รอให้แคว้นอื่นวิจัยออกมาแล้ว พวกกเขายังเอาอาวุธเย็นไปสู้ เช่นนั้นก็จบเห่แล้ว“ได้! มีคำพูดนี้ขององค์ชาย ข้าก็วางใจแล้ว”จางซูพยักหน้าหนักๆ จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้ายังกลัวว่าองค์ชายจะบอกว่าข้าทำงานไม่รอบครอบ!”“มีสิ่งใดไม่รอบครอบกัน”หยุนเจิงหัวเราะอย่างไม่เห็นด้วย “ไม่มีเรื่องใดแค่ก้าวเดินก็ขึ้นสู่ท้องฟ้าได้แล้ว พวกเราต้องค่อยเป็นค่อยไป ก็จะค่อยๆ ทิ้งระยะห่างจากคนอื่น! เรื่องนี้เจ้าจับตาให้ความสำคัญก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องทุมเททำเองทั้งหมด เจ้าต้องให้ความสำคัญกับการค้าของพวกเราเป็นหลัก ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยข้าหาเงินให้กองทัพ!”ยังดีที่เริ่มทำเรื่องเหล่านี้ตั้งแต่ที่ต้าเฉียนแล้วแคว้นอื่นมีคนทำเรื่องเหล่านี้หรือไม่เขาไม่รู้ แต่เป่ยหวนไม่มีแน่นอนจัดการเป่ยหวนก่อน อย่างอื่นค่อยคิดเถอะ!“อื้ม!”จางซูพยักหน้าหนักแน่นอีกครั้ง ในใจรู้สึกผ่อยคลายเช่นกัน“พอแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว”หยุนเจิงหัวเราะ จากนั้นก็เปลี่ยนประเด็น “เสด็จพ่อจะเสด็จมาที่ซั่วเป่ยแล้ว ให้ข้าไปต้อนรับ เจ้าก็ไปด้วยกันเถอะ!”“ห๊า?”จางซูพลันกระอึกกระอัก กล่าวด้วยใบหน้าขาวซีด “ข้าไม่ไปดีกว่า
เดิมที เงินบำนาญของทหารที่เสียชีวิตในการรบที่สันดอนเป่ยหยวนและการบุกทะลวงวงล้อมชายแดนกู้มีราชสำนักเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายแต่ว่า เพราะหยุนเจิงยึดอำนาจทางทหาร จากนั้นก็ถูกแต่งตั้งเป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ ดังนั้น ทางราชสำนักจึงไม่ส่งเงินบำนาญมาเงินบำนาญเหล่านี้ หยุนเจิงต้องควักเงินเองเท่านั้นกองทหารมณฑลทางเหนือนับว่าเป็นทหารชายแดน ค่าจ้างจะสูงกว่าทหารที่อื่นค่าจ้างของทหารธรรมดา โดยพื้นฐานแล้วคือเดือนละหนึ่งตำลึงเงินครึ่งถึงสองตำลึงเงินส่วนทหารชาวนาเหล่านั้น ค่าจ้างทุกเดือนคือสี่ตำลึงเงินส่วนนายพลแต่ละระดับในกองทัพ ค่าจ้างย่อมสูงกว่าหน่อยตามหลักเกณฑ์ของราชสำนักต้าเฉียน ทหารเสียชีวิต ได้รับชัยชนะ จ่ายเงินค่าจ้างสามปีเป็นค่าบำเหน็จบำนาญ หากพ่ายแพ้ เงินบำเหน็จบำนาญลดลงครึ่งหนึ่งหากไม่จ่ายด้วยเงิน ก็ให้สิ่งของหรือที่ดินราคาเท่ากันเป็นสิ่งทดแทนแต่ว่า ตอนนี้ซั่วเป่ยขาดแคลนที่สุดก็คือเสบียง ที่นาก็ไม่ได้มีมากมาย ดังนั้น ทั้งหมดจึงต้องอาศัยการแจกเงินเนื่องจากก่อนหน้านี้หยุนเจิงต้องการแจกเงินบำนาญของทุกคนตามมาตราฐานผู้เสียชีวิตที่ได้รับชัยชนะ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายจึงเพิ่มขึ้นมากกะทันห
เทพเจ้าโชคลาภ?จางซู?จางซูอยู่ที่ติ้งเป่ยไม่ใช่หรือ?เยี่ยจื่อชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจแล้ว กล่าวด้วยความตะลึง “เจ้าคงไม่คิดจะหาเงินจากฝ่าบาทหรอกกระมัง?”นอกจากเทพเจ้าโชคลาภจางซูแล้ว มีเพียงจักรพรรดิเหวินที่คู่ควรเรียกว่าเทพเจ้าโชคลาภ!“เหตุใดเจ้าฉลาดเพียงนี้!”หยุนเจิงหัวเราะเสียงประหลาด ยกมือขึ้นดีดจมูกงามของเยี่ยจื่อ“น่าเบื่อ!”เยี่ยจื่อปัดมือของหยุนเจิง จากนั้นก็ยืนแขนงามโอบกอดคอของหยุนเจิง “เจ้ากล้าคิดเกินไปแล้วกระมัง? เจ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ยังกล้าหาเงินจากฝ่าบาทอีก เจ้าไม่กลัวฝ่าบาทจะเฆี่ยนเจ้าจนตายหรือ?”เขาหลอกเอาเงินคนจนเป็นนิสัยแล้ว?แม้แต่เสด็จพ่อเขาก็คิดจะหลอก?อีกอย่าง ฝ่าบาทก็ไม่มีทางให้เงินกับเขา!ฝ่าบาทให้เสบียงเขามากมายเช่นนั้น ทั้งยังแต่งตั้งเขาเป็นซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ ก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งแล้วหากเปลี่ยนเป็นจักรพรรดิองค์อื่น เกรงว่าคงจัดการเขาเหมือนกบฏไปแล้ว!เขาชำนาญสงครามเช่นนี้ ฝ่าบาทยังจะให้เงินเขาหรือ?ฝันไว้หอมหวานเชียว!ไม่สู้เขาขอให้ฝ่าบาทยกตำแหน่งจักรพรรดิให้เขาโดยตรงเลยดีกว่า!“ไม่ให้เงิน อย่างน้อยก็เปิดแนวหน้าของฟู่โจวได้น
หยุนเจิงและเยี่ยจื่อรีบร้อนเดินออกจากห้องหากเป็นก่อนหน้านี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนคงหลอกล้าเยี่ยจื่อไม่น้อยแต่สถานการณ์ตรงหน้า เสิ่นลั่วเยี่ยนกลับไม่มีจิตใจไปทำเช่นนั้น“เสด็จพ่อมีถึงเมื่อใด?”หยุนเจิงถามเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างใจร้อน“วันนี้ตอนเช้า”เสิ่นลั่วเยี่ยนตอบด้วยความร้อนใจ “จั่วเริ่นขี่ม้าเร็วมารายงาน เสด็จพ่อนำทหารม้าชั้นยอดมาเพียงสามร้อยกว่าคน ไม่ยอมเข้าด่าน กำลังรอให้เจ้าไปรับ จั่วเริ่นบอกว่าได้ตั้งค่ายให้เสด็จพ่อนอกด้านเป่ยลู่ชั่วคราว...”พาทหารม้าชั้นยอดมาเพียงสามร้อยกว่าคน?ตาแก่นี่บ้าไปแล้วกระมัง?ควบม้าเร็วมาตลอดทาง?ให้ตายสิ!ประมาทเดินไปแล้ว!คำนวณเป็นพันเป็นหมื่น ก็ไม่อาจคาดคิดว่าเสด็จพ่อจะมาถึงไวเช่นนี้!คราวนี้ เกรงว่าเขาคงต้องจมฟองน้ำลายตายแล้วหยุนเจิงสูดหายใจลึก จากนั้นก็กล่าว “พวกเราเร่งเดินทางตอนกลางคืนไปด่านเป่ยลู่ก่อน จากนั้นให้พวกแม่ยายตามไปด่านเป่ยลู่ทีหลัง! พี่สะใภ้ เจ้าสั่งให้คนในจวนที่ติ้งเป่ยเตรียมตัว หากเสด็จพ่อต้องการมาที่ติ้งเป่ย พวกเราไม่เตรียมสิ่งใดสักอย่างไม่ได้...”“ได้!”เยี่ยจื่อไม่สนใจความเขินอาย ตอบตกลงทันทีหลังจากสั่งการเรื่องราว
ตอนที่พวกเขาเร่งเดินทางมาถึง จั่วเริ่นได้นำคนอารักขาความปลอดภัยจักรพรรดิเหวินด้วยตัวเองแล้วแต่ว่า ศีรษะของจั่วเริ่นตกลง ท่าทางเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อเห็นพวกหยุนเจิง ในที่สุดจั่วเริ่นก็ถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก รีบวิ่งมาหา จากนั้นก็ทำความเคารพหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนง่ายๆ กระซิบกล่าว “องค์ชาย พวกท่านต้องระวังเอาไว้ ตอนนี้โทสะของจักรพรรดิเหวินมีมาก วันนี้ตอนเช้าฝ่าบาทสั่งคนไปหารากหวงจิงใหญ่เท่านั้นมาโดยเฉพาะ...”กล่าวจบ จั่วเริ่วก็เอานิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ทำเป็นวงขึ้นมาเมื่อเห็นการเปรียบเทียบขนาดของจั่วเริ่น หยุนเจิงใบหน้าดำอึมครึมอย่างควบคุมไม่อยุ่รากหวงจิงใหญ่เท่านี้?น่าควรเรียกว่ากระบองหวงจิงกระมัง?คิดจะเฆี่ยนเขาจนตายจริงหรือ!หยุนเจิงบ่นในใจ จากนั้นก็กระซิบถาม “เจ้าได้เชิญเสด็จพ่อเข้าด่านไปพักผ่อนหรือไม่?”“ข้าน้อยเชิญแล้ว แต่ฝ่าบาทไม่ไป!”จั่วเริ่นตอบด้วยรอยยิ้มแห้งจริงด้วย!รู้อยู่แล้วว่าเสด็จพ่อไม่มีทางเป็นฝ่ายเข้าด่าน!“เช่นนั้นตอนที่เสด็จพ่อปฏิเสธ ได้กล่าวสิ่งใดหรือไม่?”หยุนเจิงกระซิบถามอีกครั้งจั่วเริ่นพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็กดเสียงต่ำ
ทั้งสามคนก้มหน้าก้มตา หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนยังดี เพียงแค่หวาดกลัวอยู่บ้างแต่ศีรษะของฉินชีหู่แทบปักลงไปกับพื้นแล้วถึงเช่นไร ไม่ว่าจักรพรรดิเหวินจะเฆี่ยนเอาหรือไม่ ไม่ช้าก็เร็วตาแก่ของเขาก็จะมาเฆี่ยนเอาด้วยสาเหตุนี้ตอนนี้ฉินชีหู่อยากให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสตอนที่สู้กับฮูเจี๋ยในการรบครั้งนั้นจริงๆ“เสด็จพ่อ ท่านอยากเฆี่ยนก็เฆี่ยนเถอะ!”ในที่สุด ก็เป็นหยุนเจิงที่เอ่ยปากทำลายความเงียบ “ท่านถือกระบอกหมุนไหหมุนมา อย่าหมุนจนเวียนหัวเล่า”เขาไม่ได้ก่อกบฏ ทั้งยังส่งศีษระพวกฮูเจี๋ยไปให้เขาแล้วต่อให้เขาเฆี่ยน ก็คงไม่อาจลงมือหนักมากเกินไปกระมัง?เซี่ยนสักสองสามที ก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาหากเฆี่ยนรุนแรงเกินไป เขาคงไม่ทำเมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินทรงหัวเราะออกมาด้วยความกริ้วดีจริง!ยังรู้จักเป็นห่วงข้า?กลัวข้าจะเวียนหัวแล้ว?“ข้าไม่กล้าเฆี่ยนเจ้า”จักรพรรดิเหวินกุมท่อนหวงจิงในพระหัตถ์ จากนั้นก็กล่าวเสียงเรียบ “นี่คือถิ่นของเจ้า เจ้าแค่สั่งการคำเดียว ธนูไม้บนกำแพงเมืองไม่ยิงทะลุข้าตายที่นี่หรือ?”“เสด็จพ่อล้อเล่นแล้ว พวกกระหม่อมไม่กล้ายิงพระองค์หรอก!”หยุนเจิงเ
“เสด็จพ่อ พระองค์อย่าทรงกริ้วเลย”หยุนเจิงยิ้มแห้งกล่าว “ไม่ว่าต่อให้ทรมานลูกเพียงใด ลูกก็ยังเป็นลูกของพระองค์ไม่ใช่หรือ?”“เหอะ ตอนที่ยื่นมือมาบังคับขอเงินข้า เจ้าก็เป็นลูกชายข้าแล้ว?” จักรพรรดิเหวินทรงกริ้วจนหัวเราะ กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ไม่ยิ้ม “ให้ข้าเป็นจักรพรรดิสูงสุด เขาก็เป็นลูกชายของข้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”เจ้าลูกทรพี หน้าไม่อายจริง!แต่ว่าไปแล้ว เจ้าลูกทรพีนี่ก็รู้จักพูดอื้ม นิสัยจิตใจนับว่าสุขุมแต่ว่า...กวนประสาท!หยุนเจิงหัวเราะอย่างเกรงใจ จากนั้นก็กล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง “เสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ถามหาเงินจากเสด็จพ่อ แต่ต้องการเงินจากคลังหลวง! ทหารของกองทหารมณฑลทางเหนือทำสงครามเพื่อต้าเฉียน ไม่ได้ทำสงครามเพื่อลูก...”จักรพรรดิเหวินเมื่อได้ฟัง พระเนตรฉายแววเหน็บหนาวออกมาทำสงครามเพื่อต้าเฉียนหรือ?จักรพรรดิเหวินจะไม่เข้าพระทัยได้เช่นไร ความหมายของหยุนเจิงคือ เขาหยุนเจิงเป็นขุนนางของต้าเฉียน กองทหารมณฑลทางเหนือก็ยังเป็นกองทัพของต้าเฉียน ไม่ใช่กองทัพของหยุนเจิงเขาไม่มีใจก่อกบฎ!ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าเป็นลูกชายของเขาจักรพรรดิเหวินนิ่งเงียบชั่วครู่ ทิ้งท่อนไม
หยุนเจิงจ้องมอง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นราชโองการตอนที่เขาหยิบราชโองการขึ้นมา พบว่าด้านในคือราชโองการว่างเปล่าด้านบน ยังประทับตราเอาไว้!มองดูราชโองการเปล่าในมือ หยุนเจิงรู้สึกตัวชาตาแก่นี่คิดจะทำสิ่งใด?ให้ราชโองการว่างเปล่ากับเขา ให้เขาเขียนตามใจชอบหรือ?“ท่านอ๋อง เลิกอึ้งได้แล้ว!”จักรพรรดิเหวินชี้ไปยังโต๊ะภายในกระโจม “เจ้าอยากจะเขียนสิ่งใดก็เขียน! ต่อให้เจ้าเขียนให้สละตำแหน่งแทนข้าก็ยังได้!”“เสด็จพ่อ นี่ท่าน...จำเป็นหรือ?”หยุนเจิงจนใจ ยังก่อเรื่องไม่พอหรือ?พอประมาณก็พอแล้ว!เหตุใดต้องที่เขาลำบากใจ ทดสอบเขาสักหน่อย เขาถึงจะสบายใจ?“จำเป็นหรือ?”จักรพรรดิเหวินถลึงพระเนตร “ข้าถูกเจ้าหลอกกลายเป็นคนโง่ เจ้าถามข้าว่าจำเป็นหรือ?”“ที่ลูกทำเพราะจนปัญญาไม่ใช่หรือ?” หยุนเจิงหัวเราะอย่างรู้สึกผิดหยุนเจิงกล่าวไป สอดราชโองการว่างเปล่าเข้าไปในแขนเสื้ออย่างมีความสุข ราวกับเหล่าหลี่เดินทางไกลเพื่อโขมยบุหรี่อื้ม นำกลับไปเขียนแต่งตั้งเยี่ยจื่อและเมี่ยวอินให้อนุของเขาก็ไม่เลวอีกอย่าง สั่งให้คนส่งเงินและเสบียงมาให้เขาสักหน่อย?จักรพรรดิเหวินกำลังทอดพระเนตรอยู่ ใบหน้ากระตุกอย่างควบ