เป็นเรื่องไม่สบายใจที่ต้องหยุดก่อนที่จะแสดงท่าทางออกมาได้อย่างเต็มที่ ใบหน้าของซ่างกวานเยียนปรากฏแววตาซับซ้อนอยู่ครู่หนึ่ง“ท่านอ๋องทำอะไรอยู่เจ้าคะ?” ฝูหรงถามด้วยความสับสน“เราไม่อาจปกปิดความจริงไว้ได้ตลอด ถึงอย่างไรท่านอ๋องก็ต้องไปรายงานเรื่องนี้ให้ท่านมหาเสบาดีฉู่ที่จวนมหาเสนาดีทราบนะเพคะ เพียงแต่…”ซ่างกวานเยียนแสดงความกังวล แต่เมื่อทันทีที่ฉู่เนี่ยนซีเสียชีวิต เย่เฟยหลีก็จะได้รู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่หากเขาสืบไม่พบอะไรเลยจะเป็นดีกว่าแต่ความกังวลในขณะนี้ถูกชะล้างออกไปด้วยความสุขที่เติมเต็มหน้าอกของนางราวกับน้ำท่วมที่ล้นทะลักเข้ามา ถึงอย่างไรฉู่เนี่ยนซีก็ตายไปแล้ว และไม่ว่าจะตรวจพบอย่างไรนางก็ไม่มีทางรอดซ่างกวานเยียนเม้มปากยิ้ม แล้วกลับไปตามเส้นทางเดิมกับฝูหรงอวี๋ซีนำสิ่งของของเขาไปที่ป่าไผ่ในเขตชานเมืองตามเวลาที่ตกลงกัน เสียงเหยียบบนใบไม้แห้งกรอบในป่าไผ่อันเงียบสงบนั้นยิ่งน่าขนลุกมากขึ้นหลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวเขาก็เห็นคนสองคนยืนอยู่ข้างหน้าไม่ไกล แม้ว่าแสงจันทร์จะถูกแยกส่วนโดยป่าไผ่ แต่อวี๋ซีก็ยังจำได้ว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนที่ว่าจ้างเขามาถึงโดยห่างจากคนสองคนเพีย
บริเวณด้านหลังมีเสียงป่าไผ่สั่น ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาเห็นร่างสูงของเย่เฟยหลีกำลังเดินมาหานางเมื่อเย่เฟยหลีเห็นคนที่ถูกจับได้ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความชั่วร้าย หลังจากเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างชัดเจน น้ำเสียงที่เย็นชาและดุดันของเขาก็ผสมปนเปด้วยความสงสัยเช่นกัน“ซ่างกวานชาง?”ซางกวน? เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉู่เนี่ยนซีก็เกิดความสงสัยในใจว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับซ่างกวานเยียน“นำตัวกลับจวน!”ดวงตาที่คมกริบเหมือนมีดของเย่เฟยหลีแทงทะลุตัวซ่างกวานชาง และหลังจากพูดจบ เขาก็อยากจะพาฉู่เนี่ยนซีออกไป“นายหญิง ท่านไปก่อนเถิด กระหม่อมจะพาเขาตามไปทีหลัง” อวี๋ซีกล่าวด้วยความโกรธเล็กน้อยฉู่เนี่ยนซีพยักหน้าและกลับจวนไปพร้อมกับเย่เฟยหลีทั้งสองมาที่เรือนของฉู่เนี่ยนซี นั่งคนละฝั่งซ้ายขวาในห้องโถงใหญ่ หลังจากที่เสี่ยวเถานำชามาให้ทั้งคู่แล้ว นางก็ยืนข้างฉู่เนี่ยนซีด้วยความนอบน้อม เย่เฟยหลีพูดกับเหลียงหยวนว่า “ไปเรียกซ่างกวานเยียนมาที”ซ่างกวานเยียนดีใจมากเมื่อเห็นเหลียงหยวนรีบมาถ่ายทอดข้อความ โดยคิดว่าเย่เฟยหลียอมรับการเสียชีวิตของฉู่เนี่ยนซีแล้ว และได้หารือกับตระกูลเพื่อให้นางได้เป็นชายาเอกใน
ฉู่เนี่ยนซีมองไปที่ดวงตาไร้เดียงสาของนาง และอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย “ที่แท้ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้านี่เอง เขาจ้างวานนักฆ่าและจ่ายเงินมากกว่าสองเท่าหวังเอาชีวิตข้า แต่พระเจ้าไม่เข้าข้าง และข้ายังมีชีวิตสบายดี”นางจ้องมองทุกการแสดงออกบนใบหน้าของซ่างกวานเยียน หากนางไม่มีส่วนรู้เห็นจะต้องตกใจเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้แม้ว่านางจะพยายามซ่อนมันไว้อย่างดีที่สุด แต่ก็ไม่สามารถซ่อนความตื่นตระหนกของตัวเองได้ฉู่เนี่ยนซีมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับซ่างกวานเยียน“ท่านพี่ ท่านทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร? การฆาตกรรมเป็นอาชญากรรมและท่านจะต้องติดคุก! แม้ว่าท่านจะอยากทำเพื่อข้าก็เถอะ แต่ท่านจะทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ ท่านพี่ หากข้ารู้ข้าจะต้องห้ามท่านแน่ ๆ ! เหตุใดท่านถึงทำเช่นนี้กันเพคะท่านพี่!!”ซ่างกวานเยียนมองซ่างกวานชางด้วยความไม่พอใจ “ท่านพี่ทำเช่นนี้ เคยนึกถึงข้าบ้างหรือไม่? ท่านทำให้ข้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ยุติธรรมนะเพคะ!”ซ่างกวานชางมองซ่างกวานเยียนด้วยความสับสน เมื่อเห็นนางจับท้อง เขาก็คิดว่าถ้านางมีส่วนเกี่ยวข้อง เด็กในท้องอาจจะซวยไปด้วยก็ได้ ดัง
เย่เฟยหลีไม่ต้องการได้ยินเรื่องหลอกลวงและคำโกหกจากซ่างกวานเยียนอีกต่อไป ดังนั้นจึงสั่งเหลียงหยวนทันที “นำตัวสองคนนี้ไปขังที่กองกิจการราชวงศ์ และรายงานให้เสด็จพ่อทราบในวันพรุ่งนี้ ดูว่าพระองค์จะจัดการเช่นไร”“ขอรับ”ซ่างกวานเยียนถอยหลังสองก้าวเพื่อขัดขืนเหลียงหยวน และมองเย่เฟยหลีด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง“ไม่นะเพคะ ท่านจะเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ ข้ามีบุญคุณต่อท่าน หากท่านทำเช่นนี้ก็เท่ากับเนรคุณ และท่านจะต้องถูกหลายพันคนประนาม”“เจ้าคิดว่าข้าสนใจอย่างนั้นหรือ?”เย่เฟยหลีเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นแววตาดุร้ายก็ฉายขึ้นในดวงตาของเขา “เดิมที ข้าตั้งใจจะไว้หน้าเจ้าเพราะดาบเล่มนั้น แต่เจ้าไม่ควรแตะต้องซีเอ๋อร์! เจ้าบังดาบให้ข้า วันนี้ข้าจะคืนกลับไป”ฉู่เนี่ยนซีรีบคว้ากริชที่เย่เฟยหลีหยิบออกมาอย่างรวดเร็ว และมองเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างเคร่งขรึม“คนที่สามารถฆ่าลูกของตัวเองได้อย่างนาง จะเสียสละตัวเองเพื่อบังดาบให้ท่านได้อย่างไร บางทีเรื่องนี้อาจมีอะไรแอบแฝงอยู่ก็ฌ)้ฯได้”ดวงตาของเย่เฟยหลีมืดมนขึ้น และเขาถือกริซเดินเข้าไปหาซ่างกวานเยียน“ไม่นะ! เย่เฟยหลี ท่านจะโหด
ฉู่เนี่ยนซีอ้าปากแต่ไม่สามารถพูดถึงเรื่องบนเตียงกับเขาได้ แม้ว่าเย่เฟยหลีจะไม่ได้มีอะไรกับซ่างกวานเยียน แต่สำหรับผู้ชายนี่อาจเป็นการดูแคลนราวกับถูกมีดแทงเลยก็ว่าได้ เย่เฟยหลีลืมตาขึ้นช้า ๆ พร้อมกับหันหน้าไปมองฉู่เนี่ยนซีในดวงตาไม่มีความลำคาน ไม่ชอบ หรือไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย แต่มีเพียงการพึ่งพากันและกันของคนสองคนเท่านั้น“ซ่างกวานเยียนรับดาบแทนข้าในวันนั้น จนข้าไม่รู้เลยว่าจะชดใช้ให้นางอย่างไร ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะมีความอะไรซ่อนอยู่อีก ซีเอ๋อร์ ขอบใจเจ้ามาก”แม้ว่าใบหน้าของฉู่เนี่ยนซีจะยังคงเย็นชาเช่นเคย แต่นิ้วที่ประสานกันในแขนเสื้อของนางแสดงให้เห็นว่านางทำอะไรไม่ถูก และเพียงตอบไปสั้น ๆ ว่า “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”ดูเหมือนว่าฉู่เนี่ยนซีเองก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับอารมณ์นี้ได้อย่างไรในยุคปัจจุบัน ไม่ว่านางจะทำภารกิจอันโหดร้าย หรือทำการวิจัยสิ่งน่ากลัวต่าง ๆ หัวใจของนางก็ไม่เคยยุ่งเหยิงเช่นนี้เลยแม้แต่น้อยเพราะนางไม่เคยยอมให้ใครมาพึ่งพา และไม่เคยพึ่งพาใคร นางบีบนิ้วเพื่อบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ลง และน้ำเสียงของนางก็ยังคงเย็นชาราวกับกระแสน้ำช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง “หากท่านต้องการค
หลังจากที่เหลียงหยวนรายงานเสร็จ อุณหภูมิในห้องก็ค่อย ๆ ลดลง และความดำมืดในดวงตาของเย่ เฟยหลีก็หนาขึ้นราวกับว่าช่องมังกรดินทั้งหมดหยุดปล่อยความร้อนออกมาเฟยหลีมองเหลียงหยวนอย่างเย็นชา ด้วยความโกรธในดวงตาของเขา แต่ไม่ใช่เพราะเหลียงหยวน หากแต่เป็นเพราะซ่างกวานเยียน“มณฑลตะวันตกอย่างนั้นหรือ? ดี! ที่แท้ข้าก็ล่อหมาป่าเข้าจวนด้วยตัวเองสินะ ไม่แปลกใจเลยที่ครั้งที่แล้ววางกับดักอย่างแยบยล แต่กลับไม่ได้อะไร ที่แท้ก็เพราะพวกนั้นซ่อนตัวอยู่ในจวนของข้านี่เอง”“กระหม่อมได้ส่งคนออกตามล่าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของฉู่เนี่ยนซีก็เย็นชาไม่แพ้กัน “คงตามไม่ทันแล้ว ในเมื่อพวกเขากล้าที่จะปล้นคน นั่นหมายความว่าพวกเขาได้วางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว แล้วซ่างกวานชางล่ะ?”“ซ่างกวานชางยังอยู่ขอรับ คนเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่สนใจซ่างกวานชางเลย ดังนั้นเขาจึงถูกกระหม่อมคุมตัวไปขังไว้ในคุกแล้วขอรับ”เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีมองหน้ากัน รู้สึกได้ว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา“ตอนนี้ประตูวังล็อคกลอนแล้ว คงต้องรอจนถึงพรุ่งนี้ตอนขึ้นศาล ท่านอ๋องค่อยกราบทูลกับเสด็จพ่อ” ฉู่เนี่ยนซีมองเย่เฟยหลีด้วยสีหน้าจริงจัง“หากซ่างกวานชางไม่ก
หลังจากที่เย่เฟยหลีพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ เขาก็โบกมือข้างหูส่งสัญญาณทหารที่อยู่รอบ ๆ เคลื่อนไหวไปทั่วทุกมุมของจวนซ่างกวานอย่างรวดเร็ว และคืนอันมึดมิดก็เต็มไปด้วยเสียงความวุ่นวายทันที“ท่านอ๋องหลี ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ กระหม่อมซื่อสัตย์และภักดีมาตลอด จะสมรู้ร่วมคิดกับมณฑลตะวันตกได้อย่างไร ท่านอ๋องหลี ไม่อย่างนั้น…”“จะเข้าใจผิดหรือไม่ ตรวจสอบดูก็จะรู้”เย่เฟยหลีขัดจังหวะซ่างกวานอวี้ และเดินตรงไปที่ห้องโถงต้อนรับเพื่อนั่งลงบนที่นั่งหลักเขามองออกไปนอกห้องเงียบ ๆ ด้วยสายตาเย็นชา เสื้อคลุมสีดำที่เขาสวมก็ทำให้เขาดูโหดร้ายมากยิ่งขึ้นในไม่ช้า สาวใช้ คนรับใช้ ทหารยาม ฯลฯ ทั้งหมดก็ถูกควบคุมตัวมาที่ลานบ้านคนหนึ่งตกใจมากจนเป็นลม และสาวขี้กลัวอีกคนก็ร้องไห้อย่างขมขื่น“หุบปาก ไม่เช่นนั้นชีวิตของเจ้าจะไม่รอด” ทหารที่อยู่ใกล้ ๆ ตะโกนดุสาวใช้“เชิญท่านซ่างกวาน”เย่เฟยหลีมองซ่างกวานอวี้อย่างเย็นชา เมื่อเห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวที่แม้ว่าจะกลัวของเขา จึงตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าสีหน้าของเขาเป็นของปลอมหรือของจริงเมื่อมาถึงกองอารักขา กองอารักขาก็สั่งให้ซ่างกวานอวี้โค้งคำนับให้เย่เฟยหลี ก่
“เสด็จพ่อ ซ่างกวานเยียนอาศัยอยู่ในจวนของซ่างกวานมาหลายปีแล้วพ่ะย่ะค่ะ นางไม่ได้นำของอะไรมาที่จวนของกระหม่อมเลย ได้โปรดอนุญาตให้กระหม่อมค้นจวนของซ่างกวานด้วยเถิด” เย่เฟยหลีทำความเคารพจักรพรรดิโกรธมากจนกระแทกถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะ ขันทีเฉินที่อยู่ข้าง ๆ เขา คุกเข่าลงและคำนับทันที“ซ่างกวานเยียนเป็นชายารองของเจ้า เจ้าหลีกเลี่ยงการกระตุ้นความสงสัยจะดีกว่า ข้าจะส่งคนจากกองอารักขาไปกับเจ้าเอง”ทันใดนั้น จวนของซ่างกวานก็แตกตื่นกันอีกครั้งทหารพลิกโต๊ะและตู้ทั้งหมดให้คว่ำลง และทุกมุมก็เต็มไปด้วยเศษซากเย่เฟยหลียืนอยู่ในเรือนของซ่างกวานเยียน และตรวจสอบทุกซอกทุกมุมที่สามารถซุกซ่อนของได้อย่างละเอียดกองอารักขาวิ่งเข้ามาหาเย่เฟยหลีและกล่าวว่า “ทูลท่านอ๋องหลี พวกเราค้นหาจนทั่วแล้ว แต่ก็ไม่พบอะไรเลยพ่ะย่ะค่ะ”เย่เฟยหลีเงยหน้าขึ้นและมองหาต่อ ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็หยุดมองม่านตรงมุมห้องโถงด้านใน และสั่งขึ้นว่า “ตรงนั้น” ผู้บังคับบัญชาทั้งหมดมองตามสายตาของเย่เฟยหลีก่อนจะรีบทยานเข้าไปตรงนั้น หลังจากค้นหาที่นั่นสักพัก พวกเขาก็พบจดหมายสองสามฉบับ“ทูลท่านอ๋องหลี มีอยู่จริง ๆ ด้วยพ่ะย่ะค่ะ มันถูกซ่อ