เมื่อฉู่เนี่ยนซีได้ยินคำสาบานของเย่เฟยหลี ความอบอุ่นก็เพิ่มขึ้นในหัวใจของนาง ตอนนี้นางและเขาไม่ใช่คู่รักกันจริง ๆ ด้วยซ้ำ แต่เขากลับยินดีเอาชีวิตตัวเองเป็นประกันเพียงเพื่อให้มั่นใจว่านางบริสุทธิ์“เหตุใดเจ้าถึงไม่รายงาน?! ฉู่เนี่ยนซีถูกสงสัยว่าเป็นศัตรูของแผ่นดิน แล้วเจ้าจะนั่งในตำแหน่งอ๋องได้นานแค่ไหน เจ้ารับรู้แต่ไม่รายงาน ช่างเป็นลูกชายที่แสนดีเสียจริง!”องค์จักรพรรดิในตอนนี้เป็นเหมือนเสือที่กำลังโกรธเกรี้ยว และบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอาฆาตนี้ก็ปกคลุมไปทั่วจนทำให้ทุกคนหวาดกลัว“เรื่องของฉู่เนี่ยนซียังไม่คลี่คลาย ดังนั้นนางจะต้องถูกส่งเข้าคุกเพื่อรอพิจารณาคดี”องค์จักรพรรดิมองโอรสที่มีค่าที่สุดของเขาด้วยความผิดหวังที่ยังคงฉายแววอยู่ในดวงตาของเขา “และเนื่องจากเย่เฟยหลีไม่ได้รายงานสิ่งที่รู้ จึงต้องถูกลิดรอนสิทธิ์ทั้งหมดในกองทัพ จงกลับไปสำนึกผิดที่จวน ทบทวนความผิดของตัวเองเบื้องหลังประตูที่ปิดสนิทและปล่อยให้เรื่องทั้งหมดเป็นหน้าที่ของอ๋องเหลียน”เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีมองหน้ากันและรู้ว่าองค์จักรพรรดิไม่ได้ทรงส่งเย่เฟยหลีเข้าคุกด้วยเพราะพระองค์คงยังไว้วางพระทัยในตัวเขาอยู่บ้าง ดัง
เขาบีบไหล่ของเย่ฉงเฉิงอย่างเคร่งขรึม และความจริงใจในดวงตาของเขาทำให้เย่ฉงเฉิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“น้องเจ็ด บางสิ่งข้าก็ตระหนักรู้เป็นอย่างดี หากยังไม่ชัดเจนพอ ข้าได้สาบานด้วยชีวิตของข้าที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางแล้ว และเจ้าต้องจำไว้ว่าในชีวิตนี้ คนที่จะเป็นพี่สะใภ้สามของเจ้ามีเพียงฉู่เนี่ยนซีเท่านั้น!”“ขอทีเถอะ” เย่เฟยหลีดึงมือของเขาออกแล้วกลับไปเป็นอ๋องหลีที่เย็นชา เขาก้าวขึ้นไปนั่งบนหลังด้วยสายตาที่แน่วแน่อย่างไม่ต้องสงสัยทหารที่แต่งตัวแตกต่างจากทหารคนอื่น ๆ มาหาเย่ฉงเฉิงและแสดงท่าทางเชื้อเชิญ “องค์บุรุษเจ็ด อย่าทำให้พวกกระหม่อมต้องลำบากใจเลย พวกกระหม่อมยังต้องปฏิบัติตามรับสั่ง เชิญท่านกลับไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อบุรุษคนนั้นเชิญเย่ฉงเฉิงออกจากฝูงชน และรักษาระยะห่างจากพวกเขาเล็กน้อย เขาพูดด้วยเสียงแผ่วเบาที่มีเพียงทั้งสองคนได้ยิน “กระหม่อมคือรองหัวหน้าโจวเหยี่ยน หากองค์บุรุษเจ็ดทรงมีเรื่องอะไร ท่านสามารถเชื่อใจกระหม่อมได้พ่ะย่ะค่ะ”เย่ฉงเฉิงมองโจวเหยี่ยนกลับไปรวมกลุ่ม เมื่อรู้ว่ามีคนของเย่เฟยหลีอยู่ที่นี่ เขาก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นเขาขึ้นหลังม้าหันกลับไปและ
ไทเฮาทรงประทับอยู่บนตั่งนุ่ม ๆ ซึ่งด้วยผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกสีดำแวววาว หลังจากที่องค์จักรพรรดิทรงทักทายและกล่าวสวัสดีแล้ว พระองค์ก็นั่งอีกด้านหนึ่ง แม่กับลูกชายนั่งหันหลังให้บริวาร และกำลังหารือกันเรื่องอ๋องหลีและชายาของเขา“องค์จักรพรรดิ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอาณาจักร หากฉู่เนี่ยนซี สตรีนางนั้นมีความสัมพันธ์กับต่างแดนจริง ๆ ท่านจะต้องจัดการอย่างรวดเร็วและหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้น”ไทเฮาทรงตรัสช้า ๆ พร้อมหลับตาพลางขมวดคิ้วเผยให้เห็นความรู้สึกไม่สบายใจ“เพียงแต่ว่าเราไม่พบหลักฐานชี้ชัดใดใดที่แสดงว่าฉู่เนี่ยนซีร่วมมือกับศัตรู ยิ่งไปกว่านั้น นางเป็นบุตรีของมหาเสนาบดี การเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวอาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง เรื่องนี้เสด็จแม่และลูกต้องคิดอย่างรอบคอบ”ในขณะนี้นางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงที่รออยู่ข้าง ๆ ไทเฮาก็รีบเข้ามา ลมเย็น ๆ ที่พัดเข้ามาทำให้ไทเฮาทรงลืมพระเนตร เมื่อเห็นว่านางดูไม่สุขุมก็รู้สึกไม่พอใจ “มีอะไร?!”“ทูลไทเฮา องค์หญิงฉางเล่อต้องการขอเข้าเฝ้าเพคะ”“หลิงเอ๋อร์?”ไทเฮาตกใจมากและรีบเชิญเย่หลิงเอ๋อร์เข้ามาในตำหนักอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกเป็นทุกข์มากเมื่อเห็นใบหน้าเล็
ไทเฮาดูเหมือนเหนื่อยล้า น้ำเสียงของนางฟังดูอ่อนแรงขึ้นมากเย่หลิงเอ๋อร์ไม่มีทางเลือกนอกจากโค้งคำนับและจากไปหลังจากออกจากประตูพระราชวัง เย่หลิงเอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์อันเย็นเยียบตกลงมาในดวงตาของนาง ทำให้อารมณ์ของนางดูแปลกไปมากแต่ไม่นานหลังจากกลับมาถึงตำหนักฉางหลิง เย่หลิงเอ๋อร์ก็มีอาการหัวใจวายและเป็นลมล้มลงกับพื้น หลานชุ่ยตกใจมากรีบตะโกนเรียกหาหมอหลวงทันที!เมื่อจักรพรรดิ ไทเฮา และฮองเฮามาถึง หมอหลวงได้ตรวจชีพจรให้นางแล้ว และกำลังจะออกจากพระราชวังเพื่อเขียนใบสั่งยา“หลิงเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?” จักรพรรดิถามอย่างเป็นกังวล“ทูลฝ่าบาท องค์หญิงฉางเล่อตากลมหนาวจึงทำให้มีไข้และเนื่องจากความเครียดจึงหมดสติไปพะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปสั่งยาให้เดี๋ยวนี้ เพียงแต่ไม่สามารถรับประกันได้ว่าองค์หญิงจะตื่นขึ้นมาเมื่อใด” หมอหลวงทำความเคารพก่อนจะตอบจักรพรรดิ“เป็นเวลาหลายปีแล้ว พวกเจ้ายังรักษาโรคของนางไม่หายอีกรึ แล้วข้าจะมีพวกเจ้าไว้ทำไมกัน?! หากหลิงเอ๋อร์เป็นอะไรไป หัวพวกเจ้าได้หลุดออกจากบ่าแน่!”เมื่อเห็นจักรพรรดิโกรธ หมอหลวงก็ตอบสนองอย่างสั่นเทาและรีบไปจัดเตรียมยาทันที
ฮองเฮาตกตะลึง นางได้ยินข่าวจากตำหนักเฟิงอี้ว่าฉู่เนี่ยนซีได้ฟื้นฟูคืนรูปลักษณ์เดิมของนางแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่านางจะดูเหมือนฉู่เคอมากขนาดนี้!แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลานสาวจะดูเหมือนป้านางระงับความตกใจ และรักษาความสงบและสง่าของฮองเฮาเอาไว้ และนั่งลงด้านข้างเพื่อดูว่าฉู่เนี่ยนซีจะมีวิธีรักษาใดบ้างหลังจากที่ฉู่เนี่ยนซีทำความสะอาดมือเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปหาเย่หลิงเอ๋อร์ เมื่อตรวจชีพจรให้เย่หลิงเอ๋อร์ ก็รู้สึกว่านางสกิดฝ่ามือของตน หัวใจของนางจึงกระตุกเล็กน้อย แล้วหันกลับไปทำความเคารพต่อจักรพรรดิและฮองเฮาก่อนจะทูลว่า “เสด็จพ่อเสด็จแม่โปรดออกไปรอที่ห้องโถงก่อนเถิดเพคะ ในนี้มีคนเยอะเกินไป องค์ต้องการอากาศบริสุทธิ์”จักรพรรดิมองหน้าฉู่เนี่ยนซี แสงเทียนสลัวกระทบใบหน้าของนาง ทำให้เห็นใบหน้าของนางชัดเจนมากขึ้นอีก แล้วภาพฉู่เคอที่คุกเข่าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาอยากจะพยุงนางขึ้นมา แต่ก็รู้สึกตัวขึ้นในไม่ช้า “เจ้ามีวิธีรักษาหรือไม่?”จักรพรรดิขมวดคิ้วถามฉู่เนี่ยนซี เขารู้ว่าฉู่เนี่ยนซีมีความสามารถแต่ก็ไม่ตั้งคำถามมากเกินไป“ลูกสามารถรักษาได้เพคะ”น้ำเสียงของนางบางเบาแต่หนักแน่น ฉู่เนี่ยน
หลังจากที่ขันทีเฉินปลุกจักรพรรดิและฮองเฮาขึ้นมา ฉู่เนี่ยนซีก็คุกเข่าลงและพูดด้วยความดีใจว่า "องค์หญิงฉางเล่อดีขึ้นแล้วเพคะ เพียงแค่ใช้ยาที่ลูกออกให้ค่อย ๆ ปรับสมดุล และไม่ทำกิจกรรมที่หนักจนเกินไป ก็จะหายดีเพคะ”“จะไม่หมดสติไปอีกใช่หรือไม่?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น จักรพรรดิก็มีความสุขมาก"เพคะ"เมื่อได้ยินคำตอบที่มั่นใจของฉู่เนี่ยนซี ฮองเฮาที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกไม่พอใจ นางทำได้เพียงกำหมัดในแขนเสื้อและแสร้งทำเป็นยินดี "หม่อมฉันขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาทด้วยเพคะ ขอให้องค์หญิงฉางเล่อพลานามัยแข็งแรง"“ขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาท ขอแสดงความยินดีกับองค์หญิงฉางเล่อ”คนอื่น ๆ ก็คุกเข่าลงและตะโกนขึ้นพร้อมกัน“ลุกขึ้นเถิด” องค์จักรพรรดิหันไปหาฉู่เนี่ยนซีและดูมีพลังมากยิ่งขึ้น “เจ้าอยู่ดูแลองค์หญิงฉางเล่อที่นี่อีกสักสองสามวันแล้วกัน”“น้อมรับคำสั่งเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าฮองเฮารออยู่ที่นี่ทั้งคืนแล้ว จึงให้กลับไปพักผ่อนโดยไม่ต้องเข้าทักทายนางสนม จากนั้นเขาก็ส่งคนไปที่พระตำหนักอันชิ่งเพื่อรายงานกับไทเฮา ล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินทางไป ท้องพระโรงฉู่เนี่ยนซีเขียนใบสั่งยาบำรุง เย่หลิงเอ๋อร์เกิดมาพร้อ
ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่ฉงเฉิงอย่างขอบคุณสายตานี้ทำให้เย่ฉงเฉิงอดสงสัยไม่ได้ว่านี่คือฉู่เนี่ยนซีที่หยิ่งผยองและชอบเถียงเขาคนนั้นหรือนางหันศีรษะมองออกไปข้างนอก เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้ามา จึงหยิบปากกาและกระดาษขึ้นมาวาดภาพจากความทรงจำ ฉู่เนี่ยนซียื่นภาพให้เย่ฉงเฉิงแล้วรีบกล่าวขึ้นว่า "นี่เป็นหนึ่งในคนของมณฑลตะวันตก ท่านไปหาอวี๋เป่ยและบอกให้พวกเขารีบตามหาคนกลุ่มนี้โดยเร็วที่สุด”ขณะที่เย่ฉงเฉิงเก็บภาพเหมือน หลานชุ่ยก็เข้ามาพร้อมยา เมื่อนางเห็นเขา ก็โน้มตัวลงโค้งคำนับและมอบยาให้ฉู่เนี่ยนซี“ในเมื่อท่านอายังพักฟื้นอยู่ งั้นข้าก็จะไม่รบกวน หากท่านอาตื่นแล้วก็บอกข้าด้วย”เย่ฉงเฉิงจงใจพูดให้หลานชุ่ยฟัง จากนั้นจึงออกจากวังไปพร้อมกับภาพวาดแต่เมื่อเขากำลังจะก้าวออกจากห้อง เขาก็ได้ยินเสียงคนข้างหลังกระซิบขอบคุณ เขาตกตะลึงและมีความคิดมากมายอยู่ครู่หนึ่ง แต่จากนั้นเขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติและยืดอกเดินออกจากห้องไปอีกด้านหนึ่ง จวนขององค์ชายหลีเงียบมากจนเกือบจะได้ยินเสียงใบไม้ร่วง เย่เฟยหลีกำลังเขียนพู่กันอยู่ในห้องอักษร ลายมือของเขามีความหนาและทรงพลัง แต่เขาไม่ได้ จดจ่ออยู่กับตัวอักษร หูของเ
นางทำเพียงเพื่อมิตรภาพระหว่างคนสองคนเท่านั้น ไม่ใช่เพื่ออยากได้รับรางวัลด้วยพระราชกฤษฎีกาของไทเฮา ผู้คุมยิ้มมากขึ้นเมื่อเห็นฉู่เนี่ยนซีแต่ฉู่เนี่ยนซียังคงสงบนิ่ง จึงทำให้ผู้คุมแอบสาปแช่งลับหลังว่านางช่างไม่รู้จักบุญคุณส้มเขียวหวานถูกส่งมาที่ตำหนักเฟิงอี้ เจี่ยงจาวอวิ๋นค่อย ๆ ลอกเปลือกออก ดึงไหมสีขาวที่อยู่บนนั้นออกแล้ววางลงตรงหน้าฮองเฮา“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงดูไม่มีความสุขเช่นนั้น? ตั้งแต่มาที่นี่ก็ดูไม่ผ่อนคลายเอาเสียเลย”ฮองเฮาวางหนังสือในมือลง ใช้เล็บสีแดงสดแบ่งส้มออกครึ่งหนึ่งก่อนจะใส่เข้าไปในปาก และถามเจี่ยงจาวอวิ๋นโดยไม่ละสายตาเจี่ยงจาวอวิ๋นกำลังเช็ดน้ำส้มบนมือด้วยผ้าเช็ดหน้า เมื่อนางได้ยินฮองเฮาถามสิ่งนี้ จึงรู้ตัวว่าตนเองซ่อนมันไม่มิดนางขยับตัวเบา ๆ ไปที่ด้านข้างของฮองเฮา นวดไหล่ของฮองเฮาและกล่าวขึ้นว่า "เสด็จแม่เพคะ เสด็จพ่อขังฉู่เนี่ยนซีไว้แบบนี้ แต่ไม่การเคลื่อนไหวใด ๆ เลย พระองค์ทรงคิดอะไรอยู่กันแน่เพคะ?"ฮองเฮาเงยหน้าขึ้น และสาวใช้ก็ถวายชา ฮองเฮารับมาก่อนจะส่ายหน้าแล้วเป่าชาร้อนเบา ๆ สร้อยไข่มุกสีทองบริสุทธิ์บนขมับขกระทบกับหูของนางเบา ๆ“ก็นั่นน่ะสิ ข้าคิดว่