“องค์ชายรอง เมื่อวานหม่อมฉันรอพระองค์ทั้งวัน แต่พระองค์ก็ไม่มาจับกุมฉู่เนี่ยนซีเลย ตอนแรกหม่อมฉันไม่เข้าใจเหตุผล แต่ในที่สุดหม่อมฉันก็พบว่าองค์ชายรองมีความคิดเป็นอื่นกับฉู่เนี่ยนซีแล้ว”ซ่างกวานเยียนจิบชาอย่างระมัดระวัง แต่ดวงตาของนางยังคงแสบจากไอร้อนด้วยความรู้สึกหงุดหงิด นางจึงวางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรง ทำให้ฝาชาหลุดออกจากถ้วยชาและหล่นลงไปกลิ้งวนรอบโต๊ะสองรอบ“องค์ชายรอง คิดว่าหม่อมฉันเดาไม่ออกหรือว่าพระองค์คิดอย่างไรกับฉู่เนี่ยนซี? หมอเทวดาเฮ่อหลานหนุนหลังฉู่เนี่ยนซี และคนที่หนุนหลังหมอเทวดาเฮ่อหลานก็คือหอการแพทย์ พระองค์อยากได้ฉู่เนี่ยนซี หวังในความรู้ด้านการแพทย์ของนาง จากนั้นก็จะได้ทำความรู้จักกับคนในหอการแพทย์”ซ่างกวานเยียนยืนตัวตรงแล้วเดินไปที่หน้าต่าง มีเพียงสายลมเย็น ๆ ที่เข้ามาเท่านั้นที่จะระงับความโกรธในใจของนางได้“หากจะใช่หรือไม่ใช่เช่นที่เจ้าคิดแล้วจะทำไม? ซ่างกวานเยียน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงได้มาจุ้นจ้านเรื่องของข้า?!”เย่เหลียนเหลือบมองนางและรู้สึกโกรธในใจซ่างกวานเยียนหันกลับมาจ้องเย่เหลียน เขาไม่ได้ปฏิเสธ ซึ่งเทียบเท่ากับการยอมรับ‘ฉู่เนี่ยนซี ฉู่เนี่ยนซีอ
เย่เหลียนทักทายฉู่เนี่ยนซีด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจ แต่เมื่อเห็นนางถอยหลังไปสองสามก้าว เขาก็สับสนอีกครั้ง“หากท่านอ๋องมีธุระอะไรก็ตรัสอยู่ตรงนั้นเถิดเพคะ คนอื่นมาเห็นจะได้ไม่เอาไปนินทา นอกจากนี้ ท่านอ๋องเหลียนทรงเรียกหม่อมฉันว่าน้องหญิงจะดีกว่า วันนี้หม่อมฉันมาเพียงเพราะอยากรู้ว่าข้อความในจดหมายของพระองค์หมายถึงสิ่งใดเท่านั้น!”ฉู่เนี่ยนซีมองเย่เหลียนอย่างเย็นชา หากเป็นเย่เฟยหลีนางก็จะมองอย่างเย็นชาเช่นกัน ทว่าก็ยังมีความอบอุ่นเจืออยู่ด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีกลับความอบอุ่นอยู่เลย“เนี่ยนซี เจ้า…” เย่เหลียนหยุดนิ่งเพราะความเฉยเมยของนาง แต่เขายังคงคิดว่านางกลัวจะทำร้ายจิตใจคนอื่นและกลัวการนินทาเท่านั้น “ไม่ต้องกังวล นอกจากคนของข้าแล้วจะไม่มีใครผ่านมาแน่นอน เนี่ยนซี แม้จะกลับถึงเมืองหลวงมาหลายวันแล้ว แต่ข้าก็ยังคิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเจ้าที่หนานหลินอยู่ทุกวัน”ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้ว ตอนที่อยู่หนานหลินนางไปอยู่กับเขาตอนไหน?“เนี่ยนซี ข้าว่าข้าคงตกหลุมรักเจ้าจริง ๆ ไม่เกี่ยวกับหน้าตาหรือภูมิหลังวงศ์ตระกูล ก้าวแรกของข้าหลังจากยับยั้งปัญหาน้ำท่วมก็คือการเดินไปหาเจ้า นี่เจ้ายังไม่รู้
ฉู่เนี่ยนซีกำลังยุ่งอยู่ที่โรงพนันหุยหุน และยังมีนักพนันคนหนึ่งที่สนใจและยืนกรานที่จะดึงฉู่เนี่ยนซีมาเล่นพนันด้วยฉู่เนี่ยนไม่ปฏิเสธ แต่เพียงเตือนว่าหากทุ่มเงินจนหมดตัวเข้ากระเป๋านางไปแล้วก็อย่าอาละวาดล้มโต๊ะทีหลังทันทีที่ฉู่เนี่ยนซีเริ่มเดิมพัน นางก็รู้สึกว่าเสียงที่เคยดังของโรงพนันหุยหุนนั้นเงียบกว่าปกติมากเมื่ออวี๋เป่ยเพิ่งวิ่งมาแจ้งให้นางทราบ ฉู่เนี่ยนซีก็เห็นเจี่ยงจาวอวิ๋นยืนอย่างภาคภูมิใจอยู่ไม่ไกล โดยมีทหารองครักษ์สองกลุ่มล้อมรอบโรงพนันหุยหุนอย่างแน่นหนาโรงพนันหุยหุนตกอยู่ในความเงียบเจี่ยงจาวอวิ๋นชูป้ายคำสั่งของจักรพรรดิไว้ในมือแล้วพูดกับทุกคน “เห็นป้ายคำสั่งก็เหมือนกับได้เห็นองค์จักรพรรดิ เอาคนมาคุมตัวเจ้าของโรงพนันผู้เป็นสายลับทรยศแผ่นดินนี้ไปเสีย!”ฉู่เนี่ยนซีรู้ว่าเจี่ยงจาวอวิ๋นต้องการเพียงนางเท่านั้น ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ นางจึงเป็นฝ่ายยืนขึ้นด้วยตัวเองหลังจากที่นางถูกเจี่ยงจาวอวิ๋นพาตัวไป อวี๋เป่ยก็ใช้วิชาตัวเบาบินข้ามชายคาและกำแพงอย่างรวดเร็ว ไปยังจวนมหาเสนาบดีเมื่อฮูหยินฉู่ได้ยินว่ามีองครักษ์พาตัวฉู่เนี่ยนซีไป นางก็ตกใจมากจนเกือบจะเป็นล
“เสด็จพ่อเพคะ ฉู่เนี่ยนซีได้ซ่อนความจริงของเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน นางไม่เพียงแต่เป็นเจ้าของโรงพนันหุยหุนเท่านั้น นางยังเป็นสายลับของมณฑลตะวันตกด้วย!”เจี่ยงจาวอวิ๋นที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ในวังชี้นิ้วเรียวไปยังฉู่เนี่ยนซีด้วยสีหน้าเหลืออดและโกรธเคือง“พระชายาเหลียน เมื่อพูดเช่นนี้ท่านก็ต้องแสดงหลักฐาน หากท่านไม่มีหลักฐาน นั่นก็เป็นแค่การใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น!”ฉู่เนี่ยนซีจ้องไปที่เจี่ยงจาวอวิ๋น ‘นางใส่ร้ายป้ายสีด้วยคำโกหกคำโต ช่างน่านับถือเสียจริง!’“เห็นได้ชัดว่าเจ้ามีการติดต่อกับคนจากมณฑลตะวันตกอยู่บ่อยครั้ง แต่เจ้ากลับปิดบังเอาไว้ ข้าคิดว่าเจ้าเป็นนายของพวกเขาแน่!”เจี่ยงจาวอวิ๋นเคยได้ยินเรื่องโรงพนันหุยหุนมาจากจดหมายลับ ดังนั้นแรงผลักดันของนางยังคงไม่ลดลงในการเผชิญหน้ากับฉู่เนี่ยนซี และนางยังต้องการเอาชนะ ฉู่เนี่ยนซีอีกด้วยฉู่เนี่ยนซีค่อย ๆ นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ชายร่างใหญ่เจ็ดแปดคนที่มีรูปร่างกำยำและใบหน้าที่ดุดัน พอเห็นดังนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย อีกทั้งพวกเขานั่งอยู่ตั้งนานสองนานแต่ไม่สนใจเล่นพนันอะไรเลย ทว่ากลับเอาแต่ชวนนางเดิมพันอยู่หลายรอบยิ่งไป
เสียงของฉู่เนี่ยนซีสั่นเทา ดวงตาของนางก็แดงก่ำทันทีในขณะคุกเข่าและยืดตัวขึ้น“ข้าอนุญาต”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ฉู่เนี่ยนซีคุกเข่าและคลานไปช่วยให้มหาเสนาบดียืนขึ้น พลางกระซิบข้างหูเขาอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่เคยทำเช่นนั้น ท่านพ่อวางใจได้”มหาเสนาบดีฉู่เหลือบมองฉู่เนี่ยนซีอย่างไม่สบายใจ และความไว้วางใจในสายตาของเขาบอกนางว่าเขาไม่เคยสงสัยเลยว่านางจะทำเช่นนั้นไม่นานขันทีเฉินก็กลับมา เมื่อครู่องค์จักรพรรดิสั่งให้เขาไปถามสายลับเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเห็นในโรงพนันหุยหุน พวกสายลับอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนั้น ทำให้องค์จักรพรรดิยิ่งโกรธมากขึ้น เขาเม้มริมฝีปากแลดูอาฆาตอย่างไรก็ตาม พวกสายลับไม่เห็นการติดต่อเป็นการส่วนตัวระหว่างพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิในทันทีทว่าองค์จักรพรรดิก็สงสัยอีกครั้ง เพราะขมวดคิ้วอยู่บ่อยครั้งมาเป็นเวลานานจึงทำให้พื้นที่หว่างคิ้วของเขาย่นลึกลงไปอีก ทรงทอดพระเนตรไปยังเหล่าคนที่อยู่ในตำหนักแห่งนี้โดยที่ยากจะบอกได้ว่าใครกำลังโกหกปิดบัง“นี่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ข้าจะปักใจเชื่อเพราะเอาแต่ฟังความข้างเดียวไม่ได้ ฉู่เนี่ยนซี เ
ไม่คาดคิดว่าลูกชายที่เขาให้ค่าและเข้าใจเขาดีที่สุด จะลืมคำสอนที่เขามอบให้ไปจนหมดเพียงเพราะเห็นแก่สตรีที่อาจเป็นสายลับ บางทีการอภิเษกพระราชทานอาจเป็นหนึ่งในแผนก่อกบฏของฉู่เนี่ยนซีมาตั้งแต่แรกองค์จักรพรรดิทรงทอดพระเนตรเย่เฟยหลีอย่างเคร่งขรึมด้วยสายตาที่ผิดหวังเล็กน้อย แต่ครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกหมดหนทาง ลูกชายคนนี้เหมือนเขามากที่สุดจริง ๆ“เสด็จพ่อ ลูกรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสงสัยแปลก ๆ หากซีเอ๋อร์เป็นสายลับจากทางมณฑลตะวันตกจริง ลูกและสายลับจะไม่สามารถตรวจจับอะไรได้เลย เพราะในฐานะเจ้าของโรงพนันหุยหุนก็ควรจะดูแลแขกทุกคนที่เข้ามา”เย่เฟยหลีพูดอย่างมีเหตุผลโดยไม่ร้อนใจอย่างระมัดระวัง“นอกจากนี้ หากซีเอ๋อร์เป็นสายลับจากอีกฝั่ง เหตุใดนางถึงต้องการควบคุมโรคระบาดที่แม้แต่หมอหลวงทุกคนก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ และเหตุใดนางถึงเสนอแผนการเพื่อควบคุมน้ำท่วมแก่ลูกเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”ทันทีที่เย่เฟยหลีพูดจบ เจี่ยงจาวอวิ๋นก็พูดขึ้นทันที “แน่นอนว่าก็เพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจากผู้คน นางจะได้รวบรวมข่าวกรองได้มากขึ้น”“ชายาเหลียน ได้โปรดคิดก่อนพูด การใช้โรคระบาดและน้ำท่วมทำลายอาณาจักรรัตติกาลจะไม่เร็วกว่าการร
ทุกคนเห็นมหาเสนาบดีฉู่หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากถุงที่อยู่ในแขนเสื้อ ก่อนที่พวกเขาจะเห็นว่ามันคืออะไร ขันทีเฉินก็หยิบมันไปมอบให้องค์จักรพรรดิทุกคนสงสัยว่าอะไรทำให้มหาเสนาบดีฉู่รู้สึกมั่นใจได้เช่นนั้น?เย่เฟยหลีมองเห็นเพียงพู่สีแดงเท่านั้น แต่ประสาทสัมผัสของฉู่เนี่ยนซีดีมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า ดังนั้นเมื่อหมาเสนาบดีฉู่มอบมันให้ขันทีเฉิน นางจึงมองเห็นสิ่งนั้นได้ชัดเจนมันคือจี้หยกที่เป็นสีเขียวทั้งหมดและแกะสลักด้วยลวดลายอันประณีต“ฝ่าบาท นี่คือจี้หยกที่พระองค์ประทานให้ด้วยพระองค์เองในตอนนั้น กระหม่อมคิดว่าพระองค์คงจะทรงจำได้”แม้ว่าเสียงของมหาเสนาบดีฉู่จะแน่วแน่ แต่หากตั้งใจฟังให้ดีจะได้ยินเสียงที่สั่นเทาอยู่ในนั้นองค์จักรพรรดิหยิบจี้หยกขึ้นมาและรู้สึกตกใจมากจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง เขาพลิกมันซ้ำแล้วซ้ำอีก และมองดูอย่างตั้งใจหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่านี่คือสิ่งของในตอนนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนจากตกใจเป็นเสียใจ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสงสาร และสุดท้ายเปลี่ยนเป็นโกรธอารมณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ผสมปนเปกัน ทำให้ยากสำหรับเย่เฟยหลีที่จะบอกว่าเสด็จพ่อกำลังคิดอะไรอยู่“ที่แท้จี้หยกนี้ก็อยู่ที่เจ้าน
สายตาของทุกคนที่มองมาทำเอาฉู่เนี่ยนซีทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ เนื่องจากนางอยู่ใกล้เย่เฟยหลีมากที่สุด นางจึงพูดเพียงเสียงที่ทั้งสองคนได้ยิน “ไว้มีโอกาสข้าจะอธิบายให้ท่านฟัง”เมื่อนางเห็นคำเตือนในสายตาของมหาเสนาบดีฉู่ ฉู่เนี่ยนซีก็คุกเข่าลงในห้องโถงใหญ่ทันทีพลางพูดว่า “ในอดีตหม่อมฉันเผยใบหน้าปลอมให้คนอื่นเห็นและได้หลอกลวงเสด็จพ่อ โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”องค์จักรพรรดิตกตะลึงอยู่บนเก้าอี้มังกร เมื่อได้ยินเสียงของฉู่เนี่ยนซีเขาก็ได้สติกลับมา เขาสั่งให้ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้น โน้มตัวไปข้างหน้าและพยายามมองไปยังทุกรายละเอียดบนใบหน้านางให้ชัดเจนยิ่งขึ้นอย่างไม่วางตามีเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าดังอยู่ในใจของเขา ระหว่างที่ใจลอยนั้นเหมือนเห็นภาพทับซ้อนของสตรีนางนั้นผุดขึ้นมา พลางพึมพำอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีใครได้ยินชัดเจน“ความผิดฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิต้องได้รับโทษตามกฎหมาย เสด็จพ่อ ดูนาง...”“หุบปาก”เจี่ยงจาวอวิ๋นไม่พลาดโอกาสที่จะลงโทษฉู่เนี่ยนซี แต่ถูกกลับถูกองค์จักรพรรดิสั่งให้เงียบ นางจึงมองฉู่เนี่ยนซีด้วยความโกรธ นางไม่คาดคิดว่าสตรีสารเลวผู้นี้จะรักษาตัวเองได้จริงและมีผิวพรรณที่ดีเช่นนี้ ซ