปที่พักของฉินซูถูกจัดสรรให้อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งใกล้กับประตูเมืองทางทิศเหนือที่นี่ห่างจากประตูเมืองทิศใต้ประมาณเจ็ดแปดลี้ จึงมิต้องกังวลว่าจะถูกผลกระทบจากไฟสงครามเมื่อเข้าสู่โรงเตี๊ยมและปิดประตูลง มู่หรงจื่อเยียนก็อดรนทนรอมิไหว โผเข้ากอดคอฉินซู นางเขย่งปลา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 610

    ฉินซูเองก็ประหลาดใจมิต่างกัน เมื่อเห็นสายตาของฉงชูโม่ เขาก็รู้สึกจนปัญญาในใจลอบคิดว่าคนที่มาหาตนนั้นจะเป็นใครกันแน่หรือจะเป็นเซี่ยหลาน หรือว่าหลินชิงเหยา?แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าเป็นไปมิได้ เพราะทั้งสองคนเคยรับปากตนว่าจะคอยเขากลับไปอยู่ที่ตำหนักบูรพาเมื่อเห็นฉินซูเงียบไปมิพูดจา ฉงชูโม่ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ "ฉินซู ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่หม่อมฉันมิอยู่ในเมืองหลวง พระองค์จะสำราญบานใจมิน้อยเลยกระมังเพคะ!"ฉินซูกล่าวอย่างใจเย็น "ข้าเปล่านะ""เปล่าหรือ? แล้วสตรีที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นใครกัน?""ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้""คนผู้นั้นระบุชื่อเจาะจงว่าจะมาพบองค์รัชทายาท จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้อย่างไร ไปเถิด ไปดูกันดีกว่าว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากที่ใด"เมื่อฉงชูโม่กล่าวจบก็เดินนำออกจากกระโจมบัญชาการไปก่อนฉินซูเดินตามไปด้วยความกระวนกระวายใจเดินไปได้มิไกล ฉินซูก็ถึงกับชะงักเท้าอยู่กับที่ จ้องมองหญิงงามที่อยู่เบื้องหน้ามิไกลอย่างเหม่อลอยเมื่อฉงชูโม่เห็นคนผู้นี้ ก็ขมวดคิ้วถาม "มู่หรงจื่อเยียน? ท่านเป็นถึงท่านหญิงแห่งเป่ยเยี่ยน มายังสนามรบต้าเหยียนด้วย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 609

    เมื่อนางกล่าวจบ พลธนูเหล่านั้นก็โห่ร้องขึ้นพร้อมเพรียงกัน "องค์รัชทายาททรงเกรียงไกร!""องค์รัชทายาททรงเกรียงไกร!!"ช่วงเวลาที่ผ่านมา ธนูของพวกเขายิงมิทะลุเกราะหวายของกองทัพหนานเยวี่ย จึงบังเกิดคับแค้นในใจอย่างแสนสาหัสวันนี้สังหารกองทัพหนานเยวี่ยไปมากมายถึงเพียงนี้ ระบายความอัดอั้นในใจออกไปจนหมดสิ้นเมื่อเห็นทุกคนชื่นชมฉินซูจนสุดขั้วหัวใจ สีหน้าของพวกหูก่วงเซิงก็ดูแปลกไปบ้าง แต่ก็มิได้กล่าวสิ่งใด"องค์รัชทายาท ธนูนี้เรียกว่ากระไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?"ตงฟางไป๋ชิงตอบเสียก่อน "นี่คือธนูทดกำลัง เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่องค์รัชทายาททรงออกแบบ กรมโยธาธิการเร่งกันทำขึ้นทั้งวันทั้งคืนกว่าจะทำออกมาได้หลายร้อยคันเพื่อให้พระองค์ทรงนำมามอบให้พวกท่านใช้""กระไรนะ?! องค์รัชทายาทเป็นผู้ทรงออกแบบเองหรือ?""องค์รัชทายาททรงเป็นเทพเจ้าจริง ๆ ถึงกับทรงออกแบบสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้ออกมาได้!""ใช่แล้ว ธนูนี้มิต้องออกแรงแขน ทว่าพลานุภาพกลับร้ายแรงกว่าธนูที่พวกเราเคยใช้มาหลายเท่าตัว สุดยอดจริง ๆ""แล้วระเบิดไม้ไผ่นั่นเล่า? ก็เป็นผลงานขององค์รัชทายาทเช่นกันหรือ?""ถูกต้องแล้ว ของสิ่งนี้เรียกว่าระเบิดสายฟ้า อานุภาพข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 608

    ด้วยอานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า สถานการณ์การรบก็กลายเป็นการรุกไล่ฝ่ายเดียว!กองทัพหนานเยวี่ยแทบจะไร้พลังต้านทาน ได้แต่ถอยร่นกลับไปอย่างมิคิดชีวิตหูก่วงเซิงบุกตะลุยอยู่ครู่หนึ่งก็สังหารศัตรูจนเลือดขึ้นตา คลั่งด้วยความตื่นเต้นจนหัวเราะเสียงดังอย่างประหลาด!เขาร้องตะโกนใส่ตงฟางไป๋เสียงดัง "สหายตงฟาง อาวุธระเบิดพวกนั้น พวกท่านยังมีเหลืออีกเท่าไร?""เหลือเฟือ!"ตงฟางไป๋กล่าวพร้อมตบถุงผ้าตุง ๆ บนอานม้า!"ดี เช่นนั้นพวกเรามาฆ่าพวกเดนมนุษย์พวกนี้ให้สิ้นกันเถอะ!""ข้าก็คิดเช่นนั้น พวกเราคุ้มกันปีกข้าง พวกท่านบุกตะลุยไปเลย!""ดี ลุย!"ทั้งสองตกลงกันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย บุกตะลุยใส่กองทัพหนานเยวี่ยอีกครั้งเนื่องจากเหตุผลเรื่องอ๋องฉู่ แม้ว่าในใจหูก่วงเซิงจะดูหมิ่นฉินซู แต่เมื่อมีอาวุธทรงพลานุภาพเหล่านี้หนุนหลัง เขาก็ยิ่งรุกไล่สังหารศัตรูอย่างฮึกเหิมความรู้สึกที่ได้บดขยี้ศัตรูในแนวรบนั้น ช่างสะใจอย่างหาใดเปรียบเห็นเพียงหอกในมือของเขาฟาดฟันผ่าดงทหาร ข้าศึกล้มตายด้วยน้ำมือของเขาจำนวนนับมิถ้วนลูกน้องของเขาเองก็สังหารศัตรูจนเลือดขึ้นตาเช่นกัน ร่างกายทุกส่วนอาบไปด้วยเลือดสด ๆ ของ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status