“เสด็จพ่อเพคะ ฉู่เนี่ยนซีได้ซ่อนความจริงของเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน นางไม่เพียงแต่เป็นเจ้าของโรงพนันหุยหุนเท่านั้น นางยังเป็นสายลับของมณฑลตะวันตกด้วย!”เจี่ยงจาวอวิ๋นที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ในวังชี้นิ้วเรียวไปยังฉู่เนี่ยนซีด้วยสีหน้าเหลืออดและโกรธเคือง“พระชายาเหลียน เมื่อพูดเช่นนี้ท่านก็ต้องแสดงหลักฐาน หากท่านไม่มีหลักฐาน นั่นก็เป็นแค่การใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น!”ฉู่เนี่ยนซีจ้องไปที่เจี่ยงจาวอวิ๋น ‘นางใส่ร้ายป้ายสีด้วยคำโกหกคำโต ช่างน่านับถือเสียจริง!’“เห็นได้ชัดว่าเจ้ามีการติดต่อกับคนจากมณฑลตะวันตกอยู่บ่อยครั้ง แต่เจ้ากลับปิดบังเอาไว้ ข้าคิดว่าเจ้าเป็นนายของพวกเขาแน่!”เจี่ยงจาวอวิ๋นเคยได้ยินเรื่องโรงพนันหุยหุนมาจากจดหมายลับ ดังนั้นแรงผลักดันของนางยังคงไม่ลดลงในการเผชิญหน้ากับฉู่เนี่ยนซี และนางยังต้องการเอาชนะ ฉู่เนี่ยนซีอีกด้วยฉู่เนี่ยนซีค่อย ๆ นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ชายร่างใหญ่เจ็ดแปดคนที่มีรูปร่างกำยำและใบหน้าที่ดุดัน พอเห็นดังนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย อีกทั้งพวกเขานั่งอยู่ตั้งนานสองนานแต่ไม่สนใจเล่นพนันอะไรเลย ทว่ากลับเอาแต่ชวนนางเดิมพันอยู่หลายรอบยิ่งไป
เสียงของฉู่เนี่ยนซีสั่นเทา ดวงตาของนางก็แดงก่ำทันทีในขณะคุกเข่าและยืดตัวขึ้น“ข้าอนุญาต”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ฉู่เนี่ยนซีคุกเข่าและคลานไปช่วยให้มหาเสนาบดียืนขึ้น พลางกระซิบข้างหูเขาอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่เคยทำเช่นนั้น ท่านพ่อวางใจได้”มหาเสนาบดีฉู่เหลือบมองฉู่เนี่ยนซีอย่างไม่สบายใจ และความไว้วางใจในสายตาของเขาบอกนางว่าเขาไม่เคยสงสัยเลยว่านางจะทำเช่นนั้นไม่นานขันทีเฉินก็กลับมา เมื่อครู่องค์จักรพรรดิสั่งให้เขาไปถามสายลับเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเห็นในโรงพนันหุยหุน พวกสายลับอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนั้น ทำให้องค์จักรพรรดิยิ่งโกรธมากขึ้น เขาเม้มริมฝีปากแลดูอาฆาตอย่างไรก็ตาม พวกสายลับไม่เห็นการติดต่อเป็นการส่วนตัวระหว่างพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิในทันทีทว่าองค์จักรพรรดิก็สงสัยอีกครั้ง เพราะขมวดคิ้วอยู่บ่อยครั้งมาเป็นเวลานานจึงทำให้พื้นที่หว่างคิ้วของเขาย่นลึกลงไปอีก ทรงทอดพระเนตรไปยังเหล่าคนที่อยู่ในตำหนักแห่งนี้โดยที่ยากจะบอกได้ว่าใครกำลังโกหกปิดบัง“นี่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ข้าจะปักใจเชื่อเพราะเอาแต่ฟังความข้างเดียวไม่ได้ ฉู่เนี่ยนซี เ
ไม่คาดคิดว่าลูกชายที่เขาให้ค่าและเข้าใจเขาดีที่สุด จะลืมคำสอนที่เขามอบให้ไปจนหมดเพียงเพราะเห็นแก่สตรีที่อาจเป็นสายลับ บางทีการอภิเษกพระราชทานอาจเป็นหนึ่งในแผนก่อกบฏของฉู่เนี่ยนซีมาตั้งแต่แรกองค์จักรพรรดิทรงทอดพระเนตรเย่เฟยหลีอย่างเคร่งขรึมด้วยสายตาที่ผิดหวังเล็กน้อย แต่ครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกหมดหนทาง ลูกชายคนนี้เหมือนเขามากที่สุดจริง ๆ“เสด็จพ่อ ลูกรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสงสัยแปลก ๆ หากซีเอ๋อร์เป็นสายลับจากทางมณฑลตะวันตกจริง ลูกและสายลับจะไม่สามารถตรวจจับอะไรได้เลย เพราะในฐานะเจ้าของโรงพนันหุยหุนก็ควรจะดูแลแขกทุกคนที่เข้ามา”เย่เฟยหลีพูดอย่างมีเหตุผลโดยไม่ร้อนใจอย่างระมัดระวัง“นอกจากนี้ หากซีเอ๋อร์เป็นสายลับจากอีกฝั่ง เหตุใดนางถึงต้องการควบคุมโรคระบาดที่แม้แต่หมอหลวงทุกคนก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ และเหตุใดนางถึงเสนอแผนการเพื่อควบคุมน้ำท่วมแก่ลูกเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”ทันทีที่เย่เฟยหลีพูดจบ เจี่ยงจาวอวิ๋นก็พูดขึ้นทันที “แน่นอนว่าก็เพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจากผู้คน นางจะได้รวบรวมข่าวกรองได้มากขึ้น”“ชายาเหลียน ได้โปรดคิดก่อนพูด การใช้โรคระบาดและน้ำท่วมทำลายอาณาจักรรัตติกาลจะไม่เร็วกว่าการร
ทุกคนเห็นมหาเสนาบดีฉู่หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากถุงที่อยู่ในแขนเสื้อ ก่อนที่พวกเขาจะเห็นว่ามันคืออะไร ขันทีเฉินก็หยิบมันไปมอบให้องค์จักรพรรดิทุกคนสงสัยว่าอะไรทำให้มหาเสนาบดีฉู่รู้สึกมั่นใจได้เช่นนั้น?เย่เฟยหลีมองเห็นเพียงพู่สีแดงเท่านั้น แต่ประสาทสัมผัสของฉู่เนี่ยนซีดีมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า ดังนั้นเมื่อหมาเสนาบดีฉู่มอบมันให้ขันทีเฉิน นางจึงมองเห็นสิ่งนั้นได้ชัดเจนมันคือจี้หยกที่เป็นสีเขียวทั้งหมดและแกะสลักด้วยลวดลายอันประณีต“ฝ่าบาท นี่คือจี้หยกที่พระองค์ประทานให้ด้วยพระองค์เองในตอนนั้น กระหม่อมคิดว่าพระองค์คงจะทรงจำได้”แม้ว่าเสียงของมหาเสนาบดีฉู่จะแน่วแน่ แต่หากตั้งใจฟังให้ดีจะได้ยินเสียงที่สั่นเทาอยู่ในนั้นองค์จักรพรรดิหยิบจี้หยกขึ้นมาและรู้สึกตกใจมากจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง เขาพลิกมันซ้ำแล้วซ้ำอีก และมองดูอย่างตั้งใจหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่านี่คือสิ่งของในตอนนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนจากตกใจเป็นเสียใจ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสงสาร และสุดท้ายเปลี่ยนเป็นโกรธอารมณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ผสมปนเปกัน ทำให้ยากสำหรับเย่เฟยหลีที่จะบอกว่าเสด็จพ่อกำลังคิดอะไรอยู่“ที่แท้จี้หยกนี้ก็อยู่ที่เจ้าน
สายตาของทุกคนที่มองมาทำเอาฉู่เนี่ยนซีทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ เนื่องจากนางอยู่ใกล้เย่เฟยหลีมากที่สุด นางจึงพูดเพียงเสียงที่ทั้งสองคนได้ยิน “ไว้มีโอกาสข้าจะอธิบายให้ท่านฟัง”เมื่อนางเห็นคำเตือนในสายตาของมหาเสนาบดีฉู่ ฉู่เนี่ยนซีก็คุกเข่าลงในห้องโถงใหญ่ทันทีพลางพูดว่า “ในอดีตหม่อมฉันเผยใบหน้าปลอมให้คนอื่นเห็นและได้หลอกลวงเสด็จพ่อ โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”องค์จักรพรรดิตกตะลึงอยู่บนเก้าอี้มังกร เมื่อได้ยินเสียงของฉู่เนี่ยนซีเขาก็ได้สติกลับมา เขาสั่งให้ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้น โน้มตัวไปข้างหน้าและพยายามมองไปยังทุกรายละเอียดบนใบหน้านางให้ชัดเจนยิ่งขึ้นอย่างไม่วางตามีเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าดังอยู่ในใจของเขา ระหว่างที่ใจลอยนั้นเหมือนเห็นภาพทับซ้อนของสตรีนางนั้นผุดขึ้นมา พลางพึมพำอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีใครได้ยินชัดเจน“ความผิดฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิต้องได้รับโทษตามกฎหมาย เสด็จพ่อ ดูนาง...”“หุบปาก”เจี่ยงจาวอวิ๋นไม่พลาดโอกาสที่จะลงโทษฉู่เนี่ยนซี แต่ถูกกลับถูกองค์จักรพรรดิสั่งให้เงียบ นางจึงมองฉู่เนี่ยนซีด้วยความโกรธ นางไม่คาดคิดว่าสตรีสารเลวผู้นี้จะรักษาตัวเองได้จริงและมีผิวพรรณที่ดีเช่นนี้ ซ
“ฉู่เนี่ยนซีไม่ใช่บุตรของเจ้า แต่เป็นบุตรของนาง?!”นอกจากจะไม่เชื่อแล้ว จักรพรรดิยังรู้สึกตกใจและมีอารมณ์หลายอย่างผสมปนเปกันองค์จักรพรรดิทรงขมวดคิ้วและพูดซ้ำในสิ่งที่มหาเสนาบดีฉู่พูด จากนั้นก็นึกถึงรูปลักษณ์ของฉู่เนี่ยนซีอย่างพิจารณา ไม่แปลกใจที่เด็กสาวคนนี้จะดูเหมือนนางมาก ทุกการเคลื่อนไหวที่ทำก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนจะเป็นนาง ที่แท้ก็คือบุตรสาวของนางนี่เองเขาอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา เขาวางศอกขวาไว้บนขาขวาเพื่อรองรับร่างกายส่วนบนทั้งหมด“พ่ะย่ะค่ะ หลังจากที่นางให้กำเนิดซีเอ๋อร์ นางก็ประสบกับภาวะเลือดไหลไม่หยุด ก่อนที่นางจะจากไป นางก็ฝากซีเอ๋อร์และจี้หยกไว้ให้กับกระหม่อม”ดวงตาของมหาเสนาบดีฉู่พร่ามัว ราวกับว่าเขากลับไปสู่วันนั้นอีกครั้ง“มารดาผู้ให้กำเนิดซีเอ๋อร์เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของกระหม่อม ตามหลักแล้วนางควรเรียกกระหม่อมว่าลุง”เขาบีบมือแน่นแต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ ในใจนึกย้อนกลับไปถึงวันนั้นที่เขานั่งข้างเตียงพลางจับมือฉู่เคอ เขาทั้งกังวล กลัว เสียใจ และไม่กล้ายอมแพ้ แต่เพียงได้แค่เฝ้าดูชีวิตของนางค่อย ๆ จางหายไป ราวกับดอกไม้แห่งดวงตะวันที่ค่อย ๆ เหี่ยวเฉาและร่
ไม่มีใครรู้ว่ามีการพูดคุยกันเรื่องอะไรในตำหนัก ขันทีเฉินซึ่งเป็นผู้อาวุโศที่อยู่เคียงข้างองค์จักรพรรดิไม่อาจถามอะไรไม่ได้ ความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ถูกนี้ช่างบีบหัวใจเสียจริงฉู่เนี่ยนซีกลอกตา นางค่อย ๆ จัดการความคิดของตัวเอง นอกจากนี้ นางยังเข้าใจอย่างคร่าว ๆ ว่าคงจะมีเหตุการณ์ในอดีตที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ มหาเสนาบดีฉู่ และสตรีนางหนึ่งที่ดูคล้ายกับตัวนางมากแต่หากพวกเขาไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น นางก็จะไม่มีวันได้รู้มหาเสนาบดีฉู่คุกเข่าลงกับพื้น เขาไม่เสียใจที่องค์จักรพรรดิทรงกริ้วมาก หากมีโอกาสแม้แต่หนึ่งในหมื่นที่ฉู่เนี่ยนซีจะเข้าไปพัวพันกับความวุ่นวายและการนองเลือด มหาเสนาบดีฉู่ก็ยินดีที่จะปกป้องนางโดยไม่มีเงื่อนไข“ในตอนนั้นที่ฝ่าบาททรงประทานจี้หยกนี้ให้กับเคอเอ๋อร์ ทรงตรัสว่ามันจะเป็นเหมือนเหรียญทองที่ใช้หลีกเลี่ยงความตาย วันนี้กระหม่อมจะใช้เหรียญทองนี้เพื่อชดเชยความเจ็บปวดในอดีตพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากพูดจบ มหาเสนาบดีก็ก้มลงกับพื้นและไม่ลุกขึ้นยืนอยู่เป็นเวลานานองค์จักรพรรดิค่อย ๆ ทรงยิ้มเยาะ และในที่สุดเขาก็หัวเราะออกมา พลางมองจี้หยกในมือแล้วลูบลายที่แกะสลักด้วยตัวเองจี้หยกนี้
เมื่อฉู่เนี่ยนซีได้ยินคำสาบานของเย่เฟยหลี ความอบอุ่นก็เพิ่มขึ้นในหัวใจของนาง ตอนนี้นางและเขาไม่ใช่คู่รักกันจริง ๆ ด้วยซ้ำ แต่เขากลับยินดีเอาชีวิตตัวเองเป็นประกันเพียงเพื่อให้มั่นใจว่านางบริสุทธิ์“เหตุใดเจ้าถึงไม่รายงาน?! ฉู่เนี่ยนซีถูกสงสัยว่าเป็นศัตรูของแผ่นดิน แล้วเจ้าจะนั่งในตำแหน่งอ๋องได้นานแค่ไหน เจ้ารับรู้แต่ไม่รายงาน ช่างเป็นลูกชายที่แสนดีเสียจริง!”องค์จักรพรรดิในตอนนี้เป็นเหมือนเสือที่กำลังโกรธเกรี้ยว และบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอาฆาตนี้ก็ปกคลุมไปทั่วจนทำให้ทุกคนหวาดกลัว“เรื่องของฉู่เนี่ยนซียังไม่คลี่คลาย ดังนั้นนางจะต้องถูกส่งเข้าคุกเพื่อรอพิจารณาคดี”องค์จักรพรรดิมองโอรสที่มีค่าที่สุดของเขาด้วยความผิดหวังที่ยังคงฉายแววอยู่ในดวงตาของเขา “และเนื่องจากเย่เฟยหลีไม่ได้รายงานสิ่งที่รู้ จึงต้องถูกลิดรอนสิทธิ์ทั้งหมดในกองทัพ จงกลับไปสำนึกผิดที่จวน ทบทวนความผิดของตัวเองเบื้องหลังประตูที่ปิดสนิทและปล่อยให้เรื่องทั้งหมดเป็นหน้าที่ของอ๋องเหลียน”เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีมองหน้ากันและรู้ว่าองค์จักรพรรดิไม่ได้ทรงส่งเย่เฟยหลีเข้าคุกด้วยเพราะพระองค์คงยังไว้วางพระทัยในตัวเขาอยู่บ้าง ดัง