Share

บทที่ 300

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
เขารู้สึกถึงความเย็นยะเยือกของไอสังหารจากตัวเหลยเจิ้น บรรดาทหารองครักษ์ต่างหันหน้าหนีไปด้วยความหวาดกลัว มิกล้ามองตรงไปยังเขา

ส่วนใบหน้าของกู้เสวี่ยเจี้ยนก็แสดงถึงความเคร่งเครียด พร้อมกับแฝงแววเศร้าหมองอยู่บนคิ้ว

ผ่านไปครู่ใหญ่

เหลยเจิ้นหรี่ตาลงแล้วพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือกว่า "ในที่สุด ฆาตกรเมื่อครั้งนั้นก็โผล่ออกมาอีกครั้งแล้ว!"

ในขณะนั้น หวังฉือหัวหน้าศาลต้าหลี่ก็มาถึง

เมื่อเห็นศพบนพื้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอย่างยิ่ง พลางกล่าวอย่างโกรธแค้นว่า "ใครกันที่บังอาจถึงขนาดสังหารคนของศาลต้าหลี่ใกล้กำแพงวังหลวง!"

เหลยเจิ้นถามขึ้นว่า "ใต้เท้าหวัง เหตุใดคนของท่านถึงมาอยู่ที่ตรอกเติงเจี่ยเมื่อคืน?"

"เรียนท่านหัวหน้าโหรหลวง เมื่อคืนฝ่าบาทมีพระบัญชาจะสอบสวนนักโทษด้วยพระองค์เอง ข้าน้อยจึงส่งคนของข้าน้อยมาส่งนักโทษ แต่มิคิดเลยว่าคนของข้าน้อยจะถูกลอบสังหารจนหมดสิ้น!"

"ฝ่าบาทจะสอบสวนอาชญากรด้วยพระองค์เอง? นี่มันเรื่องอันใดกัน?" เหลยเจิ้นรู้สึกแปลกใจ

หวังฉือจึงเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟังคร่าว ๆ

หลังจากฟังเรื่องราวจบ เหลยเจิ้นขมวดคิ้วเข้าหากันโดยมิรู้ตัว

"ชื่อเสียง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 301

    เหลยเจิ้นกล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท การป้องกันของเมืองหลงเฉิงแน่นหนายิ่ง ทั่วทั้งเมืองมีจุดเฝ้ายามทุกสิบก้าว และทหารลาดตระเวนทุกห้าก้าว แม้ว่าพวกพ้องของกู้ตงเฟิงจะมีฝีมือเก่งกล้าเพียงใด ก็ยากที่จะหลบหนีออกไปได้โดยไร้ร่องรอย หากด่านป้องกันต่าง ๆ ยังไม่มีรายงานใด ๆ แสดงว่ากู้ตงเฟิงน่าจะยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองพ่ะย่ะค่ะ” “ที่เจ้าว่ามาก็มีเหตุผล เช่นนั้นก็ให้จัดการตามที่ใต้เท้าหวังเสนอมา ทั้งปิดล้อมและตรวจสอบอย่างเข้มงวด” “ฝ่าบาท กระหม่อมมีอีกเรื่องต้องกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อเห็นสีหน้าของเหลยเจิ้นดูเคร่งเครียด ฉินอู๋ต้าวก็ขยับตัวตั้งท่าจริงจังแล้วถามว่า “เรื่องใดหรือ?” “ลักษณะการตายของเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่นั้นคล้ายกับกรณีของฮองเฮาและซวนเอ๋อร์ในอดีต กระหม่อมสงสัยว่าผู้ที่ช่วยกู้ตงเฟิงไปนั้นอาจเป็นคนเดียวกับที่สังหารฮองเฮาและซวนเอ๋อร์ในตอนนั้นพ่ะย่ะค่ะ!” “เจ้าพูดจริงหรือ?!”ฉินอู๋ต้าวเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝาดอย่างโกรธจัด เหลยเจิ้นพยักหน้าอย่างจริงจัง “พวกเจ้าหน้าที่ล้วนถูกสังหารด้วยปราณดัชนีที่รุนแรง อีกทั้งบาดแผลยังมีร่องรอยของการถูกเผาไหม้ ซึ่งเหมือนกับกรณีของฮองเฮ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 302

    ฉงชูโม่พยักหน้าเล็กน้อยและอธิบายว่า “นางมีนามว่ากู้เสวี่ยเจี้ยน เป็นศิษย์คนที่สามของหัวหน้า นอกจากจะมีฝีมือการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม นางยังเชี่ยวชาญด้านการชันสูตรศพอีกด้วย” เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินซูก็ถึงกับตกตะลึง เขาแทบมิอยากเชื่อว่า สตรีผู้เลอโฉมเช่นนี้ จะมีความสามารถในการชันสูตรศพ! กู้เสวี่ยเจี้ยนค้อมตัวเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ขอถวายคำนับองค์รัชทายาทเพคะ” ฉินซูโบกมือ “มิต้องมากพิธีนัก เช้านี้เจ้าคงยังมิได้ดืนข้าวเช้าใช่หรือไม่? มาร่วมกินกับพวกเราสิ” เมื่อเห็นว่าหมู่ชูโม่และคนอื่น ๆ กำลังนั่งกินอาหารร่วมกับฉินซู กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ถึงกับหยุดนิ่งไปชั่วครู่ องค์รัชทายาทผู้สูงส่ง ไฉนมานั่งกินข้าวร่วมกับฉงชูโม่ซึ่งเป็นข้าราชบริพารเช่นนี้ได้? หากมิเห็นด้วยตาตัวเอง นางคงมิเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริง! เมื่อได้เห็นหลินชิงเหยาและเซี่ยหลานที่มีความงามเทียบเคียงตน กู้เสวี่ยเจี้ยนก็อดมิได้ที่จะรู้สึกดูแคลนในใจ ดูท่าองค์รัชทายาทผู้นี้คงยังมิเปลี่ยนนิสัยจริง ๆ ทั้งวันคงลุ่มหลงอยู่กับสตรีงาม ๆ พวกนี้ ด้วยนิสัยที่ไร้ซึ่งความทะเยอทะยานเช่นนี้ จึงมิน่าแปลกใจที่องค์จักรพรรดิจะตัดสิน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 303

    กู้เสวี่ยเจี้ยนพยักหน้าอย่างช้า ๆ แล้วกล่าวต่อว่า “บาดแผลของเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่นั้นเหมือนกับบาดแผลของฮองเฮาและศิษย์น้องหญิงขอข้าน้อยอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ดังนั้นพวกเราจึงสงสัยว่า คนที่โจมตีเจ้าหน้าที่เมื่อคืน คือตัวการที่สังหารฮองเฮาและซวนเอ๋อร์ในอดีตเพคะ!” “ว่ากระไรนะ?! ฮองเฮาถูกลอบสังหารอย่างนั้นหรือ?” “มิใช่สิ ตอนนั้นในวังกล่าวว่าฮองเฮาสิ้นพระชนม์เพราะพระอาการประชวรสะสมมิใช่หรือ?” หลินชิงเหยาและเซี่ยหลานต่างมีสีหน้าตกตะลึง ฉงชูโม่จึงอธิบายว่า “ในเวลานั้น ฝ่าบาททรงพิจารณาถึงสถานการณ์โดยรวม จึงมิได้เปิดเผยสาเหตุที่แท้จริงในการสิ้นพระชนม์ของฮองเฮา พวกเจ้ารู้เรื่องนี้แล้วก็อย่าได้แพร่งพรายออกไปข้างนอกเด็ดขาด” “พวกเรามิกล้าบอกใครแม้แต่ครึ่งคำแน่” “ใช่ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความลับของราชวงศ์ พวกเราจะไปพูดพล่อย ๆ ได้อย่างไร” หลินชิงเหยาและเซี่ยหลานต่างแสดงสีหน้าตื่นตกใจ เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินซูก็ปลอบว่า “ในเมื่อฆาตกรในอดีตอาจกลับมาอีกครั้ง การสืบสวนเรื่องนี้คงทำให้สาเหตุการตายของเสด็จแม่ถูกเปิดเผยออกมา ดังนั้นพวกเจ้ามิต้องกังวลใจมากนักหรอก” ได้ยินเช่นนี้ หลินชิงเหย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 304

    ฉินซูพูดด้วยน้ำเสียงมิพอใจว่า “เมื่อครู่กู้เสวี่ยเจี้ยนก็พูดแล้วมิใช่หรือว่าผู้ที่สังหารเจ้าหน้าที่เมื่อคืนนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคนเดียวกันกับผู้ที่วางแผนปลงพระชนม์เสด็จแม่ของข้า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเสด็จแม่ ข้าจะอยู่เฉยได้อย่างไร'""ท่านกล่าวได้มีเหตุผล เช่นนั้นหม่อมฉันจะไปกับท่านเอง" หลังจากที่ฉงชูโม่พูดเสร็จ เขาก็ออกไปพร้อมกับฉินซูเมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูใหญ่ของศาลต้าหลี่ หวังฉือก็ออกมาต้อนรับ "ข้าน้อยขอคารวะองค์รัชทายาท มิทราบว่าพระองค์จะเสด็จมา ข้าน้อยจึงมิได้ออกมาต้อนรับ ขอองค์รัชทายาทโปรดอภัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ" หวังฉือรู้สึกตกตะลึงระคนดีใจเล็กน้อย เพราะมิคาดคิดว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จมาที่ศาลต้าหลี่ติดกันเช่นนี้ฉินซูยิ้มบาง ๆ และกล่าวว่า "มิต้องมากพิธี ข้าได้ยินมาว่าเมื่อคืนมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตอยู่หลายคน ศพของพวกเขาอยู่ที่ใดหรือ?" "อยู่ในห้องเก็บศพพ่ะย่ะค่ะ" "ดี พาพวกเราไปดูหน่อย" หวังฉือชะงักเล็กน้อยก่อนจะถามด้วยความตกใจว่า "องค์รัชทายาทจะไปดูศพหรือพ่ะย่ะค่ะ?" "เหตุใดหรือ มีปัญหาอะไร?" "หามิได้ ๆ พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมิได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่ข้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 305

    ฉินซูเข้าใจเรื่องราวในใจอย่างชัดเจน หลังจากครุ่นคิดเพียงครู่ก็กล่าวว่า "เรื่องของอ๋องหนิงข้าจะไปถามเอง เจ้าให้คนไปสอบถามแถวจุดเกิดเหตุ ดูว่ามีพยานบุคคลพบเห็นอะไรบ้างหรือไม่""ข้าน้อยได้ส่งรองหัวหน้าหลิวไปแล้ว องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย หากมีข่าว ข้าน้อยจะรีบรายงานให้ท่านทราบทันทีพ่ะย่ะค่ะ" ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วจึงออกไปพร้อมกับฉงชูโม่เมื่อออกมาจากศาลต้าหลี่ ฉงชูโม่ก็ถามว่า "องค์รัชทายาท ให้หม่อมฉันไปที่คุกหลวงกับท่านหรือไม่?""มิจำเป็น เจ้าจงไปหาข่าวจากสหายในยุทธภพของเจ้าเถอะ ข้าไปเองได้"เมื่อพูดจบ ฉินซูก็เดินทางไปยังสำนักหอดูดาวหลวงเพียงลำพังคุกหลวงอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักหอดูดาวหลวง ฉินซูต้องการไปสอบถามอ๋องหนิงที่คุกหลวง ในฐานะองค์รัชทายาทย่อมสามารถไปได้โดยตรงแต่ก่อนหน้านั้น เขาต้องการพบหัวหน้าโหรหลวงเพื่อสอบถามเรื่องราวของคดีในอดีตเสียก่อนสำหรับเรื่องที่เสด็จแม่ถูกปลงพระชนม์เมื่อคราวนั้น ฉินซูจำได้เลือนลางมาก และแทบจะจำรายละเอียดส่วนใหญ่มิได้เลยมิแน่ว่าเป็นเพราะตัวเขาในอดีตมิแยแสสิ่งใด หรือเพราะเสพติดสุราและนารีมากจนความทรงจำเสื่อมถอยทหารองครักษ์ที่อยู่หน้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 306

    เมื่อเห็นฉินซูมิพูดอะไร เหลยเจิ้นจึงถามว่า "องค์รัชทายาททรงมีข้อสงสัยอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?"ฉินซูโบกมือเบา ๆ เปลี่ยนเรื่องและกล่าวว่า "ใต้เท้าเหลย เรื่องคดีเสด็จแม่ถูกปลงพระชนม์เมื่อคราวนั้น สำนักหอดูดาวหลวงของท่านสืบพบเบาะแสอะไรบ้างหรือ?"เหลยเจิ้นถอนหายใจเบา ๆ ก่อนกล่าวว่า "น่าอับอายจริง ๆ หลังเกิดเหตุในตอนนั้น สำนักหอดูดาวหลวงได้สอบสวนทุกคนในตำหนักคุนหนิงแล้ว แต่กลับมิได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์ใด ๆ ยิ่งไปกว่านั้น องค์จักรพรรดิที่ทรงพระพิโรธได้สั่งประหารนางกำนัลและขันทีไปหลายคน จนกระทั่งคนที่เคยรับใช้ในตำหนักคุนหนิงในตอนนั้นไม่มีเหลือแม้แต่คนเดียว""ถ้าเช่นนั้น คดีในตอนนั้นก็ปิดมิลงใช่หรือไม่?""ก็มิเชิงพ่ะย่ะค่ะ หลายปีมานี้สำนักหอดูดาวหลวงยังคงสืบสวนคดีนี้อย่างลับ ๆ มาตลอด เพียงแต่ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ยิ่งกว่านั้นองค์จักรพรรดิเองก็ทรงสอบถามถึงคดีนี้อยู่เป็นครั้งคราว"ฉินซูลูบคางของตน ครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนจะถามอย่างมีนัยว่า "ใต้เท้าเหลย ด้วยความสามารถของท่าน หากท่านลอบเข้าไปในวังหลังยามค่ำคืน ท่านมั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่มีใครจับได้?"เหลยเจิ้นมีสีหน้าสงสัย แต่ก็ตอบตามตรงว่า "วังหลังม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 307

    เหลยเจิ้นส่ายหัวช้า ๆ "นั่นเป็นไปมิได้ ผู้ที่สามารถเข้าออกวังหลังได้ มิว่าจะเป็นยอดฝีมือที่ราชสำนักจัดตั้ง หรือขันทีนางกำนัล ล้วนแต่มีรายชื่อบันทึกไว้ทั้งสิ้น ล้วนแต่มีการลงทะเบียนไว้ทั้งสิ้น และยังต้องผ่านการตรวจสอบจากสำนักขันทีฝ่ายพิธีการและสำนักหอดูดาวหลวงอย่างเข้มงวด ดังนั้นคนร้ายจึงไม่มีทางแอบอยู่ใต้จมูกข้าน้อยได้แน่พ่ะย่ะค่ะ"ฉินซูขมวดคิ้วและพึมพำว่า "ถ้าเป็นเช่นนี้ การจะสืบหาความจริงในเรื่องราวเมื่อครั้งนั้น คงเป็นเรื่องยากยิ่ง"เหลยเจิ้นถอนหายใจ "ใช่พ่ะย่ะค่ะ ในยามนั้นข้าน้อยและศาลต้าหลี่พยายามอย่างมากในการสืบสวนคดีนี้ แต่กลับมิพบเบาะแสใด ๆ ยิ่งมิต้องพูดถึงตอนนี้ที่ผ่านมาหลายปีแล้วเลย หากคิดจะสืบคดีครั้งนั้นให้ได้ชัดเจน คงต้องจับตัวคนที่สังหารคนของศาลต้าหลี่เมื่อคืนนี้มาให้ได้ มิเช่นนั้นคงยากเกินไปพ่ะย่ะค่ะ"กู้เสวี่ยเจี้ยนพูดขึ้นอย่างเย็นชา "อาจารย์วางใจเถิดเจ้าค่ะ พวกเราสำนักหอดูดาวหลวงและศาลต้าหลี่ต่างทุ่มกำลังกันเต็มที่ หากคนร้ายยังซ่อนตัวอยู่ในเมือง ก็ต้องจับเขาได้แน่นอน"เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินซูอดยิ้มและส่ายหัวมิได้กู้เสวี่ยเจี้ยนเห็นท่าทางของฉินซู จึงขมวดคิ้วถามว่า

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 308

    ฉินซูรู้สึกแปลกใจที่เห็นกู้เสวี่ยเจี้ยนตามมา จึงพูดแหย่ว่า "มิคิดมาก่อนว่าเจ้าที่ดูเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง กลับมีน้ำใจอารีอยู่ภายใน"กู้เสวี่ยเจี้ยนแค่นเสียงเย็นชา "หึ หม่อมฉันแค่กังวลว่าหากท่านทำอะไรผิดพลาดในคุกหลวง องค์จักรพรรดิจะตำหนิสำนักหอดูดาวหลวงของเรา หากมิใช่เพราะเรื่องนี้ หม่อมฉันคงมิยุ่งเกี่ยวด้วยแน่"ฉินซูยิ้มน้อย ๆ แต่มิพูดอะไรต่อคุกหลวงของแคว้นต้าเหยียนเป็นสถานที่คุมขังอาชญากรที่มีโทษหนัก ผู้ที่ถูกขังที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นคนชั่วที่ทำกรรมไว้อย่างโหดร้ายคุกหลวงแห่งนี้มีการป้องกันเข้มงวดแน่นหนา ทุกสิบก้าวมีทหารองครักษ์ประจำการ และที่ประตูใหญ่ยังมีทหารจำนวนมากคุ้มกันอย่างแน่นหนาเมื่อทหารองครักษ์เห็นฉินซูเดินมา พวกเขาต่างตกตะลึงในตอนแรก เมื่อตั้งสติได้ก็รีบคุกเข่าลงข้างหนึ่งทำความเคารพโดยพร้อมเพรียงกัน "กระหม่อมขอคารวะองค์รัชทายาท!"ฉินซูเพียงยืนกอดอกและตอบกลับอย่างเรียบเฉย "มิต้องมากพิธี""ขอบพระทัยองค์รัชทายาทำพ่ะย่ะค่ะ"จากนั้นพวกเขาก็ทำความเคารพต่อกู้เสวี่ยเจี้ยนเมื่อเห็นฉินซูจะเข้าไปในคุกหลวง หัวหน้าทหารรักษาการณ์รีบเข้ามาขวางและถามด้วยความเคารพ "องค์รัชท

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 707

    ฉงชูโม่พยักหน้าหนักแน่น “ถูกต้องแล้วเพคะ เรื่องนี้มิใช่แค่ข้าน้อยคนเดียวที่เห็นกับตา ทหารทั้งสามทัพหลายนายก็เห็นเช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดีขึ้นมาทันตาอดีตองค์รัชทายาทสำมะเลเทเมาบัดนี้กลับสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง นี่มัน… เกินความคาดหมายของเขาไปมาก!ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าเบื้องหลังฉินซูต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะแต่จากที่เห็นในเวลานี้ ยอดฝีมือที่ว่านั้น แท้จริงแล้วก็คือฉินซูเองกล่าวคือ ฉินซูมิเพียงแต่มีกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่วรยุทธ์ก็ยังก้าวเข้าสู่ระดับที่น่าตกตะลึงซ้ำร้ายฉินซูยังจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนอีกด้วย!เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความระแวงที่ฉินอู๋ต้าวมีต่อฉินซูก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวนิ่งอึ้งไป ฉงชูโม่ก็กล่าวต่ออย่างมีนัยแฝงว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาททรงทักษะยอดเยี่ยม เกรงว่าอีกมินานคงจะแพร่สะพัดไปทั่วหลงเฉิงเพคะแต่ก็ดีเหมือนกันเพคะ เหล่าคนชั่วที่คิดจะลอบสังหารองค์รัชทายาทจะได้ประมาณตนก่อนจะลงมือ เช่นนี้แล้ว ก็จะได้มิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาทให้มา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 706

    สวี่จิ้นเสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า “องค์รัชทายาท พระองค์ได้นำหนานเยวี่ยทั้งเจ็ดมณฑลสามสิบแปดเมืองมาอยู่ภายใต้ต้าเหยียนของเรา คุณูปการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สมควรได้รับการประทานเครื่องยศเก้าประการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูส่ายหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าสวี่ ท่านกล่าวผิดแล้ว มีคำกล่าวว่า ใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแผ่นดินขององค์จักรพรรดิ บนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นข้ารองพระบาทขององค์จักรพรรดิ ข้าในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ย่อมถือเอาความผาสุกของราษฎรเป็นภารกิจของตน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูก็ประสานมือคำนับฉินอู๋ต้าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ดังนั้นรางวัลอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องยศเก้าประการนี้ลูกมิกล้ารับไว้จริง ๆ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงก็อุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นเครื่องยศเก้าประการนี้ องค์รัชทายาทกลับปฏิเสธจริง ๆ หรือ?ต้องเท้าความว่า หากฉินซูในฐานะเป็นองค์รัชทายาทรับรางวัลนี้ ในภายภาคหน้า สถานะความสำคัญของเขาในสายตาของขุนนางและราษฎรแห่งต้าเหยียนก็แทบจะเทียบเท่ากับฉินอู๋ต้าวผู้เป็นองค์จักรพรรดิได้เลยทีเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 705

    ฉงชูโม่กำลังจะกล่าวต่อ แต่กลับสังเกตเห็นว่าฉินซูกำลังส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยจากนั้นเสียงของฉินซูก็ดังขึ้นในหูของนาง “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลักฐานสำคัญหายไป”ฉินซูใช้วิชาแห่งกระแสจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้นอกจากฉงชูโม่เมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินซู แววตาของฉงชูโม่ก็พลันไหววูบ จากนั้นจึงกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทูลแล้วเพคะ”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉงชูโม่ด้วยความสงสัยผาดหนึ่งแล้วหันไปมองฉินซูแทน“องค์รัชทายาท รายงานเรื่องคลังหลวงของหนานเยวี่ยหน่อยซิ”“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูประสานมือแล้วพูดต่อ “ทูลเสด็จพ่อ ในการตรวจค้นคลังหลวงของหนานเยวี่ยครั้งนี้ ลูกพบผ้าไหมแพรพรรณสูงค่ามากมายนับมิถ้วน เงินแท้รวมทั้งสิ้นสิบสามล้านกว่าตำลึง ทองคำสองล้านตำลึง เสบียงอาหารก็มีมากถึงเกือบแสนต้านพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกได้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึงจากทั้งหมดในพระนามของเสด็จพ่อ เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนพืชพรรณธัญหารก็ได้สั่งให้คนนำกลับไปเก็บไว้ที่เจียวโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status