Share

บทที่ 239

Author: ชาผลไม้
เมื่อก่อนนางเข้าใจผิดคิดว่าคนที่ตามนางคือเย่เฟยหลีเสียอีก

ความรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นในใจของฉู่เนี่ยนซี และนางก็พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง

เมื่อเห็นฉู่เนี่ยนซีเงียบไป เย่ฉงเฉิงก็รู้สึกมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก

“พูดไม่ออกแล้วล่ะสิ! เจ้า...”

ขณะที่เย่ฉงเฉิงกำลังจะเยาะเย้ยนางต่อ จู่ ๆ ฉู่เนี่ยนซีก็ลุกขึ้นยืน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเย็นชาและไม่อดทน ดวงตาของนางน่ากลัว สิ่งนี้ทำให้เย่ฉงเฉิงพูดไม่ออก

เมื่อฉู่เนี่ยนซีเห็นว่าเขาหยุดพูดแล้ว นางก็มองออกไปข้างนอก ดวงอาทิตย์อขึ้นสูงแล้ว นางไม่อยากต้องค้นหาพิษกู่ล่าช้า จึงค่อย ๆ กล่าวขึ้นว่า

“อย่าให้หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์ส่งคนมาตามหม่อมฉันอีก!”

เย่ฉงเฉิงกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดที่เขากลัวสตรีที่อัปลักษณ์และโหดร้ายผู้นี้!

‘นางจะทรงพลังเท่าพี่สามได้อย่างไร?’

‘ภาพลวงตา! มันต้องเป็นภาพลวงตาอย่างแน่นอน!’

เย่ฉงเฉิงส่ายหน้า ปัดเป่าความวุ่นวายในใจ และจ้องมองนาง "เจ้าควรยับยั้งใจตัวเองจะดีกว่า!"

ทันใดนั้นดวงตาของฉู่เนี่ยนซีก็มืดลงหลายเท่า มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น ซึ่งทำให้เย่ฉงเฉิงรู้สึกหนาวไปถึงกร
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
บัวครอง ดวงแก้ว
อ่านมาตั้งนานคะแนนอยู่ไหนนะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 240

    ฉู่เนี่ยนซีมองท่าทางที่สั่นเทาของเขาอย่างเหยียดหยามแล้วจึงเก็บเข็มเงินกลับคืนไป“หม่อมฉันขอตัวไปหอตำราก่อนนะเพคะ” ฉู่เนี่ยนซีโบกมือไปทางเย่เฟยหลี โดยไม่สนใจเย่ฉงเฉิง"อืม"เย่เฟยหลีพยักหน้าอย่างอ่อนโยน เขายังคงรู้สึกมีความสุขกับคำว่าสามีที่นางเรียกคำว่าสามีของนางนั้นโดนใจเขามาก! ดูเหมือนว่าในอนาคตเขาจะต้องพยายามให้มากขึ้นเสียแล้วหลังจากที่นางจากไป เย่ฉงเฉิงก็กอดสมุนไพรไว้อย่างโศกเศร้า“พี่สาม! ดูนางสิ! เหตุใดท่านถึงไม่ช่วยข้าเลย?!”ความนุ่มนวลในดวงตาของเย่เฟยหลีหายไปกลายเป็นเย็นชาขึ้นหลายเท่า “ข้าจะพูดอีกครั้ง นางเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า ในอนาคตหากพบนาง จงอย่าได้ล้ำเส้นอีก! อะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด อย่าให้ข้าต้องเตือน!”เดิมทีเสียงของเย่เฟยหลีนั้นทุ้มต่ำและเย็นชาอยู่แล้ว ยิ่งเขาพูดก็ยิ่งกดเสียงให้ต่ำลงเรื่อย ๆ ทำให้อากาศเบาบางลงจนคนฟังหายใจลำบากเย่ฉงเฉิงก็หายใจไม่ออกและแววตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาพยักหน้าอย่างสิ้นหวังเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจแล้ว เย่เฟยหลีมองเย่ฉงเฉิงอย่างไม่แยแสก่อนจะรีบจากไปขณะที่เขาจากไปแล้ว เย่คงเฉิงก็เหมือนกับปลาบนเขียงที่ในที่สุดก็ได้กลับลงน้

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 241

    “ไทเฮาทรงให้ข้ารอ แต่ไม่ได้บอกให้ยืนรอนี่ คนที่เมตตาเช่นพระองค์ หากทรงรู้ว่าพวกเจ้าละเลยข้า พระองค์คงต้องตำหนิพวกเจ้าแน่” ฉู่เนี่ยนซีทำราวกับว่าตัวเองกำลังเอ่ยคำพูดรื่นหูให้พวกนางฟัง แม้จะไม่อยากฟังแต่ก็ทำไม่ได้ อย่างไรเสีย นางผู้นี้ไม่ใช่บุคคลที่จะล้อเล่นด้วยได้ ในเมื่อไม่มีทางเลือก นางกำนัลอาวุโสจึงทำได้เพียงตะโกนเรียกองครักษ์ที่อยู่ด้านข้างให้นำเก้าอี้เข้ามา เมื่อเห็นนางนั่งลงสบาย ๆ อย่างสง่างาม คิดว่านางคงจะลงไปได้แล้ว แต่จู่ ๆ ฉู่เนี่ยนซีก็หยิบป้ายคำสั่งที่องค์จักรพรรดิมอบให้ออกมา จากนั้นก็ชี้ไปที่องครักษ์แล้วพูดเนิบ ๆ “ไปที่หอตำราหลวงแล้วนำตำรามาด้วย ข้าอยากอ่านตำรา!” องครักษ์ที่ได้รับคำสั่งมองนางกำนัลอาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ ฉู่เนี่ยนซีอย่างระมัดระวัง พลางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “อะไร? นี่ข้าจะสั่งให้เจ้าทำอะไรก็ต้องขออนุญาตนางกำนัลอาวุโสก่อนเช่นนั้นหรือ?” ทันใดนั้นนางก็ส่งเสียงแสดงความไม่พอใจ อีกทั้งยังทำสีหน้าเคร่งขรึมเยือกเย็น “กระหม่อมมิกล้า! กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!” หลังจากชาหมดถ้วย องค์รักษ์ก็ถือกองตำรามาและวางลงเบา ๆ เมื่อฉู่เนี่ยนซีเห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปาก

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 242

    ฉู่เนี่ยนซีมองไปยังนางกำนัลอาวุโสที่เดินจากไป พลางยิ้มมุมปากขึ้นอย่างช้า ๆ ‘หึ! แค่สองชั่วยามก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ? อีกทั้งยังจะหาทางใช้อำนาจมาข่มนางอีก? น่าขันนัก!’ หลังจากนั้นไม่นาน นางกำนัลอาวุโสก็เดินออกมาอีกครั้งและโค้งตัวให้ฉู่เนี่ยนซี “ไทเฮาทรงตื่นแล้ว พระชายาหลีโปรดเข้าไปตอบคำถามพระองค์ด้วยเพคะ!”“พระองค์ตื่นแล้วหรือ? เช่นนั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ!” ฉู่เนี่ยนซีปกปิดแววตาของตัวเอง แต่สีหน้าของนางยังคงเหมือนเดิม จากนั้นก็วางตำราลงบนโต๊ะเล็ก ๆ ยืนขึ้นยืดตัวพลางมองขันทีและนางกำนัลที่อยู่ด้านข้าง แล้วพูดเบา ๆ ว่า “พวกเจ้าอย่าลืมเอาตำราทั้งหมดกลับเข้าไปคืนที่หอตำราด้วย” พูดจบ ฉู่เนี่ยนซีก็เดินตามนางกำนัลอาวุโสเข้าไปในห้อง โดยทิ้งกลุ่มคนรับใช้ไว้พลางสูดลมหายใจลึก ทันทีที่ฉู่เนี่ยนเข้ามา ก็เห็นไทเฮาประทับอยู่บนเก้าอี้ไม้ไท่ชือกำลังดื่มชา โดยมีซุนจื่อซีอยู่ข้าง ๆ พลางพูดคุยหัวเราะสนุกสนาน ‘หึ! คนที่เพิ่งตื่นนอนเขาอยู่ในสภาพนี้กันหรือ? นี่ไม่แม้แต่จะแสร้งทำเป็นเหมือนเพิ่งตื่นด้วยซ้ำรึ?’ “ถวายบังคมไทเฮาเพคะ!” ฉู่เนี่ยนซีโค้งคำนับแล้วลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม ไทเฮาหยุดหัวเราะ ใบหน้า

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 243

    “น่าเสียดายที่คนมีความสามารถโดดเด่นเช่นนั้นคงมีน้อยมาก ข้ารู้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น” ฉู่เนี่ยนซียิ้มเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไร คาดเดาบางอย่างในใจอย่างคลุมเครือ ไทเฮาทรงเรียกนางมาที่นี่เป็นพิเศษ หลังจากใช้อำนาจกดขี่นางแล้ว ก็ตรัสเรื่องของซุนจื่อซีต่อ คนที่นางรักและเอ็นดูจะแต่งงาน แต่กลับมาถามความเห็นกับคนที่เกลียด คงมีจุดประสงค์อะไรอยู่แน่... “ข้าคิดว่าหากเป็นหลีเอ๋อร็คงไม่เลว” ขณะที่พูด ดวงตาของไทเฮาก็คมกริบราวกับมีดที่พุ่งตรงไปยังฉู่เนี่ยนซี ท่าทีของฉู่เนี่ยนซียังคงเหมือนเดิมพลางเยาะเย้ยในใจ ‘นั่นไงเล่า!’ ไม่แปลกใจที่ไทเฮาทรงไม่ชอบนางแต่แรก อีกทั้งรังเกียจนางด้วยซ้ำ ที่แท้ก็เพราะเย่เฟยหลีเป็นคนที่ไทเฮาทรงได้เลือกไว้เป็นสามีของซุนจื่อซีผู้เป็นที่รักของนางมาตั้งนานแล้ว อีกทั้งองค์จักรพรรดิทรงสัญญาว่าจะให้นางเป็นชายาเอกของเย่เฟยหลี ในหัวใจของไทเฮา ฉู่เนี่ยนซีจึงกลายเป็นก้างขวางคอไปโดยปริยาย! ฉู่เนี่ยนซียังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าพลางพยักหน้า “ท่านอ๋องก็เป็นคนเช่นนั้นจริง ๆ เพคะ” “ในเมื่อเจ้าเห็นด้วย ก็ให้ซีเอ๋อร์แต่งงานกับหลีเอ๋อร์เถิด ภายภาคหน้า เราจะต้องรักใคร่กลมเกลียวกันไว

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 244

    หลังจากได้ยินคำพูดของไทเฮา จู่ ๆ ดวงตาของฉู่เนี่ยนซีก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา พลางมองไทเฮาอย่างไม่เกรงกลัว จากนั้นเสียงเย็นชาก็ออกมาจากปากของนาง “หากพระองค์ทรงไม่พอพระทัยอะไรหม่อมฉัน ก็ทรงแจ้งกับองค์จักรพรรดิให้ปลดหม่อมฉันออกจากตำแหน่งพระชายาเถอะเพคะ อีกอย่าง พระองค์ก็ทรงเรียกท่านอ๋องให้มาหย่ากับหม่อมฉันก็ได้! หรือไม่เช่นนั้น ก็ทรงให้องค์จักรพรรดิกับบิดามารดาของหม่อมฉันลงความเห็นร่วมกันว่าเราสองคนควรจะหย่ากันก็ได้หมดเลยเพคะ! ตอนนี้คนที่ไทเฮาควรจะเสด็จไปพบไม่ใช่หม่อมฉัน แต่เป็นองค์จักรพรรดิกับเย่เฟยหลีสิเพคะ!” “บังอาจ!” ไทเฮามองฉู่เนี่ยนซีใกล้ ๆ ร่างกายของนางสั่นสะท้านด้วยความโกรธ พลางกุมหน้าอกตัวเองในทันทีและระบายความโกรธออกมาเฮือกใหญ่ “เสด็จย่า โปรดทรงสงบสติอารมณ์และอย่าปล่อยให้ความโกรธมาทำร้ายร่างกายของพระองค์นะเพคะ ซีเอ๋อร์ไม่ต้องการแต่งงานกับใครเลย! ซีเอ๋อร์แค่อยากอยู่ข้าง ๆ เสด็จย่าเพคะ!” ซุนจื่อซีลูบหลังของไทเฮา พลางทำให้นางสงบลงด้วยสีหน้ากังวล “เสด็จย่า พระชายาหลีคงไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เสด็จย่าขุ่นเคือง นางรักท่านอ๋องหลีมาก จึงพูดไม่ดีอยู่สักหน่อย ทรงอย่ากริ้วเลยเพคะ ทั้งหมดเ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 245

    ด้วยความช่วยเหลือจากแสงเทียน ทันใดนั้นฉู่เนี่ยนซีก็รู้สึกหวาดกลัว ‘งูพิษหรือ? ทั้งยังไม่ได้มีเพียงชนิดเดียวด้วย ยืนยันได้อย่างหนึ่งว่าถึงแม้งูพวกนี้จะมีพิษร้ายแรงแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะปรากฏตัวในที่ที่มีคนพร้อม ๆ กัน และโจมตีคนตามใจชอบ เหตุใดจู่ ๆ พวกมันถึงมาปรากฏตัวที่นี่?’ เมื่อฉู๋เนี่ยนซีมองไปยังพวกมัน ดวงตาสีแดงสดของงูพวกนั้นก็จ้องมาที่ฉู่เนี่ยนซีราวกับกำลังรอโอกาส เมื่อใดก็ตามที่นางขยับ มันจะอ้าปากสีแดงสดและพุ่งเข้าโจมตีทันที แม้ฉู่เนี่ยนซีจะได้รับพลังจากห้วงว่างเปล่าและร่างกายของนางก็คงกระพันต่อพิษทั้งหมดอยู่แล้ว แต่การถูกงูจำนวนมากกัดนั้นก็ทำให้เกิดเจ็บปวดมากเสียจนอาจทำให้นางแตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้ เมื่อคิดถึงความเจ็บปวดเช่นนั้น ฉู่เนี่ยนซีก็ระมัดระวังมากขึ้น เวลาที่สองฝ่ายเผชิญหน้ากัน มักจะมีฝ่ายหนึ่งที่ไม่สามารถอยู่เฉยได้ นางพบว่างูเห่าตัวหนึ่งลักษณะหัวรูปไข่ มีลายแถบตาสีขาวที่หลังคอ และลำตัวสีน้ำตาลเข้มชูคอขึ้นมาทันที ลายแถบตาบนหลังของมันชัดเจนมาก ปากของมันอ้ากว้าง พลางแลบลิ้นสีแดงสดออกมา และส่งเสียง ‘ฟ่อ’ ในเวลาเดียวกัน ทันใดนั้น งูเห่าตัวนั้นก็เลื้อยมาทางฉู่เ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 246

    เมื่อเย่เฟยหลีเห็นงูพิษเลื้อยวนอยู่ทั่วพื้น เขาก็รู้สึกเครียดขึ้นมา ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล เพราะกลัวว่าฉู่เนี่ยนซีจะได้รับบาดเจ็บ เห็นนางยืนอยู่อีกฝั่งด้วยท่าทางที่ดูจริงจัง เม็ดเหงื่อผุดพรายบนหน้าผาก “เกิดอะไรขึ้น?” ริมฝีปากบางของเย่เฟยหลีเอ่ยถามอย่างเย็นชา “ตอนที่ข้ากำลังจะออกไปพบว่าประตูถูกล็อค แล้วก็เห็นงูพิษพวกนี้เลื้อยเข้ามา ท่านระวังตัวด้วย!” ฉู่เนี่ยนซีอธิบายง่าย ๆ โดยไม่ลืมเตือนเขา งูพิษไม่สนใจความคิดของคนสองคน เนื่องจากเสียงดังที่เย่เฟยหลีทำ งูพิษจึงตกใจ และแต่ละตัวก็เข้าโจมตีทั้งสอง แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เย่เฟยหลีรู้สึกอ่อนแอด้วยเหตุผลบางอย่างและเป็นการยากมากที่จะยกมือขึ้น เขาต้องอาศัยความพยายามอย่างมากในการถ่างตาเอาไว้ พวกเขาสองคนไม่รู้ว่าอากาศโดยรอบถูกโรยด้วยพิษสลายเส้นเอ็น ซึ่งไม่มีสีและไม่มีกลิ่น ฉู่เนี่ยนซีที่มีภูมิต้านทานต่อพิษทั้งหมดจึงไม่รู้สึก แต่คนอื่น ๆ นั้นกลับทนไม่ได้ เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติกับคนที่อยู่ข้างกาย ฉู่เนี่ยนซีจึงจับข้อมือของเย่เฟยหลีเพื่อตรวจชีพจรขณะจัดการกับงูพิษ หลังจากบดขยี้งูพิษจนตาย กลุ่มงูพิษก็ค่อย ๆ สงบลง แต่ล

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 247

    เมื่อมองไปยังเย่เฟยหลีที่นิ่งเฉยด้วยความสับสนเล็กน้อย ฉู่เนี่ยนซีก็บ่นในใจ เกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้? หรือเขาจะถูกงูพิษกัดตอนที่นางออกไปข้างนอก? เมื่อเห็นใบหน้าที่ค่อนข้างซีดเซียวของเย่เฟยหลีและมีเหงื่อบาง ๆ อยุ่บนหน้าผากของเขา ฉู่เนี่ยนซีก็ยืนยันความคิดของตัวเองทันทีและรีบตรวจสอบว่าเขามีอาการบาดเจ็บบนร่างกายบ้างหรือไม่ เมื่อคว้ามือที่กำลังทำรุ่มร่ามของฉู่เนี่ยนซี เย่เฟยหลีก็จ้องมองนางอย่างใกล้ชิด “เจ้าจะทำอะไร?” น้ำเสียงเย็นชาของมีความเคอะเขินแฝงอยู่ในที “ข้าคิดว่าท่านถูกงูพิษกัด ข้ากังวลก็เลย... นี่ อย่าเข้าใจผิดนะ!” เมื่อปล่อยมือนาง เย่เฟยหลีก็เม้มปากบาง ความเยือกเย็นในดวงตาของเขาจางลงเล็กน้อย และรังสีแห่งความนุ่มนวลก็เอ่อล้นออกมา “ข้าไม่ได้ถูกกัด” แสงจันทร์ช่างน่ารื่นรมย์ และสายลมก็พัดผ่านผมปลิวไสว ภายใต้แสงจันทร์สลัว ทั้งสองมองหน้ากัน หัวใจของพวกเขาปะทะกันท่ามกลางความว่างเปล่า และบรรยากาศก็เริ่มคลุมเครือขึ้นมา ด้วยความรู้สึกของเขาที่มี เย่เฟยหลีจึงก้าวไปข้างหน้าและค่อย ๆ ก้มศีรษะลงราวกับต้องมนตร์ ในทางกลับกัน ฉู่เนี่ยนซีที่ยืนอยู่อย่างงงงวย ก็จ้องมองเย่เฟยหลีด้วย

Latest chapter

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 550

    เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 549

    ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 548

    ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 547

    เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 546

    เหล่าขันทีและนางกำนัลที่รีบรุดมาพร้อมกับอ่างน้ำเย็น นำมาราดลงบนเปลวไฟที่อยู่บริเวณรอบ ๆ องค์จักรพรรดิและเย่เฟยหลี ทำให้เกิดเสียงน้ำสาดกระเซ็นเย่เฟยหลีไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง เขาจึงประคององค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนไทเฮาถูกนางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงประคองมา ทว่าพระนางยังไม่หายตกใจ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นคิ้วคมเข้มของเย่เฟยหลีที่ขมวดเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด จึงทอดพระเนตรมองไปยังแผ่นหลังของเขา พบว่าอาภรณ์สีดำของเขาถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง และร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นสีแดงเข้ม เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก“ฝ่าบาท” ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รีบคุกเข่าคำนับด้วยความตื่นตระหนกเย่เหลียนตะโกนทันที “ฉู่กุ้ยเฟย นี่ท่านคิดลอบปลงพระชนม์หรือ? ท่านจงใจล่อลวงทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อหรือ เอาคนมา จับฉู่กุ้ยเฟยไว้!”“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ! หม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณาด้วยเพคะ!”เมื่อเห็นเหล่าราชองครักษ์ในชุดเกราะเข้ามาใกล้ ฉู่กุ้ยเฟยก็ตะโกนทูลต่อองค์จักรพรรดิด้วยความตื่นกลัว“โอหัง!

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 545

    ทุกคนเดินไปที่ลานถงฮวาและเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีน้ำชากับผลไม้ที่จัดอย่างประณีตวางไว้ด้วยบนเวทีมีเสาไม้ห้าต้นสูงประมาณหกศอก ติดตั้งล้อมรอบมุมทั้งสี่และด้านบนตรงกลาง เสาไม้ทั้งหมดนั้นถูกพันด้วยเชือกหากมองลงมาจากหลังคาตำหนักที่อยู่ใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าเชือกนั้นเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเสาไม้ไว้แม้องค์จักรพรรดิจะทรงสับสน แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากนัก เพียงแค่ทรงยิ้มมุมปากแล้วตรัสกับไทเฮา “ดูเหมือนว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอ เสด็จแม่ทรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขันทีและนางกำนัลมาช่วยบรรดาผู้เป็นนายหาที่นั่งเพื่อไม่ให้ทุกคนพากันสับสนวุ่นวายนางกำนัลผู้น้อยจัดให้เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีนั่งด้วยกันที่ฝั่งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งลง ก็เห็นหลานชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เย่หลิงเอ๋อร์เดินมาเชิญฉู่เนี่ยนซีไปพูดคุยหลานชุ่ยมาเชิญนางด้วยตนเอง คงจะไม่มีเรื่องหลอกลวง ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างสบายใจ หลังจากทำความเคารพองค์จักรพรรดิและไทเฮา นางก็ตามหลานชุ่ยไปทันใดนั้น ลานถงฮวาก็สว่างขึ้นมาก ทุกคนเงยหน้าเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 544

    “ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ให้นางอยู่ด้วยกันต่อไปเถอะ ช่วงนี้เราเข้ากันได้ดี นางอ่อนโยน มีน้ำใจและใฝ่เรียนใฝ่รู้ ข้าชอบนางมาก ดีที่มีนางอยู่ที่จวนแห่งนี้ ข้าจึงคลายความเบื่อลงไปได้บ้าง”สิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีพูดนั้นเป็นความจริง ตอนแรกนางสงสัยในเจตนาของซุนจื่อซีที่ช่วยนางจากการตกน้ำ แต่ตอนที่นางตกจากรถม้า ซุนจื่อซีกลับไม่ห่วงตนเองและเอาตัวมารองรับนางไว้ ช่างเป็นสตรีที่จิตใจงามอย่างแท้จริงทันใดนั้น ท้องฟ้าก็สว่างไสวไปด้วยดอกไม้ไฟ ส่องแสงไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับแสงสว่างของรุ่งอรุณส่องขึ้นมาจากความมืดมิดประกายแสงนั้นส่องสว่างราวกับหมู่ดาวที่โอบล้อมภูเขาและแม่น้ำอันกว้างใหญ่ที่กระแสน้ำเชี่ยวกราก รวมไปถึงป่าอันงดงามและที่ราบอันไร้ขอบเขต ทำให้ความขุ่นข้องในใจของคนสองคนจางลง และคนทั้งคู่ก็ยังได้มองดูความยิ่งใหญ่ที่พร่างพราวนี้ไปด้วยกันณ พระตำหนักเจาฮุย ซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอย่างงดงามดุจนางสวรรค์ หลังจากการแสดงสิ้นสุดลง ผู้คนในโถงยังคงตกอยู่ในภวังค์องค์จักรพรรดิทรงปรบมือใหญ่แล้วหันไปหาไทเฮาพร้อมรอยยิ้ม “ทักษะการร่ายรำของจื่อซีดีขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่านางจะฝึกฝนอย่างหนักและลำบากไม่น้อย เป็นเสด็จแม่

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 543

    ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ถูกบดบังด้วยเมฆหนาทึบ จนแทบมองเห็นแสงสว่าง เช่นนี้เขาเห็นดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่สุดที่ว่านั่นจากที่ใดกัน?“ท่านอ๋องชื่นชมดวงจันทร์ได้อย่างไรหรือ?”ฉู่เนี่ยนซีมองดูแสงสีเหลืองจาง ๆ ที่ขอบฟ้านั้น อย่างกับมันถูกขัดถูจนไร้ซึ่งความแวววาวเย่เฟยหลีทัดผมฉู่เนี่ยนซีไว้ข้างหลังใบหูของนาง พลางพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “เพราะดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่ว่านี้ไม่ใช่ดวงจันทร์ดวงนั้น”ฉู่เนี่ยนซีหันมาสบตาที่เป็นประกายของเย่เฟยหลี มือที่ค้างเติ่งในตอนแรกเลื่อนมาตรงแก้มของนาง เย่เฟยหลีรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือ เขาคลี่ยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าฉู่เนี่ยนซีกำลังเขินอาย“ข้าได้ยินจากน้องเจ็ดว่าเจ้าคิดว่าซุนจื่อซีกับข้าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากหรือ?”เย่เฟยหลีดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน หางตาของเขาเห็นท่าทางหงุดหงิดของฉู่เนี่ยนซีพลางคิดว่าช่างน่าสนุกฉู่เนี่ยนซีแอบด่าทอเย่ฉงเฉิงในใจว่าเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ นางพูดความในใจออกไปเพียงนิดเดียวเขาก็นำไปบอกเจ้าตัวในพริบตาเสียอย่างนั้น“ก็คิดบ้าง เป็นบางครั้ง”ฉู่เนี่ยนซีกะพริบตาและพยายามอย่างมากเพื่อรักษาท่าทางสงบนิ่งอย่างเคย นางไม่สามารถปฏิเส

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 542

    เย่เฟยหลีเหลือบมองอีกฝ่าย “เจ้าว่าเจ้ารู้จักข้าดีที่สุดไม่ใช่หรือ?”“แต่พี่สะใภ้สามไม่รู้จักท่านดีเท่าข้า หากมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ควรรีบแก้ไขเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าก็ช่วยท่านไม่ได้”เมื่อได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากพระตำหนักเจาฮุย เขาก็รู้ได้ทันทีว่างานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว เย่เฟยหลีจึงให้เย่ฉงเฉิง เรียกฉู่เนี่ยนซีมาที่นี่เพราะเขามีเรื่องจะพูดกับนางเย่ฉงเฉิงรับคำสั่งแล้วจากไป ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องจัดงาน เขาก็เห็นซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอยู่อย่างอ่อนช้อย นางอยู่ในชุดกระโปรงสีแดงราวกับดอกเหมยที่กำลังบานสะพรั่งอยู่ท่ามกลางหิมะขาว ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเขาหันไปด้านข้างและกระซิบกับฉู่เนี่ยนซี “พี่สะใภ้สาม พี่สามกำลังรอท่านอยู่ไม่ไกลจากทางเหนือของ พระตำหนักเจาฮุย ท่านรีบไปเถิด”ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่ฉงเฉิงอย่างสงสัยและบอกให้เสี่ยวเถารออยู่ที่นี่ หากใครถามหาก็บอกว่านางออกไปเดินรับลมข้างนอกให้สร่างเมาในห้องจัดงาน ซุนจื่อซีออกท่วงท่าราวกับต้นหลิวที่กำลังแผ่กิ่งก้านสาขาอย่างเพลินใจ ชายแขนเสื้อในมือของนางกระพือเบา ๆ แขนเรียวยาวใต้เสื้อคดเคี้ยวราวกับดอกบ๊วยแดงที่ล่องลอยในอากาศแต่ไม่ว่านางจะพย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status