“หากนางต้องการทำร้ายเจ้าจริง ๆ นางก็มีหลายร้อยวิธีในการกำจัดเด็กในท้องของเจ้าโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่จำเป็นต้องใช้มีดพกเลยด้วยซ้ำ”เย่เฟยหลีไม่แม้แต่จะมองไปที่ซ่างกวานเยียน เขานั่งอยู่ฝั่งหนึ่งพลางจ้องมองตรงไปยังหน้าต่างที่มีแสงแดดส่องเข้ามา คิดเพียงว่านี่เป็นเวลาเช้า แต่กลับรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปเป็นวันแล้วซ่างกวานเยียนที่กำลังใช้แขนชันตัวขึ้นมาก็เกิดอาการแข็งทื่อในทันที แต่นางยังคงไม่ยอมแพ้และยังอยากจะพูดปกป้องตัวเองอีกสักหน่อย“ซ่างกวานเยียน ข้ารับปากว่าจะไว้หน้าเจ้า ข้าจะให้สองทางเลือกแก่เจ้าและรับปากว่าจะไม่บอกความจริงกับใคร นี่คือจุดสิ้นสุดของความเมตตาระหว่างเจ้ากับข้า และหากเจ้ายังเที่ยวก่อความวุ่นวายไปทั่วอีก ถึงตอนนั้นก็อย่ามาหาว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้าแล้วกัน…”“ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ดูแลตัวเองด้วย”เย่เฟยหลีหยุดคำพูดของนาง มอบคำเตือนให้แล้วจึงเดินจากไปซ่างกวานเยียนคิดว่าตัวเองจะร้องไห้อีกครั้งด้วยความเจ็บปวด แต่หลังจากรออยู่เป็นเวลานาน ก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว นางได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นนางเอนตัวลงบนเตียงอีกครั้งและมองดูลวดลายอันวิจิ
ซ่างกวานเยียน ยืนขึ้นและเอียงศีรษะกระซิบกับชายชุดดำ จากนั้นก็มองชายชุดดำปีนออกไปนอกหน้าต่างแล้วจึงเปิดประตูเรียกฝูหรงเข้ามาพลางสั่งให้นางพาตนเองไปหาหมอ เนื่องจากไม่ทันระวังแผลเลยฉีก ต้องรีบทายาทำแผลโดยด่วนฝูหรงรออยู่ด้านนอก ซ่างกวานเยียนสวมหมวกม่านยาวกำลังทำแผลอยู่ที่ห้องด้านหลังของโรงหมอ นางขอกระดาษและปากกาจากเถ้าแก่ เขียนจดหมายสั้น ๆ เป็นภาษาง่าย ๆ แล้วพับปิดไว้“ข้าจะทิ้งจดหมายนี้ไว้กับเจ้าก่อน และจะมีคนมารับในตอนเย็น นี่คือเงินสิบตำลึงเป็นค่าตอบแทนของเจ้า”ซ่างกวานเยียนดันจดหมายและเงินไปด้านหน้าเถ้าแก่ที่กำลังมองนางอย่างไม่วางตาเถ้าแก่รับปากและรวบเงินมาไว้ในอ้อมแขนของตัวเองเพราะกลัวว่าซ่างกวานเยียนจะเปลี่ยนใจเอาเงินคืน“ท่านไม่ต้องกังวล ข้ารับรองว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”เถ้าแก่ยิ้มให้นาง นางเห็นรัก โลภ โกรธ หลงในโลกนี้มามากมายแล้ว นางจึงไม่คิดกลัวซ่างกวานเยียนนั่งอยู่ในรถม้าพลางหลับตาเพื่อผ่อนคลายความจริงนางสามารถส่งจดหมายฉบับนี้ถึงมือผู้รับได้โดยตรง แต่เพื่อป้องกันไม่ให้คนจากจวนอ๋องหลีสังเกตเห็น และเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดใดใดที่อาจเกิดขึ้น นางจึงต้องดำเนินกา
“องค์ชายรอง เมื่อวานหม่อมฉันรอพระองค์ทั้งวัน แต่พระองค์ก็ไม่มาจับกุมฉู่เนี่ยนซีเลย ตอนแรกหม่อมฉันไม่เข้าใจเหตุผล แต่ในที่สุดหม่อมฉันก็พบว่าองค์ชายรองมีความคิดเป็นอื่นกับฉู่เนี่ยนซีแล้ว”ซ่างกวานเยียนจิบชาอย่างระมัดระวัง แต่ดวงตาของนางยังคงแสบจากไอร้อนด้วยความรู้สึกหงุดหงิด นางจึงวางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรง ทำให้ฝาชาหลุดออกจากถ้วยชาและหล่นลงไปกลิ้งวนรอบโต๊ะสองรอบ“องค์ชายรอง คิดว่าหม่อมฉันเดาไม่ออกหรือว่าพระองค์คิดอย่างไรกับฉู่เนี่ยนซี? หมอเทวดาเฮ่อหลานหนุนหลังฉู่เนี่ยนซี และคนที่หนุนหลังหมอเทวดาเฮ่อหลานก็คือหอการแพทย์ พระองค์อยากได้ฉู่เนี่ยนซี หวังในความรู้ด้านการแพทย์ของนาง จากนั้นก็จะได้ทำความรู้จักกับคนในหอการแพทย์”ซ่างกวานเยียนยืนตัวตรงแล้วเดินไปที่หน้าต่าง มีเพียงสายลมเย็น ๆ ที่เข้ามาเท่านั้นที่จะระงับความโกรธในใจของนางได้“หากจะใช่หรือไม่ใช่เช่นที่เจ้าคิดแล้วจะทำไม? ซ่างกวานเยียน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงได้มาจุ้นจ้านเรื่องของข้า?!”เย่เหลียนเหลือบมองนางและรู้สึกโกรธในใจซ่างกวานเยียนหันกลับมาจ้องเย่เหลียน เขาไม่ได้ปฏิเสธ ซึ่งเทียบเท่ากับการยอมรับ‘ฉู่เนี่ยนซี ฉู่เนี่ยนซีอ
เย่เหลียนทักทายฉู่เนี่ยนซีด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจ แต่เมื่อเห็นนางถอยหลังไปสองสามก้าว เขาก็สับสนอีกครั้ง“หากท่านอ๋องมีธุระอะไรก็ตรัสอยู่ตรงนั้นเถิดเพคะ คนอื่นมาเห็นจะได้ไม่เอาไปนินทา นอกจากนี้ ท่านอ๋องเหลียนทรงเรียกหม่อมฉันว่าน้องหญิงจะดีกว่า วันนี้หม่อมฉันมาเพียงเพราะอยากรู้ว่าข้อความในจดหมายของพระองค์หมายถึงสิ่งใดเท่านั้น!”ฉู่เนี่ยนซีมองเย่เหลียนอย่างเย็นชา หากเป็นเย่เฟยหลีนางก็จะมองอย่างเย็นชาเช่นกัน ทว่าก็ยังมีความอบอุ่นเจืออยู่ด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีกลับความอบอุ่นอยู่เลย“เนี่ยนซี เจ้า…” เย่เหลียนหยุดนิ่งเพราะความเฉยเมยของนาง แต่เขายังคงคิดว่านางกลัวจะทำร้ายจิตใจคนอื่นและกลัวการนินทาเท่านั้น “ไม่ต้องกังวล นอกจากคนของข้าแล้วจะไม่มีใครผ่านมาแน่นอน เนี่ยนซี แม้จะกลับถึงเมืองหลวงมาหลายวันแล้ว แต่ข้าก็ยังคิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเจ้าที่หนานหลินอยู่ทุกวัน”ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้ว ตอนที่อยู่หนานหลินนางไปอยู่กับเขาตอนไหน?“เนี่ยนซี ข้าว่าข้าคงตกหลุมรักเจ้าจริง ๆ ไม่เกี่ยวกับหน้าตาหรือภูมิหลังวงศ์ตระกูล ก้าวแรกของข้าหลังจากยับยั้งปัญหาน้ำท่วมก็คือการเดินไปหาเจ้า นี่เจ้ายังไม่รู้
ฉู่เนี่ยนซีกำลังยุ่งอยู่ที่โรงพนันหุยหุน และยังมีนักพนันคนหนึ่งที่สนใจและยืนกรานที่จะดึงฉู่เนี่ยนซีมาเล่นพนันด้วยฉู่เนี่ยนไม่ปฏิเสธ แต่เพียงเตือนว่าหากทุ่มเงินจนหมดตัวเข้ากระเป๋านางไปแล้วก็อย่าอาละวาดล้มโต๊ะทีหลังทันทีที่ฉู่เนี่ยนซีเริ่มเดิมพัน นางก็รู้สึกว่าเสียงที่เคยดังของโรงพนันหุยหุนนั้นเงียบกว่าปกติมากเมื่ออวี๋เป่ยเพิ่งวิ่งมาแจ้งให้นางทราบ ฉู่เนี่ยนซีก็เห็นเจี่ยงจาวอวิ๋นยืนอย่างภาคภูมิใจอยู่ไม่ไกล โดยมีทหารองครักษ์สองกลุ่มล้อมรอบโรงพนันหุยหุนอย่างแน่นหนาโรงพนันหุยหุนตกอยู่ในความเงียบเจี่ยงจาวอวิ๋นชูป้ายคำสั่งของจักรพรรดิไว้ในมือแล้วพูดกับทุกคน “เห็นป้ายคำสั่งก็เหมือนกับได้เห็นองค์จักรพรรดิ เอาคนมาคุมตัวเจ้าของโรงพนันผู้เป็นสายลับทรยศแผ่นดินนี้ไปเสีย!”ฉู่เนี่ยนซีรู้ว่าเจี่ยงจาวอวิ๋นต้องการเพียงนางเท่านั้น ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ นางจึงเป็นฝ่ายยืนขึ้นด้วยตัวเองหลังจากที่นางถูกเจี่ยงจาวอวิ๋นพาตัวไป อวี๋เป่ยก็ใช้วิชาตัวเบาบินข้ามชายคาและกำแพงอย่างรวดเร็ว ไปยังจวนมหาเสนาบดีเมื่อฮูหยินฉู่ได้ยินว่ามีองครักษ์พาตัวฉู่เนี่ยนซีไป นางก็ตกใจมากจนเกือบจะเป็นล
“เสด็จพ่อเพคะ ฉู่เนี่ยนซีได้ซ่อนความจริงของเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน นางไม่เพียงแต่เป็นเจ้าของโรงพนันหุยหุนเท่านั้น นางยังเป็นสายลับของมณฑลตะวันตกด้วย!”เจี่ยงจาวอวิ๋นที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ในวังชี้นิ้วเรียวไปยังฉู่เนี่ยนซีด้วยสีหน้าเหลืออดและโกรธเคือง“พระชายาเหลียน เมื่อพูดเช่นนี้ท่านก็ต้องแสดงหลักฐาน หากท่านไม่มีหลักฐาน นั่นก็เป็นแค่การใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น!”ฉู่เนี่ยนซีจ้องไปที่เจี่ยงจาวอวิ๋น ‘นางใส่ร้ายป้ายสีด้วยคำโกหกคำโต ช่างน่านับถือเสียจริง!’“เห็นได้ชัดว่าเจ้ามีการติดต่อกับคนจากมณฑลตะวันตกอยู่บ่อยครั้ง แต่เจ้ากลับปิดบังเอาไว้ ข้าคิดว่าเจ้าเป็นนายของพวกเขาแน่!”เจี่ยงจาวอวิ๋นเคยได้ยินเรื่องโรงพนันหุยหุนมาจากจดหมายลับ ดังนั้นแรงผลักดันของนางยังคงไม่ลดลงในการเผชิญหน้ากับฉู่เนี่ยนซี และนางยังต้องการเอาชนะ ฉู่เนี่ยนซีอีกด้วยฉู่เนี่ยนซีค่อย ๆ นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ชายร่างใหญ่เจ็ดแปดคนที่มีรูปร่างกำยำและใบหน้าที่ดุดัน พอเห็นดังนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย อีกทั้งพวกเขานั่งอยู่ตั้งนานสองนานแต่ไม่สนใจเล่นพนันอะไรเลย ทว่ากลับเอาแต่ชวนนางเดิมพันอยู่หลายรอบยิ่งไป
เสียงของฉู่เนี่ยนซีสั่นเทา ดวงตาของนางก็แดงก่ำทันทีในขณะคุกเข่าและยืดตัวขึ้น“ข้าอนุญาต”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ฉู่เนี่ยนซีคุกเข่าและคลานไปช่วยให้มหาเสนาบดียืนขึ้น พลางกระซิบข้างหูเขาอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่เคยทำเช่นนั้น ท่านพ่อวางใจได้”มหาเสนาบดีฉู่เหลือบมองฉู่เนี่ยนซีอย่างไม่สบายใจ และความไว้วางใจในสายตาของเขาบอกนางว่าเขาไม่เคยสงสัยเลยว่านางจะทำเช่นนั้นไม่นานขันทีเฉินก็กลับมา เมื่อครู่องค์จักรพรรดิสั่งให้เขาไปถามสายลับเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเห็นในโรงพนันหุยหุน พวกสายลับอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนั้น ทำให้องค์จักรพรรดิยิ่งโกรธมากขึ้น เขาเม้มริมฝีปากแลดูอาฆาตอย่างไรก็ตาม พวกสายลับไม่เห็นการติดต่อเป็นการส่วนตัวระหว่างพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิในทันทีทว่าองค์จักรพรรดิก็สงสัยอีกครั้ง เพราะขมวดคิ้วอยู่บ่อยครั้งมาเป็นเวลานานจึงทำให้พื้นที่หว่างคิ้วของเขาย่นลึกลงไปอีก ทรงทอดพระเนตรไปยังเหล่าคนที่อยู่ในตำหนักแห่งนี้โดยที่ยากจะบอกได้ว่าใครกำลังโกหกปิดบัง“นี่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ข้าจะปักใจเชื่อเพราะเอาแต่ฟังความข้างเดียวไม่ได้ ฉู่เนี่ยนซี เ
ไม่คาดคิดว่าลูกชายที่เขาให้ค่าและเข้าใจเขาดีที่สุด จะลืมคำสอนที่เขามอบให้ไปจนหมดเพียงเพราะเห็นแก่สตรีที่อาจเป็นสายลับ บางทีการอภิเษกพระราชทานอาจเป็นหนึ่งในแผนก่อกบฏของฉู่เนี่ยนซีมาตั้งแต่แรกองค์จักรพรรดิทรงทอดพระเนตรเย่เฟยหลีอย่างเคร่งขรึมด้วยสายตาที่ผิดหวังเล็กน้อย แต่ครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกหมดหนทาง ลูกชายคนนี้เหมือนเขามากที่สุดจริง ๆ“เสด็จพ่อ ลูกรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสงสัยแปลก ๆ หากซีเอ๋อร์เป็นสายลับจากทางมณฑลตะวันตกจริง ลูกและสายลับจะไม่สามารถตรวจจับอะไรได้เลย เพราะในฐานะเจ้าของโรงพนันหุยหุนก็ควรจะดูแลแขกทุกคนที่เข้ามา”เย่เฟยหลีพูดอย่างมีเหตุผลโดยไม่ร้อนใจอย่างระมัดระวัง“นอกจากนี้ หากซีเอ๋อร์เป็นสายลับจากอีกฝั่ง เหตุใดนางถึงต้องการควบคุมโรคระบาดที่แม้แต่หมอหลวงทุกคนก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ และเหตุใดนางถึงเสนอแผนการเพื่อควบคุมน้ำท่วมแก่ลูกเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”ทันทีที่เย่เฟยหลีพูดจบ เจี่ยงจาวอวิ๋นก็พูดขึ้นทันที “แน่นอนว่าก็เพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจากผู้คน นางจะได้รวบรวมข่าวกรองได้มากขึ้น”“ชายาเหลียน ได้โปรดคิดก่อนพูด การใช้โรคระบาดและน้ำท่วมทำลายอาณาจักรรัตติกาลจะไม่เร็วกว่าการร