“สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นความผิดของข้าเอง ในอนาคตมันจะไม่เกิดขึ้นอีก!”เย่เฟยหลีสังเกตเห็นว่าคนข้าง ๆ ร่างกายแข็งทื่อ จึงเปิดปากให้สัญญากับนางฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้นมองเย่เฟยหลีเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่แยแสพูดตามตรง นางไม่ได้โกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ขนาดนั้นแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่ดีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเย่เฟยหลีอยู่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่เย็นชาและดำมืดของเย่เฟยหลี ฉู่เนี่ยนซีก็รู้สึกราวกับว่าถูกปีศาจครอบงำ และเกือบจะตกลงไปในกระแสน้ำวน โดยไม่สามารถหลุดออกมาได้ฉู่เนี่ยนซีมองไปทางอื่นและกระแอมไอเบา ๆ ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า"ข้าหวังว่าในอนาคตระหว่างพวกเราจะมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง"ขณะที่พูด ฉู่เนี่ยนซีก็เงียบไปครู่หนึ่ง และมองตรงไปที่เย่เฟยหลีก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ "ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะระมัดระวังตำแหน่งชายาหลีของตัวเองอยู่เสมอ และเหตุการณ์กลับบ้านกลางดึกแบบเมื่อคืนจะไม่เกิดขึ้นอีก ในช่วงหนึ่งปีนี้ ข้าจะเป็นชายาหลีให้ดีที่สุด และจะไม่ทำให้ท่านต้องเสียหน้า!”น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกแยก ทำให้เย่เฟยหลีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ปกปิดมันไว้อย่างรว
ร่างหนึ่งสวมเสื้อผ้าสีดำ แขนเสื้อลายเมฆพลิ้วไหวสง่างามท่ามกลางสายลมหันหลังให้ฉู่เนี่ยนซีเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านหลัง นางจึงหันกลับมาอย่างช้า ๆ และเห็นดวงตาที่เย็นชาส่องแสงพร่างพราวน่าเกรงขามภายใต้แสงจันทร์ที่พร่ามัว แม้ดูสงบนิ่งแต่กลับซ่อนความคมคายเอาไว้เมื่อบวกกับใบหน้าที่ดูราวกับรูปปั้น ก็ยิ่งดูเร้าใจเป็นพิเศษ“เย่เฟยหลี?” ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยขณะเดียวกันก็สงสัยว่าผู้ชายคนนี้มาทำอะไรที่นี่ หรือว่าเขาไม่เชื่อสิ่งที่นางพูดจึงมาดูด้วยตาตัวเองอย่างนั้นหรือ?เย่เฟยหลีเห็นสีหน้าประหลาดของฉู่เนี่ยนซี และอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นด้วยความสุขเขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว สีหน้ากลับมาสงบตามเดิมและพูดขึ้นนิ่ง ๆ ว่า "ไปกันเถอะ"ฉู่เนี่ยนซีตอบรับโดยไม่ลังเลและเดินไปที่ด้านข้างของเย่เฟยหลีฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองข้างหลังเขาอย่างสงบ และสังเกตเห็นว่าองครักษ์กำลังมองมาที่พวกเขา ทันใดนั้นนางก็เข้าใจว่าเหตุใดเย่เฟยหลีถึงมารอนางอยู่ที่นี่‘เขาต้องการให้คนอื่นรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายหลีกับชายาหลีนั้นไม่ได้ขัดแย้งกันดังข่าวลือสินะ’‘เขาต้องการเปลี่ยนแปลงความคิดของทุกคน!’
เมื่อถูกฉู่เนี่ยนซีจ้องมอง เย่เฟยหลีก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีเลยแม้แต่น้อย เขามองลงไป และขนมดอกเหมยที่ติดอยู่ที่มุมปากของฉู่เนี่ยนซีก็ดึงดูดความสนใจของเขา“ท่านมองข้าทำไม? มีอะไรติดอยู่ที่หน้าข้าอย่างนั้นหรือ?”ขณะที่พูด ฉู่เนี่ยนซีก็สัมผัสใบหน้าตัวเอง แต่ก็ไม่เห็นอะไรเย่เฟยหลีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นท่าทางเงอะงะของฉู่เนี่ยนซี รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นจากดวงตาที่เย็นชาของเขาซึ่งน่าหลงใหลมากจนผู้คนไม่สามารถละสายตาไปได้"ท่าน ท่านจะทำอะไร?"ไม่รู้ว่าเหตุใดเย่เฟยหลีค่อย ๆ เดินเข้ามาหานาง ทำให้ฉู่เนี่ยนซีพูดติดอ่างระยะห่างเริ่มใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ และอีกนิดเดียวก็เกือบจะจูบริมฝีปากนางอยู่แล้ว‘ผู้ชายคนนี้จะทำเรื่องอย่างเมื่อวันก่อนอีกอย่างนั้นหรือ?’‘หากเป็นเช่นนั้น…’เข็มเงินสองสามเล่มก็ผุดขึ้นมาอยู่ในมือของนางฉู่เนี่ยนซีจ้องไปที่เย่เฟยหลีอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อเขาเข้ามาใกล้มากขึ้น หัวใจของนางก็เต้นเร็วขึ้นลมหายใจร้อนประสานกัน และบรรยากาศก็เริ่มคลุมเครือทันใดนั้น เสียงของเย่ฉงเฉิงก็ดังเข้ามา“พี่สาม! พี่สาม! ท่านอยู่หรือไม่?”เย่เฟยหลีทำราวกับไม่ได้ยินเสียงของเ
แต่...คนโง่เขลาผู้นี้มักจะหยิ่งยโสและไม่สนใจใคร ดังนั้นนางจึงไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือคนอย่างเขา“ท่านอยากรู้คุณสมบัติของสมุนไพรนี้ไปทำไมกันเพคะ?”แม้ว่าเขาไม่อยากบอกเหตุผล แต่เพื่อที่จะได้เข้าไปในหอการแพทย์โดยเร็วที่สุด เย่ฉงเฉิงจึงลังเลที่จะบอกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย้อนกลับไปเมื่อวันก่อนเย่ฉงเฉิงซึ่งมีอารมณ์แจ่มใสพอ ๆ กับสภาพอากาศของวันนั้นมาถึงหอการแพทย์ตั้งแต่เช้าตามปกติจะมีการต่อคิวที่ทางเข้าหอการแพทย์ตั้งแต่เช้าตรู่เย่ฉงเฉิงเดินไปที่หน้าคิวด้วยจิตใจเบิกบาน เขาเดินไปข้าง ๆ องครักษ์ที่ยืนต่อแถวคนแรก ก่อนจะโบกมือให้องครักษ์คนนั้นแล้วเดินเข้าไปแทนที่อย่างช้า ๆเย่ฉงเฉิงมองไปรอบ ๆ ดวงตาของเขาจับจ้องไปแผ่นหลังของร่าง ๆ หนึ่ง ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข และรีบวิ่งเข้าไป“ท่านผู้ดูแล ข้าอยากพบท่านหมอมหัศจรรย์ซานเซิง! ข้าอยากเป็นลูกศิษย์ของเขา! ท่านให้ข้าได้พบกับหมอมหัศจรรย์ซานเซิงด้วยเถิด!”ชายคนนั้นได้ยินเสียงใครบางคนจึงหันหลังกลับมาช้า ๆอวี๋ตงเหลือบมองเย่ฉงเฉิง และมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเรียบเฉยปกติท่านอ๋องเฉิงไม่เคารพนายหญิงเลยแม้แต่น้อย แถมยังพ
แพทย์หลวงรู้สึกเสียใจมาก ถึงพวกเขาจะพลิกหาในหนังสือ ก็คงไม่พบสิ่งที่เกี่ยวข้องกับยาสมุนไพรนี้“หรือว่า...ท่านอ๋องเฉิงจะลองไปถามชายาหลีดูดีไหมพะย่ะค่ะ!” จู่ ๆ แพทย์หลวงคนหนึ่งก็มีความคิดแวบเข้ามาก่อนจะเสนอกับเขา"ใช่แล้ว! ทักษะทางการแพทย์ของพระชายาหลีนั้นยอดเยี่ยมกว่าพวกเราที่นี่เสียอีก นางน่าทึ่งมากนะพะย่ะค่ะ!"“ใช่ ข้าน้อยเห็นด้วย! ความสามารถทางการแพทย์ของชายาหลีอาจสามารถตอบคำถามหนึ่งหรือสองข้อได้ หากท่านอ๋องเฉิงทรงถามกับชายาหลี นางย่อมสามารถไขข้อสงสัยนี้ได้อย่างแน่นอนพะย่ะค่ะ!”…… มีคนเปิดประเด็น คนอื่น ๆ จึงเริ่มเห็นด้วยทีละคน ทุกคนต่างชื่นชมชายาหลีว่านางเก่งกาจเพียงใด แม้ว่าเย่ฉงเฉิงจะไม่เห็นด้วยโดยสิ้นเชิง แถมยังดูหมิ่นฉู่เนี่ยนซีอยู่ในใจ แต่เพื่อที่จะได้เป็นลูกศิษย์ของหมอมหัศจรรย์ซานเซิง เขาก็ทำได้เพียงมาหานางอย่างไม่เต็มใจเย่ฉงเฉิงอธิบายเหตุผลกับนาง และเมื่อเห็นว่าฉู่เนี่ยนซียังคงดูไม่แยแส เขาก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล "ดังนั้น รีบบอกข้ามาเร็ว ๆ!"ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้นมาและมองตรงไปที่เย่ฉงเฉิงซึ่งกำลังหงุดหงิดเขาไม่มีท่าทางเหมือนคนมาขอความช่วยเหลือเลยสักนิด แต่ในสายต
เมื่อก่อนนางเข้าใจผิดคิดว่าคนที่ตามนางคือเย่เฟยหลีเสียอีกความรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นในใจของฉู่เนี่ยนซี และนางก็พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นฉู่เนี่ยนซีเงียบไป เย่ฉงเฉิงก็รู้สึกมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก“พูดไม่ออกแล้วล่ะสิ! เจ้า...”ขณะที่เย่ฉงเฉิงกำลังจะเยาะเย้ยนางต่อ จู่ ๆ ฉู่เนี่ยนซีก็ลุกขึ้นยืน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเย็นชาและไม่อดทน ดวงตาของนางน่ากลัว สิ่งนี้ทำให้เย่ฉงเฉิงพูดไม่ออกเมื่อฉู่เนี่ยนซีเห็นว่าเขาหยุดพูดแล้ว นางก็มองออกไปข้างนอก ดวงอาทิตย์อขึ้นสูงแล้ว นางไม่อยากต้องค้นหาพิษกู่ล่าช้า จึงค่อย ๆ กล่าวขึ้นว่า“อย่าให้หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์ส่งคนมาตามหม่อมฉันอีก!”เย่ฉงเฉิงกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดที่เขากลัวสตรีที่อัปลักษณ์และโหดร้ายผู้นี้!‘นางจะทรงพลังเท่าพี่สามได้อย่างไร?’‘ภาพลวงตา! มันต้องเป็นภาพลวงตาอย่างแน่นอน!’เย่ฉงเฉิงส่ายหน้า ปัดเป่าความวุ่นวายในใจ และจ้องมองนาง "เจ้าควรยับยั้งใจตัวเองจะดีกว่า!"ทันใดนั้นดวงตาของฉู่เนี่ยนซีก็มืดลงหลายเท่า มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น ซึ่งทำให้เย่ฉงเฉิงรู้สึกหนาวไปถึงกร
ฉู่เนี่ยนซีมองท่าทางที่สั่นเทาของเขาอย่างเหยียดหยามแล้วจึงเก็บเข็มเงินกลับคืนไป“หม่อมฉันขอตัวไปหอตำราก่อนนะเพคะ” ฉู่เนี่ยนซีโบกมือไปทางเย่เฟยหลี โดยไม่สนใจเย่ฉงเฉิง"อืม"เย่เฟยหลีพยักหน้าอย่างอ่อนโยน เขายังคงรู้สึกมีความสุขกับคำว่าสามีที่นางเรียกคำว่าสามีของนางนั้นโดนใจเขามาก! ดูเหมือนว่าในอนาคตเขาจะต้องพยายามให้มากขึ้นเสียแล้วหลังจากที่นางจากไป เย่ฉงเฉิงก็กอดสมุนไพรไว้อย่างโศกเศร้า“พี่สาม! ดูนางสิ! เหตุใดท่านถึงไม่ช่วยข้าเลย?!”ความนุ่มนวลในดวงตาของเย่เฟยหลีหายไปกลายเป็นเย็นชาขึ้นหลายเท่า “ข้าจะพูดอีกครั้ง นางเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า ในอนาคตหากพบนาง จงอย่าได้ล้ำเส้นอีก! อะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด อย่าให้ข้าต้องเตือน!”เดิมทีเสียงของเย่เฟยหลีนั้นทุ้มต่ำและเย็นชาอยู่แล้ว ยิ่งเขาพูดก็ยิ่งกดเสียงให้ต่ำลงเรื่อย ๆ ทำให้อากาศเบาบางลงจนคนฟังหายใจลำบากเย่ฉงเฉิงก็หายใจไม่ออกและแววตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาพยักหน้าอย่างสิ้นหวังเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจแล้ว เย่เฟยหลีมองเย่ฉงเฉิงอย่างไม่แยแสก่อนจะรีบจากไปขณะที่เขาจากไปแล้ว เย่คงเฉิงก็เหมือนกับปลาบนเขียงที่ในที่สุดก็ได้กลับลงน้
“ไทเฮาทรงให้ข้ารอ แต่ไม่ได้บอกให้ยืนรอนี่ คนที่เมตตาเช่นพระองค์ หากทรงรู้ว่าพวกเจ้าละเลยข้า พระองค์คงต้องตำหนิพวกเจ้าแน่” ฉู่เนี่ยนซีทำราวกับว่าตัวเองกำลังเอ่ยคำพูดรื่นหูให้พวกนางฟัง แม้จะไม่อยากฟังแต่ก็ทำไม่ได้ อย่างไรเสีย นางผู้นี้ไม่ใช่บุคคลที่จะล้อเล่นด้วยได้ ในเมื่อไม่มีทางเลือก นางกำนัลอาวุโสจึงทำได้เพียงตะโกนเรียกองครักษ์ที่อยู่ด้านข้างให้นำเก้าอี้เข้ามา เมื่อเห็นนางนั่งลงสบาย ๆ อย่างสง่างาม คิดว่านางคงจะลงไปได้แล้ว แต่จู่ ๆ ฉู่เนี่ยนซีก็หยิบป้ายคำสั่งที่องค์จักรพรรดิมอบให้ออกมา จากนั้นก็ชี้ไปที่องครักษ์แล้วพูดเนิบ ๆ “ไปที่หอตำราหลวงแล้วนำตำรามาด้วย ข้าอยากอ่านตำรา!” องครักษ์ที่ได้รับคำสั่งมองนางกำนัลอาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ ฉู่เนี่ยนซีอย่างระมัดระวัง พลางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “อะไร? นี่ข้าจะสั่งให้เจ้าทำอะไรก็ต้องขออนุญาตนางกำนัลอาวุโสก่อนเช่นนั้นหรือ?” ทันใดนั้นนางก็ส่งเสียงแสดงความไม่พอใจ อีกทั้งยังทำสีหน้าเคร่งขรึมเยือกเย็น “กระหม่อมมิกล้า! กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!” หลังจากชาหมดถ้วย องค์รักษ์ก็ถือกองตำรามาและวางลงเบา ๆ เมื่อฉู่เนี่ยนซีเห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปาก