แชร์

บทที่ 298

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ชายชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า "ที่ข้าช่วยเจ้าไว้ย่อมต้องมีเงื่อนไข แต่เรื่องพวกนี้ไว้อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้ว เราค่อยว่ากัน"

ในหัวของกู้ตงเฟิงเต็มไปด้วยความคิดที่แล่นไปอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้เขาบาดเจ็บหนัก แม้แต่ความสามารถของตัวเองยังใช้ได้มิถึงสองส่วน

ในเมื่ออีกฝ่ายช่วยเขาไว้ นอกจากจะต้องยอมรับบุญคุณของอีกฝ่ายแล้ว ก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้

ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นี้สามารถใช้กำลังภายในสังหารคนได้จากระยะไกล ความสามารถที่น่ากลัวเช่นนี้ เขาที่บาดเจ็บมิอาจต้านทานได้แน่นอน

เมื่อคิดเช่นนั้น กู้ตงเฟิงจึงถามด้วยความระมัดระวัง "ขอถามท่านผู้มีเกียรติ ท่านมีนามว่าอะไร? และที่นี่คือที่ใด?"

"ชื่อของข้าเจ้ามิจำเป็นต้องรู้ ส่วนที่นี่ เป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดในใต้หล้า เจ้าเพียงแค่พักฟื้นให้ดี อาหารสามมื้อในแต่ละวันจะมีคนนำมาให้ ยามนี้ดึกมากแล้ว นอนพักเสียเถอะ"

หลังจากพูดจบ ชายชุดดำก็เดินออกไปโดยมิหันกลับมา

กู้ตงเฟิงได้ยินเสียงทึบดังขึ้น ราวกับเป็นเสียงของประตูหินหนาหนัก

เขาพยายามลุกขึ้น หยิบตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะหิน และสำรวจรอบห้องลับที่มืดมิดแห่งนี้

หลังจากจุดไฟในห้องจน
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 299

    เขาวางชามโจ๊กลงทันทีแล้วถามว่า "ศพอยู่ที่ใด?" "อยู่ที่ตรอกเติงเจี่ย" เหลยเจิ้นเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตะโกนไปยังหอสูงใกล้เคียงว่า "เสวี่ยเจี้ยน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว รีบตามอาจารย์ไปที่ตรอกเติงเจี่ย!" เพียงชั่วครู่ ร่างในชุดขาวร่างหนึ่งก็พุ่งลงมาจากหอสูง หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาว อายุราวยี่สิบสามหรือยี่สิบสี่ปี งดงามดุจดอกท้อ แต่เยือกเย็นดุงน้ำแข็ง นางคือศิษย์คนที่สามของเหลยเจิ้น นามว่ากู้เสวี่ยเจี้ยน นางคารวะอาจารย์ก่อน แล้วถามว่า "อาจารย์ เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?" เหลยเจิ้นตอบอย่างสั้น ๆ ว่า "คนของศาลต้าหลี่ตายอยู่ที่ตรอกเติงเจี่ย ใกล้กำแพงวัง!" ใบหน้าของกู้เสวี่ยเจี้ยนเต็มไปด้วยความตกใจ นางจึงกลับไปหยิบถุงผ้าสีดำจากในห้องแล้วรีบตามอาจารย์ออกจากสำนักหอดูดาวหลวง แล้วตรงไปยังตรอกเติงเจี่ยทันที …… ที่ตรอกเติงเจี่ย บนพื้นเย็นเฉียบ มีศพเจ็ดศพนอนกระจัดกระจายอยู่เมื่อเห็นเหลยเจิ้นมาถึง บรรดาทหารองครักษ์ต่างก้มลงคารวะ เหลยเจิ้นถามเสียงเข้มว่า "พบอะไรบ้าง?" "เรียนท่านหัวหน้าโหรหลวง ศพเหล่านี้มีเพียงแค่รอยแผลที่หน้าผาก ไม่มีบาดแผลอื่นใด ดูเหมือน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 300

    เขารู้สึกถึงความเย็นยะเยือกของไอสังหารจากตัวเหลยเจิ้น บรรดาทหารองครักษ์ต่างหันหน้าหนีไปด้วยความหวาดกลัว มิกล้ามองตรงไปยังเขาส่วนใบหน้าของกู้เสวี่ยเจี้ยนก็แสดงถึงความเคร่งเครียด พร้อมกับแฝงแววเศร้าหมองอยู่บนคิ้ว ผ่านไปครู่ใหญ่ เหลยเจิ้นหรี่ตาลงแล้วพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือกว่า "ในที่สุด ฆาตกรเมื่อครั้งนั้นก็โผล่ออกมาอีกครั้งแล้ว!" ในขณะนั้น หวังฉือหัวหน้าศาลต้าหลี่ก็มาถึงเมื่อเห็นศพบนพื้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอย่างยิ่ง พลางกล่าวอย่างโกรธแค้นว่า "ใครกันที่บังอาจถึงขนาดสังหารคนของศาลต้าหลี่ใกล้กำแพงวังหลวง!" เหลยเจิ้นถามขึ้นว่า "ใต้เท้าหวัง เหตุใดคนของท่านถึงมาอยู่ที่ตรอกเติงเจี่ยเมื่อคืน?" "เรียนท่านหัวหน้าโหรหลวง เมื่อคืนฝ่าบาทมีพระบัญชาจะสอบสวนนักโทษด้วยพระองค์เอง ข้าน้อยจึงส่งคนของข้าน้อยมาส่งนักโทษ แต่มิคิดเลยว่าคนของข้าน้อยจะถูกลอบสังหารจนหมดสิ้น!" "ฝ่าบาทจะสอบสวนอาชญากรด้วยพระองค์เอง? นี่มันเรื่องอันใดกัน?" เหลยเจิ้นรู้สึกแปลกใจ หวังฉือจึงเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟังคร่าว ๆหลังจากฟังเรื่องราวจบ เหลยเจิ้นขมวดคิ้วเข้าหากันโดยมิรู้ตัว "ชื่อเสียง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 301

    เหลยเจิ้นกล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท การป้องกันของเมืองหลงเฉิงแน่นหนายิ่ง ทั่วทั้งเมืองมีจุดเฝ้ายามทุกสิบก้าว และทหารลาดตระเวนทุกห้าก้าว แม้ว่าพวกพ้องของกู้ตงเฟิงจะมีฝีมือเก่งกล้าเพียงใด ก็ยากที่จะหลบหนีออกไปได้โดยไร้ร่องรอย หากด่านป้องกันต่าง ๆ ยังไม่มีรายงานใด ๆ แสดงว่ากู้ตงเฟิงน่าจะยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองพ่ะย่ะค่ะ” “ที่เจ้าว่ามาก็มีเหตุผล เช่นนั้นก็ให้จัดการตามที่ใต้เท้าหวังเสนอมา ทั้งปิดล้อมและตรวจสอบอย่างเข้มงวด” “ฝ่าบาท กระหม่อมมีอีกเรื่องต้องกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อเห็นสีหน้าของเหลยเจิ้นดูเคร่งเครียด ฉินอู๋ต้าวก็ขยับตัวตั้งท่าจริงจังแล้วถามว่า “เรื่องใดหรือ?” “ลักษณะการตายของเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่นั้นคล้ายกับกรณีของฮองเฮาและซวนเอ๋อร์ในอดีต กระหม่อมสงสัยว่าผู้ที่ช่วยกู้ตงเฟิงไปนั้นอาจเป็นคนเดียวกับที่สังหารฮองเฮาและซวนเอ๋อร์ในตอนนั้นพ่ะย่ะค่ะ!” “เจ้าพูดจริงหรือ?!”ฉินอู๋ต้าวเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝาดอย่างโกรธจัด เหลยเจิ้นพยักหน้าอย่างจริงจัง “พวกเจ้าหน้าที่ล้วนถูกสังหารด้วยปราณดัชนีที่รุนแรง อีกทั้งบาดแผลยังมีร่องรอยของการถูกเผาไหม้ ซึ่งเหมือนกับกรณีของฮองเฮ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 302

    ฉงชูโม่พยักหน้าเล็กน้อยและอธิบายว่า “นางมีนามว่ากู้เสวี่ยเจี้ยน เป็นศิษย์คนที่สามของหัวหน้า นอกจากจะมีฝีมือการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม นางยังเชี่ยวชาญด้านการชันสูตรศพอีกด้วย” เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินซูก็ถึงกับตกตะลึง เขาแทบมิอยากเชื่อว่า สตรีผู้เลอโฉมเช่นนี้ จะมีความสามารถในการชันสูตรศพ! กู้เสวี่ยเจี้ยนค้อมตัวเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ขอถวายคำนับองค์รัชทายาทเพคะ” ฉินซูโบกมือ “มิต้องมากพิธีนัก เช้านี้เจ้าคงยังมิได้ดืนข้าวเช้าใช่หรือไม่? มาร่วมกินกับพวกเราสิ” เมื่อเห็นว่าหมู่ชูโม่และคนอื่น ๆ กำลังนั่งกินอาหารร่วมกับฉินซู กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ถึงกับหยุดนิ่งไปชั่วครู่ องค์รัชทายาทผู้สูงส่ง ไฉนมานั่งกินข้าวร่วมกับฉงชูโม่ซึ่งเป็นข้าราชบริพารเช่นนี้ได้? หากมิเห็นด้วยตาตัวเอง นางคงมิเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริง! เมื่อได้เห็นหลินชิงเหยาและเซี่ยหลานที่มีความงามเทียบเคียงตน กู้เสวี่ยเจี้ยนก็อดมิได้ที่จะรู้สึกดูแคลนในใจ ดูท่าองค์รัชทายาทผู้นี้คงยังมิเปลี่ยนนิสัยจริง ๆ ทั้งวันคงลุ่มหลงอยู่กับสตรีงาม ๆ พวกนี้ ด้วยนิสัยที่ไร้ซึ่งความทะเยอทะยานเช่นนี้ จึงมิน่าแปลกใจที่องค์จักรพรรดิจะตัดสิน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 303

    กู้เสวี่ยเจี้ยนพยักหน้าอย่างช้า ๆ แล้วกล่าวต่อว่า “บาดแผลของเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่นั้นเหมือนกับบาดแผลของฮองเฮาและศิษย์น้องหญิงขอข้าน้อยอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ดังนั้นพวกเราจึงสงสัยว่า คนที่โจมตีเจ้าหน้าที่เมื่อคืน คือตัวการที่สังหารฮองเฮาและซวนเอ๋อร์ในอดีตเพคะ!” “ว่ากระไรนะ?! ฮองเฮาถูกลอบสังหารอย่างนั้นหรือ?” “มิใช่สิ ตอนนั้นในวังกล่าวว่าฮองเฮาสิ้นพระชนม์เพราะพระอาการประชวรสะสมมิใช่หรือ?” หลินชิงเหยาและเซี่ยหลานต่างมีสีหน้าตกตะลึง ฉงชูโม่จึงอธิบายว่า “ในเวลานั้น ฝ่าบาททรงพิจารณาถึงสถานการณ์โดยรวม จึงมิได้เปิดเผยสาเหตุที่แท้จริงในการสิ้นพระชนม์ของฮองเฮา พวกเจ้ารู้เรื่องนี้แล้วก็อย่าได้แพร่งพรายออกไปข้างนอกเด็ดขาด” “พวกเรามิกล้าบอกใครแม้แต่ครึ่งคำแน่” “ใช่ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความลับของราชวงศ์ พวกเราจะไปพูดพล่อย ๆ ได้อย่างไร” หลินชิงเหยาและเซี่ยหลานต่างแสดงสีหน้าตื่นตกใจ เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินซูก็ปลอบว่า “ในเมื่อฆาตกรในอดีตอาจกลับมาอีกครั้ง การสืบสวนเรื่องนี้คงทำให้สาเหตุการตายของเสด็จแม่ถูกเปิดเผยออกมา ดังนั้นพวกเจ้ามิต้องกังวลใจมากนักหรอก” ได้ยินเช่นนี้ หลินชิงเหย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 304

    ฉินซูพูดด้วยน้ำเสียงมิพอใจว่า “เมื่อครู่กู้เสวี่ยเจี้ยนก็พูดแล้วมิใช่หรือว่าผู้ที่สังหารเจ้าหน้าที่เมื่อคืนนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคนเดียวกันกับผู้ที่วางแผนปลงพระชนม์เสด็จแม่ของข้า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเสด็จแม่ ข้าจะอยู่เฉยได้อย่างไร'""ท่านกล่าวได้มีเหตุผล เช่นนั้นหม่อมฉันจะไปกับท่านเอง" หลังจากที่ฉงชูโม่พูดเสร็จ เขาก็ออกไปพร้อมกับฉินซูเมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูใหญ่ของศาลต้าหลี่ หวังฉือก็ออกมาต้อนรับ "ข้าน้อยขอคารวะองค์รัชทายาท มิทราบว่าพระองค์จะเสด็จมา ข้าน้อยจึงมิได้ออกมาต้อนรับ ขอองค์รัชทายาทโปรดอภัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ" หวังฉือรู้สึกตกตะลึงระคนดีใจเล็กน้อย เพราะมิคาดคิดว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จมาที่ศาลต้าหลี่ติดกันเช่นนี้ฉินซูยิ้มบาง ๆ และกล่าวว่า "มิต้องมากพิธี ข้าได้ยินมาว่าเมื่อคืนมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตอยู่หลายคน ศพของพวกเขาอยู่ที่ใดหรือ?" "อยู่ในห้องเก็บศพพ่ะย่ะค่ะ" "ดี พาพวกเราไปดูหน่อย" หวังฉือชะงักเล็กน้อยก่อนจะถามด้วยความตกใจว่า "องค์รัชทายาทจะไปดูศพหรือพ่ะย่ะค่ะ?" "เหตุใดหรือ มีปัญหาอะไร?" "หามิได้ ๆ พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมิได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่ข้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 305

    ฉินซูเข้าใจเรื่องราวในใจอย่างชัดเจน หลังจากครุ่นคิดเพียงครู่ก็กล่าวว่า "เรื่องของอ๋องหนิงข้าจะไปถามเอง เจ้าให้คนไปสอบถามแถวจุดเกิดเหตุ ดูว่ามีพยานบุคคลพบเห็นอะไรบ้างหรือไม่""ข้าน้อยได้ส่งรองหัวหน้าหลิวไปแล้ว องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย หากมีข่าว ข้าน้อยจะรีบรายงานให้ท่านทราบทันทีพ่ะย่ะค่ะ" ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วจึงออกไปพร้อมกับฉงชูโม่เมื่อออกมาจากศาลต้าหลี่ ฉงชูโม่ก็ถามว่า "องค์รัชทายาท ให้หม่อมฉันไปที่คุกหลวงกับท่านหรือไม่?""มิจำเป็น เจ้าจงไปหาข่าวจากสหายในยุทธภพของเจ้าเถอะ ข้าไปเองได้"เมื่อพูดจบ ฉินซูก็เดินทางไปยังสำนักหอดูดาวหลวงเพียงลำพังคุกหลวงอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักหอดูดาวหลวง ฉินซูต้องการไปสอบถามอ๋องหนิงที่คุกหลวง ในฐานะองค์รัชทายาทย่อมสามารถไปได้โดยตรงแต่ก่อนหน้านั้น เขาต้องการพบหัวหน้าโหรหลวงเพื่อสอบถามเรื่องราวของคดีในอดีตเสียก่อนสำหรับเรื่องที่เสด็จแม่ถูกปลงพระชนม์เมื่อคราวนั้น ฉินซูจำได้เลือนลางมาก และแทบจะจำรายละเอียดส่วนใหญ่มิได้เลยมิแน่ว่าเป็นเพราะตัวเขาในอดีตมิแยแสสิ่งใด หรือเพราะเสพติดสุราและนารีมากจนความทรงจำเสื่อมถอยทหารองครักษ์ที่อยู่หน้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 306

    เมื่อเห็นฉินซูมิพูดอะไร เหลยเจิ้นจึงถามว่า "องค์รัชทายาททรงมีข้อสงสัยอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?"ฉินซูโบกมือเบา ๆ เปลี่ยนเรื่องและกล่าวว่า "ใต้เท้าเหลย เรื่องคดีเสด็จแม่ถูกปลงพระชนม์เมื่อคราวนั้น สำนักหอดูดาวหลวงของท่านสืบพบเบาะแสอะไรบ้างหรือ?"เหลยเจิ้นถอนหายใจเบา ๆ ก่อนกล่าวว่า "น่าอับอายจริง ๆ หลังเกิดเหตุในตอนนั้น สำนักหอดูดาวหลวงได้สอบสวนทุกคนในตำหนักคุนหนิงแล้ว แต่กลับมิได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์ใด ๆ ยิ่งไปกว่านั้น องค์จักรพรรดิที่ทรงพระพิโรธได้สั่งประหารนางกำนัลและขันทีไปหลายคน จนกระทั่งคนที่เคยรับใช้ในตำหนักคุนหนิงในตอนนั้นไม่มีเหลือแม้แต่คนเดียว""ถ้าเช่นนั้น คดีในตอนนั้นก็ปิดมิลงใช่หรือไม่?""ก็มิเชิงพ่ะย่ะค่ะ หลายปีมานี้สำนักหอดูดาวหลวงยังคงสืบสวนคดีนี้อย่างลับ ๆ มาตลอด เพียงแต่ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ยิ่งกว่านั้นองค์จักรพรรดิเองก็ทรงสอบถามถึงคดีนี้อยู่เป็นครั้งคราว"ฉินซูลูบคางของตน ครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนจะถามอย่างมีนัยว่า "ใต้เท้าเหลย ด้วยความสามารถของท่าน หากท่านลอบเข้าไปในวังหลังยามค่ำคืน ท่านมั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่มีใครจับได้?"เหลยเจิ้นมีสีหน้าสงสัย แต่ก็ตอบตามตรงว่า "วังหลังม

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 707

    ฉงชูโม่พยักหน้าหนักแน่น “ถูกต้องแล้วเพคะ เรื่องนี้มิใช่แค่ข้าน้อยคนเดียวที่เห็นกับตา ทหารทั้งสามทัพหลายนายก็เห็นเช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดีขึ้นมาทันตาอดีตองค์รัชทายาทสำมะเลเทเมาบัดนี้กลับสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง นี่มัน… เกินความคาดหมายของเขาไปมาก!ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าเบื้องหลังฉินซูต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะแต่จากที่เห็นในเวลานี้ ยอดฝีมือที่ว่านั้น แท้จริงแล้วก็คือฉินซูเองกล่าวคือ ฉินซูมิเพียงแต่มีกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่วรยุทธ์ก็ยังก้าวเข้าสู่ระดับที่น่าตกตะลึงซ้ำร้ายฉินซูยังจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนอีกด้วย!เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความระแวงที่ฉินอู๋ต้าวมีต่อฉินซูก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวนิ่งอึ้งไป ฉงชูโม่ก็กล่าวต่ออย่างมีนัยแฝงว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาททรงทักษะยอดเยี่ยม เกรงว่าอีกมินานคงจะแพร่สะพัดไปทั่วหลงเฉิงเพคะแต่ก็ดีเหมือนกันเพคะ เหล่าคนชั่วที่คิดจะลอบสังหารองค์รัชทายาทจะได้ประมาณตนก่อนจะลงมือ เช่นนี้แล้ว ก็จะได้มิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาทให้มา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 706

    สวี่จิ้นเสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า “องค์รัชทายาท พระองค์ได้นำหนานเยวี่ยทั้งเจ็ดมณฑลสามสิบแปดเมืองมาอยู่ภายใต้ต้าเหยียนของเรา คุณูปการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สมควรได้รับการประทานเครื่องยศเก้าประการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูส่ายหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าสวี่ ท่านกล่าวผิดแล้ว มีคำกล่าวว่า ใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแผ่นดินขององค์จักรพรรดิ บนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นข้ารองพระบาทขององค์จักรพรรดิ ข้าในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ย่อมถือเอาความผาสุกของราษฎรเป็นภารกิจของตน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูก็ประสานมือคำนับฉินอู๋ต้าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ดังนั้นรางวัลอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องยศเก้าประการนี้ลูกมิกล้ารับไว้จริง ๆ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงก็อุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นเครื่องยศเก้าประการนี้ องค์รัชทายาทกลับปฏิเสธจริง ๆ หรือ?ต้องเท้าความว่า หากฉินซูในฐานะเป็นองค์รัชทายาทรับรางวัลนี้ ในภายภาคหน้า สถานะความสำคัญของเขาในสายตาของขุนนางและราษฎรแห่งต้าเหยียนก็แทบจะเทียบเท่ากับฉินอู๋ต้าวผู้เป็นองค์จักรพรรดิได้เลยทีเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 705

    ฉงชูโม่กำลังจะกล่าวต่อ แต่กลับสังเกตเห็นว่าฉินซูกำลังส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยจากนั้นเสียงของฉินซูก็ดังขึ้นในหูของนาง “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลักฐานสำคัญหายไป”ฉินซูใช้วิชาแห่งกระแสจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้นอกจากฉงชูโม่เมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินซู แววตาของฉงชูโม่ก็พลันไหววูบ จากนั้นจึงกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทูลแล้วเพคะ”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉงชูโม่ด้วยความสงสัยผาดหนึ่งแล้วหันไปมองฉินซูแทน“องค์รัชทายาท รายงานเรื่องคลังหลวงของหนานเยวี่ยหน่อยซิ”“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูประสานมือแล้วพูดต่อ “ทูลเสด็จพ่อ ในการตรวจค้นคลังหลวงของหนานเยวี่ยครั้งนี้ ลูกพบผ้าไหมแพรพรรณสูงค่ามากมายนับมิถ้วน เงินแท้รวมทั้งสิ้นสิบสามล้านกว่าตำลึง ทองคำสองล้านตำลึง เสบียงอาหารก็มีมากถึงเกือบแสนต้านพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกได้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึงจากทั้งหมดในพระนามของเสด็จพ่อ เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนพืชพรรณธัญหารก็ได้สั่งให้คนนำกลับไปเก็บไว้ที่เจียวโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status