‘ปิ่นปักผมทองคำ?’นางโน้มตัวลงก่อนจะหยิบปิ่นปักผมทองคำขึ้นมาจากหญ้า ความสุขฉายวาบขึ้นในดวงตาของนาง‘ในเขตพระราชวังแห่งนี้ ผู้ที่มีปิ่นปักผมรูปนกหงษ์เพลิงคือฮองเฮาเพียงผู้เดียวเท่านั้น มาดูกันว่าวันนี้ท่านยังจะโต้แย้งอย่างไร?!’นางถือปิ่นปักผมทองคำไว้ในมือและเดินไปข้างหน้าองค์จักรพรรดิก่อนจะยื่นให้พระองค์“เสด็จพ่อ หม่อมฉันเก็บสิ่งนี้ได้ไม่ไกลจากที่นี่เพคะ”องค์จักรพรรดิหยิบปิ่นปักรูปนกหงษ์เพลิงขึ้นดู เขาค่อย ๆ กระชับฝ่ามือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “นี่เป็นของฮองเฮาใช่หรือไม่?”ฮองเฮาตื่นตระหนกมากและมองที่ปิ่นปักผมในมือขององค์จักรพรรดิองค์จักรพรรดิถือปิ่นปักผมรูปนกหงษ์เพลิงเดินเข้าไปใกล้ฮองเฮา ดวงตาแหลมคมดุจเหยี่ยวของเขาฉายความเย็นชา “ฮองเฮาจะไม่อธิบายอะไรหน่อยหรือ?”ฮองเฮาตัวสั่นและก้มศีรษะลงต่ำ นางหาเหตุผลมาโต้ตอบกลับไปไม่ได้เป็นเวลานานเย่เซวียนเล่อที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ นางมองไปที่องค์จักรพรรดิอย่างทำอะไรไม่ถูก“เสด็จพ่อ…” เห็นได้ชัดว่าเย่เซวียนเล่อต้องการช่วยมารดาของตนแก้ตัว แต่นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ดังนั้นจึงทำได้แค่ยืนร้อนรนฉู่เนี่ย
“องค์หญิงจะกลับแล้วหรือเพคะ?” เสียงของฉู่เนี่ยนซีไม่ได้ดังมาก แต่มันก็ปกคลุมเสียงทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์เสียงของนางโดดเด่นในความเงียบงัน“ข้า... ข้าอยากกลับแล้ว” เย่เซวียนเล่อรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และตอนนี้ใบหน้าของนางก็ซีดเผือด“องค์หญิง ท่านต้องการให้จักรพรรดิให้ความยุติธรรมกับท่านไม่ใช่หรือ?”ฉู่เนี่ยนซีค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้เย่เซวียนเล่อ และจับมือของนางไว้ด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว“หากองค์หญิงไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดถึงไม่รอดูก่อนละเพคะ?” ฉู่เนี่ยนซีแอบบีบมือเตือนเย่เซวียนเล่อเย่เซวียนเล่อรู้สึกมือชาและเย็นเยียบราวกับเหล็ก“ข้า... แค่... ไม่อยากร่วมสนุกแล้ว เสด็จพ่อ ลูกขอตัวลากลับก่อนนะเพคะ” เย่เซวียนเล่อรีบพูดขึ้นอย่างรนรานก่อนจะรีบจากไป “องค์หญิงห้าเคยบอกว่าเสด็จพ่อยังไม่ได้ตัดสินใจลงโทษให้ท่านไม่ใช่หรือ? เหตุใดไม่อยู่สืบสวนให้ชัดเจนก่อนล่ะเพคะ?” ฉู่เนี่ยนซีไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ นางเข้าไปขวางทางเย่เซวียนเล่อไว้ จู่ ๆ เย่เซวียนเล่อก็โกรธมากเมื่อเห็นใบหน้าที่อัปลักษณ์และไม่แยแสของฉู่เนี่ยนซี!“ข้าอยากกลับก็จะกลับ ใครอนุญาตให้เจ้ามาชี้นิ้วสั่งข้า? เจ้าเป็นแค่ชายา
ฮองเฮากลัวว่าฉู่เนี่ยนซีจะยังคงไม่ยอมความ และกลัวว่าองค์จักรพรรดิจะโกรธเย่เซวียนเล่อ ดังนั้นนางจึงรีบอธิบาย "เซวียนเล่อยังเด็ก บางทีก็พูดอะไรไปโดยไม่ทันได้คิด ดังนั้นจึงเกิดความขัดแย้งกับชายาหลี มันเป็นเพียงการโต้เถียงระหว่างเด็ก ๆ เท่านั้นเพคะ แถมเด็กคนนี้ก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว หวังว่าองค์จักรพรรดิจะเมตตาสงสารนางด้วยเพคะ!”"ข้าย่อมสงสารลูกสาวของข้าอยู่แล้ว แต่ในฐานะองค์หญิง นางมีความเย่อหยิ่งและเผด็จการ วันนี้ข้าจะให้ทหารพาเจ้าไปเขียนคำสำนึกผิดที่วัดชิงหลิง เพื่อทำให้จิตใจของเจ้าสงบลง! เจ้าจะกลับวังได้หลังจากคัดจบหนึ่งพันจบแล้วเท่านั้น และหลังจากกลับมาที่วัง เจ้าก็ต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียนกับแม่นม หากไม่ได้รับอนุญาติจากข้าก็ห้ามก้าวออกจากวังแม้แต่ก้าวเดียว!”“เสด็จพ่อ...ลูกไม่อยาก...”“ฝ่าบาทได้โปรดเห็นแก่ตระกูลของหม่อมฉันที่หลานชายของหม่อมฉันได้นำความรุ่งโรจน์มาสู่ประเทศด้วย ได้โปรดละเว้นโทษให้เล่อเอ๋อร์ด้วยเถิดเพคะ!”ฮองเฮารีบกล่าวขึ้น นางยอมแบกรับความผิดไว้แต่เพียงผู้เดียวดีกว่าปล่อยให้เย่เซวียนเล่อได้รับอันตราย“ข้าให้เกียรติเจ้ามามากพอแล้ว อย่าให้มันมากเกินไป!” องค์จักรพรรดิพูดด
“สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นความผิดของข้าเอง ในอนาคตมันจะไม่เกิดขึ้นอีก!”เย่เฟยหลีสังเกตเห็นว่าคนข้าง ๆ ร่างกายแข็งทื่อ จึงเปิดปากให้สัญญากับนางฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้นมองเย่เฟยหลีเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่แยแสพูดตามตรง นางไม่ได้โกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ขนาดนั้นแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่ดีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเย่เฟยหลีอยู่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่เย็นชาและดำมืดของเย่เฟยหลี ฉู่เนี่ยนซีก็รู้สึกราวกับว่าถูกปีศาจครอบงำ และเกือบจะตกลงไปในกระแสน้ำวน โดยไม่สามารถหลุดออกมาได้ฉู่เนี่ยนซีมองไปทางอื่นและกระแอมไอเบา ๆ ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า"ข้าหวังว่าในอนาคตระหว่างพวกเราจะมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง"ขณะที่พูด ฉู่เนี่ยนซีก็เงียบไปครู่หนึ่ง และมองตรงไปที่เย่เฟยหลีก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ "ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะระมัดระวังตำแหน่งชายาหลีของตัวเองอยู่เสมอ และเหตุการณ์กลับบ้านกลางดึกแบบเมื่อคืนจะไม่เกิดขึ้นอีก ในช่วงหนึ่งปีนี้ ข้าจะเป็นชายาหลีให้ดีที่สุด และจะไม่ทำให้ท่านต้องเสียหน้า!”น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกแยก ทำให้เย่เฟยหลีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ปกปิดมันไว้อย่างรว
ร่างหนึ่งสวมเสื้อผ้าสีดำ แขนเสื้อลายเมฆพลิ้วไหวสง่างามท่ามกลางสายลมหันหลังให้ฉู่เนี่ยนซีเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านหลัง นางจึงหันกลับมาอย่างช้า ๆ และเห็นดวงตาที่เย็นชาส่องแสงพร่างพราวน่าเกรงขามภายใต้แสงจันทร์ที่พร่ามัว แม้ดูสงบนิ่งแต่กลับซ่อนความคมคายเอาไว้เมื่อบวกกับใบหน้าที่ดูราวกับรูปปั้น ก็ยิ่งดูเร้าใจเป็นพิเศษ“เย่เฟยหลี?” ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยขณะเดียวกันก็สงสัยว่าผู้ชายคนนี้มาทำอะไรที่นี่ หรือว่าเขาไม่เชื่อสิ่งที่นางพูดจึงมาดูด้วยตาตัวเองอย่างนั้นหรือ?เย่เฟยหลีเห็นสีหน้าประหลาดของฉู่เนี่ยนซี และอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นด้วยความสุขเขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว สีหน้ากลับมาสงบตามเดิมและพูดขึ้นนิ่ง ๆ ว่า "ไปกันเถอะ"ฉู่เนี่ยนซีตอบรับโดยไม่ลังเลและเดินไปที่ด้านข้างของเย่เฟยหลีฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองข้างหลังเขาอย่างสงบ และสังเกตเห็นว่าองครักษ์กำลังมองมาที่พวกเขา ทันใดนั้นนางก็เข้าใจว่าเหตุใดเย่เฟยหลีถึงมารอนางอยู่ที่นี่‘เขาต้องการให้คนอื่นรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายหลีกับชายาหลีนั้นไม่ได้ขัดแย้งกันดังข่าวลือสินะ’‘เขาต้องการเปลี่ยนแปลงความคิดของทุกคน!’
เมื่อถูกฉู่เนี่ยนซีจ้องมอง เย่เฟยหลีก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีเลยแม้แต่น้อย เขามองลงไป และขนมดอกเหมยที่ติดอยู่ที่มุมปากของฉู่เนี่ยนซีก็ดึงดูดความสนใจของเขา“ท่านมองข้าทำไม? มีอะไรติดอยู่ที่หน้าข้าอย่างนั้นหรือ?”ขณะที่พูด ฉู่เนี่ยนซีก็สัมผัสใบหน้าตัวเอง แต่ก็ไม่เห็นอะไรเย่เฟยหลีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นท่าทางเงอะงะของฉู่เนี่ยนซี รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นจากดวงตาที่เย็นชาของเขาซึ่งน่าหลงใหลมากจนผู้คนไม่สามารถละสายตาไปได้"ท่าน ท่านจะทำอะไร?"ไม่รู้ว่าเหตุใดเย่เฟยหลีค่อย ๆ เดินเข้ามาหานาง ทำให้ฉู่เนี่ยนซีพูดติดอ่างระยะห่างเริ่มใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ และอีกนิดเดียวก็เกือบจะจูบริมฝีปากนางอยู่แล้ว‘ผู้ชายคนนี้จะทำเรื่องอย่างเมื่อวันก่อนอีกอย่างนั้นหรือ?’‘หากเป็นเช่นนั้น…’เข็มเงินสองสามเล่มก็ผุดขึ้นมาอยู่ในมือของนางฉู่เนี่ยนซีจ้องไปที่เย่เฟยหลีอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อเขาเข้ามาใกล้มากขึ้น หัวใจของนางก็เต้นเร็วขึ้นลมหายใจร้อนประสานกัน และบรรยากาศก็เริ่มคลุมเครือทันใดนั้น เสียงของเย่ฉงเฉิงก็ดังเข้ามา“พี่สาม! พี่สาม! ท่านอยู่หรือไม่?”เย่เฟยหลีทำราวกับไม่ได้ยินเสียงของเ
แต่...คนโง่เขลาผู้นี้มักจะหยิ่งยโสและไม่สนใจใคร ดังนั้นนางจึงไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือคนอย่างเขา“ท่านอยากรู้คุณสมบัติของสมุนไพรนี้ไปทำไมกันเพคะ?”แม้ว่าเขาไม่อยากบอกเหตุผล แต่เพื่อที่จะได้เข้าไปในหอการแพทย์โดยเร็วที่สุด เย่ฉงเฉิงจึงลังเลที่จะบอกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย้อนกลับไปเมื่อวันก่อนเย่ฉงเฉิงซึ่งมีอารมณ์แจ่มใสพอ ๆ กับสภาพอากาศของวันนั้นมาถึงหอการแพทย์ตั้งแต่เช้าตามปกติจะมีการต่อคิวที่ทางเข้าหอการแพทย์ตั้งแต่เช้าตรู่เย่ฉงเฉิงเดินไปที่หน้าคิวด้วยจิตใจเบิกบาน เขาเดินไปข้าง ๆ องครักษ์ที่ยืนต่อแถวคนแรก ก่อนจะโบกมือให้องครักษ์คนนั้นแล้วเดินเข้าไปแทนที่อย่างช้า ๆเย่ฉงเฉิงมองไปรอบ ๆ ดวงตาของเขาจับจ้องไปแผ่นหลังของร่าง ๆ หนึ่ง ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข และรีบวิ่งเข้าไป“ท่านผู้ดูแล ข้าอยากพบท่านหมอมหัศจรรย์ซานเซิง! ข้าอยากเป็นลูกศิษย์ของเขา! ท่านให้ข้าได้พบกับหมอมหัศจรรย์ซานเซิงด้วยเถิด!”ชายคนนั้นได้ยินเสียงใครบางคนจึงหันหลังกลับมาช้า ๆอวี๋ตงเหลือบมองเย่ฉงเฉิง และมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเรียบเฉยปกติท่านอ๋องเฉิงไม่เคารพนายหญิงเลยแม้แต่น้อย แถมยังพ
แพทย์หลวงรู้สึกเสียใจมาก ถึงพวกเขาจะพลิกหาในหนังสือ ก็คงไม่พบสิ่งที่เกี่ยวข้องกับยาสมุนไพรนี้“หรือว่า...ท่านอ๋องเฉิงจะลองไปถามชายาหลีดูดีไหมพะย่ะค่ะ!” จู่ ๆ แพทย์หลวงคนหนึ่งก็มีความคิดแวบเข้ามาก่อนจะเสนอกับเขา"ใช่แล้ว! ทักษะทางการแพทย์ของพระชายาหลีนั้นยอดเยี่ยมกว่าพวกเราที่นี่เสียอีก นางน่าทึ่งมากนะพะย่ะค่ะ!"“ใช่ ข้าน้อยเห็นด้วย! ความสามารถทางการแพทย์ของชายาหลีอาจสามารถตอบคำถามหนึ่งหรือสองข้อได้ หากท่านอ๋องเฉิงทรงถามกับชายาหลี นางย่อมสามารถไขข้อสงสัยนี้ได้อย่างแน่นอนพะย่ะค่ะ!”…… มีคนเปิดประเด็น คนอื่น ๆ จึงเริ่มเห็นด้วยทีละคน ทุกคนต่างชื่นชมชายาหลีว่านางเก่งกาจเพียงใด แม้ว่าเย่ฉงเฉิงจะไม่เห็นด้วยโดยสิ้นเชิง แถมยังดูหมิ่นฉู่เนี่ยนซีอยู่ในใจ แต่เพื่อที่จะได้เป็นลูกศิษย์ของหมอมหัศจรรย์ซานเซิง เขาก็ทำได้เพียงมาหานางอย่างไม่เต็มใจเย่ฉงเฉิงอธิบายเหตุผลกับนาง และเมื่อเห็นว่าฉู่เนี่ยนซียังคงดูไม่แยแส เขาก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล "ดังนั้น รีบบอกข้ามาเร็ว ๆ!"ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้นมาและมองตรงไปที่เย่ฉงเฉิงซึ่งกำลังหงุดหงิดเขาไม่มีท่าทางเหมือนคนมาขอความช่วยเหลือเลยสักนิด แต่ในสายต